ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO :: XTRA { BAEKHYUN D.O }

    ลำดับตอนที่ #19 : CHAPTER :: XXXXXXXXXXXXXXXXXXX

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.94K
      20
      24 ก.ย. 56

        







                   คืนนี้อยากจะมีความทรงจำที่โรแมนติกแบบคู่รักคนอื่นๆเขาบ้างจัง แต่ติดตรงที่ว่าคยองซูกับแบคฮยอนยังไม่ใช่คู่รักกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมีแค่คยองซูที่รักแบคฮยอนอยู่ฝ่ายเดียว แบคฮยอนไม่เคยพูดว่ารักคยองซูเลยสักครั้ง คยองซูลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดภายในห้อง ดึกแล้วแต่เขายังคงข่มตานอนไม่หลับ อาจจะเป็นเพราะจูบนั่นของแบคฮยอนก็เป็นได้ จูบที่นุ่มนวลชวนให้เคลิ้มนั่น...

                 
                บ้า จะคิดถึงทำไมก็ไม่รู้ แค่คิดก็เขินแล้ว บ้าจริงๆ คยองซูดึงผ้าห่มขึ้นมากัดอย่างลืมตัว พอเขาเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายพลิกไปพลิกมาแบคฮยอนที่กำลังนอนหลับอยู่ก็หงุดหงิดจนต้องลุกขึ้นมาส่งเสียงเอะอะโวยวาย





                “คยองซูมึงจะดิ้นอะไรนักหนาวะเนี่ย” ดวงตาทั้งสองข้างยังปิดอยู่ในขณะที่มือก็เกาหัวตัวเอง สภาพแบคฮยอนเหมือนคนที่ต้องการจะพักผ่อนแต่กลับถูกเด็กๆมาวิ่งเล่นรบกวน



                “เห้ย กูขอโทษ มึงนอนต่อเถอะ กูจะไม่ดิ้นแล้ว”




                “มึงแน่ใจนะ อย่านะมึงอย่า” แบคฮยอนถอนหายใจเสียงดังแล้วทิ้งดิ่งนอนลงกับเตียงอีกครั้ง คราวนี้แบคฮยอนหันตะแคงข้างให้คยองซู แต่คยองซูก็ไม่ได้โกรธหรอกนะเพราะรู้ว่าที่อีกคนทำไปก็คงจะเป็นเพราะว่าง่วงมากจริงๆ คนง่วงถูกรบกวนเวลานอนก็ย่อมหงุดหงิดเป็นธรรมดา



                “แบคฮยอน” ลองเรียกดูเพื่อความแน่ใจว่าอีกคนได้จมดิ่งสู่ห้วงการนอนหลับไปแล้วจริงๆ แต่ก็ยังมีเสียงครางตอบรับกลับมาเบาๆ คยองซูขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วกอดแบคฮยอนจากทางด้านหลัง แนบหน้าลงกับแผ่นหลังอุ่นๆ หลังของแบคฮยอนไม่จำเป็นต้องกว้างมากเหมือนคนอื่นเขาหรอก แค่ซบแล้วอุ่นก็พอแล้วสำหรับคยองซู



                “อ้อนดึกๆแบบนี้มึงไม่อยากนอนรึไง” แบคฮยอนดึงแขนคยองซูให้กอดเอวเขาเอาให้ไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม คยองซูเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากขยับตัวตามแรงดึงพร้อมกับกระชับอ้อมแขน



                “อยากนอนอยู่ แต่ว่าก็อยากกอดมึงด้วย”



                “นี่ยังไม่เรียกว่ากอดอีกหรอ กอดดิ กอดแน่นๆเลยกูอนุญาต ฟรีฮัก”



                “ไอ้แบคฮยอน แค่นี้ก็แน่นจนจะหายใจไม่ออกตายห่ากันอยู่แล้ว” คยองซูงับหลังแบคฮยอนเบาๆจนอีกคนสะดุ้งตัว แหม... มางับหลังกันแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นเรื่องจนได้



                “มึงเป็นอะไรรึเปล่า ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะอยากมานอนกอดกู”



                “กูอยากนอนกอดมึงทุกวันนั่นแหละ แต่ไม่มีโอกาสสักที”



                “วันนี้ก็เลยรีบฉวยโอกาสกอดกูว่างั้นสิ”



