ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #41 : ตอนที่ 38 ความรัก (เต็มแล้วจ้า)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 57.81K
      222
      24 มิ.ย. 54






    ตอนที่
    38 ความรัก(ครึ่งแรก)
     




    “จะว่าไปมึงก็สติดีเหมือนกันนะคลื่น เป็นกูนะคงหลบไม่ทันแน่ๆ แม่งสวนมาเร็วขนาดนั้น” จะเที่ยงคืนแล้วแต่ผมกับคลื่นยังนอนคุยกันเสียงใสแจ๋ว ตอนแรกผมเร่งมันให้ปิดไฟนอนเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน แต่พอล้มตัวลงนอนก็ดันตาสว่างคุยกันจนหายง่วง ตอนนี้สายตาเริ่มชินกับความมืดแล้ว
     


    “เพราะเราโชคดีมากกว่า” ไอ้คนที่นอนก่ายหน้าผากอยู่ข้างๆผม มันหันมายิ้มให้ ผมก็ยิ้มตอบ


    “แต่ยังไงก็ขอบคุณมึงมากนะ ที่พากูรอดมาได้ ฮ่าๆ”
     

    “ทำเป็นพูดดีไป สุดที่รักมึงโทรมาหารึยัง” ไอ้ฝัด ไอ้เลว ไอ้เชี่ยคลื่นเปลี่ยนเรื่องกระทันหันชนิดที่ว่าผมเกือบหัวทิ่ม



    “ยัง”
     

    “หึหึ ป่านนี้มันมีแฟนใหม่ไปแล้วม้าง” ฉึก เหี้ยเอ๊ย เจ็บใจดำชิบหาย ไอ้เรื่องที่ว่าภูมิไม่โทรหา ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ออนเอ็ม ผมยอมรับว่าทั้งน้อยใจทั้งห่วงและกลัว กลัวว่ามันจะป่วยรึเปล่า แต่ที่ผมกลัวมากกว่านั้นคือกลัวว่าภูมิจะไปเจอคนใหม่ กลัวจะมีใครมาแทนที่ผม
     

    “พีม ไอ้พีม เฮ้ย กูพูดเล่น อย่าทำหน้าอย่างงั้นดิ โกรธเหรอ กูขอโทษ” ไอ้คลื่นเขย่าแขนผมเบาๆ ทั้งสายตาและน้ำเสียงดูเป็นห่วงผมจนน่าหมั่นไส้ ใครจะไปโกรธเพราะเรื่องแค่นี้วะ ไอ้นี่ชักจะเป็นคนดีเกินไปแล้ว


    “เปล่าๆ กูจะโกรธมึงทำไม กูแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ
    เออคลื่น มึงไม่มีแฟนเหรอวะ” ผมถามสิ่งที่เคยสงสัยมานานแต่เพิ่งมีโอกาสได้ถาม
     


    “หืม
    ?” ไอ้คลื่นหันมาเลิกคิ้วใส่ผมที่มองมันอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่มันจะหันกลับไปก่ายหน้าผากมองเพดานเหมือนเดิม “ทำไมอยู่ดีๆมาถามล่ะ หรือว่าชอบกูแล้ว”
     


    “มึงนี่
    …. ก็กูอยากรู้ไง เพอร์เฟคแมนอย่างมึงไม่น่าจะอยู่รอดมาได้นะ”
     


    “หึ ไอ้พีม กูไม่ใช่สัตว์ป่าหายากนะเว้ย
    ….กูก็มีคุยๆบ้างแต่ไม่ได้คบจริงจัง”



    “หล่อเลือกได้ว่างั้น”



    “แต่คนที่กูเลือกเขาไม่เลือกกู”
     มันหันมายักคิ้วทำตากรุ้มกริ่มใส่ผม ไอ้นี่นิ
     


    “โห่หหห” ผมเบะปากยิ้มล้อมัน แม่งแซวตลอด หยอดกูตลอด แต่ถ้ามันทำแล้วมีความสุขก็ปล่อยมันทำไปเถอะ ถึงผมต้องทนกับความอายความเขินก็จะไม่บ่นเลยครับท่าน “เอาดีๆดิวะ กูอยากรู้นะเนี่ย ไหนบอกจะยอมกูทุกอย่างไง”
     


    “ได้ทีขี่ควายไล่เลยนะมึง กูก็ตอบจริงๆ กูไม่มีแฟนกูเป็นหนุ่มโสดในฝัน มึงเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะครับคุณพีม ฮะๆ”


    “ท่าทางจะฝันร้าย แต่ทั้งหล่อทั้งรวยอย่างมึงเนี่ยนะไม่มีแฟน อืม
    ….เหลือเชื่อ”



    “ถ้ากูมีแฟนกูคงไม่มาจมปลักอยู่กับมึงแบบนี้หรอกไอ้เปี๊ยก หึ” ดูแม่งใช้คำ เหมือนกูชั่วช้าเลวทรามมาก ไอ่เชี่ย
     



    “เอ่อ
    ก็ ก็จริงอ่ะเนอะ แหะๆ” ผมก็ดันบ้าจี้ไหลไปกับมัน ไอ้คลื่นมันหัวเราะอย่างสาแก่ใจ
     



    “เมื่อเดือนก่อนน่ะมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว”
     


    “ห๊ะ มึงเพิ่งเลิกกับแฟนเหรอวะ” ผมพลิกตัวตะแคงมาหาไอ้คลื่นทันที  ข่าวใหม่ที่เพิ่งรับรู้ทำเอาผมตาเหลือก มันเพิ่งอกหักเหรอเนี่ย ไอ้คลื่นหันมายิ้มน้อยๆ มือที่ก่ายหน้าผากเปลี่ยนมาผลักหัวผมคล้ายจะหยอกล้อแต่คอผมเกือบหัก
     


    “อืม แล้วมึงจะตกใจอะไรขนาดนั้นพีม หื้ม”
     


    “ก็ตกใจดิเพื่อนอกหักทั้งคนนะเว้ย กูว่านะคลื่นผู้หญิงคนนั้นต้องมีปัญหาทางจิตแน่ๆๆถึงกล้าทิ้งมึงน่ะ”
     


    “กูบอกเหรอว่าเค้าทิ้งกู”


    “อ้าว นี่อย่าบอกนะว่า
    …. เฮ้ย จริงดิ ทำไมมึงถึงเลิกล่ะ”
     


    “มึงแน่ใจนะว่าอยากฟังเหตุผล”


    “เอ่อ”


    “จะเลิกเพราะอะไรก็ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้กูโสดสนิท แต่เฉพาะในนามนะ เพราะหัวใจกูมีคนจองแล้ว”


    คลื่นยังบอกผมด้วยรอยยิ้ม แม้จะมองฝ่าแสงสลัวแต่มันก็เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นเช่นเคย เพราะอะไร ทำไมผู้ชายอย่างมันถึงมารักคนธรรมดาอย่างผม ทำอะไรเพื่อผมมากมาย
     


    เมื่อวานคำว่าตายแทนได้ของมันทำให้ผมร้องไห้ในรอบหลายปี ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรดีๆให้มันเลยสักครั้ง ถึงผมจะรู้สึกดีหรือให้คลื่นเป็นคนพิเศษแต่ความรู้สึกนั้นมันต่างกับที่ผมมีให้ภูมิ
     


    ผมมั่นใจว่าไม่ได้รักคลื่นแบบคนรัก พื้นที่ในหัวใจของผมยังเป็นของภูมิคนเดียว และสำหรับคลื่นมันคือความรู้สึกดีที่โอบล้อมอยู่รอบๆ เหมือนใยบางๆที่คอยห่อหุ้มหัวใจเอาไว้
     
     


