คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : Black Candy : 27
Chapter :27
หลังจากผ่านวันที่ถูกประกาศงานแต่งสายฟ้าแลบนั่นมา คริสก็ยังกลับเข้ามาทำงานตามปกติ เพียงแต่คุยกับคนอื่นๆ น้อยลง แต่สำหรับผู้เป็นมารดาของเขากลับได้รับสิทธิพิเศษมากกว่านั้น นั่นก็คือแทบจะไม่ได้ยินเสียงพูดจากผู้เป็นลูกเลย...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา” คริสบอกคนข้างนอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไหร่
“คริส!”
“อ้าว ยูรานั่งก่อนสิ”
เมื่อเห็นว่าเป็นใครคริสก็ละสายตาจากงานมาสนใจคนที่เพิ่งเข้ามาทันที
“ไงล่ะนาย จิตใจยังสบายดีอยู่ไหม?”
ร่างบางถามขึ้นก่อนจะนั่งลงตรงกันข้ามกับคริส
“ไม่...ไม่เลย” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เออ เหมือนกัน น้องฉันก็เหมือนกัน แต่รายนี้ดื้อหน่อย ปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่หามส่งโรงพยาบาลไปรอบนึงแล้ว”
“เป็นอะไร!!” ร่างสูงถึงกับทำตาโตเพราะความตกใจเมื่อได้ยินว่าอีกคนเข้าโรงพยาบาล
“เครียดลงกระเพาะล่ะสิ กินอะไรก็ไม่ได้อ้วกออกมาหมด แถมตอนกลางคืนฉันแอบได้ยินมันนอนร้องไห้ทุกคืน”ยูราบอกด้วยสีหน้าหนักใจไม่น้อย
“ฉันขอโทษนะ...” คริสบอกด้วยเสียงที่เบาหวิว
“นายจะมาขอโทษฉันทำไม! ไปบอกน้องฉันโน้น! นายเป็นคนแรกเลยนะที่สามารถทำให้มันร้องไห้ได้ถึงขนาดนี้ นายต้องตัดสินใจแล้วนะคริสถ้านายจะแต่งงานกับยูอี...นายไปบอกเลิกน้องมันซะ ฉันไม่อยากเห็นไอ้ยอลมันเป็นแบบนี้!”ยูราพูดออกไปตามที่คนเป็นพี่สาวควรจะทำ
“ไม่เลิก....ยังไงฉันก็ไม่เลิก!”
คริสบอกด้วยน้ำเสียงหนักเน้น
“หึ! ไม่เลิก...แล้วจะปล่อยให้เป็นงี้?”
“ไม่....” คริสบอกพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่แล้วจะทำยังไง นี่เขาเริ่มจัดเตรียมสถานที่แต่งงานให้นายแล้วนะโว้ยยยย!!”
ยูราลุกขึ้นเอามือตบโต๊ะอย่างเหลืออด
“ไม่แต่ง!! ยังไงฉันก็ไม่แต่ง!!”คริสตอบเสียงแข็ง
“แล้วนายจะทำยังไง!”
“เดี๋ยวก็รู้...”
ร่างสูงบอกพร้อมฉายความร้ายกาจออกมาจากแววตาคม
“เฮ้อ~~ นายสองคนมาเจอกันทำไมก็ไม่รู้...” ยูราทิ้งตัวลงบนเก้าอี้พร้อมกับถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“ทำไม? ไม่อยากได้ฉันเป็นน้องเขยหรอ? ฉันไม่ดีตรงไหน?” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยในขณะที่กำลังถามร่างบางที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ทุกตรงย่ะ!!”
“เอ๊า! เธอหนิฮะฮ่าๆๆ”
ท่าทางติดตลกของยูราทำให้คริสหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“เออนี่ ทำไมนายถึงชอบน้องฉันล่ะ?” จู่ๆ ยูราก็เปลี่ยนประเด็นในการพูด
“ไม่รู้สิ รู้แค่ชอบ สักพักก็รัก ฉันว่าเขาไม่เหมือนใคร เพราะตั้งแต่โตมาก็มีแต่ผู้หญิงเข้าหา มีแค่น้องเธอล่ะมั้งที่คิดจะวิ่งหนีฉันอยู่ตลอดเวลา” คริสบอกพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้เอ่ยถึงอีกคน
“แล้วถ้าสมมติว่าวันหนึ่งนายรู้ว่าไอ้ยอลมัน....เอ่อ...ยังไงดีวะ”
“อะไร?” คริสเริ่มสงสัยเมื่ออีกคนไม่ยอมพูดออกมาเสียที
“ก็....”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เอ่อ คุณคริสช่วยเซ็นต์ตรงนี้ด้วยค่ะ!”