                “ใช่ดิ กูต้องรีบกอบโกยเอาไว้ ก่อนที่กูจะไม่ได้กอดมึงอีก” แบคฮยอนเงียบไปนาน คยองซูพอจะจับทางได้ว่าแบคฮยอนคงจะนอนหลับไปแล้ว แต่ผิด แบคฮยอนแกะมือคยองซูออกจากเอวแล้วพลิกตัวกลับมานอนหันหน้าเข้าหาคยองซูแทน ใบหน้าที่เห็นเพียงแค่ภาพเลือนรางทำให้คยองซูไม่รู้ว่าอีกคนทำหน้าตาแบบไหนอยู่ คงต้องโทษพระจันทร์แล้วละที่วันนี้ไม่ยอมออกมาทำหน้าที่



                “คยองซูมึงปากหมาอีกแล้วนะ มึงช่วยกรุณาพูดจาให้มันน่าฟังกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง ชอบพูดอะไรบ้าๆอยู่ได้ มึงอ่านหนังสือประเภทนั้นเยอะเกินไปรึเปล่าวะ”



                “แต่มันเป็นสิ่งที่กูเชื่อนี่หว่า” คยองซูตอบเสียงแผ่ว



                “มึงต้องอยู่กับความจริงดิ ความจริงคือตอนนี้มีแค่กูกับมึงอยู่ด้วยกันสองคน มึงกอดกู กูกอดมึง เรานอนหลับด้วยกัน  ตื่นพร้อมกัน นี่แหละคือความจริงที่มึงได้เจอ”



                “แต่ว่า...”



                “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแหละ คืนนี้มึงไม่ต้องกอดกู กูจะกอดมึงเอง” เป็นประโยคที่หนักแน่นและเข้มแข็งที่สุดเท่าที่คยองซูเคยได้ยินจากปากของคนตรงหน้า ความกังวลใจค่อยๆหายออกไปพร้อมกับความอบอุ่นที่กำลังได้รับ คยองซูนอนนิ่งไม่เคลื่อนไหวร่างกาย เขาหลับตาลงแล้วซุกหน้าลงกับคอของแบคฮยอน ฝ่ามือที่ลูบหัวของเขาอยู่มันทำให้คยองซูอยากจะร้องไห้ ไม่มีใครรู้เหตุผลที่ทำให้น้ำตาของคยองซูไหลออกมาอย่างเงียบๆ มีแค่คยองซูเท่านั้นที่รู้ว่าทำไมน้ำตาหยดนี้ถึงได้หลั่งรินออกมา



                “แบคฮยอนกูรักมึงมากนะ”



                “นอนเถอะ” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่แบคฮยอนตอบกลับมา...
















                เช้าวันใหม่

    โอ เซฮุน ชายหนุ่มร่างผอมเดินท้ากระแสลมมาด้วยใบหน้ามุ่งมั่น ด้วยความที่สูงแถมยังรูปร่างผอมจนเฉียดๆคำว่าเหี่ยว เวลามีลมพัดมาแรงๆเซฮุนก็แอบเซอยู่เหมือนกัน วันนี้ตั้งใจว่าจะไปหาลู่หาน ไปขอยกเลิกทริปชนบทกับชมรมของพวกมัน เซฮุนเร่งฝีเท้าให้ถึงชมรมของลู่หานเร็วๆ ไอ่ฝนเชี่ยนี่ก็จะตกอยู่นั่นแหละ กูยิ่งไม่มีร่มอยู่ด้วย เซฮุนก็บ่นด่าฟ้าฝนไปตลอดทาง หยุดตกไปตั้งนานแล้วยังจะมีหน้าตกลงมาอีก



    เซฮุนพอเดินมาถึงก็กระแทกส้นเดินเข้ามาทันที แต่ก็ว่างเปล่า หมาสักตัวนอนเกาหมัดอยู่ก็ไม่มี ทั้งที่ปกติพวกลู่หานจะมาสุมหัวกันอยู่ที่นี่ ครู่เดียวก็เกิดเสียงฝีเท้าขึ้นดังมาจากใกล้ๆนี้ ทำให้โอเซฮุนนึกว่าเป็นลู่หาน กะว่าจะก้าวเท้าเข้าถอยกลับไปด่าแต่ก็เปลี่ยนใจค่อยๆวิ่งไปหลบหลังเสาแล้วชะโงกหน้าไปแอบดูแทน



                เซฮุนหรี่ตามองให้แน่ใจว่าคนที่เห็นอยู่คือคิมจงอินใช่รึเปล่า ใช่ แม่งต้องใช่แน่ๆ ดำอยู่คนเดียวทั้งมหาลัยขนาดนี้ ครู่เดียวหญิงสาวตัวเล็กก็เดินตามมา เซฮุนสอดรู้ด้วยการพยายามหาทางแอบฟังสองคนนี้คุยกันให้ได้ยินอย่างชัดเจนมากที่สุด เซฮุนจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่แบคฮยอนชอบ รุ่นพี่ดาร่าผู้โด่งดัง...




