ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #45 : ตอนที่ 42 เข้าวัด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 51.93K
      178
      17 ก.ค. 54







    ตอนที่
    42 เข้าวัด



     
    หลังจากผ่านบททดสอบความรักมาหมาดๆ ผมกับภูมิเลยอยากไปทำบุญ เผื่อผลบุญจะช่วยหนุนนำความรักของเราให้ราบรื่น อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็นวันเข้าพรรษาด้วย ก็เลยถือโอกาสไปทำบุญเป็นวัยรุ่นตัวอย่างและทำหน้าที่พุทธศาสนิกชนที่ดีครับ


     
    วันนี้ก็เลยไปซื้อของมาจัดถังสังฆทานกันครับ เพราะภูมิมันกลัวว่าอันที่เขาห่อสำเร็จไว้ จะไม่ได้คุณภาพ เลยจัดเองดีกว่า มันบอกว่าเราจะเอาไปถวายพระก็ต้องพิถีพิถันกันหน่อย ไม่ใช่อยากจะทำก็ทำ ผมนี่ถึงกับอึ้งรับประทาน เหอๆ ไม่คิดว่าคนอย่างมันจะธรรมะธรรมโมขนาดนี้ แต่มันก็จริงอย่างที่แฟนผมว่าแหละเนอะ คึคึ



     
    ว่าแต่ว่า ไอ้พวกสิ่งมีชีวิตที่ติดสอยห้อยตามมาขอส่วนบุญนี่มันคืออะไรฟระ
     




    หลังจากแยกย้ายไปปรับตัวให้เข้ากับชีวิตนักศึกษาปี3 พวกมันก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่คอนโดผม (เริ่มจะเป็นคอนโดผมแล้ว ฮ่าๆ ก็ไอ้ภูมิมันบอกว่ากำลังจะทำเรื่องโอนย้ายถ่ายทอดกรรมสิทธิ์มาเป็นชื่อผม แต่ผมห้ามไว้ก่อน ขอเป็นเจ้าของแค่พฤตินัยก็พอ ให้มันเป็นบ้านของเราแบบนี้ก็อุ่นพอแล้ว)
     


    โอเค ตอนที่พวกมันมา มันบอกว่าจะไปทำบุญด้วยและจะมาช่วยจัดสังฆทาน แต่ดูสภาพตอนนี้สิครับ พวกมันนอนอืดกองกันเกลื่อนพื้น หนอย แล้วบอกจะมาช่วยกู
     


     ไอ้เชนก็หลับ อันนี้ไม่ว่ากันเพราะมันคงเรียนหนัก ไหนจะสอบอีกคงไม่ได้นอนมาหลายวัน  แต่ที่น่าโมโหคือไอ้มิคที่นอนเล่นแมคของภูมิพร้อมกับเปิดเพลงๆนึงมาร่วมชั่วโมงแล้วครับ
     



    “คันหู ไม่รู้เป็นอะไร อู๊ อ้า”
    แม่งคงอยากไปช่วยเขาเกามั้งเพราะมันดูไปนั่งทำตาลอยไป

     
    ไอ้เบียร์ก็คุยโทรศัพท์อี๋อ๋อ อ้อล้อ ตอแหลกับภรรเมีย ส่วนไอ้แมทไอ้เต้ยได้จอยคนละอันกับps3มันก็ดวนtaken กัน อย่างเมามันส์ส่งเสียงลั่นห้อง ทั้งเสียงเกมส์ทั้งเสียงคนเล่น ทำเอากระดูกค้อนผมเต้นระบำ
     



    “เชี่ยเต้ย มึงแน่นักใช่มั้ย แน่ใช่มั้ยสัส ห๊า!!!!!”
     


    “เออ มึงมา มาเลยไอ้แมท มาตายใต้ส้นเท้าพี่เร็วน้อง อ๊ากก!!!”
     


