คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : เอาตัวรอด
จงอินมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นว่าจะมีคนอาศัยอยู่ในบ้านเลย ความเงียบรอบข้างบังคับให้จงอินลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่แล้วออกเดินสำรวจในตัวบ้านอย่างถือวิสาสะ การตกแต่งของตัวบ้านนั้นสวยมากที่สุดเท่าที่จงอินเคยเห็นมา คงเพราะเขาคุ้นเคยแต่การใช้ชีวิตอยู่ในป่าพอมาเจอกับอะไรที่มันหรูหราเขาก็ต้องตื่นเต้นและอยากสัมผัส
จงอินเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่รูปปั้นลักษณะคล้ายค้างคาว รูปปั้นค้างคาวตัวนี้ดูดุดันและน่ากลัวมากจนจงอินไม่กล้าที่จะจ้องมองมันนานๆ ดวงตาสีแดงก่ำของมันทำขึ้นจากทับทิมเม็ดงาม จงอินก้มหน้าลงไปใกล้ๆแล้วเอื้อมมือลงไปจับที่ดวงตาแดงก่ำนั่น
ครืดดด..
ผนังกำแพงของบ้านขยับเคลื่อนออกเป็นทางเข้ามืดๆ จงอินยืนทึ่งอยู่พักเดียวก็มองซ้ายขวาแล้วเดินเข้าไปในช่องทางมืดๆนั่นทันที สีหน้าของเด็กหนุ่มดูจะไม่ค่อยไว้ใจไอ้ทางเดินมืดอับแบบนี้เลย เขากลัวว่ามันจะเป็นประตูที่นำเขาไปสู่บางสิ่งที่น่ากลัว
ระยะทางคับแคบและเหม็นอับชวนให้อยากอาเจียน กลิ่นเหม็นสาบเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนจงอินต้องเอามือปิดจมูกเอาไว้ เขาข่มความรู้สึกคลื่นไส้ของตัวเองเอาไว้แล้วเดินไปต่อ แต่แล้วกลิ่นเหม็นก็รุนแรงขึ้นจนจงอินพะอืดพะอม
“ ชะ..ช่วยด้วย “ น้ำเสียงสั่นระริกดังขึ้นจากภายในนั้น จงอินฝืนเดินต่อเข้าไปอีกหน่อยก็พบกับเศษซากกองกระดูกของมนุษย์มากมาย เขาตกใจจนแทบสิ้นสติเสียตรงนั้น
“ ช่วยฉันด้วย ใครก็ได้ “ จงอินหลบมุมไปขย้อนเอาอาหารในกระเพาะของตัวเองออกแล้วรีบเดินหาต้นตอของเสียงร้องขอความช่วยเหลือนั่นโดยเร็ว น้ำเสียงเครือแผ่วเบาดูน่าสงสารจนเขาทำเมินเฉยแล้ววิ่งหนีออกไปเพียงลำพังไม่ได้ สายตาคมกวาดเห็นว่ามีโคมไฟเรียงกันเป็นแถวตามบันไดทางเดินเขาจึงค่อยๆก้าวลงไปทีละขั้นเพื่อดูเชิง ถ้าหากเกิดเรื่องอันตรายอย่างน้อยเขาก็อาจจะหนีไปได้ทันท่วงที
“ พี่คยองซู “ เด็กหนุ่มส่งเสียงตกใจ บุคคลที่เขาคิดว่าได้ตายจากเขาไปแล้วในตอนนี้กลับถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่เส้นใหญ่กว่าท่อนแขนของจงอินเสียอีก ท่าทางอิดโรยนั่นทำให้จงอินต้องรีบพุ่งเข้าไปหาคนเป็นพี่ด้วยความเป็นห่วง สภาพซูบซีดของคยองซูทำให้จงอินเผลอน้ำตาคลอขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ พี่คยองซู ใครทำอะไรพี่ “
