ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่ 23 ความหลังของเรา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 42.02K
      277
      1 มี.ค. 54







    ตอนที่ 23 ความหลังของเรา
     



     
    พวกผมย้ายฐานทัพมาจากที่ร้านมาห้องรับแขกในบ้าน เพราะจะให้ไปคุยเรื่องแบบนี้กลางร้านมันก็ยังไงๆอยู่ ไอ้เต้ยก็ยังเงียบอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกผม ทุกคนนั่งบนโซฟา ยกเว้นไอ้ปันที่ไปนั่งกับพื้น แหงนหน้ามองไอ้เต้ย คือ มึงเป็นอะไรมากมั้ยปัน อะไรมันจะอยากรู้ขนาดนั้นวะ
     
    “ปัน มึงเอาป๊อบคอร์นกับเป๊บซี่มั้ย” ไอ้ฟ่างประชดครับ แต่ไอ้ปันพยักหน้า
     
    “ไม่เล่าก็ได้นะเต้ย พวกกูรู้แค่นี้ก็ได้” ไอ้แทนโอบไหล่ไอ้เต้ย มันเงยหน้ามามองคนนั้นที คนนี้ทีแล้วก็ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนๆ
     
    “ไม่เป็นไรเฮีย ยังไงก็รู้กันแล้ว ก็รู้ให้หมดเถอะ เต้ยก็เหนื่อยที่ต้องปิดบังมานาน”

    พวกผมยิ้มให้มัน เต้ยสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะค่อยๆผ่อนออก
    ไอ้ปันกับไอ้มิคก็ทำตามน้อง อะไรของพวกมึ้ง
     

    “ตอนเต้ยอยู่
    .4 เฮ้ย เฮียอย่าทำหน้าเครียดดิ รีแร็กซ์ๆ” มันยิ้มให้พวกผม ก็เพิ่งรู้ตัวนี่แหละว่าเผลอทำหน้าเครียดกัน
     

    “แม่ง ก็มึงบิ้วพวกกูซะขนาดนี้” ผมโวยวาย

    “บิ้วตรงไหน พวกเฮียแหละ คิดมากกันเอง”

    “อย่าเพิ่งขายยา เล่าต่อดิเต้ย” ไอ้มิค มึงเห็นเรื่องเล่าของน้อง เป็นหนังขายยาหรอสัด แต่ไอ้มิคก็ทำให้บรรยากาศก็ดีขึ้นกว่าตอนแรก เพราะไอ้เต้ยมันก็ดูผ่อนคลาย


    ผมเห็นไอ้แมทพยักหน้าให้กำลังใจไอ้เต้ย ไอ้น้องแมทมันคงรู้เรื่องต่างๆมาตลอด และคงเป็นที่ปรึกษาเพียงคนเดียวของไอ้เต้ยด้วยมั้ง
     

    “ตอนอยู่ ม
    .4 หลังเลิกเรียนเต้ยต้องไปรอแฟนที่ร้านกาแฟ เอ่อ ตอนนั้นเต้ยคบเด็กเซนฟรังน่ะ” ได้ยินเสียงไอ้ภูมิกับไอ้เชนขำหึ ผมเลยหันไปมอง คงประสบการณ์เดียวกันล่ะสิพวกมึง
     
     

    เรื่องเล่าจากน้องเต้ย


    ตอนที่ผมอยู่ม.4 หลังเลิกเรียนผมไปนั่งรอแฟนที่ร้านกาแฟร้านนึงที่สยามทุกวัน เพราะร้านนั้นใกล้ที่เรียนพิเศษของเรา เธอชอบทานเค้ก ส่วนผมชอบนมปั่น เราเรียนพิเศษด้วยกัน เรียนเสร็จก็เดินเที่ยวต่อนิดหน่อย ก่อนจะส่งเธอกลับบ้าน
     
    ร้านนั้นเป็นกึ่งแกลลอรี่กึ่งร้านกาแฟ เพราะพี่เจ้าของร้านเป็นจิตรกร ผมมักมองดูผู้คน ผ่านกระจกใสของร้าน และทุกวันผมก็จะเห็นเด็กผู้ชายคนนึง เขาเดินผ่านร้านนมที่ผมนั่ง เขาถือกระดานเขียนรูป กระเป๋าอุปกรณ์ ใบหน้าที่เหมือนอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา มันดูอบอุ่น มีความสุข คงเพราะเขาได้ทำในสิ่งที่รัก
     