เมื่อเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามายูรารีบดึงแฟ้มที่หยิบติดมือมาด้วยขึ้นมาให้คริสอย่างรวดเร็ว
“ห่ะ?” คริสทำหน้างงใส่ร่างบาง
“เซ็นต์ซิ เซ็นต์ๆ!” ยูราบอกร่างสูงโดยไม่เปล่งเสียงออกมา
“อ่อ เออๆ”
คริสเซ็นต์เอกสารตามที่ยูราบอกก่อนจะปล่อยให้เพื่อนกลับไปโดยที่ตัวเองต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่ไม่อยากเจอมาที่สุดในตอนนี้
“คริส แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยกับแม่”
คริสบอกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนผู้เป็นแม่ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“แม่จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้วนะ แกจะได้ไม่ต้องเหนื่อยจัดเตรียมเอง”
“หึ...ถึงบอกให้ผมทำ ผมก็ไม่ทำหรอก”
คริสบอกปัดอย่างไม่สนใจ ก่อนจะหยิบงานของตัวเองขึ้นมาทำต่อ
“คริส...ที่แม่ทำไปนี่แม่หวังดีนะ ที่แม่ให้ยูอีเป็นคนที่จะมาดูแลลูก เพราะแม่คิดว่าเขาสามารถทำให้ลูกมีความสุขได้”
“แม่ถามผมหรือยัง? แม่ถามผมสักคำหรือยัง!?”
ร่างสูงบอกพร้อมกับมองผู้เป็นแม่ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“.....”
“ตั้งแต่เล็กจนโต...แม่เป็นฝ่ายตัดสินใจทุกอย่างแทนผมมาตลอด ผมอยากเรียนด้านกีฬา แต่แม่ให้ผมเรียนบริหาร ผมอยากอยู่ที่แคนาดา แต่แม่ก็ให้ผมมาอยู่ที่เกาหลี แล้วนี่....แม่ก็รู้ว่าผมรักยอลลี่ แต่แม่ก็ให้ผมแต่งงานกับยูอี...แม่คิดว่าผมมีความสุขดีไหมครับ?”คริสบอกก่อนจะยกยิ้มประชดหญิงวัยกลางเล็กน้อย
“อืม...เสาร์นี้มีนัดถ่ายพรีเวดดิ้ง....อย่าลืมไปล่ะ”
หญิงวัยกลางบอกก่อนจะลุกขึ้นไปโดยไม่สนใจสีหน้าที่ไม่พอใจของลูกชายเลยแม้แต่น้อย
มือหนากวาดเอกสารบนโต๊ะทิ้งอย่างไม่ใยดี เหตุการณ์ครั้งนี้มันทำให้ความอดทนของคริสไม่มีเหลืออีกต่อไป ยิ่งได้รับรู้ว่าชานยอลเสียใจมากแค่ไหน มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่มากเท่านั้น สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือ...ทำในสิ่งที่ผู้เป็นแม่ต้องการ แต่ก็ทำในสิ่งที่ใจของตัวเองต้องการด้วยเช่นกัน...
----------------------------------------------------------
“กินอีกสักนิดนะ จะได้กินยา”
หนุ่มร่างเล็กบอกเพื่อนที่นั่งเงียบอยู่บนเตียง
“อิ่มแล้ว…”
“นายอย่าเป็นแบบนี้สิชานยอล ฉันไม่สบายใจเลยนะ!”
แบคฮยอนบอกพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เพื่อนร่างโปร่ง
“ฉันขอเวลาสักพัก...ขอเวลาให้ฉันเสียใจ แล้วฉันสัญญาว่าฉันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม...”
ดวงตาที่แลดูบอบช้ำเริ่มมีน้ำใสๆ ปริ่มรอบดวงตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ร้องออกมาสิ อย่ากลั้นมันเอาไว้ ปล่อยมันออกมา ปล่อยสิ่งที่ทำให้นายเสียใจออกมาให้หมด”
แบคฮยอนบอกก่อนจะจับมือเรียวของชานยอลมาบีบไว้เบาๆ เพื่อส่งความรู้สึกห่วงใยผ่านมือบางไปให้ผู้เป็นเพื่อนได้รับรู้
“ขอบใจนะ...”