    “เรียกหาแบบนี้มีธุรด่วนอีกแล้วละสิ” เป็นดาร่าที่เอ่ยปากถาม



    “ใช่ครับ เรื่องที่ผมขอให้พี่ช่วย พี่พร้อมที่จะลงมือรึยัง” เซฮุนแอบถูจมูกตัวเองไปมา ได้กลิ่นแหม่งๆจากการสนทนาของสองคนนี้แบบพิกลๆแหะ



    “พี่พร้อมเสมอนั่นแหละ รอแค่วันที่นายจะเรียกใช้แค่นั้นเอง” คิดแผนชั่วอะไรกันอยู่แน่ๆเลย เซฮุนพยายามเงี่ยหูฟังเข้าไปอีก ยังไงซะวันนี้ถ้าไม่แจ่มแจ้งโอเซฮุนจะไม่ยอมเลิกรา ริจะเสือกต้องเสือกให้ถึงที่สุด



    “พี่นี่น่ารักจริงๆเลยนะ สมแล้วที่ผมไว้ใจ”



    “เพราะพี่รักนายไงจงอิน” ตายละ เซฮุนหัวใจจะวาย คลาสโนวี่ตัวเล็กดันมารักไอ้คลาสโนวาตัวดำ ทอล์คออฟเดอะฮุนเลยนะข่าวนี้ เซฮุนพยายามแล้วพยายามอีกกับการแอบฟังแต่ถ้าขยับเข้าไปใกล้กว่านี้คงจะอันตรายแน่ๆ เขายอมนั่งแหมะอยู่ที่เดิมเพื่อแอบฟังการถ่ายทอดสดแผนการชั่วๆ ถึงจะได้ยินไม่ชัดนักแต่เซฮุนก็พอจะจับใจความได้ว่าเรื่องนี้... เหี้ยจริงๆ เห็นทีว่าโอเซฮุนคงจะต้องคอยจับตาดูคิมจงอินเป็นพิเศษซะแล้วละ!!










    ในห้างสรรพสินค้า คยองซูเดินเข็นรถเข็นหยิบของกินใส่ลงไปเรื่อยๆ อยากกินอะไรก็ยัดลงรถเข็น ส่วนแบคฮยอนก็ทำหน้าที่เดินตามต้อยๆ คยองซูหันไปขอความเห็นจากแบคฮยอนหลายครั้งแล้วว่าจะเอาอะไรไหมแต่แบคฮยอนก็ตอบประโยคน่าหมั่นไส้กลับมาว่า เอาอะไรก็ได้ นั่นทำให้คยองซูง้องแง้งเดินลากรถเข็นหนีทันที



                เขาหยิบของแห้งมาเยอะมากทั้งขนมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรวมถึงอาหารกระป๋อง แล้วจากนั้นคยองซูก็เข็นรถมาทางโซนของเครื่องใช้ไฟฟ้า เดินดุ่มๆไปหยิบไฟฉายขึ้นมาพลิกหน้าพลิกหลังดูก่อนจะยัดใส่ลงไปในรถเข็น




    “มึงจะซื้อไว้แดกจนอิ่มยันชาติหน้าเลยรึไง”



    “เขาเรียกซื้อตุนเว่ย นานๆทีจะได้ออกมาห้าง ขืนซื้อไปนิดเดียวดี๋ยวก็ต้องกลับมาอีกอะดิ สู้ซื้อไปรอบเดียวเลยดีกว่า กินกันทั้งเดือนทั้งปีไปเลย” โห ใจคอมึงกะจะไม่กลับมาเหยียบห้างอีกเลยใช่ไหม



    “แดกเยอะละสิไม่ว่า”



    “นี่ ไอ้แบคฮยอนมึงจะสบายเกินไปละ มึงมาช่วยเข็นรถกูเลยนะ เดินลอยไปลอยมาอยู่ได้”



    “ใช้ฟรีไม่ได้นะเว่ย ต้องมีค่าจ้าง”



    “ค่าจ้างหรอ เอาอะไรดีละ ตีนกูหรือรองเท้ากู กูพร้อมจะสละให้มึงได้เสมอนะโดยเฉพาะรองเท้าเนี่ย กูจะประเคนส่งถึงปากมึงเลยดีไหม”



    “มึงไม่ต้องเลยนะ ตอนนั้นยังไม่จ่ายค่ามัดจำกูเลย ให้มาแค่......มัดจูบ” คยองซูตาโตแล้วคว้าเอาถุงขนมในรถเข็นขึ้นมาตีแบคฮยอน อีกฝ่ายพอโดนตีก็แกล้งร้องโอดโอย



    “พอแล้วครับคุณคยองซู ผมจะไม่แกล้งแล้วครับ มามะ เข็นก็เข็น” ถ้าไม่เจ็บตัวก็คงจะไม่สำนึกสินะว่าควรจะช่วยคยองซูเข็นตั้งนานแล้ว คนอย่างแบคฮยอนถ้าไม่เจ็บก็คงไม่สำนึก น่าตีจริงๆเลย...