    ผมเห็นเขาทุกวันแต่ไม่รู้ว่าเขาจะเดินไปไหน อาจจะกลับบ้าน หรืออาจจะไปนั่งเขียนรูปที่ไหนซักแห่ง วันนึงผมกับแฟนเดินผ่านไปเห็นเขาคนนั้นกำลังนั่งเขียนรูป
     
    ทั้งที่อายุเราคงรุ่นๆเดียวกัน แต่ทำไมเขาถึงได้ดูมีอิสระ เรียบง่ายมีความสุขต่างจากผมที่ยังหาสิ่งที่ตัวเองชอบไม่เจอ เอาแต่ใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ ผมเผลอยิ้มเมื่อเขาใช้กิ่งไม้ไล่หมาสองตัวที่กัดกันและมันบังแบบที่เขาวาด
     


    วันนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ผมล้มตัวลงนอนและก็เริ่มถามตัวเองว่า อนาคตอยากจะทำอะไร ผมเริ่มอยากจะมีฝัน คงเพราะเด็กผู้ชายคนนั้นที่เขาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้เริ่มคิด
     


    ผมไปที่ร้านนั้นบ่อยจนเริ่มสนิทกับพี่โอ้เจ้าของร้าน วันนึงระหว่างที่ผมนั่งรอแฟนเหมือนทุกวัน ผมดันทำนมปั่นหก พี่โอ้จะเรียกพนักงานมาทำความสะอาด


    แต่ผมอาสาจะทำเอง ผมก้มลงไปใต้โต๊ะจะเช็ดทำความสะอาดพื้น และบังเอิญเหลือบไปเห็นกล่องดินสอตกอยู่ซอกกระถางต้นไม้ มันเป็นกล่องดินสอรูปร่างหน้าตาประหลาดๆทำจากไม้
     

    “พี่โอ้ ผมเจอไอ้นี่มันตกอยู่อ่ะครับ”

    “อ่อ เฮ้ย หาเจอที่ไหนวะ ของน้องชายพี่เอง มันหาจนแทบพลิกร้าน”

    “ฝากคืนพี่เขาด้วยนะพี่ น้องชายแท้ๆหรอ”

    “เปล่า บังเอิญไปเจอกันที่แกลลอรี่น่ะ คุยถูกคอเลยสนิทกัน รูปที่โชว์ที่แขวนในร้านก็มีแต่ฝีมือมันทั้งนั้น มันยังเรียน มปลายนะ น่าจะรุ่นๆแกมั้ง”

    “โห เก่งจัง เด็ก ม ปลายทำได้ขนาดนี้เลยหรอพี่” ผมรู้สึกทึ่ง เพราะแต่ละรูปก็สวยๆทั้งนั้น และผมก็นึกไปถึงเด็กผู้ชายคนที่เดินผ่านหน้าร้านทุกวัน เขาจะวาดสวยเท่านี้รึเปล่านะ

    “เออถ้าตั้งใจ อยากทำอะไรก็ทำได้หมดแหละ เดี๋ยวพี่จะบอกมันให้ว่าแกเก็บได้ มันคงอยากมากราบแกเลยล่ะ กล่องดินสอนี่ของรักของหวงมัน”
     


    เย็นของวันต่อมา ผมก็ไปที่ร้านนมเหมือนทุกวัน แต่วันนั้นพี่โอ้บอกว่ามีคนฝากของไว้ให้ เป็นกระดาษปอนด์ขนาด
    A4 มีรูปดินสอกำลังยิ้มและพูดคำว่าขอบคุณให้แก้วนมปั่น ทันทีที่เห็นรูปผมก็เผลอยิ้ม ก่อนจะหัวเราะ มันน่ารักดีตลกดี ดินสอคงแทนตัวพี่เขา และแก้วนมปั่นก็คงแทนตัวผม


    “เฮ้ย สวยอ่ะพี่”

    “อืม ไอ้เจ้าของกล่องดินสอที่แกเก็บได้มันฝากไว้ให้ บอกว่าขอบคุณมาก”

