ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #43 : ตอนที่ 40 น้องรหัส

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 58.23K
      185
      8 ก.ค. 54









    ตอนที่
    40 น้องรหัส





     
    การรับน้องผ่านพ้นไปพร้อมๆกับกีฬาเฟรชชี่ และอีกไม่กี่สัปดาห์กีฬามหาลัยก็จะมาถึงแล้วครับ แต่ละคณะก็ซุ่มเตรียมพร้อมทั้งนักกีฬา กองเชียร์ หลีด และในฐานะสมาชิกสโมฯ ผมก็ต้องเตรียมงานให้คณะเหมือนกัน หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเลยต้องแบ่งเวลาให้ดีหน่อยครับ ทั้งเรียน กิจกรรม ดูดีมั้ย ฮ่าๆ คนอื่นน่ะใช่แต่ผมน่ะ เรื่อยๆ ชิลล์ๆว่ะ
     



    มีแต่ไอ้ภูมิแหละที่มามหา’ลัยแต่เช้า กลับก็ดึกเพราะมันทั้งรับน้องทั้งซ้อมบาส (จะไม่ว่าอะไรเลยถ้ามันไม่ลากผมไปด้วย)คณะมันคงหวังแชมป์ล่ะสิท่า
     


    ช่วงที่ผ่านมาผมกับไอ้พวกเพื่อนๆเลยแทบจะไม่เจอกัน เพราะแต่ละคนก็ทั้งเรียนหนัก มีภาระหน้าที่ อย่างไอ้ปัน พรรคมันชนะการเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารองค์การนักศึกษา
     



    มันเลยกลายเป็นคนมียศมีตำแหน่งไปแล้ว ตำแหน่งของมันก็ คือ….อุปนายกองค์การนักศึกษาเชียวนะครับ ฮ่าๆ ไม่ใช่ขี้ๆนะนั่น ก็ไม่รู้ว่าพรรคนี้เขามีเกณฑ์ในการเลือกยังไง หรือรัฐศาสตร์ไม่ค่อยมีบุคลากร หรือมหาลัยผมเปลี่ยนวิสัยทัศน์หว่า
     


    ส่วนคุณชายเบียร์ที่ควบตำแหน่งประธานรุ่นนิติศาสตร์และประธานชมรมกฎหมาย ซึ่งควรจะงานยุ่งแต่มันก็ยังแวะเวียนมาหาไอ้ภูมิที่ห้องเกือบทุกวัน มาก็ไม่เห็นมีสาระอะไร ดูหนัง เล่นเกมส์ รวมหัวกันแกล้งผม จนผมชักจะสงสัยแล้ว ว่ามันสองตัวมีซัมติงรองอะไรกันอ่ะป่าว ฮ่าๆ กูนี่ก็คิดได้เนาะ
     


    ไอ้ฟ่างก็เป็นโค้ชคุมพวกนักกีฬาคณะมันนั่นแหละ ได้ข่าวจากภูมิว่ามันมีรุ่นน้องมาชอบมันเยอะมาก เลยเป็นฉนวนให้ทะเลาะกับไอ้แทน ไอ้ฟ่างถึงขั้นทุ่มฮกลกซิ่วสูงเกือบๆเมตรแตกละเอียดอ่ะครับคิดดู เอิ่ม ไอ้คู่นี้มีปากเสียงทีไร ข้าวของเป็นได้วิบัติชิบหายทุกที
     
     


    ส่วนคนที่ไม่เห็นหัวเลยคือไอ้หมอเชนครับ มันหายสาบสูญไปเลยจนพวกผมคิกว่ามันตายไปอยู่โลกอื่นแล้ว คงเพราะปีหน้ามันจะเข้าสู่ชั้นคลินิกแล้ว ตอนนี้มันเลยเข้าแลปแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
     

    มันบอกว่าเห็นแต่ฟันปลอม กับอาจารย์ใหญ่ (ผมก็เพิ่งรู้ว่าทันตะก็มีอาจารย์ใหญ่) เชนมันเลยเรียนหนัก(มาก)เมื่อวานมันขึ้น
    status BB ว่า “เรียนทันตะ ไม่ได้มีแต่ “ฟัน” อย่างเดียว” ฮ่าๆ สู้ๆเพื่อน ไหนๆก็มาถึงครึ่งทางแล้ว อีกสามปี จิ๊บๆ
     




    คงมีแต่ผมกับไอ้คู่รักฮาร์ดคอร์นี่แหละ ที่เจอกันทุกวันและยังลัลล้าทุกวัน แต่รู้สึกว่าวันนี้พวกมันจะไม่ค่อยลัลล้าเท่าไรนะ



    ไอ้เต้ยเดินหน้าหงิกมาแต่ไกลมีไอ้คิวเดินส่ายหัวเซ็งๆตามหลังมาห่างๆ พวกมันตรงมาหาพวกผมที่กำลังนั่งสุมหัวรอแซวน้องๆปีหนึ่งที่เดินผ่านไปผ่านมาให้ทานอาหารตาแก่พวกสัมภเวสี
     



    “ไอ้เต้ย นั่นหน้าหรือตูดว่ะ” ไอ้โจถามได้ตรงใจพวกผม เลยมีเสียงหัวเราะ ตบมือถูกใจ
     

    “พี่คิวแม่งเจ้าชู้”
    ไอ้เต้ยโวยวายพร้อมกับกระแทกตัวลงนั่ง ม้านั่งตัวถัดจากพวกผม


    “อ้าว มึงพึ่งรู้เหรอวะ กูว่าถ้าไอ้คิวมันเป็นผู้หญิง ป่านนี้คงท้องสามครอกแล้วมั้ง เอ
    ….แต่มึงกับมันก็ไม่ต่างกันนะเต้ย”