    “คลื่น มึงเจ็บมากมั้ยที่กู
    …..…” รักมึงเกินคำว่าเพื่อนไม่ได้
     
     

    คลื่นพลิกตัวนอนตะแคงหันมาหาผม มันส่งยิ้มแบบของมันมาให้
     


    “มึงอย่าคิดมากเลยพีม กูไม่ได้เจ็บมากมาย ถึงกูได้มึงมากูก็เอามารัก แต่ถึงไม่ได้มา กูก็รักมึงได้อยู่ดี ไม่เห็นต่างกันตรงไหน กูเจ็บแค่เรื่องเดียวที่มึงมีแฟนแล้วกูไม่อยากเลวเพราะว่าแย่งแฟนใคร แค่มึงให้กูเป็นคนพิเศษ ให้กูได้รักมึง ให้กูได้ยืนอยู่ข้างๆมึงตรงนี้ก็ดีที่สุดแล้ว อย่าสงสารกูนะพีม อย่าปันใจมาให้กูเพราะสงสาร เพราะถ้ามึงทำแบบนั้นคนที่จะเจ็บที่สุดก็คือมึงเอง”
     


    “อื้ม ขอบคุณมึงอีกครั้งนะสำหรับทุกๆอย่าง”



    “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้มั้ย”


    “อะไร”

    “ต่อไปถ้ามึงมีเรื่องที่ไม่สบายใจหรือมีปัญหากับมัน กูหมายถึงแฟนมึงน่ะ ถ้ามึงไม่รู้จะปรึกษาใคร ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ขอให้บอกกูเป็นคนแรกได้มั้ย”
     

    “อือ ได้สิ ได้อยู่แล้ว ก็มึงเป็นคนพิเศษของกูนิหว่า”
     

    “แล้วไอ้คนพิเศษนี่มันทำอะไรได้บ้างวะ” มันยิ้มกว้าง มึงต้องยิ้มแบบนี้แหละคลื่น ยิ้มเหงาๆแบบเมื่อกี้กูไม่อยากเห็นเลย
     

    “ไปกินข้าว ไปดูหนัง ไปเที่ยว ติวหนังสือ”
     

    “เฮอะ เพื่อนชัดๆ”
     

    “กูยังพูดไม่จบห่านี่ ก็แบบว่า กูมีอะไรก็จะบอกมึงเป็นคนแรกๆไง”
     

    “หึหึ มึงอย่าใจดีมากสิพีม แค่นี้กูก็รักจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
     



    ………………………………
     


    ………………………………





    “กูว่าเรานอนดีกว่าเนอะ”
     



    “พีม กูติดหมอนข้าง”




    “อย่ามา เมื่อคืนกูเห็นมึงนอนได้ จะหลอกกอดกูอ่ะดิ๊ ฮ่าๆ”
     


    “ว๊า รู้ทันอีก”
     


    “อย่าลีลา นอนได้แล้ว พรุ่งนี้กูเดี๋ยวพาไปเที่ยวน้ำตกที่ไร่ตากู ใกล้ๆเดินไปแปบเดียวถึง”




    “เหรออออ เดินแปบเดียว มึงไม่ต้องเลยพีม เมื่อวานไปตลาดก็บอกใกล้ๆ เหี้ย กูเดินจนขาแหลม”
    “ฮ่าๆๆ เออ คราวนี้ใกล้จริงๆ นอนๆง่วงแล้วพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นแต่เช้า”
     


    ………………………………
     


    ผมหลับตาปิดกั้นแสงจันทร์นวลที่สาดส่องเข้ามาในห้อง สายลมเย็นพัดเอากลิ่นหอมของดอกไม้ยามราตรี
    มาแตะจมูกจนเคลิบเคลิ้ม
     


    “พีม”



    “หื้ม” ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง และหันไปมองคลื่น มันก็มองผมอยู่ก่อนแล้วเหมือนกัน
     


    “ขอกอดมึงได้มั้ย”



    “นอนกอดน่ะเหรอ”
     


    “อืม แค่กอด”



    “กอดแปบเดียวแล้วต้องปล่อยนะ นอนกอดคงไม่ได้ กูให้ได้แค่
    ….แค่จับมือได้มั้ย”ไม่ใช่ไม่ไว้ใจคลื่น ไม่ใช่ไม่ไว้ใจตัวเอง แต่ผมไม่มีสิทธิ์นอนกอดใครถ้าไม่ใช่ไอ้โหดคนนั้น
     


    “อืม แค่นี้ก็ดีแล้ว” คลื่นขยับเข้ามาใกล้ แขนของมันโอบกอดรอบตัวผมไว้ กอดของคลื่นอบอุ่น แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรในทางแบบนั้นเลย นอกจากความรู้สึกของคำว่า “มิตรภาพ”




    สัมผัสแผ่วเบาที่ประทับไว้บนหน้าผากของผมก่อนที่คลื่นจะผละออกไปและกุมมือผมไว้ตลอดทั้งคืน
     




    “ขอบคุณนะพีม แค่นี้ก็ดีเกินพอสำหรับกูแล้ว ฝันดีนะไอ้ความรักตัวเตี้ย”
     




    ……………………………………
     
     



    เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสแต่ทำไมตาขวาผมกระตุกวะ แต่ก็ช่างมันเถอะคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง หลังจากอิ่มแปล้กับมื้อเช้าที่แสนอร่อยฝีมือพี่กิ่ง ผมกับคลื่นก็ออกไปเที่ยวน้ำตกท้ายไร่คุณตา ด้วยว่านี่เป็นหน้าฝนไอ้พวกสัตว์ทั้งหลายที่ชอบความชื้นมันก็ออกมาลัลล้ากันทั้งไส้เดือนเอย หอยทากเอย กิ้งกือ
     



    และมันก็ทำให้ผมรู้ว่าไอ้คลื่นกลัวหอยทาก แม่งแหกปากร้องลั่นป่าแทบแตก กร๊ากกกก พวกเราเดินเล่นชมนกชมไม้จนบ่ายก็แวะไปกินข้าวที่บ้านคุณตา มื้อนี้ยกขันโตกกันเลยทีเดียว
     


    กินข้าวเสร็จผมก็ออกไปเก็บผลไม้ในไร่กับคนงาน วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมรู้สึกสนุกและหวังว่าคลื่นก็คงรู้สึกเหมือนผม เรากลับถึงบ้านก็เกือบหกโมง พอดีแม่ไปซื้อต้นกุหลาบมา เลยให้ผมกับคลื่นช่วยกันปลูกแต่ดูสภาพตอนนี้ต้นกุหลาบจะแหลกคามือแล้วครับ
     


    “นี่ มึงเคยปลูกต้นไม้มั้ยคลื่น มึงก็ใส่ปุ๋ยลงไปก่อนดิวะ”



    “เอาดินลงไปก่อนค่อยใส่ แล้วมึงจะปลูกแบบไม่แกะถุงดำให้มันรึไง”


    “มึงก็ใส่ปุ๋ยซักทีเด้”


    “มึงก็เอาต้นไม่ลงก่อนเด้”
    เห็นได้ชัดว่าผมกำลังถูกมันกวนตีน หนอยแหนะ



    “ไอ้คลื่น”



    “หึ อะไรไอ้พีม”
     




    “ไอ้เตี้ย”



    “หนอยมึงกล้าเรียกกูตะ
    …. เตี้ยเหรอ” เตี้ยงั้นเหรอ ไม่มั้ง ผมคงหูฝาดหูแว่ว ไม่ใช่เสียงมันหรอกมันอยู่ที่อิตาลีจะมาเรียกผมที่เชียงใหม่ได้ยังไง ผมมองหน้าไอ้คลื่นเพื่อให้มันช่วยยืนยันทีว่าข้างหลังผมไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่ทั้งนั้น แต่คลื่นกลับหลบตาผม
     