    “พี่โอ้ วันนี้พี่เขาจะมาป่ะ” ผมอยากอยู่รอเจอพี่เขา อยากคุยกับพี่เขามากๆ แต่แฟนผมก็มาซะก่อนและผมต้องไปเรียนพิเศษ

    “มาสิ มันมาทุกวันอยู่แล้ว”

    “ผมฝากขอบคุณพี่เขาหน่อยดิ เรื่องรูปอ่ะ”


    “พวกแกนี่ท่าจะบ้า ขอบคุณกันไปขอบคุณกันมา”

    “ผมเขียนโพทอิทไว้ ฝากบอกพี่เขาด้วยนะพี่ อยู่หลังกรอบรูป ห้ามแอบดูนะพี่โอ้”

    “เออๆ ถ้าไม่ลืมจะบอกให้” พี่โอ้ง่วนอยู่กับการล้างแก้ว ไม่ได้สนใจผมเท่าไร


    ผมแปะโพสอิทสีฟ้าที่เขียนคำว่า
    “ขอบคุณ รูปตลกมากอ่ะพี่ ^^ จากนมปั่น” ไว้หลังกรอบรูปที่แขวนอยู่ผนังร้าน
     

    วันต่อมาผมไปพลิกดูหลังกรอบรูป โพสอิทสีฟ้าของผมหายไป แต่มีโพสอิทสีเขียวแปะไว้แทน ก็ไม่รู้ทำไม แต่มันดีใจที่เห็นลายมือหวัดๆเขียนไว้สั้นๆว่า
     

    “วาดให้ได้เท่ากูก่อนเหอะ
    : จากพี่ดินสอ”
    และหลังจากวันนั้น การเขียนข้อความผ่านโพสอิทระหว่างผมกับพี่ดินสอก็เริ่มขึ้น ผมจะมาร้านประมาน5 โมงเย็น ออกจากร้าน5 โมงกว่าๆไปเรียนพิเศษ ส่วนพี่ดินสอเข้ามาที่ร้านประมานสามทุ่ม เราเลยไม่มีโอกาสได้เจอกัน
     

    “ไม่เอา ไม่อยากแข่งพี่ว่ะ เดี๋ยวพี่ไม่ดัง
    555 พี่อยู่โรงเรียนไรอ่ะ”

    “กูเป็นสุภาพบุรุษ ตึกกูเลยยาว แล้วมึงล่ะ ปล ช่างกล้าหลอกตัวเองนะมึง”

    “ยาวแต่ตึกหรอพี่ ก๊าก ปล อยู่โรงเรียนวัดฝรั่ง กางเกงผมสีสวยเว้ย”
     
     
    ผมกับพี่ดินสอเหมือนค่อยๆเรียนรู้ และทำความรู้จักันทีละนิด เพราะเราจะได้คุยกันแค่วันละไม่กี่ประโยคแค่นั้น จากที่เคยรีบมานั่งรอแฟน ผมก็มาลุ้นโพสอิทว่าวันนี้พี่ดินสอจะเขียนอะไรไว้
     
    มันก็สนุกดี ได้คุยกับใครซักคนที่ไม่รู้จัก ปรึกษากับใครซักคนที่แปลกหน้า จนมันกลายเป็นความคุ้นเคย อยากคุยทุกวัน  นานๆเข้าเลยเขียนเป็นกระดาบพับไว้ว่าวันนี้ไปเจออะไรมา ทำอะไรบ้าง ก็เหมือนได้คุยกับพี่ชาย มีครั้งนึงผมอกหักยังปรึกษาพี่ดินสอเลย



    ตอนนั้นมันก็ไม่ได้รู้สึกชอบหรืออะไรหรอก เวลาคุยกับพี่ดินสอก็เหมือนคุยกับพี่ชาย เพราะผมเป็นลูกคนเดียว บางครั้งก็อยากมีพี่ เล่นด้วยกัน จีบสาวด้วยกัน คุยกัน เล่นเกมส์เป็นเพื่อน
     

    “สาวทิ้งว่ะพี่ แม่ง อยากได้อะไรนักหนาเวลา”
     

    “มึงก็ซื้อนาฬิกาให้มันดิ เอาแบบลูกตุ้มเลย แจ่มสาดดด”