“ จงอิน.. จงอินหรอ “ คยองซูในสภาพอยู่ในสภาพที่ตัวเปรอะเปื้อนไปหมด ตามแขนเสื้อก็มีรอยขาดวิ่นเป็นทางยาว เศษซากฝุ่นโคลนแปดเปื้อนใบหน้าขาวใสจนจำเค้าเดิมแทบไม่ได้ สิ่งที่จงอินคิดขึ้นได้ในแว๊บแรกที่เห็นคยองซูอยู่ในสภาพแบบนี้คือคยองซูคงจะต้องถูกคนในบ้านหลังนี้ลักพาตัวมาแน่ๆ แต่ว่าคนพวกนี้จะจับตัวคยองซูมาทำไม
“ พี่คยองซู ใครจับพี่มา “
“ ซะ..” จงอินขมวดคิ้วแน่นรอฟังคำตอบจากพี่ชายแต่เสียงฝีเท้าอาดๆกำลังเดินตรงมาทางนี้ ทำให้เด็กหนุ่มลังเลว่าจะเผชิญหน้ากับบุคคลผู้มาใหม่หรือหนีไปตั้งหลักก่อน แต่ถ้าจะหนีเขาต้องไปทางไหนละ ในเมื่อห้องทึบๆที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอากาศให้หายใจแบบนี้มีประตูทางเข้าแค่ทางเดียว มืออันสั่นเทาของคยองซูยกขึ้นมากำลำแขนจงอินเอาไว้แล้วบีบเบาๆ ริมฝีปากที่บัดนี้ซีดแห้งจนน่าเป็นห่วงกำลังขยับออกมาอย่างยากลำบาก
“ หนี.. “ คยองซูยกแขนที่ดูไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาชี้ไปที่กำแพงมืดๆอีกฝากหนึ่ง จงอินลังเลว่าเขาจะไปคนเดียวหรือว่าลากตัวคยองซูหนีไปด้วยกัน ตอนนี้ความคิดเขาตีกันไปหมดด้วยความไม่เข้าใจและสับสน เขาแค่เดินหลงเขามาแต่ก็ได้เจอกับคยองซูในสภาพดูไม่ได้แบบนี้ ที่สำคัญคยองซูกำลังถูกทรมานอยู่ภายใต้ชายคาของลู่หาน ซึ่งเขายิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่เลยว่าถ้าลู่หานจับตัวคยองซูมาจริง ลู่หานจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
“ หนี ! “ จงอินกุมมือพี่ชายของเขาเอาไว้แน่นแล้วรีบผละตัวเองพุ่งไปที่กำแพงตามที่คยองซู บอก ตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะได้พบกับความเจ็บปวดจากแรงกระทบของไหล่กับกำแพง แต่ก็กลายเป็นว่าร่างของเขาทะลุกำแพงเข้ามาล้มคลุกคลานอยู่ในโพรงมืดๆ
จงอินเงียบฟังเสียงโซ่เส้นใหญ่กำลังถูกลากให้เคลื่อนไปตามพื้นจนเกิดเสียงครืดคราดดังสนั่น รวมถึงเสียงร้องโอดโอยของคยองซูก็ดังปะปนมาด้วย เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร
“ คยองซู “ นั่นเป็นเสียงของลู่หาน จงอินจำได้ดีถึงแม้จะเคยพูดคุยกันแค่ไม่กี่ครั้ง
“ คุณครับ... “
“ อย่าเรียกห่างเหินแบบนั้นสิ เจ้าเป็นน้องชายของพี่นะ “
“ ผมไม่มีพี่ชาย “ คำพูดที่ถูกเค้นออกมาจากหลอดเสียงแหบแห้งของคยองซูฟังดูแล้วน่าสงสารจนจงอินอยากพุ่งตัวเข้าไปช่วย
“ เรามีกันแค่สามคน กลับมาอยู่กับพี่นะคยองซู “
“ ผมไม่รู้จักคุณ !“
“ อีกไม่นานเราจะต้องกลับมารู้จักกันเหมือนเดิม “ จงอินไม่ได้ยินสียงสนทนาใดๆเกิดอีก แต่พักเดียวเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกครั้ง