    “ไอ้เตี้ย”
     


    คราวนี้ตาขวาผมเริ่มเต้นระบำ
    เสียงนี้ คนที่เรียกผมด้วยคำนี้ ผมปล่อยมือจากต้นไม้ ค่อยๆหันกลับไป ผมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทัน มือเย็น เท้าเย็น ขนหัวลุก กูกำลังจะสติแตกครับพี่น้อง
     



    “ภูมิ”
    คุณพระ!!! มันจริงๆด้วย ไอ้ภูมิตัวเป็นๆยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับไอ้พวกเพื่อนตัวดีทั้งหลายเกือบสิบชีวิต พวกมันยิ้มร่าให้ผม และรอยยิ้มนั้นก็เริ่มหายไป ยิ่งภูมิเดินเข้ามาใกล้ผมเท่าไรหน้าตามันก็ยิ่งนิ่งมากขึ้นเท่านั้น
     



    “กูว่าตายแน่ๆ งานนี้ตายอย่างเขียดแน่มึง ไอ้แคระ” เสียงไอ้เชี่ยคิว
     


    “กูว่าตายทั้งคู่ว่ะ” น่าจะเป็นไอ้เบียร์
     


    “เชี่ยนั่นใครวะ หน้าตาด้อยกว่ากูมากอ่ะ” ไอ้ปันมึงช่างกล้าที่จะเอ่ยนะว่าไอ้คลื่นหน้าด้อยกว่ามึง
     


    “หึ เดือนคณะกูนี่หว่า ก็ถือว่าสูสีกับน้องชายกูล่ะนะ” เย็นยะเยือกมาแต่ไกลเลยไอ้ฟ่าง
     


    ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง มันก็ยืนขึ้นแล้ว และภูมิก็หยุดยืนอยู่ใกล้จนบังแสงไฟ ผมเงยหน้าขึ้นมองมัน




    ใบหน้าที่คุ้นเคย คนที่ผมคิดถึง คนนี้ไม่ได้เจอมาหลายเดือน มันอยู่ตรงหน้าผมแล้ว มันกลับมาแล้ว
     



    “กลับมาแล้วเหรอ”






    "ใครจะตายก่อนมึงหรือมัน เลือกเอา"
     




     


    ……………………………………….
     




    ตอนนี้บ้านผมเหมือนกำลังจัดงานขึ้นบ้านใหม่ผสมเชงเม้งเข้าไปทุกที คงสมใจคุณแม่แล้วเพราะมีลูกชายถึงสิบกว่าคนมาเยี่ยม ปาตี้ขนาดย่อมหน้าบ้านกำลังครึกครื้น สนุกสุดเหวี่ยง คือผมเดาเอาน่ะครับ เดาจากการได้ยิน
     




    เพราะร่างผมอยู่บนห้อง นั่งอยู่ปลายเตียง มีไอ้ภูมิยืนปล่อยกระแสจิตสังหารอยู่ตรงหน้า ผมก็ทำอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากก้มหน้า เกือบยี่สิบนาทีที่มันลากผมขึ้นมาแล้วก็ยืนจ้องหน้าแบบนี้ ปล่อยกูไปขี้ไปเยี่ยวบ้างเถอะพ่อคุณ พ่อมหาจำเริญ กูกดดันนะเฟ้ย
     



    ตอนแรกผมคิดว่ามันจะต่อยไอ้คลื่นด้วยซ้ำแต่มันคงสำนึกได้มั้งว่าที่นี่เป็นบ้านผม มันเลยมาลงที่ผมคนเดียว ตอนมันลากขึ้นมาบีบแขนผมกระดูกแทบหัก ช้ำเลย อ๊ากกก ไอ้ซาดิสต์ 
     



    พอขึ้นมาถึงห้องมันก็ผลักอกผมจนเซ ดีนะหัวไม่ฟาดประตู ไม่งั้นพรุ่งนี้คงได้ขึ้นหน้าหนึ่งไทยรัฐ “ดับอนาถคาบ้านตัวเอง หนุ่มไฮโซหึงโหด จับแฟนหนุ่มทุ่มใส่ประตู ตายคาที่” เหอๆ คงดังข้ามจังหวัดเลยมั้งไอ้พีม
     


    “กูรีบข้ามน้ำข้ามทะเลมาหา เพื่อมาเจอมึงกับไอ้ห่านั่นอยู่ด้วยกันใช่มั้ย ห๊ะ”




    “ก็บอกแล้วว่ามันมาทำธุระที่แม่ฮ่องสอนเลยแวะมาเยี่ยม”




    “แม่ฮ่องสอนเหี้ยไร นี่เชียงใหม่ บ้านมึงทำโฮมสเตย์รับคนเข้าพักฟรีรึไง” ห่า มึงก็หาคำมาด่ากูจนได้ “ไอ้นั่นก็เป็นไรนักหนาวะ ทั้งที่รู้ว่ามึงเป็นเมียกู ยังเสือกมายุ่งอยู่ได้ ต้องให้เอากันให้ดูเลยมั้ย มันถึงจะหยุด”
     



    แรว๊ง
    !!! แต่กูผิดเหรอ นี่ผมเป็นคนผิดใช่มั้ย แล้วผมทำอะไรผิด คนที่ผิดน่ะมันไม่ใช่รึไง คนที่อยู่ๆก็เงียบหายไป ปล่อยให้ผมเหงา ผมรอ ผมห่วง ผมคิดมากสารพัด พอมันกลับมาก็มาด่ามาว่า กูไม่ใช่อีเย็นนางทาสนะ ที่ต้องมารองรับอารมณ์คุณหลวง บ๊ะ ผมช่างเป็นคนที่เปรียบเทียบได้เห็นภาพเสียนี่กระไร
     



    “แล้วมึงล่ะ ที่อยู่ๆก็หายไป มึงไม่คิดบ้างล่ะว่ากูจะรู้สึกยังไง” ใช่ มันควรจะคิดบ้างว่าผมรู้สึกยังไง คือ ณ จุดนี้กูสติแตกจนเริ่มสปอยตัวเองแล้วครับ
     



    “อ๋อ นี่ความผิดกูใช่มั้ย เพราะกูไม่โทรหามึงเลยมีชู้ได้งั้นสิ ถึงกูจะไม่ติดต่อมึงเป็นเดือน เป็นปีหรือสิบปี มึงก็ไม่มีสิทธ์เปลี่ยนใจไปหาใครทั้งนั้น ถ้ามึงยังเป็นคนของกู เป็นแฟนกู เป็นคนรักของกู เว้นแต่ว่ามึงไม่รักกูแล้ว”




    “มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะภูมิ กูบอกรึไงว่าไม่รักมึงน่ะ หัดฟังเหตุผลคนอื่นบ้างสิ” ตั้งแต่คบกันมานี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับภูมิทะเลาะกันแรงขนาดนี้ ไอ้นิสัยขี้หึง ขี้หวงของมันผมเข้าใจ ไม่รักคงไม่หึงไม่หวงแต่มันก็น่าจะฟังผมบ้าง อย่างน้อยก็เชื่อใจคนที่มันบอกว่ารักบ้าง ในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง ได้ยินเสียงไอ้คิวตะโกนด่าไอ้เต้ยกับไอ้ปันดังมาแว่วๆ



    “มันมาตั้งแต่เมื่อไร”



    “สองวันแล้ว”




    “มันทำอะไรมึงบ้าง” คราวนี้ผมเงยหน้ามองไอ้ภูมิ รู้สึกว่าคำถามนี้ทำให้คนใจเย็นอย่างผมต้องข่มความโกรธ