    “ฮ่าๆๆๆๆ” พวกผมพร้อมใจรุมหัวเราะ
    หน้าไอ้เต้ยแม่งฮาชิบหาย


    “เต้ยแค่คุยนะ แต่พี่คิวเอาด้วย”


    “มึงก็เอาบ้างดิ”
    ผมตะโกนบอกไอ้เต้ย


    “เสี้ยมๆ”
    ไอ้คิวเดินมาผลักหัวผม และก็กลับไปนั่งกับไอ้เต้ย พวกผมก็ได้แต่ส่ายหัว ปลงกับมันสองตัว สามวันดีสี่วันทะเลาะ ไม่เชื่อคอยดูนะครับ อีกเดี๋ยวสถานการณ์ก็พลิก
     

    “เมื่อก่อนกัดกันแทบตาย พอได้กันแล้วก็ยังไม่พัฒนาอีกเหรอวะ แม่งรีบๆเคลียร์แล้วไปเรียนด้วยละ” พวกไอ้หนึ่งไอ้โจและคนอื่นๆทยอยเดินเข้าคอก อย่าตกใจครับ คอกมันคืออาคารเล็กที่แยกออกจากตึกคณะ ใช้เรียนพวกวิชาปฏิบัติและเป็นที่สิงสถิตของพวกว่าที่จิตรกรทั้งหลาย
     

    ห้องโถงนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพังของรูปปั้น กรอบรูปขนาดใหญ่ ไม้อัด ถังสี ปะติมากรรมหน้าตาประหลาดที่พวกผมกลั่นออกมาจากจิตวิญญาณ แต่ชาวโลกก็ไม่เข้าใจ มันเป็นห้องที่รกมากเกินกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้(ถึงต้องเรียกว่าคอกไงครับ) ฮ่าๆ คนที่จิตไม่แข็งอย่าได้เข้ามาใกล้โดยเด็ดขาดครับ
     



    ถึงเพื่อนคนอื่นจะไปเรียนกันหมดแล้ว แต่ผมก็ต้องนั่งรอไอ้คิว ไม่รู้มันไปทะเลาะอะไรกันมา แต่ว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกครับคู่นี้ บอกแล้วว่าแค่มดตายมันก็เอามาเป็นประเด็นได้ เหอๆ
     



    “เต้ย มึงโตแล้วนะ เพลาๆความดื้อลงหน่อยเหอะ กูเหนื่อย”
    เริ่มแล้วครับ ไอ้คิวเริ่มเปิดฉากก่อน มันหันมามองผมเหมือนจะบอกว่าให้รอก่อน เออ มึงเคลียร์กันไปเถอะ กูรอได้ ขอแค่อย่าฆ่าอย่าแกงอย่าใช้ความรุนแรงแบบไอ้แทนกับไอ้ฟ่างเป็นพอ


    “เหนื่อยได้ไง พี่คิวต้องง้อเต้ยสิ พี่คิวไปกับผู้หญิงคนนั้น พี่คิวผิด”



    “ผู้หญิงที่มึงว่า คือพี่สาวกูนะเต้ย แล้วอีกอย่างตั้งแต่กูเป็นผัวมึง กูไม่เคยไปปี้ใครหน้าไหนทั้งนั้น” เอ่อ คือ เกรงใจกูบ้างมั้ย หรือช่วยอายกูหน่อยก็ได้ แต่ว่าไอ้คิวมันอายไม่เป็นนี่หว่า ปากกับใจเพื่อนผมตรงซะยิ่งกว่าตลับเมตร


    “จะไม่ง้อเต้ยใช่มั้ย”



    “แล้วคิดว่ากูทำอะไรอยู่ล่ะ”


    “ก็ได้ พี่คิวไม่ง้อ ไม่ตามใจเต้ย เต้ยไม่แคร์หรอก ไปให้คนอื่นง้อก็ได้”
    แล้วไอ้น้องเต้ยก็หอบสัมภาระ เดินลิ่วๆออกจากคณะไปเลยครับ เชี่ยเต้ยแม่งพูดจริงทำจริงเว้ยเฮ้ย นี่กูดูเรื่องจริงผ่านจออยู่รึเปล่าวะเนี่ย


    “มึงไม่ตามมันไปหรอคิว”
    ผมหันกลับมามองไอ้คิวที่นั่งส่ายหน้าเซ็งๆ



    “ฮื่อ ปล่อยแม่งบ้าไปเหอะ”




    “ไอ้นี่ แฟนมึงจะไปหาคนอื่นนะเว้ย”


    “ฮุ่ มันจะไปไหนได้อย่างมากก็ไอ้แมทที่ซวยโดนมันเหวี่ยง”



    “เกิดไอ้เต้ยมันไปกับคนอื่นจริงๆล่ะ มึงจะทำไง”



    “กูก็ฆ่าทิ้งแม่งทั้งคู่เลยไง ถามมากนะมึงไอ้แคระ ไปหาผัวมึงนู่นไป เดินหล่อมาเชียว สัดภูมิมาบ่อยขนาดนี้ มึงย้ายคณะเลยมั้ย”



    แล้วไอ้เวรคิวมันก็เดินตามไอ้เต้ยไปครับ โด่ กูนึกว่าจะแน่ เอ๊ะ แต่เมื่อกี้มันว่าไงนะ ไอ้ภูมิเหรอ ผมกลับหลังหันหลังสามร้อยหกสิบองสา เพื่อมาเจอกับผู้ชายในคราบเสื้อยืดคอวีสีดำทับด้วยช้อปวิศวะและเดฟสีเดียวกับเสื้อ ในมือมีถุงลายน่ารัก แล้วมันมาได้ไงว่ะเนี่ย