    “ไอ้พวกเด็กเปรต มึงเบาๆกันหน่อยได้มั้ย เดี๋ยวกูเด็ดหัวทิ้งเรียงตัวเลยแม่ง” ไอ้ฟ่างนี่ก็โหดคงเส้นคงวา แต่ว่ามันก็เสียงดังจริงๆ ผมเข้าใจอารมณ์คนเล่นเกมส์นะ แต่คนข้างห้องเขาจะเข้าใจมั้ยละ พอไอ้ฟ่างด่าและปาหมอนใส่มันก็เหมือนจะเงียบไปซักสามนาทีได้ ก็กลับมาร้องลั่นห้องเหมือนเดิม
     



    เลยมีแค่ไอ้ฟ่าง ไอ้แทน ไอ้คิว ผม แล้วก็ภูมิที่ช่วยกันจัดของ โดยมีไอ้ปันที่พยายามช่วย คือถ้ามันไม่มายุ่งนี่จะถือเป็นการช่วยมากกว่านะ
     


    “ปัน มึงเอาหลอดไฟใส่มาเพื่อ” ไอ้คิวหยิบของแปลกๆที่ไอ้ปันมันจับลงห่อสังฆทานออกเป็นรอบที่ล้านแล้ว เมื่อกี้มันก็เอาแว่นตากันแดดยัดมาอ่ะครับ
     



    “มึงอย่าโง่ดิคิว พระท่านก็ต้องการแสงสว่างนะเว้ย หัดครีเอทซะบ้าง สร้างสรรค์น่ะรู้จักมั้ย” โถ ช่างกล้าที่จะพูด


    “ถ้าครีเอทแล้วเป็นแบบมึง กูยอมไม่มีไอเดียในชีวิตเลยว่ะปัน ฮ่าๆ” ผมผลักหัวไอ้ปันด้วยความหมั่นไส้
     


    “แล้วฟิตเน่นี่อีก เขาใส่พวกชาสมุนไพรโว้ย นี่ๆมึงเห็นมั้ย แหกตาดูซะ” ไอ้คิวหยิบชาจีนยื่นไปแทบจะทิ่มตาไอ้ปัน
     

    “ก็เผื่อท่านอยากลดน้ำหนัก จะได้หุ่นดีไง” แทนที่จะได้บุญ นรกจะแดกกบาลก็คราวนี้แหละ การเป็นอุปนายกองค์การนักศึกษาไม่ช่วยให้สติปัญญาของมันกระเตื้องขึ้นเลย
     



    “แทน มึงจะจับตามกูทำไม โว๊ะ รำคาญ” อันนี้ก็อีกคู่ คนนึงก็ขี้แกล้งชอบแหย่ชอบกวนแฟน แต่แฟนดันขี้วีนขี้รำคาญ ภูมิส่ายหน้าให้พี่ชายมัน และยื่นหนังสือธรรมะมาให้ผมจัดลงถังต่อ
     


    “จับของที่จะทำบุญด้วยกัน ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขัน ชาติหน้าเราจะได้เกิดมาเป็นเนื้อคู่กันอีกไงจ๊ะที่รัก”
     




    “อ้วกกกกกกกกกกกกก” พวกผมพร้อมใจกันโก่งคอใส่ไอ้แทน
     


    “เน่าแระสัด” ไอ้คิวถีบไอ้แทนด้วยความเอ็นดู หึหึ แต่มันก็ยังยิ้มตอแหลคอยจับของต่อจากมือฟ่างเหมือนเดิม



    “ฟ่าง พรุ่งนี้ตอนใส่บาตรด้วยกัน มึงก็เอามือจับไว้เหนือทัพพีนะ โบรานว่าผัวจะได้กลัวได้เกรง”



    “หึ ขอบใจที่แนะนำว่ะคิว แต่ระดับกูการจับทัพพีไม่มีผล” กร๊ากกกกกก ไอ้แทนจ๋อยไปเลย



    “อ้าวแทน นี่มึงยังรักษาไม่หายอีกหรอวะ ไอ้โรคเกลียมัวน่ะ”


    “สัสพีม เดี๊ยะๆ ปากดีนะมึง” ผมยักไหล่ ยักคิ้วใส่มัน กูก็นึกว่าจะแน่ที่แท้ก็กลัว
    ……เหมื๊อนเดิม ฮ่าๆๆๆๆ



    “เฮ้ย เชี่ยมิค มึงจะสบายเกินไปแล้วนะ มาช่วยพวกกูดิ” พาลครับพาล พอหาเรื่องพวกผมไม่ได้ เชี่ยแทนก็หันไปลงกับไอ้มิคที่อยากเกาหู นอนยิ้มให้จอคอมซะตาเยิ้ม



    “โหย ไรวะ ทีไอ้เชนมันยังนอนหลับเลย”


    “มันเพิ่งได้นอนในรอบสองเดือน แต่มึงน่ะ แม่งดูไรนักหนา คันเหรอห๊ะ ให้กูเอาตีนเกาให้มั้ย”