    “ไม่ต้องมามองแบบนั้น ตอบมามันทำอะไรมึง” อูยยยย ไม่ต้องกัดฟันพูดก็ได้ครับพี่ครับ



    “ก็ จับมือแล้วก็กอดตอนรถชน” ส่วนเรื่องเมื่อคืนไม่บอก หลอกให้งง เหอๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผมด้วย คิดว่าถ้าผมบอกมันเรื่องเมื่อคืน ผมจะมีโอกาสรับออกซิเจนให้ชีวิตในชาตินี้ได้ซักกี่วินาทีเหรอครับ
     



    “ชนที่ไหน แล้วมึงเป็นอะไรมั้ย” เสียงไอ้ภูมิอ่อนลงกว่าเดิม(นิดนึง) ผมเองก็เริ่มตั้งสติใหม่ เมื่อมันร้อนผมก็ควรจะเย็น ไม่ใช่เต้นตามอารมณ์มัน ร้อนกับร้อนเจอกันบ้านผมไฟไหม้พอดี อีกอย่างการปะทะอารมณ์กันนอกจากจะไม่มีอะไรดีขึ้นเราอาจจะทะเลาะกันไปไกลกว่านี้




    “เปล่าไม่ได้เป็นอะไร คลื่นมันหักหลบทันน่ะ มันเห็นกูช็อคเลยกอดเรียกสติ”


    “หึ ถุ๊ย กอดเรียกสติ เจอตีนเรียกขวัญหน่อยมั้ย แม่ง”



    “มึงเลิกโวยวาย แล้วฟังเหตุผลกูบ้างได้มั้ยภูมิ” จริงๆไอ้เรื่องหึงหวงก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นนะครับ คนอื่นที่เข้ามาหาผม ไอ้ภูมิก็ดูไม่อะไรมาก มันแค่โทรไปแล้วจากนั้นพวกนั้นก็จะค่อยๆหายไปจากสารระบบชีวิตของผมทีละคนสองคน เหอๆ แต่ไม่รู้ทำไมไอ้ภูมิมันถึงมาไล่บี้เอาแต่ไอ้คลื่น
     




    “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” มันลงมานั่งข้างๆและดึงผมไปกอด ผมก็กอดตอบแบบปรับอารมณ์ไม่ทัน นี่มันจะไม่ฆ่าผมแล้วใช่มั้ย เย้ รอดแล้วกู  ทั้งที่ได้กลับมาหากันแท้ๆ เรากลับต้องทักทายกันด้วยการทะเลาะ ผมน่าจะใจเย็นกว่านี้ เฮ้อ
     




    “รู้มั้ยว่ากูคิดถึงมึงมากแค่ไหน รอวันที่จะกลับมาหา แต่กูก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้ กูบอกตรงๆนะพีม กูคิดจะฆ่ามึงจริงๆ” ผมเกร็งขึ้นมาทันที แสรดดด กูกลัว “หึ กลัวรึไง ตอนทำทำไมไม่คิด กูเป็นยังไงมึงน่าจะรู้ดี กูรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง กูโกรธ โมโห แต่เรื่องอะไรจะฆ่าพวกมึงให้ไปเสพสุขในนรกด้วยกัน” มึงนี่คิดการไกลเนอะ ฮือออ กูมีแฟนเป็นยมทูตรึเปล่าวะเนี่ย



    “กูขอโทษ” เอาเข้าจริงๆผมก็มีส่วนผิดอยู่เหมือนกัน ถึงจะบอกว่าระหว่างผมกับคลื่นมันคือความรักในแบบเพื่อน แต่คนอย่างไอ้ภูมิมันไม่มีทางเข้าใจแน่ๆ





    “ภูมิ มึงเกลียดไอ้คลื่นเหรอ” ผมมุดอกไอ้ภูมิ แอบสูดกลิ่นน้ำหอมจากตัวมัน รู้สึกว่ามันก็กำลังจูบผมของผมเหมือนกัน ไอ้ภูมิมันเงียบไปนาน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่



    ผมก็ได้แต่นิ่งรอฟังคำตอบอยู่ในอ้อมกอดของมัน เมื่อยนะไม่ใช่ไม่เมื่อย ลองให้คนกอดคุณแน่นๆแบบว่ารัดเลยนะซักห้านาที ลองดูว่าจะเป็นยังไงกระดูกผมจะหักอยู่แล้ว แต่กลัวมันด่าเลยเงียบไว้ เฮอะ




    “เปล่า กูไม่ได้เกลียดมัน”
    เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายมากจนน่าจะเอาไปลงกินเนสส์บุ๊ค ผมคิดว่าภูมิมันเกลียดคลื่นซะอีก




    ผมเงยหน้ามองภูมิ ตั้งแต่มันกลับมาก็เพิ่งมีโอกาสได้มองชัดๆนี่แหละ มันขาวขึ้น ผมก็ยาวขึ้นนิดหน่อยและมันคงไปทำสีผมมา ออกสีน้ำตาลอ่อนๆ หล่อลาก หล่อไร้เทียมทานจริงๆ แบบนี้เวลาเดินกับมันผมคงดูจืดไปเลย อ๊ากกก ไม่ยอมๆ มันจับหัวผมกดลงกับไหล่มันเหมือนเดิม

    "แล้วทำไมมึงถึงโกรธทุกครั้งที่เจอมันล่ะ ภูมิ คลื่นมันไม่ได้จะแย่งกูไปจากมึงนะ มันขอแค่รักกู มันเป็นคนดีนะภูมิ แล้วก็........."


    “ก็เพราะมันเป็นคนดีไง กูถึงได้กลัว”



    “หืม
    ?”




    “กูไม่ได้เกลียดมัน กูเชื่อว่ามันคงดูแลมึงได้ดีไม่แพ้กู เพราะพวกกูไม่ได้ยืนคนละมุม แต่ยืนบนจุดเดียวกัน คือ รักมึง แต่ถ้าเทียบระหว่างกูกับมัน เป็นใครก็คงเลือกไอ้คลื่น บางครั้งกูก็เคยคิดว่าถ้ากูเป็นคนที่มาทีหลังแล้วเกิดรักมึง กูคงแย่ง ไม่เป็นคนดีอย่างมันหรอก กูเลยกลัวว่ามึงจะรักมัน”



    นี่คือเหตุผลของคนที่ผมเพิ่งด่าว่ามันไม่มีเหตุผล ผมลืมว่าไอ้ภูมิไม่เคยรักใคร ลืมว่ามันหวงความรักของมัน มันกลัวที่จะเสียไป ผมคงลืมว่ามันรักผมมากแค่ไหน ได้ยินว่ามันไม่ได้เกลียดคลื่นผมก็สบายใจ คงไม่ยากที่จะทำให้พวกมันเป็นเพื่อนกัน(ยากไปมั้ง)




    “คิดอะไรแบบนั้นวะ ถ้ากูจะรักคนดีๆกูคงไปรักแม่ชีแล้ว แล้วก็ช่วยจำไว้ด้วยว่ากูรักคนเลว ไอ้โง่



    “หึ ด่าใครโง่ ห๊ะ มึงมีความผิดหลายกระทงนะเตี้ย” มือมันเริ่มอยู่ไม่สุข ลูบจะทั่วหลังผมอยู่แล้ว




    “ไม่ต้องเลย บอกกูมาก่อนว่ามึง หาย
    - ไป- ไหน –มา กูนึกว่ามึงตายห่าไปแล้ว” มันมองผมตาขวาง ปล่อยมือปล่อยแขนออกจากตัวผม แถมขยับไปนั่งซะไกล ที่สำคัญมันไม่สบตาด้วย เอาแล้วโว้ย กูจะจับคนบูชายัญก็วันนี้แหละวะ เกมส์มันพลิกแล้วครับพี่น้อง



    “ภูมิ บอกมา”



    ………..คุด”


    “ห๊ะ อะไรคุดๆนะ”


    “ผ่า
    …….”