    “มาไม” ผมแกล้งถามทันที่มันเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า มันยิ้มหวานก่อนจะก้มหน้าลงมาเกือบชิดหน้าผม แม่ง หลบไม่ทันนี่ โดนมันจูบเลยนะ คือช่วยอายสถานที่บ้างไรบ้างครับคุณภูมินทร์ “ถามไม่ตอบนะ มาไม”



    “มาหาเมีย”
    ไอ้สัส แล้วดูแม่งยิ้มดิครับ ตาก็วาว ปากก็แสยะ



    “เหรอ ไหนล่ะ หาเจอยัง”
    ผมก็เล่นกับมัน เหอๆ บ้าบอพอกันทั้งคู่



    “ยัง ช่วยไปตามให้หน่อยสิ มันอยู่คณะนี้แหละ ตัวเตี้ยๆ ตาโตๆ แก้มป่อง หน้าจืด ปากหมา ขาสั้น”
    ไอ้ฟาย บรรยายกูซะเสีย เอ๊ะ แต่ผมไม่ใช่เมียมันนะ บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้พูดผัวๆเมียๆ ไอ้หอก


    “หึหึ เงียบทำไม”


    “ไม่อยากเสวนากับมึง เบื่อขี้หน้า แม่งเจอบ่อยทั้งเช้า สาย บ่ายเย็น ก่อนนอนกูเอียนว่ะ ฮะๆ” ดูสิ ด่าขนาดนี้มันยังจะหน้าด้าน ลงมานั่งเบียดผมอีกแหนะ ไอ้หมาภูมิมึงจะยิ้มมุมปากทำส้นตีนไรวะ “แล้วตกลงมาทำไมเนี่ย มีไรรึเปล่า”


    “ไม่มีไรแล้วมาหาไม่ได้รึไง”



    “ก็มาได้ แต่วันนี้มึงเรียนเช้าบ่ายเลยนิ หรือโดดมา”



    “เปล่า กูออกไปกินข้าวข้างนอกกับเพื่อน เลยซื้อนี่มาให้” ผมรับถุงกระดาษมา พอแกะดู มันคือเค้กครับ เค้กมะพร้าวอ่อนร้านดังซะด้วย


    “ให้เนื่องในโอกาสอะไรเนี่ย”




    “กูเห็นมันขาวๆ นุ่มๆเหมือนมึงเลยซื้อมา อ๋อ หอมเหมือนมึงด้วย”
    แสรดดดดดด ใครสั่งใครสอนให้มึงพูดจาแบบนี้ห๊ะภูมิ ถ้าผมเอาหัวโขกโต๊ะจะช่วยดับความเขินได้มั้ยวะ ฟายยยย มึงจะมาสหวีวี่วีอะไรตอนนี้ครับคุณแฟน
     


    “น่าอร่อยเนอะ  แล้วนี่เอารถใครมา” ไปไม่เป็นเลยไอ้พีม เจออุปมาอุปไมยเวอชั่นไอ้ภูมิ ผมกับเค้กมะพร้าวอ่อนเนี่ยนะ มึงช่างกล้าที่จะคิด



    “รถไอ้มิค  แล้วเมื่อกี้คิวมันเป็นไร”



    “ทะเลาะกับไอ้เต้ย วงจรชีวิตประจำวันของพวกมันนั่นแหละ”



    “เหรอ มีแต่คนทะเลาะกันเนอะ ไม่เหมือนเรา”



    “มึงเป็นไรมากมั้ยภูมิ หัวไปกระแทกชักโครกมารึเปล่าวะ เอาพาราซักแผงมั้ยจ๊ะที่รัก ฮ่าๆ
    ..เฮ้ย ทำไรวะ” มันจูบปากผมอ่ะครับ จูบอ่ะจูบ แม่งกลางวันแสกๆกลางคณะผมเลย ถึงจะไม่ใช่ดีฟคิสก็เถอะ แต่นี่ในมหาลัย เกิดมีคนเห็นทำไง



    “จูบไง ทำทุกวันยังไม่ชินเหรอเราน่ะ หึ”




    “กวนตีนกูแระ กลับไปเรียนเลยไป” อยู่ๆก็เขินว่ะ แม่งมองผมซะตาหวานตาเยิ้ม เชี่ยภูมิเมาเนื้อมาแน่ๆ
     




    ………………………………………..



     
    หลังจากเรียนเสร็จก่อนที่จะไปรับภูมิ ผมก็หาอะไรสนุกๆทำครับ นั่นก็คือ การแกล้งเด็ก หึ มีไอ้คิวนั่งเป็นฝ่ายสนับสนุนอยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่ว่ามันเป็นคนดีอยากอยู่เป็นเพื่อนผมหรอกนะครับ แต่เพราะไอ้เต้ยไปรับญาติที่สุวรรณภูมิ ไอ้คิวมันเลยไม่มีที่ไป



     
    “ผมชื่อนายทิวากร!!!! ฉัตรสกุล!!!! จบจากโรงเรียน… ชื่อเล่นชื่อดินครับ!!!!” หลานรหัสผมกำลังตะโกนแหกปากอยู่หน้าตึกคณะ เป็นที่สนใจของคนทั่วไปและเป็นที่สะใจของผมมาก ฮะๆ
     




    ที่จริงผมไม่มีน้องรหัสครับ เพราะมันซิ่วไปเรียนที่อื่น ไอ้เด็กดินแทนที่จะเป็นหลานรหัส เลยกลายมาเป็นน้องรหัสผมไปโดยปริยาย ท่าทางมันก็เอาเรื่องน่าดู สะกิดเฮด เจาะหู จัดฟัน เถื่อนมาก
     


