ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi]The Sixth Senseสัมผัสรัก สื่อวิญญาณKyuMin,KiHae,YeRyeo

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.4K
      4
      27 ต.ค. 54

    href="file:///C:\DOCUME~1\Administrator\Local%20Settings\Temp\msohtmlclip1\01\clip_filelist.xml" /> href="file:///C:\DOCUME~1\Administrator\Local%20Settings\Temp\msohtmlclip1\01\clip_themedata.thmx" /> href="file:///C:\DOCUME~1\Administrator\Local%20Settings\Temp\msohtmlclip1\01\clip_colorschememapping.xml" />


    Intro

               

                “ปล่อยนะ! ปล่อยผม! อย่าเข้ามา กลัวแล้ว อย่าทำอะไรผมเลย!” เสียงตะโกนร้องขอชีวิตด้วยความหวาดกลัวดังลั่นออกมาจากปากของชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังถูกชายร่างกำยำ 3 คนในชุดสีขาวจับกดลงกับเตียง

               

    ร่างของชายหนุ่มคนนั้นเล็กกว่าอีกสามคนที่กำลังจับตัวเขาไว้อยู่มาก แต่หนุ่มน้อยกลับมีเรี่ยวแรงมากมายมหาศาลเกินตัว ทั้งดิ้นทั้งเตะทั้งต่อยจนเตียงติดล้อที่กำลังจะถูกเข็นเข้าห้องตรวจนั้นสั่นไหวไปมาจนน่ากลัวว่าจะล้ม แต่ก็ไม่คณามือชายร่างใหญ่ 3 คนที่สวมชุดเครื่องแบบของโรงพยาบาลชื่อดัง

     

                เพราะนี่คืองาน...งานที่พวกเขาต้องเจอและทำเป็นประจำ

     

                แขนทั้งสองข้างที่ป่ายไปมาสะเปะสะปะเมื่อครู่บัดนี้ถูกพันธนาการรัดไว้ด้วยเสื้อแบบพิเศษซึ่งเอาไว้ใช้กับคนไข้ด้านนี้โดยเฉพาะ ก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะถูกตรึงให้ติดกับเตียงด้วยสายรัดข้อเท้าจากปลายเตียง และสายรัดชนิดคล้ายกันนี้ก็กำลังจะถูกรัดที่เอวของชายหนุ่มที่ยังคงดิ้นรนต่อสู้แม้จะรู้ว่าถูกตรึงไว้แทบทั้งร่างแล้วก็ตาม

     

                “ปล่อย! ปล่อยผมนะ!” ใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงบิดเบี้ยวเหยเก แววตาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง พยายามดิ้นรนหาอิสรภาพ แต่ทันทีที่มือของ 1 ในชายชุดขาวดึงรั้งสายรัดที่เอวมาจนสุดขอบเตียงอีกด้าน พร้อมกับเสียงดังกริ๊กเบาๆ บ่งบอกว่าตัวรัดจากสายรัดได้เข้าล็อคกับเตียงแบบพิเศษนี้แล้ว ชายหนุ่มก็แทบขยับไม่ได้ เหลือแต่เพียงเสียงร้องวอนขออิสรภาพเท่านั้นที่ยังคงดังสะท้อนก้องไปตามทางเดินสีขาวสะอาดตา

     

                “ซองมิน ทำใจดีๆ ไว้นะลูก! ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลนักเอ่ยเสียงพร่า น้ำตาไหลลงมาตามแก้มที่ถูกประทินด้วยเครื่องสำอางชั้นดี ข้างๆ กันนั้นมีชายร่างสูงใหญ่วัยไล่เลี่ยกันยืนโอบไหล่ไว้หลวมๆ เพื่อปลอบประโลม

     

                เตียงถูกเข็นเข้าไปที่ห้องที่มีป้ายติดหน้าห้องว่าห้องฉุกเฉิน ชายหญิงที่รู้จักคนบนเตียงดีรีบวิ่งตามไป ก่อนจะถูกกันออกมาให้รอข้างนอกโดย 1 ในบุรุษพยาบาลที่ทำหน้าที่เข็นเตียงและจัดการจนคนป่วยดิ้นไม่หลุด