    “ไอ้แทนแม่ง ภูมิมึงดูมันดิ” ไอ้มิคหน้านิ่วคิ้วขมวดหันมาฟ้องไอ้ภูมิ แต่มันก็ยอมลงมาช่วยพวกผมแพ็คของในที่สุด


    “พี่คิววววว ไปสู้กับไอ้แมทให้หน่อยดิ เต้ยผ่านไม่ได้อ่ะ”
    มันมาแล้วครับ ไอ้เด็กแสบมือไม่พาย เอาปลายเท้าถ่วงน้ำ ฮ่าๆ ไอ้คิวมันก็ไม่ได้สนใจไอ้เต้ยที่ลงมาพันแข้งพันขามันเท่าไร



    “มึงก็เล่นดีๆดิ”


    “ก็เล่นดีแล้วอ้า แต่มันแพ้ นะพี่คิว น๊า นะๆๆๆไปเล่นให้เต้ยหน่อย”


    “มึงเห็นมั้ย ว่ากูทำอะไรอยู่”


    “เห็น ไม่ได้ตาบอดนิ”


    “มึงติดไอ้คิวเกินไปแล้วนะเต้ย อะไรๆก็พี่คิวๆๆ”
    ไอ้มิคว่า


    “ก็เต้ยต้องเรียกร้องสิทธิเพื่อชดเชยให้กับสิ่งที่เต้ยพึงได้ ระหว่างที่แอบรักพี่คิวนิเฮีย” กูนึกว่านักกฎหมายมาเอง


    “มึงไปเล่นให้มันไปคิว กูรำคาญ” ภูมิเขี่ยไอ้คิวหนี ไอ้คิวจิ้มหน้าผากไอ้เต้ยแทบหงายหลังก่อนจะจูงมือกลับไปหาไอ้แมทที่นั่งรออยู่หน้าจอทีวี พอไอ้คิวลุกไป ไอ้ปันก็เข้ามานั่งกลางวง ย้ำว่ากลางวง โปรดฟังอีกครั้งหนึ่งว่าเชี่ยปันมันเข้าไปนั่งตรงกลางวงครับ
     



    “มึงมานั่งอะไรตรงนี้เนี่ย” ผมก็โวยสิครับ มันมานั่งบังอย่างนี้จะหยิบจะจับของยังไง



    “กูมีคำถามอะไรเอ่ย มาถาม” มันพูดพร้อมกับวางหวีที่เตรียมจะเอาลงถังสังฆทาน ดีนะที่ผมตาไวเห็นก่อน เลยเอาไปห่างๆมือมัน มันห่วงพูดคงไม่ทันมอง


    “แล้วแม่งถามอยู่ที่เดิมไม่ได้รึไงวะ”  



    “ช้างอะไรเบาที่สุด” แต่มันก็หาได้แคร์ไม่


    “กูรู้ๆ”
    ไอ้มิคทิ้งขวดโอวัลตินลงพื้น เพื่อชูมือเหยียดแขนทั้งสองข้างที่จะตอบ เชี่ยแม่ง เกิดมันแตกมึงจะทำยังไง นี่ปาเก้นะเว้ยไม่ใช่พรม


    “จุ๊ๆมิค ให้พวกปัญญาชนมันทาย” ไม่มีใครสนใจตอบมึงหรอกปันนอกจากไอ้มิคน่ะ “เฮ้ยยยย พวกมึงทายมาดิว๊า มึงว่าไงภูมิ ฉลาดๆอย่างมึงตอบได้มะ”

    “ช้างเป็นโปลีโอ”
    ผมดูออกว่าภูมิจำใจตอบให้มันเสร็จๆไป สู้ๆนะภูมิ มึงเสียสละเพื่อที่จะให้พวกเราจะได้หลุดพ้น กูโคตรรักมึงเลย นี่แหละน๊าเค้าถึงว่าเวลาเราจะทำดีมักมีมารมาผจญ กร๊ากกกกก


    “ผิด”


    “ช้างปลอม”

    “ผิด”


    “ช้างก้านกล้วย”


    “ผิด ยอมยังๆ อิอิ”

    “อืม ยอม”


    “ยอมจริงหรือยอมปลอม” มีถามย้ำด้วย


    “ยอมจริงๆ”

    ช”