    เห็นครั้งแรกนึกว่าศิษย์น้องไอ้แทน ไอ้น้องดินมันยืนห่างจากผมประมานสิบเมตรได้ ส่วนผมนั่งอยู่บนโต๊ะ คือถ้านั่งม้านั่งมันดูไม่แรงไง เดี๋ยวข่มมันไม่ได้ กรั่กๆ
     


    “กูไม่ได้ยินโว้ย แม่งดินไรวะ ดินทรายหรือดินเหนียว แล้วมึงถือสัญชาติอเมริการึไงถึงมีแค่ชื่อ นามสกุลหายไปไหน ห๊ะ” ผมตะโกนสั่งอีกรอบ
     



    “ผมชื่อนายทิวากร นามสกุลฉัตรสกุลครับ ชื่อเล่นชื่อดิน ดินเฉยๆครับ!!!!” กร๊ากกก ดินเฉยๆ มึงจะซื่อไปไหนเนี่ย แต่มันก็สมควร คนอื่นเขาตามหาพี่รหัสเจอไปสามชาติแล้ว ไอ้น้องผมมันเพิ่งจะมารู้วันนี้ ก็ยังดีที่มันหาเจอ เพราะสายรหัสขาดมันคงหายากกว่าคนอื่น
     



    “พอๆ มึงเดินมานี่ดิ๊ ….รู้มั้ยกูชื่ออะไร”



    “พี่พีมครับ”


    “ชื่อจริง”


    “เอ่อ ไม่รู้ครับ”



    “ไม่อยากได้กูเป็นพี่ใช่มั้ย”


    “ไม่ใช่ครับ”


    “แล้วทำไมไม่รู้”



    …………….”



    “เอามือถือขึ้นมา” แล้วผมก็ร่ายยาวตั้งแต่ชื่อจริง ชื่อเล่น เบอร์ พิน เมลล์ เฟช สไกด์ ทวิต ทุกสิ่งอย่างที่สังคมออนไลน์ในโลกนี้พึงมี ที่จะทำให้ผมติดต่อกับไอ้เด็กนี่ได้ มันเมมทันรึเปล่าวะ



    “พรุ่งนี้ตอนเที่ยงไปเจอกูที่ร้านสวนกาแฟ รู้จักมั้ย” จะเลี้ยงน้องรหัสทั้งทีนอกจากจะไม่เสียเงินแล้ว ผมยังช่วยอาปุ้ยโปรโมทร้านอีกต่างหาก แหล่มเลย



    “เคยได้ยินอ่ะพี่ แต่ไม่เคยไป” เมื่อกี้มันยังทำหน้าสลดนะ แต่ตอนนี้แววความกวนตีนเริ่มมาล่ะ



    “บ้านอยู่ไหน มึงน่ะ” ไอ้คิวถามบ้าง


    “สุขุมวิทครับพี่” ก็ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไร ผมก็อธิบายบอกทางไอ้ดิน แต่ดูเหมือนมันจะงงๆยังไงไม่รู้



    “มึงจะงงอะไรวะ ทำอย่างกับบ้านอยู่อำเภอบางกะปิงั้นแหละไอ่ควาย”



    “เขตมั่งเหอะคิว”
    เชี่ยคิว คงหงุดหงิด ด่าน้องกูซะงั้น



    “เออ แม่งก็เหมือนกันแหละ กูจะเรียกเพื่อสร้างความแตกต่าง อำเภอบางกะปิ อำเภอบางเขน อำเภอปทุมวัน ตำบลลาดพร้าว ตำบลสยาม มีไรมะ”



    “เปรี้ยวสัส"
    มึงอารมณ์ค้างจากไอ้เต้ยใช่มั้ย ถึงพาลแบบนี้ “ไอ้ดิน พรุ่งนี้ถ้ามึงมาถูกก็จะได้กินของฟรี แต่ถ้าไม่มีปัญญามาก็อด โอเค๊”



    “ของฟรีเหรอพี่ ผมไปถูกแน่นอนครับ” ตาโต หูตั้งเชียวนะมึง ผมนั่งคุยกับมันพักใหญ่ๆ ไอ้ดินมีเลือดศิลปินสูงมาก บ้าๆ เพี้ยนๆ เรียกว่าถูกชะตากับไอ้คิวเลยครับ ตกลงมึงเป็นน้องใครวะดิน พวกผมคุยกันเพลินแทบลืมเวลาจนมีโทรศัพท์สายมรณะโทรตามนั่นแหละถึงได้แยกย้าย
     


    “เออ ไอ้ดิน มึงสูงเท่าไรวะเนี่ย” เหี้ยคิวมึงกะจะกวนตีนกูใช่มั้ย
    มันกอดคอไอ้ดินเดินนำหน้าผมไปเอารถที่จอดไว้หลังคณะ
     


    183 ครับ” ไอ่เวร เพิ่งปี1มึงจะรีบสูงไปไหนนักหนาวะ ไอ้คิวก็ขำพรืดหันกลับมาเหล่มองผม



    “แล้วมึงรู้มั้ยว่ามาตรฐานชายไทยต้องสูงเท่าไร”
    มันคงกลัวว่าไอ้ดินจะไม่ได้ยิน เลยเสือกตะโกนเสียงดังแล้วหันมายิ้มชั่วๆให้ผม


    “แปบนะพี่ ผมขอคิดก่อน อืมม น่าจะ
    …..