    “พูดดังๆกูไม่ได้ยิน”





     “กูผ่าฟันคุด ได้ยินชัดรึยัง ห๊ะ
    !!!”





    เย้สสสสสสสสสสสสสสเข้
     

    ผ่า ฟัด คุด แม่เจ้า กูไปไม่เป็นเลย ที่หายไปไม่โทรไม่คุยเนี่ยเพราะไปผ่าฟันคุดเรอะ ผมแข้งขาอ่อนเลยครับ คือ จะว่ายังไงดีล่ะ ใครที่บอกว่าชีวิตนี้เจอเรื่องร้ายๆช่างเจ็บปวด ถ้าคุณไม่เคยปวดฟันคุดคุณไม่รู้หรอกว่าเจ็บและปวดจริงๆมันเป็นยังไง




    ไอ้เหี้ย สรุปแม่งไปผ่าฟันคุดมา แสรดดดดดดดดดดดดดด



    “หึ  หึ  หึหึ ฮะ ฮ่าๆๆๆ กร๊ากกกกกกกกกกกกก” ผมกลั้นไม่ไหวแล้ว กูขอฮาก่อนนะ ผมหัวเราะจนน้ำตาไหลกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง โอยหายใจไม่ทัน ต้องทุบเตียงตีขาสลับไปมา ฮ่าๆ ไอ้ภูมิมันกอดอกกัดปากถลึงตาใส่ผม โอย ไม่ไหวกูฮามากครับ ณ จุดนี้



    “หัวเราะไร อยากตายใช่มั้ย ห๊ะ หุบปาก ห้ามหัวเราะกู”



    “กร๊ากกกกกกกกกก เชี่ยผ่าฟันคุด ไหนๆ อ้าปากให้พี่พีมดูหน่อยสิครับ โอ๋ๆเจ็บมั้ยๆ” ผมกระดึบๆเข้าไปหาไอ้ภูมิและก้มลงแตะปากกับปากมันเบาๆ ไอ้ภูมิยิ้มแก้มแทบแตก “แต่มึง ฮะๆ มึงก็น่าจะบอกกูบ้างนะเว้ย โทรมาบอกนิดนึงก็ได้”



    “อย่าว่าแต่คุยโทรศัพท์เลย แค่จะหายใจกูยังเจ็บ”


    “คุยทางเอ็มก็ได้นิ”


    “แก้มกูบวม กูไม่อยากให้มึงเห็น” โถ จะตายยังห่วงภาพพจน์



    “งั้นก็น่าจะให้ไอ้ฟ่างบอกกูซักคำก็ได้”



    “ไอ้ฟ่างกลับมาได้เดือนกว่าแล้ว มันไปเที่ยวบาหลีกับไอ้แทนคงเปิดโทรศัพท์หรอก” เออเจริญจริงๆเพื่อนกู ผมก็ไม่รู้ว่าจะโกรธ จะขำหรือจะสงสารมันดี แม่ง



    “แล้วนี่หายปวดรึยัง”



    “หายแล้ว ปกติดีทุกอย่าง เมื่อกี้ได้ยาดีด้วย มาเป่าอีกทีดิ”



    “พอๆ เดี๋ยวจะยาว ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ จะเป็นอะไรก็ขอให้บอกกันบ้าง กูไม่ชอบเลยที่มึงหายไปแบบนี้” มันจับหัวผมไปวางบนอกอีกครั้ง ภูมิไม่ได้กอดแค่ลูบหัวผมเบาๆแค่นั้น



    “ขอโทษนะ ต่อไปนี้กูสัญญาว่าจะไม่ให้มึงเหงาอีกแล้ว”



    “รักษาสัญญาด้วยละ ไอ้แห้ง” เอ รึไม่แห้งแล้วเพราะมันดูมีเนื้อมีหนังมีกล้ามกว่าเดิมนะ คราวนี้ห้องก็เงียบอีกครั้งแต่ไม่ใช่เงียบด้วยความตึงเครียด เงียบแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้ เอ่อ แล้วมือมันจะสอดเข้ามาในเสื้อผมทำไมไม่ทราบครับ



    “กู กูว่าเราลงไปข้างล่างหาไอ้พวกนั้น อื้ออ” ไม่ทันแล้วครับ ผมคงต้องขอตัวสักครู่ เพื่อรำลึกความหลังนิดหน่อย ห่างกันหลายเดือน ก็นะ แหะๆแต่ภูมิมันกระซิบอะไรไม่รู้ ผมก็ไม่มีสติฟังเท่าไร




     “เตี้ย”




    “หื้ม”






    Ti amo”





    ………………………………
     
     


    “เห้ย มึงคุยกันอิท่าไหนวะดูเพลียๆนะ หึหึ” ไอ้เชนส่งลูกสมุนมันมากัดผมกับภูมิทันทีที่หย่อนคัวลงนั่งในวงเหล้า



    “สงสัยจะหลายท่าวะ กูว่า ฮ่าๆ” ไอ้แทนก็เป็นลูกคู่ที่ดีจริงๆ ผมเหลือบมองคลื่น มันก็ยิ้มบางๆให้ ผมก็ยิ้มตอบ
     


    “ไงมึง ไม่เจอกันนาน มาหาเฮียหน่อยซิ” เชี่ยคิว แม่ง กูไม่ใช่เด็กนั่งดริ้งนะเว้ย พวกมันแต่ละคนกำลังกรึ่มได้ที่ วงเหล้าขนาดใหญ่บนพื้นหญ้านุ่มๆ ดีที่พี่กิ่งปูผ้าใบให้ ของกินก็เยอะได้อีก
     


    “โจรที่ไหนมาเรียกกูว่ะ” ผมลุกไปตบหัวมันพลางกวาดตามองไอ้เพื่อนรักทั้งหลาย คิดถึงพวกมันเหมือนกัน แต่ละคนก็มีอะไรเปลี่ยนไปนิดหน่อยจากที่ไม่เจอกันหลายเดือน ไอ้คิวผมยาวและเซอร์ขึ้นมาก ถ้ามันข้ามเส้นคำว่าเซอร์อีกนิดมันจะดูซกมกทันที แต่หน้าตาดีเลยรอด
     


    ไอ้เชนผอมลงนิดนึง แล้วผมมันจากสีน้ำตาลก็กลายเป็นสีดำ หน้ามันเลยดูผ่องสมกับเป็นนักศึกษาแพทย์ ไอ้แทนมาแบบเถื่อนเลย หูมันเป็นราวใส่ต่างหูรึไง ที่สำคัญมันตัดสกินเฮดครับ ไม่ไหวจะหล่อ


    ส่วนไอ้ฟ่างก็ขาวโอโม่ยิ่งกว่าเดิมสงสัยเพราะไปอยู่เมืองหนาวมาไม่ค่อยเจอแดด ไอ้มิคไอ้แมทก็หัวทองมาแต่ไกล ราชนิกุลเบียร์ คนมันคุณชายอ่ะครับมันก็ไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไรหล่อยังไงก็หล่ออย่างงั้น ส่วนคนที่ไม่เปลี่ยนเลยน่าจะเป็นไอ้ปัน เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว

    ไอ้เชี่ยน้องเต้ย มันก็หล่อใสไร้สาระเหมือนเดิม แต่เพื่อนผมคงหวงน่าดู
     

    แต่ตอนนี้คนที่น่าห่วงคงเป็นไอ้คลื่น
     


    “นี่ แถวบ้านมึง นิติพลกับวุฒิศักดิ์ยังเข้าไม่ถึงรึไงวะ หัดไปดูแลหน้าบ้างนะ จะได้หล่อเหมือนกู” ไอ้ปันกำลังยิ้ม ยักคิ้วใส่ไอ้คลื่น เหอๆ มึงเจอของเล่นชิ้นใหม่แล้วใช่มั้ย นิ่งๆอย่างมึงนี่ซวยว่ะคลื่น
     

    ไอ้ฟ่างก็ทำตัวเป็นคนดีช่วยแงะไอ้คลื่นออกจากการรังควานของไอ้ปัน ฟ่างกับคลื่นก็คุยกันถูกคอเพราะเรียนคณะเดียวกัน รู้สึกว่าจะเล่นรักบี้ทั้งคู่ด้วยมั้ง และไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า


    แต่เหมือนบรรยากาศระหว่างคลื่นกับภูมิจะดูเป็นมิตรขึ้นมานิดนึง(นิดเดียวจริงๆครับ)เพราะมันก็ด่ากันข้ามหัวผมนี่แหละ
     


    “พี่คิววววววววววว” ไอ้เด็กเวรนี่มาอีกแล้วครับ เมื่อกี้มันเพิ่งไปวิ่งไล่ลูกหมาบ้านข้างๆโดยมีไอ้แมทเป็นลูกคู่(ถูกไอ้เต้ยบังคับไป)


    “เออ มีไร” ไอ้คิวเงยหน้ามองแฟนมันที่มายืนค้ำหัว


    “ปวดฉี่ๆ เต้ยปวดฉี่”


    “ปวดมึงก็ไปฉี่สิวะจะมาบอกทำไม หรือต้องให้กูไปถือค
    …ให้” พวกผมก็หัวเราะ มึงรักกันได้ฮาร์ดคอร์มากว่ะคิว



    “บ้านเฮียพีมใหญ่เว่อร์ เต้ยหาห้องน้ำไมเจอ ขอฉี่หน้าบ้านได้ป่ะ” มึงขี้เกียจเดินก็บอกมาเหอะ พวกผมก็รอดูว่าไอ้คิวมันจะจัดการชีวิตมันยังไง พอไอ้คิวพยักหน้าถอนหายใจ ไอ้เต้ยมันก็หันมายิ้มให้ผม แล้วแม่งก็วิ่งไปฉี่ใส่โคนต้นลั่นทมหน้าบ้าน



    “ไอ้เด็กเปรต มึงเลือกโลเคชั่นซะเหนือลมเลยนะ พวกกูต้องดมเหยี่ยวมึงเนี่ย” เวลาสองเดือนกว่าๆไม่ได้ทำให้นิสัยของไอ้ตัวไหนเปลี่ยนไปซักคน ไอ้คลื่นก็ดูจะเข้ากันดีกับพวกเพื่อนๆผม เพราะอย่างไอ้คิวกับไอ้เต้ยก็รู้จักกันแล้วตอนไปค่าย ไอ้เชนคงเห็นไอ้คลื่นมันดูใจดี ชงเหล้าให้แบบไม่พัก มึงกะมอมมันรึไง


    “แดกเยอะๆมึง คนดีกว่าไอ้พีมยังมีอีกเยอะ เดี๋ยวกูหาให้” อ๋อ ย้อมใจแล้วทำไมต้องเอากูเป็นเกนณ์ฟระ


    “พี่เชน ให้ผมบ้างดิพี่”



    “มึงแดกกับแกล้มไปเลยไอ้แมท ส้มตำมึงน่ะ ที่อิตาลีไม่มีให้แดกไม่ใช่รึไง” แต่มันก็รับแก้วเปล่าของไอ้แมทมาชงเหล้าอยู่ดี


    “พีมๆ มึงดูไอ้แทน ฮ่าๆ” ไอ้เบียร์มันก้มมากระซิบผม ไอ้แทนกำลังใช้ปากงับไหล่ไอ้ฟ่างให้หันมาหามันครับ โคตรเหมือนหมาเลยเพื่อนผม



    “เมาแล้วอยู่เฉยๆได้มั้ยแทน ไอ้เหี้ย เดี๋ยวเสื้อขาด”


    “ฟ่างงงง ทำไมเล่นแต่บีบี บีบีหน้าเหมือนผัวมึงเหรอ ฟ่างงงงง”
    “สัส”



    “มึงอ่ะ ไม่สนใจกู พวกมึงดูมัน เมียกูไม่สนใจกู” แต่ไอ้ฟ่างก็หาได้สนใจไม่ แค่ถีบไอ้แทนออกมาด้วยความรักและกำลังเมดเล่ย์ด่าไอ้แทนจนพวกผมฟังแทบไม่ทัน แต่เชี่ยแทนแม่งกวนตีน ทำหน้าสลดแต่เสือกยกมือมาพนมไหว้แนบอก เฮ้อ แต่ละคน


    “เพิ่งผ่าฟันคุด กินเหล้าได้เหรอ” ผมถามไอ้คนที่นั่งข้างๆ


    “หึ ตัวมึงกูยังกินได้ทั้งตัว ประสาอะไรแค่เหล้า” ลุกขึ้นตีหลังกาหลังซักสามม้วนดีมั้ย


    “เป็นไรพีม เมาแล้วเหรอหน้าแดงๆ” ไอ้เบียร์มึงนี่ก็ช่างสังเกต



    “เปล่าๆ กูร้อน” ไอ้คนข้างๆนี่ก็หัวเราะพออกพอใจ อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะ ยิ่งดึกแอลกอฮอล์ในเลือดก็ทำให้สติพวกผมเริ่มเลือนราง พอเมาแล้วความบ้าก็เริ่มมา ยิ่งคนที่มันบ้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอย่างไอ้ปัน แม่งนั่งร้องไห้ จับใจความที่มันคร่ำครวญได้ว่า ถูกสาวทิ้ง



    “ฮือออ แม่ง กูไม่ดีตรงไหน พวกมึงบอกกูซิ กูมีอะไรไม่ดีบ้าง หน้ารึก็หล่อ พ่อกูก็มีอิทธิฤทธิ์”



    “อิทธิพลปันอิทธิพล ใจเย็นๆเพื่อน”



    “เออ ๆ ฮือ แม่ง กูต้องเป็นฝ่ายบอกเลิกดิวะ มาขอคบกูแล้วขอเลิก ฮือออ พีม มึงโทรไปหามันดิ” มันยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็รับมางงๆ ตอนนี้สงสารก็สงสารอยู่หรอกแต่มันก็ฮาไง


    “เบอร์ไหนมึง”


    “ที่ชื่อครกน่ะ”


    “ผู้หญิงบ้าอะไรชื่อครก” ไอ้คิวคิดเหมือนผมเลย แต่เดี๋ยวก่อนผมกดเลื่อนดูรายชื่อในโทรศัพท์ไอ้ปัน แม่ง


    “อะไรของมึงเนี่ยปัน ครก สาก กระทะ กะชอน หม้อ” ในมือถือมันมีแต่ชื่อแบบนี้ครับ


    “กูเมมชื่อผู้หญิงเป็นเครื่องครัว เก๋ใช่มั้ยละ มึงโทรยัง โทรดิวะ ฮือ”


    “เออๆ โทรอยู่ เฮ้ยติดแล้วๆ” เสียงเพลงรอสายของพี่รุจดังกรอกหูผมเต็มๆ ฉันไม่มีวันที่จะรับสายเทออีก


    “เอ่อ เค้าไม่รับว่ะปัน”


    “หื้ม”


    “มันไม่รับ”