    “ห๊ะ” ผม ภูมิ ไอ้แทน ไอ้ฟ่าง แทบจะห๊ะพร้อมกัน ก็มันไม่ได้ยิน


    ……



    “อะไรนะ พูดดังๆดิวะ กูไม่ได้ยิน” ผมนี่แหละครับที่อยากรู้ ไอ้ปันมันยิ้มหวานเอียงหน้าหรี่ตามองผมอย่างสมใจ




    “ก็ช้างเบาไง พวกมึงเลยไม่ได้ยิน อุวะ อุวะ วะฮะๆฮ่า” แสรดดดดดด เชี่ย ช้างเบา คือมันพูดคำว่าช้างเบาๆอะครับ
     







    ใครก็ได้เอาไอ้ปันไปเก็บให้กูที
     









    …………………………………








     
    และแล้วเวลาสายๆของวันเข้าพรรษาก็นำพาให้พวกผมขับรถมาถึงวัดกันแล้วครับ ทำไมต้องมาสายๆเพราะเมื่อเช้าเราไปทำบุญใส่บาตรกันที่วัดในกรุงเทพ แต่วัดที่จะมาถวายสังฆทานเป็นวัดป่าแถบชานเมืองเลยกะเวลาที่พระท่านน่าจะฉันเช้าเสร็จ
     





    อีกอย่างไอ้แทนมันเคยมาวัดนี้กับครอบครัว มันบอกว่าที่นี่มีให้อาหารปลาด้วย ก็เลยมาน่ะครับ พอเข้ามานึกว่าหลุดไปอยู่ต่างจังหวัด เพราะบรรยากาศภายในวัดเป็นธรรมชาติมาก ทั้งกว้างขวาง มีพวกนกยูง ไก่ฟ้า กวางก็มี



    แล้วก็ยังเงียบสงบ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ เสียงนกร้องขับขานยิ่งทำให้จิตใจผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก 
     



    แต่…………..
     


    เพื่อนผมมันจะมาทำบุญหรือไปเดินแบบกันแน่วะ พวกมันคงได้บุญตั้งแต่เดินเข้าวัดแล้วล่ะครับ เพราะให้ทานทางสายตาแก่เด็ก ผู้หญิง สตรีมีครรภ์ และชายฉะกัน ห้าๆ
     


    “กูกับไอ้แมทรอข้างนอกนะ”
    ไอ้คุณหมอเชนบอกตอนที่กำลังจะเดินเข้าโบสถ์



    “ทำไมวะ พวกมึงเข้าวัดแล้วร้อนเหรอ ฮะๆ” รู้ทั้งรู้ว่าไอ้เชนเป็นคริสต์ มึงก็ยังจะกวนมันนะแทน
     


    “ไอ้สะ….” ไอ้เชนยั้งปากทัน มันคงระลึกได้ว่าที่นี่คือพุทธศาสนสถาน ไม่ควรปล่อยสัตว์เพ่นพ่าน ไอ้เชนกับไอ้น้องแมทมันเป็นคริสต์ แต่คนละนิกาย แต่เราก็เป็นเพื่อนกันได้ อยู่ร่วมกันได้ เพราะเราเคารพในสิทธิของกันและกัน


    การที่คนอื่นเขาคิดหรือเชื่อไม่เหมือนเราก็ไม่ได้แปลว่าเขาผิด แม้จะแตกต่างแต่พวกผมก็ไม่แตกแยก ยังเป็นเพื่อนรักกันได้
     
    จะว่าไปเด็กอย่างพวกผมยังคิดได้ ผู้ใหญ่ที่บริหารบ้านเมืองก็น่าจะคิดได้เนอะ หรือว่าขาไม่คิดหว่า พอๆเดี๋ยวจะไม่มีบ้านอยู่ ฮ่าๆ
     



    ระหว่างทางเดินไปโบสถ์ไอ้ปันไอ้มิคก็เดินนำ แต่มันดันทำท่าเดินย่องเหมือนพวกขโมยน่ะสิ เฮ้อ กูอายคนมั่งเหอะ ไอ้แทนกับไอ้ฟ่างก็เล่นก็หยอกกันไป ไอ้เบียร์กับไอ้ภูมิก็เดินหล่ออย่างเดียว เคยคิดที่จะช่วยกูถือถังสังฆทานบ้างมั้ยห๊ะ!!!
     