    168” ผมชิงตอบพร้อมยักคิ้วใส่ไอ้คนที่มันเหล่มอง ใครจะเท่าไรกูไม่รู้ แต่168 นี่แหละมาตรฐานสุดๆ



    “กร๊ากกกก 168?
    กูถามส่วนสูงของคนปกติเว้ยแคระ ไม่ใช่พวกพิการซ้ำซ้อนอย่างมึง เฮ้ยไอ้ดิน บอกพี่รหัสมึงไปสอยพริกแดกเถอะไป” แล้วมันสองตัวก็รุมหัวเราะเยาะผม อ๊ากกก สอยพริกแดกเหี้ยไร ไอ้เลวคิว



    “ขำไร เดี๋ยวกูตัดสายรหัสตั้งแต่วันแรกซะหรอก แม่ง”


    “สูงน้อยก็ไม่เป็นไรหรอกพี่พีม ช่วยลดโลกร้อนไง ประหยัดทรัพยากรได้ตั้งหลายอย่าง ฮ่าๆ”



    “กร๊ากกกกกก เชี่ยดินแม่งเด็ดว่ะ ป่ะกูพาไปเลี้ยงเหล้า”
    กระโดดถีบยอดหน้าแบบขาคู่ทั้งสองตัวซะดีมั้ย
    ไอ้พวกสารเลวววววววววววววว
     
     





    กว่าผมจะสงบสติอารมณ์ได้ ก็เกือบพ่นไฟใส่หน้าพวกมัน แค้นเว้ยแค้น ฮึ่ม ไอ้พวกลูกหมา สูงกว่ากูแค่ยี่สิบเซนทำมาเป็นคุย ชริส์



    ผมพาอารมณ์เดือดๆมาถึงภาคโยธา หาที่จอดรถได้ ก็เดินไปแหล่งซ่องสุมของไอ้ภูมิ ได้ยินเสียงตะโกน เสียงเหมือนกำลังทำโทษที่ผมเริ่มคุ้นเคยเพราะจะได้ยินทุกครั้งตลอดหนึ่งเดือนที่มารับภูมิ
     


    “ใครสั่งให้หยุด ห๊ะ ร้องต่อไป ใครไม่ไหวออกมา ใครจะตายออกมา” เสียงพวกรุ่นพี่นับสิบตะโกนโหวกเหวก
     


    “มีแรงแค่นี้ใช่มั้ย กูบอกให้มึงมาสอนปีหนึ่ง ดูแลปีหนึ่ง แล้วนี่อะไร ผ่านมาเดือนนึงเพลงก็ร้องไม่ได้ คนก็มาไม่ครบ มึงดูน้องประสาอะไร” ตอนนี้พวกปีสามกำลังลงโทษปีสอง กอดคอลุกนั่งพร้อมร้องเพลง น่าจะเป็นเพลงของวิศวะ น้องแต่ละคนแบบใกล้ตายเต็มที
     



    ไอ้รุ่นพี่คนนั้นมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้แทนครับ ปกติที่ผมมาดูพวกมันรับน้อง จะเป็นปีสองที่ดูแล แต่ได้ข่าววงในมาว่าจะมีการเชือดไก่ให้น้องดู เพราะจะให้เกียร์ให้รุ่นน้อง วันนี้ปีสามเลยมาเอง




    “มิค” ผมเรียกไอ้มิคเบาๆ มันหันมาแล้วกวักมือเรียกผมไปนั่งด้วย พวกเพื่อนๆมันพยักหน้าทักทายผม ผมก็ทำแบบเดียวกันมาบ่อยจนพวกมันคุ้นหน้าแล้ว



    “พอ” ไอ้แทนสั่งน้องหยุด “พวกคุณ ปีหนึ่งดูไว้นะครับ ผมยังไม่รับพวกคุณเป็นน้อง น้องผมมีแค่ปีสองเท่านั้น พวกนี้ต่างหาก พวกที่เจ็บแทน รับผิดชอบแทนพวกคุณน่ะคือน้องผม” ห่าแทน กูเกลียดมึง สงสารน้องอ่ะ คณะผมไม่เถื่อนแบบนี้ น้องผู้ชายก็หน้าเสีย แต่น้องผู้หญิงก๊อกแตกครับ เสียงสะอื้นก็มี มันคงกดดันและคงสงสารพี่ที่ต้องมารับกรรมแทน
     



    “แค่ความร่วมมือ ความสามัคคีของคนไม่กี่ร้อย พวกคุณยังทำไม่ได้ เรื่องรุ่นก็อย่าหวังเลยว่าจะได้” ไอ้แทนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ น้องก็ยิ่งนิ่งยิ่งเงียบนั่งก้มหน้า เสียงหายใจยังได้ยินอ่ะ นี่ประชุมเชียร์หรือฝึกหน่วยจู่โจมพิเศษวะเนี่ย กูกดดันแทนเลยนะเฟ้ย



    หลังจากเงียบกันเกือบนาทีก็มีผู้ชายอีกคนที่แต่งตัวถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า มันแอบไปเปลี่ยนชุดตอนไหนวะ เดินเข้ามาพร้อมกับพาบรรยากาศอันตึงเครียดมาด้วย ทุกสรรพสิ่งเงียบ อึดอัดโคตรๆ



    “พวกคุณผ่าน
    SOTUS มาแล้ว เข้าใจความหมายของมันมั้ย”  ไอ้หล่อคนนั้นถาม เสียงแบบว่ายะเยือกมากครับ มันก็ไม่ใช่ใครอื่น ไอ้ภูมินั่นเอง ถูกแล้วครับมันก็เป็นพี่ว้ากเหมือนไอ้แทน บอกตรงๆขนาดผมเป็นแฟนมัน ผมยังรู้สึกกลัว มึงใช่คนที่เอาเค้กไปบรรณาการกูเมื่อตอนกลางวันป่ะเนี่ย