    ผมเศร้าทั้งวันตอนที่ครีมบอกเลิก แต่พอมาเจอข้อความของพี่ดินสอในตอนเย็น ผมก็ยิ้มออก หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้มาที่ร้านเพื่อรอครีม แต่มาที่ร้านเพื่อรอโพสอิทของพี่ดินสอ จนผมก็เริ่มรู้สึกดีๆกับคนที่ไม่เคยเจอหน้า ผมว่ามันเป็นอะไรที่ดีมากๆเลยล่ะ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ มันจะดูแปลกๆก็เถอะ
     
    “พี่ดินสอ ผมคงชอบพี่แล้วว่ะ พี่ชอบผมป่าว”


    “ชอบมั้ง แม่งแก่แดดนะมึง เป็นเด็กเป็นเล็กมาบอกรักผู้ชาย ก๊าก”


    “แล้วเราจะเป็นอะไรกันดี พี่มีแฟนแล้ว เล่นชู้มั้ย คึ”


    “ไว้หน้ามึงเหมือนเป้ยปานวาดก่อนเถอะ ค่อยฝันจะมาเป็นชู้กู มึงน่ะเป็นคนพิเศษของกูก็พอ ไอ้นมปั่นบูด”


    “อืม ก็ได้ นมปั่นจะเป็นคนพิเศษของพี่ดินสอ พี่ดินสอก็เป็นคนพิเศษของนมปั่น เราเป็นคนพิเศษของกันและกันนะ
    ^^

    “ไอ้สามเหลี่ยมไม่มีฐานสองอันมันคืออะไรวะ เอาเป็นวงกลมสิ จ๊าบนะมึง”

    “สัญลักษณ์แทนหน้ายิ้มเว้ย ไอ้พี่ดินสอโง่ บ้า ฮ่าๆๆ”



    และเราก็กลายเป็นคนพิเศษของกันและกัน
     
     
    จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นหลายเดือน จนเป็นปีที่ผมยังเขียนโพสอิทกับพี่ดินสอ และก็ยังเห็นผู้ชายคนนั้นเดินผ่านหน้าร้านทุกวันเหมือนเคย บางครั้งผมก็แอบคิดไปว่า เขาคนนั้นจะวาดรูปเก่งเท่าพี่ดินสอมั้ยนะ


    ผมกับพี่ดินสอสนิทกันมากคุยกันทุกเรื่อง ทุกอย่างพัฒนาขึ้นมาทีละนิด ผมรู้ว่าพี่เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จนผมโสดอีกครั้ง พี่ดินสอก็โสดเหมือนกัน แต่เราก็ไม่เคยเจอหน้ากันเลย



    “พี่ดินสอ ป๊าของนมปั่นไปเที่ยวจีน มีหนมมาฝาก ทวงกับพี่โอ้นะ”


    “ขนมเหี้ยไรของมึงว่ะ บอกป๊ามึงเปลี่ยนรสนิยมได้แล้ว เอาขนมจากอังกฤษไปแดกซะไอ้น้อง ห้าๆ” วันนั้นผมก็หอบถุงขนมเบ้อเร้อไปเรียนพิเศษ และก็เดินสยามในสภาพแบบนั้น
     

    วันเวลาผ่านไปผมขึ้นม
    .5พี่ดินสอก็ขึ้นม.6เตรียมสอบเอ็นทรานซ์ พี่เขาอยากเข้าศิลปกรรม เห็นบอกว่ามีเพื่อนสนิทก็สอบเหมือนกัน ยิ่งใกล้วันสอบพี่ดินสอก็ยิ่งไม่ค่อยมีเวลา
     

    “พี่ดินสอ จะเข้าที่ไหน คณะไร คณะลิเกหรือคณะละครลิงพี่ ห้าๆ”

    “เมื่อวานมีคนถามกูแบบนี้ ตอนนี้เข้าน้ำเกลืออยู่โรงบาลว่ะ”

    “พี่ดินสอ แม่ของนมปั่นจะให้สอบชิงทุนไปออสว่ะพี่ ไม่อยากไป”

    “ไปเลยๆ แผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้น ฮ่าๆ”
     
    “ซีเรียสเว้ย ไม่อยากไป ถ้านมปั่นไปอย่าคิดถึงแล้วกัน”