                หลังซื้อของเสร็จคยองซูก็ดิ่งตรงกลับมาที่หอเลย เขาใช้เวลายัดข้าวของกินของใช้เอาไว้ในที่ที่เหมาะสมแล้วจากนั้นก็เดินไปหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่มาใส่สัมภาระเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางในวันพรุ่งนี้แบคฮยอนนั่งมองคยองซูจัดข้าวจัดของใส่กระเป๋าแบบเงียบๆ เพราะสัมภาระอันน้อยนิดของแบคฮยอนนั้นเขาจัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว มีแค่เสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวแค่นั้นเอง
    แต่ดูคยองซู.... พี่แกขนขนมไปตรึม




                “หอบของไปกินเยอะขนาดนี้มดมันจะไม่ขึ้นที่นอนหรอวะ”



                “มึงก็อย่ากินหกให้มดมันตอมดิวะ ฉลาดๆหน่อย กินแบบสะอาดอะมึงเข้าใจไหม”



                “แดกยังไงให้สะอาดวะ ยังไงก็ต้องหกมดตอมเหมือนเดิมอะ”



                “ถ้างั้นก็อย่าแดกขนมบนที่นอน จบไหม ควาย” คยองซูหันมาด่า แล้วจากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาจัดข้าวของต่อไป จนเสร็จหมดนั่นแหละถึงได้มานั่งว่างงานมองหน้ากันอยู่สองคนปริบๆ



                “วันนี้ไม่มีเรียนหรอ” แบคฮยอนเคี้ยวขนมพลางถามขึ้น



                “ไม่มี ว่างสบาย แล้วมึงละวันนี้ทำไมไม่ไปเรียนเมื่อเช้าลู่หานถามหามึงอยู่อะ”



                “มันโทรเข้าเครื่องกูหรอ”



                “ไลน์มา” คยองซูตอบสั้นๆ ไลน์ โปรแกรมแชทที่สร้างความร้าวฉานให้กับครอบครัว อยากบินไปตบหัวเนเวอร์จริงๆ แบคฮยอนพอรู้ว่าคยองซูเปิดไลน์เขา เรื่องความทรงจำในวันนั้นก็ไหลกลับมา แบคฮยอนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคยองซูถึงโวยวายให้เขาลบไลน์ลบข้อความของ....



                “มึงรู้รหัสปลดล็อคเครื่องกูด้วยหรอวะคยองซู”



                “กูบอกแล้วไงว่ากูรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมึง ถึงแม้ว่าตัวเลขพวกนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับมึงเลยก็เถอะ” แบคฮยอนหยุดเคี้ยวขนมแล้วหันหน้ามองคยองซู อีกคนยิ้มบางๆ ดวงตากลมไม่ได้แสดงความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจแต่อย่างใด ที่แบคฮยอนตั้งรหัสเป็นปีค.ศ.เกิดของซานดารา



                “กินขนมไหมคยองซู” ยื่นถุงขนมขนาดใหญ่ส่งให้กับคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ คยองซูเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้าง เขาส่ายหน้าปฏิเสธที่จะรับขนมจากแบคฮยอน



                “แบคฮยอน เดี๋ยวกูลงไปหาพี่จุนมยอนก่อนนะ”



                “อือ อย่าไปนานนะ” แบคฮยอนมองตามจนคยองซูปิดประตูหายออกไป เขาลดถุงขนมลงแล้ววางมันทิ้งไว้กับโต๊ะทำงาน บ่อยครั้งที่แบคฮยอนอยากจะแอบตามลงไปดูว่าคยองซูลงไปคุยอะไรนักหนากับพี่จุนมยอน แต่เขาก็ไม่เคยตามลงไปดูสักที