    “มองไร” มันยังมีหน้ามาถามทั้งที่ก็น่าจะรู้อยู่ จะไม่รู้ได้ไงมันยิ้มมุมปากซะขนาดนั้น แล้วแว่นกันแดดเรย์แบนสีชาบังลูกตาเจ้าเล่ห์ของมันไม่ได้หรอกว่ามันกำลังกวนตีนผมอยู่
     


    ถึงจะผ่านเรื่องอะไรมาก็ไม่ได้ทำให้ไอ้ภูมิมันอ่อนโยนกับผมขึ้นแต่อย่างใดหรอกครับ แกล้งได้มันก็แกล้ง กวนได้ก็กวน จนผมจะเป็นประสาทอยู่แล้ว “กูมองคนแล้งน้ำใจ กูหนักจะตายห่า เคยคิดจะช่วยถือบ้างมัย สุภาพบุรุษน่ะรู้จักบ้าง”
     


    “หึหึ ปากมึงนี่นะพีม” มันบีบปากผมก่อนจะคว้าถังไปถือเอง ผมเลยถือโอกาสหันไปมองไอ้คิวกับไอ้เต้ย




    แม่เจ้า
    !!!!คุณพระคุณเณร!!!มันจับมือถือดอกบัวด้วยกันอ่ะครับ พอไอ้คิวเห็นผมมองมันก็ยิ้มกวนตีนยักคิ้วใส่ ไอ้เต้ยก็ยิ้มกว้างจนตาปิด ผมเลยเบะปากทำท่าบรื่อขนลุกใส่ แล้วก็ได้แต่หันกลับมาก้มมองมือตัวเอง
     


    “อยากให้จับมั้ย” ภูมิก้มมาถาม
     

    “หืม” มึงนั่งทางในได้แน่ๆ รู้ไปซะทุกอย่าง แต่ผมก็พยักหน้านะ แม่งแรดว่ะ ลูกใครวะ อิอิ
     
    “หึ อย่าน่ารักเรี่ยราดได้มั้ยเตี้ย” แขนข้างที่ว่างของภูมิก็ยื่นมาโอบไหล่ผมเดินเคียงกันไปสมใจอยาก กิ๊วๆ
     





    กูเจ๋งกว่ามึงเยอะว่ะคิว หึหึ



     
    พอเข้ามาภายในโบสถ์ ก็มีคุณลุงคุณป้ากับลูกๆหลานๆกลุ่มนึง กำลังถวายสังฆทานอยู่พอดี พวกผมเลยเข้าไปกราบองค์พระประธาน รอถวายต่อ พระประธานสีเหลืองทองสวยมากเลยครับ



    น่าจะเป็นประติมากรรมสมัยสุโขทัย ภาพจิตรกรรมผนังโบสถ์แสดงพุทธประวัติก็สวยงามไม่แพ้กันเลย ศิลปะเมืองไทยเราสวยกว่าที่ใดในโลกจริงๆ
     
     
    “มาใกล้ๆก็ได้คุณโยม อาตมาไม่ดุหรอก” หลวงพ่อท่านบอกด้วยรอยยิ้ม เมื่อถึงคิวพวกผมแล้ว เสียงท่านกังวานใส ผิวพรรณหน้าตาท่านดูอิ่มเอิบ ช่างน่าเลื่อมใสศรัทธา นี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่าบารมีสินะ



    พวกผมคลานเข่าเข้าไปนั่งพับเพียบใกล้ๆ มีแค่ไอ้เบียร์ที่นั่งท่าเทพบุตรเพราะมันจะเป็นคนนำอาราธนาศีล




    “มาจากที่ไหนกันหล่ะ”


    “มาจากกรุงเทพครับหลวงพ่อ”




    “อืม ดีๆ วัยรุ่นหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่ค่อยจะเข้าวัดกัน พวกคุณโยมน่ะทำดีแล้ว แม้จะเป็นวัยหนุ่มเราก็ต้องหมั่นเข้าวัดฟังธรรม จิตใจจะได้สงบ สติปัญญาก็จะเจริญ เป็นปัญญาชนพัฒนาชาติบ้านเมืองต่อไป”
     



    “ครับ” ไอ้ปันรีบครับก่อนใคร พวกผมเลยหลุดขำ จากนั้นคุณชายเบียร์ก็นำอาราธนาศีล ถวายสังฆทาน รับพร กรวดน้ำตามขั้นตอน
     