    “มึงจะคิดมากทำไมวะ คิดว่าตัวเองจะสอบได้รึไง๊ ไอ้นมปั่นเน่า”

    “อยากเรียนหมอ อยากอยู่ไทย อยากอยู่กับพี่ดินสอ”
     
    “กูไม่อยากอยู่กับมึ้งงงงง ฮ่าๆ หมอไรวะ หมอลำ หมอตำแย” ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ผมเครียดพี่ดินสอก็ทำให้ผมยิ้มได้เสมอ


    “ไม่อยากไปออส จริงๆนะ ไม่อยากห่างพี่ดินสอด้วย”



    “มึงจะอยู่ที่ไหน หรือทำอะไร รู้ไว้ว่าพี่เป็นกำลังใจให้เสมอ”
     

    แล้ววันนึงโพสอิทที่ผมเคยได้ทุกเย็นก็หายไป ตอนนั้นคิดว่าพี่ดินสอคงอ่านหนังสือสอบหนัก คงไม่มีเวลามาที่ร้าน ถ้าสอบเสร็จแล้วคงได้คุยกันเหมือนเดิม แต่ผมก็ยังไปแปะโพสอิททุกวัน บอกคิดถึงบ้าง ให้กำลังใจบ้าง อวยพรให้สอบติด
     
    แต่ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์พี่ดินสอก็ยังไม่มา จากสองอาทิตย์ เป็นเดือน สองเดือน จนวันเวลาผ่านไปเกือบปี พี่ดินสอจะรู้มั้ยว่าแต่ละวันคนรอมันรู้สึกยังไง เจ็บปวดแค่ไหน พี่ดินสอหายไปพร้อมๆกับพี่คนนั้นที่เคยเดินผ่านหน้าร้านก็หายไปด้วย ผมไม่เจอพี่เขาอีกเลย
     

    ผมยังมานั่งที่ร้านเหมือนเดิม พี่โอ้ก็ทักว่าทำไมช่วงนี้ดูซึมๆ ไม่ไปแกะกรอบรูปแกอีกหรอ ผมก็ได้แต่ยิ้ม มองออกไปนอกร้าน แล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับคนที่ไม่เห็นมาหลายเดือน


    พี่คนนั้นวันนี้ไม่ได้ถือกระดานเขียนรูป เขามายืนอยู่หน้าร้าน เสื้อพี่เขามีรอยปากกา รอยสีละเลงเขียนข้อความเต็มเสื้อ มีดอกกุหลาบหนึ่งดอกเหน็บอยู่ในกระเป๋าเสื้อนักเรียน คงเรียนจบแล้วสินะ ผมรู้สึกยินดีไปกับพี่เขาด้วย แล้วพี่ดินสอล่ะ ก็คงจบแล้วเหมือนกัน คิดถึงอีกแล้ว
     


    “อ้าว ไอ้คิวนิ มันไปยืนอะไรหน้าร้าน” ผมได้ยินพี่โอ้พูด อยู่ๆก็รู้สึกว่าร่างกายมันเกร็งๆ แล้วพี่คนนั้นก็เดินจากไป

    “พี่โอ้ รู้จักพี่คนนั้นด้วยหรอ”

    “คนไหนวะ”

    “ก็คนที่ใส่ชุดนักเรียนยืนอยู่หน้าร้านเมื่อกี้ไง”
     
    “ฮ่าๆ มึงก็ถามอะไรแปลกๆ ทำไมจะไม่รู้จัก นั่นไอ้คิวคนที่วาดรูปให้ร้านพี่ไง คนที่มึงเคยเก็บกล่องดินสอมัน จำได้มั้ย วันนี้วันปัจฉิม มันโทรมาบอกว่าจะมาเย็นๆนี่หว่า ทำไมโผล่มา อ้าว หายไปไหนแล้ว ไอ้นี่นี่ทำตัวประหลาดยันจบม.6เลยเว้ย”
     
    ผมได้ยินเสียงพี่โอ้ แต่ไม่รู้ความหมาย สมองผมไม่รับรู้อะไร มือผมตัวผมมันเย็นจนชาไปหมด เจ้าของกล่องดินสอกับคนที่ผมยกให้เป็นไอดอลคือคนๆเดียวกัน  คนที่ผมรู้จักมาตลอดสองปีแต่ไม่เคยเห็นหน้า กับคนที่ผมเจอหน้าทุกวันแต่ไม่รู้จักคือคนๆเดียวกัน