    ความอยากรู้อยากเห็นพุ่งเข้าชนจนอยากจะวิ่งตามลงไป แต่ทว่า แบคฮยอนรู้แล้วละว่าคยองซูลงไปทำอะไร ย้อนไปเมื่อเดือนที่แล้ว คยองซูก็ลงไปข้างล่างแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นเขากำลังหลับอยู่ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ไม่เจอคยองซูแล้ว เขารื้อหาของกินในห้องที่พอมีเหลืออยู่บ้างแต่ก็เจอแค่ลูกอมในลิ้นชักของของคยองซู




                อีกคนซื้อมากักเอาไว้เยอะพอสมควร จนบางครั้งแบคฮยอนก็เผลอคิดไปว่าคนที่จะพกลูกอมหรือหมากฝรั่งติดตัวเอาไว้ในถ้าไม่ใช่เพราะกลิ่นปากแรงก็อาจจะเป็นเพราะว่าสูบบุหรี่... และพอได้ยินเสียงไขประตูแบคฮยอนก็รีบปิดลิ้นชักแล้ววิ่งดิ่งไปเปิดตู้เย็นแล้วทำหน้าตาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร




    “มึงหิวหรอ” กลิ่นลูกอมหอมกรุ่นมาอีกแล้ว



    “ไม่หิวหรอก แค่เดินมาเปิดดูเฉยๆว่ามีอะไรกินบ้าง” ความสงสัยก่อตัวขึ้นในความคิดทันที คยองซูลงไปทำอะไรมากันแน่ แล้วพอคยองซูชวนเขาไปซื้อของที่ห้าง แบคฮยอนเลยถือโอกาสตะล่อมถามดูว่าขี้เกียจลงไปข้างแล้วหรอ แล้วปฏิกิริยาของคยองซูก็เริ่มเปลี่ยนไป นั่นทำให้แบคฮยอนยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม




    “คยองซู กูรู้นะว่ามึงลงไปทำอะไรทุกเย็น” ถึงจะค่อนข้างปักใจว่าคยองซูคงจะลงไปสูบบุหรี่ แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ แล้วอีกอย่างแบคฮยอนเองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ คยองซูหน้าซีดไปชั่วขณะ



    “มึงรู้...”



    “ทำไมกูจะไม่รู้ละ คิดว่ากูโง่นักหรือไง มึงลงไปจีบพี่จุนมยอนใช่ไหม!!” ที่จริงแบคฮยอนไม่ได้อยากจะพูดออกไปแบบนั้นหรอก แต่เขาแค่อยากพิสูจน์ให้มั่นใจมากกว่านี้เสียก่อน มีสองทางที่แบคฮยอนจะสามารถไขข้อข้องใจให้ตัวเองได้ก็คือหนึ่งแอบตามคยองซูลงไป และสองต้องได้สัมผัสลิ้มรสชาติ

    และแบคฮยอนเลือกอย่างที่สอง พอเขาทำท่าจะพุ่งไปจูบคยองซูก็ร้องห้ามเอาไว้ แต่ก็คงจะห้ามไม่ได้อยู่แล้ว และวันนั้นก็เป็นวันที่แบคฮยอนรู้ว่าในโพรงปากหวานนุ่มนั่นแอบเจือไปด้วยรสชาติขมเปร่าของควันบุหรี่…



    เครียดเรื่องอะไรทำไมถึงไม่ยอมบอกกัน เพราะอะไรที่ทำให้คยองซูต้องพึ่งบุหรี่ ทำไมโด คยองซูถึงต้องคอยปิดบังเขาอยู่ตลอด มีอะไรทำไมไม่บอก แบคฮยอนกุมมือเข้าหากันแล้วเดินออกจากห้องไปทันที ยังไงซะเรื่องนี้ก็ต้องจบลงในวันนี้ เพราะเขาคงปล่อยให้คยองซูเสพอะไรพวกนั้นมานานมากเกินไปแล้ว...










                 เซฮุนมองนาฬิกาข้อมือแล้วสั่นขาตัวเองอย่างรีบร้อน ร้อนรนไปหมด ตอนนี้เขายืนอยู่ที่คอนโดบริเวณหน้าห้องของลู่หาน เขารอให้อีกคนรีบมาเปิด เพราะหลังจากที่จงอินกับพี่ดาร่าแยกทางกันไปแล้วเซฮุนก็รีบโทรติดต่อลู่หานแล้วรีบพุ่งมาหาลู่หานที่ห้องทันที เขาเก็บเรื่องที่ได้ยินมาในครั้งนี้ไว้คนเดียวไม่ได้ ยังไงก็ต้องเล่าให้ลู่หานฟัง ชั่วอึดใจเดียวประตูห้องก็เปิดออกแต่คนที่เปิดคือคริส



     