    ตอนกรวดน้ำผมเป็นคนถือและภูมิจับข้อศอกผมอีกที รู้สึกเขินๆ เหมือนคู่บ่าวสาวเลยแฮะ คึคึ ผมก็ลืมดูว่าคู่ไอ้แทน มือใครอยู่เหนือใคร เสร็จพิธีพวกผมก็สนทนาธรรมกับหลวงพ่อท่านต่อ ถึงได้รู้ว่าท่านเป็นเจ้าอาวาส แต่จริงๆผมก็พอดูออกนะ
     

    “การสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน ชาติหน้าภพหน้าจะได้เกิดมาเป็นกัลยาณมิตรที่ดีงาม เป็นมิตรแท้ เพื่อนแท้ต่อกันอีก”
     


    “ครับ แล้วถ้าเราทำบุญกับคนที่เรารัก ก็จะได้รักกันตลอดไปทุกชาติใช่มั้ยครับ” ไอ้แทนมันถามครับ ไอ้ฟ่างถึงกับก้มหน้าไม่รู้ว่าอายหรือระงับอาการอยากวีน
     



    ไอ้แทนมึงนี่ก็นะ คิดว่าตัวเองเป็นพระรถกับนางเมรีที่ตายแล้วกลับชาติมาเกิดเป็นพระสุธนกับมโนราห์รึไง แต่ไอ้ฟ่างไม่น่าจะเป็นมโนราห์นะ น่าจะเป็นพรานบุญมากกว่า กร๊ากกก
     




    “โลกนี้มันเป็นอนิจจังนะโยม มีเกิดก็ย่อมมีดับ มีสุขก็ย่อมมีทุกข์ มีรักก็ย่อมมีเลิกรัก ทุกอย่างอยู่ที่กรรม การที่โยมได้มาพบเจอกับคู่รักนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า คู่รักจะเกิดความรักต่อกันได้นั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ เคยอยู่ร่วมกันมาในกาลก่อน และได้ให้ความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน”
     


    “อ่อ งั้นคนที่เคยทำบุญด้วยกันมา ก็จะกลับมารักกันอีก เป็นเหมือนคู่แท้ใช่มั้ยครับ” คราวนี้ไอ้ปันมันถามบ้าง



    “คู่แท้นั้นไม่มีจริงหรอกคุณโยม เพราะทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงเสมอ แต่ควรเรียกว่าคู่บุญ คนเราจะเป็นคู่บุญกันได้เพราะ เคยสร้างบุญกุศลมาด้วยกัน ตั้งแต่ภพก่อนกาลก่อนอย่างที่โยมว่านั่นแหละ แต่การจะทำให้รักมีความสุข คือต้องบริสุทธิ์ใจต่อกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน


    รักจะสุขหรือจะทุกข์ก็อยู่ที่การกระทำของเราเอง แต่การทำบุญก็จะส่งเสริมให้ความรักของโยมเป็นความรักที่ราบรื่น” ผมหันไปยิ้มให้ภูมิ มันก็ยิ้มตอบกลับมา ผมก็ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะมีจริงไหม แต่ขอแค่ชาตินี้ได้อยู่กับผู้ชายคนนี้ตลอดไปก็พอ
     






    เราจะเรียนรู้คำว่าตลอดไปด้วยกันนะภูมิ




     
    “แล้ว…. เอ่อ ถ้าเรารักกับคนที่เหมือนกับเราล่ะครับ” หลวงพ่อท่านเงียบไป และมองหน้าไอ้แทนด้วยรอยยิ้ม ด้วยดวงตาแห่งความเมตตาเต็มเปี่ยมด้วยบารมี แต่พวกผมนี่แทบจะมุดศาลาหนี


     
    “ความรักมันไม่มีผิดหรอกโยม ไม่ว่าโยมจะรักใครก็ให้รักคู่ของตน ให้รักเดียวอย่าไปมีคนอื่น  ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ให้มีคู่คนเดียว ส่งเสริมกันให้ทำแต่ความดี ทำแต่สิ่งที่ดีงาม

    ตราบใดที่ความรักนั้นอยู่บนพื้นฐานของความดี หากเราไม่เบียดเบียนใคร ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร มีแต่ความปรารถนาดีต่อกัน คิดดี ทำดีให้กัน ก็เพียงพอแล้ว สิ่งนี้สำคัญกว่านะคุณโยม”
     