    พี่ดินสอของผม
     

    เขา ชื่อ พี่คิว


    มันคือเรื่องบังเอิญ หรืออะไรกันแน่


    ผมได้รู้ความจริงในวันสุดท้าย ไม่รู้ว่าต้องดีใจหรือเสียใจดี  จากนี้ไปพี่เขาคงไม่มาที่นี่อีกทั้งพี่ดินสอกับพี่คนนั้น ก็พี่เขาเป็นคนเดียวกัน แล้วสอบได้ที่ไหนก็ไม่รู้  


    ปิดเทอมผมต้องไปซัมเมอร์ที่ออสเตเรีย เลยมาลาพี่โอ้ และอดไม่ได้ที่จะไปดูหลังกรอบรูปอีกครั้ง ที่ๆมีความทรงจำมากมายระหว่างผมกับคนพิเศษ


     และสิ่งที่อยู่หลังกรอบรูปในวันนั้น ทำให้ลูกผู้ชายอย่างผมยิ้มทั้งน้ำตา



    เพราะว่าดอกกุหลาบเฉาๆดอกเดียว
     



    จนผมขึ้นม.6 ชีวิตผมก็ยังดำเนินต่อไป แม้จะเรียนหนัก ไหนจะอ่านหนังสือสอบ เพราะผมอยากเรียนหมอ เลยต้องขยันให้มาก ทั้งเรียนพิเศษตามโรงเรียนกวดวิชา แม่ก็จ้างครูมาสอนพิเศษที่บ้านอีก แต่ผมก็ยังมีเวลาไปที่ร้านของพี่โอ้ทุกวัน แม้จะแค่ไม่กี่นาทีก็ยังดี
     


    แล้ววันนึงก็มีค่ายแนะแนวน้อง รุ่นพี่ที่จบไปรุ่นที่แล้วจัดค่ายกลับมาแนะแนวน้องๆ ว่าคณะที่อยากเรียน การเตรียมตัวสอบ การอ่านหนังสือต้องทำยังไง วางแผนยังไง วันนั้นมีพี่บางคนที่ไม่ใช่ศิษย์เก่ามาด้วย
     


    หนึ่งในนั้นคือคนที่ผมคิดถึงอยู่ทุกวัน คนที่เคยเขียนโพสอิทนับพันให้ผม คนที่เคยบอกว่าผมเป็นคนพิเศษ คนที่ทำให้ผมรู้จักกับความรัก แล้วก็จากผมไปโดยไม่บอกเหตุผลซักคำ
     

    ผมเจอพี่คิวอีกครั้ง ตอนนั้นจำได้ว่าร้องไห้เลย พี่เขาดูเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน หล่อขึ้น เซอร์ๆเหมือนพวกเด็กศิลป์ทั่วไป แต่พี่ดินสอก็จำผมไม่ได้ ก็นะ เขาไม่เคยรู้ว่าผมเป็นใคร จะจำได้ยังไงล่ะ
     

    ไอ้แมทกมันก็ตกใจ ถามว่าผมเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม ผมบอกว่า นั่นไงพี่ดินสอ เจอพี่ดินสอแล้ว เจอพี่คิวแล้ว


    ครั้งแรกที่ผมเจอเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาทำให้ผมเริ่มค้นหาตัวเอง ค้นหาความฝันจนเจอ


    แต่วันนี้ผมเลือกที่จะทิ้งความฝันของตัวเอง ความฝันที่อยากจะเป็นหมอ ผมเริ่มหัดวาดรูป เริ่มเรียนศิลปะ แม้ไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เลยก็ตาม แต่ผมก็พยายาม จนที่สุดก็ได้เข้ามาเป็นรุ่นน้อง และเป็นน้องรหัสของคนที่ผมรัก รักมาตลอดสามปี
     


    ความรักช่างยิ่งใหญ่และเป็นอะไรมากมายกว่าที่เราคิด
     





    และถ้ามีโอกาสซักครั้ง ผมก็อยากจะถามพี่ดินสอว่า
     





     
    ทำไมถึงทิ้งน้องนมปั่นไป















    กดฟังเพลงด้วยนะจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×