                “เข้ามาดิ” พูดยังกับห้องมึงเลยนะ เซฮุนเบะปากน้อยๆแล้วรีบเดินเข้าไป เขาเจอลู่หานนั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้วที่โซฟา บนโต๊ะกระจกใสมีจานอาหารอยู่สองจานอาหารดูท่าทางไม่ค่อยน่ากระเดือกเท่าไร




     

                “ไอ้ลู่กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” เซฮุนคันปากยิกๆตามประสาคนช่างพูด ร่างผอมสูงนั่งลงข้างๆลู่หานพร้อมกับคริสที่ย้ายตัวเองจากหน้าประตูมานั่งอยู่อีกข้างหนึ่งของลู่หาน




     

                “สำคัญมากใช่ไหม บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าไม่สำคัญมึงเชิญกลับ”




     

                “แหม ทีไอ้คริสไม่มีธุรสำคัญมึงยังให้มันเข้ามาได้เลย”




     

                “แล้วมึงจะลากเชี่ยคริสเข้ามาเกี่ยวทำไม มึงมีอะไรว่ามาเลย” ลู่หานวางช้อนในมือแล้วเอนหลังฟังอย่างตั้งใจ เซฮุนเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินให้ลู่หานกับคริสฟัง ค่อยๆเล่าเป็นฉากเป็นตอนจนสองเพื่อนพยักหน้าเข้าใจ ลู่หานขมวดคิ้วแน่นคริสเองก็ถอนหายใจออกมายาว
      



     

                “พวกเราควรทำไงดีวะมึง” คริสถาม




     

                “ช่วยมันไง ไม่เห็นต้องคิดเยอะ” ลู่หานค่อยๆคลายปมที่คิ้วออกแล้วยกยิ้ม แผนการดีๆเกิดขึ้นในหัวแบบไม่ต้องเสียเวลานึก เซฮุนกำหัวเข่าตัวเองแน่น ในสมองนึกถึงภาพวันที่ต้องเห็นคยองซูกับแบคฮยอนทะเลาะกัน แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ถึงปกติสองคนนั่นจะทะเลาะกันถี่ยิบ แต่เรื่องทะเลาะนั้นมันก็ไม่มีบุคคลที่สามสี่เข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนอย่างกรณีนี้







     

                “มึงจะช่วยคยองซูจริงๆใช่ไหมวะ” เซฮุนถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ลึกๆแล้วก็เป็นห่วงเพื่อนแต่เขาก็ไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นๆแบบนี้เหมือนกัน




     

                “จริง เพราะคยองซูแม่งเจ็บมามากพอแล้ว” ลู่หานเองก็ตอกย้ำคำพูดตัวเองอย่างชัดเจน




     

                “เออ ถ้ามึงช่วยกูก็ช่วย” เซฮุนยื่นมือออกไป ลู่หานวางทับลงมา คริสก็วางซ้อนลงไปอีกที เสียงเฮเรียกความมั่นใจดังขึ้นอีกครั้ง สามเพื่อนมองหน้ากันนิ่ง พวกเขาคิดถูกแล้วใช่ไหมที่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้...?











     

                แบคฮยอนเดินลงมาถึงชั้นหนึ่งของตึก เขาเดินตรงไปที่มินิมาร์ทแล้วก็เจอกับพี่เจ้าของหอ คนผิวขาวจัดเตรียมล็อคประตูร้านเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก แบคฮยอนจับแขนอีกคนเบาๆแต่ก็ทำให้จุนมยอนสะดุ้งตัวตกใจ




     

                “คุณพระ!!




     

                “ผมยังไม่บวชครับ พี่จุนมยอนครับคยองซูอยู่ไหน”  แบคฮยอนตีหน้าขรึม จุนมยอนยกมือขึ้นทาบอกแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆตกอกตกใจหมด




     

                “คยองซูซื้อของแล้วก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว” เขาไม่ได้ถามว่าคยองซูซื้ออะไรเพราะแบคฮยอนเองก็รู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร




     

                “แล้วนี่พี่จะไปไหนครับเนี่ย” แบคฮยอนค่อยๆคลายใบหน้าตึงให้ดูผ่อนคลายขึ้น เพราะพี่จุนมยอนมองเขาด้วยสายตาหวาดๆ แบคฮยอนส่งยิ้มบางๆให้กับจุนมยอน




     

                “ไปซื้อของมาเพิ่มในร้าน ถ้างั้นพี่ไปแล้วนะ” พยักหน้ารับรู้แล้วก็ปล่อยให้จุนมยอนเดินออกไป แบคฮยอนค่อยๆเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นเคร่งเครียดอีกครั้ง คยองซูนะคยองซู...