“ เซฮุน เด็กนั่นละ “ เขาเดาเอาว่าเด็กนั่นที่ลู่หานพูดคงจะหมายถึงตัวเขา
“ สงสัยจะกลับไปแล้ว “
“ ดีละ ข้าไม่อยากให้มันมาวนอยู่ในบ้านของเราสักเท่าไร “
“ ลู่หานเจ้าห้ามทำอะไรจงอินเด็ดขาด “
“ ข้าจะไปทำอะไรมันได้ละ “
“ คนอย่างเจ้ามันทำได้ทุกอย่าง “ เซฮุนพูด
“ ใช่ รู้ไว้ก็ดีแล้ว “
“ กระทั่งพี่น้องเจ้ายังคิดจะทำร้าย “
“ เซฮุน !! “
“ เจ้ากำลังจะทำร้ายคยองซู เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรอว่าทำแบบนั้นมันเสี่ยง!! “
“ ข้ารับรองว่าพิธีจะต้องผ่านไปด้วยดี “
“ แต่คยองซูอาจจะตาย.. “
“ เงียบนะเซฮุน ข้าบอกว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อยก็คือต้องเรียบร้อย !! “
“ เชื่อข้านะลู่หาน อย่าทำแบบนั้นเลย “
“ เจ้าคิดว่าที่ข้าทำทุกอย่างมาตลอดหลายปีนี้เพื่อที่จะมาล้มเลิกหรอ เจ้าคิดว่าที่ข้าตามหาคยองซูมานานเพื่อที่จะยอมให้คยองซูจากพวกเราไปหรอ “
“ อย่างนั้นหรอ หึ.. จำเอาไว้นะลู่หาน ถ้าคยองซูเป็นอะไรไปข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า เพราะคยองซูก็คือพี่ของข้า ! “
“ คยองซูก็คือน้องของข้าเหมือนกัน ข้ารับรองว่าคยองซูจะปลอดภัย “ เซฮุนเงียบไปพักหนึ่งจนในที่สุดลู่หานก็ออกคำสั่งอีกครั้ง เสียงโซ่เส้นใหญ่ถูกปลดออกและทิ้งให้กระทบลงกับพื้นจนเกิดเสียงก้อง จงอินพอจะรู้ว่าคยองซูกำลังจะถูกเคลื่อนย้ายให้ออกไปจากห้องนี้ ในตอนแรกที่เขาฟังเขาไม่เข้าใจเลยว่าลู่หานกับเซฮุนกำลังคุยอะไรกันอยู่ เซฮุนพูดเหมือนกับว่าลู่หานกำลังจะเริ่มต้นทำพิธีอะไรสักอย่างซึ่งเป็นอันตรายกับชีวิตของคยองซู และที่สำคัญ..
คยองซูไปเป็นพี่น้องของสองคนนั้นได้อย่างไร ?
“ ข้าจะพาคยองซูไปที่ลานพิธี ใกล้จะถึงเวลาเต็มที่แล้ว “
“ ลู่หานข้าว่าเจ้าหย...”
“ แวมไพร์ตัวอื่นได้กำลังรอเราอยู่ “
“.......... “
“ หัวหน้าเผ่าอย่างข้า ไม่มีทางกลับคำพูด ยังไงซะคยองซูก็จะต้องกลับมาเป็นน้องคนเดิมของข้า คยองซูจะต้องฟื้นคืนมาเพื่อทำลายเผ่าพันธุ์ที่มันทรยศพวกเรา“
“ เจ้ากำลังจะทำให้คยองซูกลายเป็นนักล่าอีกครั้งนะลู่หาน “
“ เจ้าอย่าลืมสิเซฮุน คยองซูเกิดมาเพื่อเป็นแบบนั้น “
กึกก...
จงอินเบิกตาโพลงเมือขาเขาไปเสียดสีเขากับพื้นจนเกิดเสียงที่ถึงแม้จะแผ่วเบาแต่ว่าในบรรยากาศเงียบๆแบบนี้แม้แต่เสียงหายใจก็ดูจะดังเกินไปด้วยซ้ำ
TBC
.....................................
มาสั้นๆ และจะขอจากไปอย่างสั้นๆ เห้ยตอนหน้าจบละนะ (ล้อเล่น )
เรื่องนี้ไม่เกินสิบห้าตอนนะตัวเธอ สั่นยิ่งกว่าเอสเอฟอีก ฮาาาา
ขอให้ความงงจงสถิตกับทุกคน #แอร๊
ความคิดเห็น