    “แล้วอย่างผม กับคนนี้อ่ะครับ ก็ไม่ผิดใช่มั้ยครับ โอ๊ย ฟ่าง กู เอ่อ แทนเจ็บนะ” ไอ้ฟ่างบิดแขนไอ้แทน หน้าไอ้ฟ่างนี่แบบว่าแดงมากครับ ไม่รู้เขินหรือโกรธ ฮ่าๆ



    “พอได้แล้วแทน กู เอ่อ
    ฟ่างอายเค้า” พวกผมหัวเราะความบ๊องของไอ้แทน หลวงพ่อท่านก็ให้พรอีกครั้ง พวกผมก็กราบลาท่าน รู้สึกจิตใจมันพองๆมีความสุขจัง





    แต่พอพ้นโฌบสถ์เท่านั้นแหละครับ ไอ้ฟ่างก็ฟ้อนเล็บใส่ไอ้แทนทันที มันยืนเทศนาเมดเล่ย์ด่าไอ้แทนไฟแล่บ ไอ้แทนก็ทำเหมือนทุกครั้ง ยกมือขึ้นพนมแนบอก



     “ไอ้แทนมึงพูดบ้าอะไรห๊ะ ไปถามหลวงพ่อแบบนั้นได้ไง”


    “ก็กูสงสัยอ่ะ สงสัยก็ต้องถามดิ” เจ้าหนูจำไมว่างั้น


    “แม่งบ้า กูฮาชิบหาย” ไอ้คิวกอดคอไอ้เต้ย หัวเราะร่า


    “มึงทำเป็นพูดดีไปไอ้คิว ก็ได้อานิสงค์จากกูล่ะว๊า”



    “หึ ถ้ากูจะรักนะ บาปก็ห้ามไม่ได้หรอก จริงมั้ยเต้ย”


    “จริง พี่คิวพูดดีนะเนี่ย เต้ยรักพี่คิวใส่เลขแปดนอนตะแคงเลย”


    “เลขแปดนอนตะแคง
    ? ใส่ไมว่ะ”


    “ก็อินฟินิตี้ไง เต้ยรักพี่คิวแบบอินฟินีตี้ รักนี้ไม่มีที่สิ้นสุด”


    “อร๊วกกกกกกกกกก” พวกผมพร้อมใจพ่นใส่หน้าพวกมัน แต่ไอ้คิวยิ้มหน้าบานกับคำตอบของเด็กมัน


    “กูก็รักมึงใส่ เก้าลอเก้า(ฯลฯ)ด้วย”


    “คืออะไรอ่ะ”



    “รักนี้มีให้มึงอีกเยอะ”


    “ขากกกกกถุย”


     
    กูว่าเราไปให้อาหารปลากันเหอะ ปล่อยมันสองตัวเกี้ยวกันต่อไป กูเลี่ยน” ไอ้เบียร์เดินส่ายหัว นำหน้าพวกผมไป ฮ่าๆ เวลาไอ้คิวไอ้เต้ยทะเลาะกันก็น่าปวดหัว แต่พอมันจะหวาน ก็ทำเอาความดันขึ้นได้เหมือนกัน




    พอได้ยินคำว่าให้อาหารปลาไอ้เต้ยก็ลากไอ้คิววิ่งแซงหน้าไอ้เบียร์ไปที่ท่าน้ำ ที่ไอ้เชนรออยู่ก่อนแล้ว





    “ทำบุญแล้วรู้สึกดีว่ะ วันหลังเรามาอีกดีกว่านะภูมิ”
    ผมกับภูมิที่เดินรั้งท้าย มันรู้สึกดีจริงๆนะครับ เรื่องที่ไอ้แทนถามหลวงพ่อ ก็มีส่วนทำให้ผมสุขใจ ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะเป็นอะไร แค่เป็นคนดีก็พอ แล้วทำไมไอ้ภูมิมันถึงเงียบล่ะเนี่ย ไม่ใช่เข้าฌาน บรรลุธรรมแล้วหรอกนะ



    ……….…..