     

                “โธ่ ซองมิน! ไม่น่าเลยจริงๆ” ฝ่ายหญิงที่นั่งรออยู่หน้าห้องด้วยท่าทีอิดระโหยโรยแรงพึมพำซ้ำไปมาพลางซับน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าที่หยิบออกมาจากกระเป๋าถือ ส่วนฝ่ายชายนั้นก็นั่งลงข้างๆ คอยลูบหลังปลอบอยู่ไม่ห่าง

     

    หญิงสาวหันไปหาคนที่นั่งข้างๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกังวล “ทำยังไงดีล่ะคะคุณยองอุค ซองมินจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

     

    “ทำใจดีๆ ก่อนเถอะคุณ คุณอีเขาไม่เป็นอะไรแล้วละครับ ตอนนี้ก็อยู่ในมือหมอแล้ว” ชายหนุ่มนามยองอุคเพียงแต่บอกปลอบใจไปด้วยคำพูดพื้นฐานเท่าที่พอจะนึกออก

     

    “โชคดีจริงๆ ที่มีคุณอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงทำอะไรไม่ถูก ต้องขอบคุณจริงๆ นะคะ” หญิงสาวพูดพลางส่งยิ้มจางๆ ให้

     

                วันนี้ขณะที่เธอกำลังคุยธุระอยู่กับยองอุค ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นจากชั้น 2 ของบ้าน พอขึ้นไปดูตามเสียงร้องก็ตกใจจนแทบหงายหลังเมื่อเห็นสภาพห้องหับที่เคยเรียบร้อยสะอาดสะอ้านถูกรื้อทำลายไม่มีชิ้นดี ข้าวของถูกเขวี้ยงปาแตกหักเสียหาย นั่นยังไม่น่าตกใจเท่าเจ้าของห้องซึ่งก็คือเด็กหนุ่มที่เพิ่งถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไปเมื่อครู่กำลังนั่งตัวสั่นระริกอยู่มุมห้อง มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาปิดหูตนเองแน่น หันมองรอบตัวด้วยสายตาหวาดระแวง พอหันมาเห็นทั้งสองคนที่ยืนอยู่ที่ประตู เสียงกรีดร้องก็ดังออกมาอีกครั้งพร้อมกับหมอนใบโตที่ตกอยู่ใกล้มือถูกขว้างมาจนเกือบโดนหน้าถ้าฝ่ายชายไม่รีบปิดประตูเอาไว้ได้ทันเวลาเสียก่อน

     

                เสียงร้องโหยหวนนั้นยังดังอย่างต่อเนื่องจนพวกคนงานและคนรับใช้ต่างวิ่งกรูกันเข้ามาดูด้วยความตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่มีสติที่สุดคงจะเป็นยองอุคที่รีบโทรตามรถพยาบาลต่อสายแผนกจิตเวชโดยตรง เพราะดูจากอาการของชายหนุ่มนั้นน่าจะป่วยทางใจมากกว่าทางกาย

     

                ระหว่างนั้นเสียงดังโครมครามสลับกับเสียงหวีดร้องจากในห้องก็ดังไม่หยุดจนคนข้างนอกต่างพากันอกสั่นขวัญแขวน และไม่มีใครกล้าเปิดประตูห้องอีกเลยจนบุรุษพยาบาลมาจัดการเนื่องด้วยพากันกลัวฤทธิ์เดชของคุณหนูอีที่เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี้ได้เกือบเดือนกันถ้วนหน้า

     

                ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก บุรุษพยาบาลต่างกรูกันเข้าไปจับชายหนุ่มในห้องกดลงกับพื้น ก่อนที่เข็มฉีดยากระบอกหนึ่งจะถูกเจาะเข้าไปที่ต้นแขนของคนที่ยังดิ้นพลางตะโกนเสียงดังลั่น หลังจากนั้นเพียงไม่นานอีซองมินก็สิ้นฤทธิ์ หมดสติไปด้วยฤทธิ์ของยานอนหลับ แล้วจึงถูกพาตัวมาที่โรงพยาบาล และฟื้นขึ้นมาก่อนจะทันได้ถึงห้องฉุกเฉินและก่อความวุ่นวายอีกครั้งจนต้องกำราบรอบสองก่อนจะถูกพาเข้าไปรักษาจนได้

     

                หลังจากรออยู่หน้าห้องได้ราวครึ่งชั่วโมง นายแพทย์ร่างท้วมก็เปิดประตูห้องออกมาพร้อมใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก มีนางพยาบาลถือเอกสารเดินตามออกมา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นญาติผู้ป่วยทั้งสองคนจึงรีบลุกขึ้นไปถามอาการของชายหนุ่ม

     

                “ซองมิน เอ่อ...ลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”

     

                “ตอนนี้คนไข้หมดสติอยู่นะครับเพราะหมอฉีดยานอนหลับกับยาระงับประสาทให้ แล้วก็ย้ายไปอยู่ห้องพักผู้ป่วยได้เลย”

     

                “ย้ายไปอยู่ห้องพักผู้ป่วย ไม่ความว่ายังไงกันคะ” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจ

     

                “คนไข้มีอาการทางจิต เห็นภาพหลอนทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่ง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมอาจทำให้เกิดอันตรายทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างได้ จึงต้องได้รับการบำบัดอย่างใกล้ชิดครับ” นายแพทย์กล่าวตอบด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

     

                “แล้ว...ทำไมอยู่ๆ ซองมินถึงได้...”

     

                “คนไข้เคยมีประวัติการรักษาทางจิต หรือมีอาการแบบนี้มาก่อนรึเปล่าครับ”

     

                “ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ เขาเพิ่งย้ายมาที่นี่ได้แค่ 3 สัปดาห์ ไม่คิดว่า...” พูดได้แค่นั้น หญิงสาวก็ปล่อยโฮก่อนจะซบหน้าลงกับฝ่ามือร้องไห้สะอึกสะอื้น ร้อนถึงชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายต้องโอบปลอบอีกครั้ง

     

                “ถ้าอย่างนั้นหมอคงตรวจสอบรายละเอียดดูอีกทีนะครับ ถ้าทราบผลยังไงหมอจะมาแจ้งให้ทราบ ขอตัวก่อนนะครับ” หลังจากพูดจบ นายแพทย์ร่างท้วมก็เดินจากไป

     

     

     

     

                หญิงสาวยืนมองใบหน้าหวานยามหลับสนิทของชายหนุ่มผ่านกระจกใสที่สามารถมองทะลุเห็นข้างในห้อง ห้องนี้เป็นห้องพิเศษที่จัดไว้สำหรับคนไข้ที่ยังอยู่ในขั้นดูอาการ ญาติและผู้มาเยี่ยมยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมเนื่องจากเกรงว่าหากคนไข้ฟื้นขึ้นมาอาจจะคลุ้มคลั่งและทำร้ายได้ จึงทำได้เพียงดูผ่านกระจกที่กั้นขวางอยู่เท่านั้น

     

                ซองมินยังคงถูกพันธนาการเอาไว้ทั้งตัว เพราะยังไม่มีใครรับประกันได้ว่าหากชายหนุ่มฟื้นขึ้นมาแล้วจะมีอาการเป็นอย่างไร เขาคงไม่สบายตัวนักแต่เพราะฤทธิ์ของยาทำให้ใบหน้านั้นนิ่งสนิท ไม่บ่งบอกอาการเจ็บเนื้อเมื่อยตัวแต่อย่างใด

     

     

                คำพูดของนายแพทย์คังจินโฮ นายแพทย์เจ้าของไข้ที่เพิ่งเข้าไปพบเมื่อครู่ยังคงดังก้องอยู่ในหัว

     

                “ตรวจพบสารเสพติดจำพวก *LSD ในร่างกายของคนไข้ครับ คนไข้คงจะเสพสารเสพติดทำให้มีอาการประสาทหลอนและคลุ้มคลั่งแบบนี้”

     

                ดวงตาคมเฉี่ยวยังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าหวานใสนั้นนิ่ง หน้าตาท่าทางที่ใสซื่อไร้เดียงสา ไม่ว่าใครก็คงจะไม่คิดว่าอีซองมินจะเสพยา

     

                แต่ในเมื่อคนเรามันมองกันที่ภายนอกไม่ได้ไม่ใช่หรือ?