     

                ที่ลับตาคนที่สุดในบริเวณหอพักก็คงจะมีแค่ข้างตึกเท่านั้นแหละ แบคฮยอนยิ่งเดินเข้าใกล้กลิ่นควันก็ยิ่งลอยมาเตะจมูก เขาไม่ได้เป็นคนอ่อนแอแพ้กลิ่นบุหรี่จึงไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะอ้วกกับกลิ่นเหม็นขมที่เกิดจากควันบุหรี่ เขาเดินเหยียบพื้นด้วยแรงที่เบาที่สุดจนเข้าใกล้คยองซูมากขึ้น คนที่ในมือคีบบุหรี่อยู่นั่งก้มหน้าก้มตากอดเข่าเหมือนคนไม่มีทางไป






     

                “คยองซู” คนถูกเรียกชะงักตัวแข็งทื่อ เขาจำได้ดีว่าเสียงนี้เป็นเสียงของใคร แบคฮยอน...




     

                “คยองซูกูเรียกมึง มึงไม่ได้ยินรึไง” ได้ยินสิ แต่ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง คยองซูตัวสั่นด้วยความกลัว กลัวว่าแบคฮยอนจะโกรธ ทำไม ทำไมแบคฮยอนถึงลงมา




     

                “ไอ้คยองซู” น้ำหนักเสียงดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ คยองซูถูกดึงเคยให้เงยหน้าขึ้นแต่เขาก็ยังยื้อตัวเองไว้ไม่ยอมหันขึ้นไปสบตา




     

                “มึงทำแบบนี้อีกแล้ว มึงเก็บเงียบอีกแล้ว” บรรยากาศรอบข้างเงียบไปหมด คยองซูไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยที่แบคฮยอนจะรู้ว่าเขาสูบบุหรี่ แต่สิ่งที่ทำให้คยองซูกลัวก็คือเหตุผลที่ทำให้เขาหันมาพึ่งควันแบบนี้ต่างหาก ถ้าแบคฮยอนถามแล้วเขาจะตอบว่าอย่างไรดี




     

                “คุยกับกูเดี๋ยวนี้” ยังคงเงียบ เงียบจนน่าอึดอัด แบคฮยอนตัดสินใจโน้มตัวลงไปหยิบมวนบุหรี่ให้ออกจากมือของคยองซู แต่สิ่งที่ทำให้คยองซูต้องเงยหน้าขึ้นมามองก็คือแบคฮยอนยัดปลายมวนบุหรี่เข้าปากแล้วสูดเข้าไปเต็มปอด เขาค่อยๆพ่นควันสีขาวออกมาท่ามกลางใบหน้าของคยองซูที่ดวงตากลมโตเริ่มจะคลอไปด้วยน้ำตา




     

                “แบคฮยอน มึงทำอะไร”




     

                “สูบเป็นเพื่อนมึงไง”  สีหน้าแบบนี้ ทำไม...




     

                “แบค”




     

                “ทำไมกูจะสูบไม่ได้วะ ทีมึงยังทำได้เลย” ทำไมต้องทำหน้าแบบนี้ด้วย คยองซูเผลอตกใจคิดไปไกลว่าแบคฮยอนจะดุด่าเขาแต่ไม่ใช่ แบคฮยอนยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า และมันทำให้คยองซูรู้สึกผิด...




     

                “แบคฮยอน”




     

                “เรียกทำไม กูมีอีกมวนนะมึงจะเอาไหม”






     

                “มึงโกรธกูรึเปล่า”




     

                “กูจะโกรธมึงทำไม มึงแค่สูบบุหรี่ คนอื่นเขาก็ทำกันไม่เห็นแปลก กูก็ยังสูบเลยดูดิ” แบคฮยอนพ่นควันขาวๆออกจากปากประหนึ่งว่ากำลังเป่าหมากฝรั่งให้เด็กๆดู






     

                “มึงโกรธกูใช่ไหม”




     

                “บอกว่าไม่โกรธไง เรื่องแค่นี้เอง” คยองซูกุมมือเข้าหากันด้วยหัวใจที่เต้นแรงเพราะเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบเค้นหัวใจ เขาทำให้แบคฮยอนโกรธเขารู้ แต่ทำไมแบคฮยอนถึงยังคงยิ้ม




     

                “แบคฮยอน”




     

                “เรียกอีกละ มึงจำชื่อกูไม่ได้รึไง” ร่างโปร่งโยนบุหรี่ทิ้งแล้วนั่งลงข้างๆคยองซู เขาจะพยายามใช้ไม้อ่อนกับอีกคน เพราะถ้าขืนฟาดไม้แข็งไป คยองซูคงต้องร้องไห้แน่ๆ และแบคฮยอนไม่ต้องการเห็นอีกคนร้องไห้...