    “ถามก็ตอบเด้ เข้าใจ
    SOTUS มั้ย!!!!!” ไอ้แทนตะโกนใส่ เสียงดังมากเลยครับ น้องผู้หญิงถึงกับสะดุ้ง



    “เข้าใจครับ/คะ”



    “เข้าใจแล้วทำไมถึงทำไม่ได้ เวลาหนึ่งเดือนที่ปีสองสอนคุณ เพลงคณะ เพลงมหาลัย บางคนยังร้องไม่ได้ เพราะอะไรครับ
    ……”
     


    ………………………………”


    เงียบ




    “ผมถามว่าเพราะอะไร ทำไมปีหนึ่งร้องเพลงไม่ได้ ไม่สามัคคี ไม่อดทน หรือปีสองไม่ได้เรื่อง เลยสอนพวกคุณไม่ดี ใช่มั้ย”



     “ไม่ใช่ครับ พี่ไม่ผิด” น้องตะโกนพร้อมกัน ขนลุกว่ะ




    “งั้นปีหนึ่งผิด”



    “น้องก็ไม่ผิดครับ” ปีสองก็รีบตอบ



    “หึ เข้าข้างกันนี่หว่า ปีสองผู้ชายรวม
    !!!” สิ้นเสียงไอ้แทน ผู้ชายปีสองก็วิ่งไปตั้งแถวต่อหน้ามันอีกครั้ง ผู้หญิงก็วิ่งไปอีกทางที่มีผู้หญิงปีสามเรียกไป ปีสามที่นั่งอยู่ก็ลุกไปยืนล้อมน้องปีหนึ่งแทน




    “พีม ลุกๆ” ไอ้มิคสะกิดผมให้ลุกไปด้วย แต่กูไม่ได้อยู่วิดวะนะเฟ้ยยย



    “ห๊ะ กูด้วยเหรอ”



    “เออ ไปด้วยกัน หรือมึงอยากเด่น นั่งคนเดียว”



    “มาเหอะน่า เนียนๆ” เพื่อนอีกคนบอก ผมก็เลยเดินไปด้วย ไอ้ภูมิมันหันมาทางผมสบตากัน ปิ๊งๆ แล้วมันก็หันไปมองน้องต่อ



    “ห้าสิบ หนึ่งร้อย ร้อยยี่สิบ สองร้อย เฮ้ย มึงจัดแถวไม่เป็นรึไง”




    “เตรียมวิดพื้น” คือเข้าใจคำว่าเตรียมวิดพื้นมั้ยครับ ค้างอยู่ในท่าเตรียมแต่ไม่ได้วิด เป็นอะไรที่ทรมานยิ่งกว่าวิดพื้นอีก มันฝังใจมาตั้งแต่สมัยเรียน ร
    .ด ผมถูกทำโทษด้วยวิธีนี้บ่อยมาก จนพวกไอ้แทนมันล้อว่าท่าหากิน



    “รู้มั้ยทำไมกูถึงลงโทษ”




    “เพราะพวกผมสอนน้องไม่ดีเองครับ”
     

    จริงๆปีสามกับปีสองมันเตี๊ยมกันมาแล้ว แต่พออยู่ในสถานการณ์จริงอารมณ์จริงมันจะมาครับ ไอ้ภูมิไอ้แทนก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆมันจะเดินเก็กหน้าโหดเข้ามาด่านะครับ คือมันต้องบิ้วอารมณ์ ทำสมาธิก่อนเข้าว้าก บางครั้งกลับไปห้องแม่งอารมณ์ค้าง ผมอยู่ใกล้ๆมันยังตะวาดเรียกซะเสียงดัง



    บางคนบอกว่าการว้ากน้องมันไร้สาระ ทำไมต้องใช้ความรุนแรง ทำไมต้องด่า พูดกันดีๆก็ได้



    ผมว่ามันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ถ้าสมมุติว่าไม่มีการว้ากแล้วน้องยังอยู่ในระเบียบของมหาลัยมันก็ดี แต่นี่ไม่ใช่ การมีพี่ว้ากมันทำให้กิจกรรมออกมาเป็นระบบ มันมีคนที่สามารถควบคุมน้องให้อยู่ในกฎในระเบียบได้
     


    ผมรู้สึกว่าวิศวะมันดูเป็นทีม อาจเป็นเพราะมันเรียนอะไรที่เป็นระบบ มองเห็นปัญหาในมุมกว้าง และการว้ากก็เหมือนเป็นการสร้างสถานการณ์กดดันในชีวิต ในการทำงาน บางครั้งเจอเจ้านายด่าเพื่อนร่วมงานว่าจะอดทนได้หรือเปล่า การว้ากไม่ใช่การทำร้ายร่างกาย ไอ้ภูมิไม่เคยแตะตัวน้องเลยด้วยซ้ำ แค่สร้างความกดดัน แค่นั้นเอง





    บางอย่างที่คนอื่นมองว่าไร้สาระแต่มันอาจจะเป็นประสบการณ์ดีๆของคนที่ทำก็ได้
     




    “พวกคุณยังไม่ใช่น้องผมไม่ต้องทำ” ภูมิหันมาตะโกนบอกน้องปีหนึ่งที่จะช่วยพี่รับผิด “สองคนนั้นคุยอะไรกัน” น้องเงียบ ไอ้แทนสั่งพวกที่กำลังถูกทำโทษให้หยุด มีคนกล้าคุยกันด้วยเหรอวะ “ผมถามว่าคุยอะไรกัน
    !!!” ไอ้ภูมิตะโกน คือปกติมันต้องนิ่ง ไอ้แทนจะเป็นคนแรง




    “ผม เอ่อ ผมคุยกันว่า ว่าพี่คนนั้นน่ารักดีน่ะครับ”