    “เห้ยภูมิ เป็นไรวะ เจอพระแล้วซึม ผีออกแล้วหรอ ฮ่าๆ หรืออยากบวชวะ” ผมแซวมัน ไอ้ปันได้ยินเลยถอยลงมาร่วมด้วย



    “อะไร ใครจะบวชวะ ไอ้ภูมิหรอ แต่แหมมึงเบียดก่อนบวชเลยนี่หว่า ฮิ้ววววว”
    ให้มาแซวมัน แต่เหมือนกูโดนหางเลขไปด้วยเลยนะปัน



    “อ้าวภูมิ มาวัดวันเดียวเห็นทางธรรมเบื่อทางโลกแล้วหรอว่ะ ใครจะถือหมอนวะ ใช่ไอ้ตัวเตี้ยๆที่เดินข้างมึงป่ะ ฮ่าๆ” แม้แต่ไอ้ฟ่างก็แล่นน้องมัน




    “กูแค่จะบอกว่า ปวดฉี่ ห่ารีบแซวจัง พีม ไปเข้าห้องน้ำกัน”




    พอผมกับภูมิกลับจากห้องน้ำมาสมทบกับพวกมันที่ศาลาท่าน้ำ เห็นไอ้เต้ยกำลังตาโต กระโดนเหยงๆไปมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ



    “พี่คิว โหหหห ปลาตัวโคตรใหญ่อ่ะ อ๊ากก พี่คิวมันกระโดดด้วย ดูสิๆ”



    “ไอ้เต้ย มึงจะตื่นเต้นอะไรนักหนาห๊ะ ไม่เคยเห็นปลารึไงวะ”


    “ปลาน่ะเคยเห็น แต่เต่ายืนสองขาแล้วว่าคนได้เต้ย เพิ่งเคยเจอครั้งแรก ฮ่าๆ” ไอ้แทนวิ่งไล่เตะไอ้เต้ย ที่ด่าว่ามันเป็นเต่า


    “แทน ไอ้แทนพอแล้ว เดี๋ยวน้องมันตกน้ำ” ฟ่างมันเรียกให้หยุด แต่พวกมันก็ไม่ฟัง ไอ้เต้ยวิ่งไปหลบหลังไอ้คิว มันเกาะเสื้อแฟนมัน แล้วโผล่หัวมาแลบลิ้นใส่ไอ้แทน “เต้ยยังไม่ได้พูดเลย ว่าเฮียแทนเป็นเต่า เฮียยอมรับเอง แบร่ๆ”





    “ไหนๆก็มาวัดแล้ว เผาแม่งเลยดีมั้ยวะ ห๊ะ” พวกมันก็วิ่งไล่กันต่อไป วิ่งรอบพวกผมที่กำลังโยนขนมปังให้ปลากิน
     
     




    พอมีพวกมันอยู่ด้วย แม้จะทะเลาะกันบ้าง จะวุ่นวายหนวกหูไปบ้าง แต่พวกมันก็เหมือนความสุขที่ลอยอยู่รอบตัวผม
     





     
    และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่พวกผมมีความสุขมาก ทั้งอิ่มบุญ อิ่มใจ และอิ่มรัก ฮิ้วววววววววววววว
     
     






     
     
    TBC >>>>>>>>>>>>>>>
     



    ……………………………..
     






    มาเร็วแม้จะสั้น อิอิ เพราะยังพอมีเวลาว่างคะ พาเดอะแก็งค์มาส่ง รู้สึกจะเรียกร้องกันเยอะ ตาลก็ชอบคะ ชอบเวลาเห็นผู้ชายอยู่ด้วยกันเยอะๆ เจริญหูเจริญตาดี กร๊ากกกก



    ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้เสมอนะคะ นักอ่านหน้าใหม่ก็ทยอยมาเรื่อยๆ ส่วนคนเก่าๆ ปิดประตูขังลืม ห้ามออก ฮ่าๆ




    แล้วก็เรื่องคำศัพท์เกี่ยวกับศาสนาในตอนนี้ถ้ามีคำใดไม่เหมาะสมก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจะหลบหลู่ใดๆทั้งสิ้นคะ ถ้ามีตรงไหนบกพร่อง ช่วยแนะนำตักเตือนได้เลย ตาลจะได้แก้ไขให้ถูกต้องเนอะ




    ปลลลลล พีมภูมิและผองเพื่อนยังอยู่ด้วยกันอีกนานแส๊นนานคร๊า
     

    และก็มีรูปหนุ่มๆมาฝาก ล็อตสุดท้ายคะ ของหมดแล้ว ฮ่าๆ ใครจะจับจะจองคนไหนก็รีบๆนะคะ ช้าหมดอดนะย๊ะตัวเทอ ขอบคุณเครดิตรูปจากคุณเพลงคะ









      














     












     












     



    ปล อีซักที เค้ามี Cbox แล้วนะคะ ไปพูดคุยทักทายกันได้ อิอิ ขอบคุณคนอ่านทุกคนคร๊า

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×