    “ทำไมมันไม่รับ” เชี่ยคิวสอดปากบอกว่า มันเป็นรุกรึเปล่า ฮ่าๆ ไอ้นี่ก็


    “กูไม่รู้”


    “ทำไมมึงไม่รู้”


    “เอ๊า ก็กูไม่รู้ รู้แค่ว่ามันไม่รับ”



    “เอ๊า แล้วทำไมมันไม่รับล่ะ”


    “เอ๊า แล้วกูจะรู้มั้ย”


    “ทำไมมึงไม่ถามมัน”



    “ก็บอกว่ามันไม่รับ ไม่รับ กูจะถามมันได้ไง ไอ้ฟาย” มันหยิบโทรศัพท์คืนไป แล้วก็เอาแนบหู จากนั้นมัน


    ก็
    ……. คุยครับ คุยโทรศัพท์คนเดียว พวกผมก็ฮา คือว่าเมามากตอนนี้ แม่ออกมาถามว่าจะเอาอะไรอีกมั้ย หน้าตาคุณนายแม่แลดูแฮปปี้มากและเหมือนจะปลื้มไอ้ภูมิน่าดู



    “แม่หวัดดีคร้าบบบ” ไอ้มิคยกมือไหว้แม่ผม รอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ แม่ผมก็หัวเราะ พวกผมเป็นพวกเมาแล้วจะรั่วอ่ะครับ “ฮะๆไหว้บ่อยจังลูก”



    “อึก คนไทยครับแม่ ไหว้วววว” และแล้วมันก็นั่งพับเพียบ กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ แต่ขอโทษ เชี่ยมิคแม่กูอยู่ข้างหลังมึงนู่นมึงกราบกระติกน้ำแข็งแล้ว กร๊ากกก



    แม่ก็ถูกไอ้ฟ่างกับไอ้คิวมอมเบียร์ไปสองแก้ว คุณนายแม่ก็ขึ้นไปนอนโดยมีไอ้ภูมิเดินไปส่ง พวกมันทั้งหลายก็โห่ เชี่ย เดี๋ยวแม่กูสงสัย
     

    ก่อนไปแม่ยังบอกอีกว่า “ยันเช้าก็ได้นะลูกชายทั้งหลาย” กินเหล้าแม่ไม่ว่าหรอกครับ บางครั้งตั้งวงกันสองคนกับผมก็มี ขอแค่กินอยู่ในบ้าน เมาแล้วไม่ไปอาละวาดสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน แม่ก็พร้อมจะประเคนมิกเซ่อให้แทบไม่ทัน




    กินกันไปเมากันไปร้องเพลงบ้าบอได้ซักพัก ก็มีรถสาดไฟส่องใส่ตาพวกผม นึกว่าใคร วันนี้หนวดกลับดึกแฮะจะเที่ยงคืนแล้ว


    “ใครวะ” ไอ้แทนยืดคอขึ้นมอง



    “พ่อกูเอง” ผมบอกแทนแล้วหันไปมองคนข้างๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ผมยื่นมือไปจับมือภูมิและยิ้มให้มัน พ่อผมลงจากรถ อายศก็ขับรถไปเก็บ พอพ่อเดินมาพวกมันก็พร้อมใจกันยกมือไหว้แม้เสียงจะโหยหวนก็ตามที



    “คุณพ่อ ส่าหวาดดีคร้าบบบ” พวกไอ้แทนน่ะรู้จักกับพ่อผมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะไอ้เชนลูกรักเขาล่ะ พ่อบอกหน้าเหมือนพ่อสมัยเป็นหนุ่ม ถุย หนวดโครตโม้
    เลยวะ


    “พ่อครับ คิดถึ้งคิดถึง” ไอ้ปันไอ้สาระแน พ่อผมก็ตบหลังมันด้วยความเอ็นดูเสียงดังป๊าบ


    “เออ มาถึงตั้งแต่เมื่อไรกันล่ะเนี่ย”



    “ก็เย็นๆน่ะครับ
    พ่อนั่งก่อนครับ” ไอ้เชนมันทำหน้าที่ลูกชายคนโปรด ขยับให้พ่อนั่งพร้อมชงเหล้าเสิร์ฟด้วย และดูท่าเหมือนพ่อก็กรึ่มๆมาเหมือนกัน ไหนบอกไปตรวจเวรครับท่าน



    “เออ ไม่เจอกันนานเลยนะเป็นไงสบายดีมั้ย แล้วไอ้หนุ่มห้าหกคนนี่ ไม่คุ้นหน้าเพื่อนไอ้แมวเหรอ”


    “หึหึ แมวเหรอ” ไอ้ภูมิมันก้มหน้าพูดเบาๆแต่ผมหูดีไงเลยได้ยิน จะเอามาล้อกูล่ะสิ


    “ครับ ผมชื่อข้าวฟ่าง นั่นไอ้เบียร์ ภูมิ มิค น้องแมทแล้วก็น้องเต้ย เป็นเพื่อนพีมครับ” พ่อพยักหน้า ยกเหล้าขึ้นจิบ

    “อืม ตามสบายนะ อยากได้อะไรก็บอกพี่กิ่งเค้าได้ พ่องานเยอะไม่ค่อยอยู่บ้าน ไอ้แมวมึงก็ดูแลเพื่อนด้วยล่ะ”


    “คร้าบบบ”


    “แล้ว เราเป็นไงบ้าง ไปเที่ยวน้ำตกสนุกมั้ย” พ่อหันไปถามไอ้คลื่น ซวยแล้วกูในที่สุดไอ้ภูมิมันก็รู้จนได้ เสียวสันหลังแปลกๆ



    “ก็สนุกดีครับ”



    “พรุ่งนี้ก็ไปเที่ยวกันสิ ไปเยอะๆจะได้สนุก” พ่อก็นั่งเฮฮาดริ้งเหล้ากับพวกผม โดยมีไอ้เชนที่คอยเซอร์วิสเต็มที่ และมีไอ้ภูมิที่พยายามจะดูแลพ่อบ้าง เหอๆ พ่อก็นะเวลาเมาก็ไม่รู้ไปสรรหาเรื่องตลกอะไรมาเล่า อย่างกับคดีเด็ด ไอ้มิคพยายามที่จะอู้คำเมืองกับพ่อผมด้วย




    “กูพูดกลางได้ ไอ้เสือ แต่ไอ้หนุ่มนี่หน้ากวนดี ท่าทางจะได้เมียหลายคน”
    เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่พ่อชี้มาที่ภูมิ มันก็ดูจะตกใจอยู่เหมือนกันแต่….



    “ผมรักเดียวใจเดียวครับ”


    “โห่หหหหห” ไอ้ภูมิโดนโห่ ผมหัวเราะท่าทางเขินๆของมัน
    ผ มก็แอบมองคลื่นเป็นพักๆ มันก็ยังยิ้มหัวเราะได้ หวังว่ามันคงไม่เป็นไรนะที่เห็นผมกับภูมิอยู่ด้วยกันแบบนี้ มันหันมาเจอผมมองอยู่ก็ยักคิ้วให้ แล้วมันก็ชูมือสัญลักษณ์โอเค ผมถึงได้ยิ้มออก แต่คนข้างๆมันส่งเสียงไอ ค่อกๆแค่กๆ เลยต้องรีบหุบยิ้ม


    “เออดีๆ รักเดียวใจเดียวน่ะดี เหมือนพ่อรักแม่คนเดียว หึ” ชักรั่วแล้วครับท่านพ่อ


    “ไอ้แมว จะว่าไปเพื่อนมึงมีแต่คนสูงๆ ไม่อายที่ต้องเข้ากลุ่มหรอวะ” และแล้วก็วกเข้าประเด็นนี้จนได้


    “อย่ามาๆหนวด เค้าคบกันที่จิตใจไม่ใช่ส่วนสูง”