    เย้ดเฮ้ แจ็คพอตแตกที่กูครับพี่น้อง น้องคนนั้นชี้มาที่ผมครับ ทุกสายตาเกือบห้าร้อยคู่ก็หันมามองผม เอ๋อแดกเลยสิกู ไอ้มิคมันก็ขำพรืด
     





    “เล่นของสูงแล้วมึงไอ้ปีหนึ่ง” เพื่อนภูมิคนหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ



    “ริแตะของต้องห้าม กูว่าตายยกรุ่น” ไอ้มิคพึมพำ ไอ้ภูมิมันก็หน้านิ่งยิ่งกว่าเดิม
     




    แต่สิ่งที่ผมอยากรู้ คือ ภูมิมันจะทำยังไงต่อไป ส่วนผม บอกคำเดียว กูอายมากกกกกกกกกก ถ้าเป็นผู้หญิงชมมันก็ไม่อะไรไง แต่นี่มีแต่ผู้ชายสี่ห้าร้อยคน กูอยากจะบ้า ผู้ชายวิศวะ คณะที่เป็นดั่งความหวังของผู้หญิง แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น น้องมามองพี่ทำไมคร้าบบบบ
     




    “ปีสองกำลังถูกทำโทษ คุณยังมีอารมณ์มามอง
    …..” ไอ้ภูมิมันหันมามองผมแล้วก็พูดอะไรไม่ออกซะงั้น
     



    ”มองอะไรแบบนี้อีกเหรอ วิดพื้นร้อยครั้ง กอดคอลุกนั่งร้อยครั้ง
    !!!!” ไอ้อะไรแบบนี้ของมึงนี่คืออะไรวะ แม่งคาดว่าพรุ่งนี้ภูมิคงไม่ให้ผมมาดูมันรับน้องอีกเป็นแน่แท้
     



    การเชือดปีสองให้ปีหนึ่งดู ผ่านพ้นไปพร้อมเสียงสะอื้น และความกดดัน ยิ่งตอนปีสี่มาลงโทษปีสามอีก น้องนี่แบบว่าเป็นลมไปหลายคน แต่นั่นมันก็แสดงถึงความมีสปีริท ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน




    ไอ้มิคกระซิบบอกผมว่านี่อ่ะแค่เบาๆ ปีมันน่ะโหดกว่านี้เยอะ แต่พอผ่านมาได้ จะเข้าใจความหมายของคำว่าพี่น้องมากขึ้น



    วันนี้น้องอาจจะยังไม่เข้าใจ บางคนอาจจะเกลียดไอ้ภูมิก็ได้ที่มันต้องมาเก๊กหน้าโหด(ไม่เก๊กก็โหด) ตะโกนด่าปาวๆ แล้ววันนึงน้องจะรู้ว่าที่ผู้ชายคนนี้ทำ มันทำเพื่อใคร
    ………
     



    “พวกคุณทุกคนก็เป็นแค่ฟันเฟืองเล็กๆ ถ้าไม่รวมกันจนแข็งแกร่ง ไม่ประกอบเข้าเป็นเกียร์มันก็เคลื่อนไปไม่ได้ แค่ความสามัคคีมันไม่พอหรอก ผมจะให้เกียร์พวกคุณตอนนี้ก็ได้ แต่คุณภูมิใจแล้วเหรอ ทำเต็มแล้วเหรอ เสียสละอะไรเพื่อคณะบ้าง ทำอะไรเพื่อพี่ๆที่เค้าดูแลพวกคุณมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่พวกคุณก้าวเข้าสู่บ้านแห่งนี้


    และสิ่งที่สำคัญที่สุด คุณลองมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆคุณซิ พวกคุณอาจจะอยู่ต่างภาค ต่างสาขาแต่ว่าทุกคนก็คือวิศวะเลือดสีแดงเลือดหมูเหมือนกัน คือพี่ คือน้อง คือเพื่อน วันพรุ่งนี้พวกคุณจะได้รับรุ่นหรือไม่ จะได้เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนเกียร์ตัวนี้หรือเปล่า ก็อยู่ที่ตัวพวกคุณเอง”





     พูดจบ ภูมิก็เดินออกไป เป็นสัญญานให้ปีสามทุกคนออกไปได้
     






    ขอให้น้องทุกคนจงเป็นฟันเฟืองที่แข็งแกร่ง ช่วยประคองกันตลอดสี่ปีในที่แห่งนี้
     
     


    …………………………………..
     




    “โอ๊ยยย เจ็บ ภูมิกูเจ็บ ไอ้เหี้ย” อย่าเพิ่งคิดลึกครับ ผมนอนอ่านการ์ตูนอยู่โซฟา แล้วไอ้ภูมิมันคงบ้า มานั่งทับท้องผมเฉยเลย แถมยังบิดแก้มผมด้วย มึงติดวิญญานพี่ว้ากมาใช่มั้ย


    “พูดไม่เพราะ พูดใหม่ซิ”


    “เออ ไอ้คุณเหี้ยวรนุชภูมิครับ ลุก กูหนัก” มันหัวเราะ ยิ้มร่า ยอมลุกออกไปจากตัวผม แม่ง ผมเขวี้ยงตุ๊กตาหมีสุดที่รักของมันใส่กบาลมันเลย โมโหอ่ะ ชอบเล่นอะไรให้ผมเจ็บตัว ไอ้โรคจิต ไอ้ซาดิสต์ ยังจะยิ้มอีก มึงมันบ้า ไอ้บ้า


    “อยากสนใจหนังสือการ์ตูนมากกว่ากูทำไมล่ะ” หนอยยย แล้วทีตัวเองดูเบนเทน ดูโปเกม่อน เคยเห็นหัวกูบ้างมั้ย