     

                “คยองซูครับ บอกผมได้รึเปล่าว่าทำไมถึงทำแบบนี้” ไม่ใช่ประโยคกวนเบื้องล่างแต่อย่างใด ถ้อยคำสุภาพที่สุดหลุดออกจากปากของคนอย่างแบคฮยอน คยองซูอ้าปากพะงาบๆ




     

                “ก็...มีปัญหาเรื่องเรียนนิดหน่อย”




     

                “พูดความจริงได้ไหม อะไรที่ทำให้นายต้องลงทุนระบายความเครียดแบบนี้” คยองซูหลับตาลงแล้วโถมตัวเข้าสวมกอดแบคฮยอนเอาไว้แน่น เสียงหายใจช่างสั่นเครือเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ คยองซูกอดรัดแบคฮยอนเอาไว้โดยไม่พูดอะไรออกมา แบคฮยอนลูบหลังอีกคนช้าๆ




     

                “เพราะแบคฮยอนนั่นแหละ”




     

                “เพราะผมจริงๆด้วย” แบคฮยอนโยกคยองซูไปมาพยายามทำตัวให้สบายที่สุด




     

                “แบค...มึงพูดเพราะแบบนี้กูไปไม่เป็นเลยนะ”




     

                “ถ้างั้นมึงก็บอกกูมาว่ามึงเครียดเรื่องอะไร”




     

                “ทุกครั้งที่กูนึกถึงหรือได้ยินเรื่องของมึงกับพี่ดาร่า กูก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดเลย”




     

                “รักกูมากหรอคยองซู” ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อแบคฮยอนเลิกเคลื่อนไหวร่างกาย แต่คยองซูยังคงกอดแบคยอนเอาไว้เช่นเดิม ไม่มีคำตอบใดออกจากปากของคยองซู ยิ่งคยองซูไม่พูดอะไรก็ยิ่งทำให้แบคฮยอนเริ่มรู้สึกว่าใจของเขากำลังปวดหนึบขึ้นมาเรื่อยๆ คยองซูกำลังลังเล หรือว่าคำว่ารักมันเปลี่ยนไปแล้ว เพราะทุกครั้งคยองซูจะบอกรักเขาด้วยความมั่นใจ แต่ตอนนี้ทำไม...




     

                “แบคฮยอนมึงรักกูบ้างไหม” แทนที่จะได้รับคำตอบแต่กลับกลายเป็นว่าแบคฮยอนกลับถูกถามซะเอง น้ำเสียงแผ่วเบาของคยองซูทำให้แบคฮยอนจี้ดที่ใจหนักขึ้นไปอีก




     

                “คยอง...” คนถูกเรียกปล่อยแขนออกจากแบคฮยอนแล้วกลับมานั่งตามเดิม รอบกรอบดวงตากลมโตมีแถบสีแดงขึ้นมาเรื่อๆ เมื่อแบคฮยอนเป็นฝ่ายเงียบบ้าง คยองซูกลั้นน้ำตาเอาไว้ด้วยความพยายามสูงสุด เขาก็รู้อยู่แล้วละว่าแบคฮยอนคงจะไม่มีคำตอบให้เขา...




     

                “มึงไม่ต้องตอบก็ได้ ตอนนี้กูไม่อยากรู้แล้ว” คยองซูขยับตัวเข้าไปกอดแบคฮยอนเอาไว้ อ้อมอกอุ่นที่คยองซูรัก... ทำไมนะแบคฮยอน ทำไม... น้ำตาที่เขาพยายามกลั้นเอาไว้ไหลเอ่อทวมจนหยดลงอาบแก้ม เจ็บอีกสักครั้งจะเป็นไรไป คยองซูกอดแบคฮยอนเอาไว้แน่น คำว่ารักของเขา เมื่อไรมันถึงจะมีค่าในความรู้สึกของแบคฮยอนสักที




     

                “คยองซูกูขอโทษที่ทำให้มึงร้องไห้อีกแล้ว”




     

                “ไม่เป็นไรแบคฮยอน กูไม่เป็นไร”



















    TBC.

    ไม่เป็นไร ฉันยังไหว

    #ฟิคเพื่อนพี่แบค






    ยอดวิวครบ 10,000 แล้ว
    ขอบคุณทุกคนคะ
     

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×