    “มันไม่มีคนคบพ่อ พวกผมสงสารเลยให้มันอยู่ด้วย”


    “สัดปัน พ่ออ่ะ นี่ลูกนะ ลูก”


    “ฮ่าๆ เรื่องเตี้ยปมด้อยไอ้แมว พวกมึงย้ำบ่อยๆนะ ฮะๆ”
    ทุกคนหัวเราะ มีแต่ผมนั่งหน้าบึ้งอยู่คนเดียว



    “พ่อแค่ล้อเล่น พีมมานี่ๆ” ผมก็ลุกไปนั่งกับพ่อ
    “ย่าบอกว่าพีมไม่ค่อยไปหาหรอ ทำไม”


    “อาปุ้ยไม่พาไป”


    “นี่มึงโง่ถึงขนาดขับรถไปฝั่งธนไม่ถูกหรอแมว ต่อไปต้องไปหาย่าบ่อยๆรู้มั้ย แม่กูเหงา ที่สำคัญสมบัตินะมึง ฮ่าๆ” พวกผมก็ฮากันอีกรอบ ต่อไปนี้ต้องไปหาย่าบ่อยๆซะแล้ว


    “ไอ้หนุ่มนี่ชื่ออะไรนะ” พ่อพยักหน้าไปที่ไอ้เบียร์




    “ชื่อเบียร์ครับ”




    “หน้าคุ้นๆ มึงลูกใครวะ” นี่ตำรวจหรือมาเฟียครับ และแล้วโลกใบนี้ก็กลมตามทฤษฎี พ่อผมกับพ่อไอ้เบียร์เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกัน เออเว้ย กลมได้อีกนะโลก ไอ้เบียร์เอาเบอร์พ่อมันให้พ่อผม หนวดก็โทรไปคุยน้ำไหลไฟดับ ขึ้นบ้านไปเม้าท์ต่อ คนแก่กับเรื่องเก่าเข้ากันดีที่สุด
    อิอิ
     



    “พี่คิว เต้ยง่วง” ผมสังเกตมาซักพักแล้วว่าไอ้เต้ยมันจะรายงานอาการต่างๆของมันให้ไอ้คิวรับรู้ทุกๆห้านาที จะขี้จะเยี่ยว มดกัด ปวดแขน มันบอกหมด ไอ้คิวก็ตอบสนองแฟนมันดีมาก


    “ง่วงหรือเงี่ยน หึหึ”



    “ง่วงงงงงเว้ย เต้ยเมาว่ะพี่คิว ง่วงด้วย” ไอ้คิวพยักหน้าแล้วจับหน้าไอ้เต้ยพิงไหล่มัน แต่ลิงมันก็คือลิงแหละครับ ซบกันได้ไม่ถึงสามสิบวิ ไอ้เต้ยก็ลุกไปหาคนโน้นคนนี้ กูล่ะเหนื่อยแทน
     


    “มันต้องเขียนแบบนี้โว้ย” เสียงไอ้มิคกับไอ้ปันเถียงอะไรซักอย่าง พวกมันก้มดูอะไรไม่รู้ ไอ้ปันน่ะก้มผมมั่นใจ แต่ไอ้มิคนี่ฟุ่บหลับหรือเปล่าผมก็ไม่ขอฟันธง


    “อะไรอ่ะภูมิ”



    “หึ ไอ้ปันมันจะส่งเมสเสจหาสาว แต่มันพิมพ์คำว่ารามเกียรติ์ไม่ถูกเลยเถียงกับมิค” เอ่อ แล้วรามเกียรติ์มาเกี่ยวอะไรด้วย แฟนมันเป็นนางสีดารึไง


    “มึงเชื่อกูปัน เชื่อกู ถูกชัวร์ เดี๋ยวกูเปิดหาในพี่เกิ้ลให้” แล้วมันก็งกๆเงิ่นๆหรี่ตาดูมือถือ “นั่นไง เชื่อกูรึยัง รอเรือสระอามอม้า ไม่ใช่รอเรือสระอำ” แบบนั้นมันก็รำเกียรติ์น่ะสิ




    “อ้าวหรอ กูจบนอกน่ะ ภาษาไทยเลยไม่แข็งแรง”
    ถุ้ย  จบนอก



    “นอกไหนว่ะ นอกชายแดนหรือนอกเขตเทศบาล” ถูกใจที่สุดภูมิ




    เข็มนาฬิกาบอกว่าเข้าสู่วันใหม่แล้ว ไอ้ฟ่างหอบไอ้แทนไปนอนมีไอ้คลื่นช่วยแบกคนละข้าง ไอ้ปันก็ฟุ่บกอดกระติกหลับ ไอ้แมทไปโก่งคออ้วกอยู่หน้าบ้าน นอกนั้นก็เข้าไปนอนเรียบร้อย วันนี้ก็นอนกองกันในห้องโถงข้างล่างนี่แหละ


    “แมท เป็นไงบ้าง มึงเอายามั้ยวะ”


    “ไม่เป็นไรพี่ อิดออไรท์”



    “หึ เออๆ งั้นพี่ปิดไฟนะเว้ย” ผมปิดไฟและกลับมานอนข้างๆภูมิ การนอนก็เรียงแบบนี้ครับ ผม ไอ้ภูมิ ไอ้มิค ไอ้เบียร์ ไอ้เต้ย ไอ้คิว ไอ้คลื่น ไอ้แมท ไอ้เชน ไอ้ฟ่าง ไอ้แทน ไอ้ปัน เชี่ยมิคกรนเสียงดังมาก พอผมเริ่มจะหลับ ก็มีสิ่งแปลกปลอมมาป้วนเปี้ยนแถวปากแถวแก้ม



    “อื้อ ภูมิ นอนได้แล้ว” ผมกระซิบบอกเสียงเบาเพราะกลัวคนอื่นจะตื่นมาได้ยิน



    “สามเดือนเลยนะ” ผมหรี่ตามองมัน คือทั้งง่วงทั้งเมา พูดอะไรมาผมไม่ค่อยจะรับรู้หรอก




    “ทำไม”



    “ไม่ได้กอดมึง”



    “แล้วที่กำลังรัดกูแน่นจนกระดิกตัวไม่ได้นี่ไม่เรียกกอดเหรอ”


    “กอดน่ะกอด กอดแบบที่เรากอดตอนเย็นไง”



    “มึงจะบ้าเหรอ เพื่อนอยู่เต็มห้อง”



    “หลับตาไว้ นอนเฉยๆเดี๋ยวกูจัดการเอง”



    “ไอ้หื่น พอเลย นอนได้แล้ว”



    “หึหึ” สรุปมันแกล้ง ใครจะกล้าครับเพื่อนนอนเต็มห้องขนาดนี้แถมกลางบ้านอีกต่างหาก เลยแค่คิสเบาๆก่อนนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำบุญแต่เช้า คืนนี้ผมคงมีความสุขที่ได้อยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย
     




    ฝันดีนะครับทุกคน
     




    TBC >>>>>>>>>>>>>>




    …………….........…………….
     


    ขอโทษที่ทำให้รอคะ เพิ่งแบกสังขารขึ้นมาได้ อ๊ากกก อยากดราม่าเหมือนกันแต่ทำไม่เป็น แต่งไม่ได้อ่ะคะ หวังว่าคงไม่ทำให้เสียอารมณ์เนอะ มีรูปน้องเต้ยกับเฮียพีมมาให้ดู ประชันกันตัวๆไปเลย อิอิ


    อันนี้น้องเต้ย เด็กอะไรน่าร้ากกกกก

     








    เห็นบ่อยก็อย่าเพิ่งเบื่อพีมเน้อ


     




     


     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×