    “ไอ้พาล ไม่มีเหตุผล เลว”



    “หึ ถ้าไม่รู้ว่าเลวจริงๆเป็นยังไง อย่าปากดีพีม”


    “ทำไม จะทำไรกู น้องภูมิจะทำอะไรพี่พีมเหรอครับ” ผมยักคิ้ว แลบลิ้นใส่


    “จะทำอะไรงั้นเหรอ อยากรู้มั้ยล่ะ หื้ม” มันย่างสามขุมเข้ามาหาผม ชิบหายแล้วกู


    “มึงจะ…… จะทำไร เฮ้ย”


    “จะหนีไปไหน มาทำวิจัยกันนะพีม”


    ม่ายยยยยยย กูไม่อยากทำวิจัยตอนนี้




    ผมจะคลานหนี แต่ภูมิมันคว้าข้อเท้าผมไว้ทันแล้วก็กระชากกลับมา หน้าเกือบทิ่มไปจูบพื้น และหลังจากนั้นไม่ถึงวิ ผมก็ไม่มีโอกาสแลบลิ้นใส่ไอ้ภูมิเลย เพราะมันแย่งลิ้นผมไป  ไอ้ภูมิจูบเก่ง ผมรู้ แต่มันก็ไม่น่าจะแย่งอากาศผมนานขนาดนี้



    “แฮ่ก มึง อื้อออ” คราวนี้ไอ้สารเลวภูมิ ไม่ได้จูบเฉยๆ มือมันยังเข้ามาซนใต้เสื้อนอนของผม เลิกดิ้นก็ได้วะ




    และแล้วชั่วโมงกว่าๆก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก อิอิ ผมเข้าไปอาบน้ำอีกรอบหลังจากการทำวิจัยเสร็จสิ้นลง พอหัวแตะหมอนผมก็แทบจะฝัน ก็มันเพลีย เอ๊ย ก็มันง่วงนี่ครับ  กำลังเคลิ้มๆ เสียงเพลงจากโทรศัพท์ของภูมิก็ทำให้ผมสะดุ้ง ใครโทรมาวะเนี่ยยยยยย ถ้าเป็นไอ้เบียร์พ่อจะด่าให้หูเกรียม
     




    “ฮาโหลลล”



    (
    ……………………….)



    “ฮัลโหล ใครครับ” ไม่รู้ว่าฝันหรือเปล่า มันกึ่งหลับกึ่งตื่น ผมเบลอๆ เลยไม่ได้ดูว่าเป็นใคร แค่สไลด์กดรับถูกนี่ก็เทพแล้วนะ




    (
    …………………….) เงียบ ใครแม่งกวนวะ




    “ไม่พูด งั้น
    ……”
     





    (เอ่อ ภูมิ ใช่ภูมิรึเปล่าคะ)
    ผมเริ่มตื่นเต็มตา ผู้หญิงโทรมาหาภูมิและคราวนี้ก็กลายเป็นผมที่เป็นฝ่ายเงียบแทน ผมพลิกตัวนอนหงาย หยีตามองหน้าจอว่าคนในสายคือใคร แต่ภูมิไม่ได้เมมชื่อไว้





    (ภูมิคะ)



    “เอ่อ ภูมิอาบน้ำอยู่ครับ”



    (อ๋อ เหรอคะ งั้นช่วยฝากบอกภูมิได้มั้ยคะ ว่าให้โทรกลับหาเราด้วย)



    ….ครับ แล้วจะให้บอกว่าใครโทรมาครับ”






    “หม่อมคะ”
     
     




    หม่อมเหรอ
     



    แฟนเก่าภูมิใช่มั้ย
     
     
     
     
     
     
    TBC >>>>>>>>>>>>>>>




    …………………………….





    อยากโดนพี่ภูมิว้ากจัง อิอิ เค้าจิยอมทุกอย่างเลย แอร๊ยยยย
     
    ตอนที่แล้วมีสาวๆบอกว่า พีมกับภูมิมันชักจะเรื่อยๆเปื่อยๆ ตาลก็เลยปล่อยของซะเลย กร๊ากกกกก จะได้มีสีสันเนอะ
     
    แอบกรี๊ดดดด จะมีคนวาดรูปให้พีมกับภูมิด้วยล่ะ คุณboji ต้องขอบคุณล่วงหน้าเลย ตาลจะรออย่างใจจดใจจ่อ พีมภูมิและผองเพื่อนจะมีแฟนอาร์ตแล้ว เย้ๆๆๆๆ
     
    ตาลอยากตอบcomment มาก แต่ไม่มีเวลาเลยคะ จะพยายามลงให้บ่อยๆชดเชยการไม่ตอบเม้น แต่ขอสาบานด้วยเกียรติภรรยาหมายเลขหนึ่งของพี่จอร์นนี่เด็ป(อิอิ)
     
     ขอยืนยันว่าอิชั้นอ่านทุกเม้น และก็มีความสุขทุกครั้ง ที่เห็นน้องๆเพื่อนๆบอกว่า “ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน ,น่ารักมากเลยคะ, หนูรักเรื่องนี้” หรืออะไรก็ตามแต่
     
    ตาลก็อยากจะบอกเหมือนกันว่า “ขอบคุณมากๆเช่นกันคะที่ทุกคนเข้ามาอ่านเรื่องราวเรื่องนี้ ชีวิตธรรมดาของผู้ชายธรรมดาๆสิบกว่าคน ความรักของพวกเขา ถ้ามันสร้างความสุขให้คนอ่านได้ ตาลก็ยิ้มได้แล้วคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”^___^



     วันนี้เอาน้องเต้ยมาฝากคะ น้องกำลังงอนพี่คิว ฮี่ๆ





     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×