     

                จะมีใครใส่ใจที่จะสนใจว่าทำไมหนุ่มน้อยน่ารักใสซื่ออย่างซองมินถึงกลายเป็นเด็กใจแตกไปได้

     

                แต่ถ้าลองขุดคุ้ยดูถึงเบื้องลึกเบื้องหลังก็ไม่น่าจะแปลกที่ซองมินจะกลายเป็นแบบนี้

     

                บ้านแตก ขาดความอบอุ่น พ่อแม่แยกทางกัน

     

                เหตุผลที่ยกเรื่องปัญหาครอบครัวมาอ้างเท่านี้ก็คงเพียงพอแล้วกระมัง

     

                ชายหนุ่มร่างสูงสง่าที่อยู่เคียงข้างเธอตลอดตั้งแต่มาที่โรงพยาบาลเดินตามมาสมทบ มองไปที่ดวงหน้าหวานที่ยังคงนิ่งสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวนั้นด้วยสายตาเรียบเฉย

     

                “จัดการทำเรื่องได้เลย” เสียงออกคำสั่งฟังดูนิ่งสงบและเฉยชาราวกับออกมาจากปากผู้หญิงคนละคนที่ร่ำไห้ราวปริ่มจะขาดใจเมื่อครู่ อีกทั้งดวงตาที่เคยคลอขังเคลือบด้วยหยดน้ำเมื่อครู่ก็กลับแห้งแล้งและเย็นชาเหลือเกิน

     

                ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะเดินตามหญิงสาวออกไป คนเดินนำหน้าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดหันกลับมามองไปที่คนไข้ที่ยังนอนหลับสนิทอีกครั้งด้วยสายตายากจะเข้าใจ

     

                พักผ่อนให้สบายนะอีซองมิน อยู่ที่นี่ให้นานๆ อยู่ไปชั่วชีวิต อยู่ไปจนตายได้เลยยิ่งดี

               

     

    ------------------------------------------------


    ความรู้เพิ่มเติม



    LSD คืออะไร?




    LSD คือสารเสพติดชนิดหนึ่งซึ่งสกัดมาจากเชื้อรา มีฤทธิ์หลอนประสาททำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม หลงใหล คิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ เห็นภาพหลอนหรือประสบการณ์ในอดีต โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายในอดีตจะทำให้เห็นภาพในเหตุการณ์นั้น ทำให้เกิดความหวาดกลัว ตกใจ ไม่มีอาการเสพติดทางร่างกายค่ะ ทำออกมาในรูปแคปซูลหรือไม่ก็ใส่ไว้ในกระดาษแล้วอมไว้ให้ดูดซึมเข้าร่างกาย (แสตมป์เมา) นอกจากส่งผลต่อจิตใจแล้ว กับร่างกายก็ทำให้ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก สั่น

    ซึ่งที่เลือกสารนี้มาเพราะมันตรงกับ พล็อตเรื่องที่วางเอาไว้พอสมควรค่ะ (เดี๋ยวไอ้ยาตัวนี้มันจะโผล่มาอีก) ตอนแรกกะจะสร้างสารพิษขึ้นมาเองแต่เพื่อความสมจริงเลยหาข้อมูลเอาสารเสพติดที่มีอยู่จริงดีกว่า เลยให้ข้อมูลรีดเดอร์ไว้ เผื่อในอนาคตจะได้เจอกับมันใหม่อีกรอบค่ะ ^ ^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×