ร่างโปร่งบอกพร้อมกับปล่อยให้หยดน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
“ให้เขาเป็นคนแรกแล้วก็เป็นคนเดียวนะ ที่ทำให้นายร้องไห้เสียใจได้แบบนี้”
แบคฮยอนบอกก่อนจะหยิบจานข้าวที่พร่องเพียงนิดเดียวไปเก็บ
“รอ...ตอนนี้รออย่างเดียว...รอให้ฉันกลับไปเป็นผู้ชาย แล้วทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
“มันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมจริงๆ หรอ?”
“นั่นสิ...ฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ร่างโปร่งบอกก่อนจะยกขาเรียวขึ้นมากอดเอาไว้
“ฉันจะกลับแล้ว นายอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?” แบคฮยอนถามเพื่อนเพื่อความมั่นใจ
“อือ ไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร” ชานยอลพยักหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ
หลังจากแบคฮยอนกลับไปแล้วชานยอลจึงลุกขึ้นจากที่นอนของตัวเอง จัดเก็บข้าวของทุกอย่างในห้องไปเรื่อยเปื่อย แต่ในระหว่างนั้นชานยอลก็ต้องพบกับข้าวของเครื่องใช้ของคริสที่มีอยู่ทั่วห้อง มือบางหยิบของเหล่านั่นแยกออกมาพร้อมทั้งพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาอีกครั้ง กลิ่นหอมที่ติดอยู่บนเสื้อของอีกคนยิ่งทำให้ความคิดถึงและความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
เมื่อเก็บของทุกชิ้นของคริสจนครบ ร่างโปร่งก็จัดการยกมันออกมาจากห้องพร้อมกับหยิบกุญแจห้องข้างๆ ติดมือมาด้วยแล้วทำการไขประตูห้องนั้นอย่างที่เคยทำ...
ห้องที่เคยมีคนอยู่ ห้องที่เคยมีคนสองคนหยอกล้อกันบ้าง ทะเลาะถงเถียงกันบ้าง ห้องที่เคยเต็มไปด้วยความทรงจำแม้มันจะไม่มากมาย แต่ในเวลานี้มันกลับว่างเปล่า ไม่มีแม้เงาของเจ้าของห้อง...
ชานยอลเอาของทั้งหมดที่เก็บมาจากห้องของตัวเอง ไปจัดวางในที่ที่มันควรอยู่ ยิ่งจัดไปน้ำตาก็พาลจะไหล แต่ชานยอลก็ยังกลั้นมันมาได้จนถึงตอนเก็บเสื้อผ้าของอีกคนเข้าตู้ไปและน้ำตาอาจจะไม่ไหล หากไม่มีอะไรร่วงออกมาจากตู้เสื้อผ้าเสียก่อน
ไดอะรี่...
มือเรียวบางหยิบสมุดไดอะรี่ที่ร่วงลงมาจากตู้เสื้อผ้าตอนแรกก็คิดจะเก็บเข้าที่ไปเหมือนเดิม ถ้าไม่ติดกับว่ามีรูปของตัวเองที่ถูกแอบถ่ายจากด้านหลังโผล่ออกมาจากไดอะรี่เล่มนั้น...
ชานยอลถือไดอะรี่มานั่งอยู่ที่เตียงนอนของเจ้าของห้อง ก่อนจะเปิดมันและพบว่าไดอะรี่ทั้งเล่มถูกเขียนไว้เพียงสองหน้าเท่านั้น ซึ่งเนื้อความก็มีอยู่ว่า
ผมเจอผู้หญิงอีกแล้ว...เธอสวยเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผมเคยพบเจอ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เหมือนคนอื่น ‘เธอเกลียดขี้หน้าผม’
ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนอื่นๆ อยากได้ผมจะตายไป แต่สำหรับเธอคนนี้ มันไม่ใช่
เพราะเธอเป็นอย่างนี้ มันจึงทำให้ผมอยากเอาชนะเธอ ผมทำทุกอย่างที่จะได้เข้าใกล้เธอ
ไม่ว่าจะจัดรับน้องหรือให้รุ่นน้องช่วยโกงฉลากเรื่องที่ฝึกงาน หลายๆอย่างผมยอมรับว่าผมเป็นคนทำ
ที่ผมทำไปเพราะผมแค่อยากอยู่ใกล้ๆ เธอและแค่อยากเอาชนะเท่านั้น..
แต่ผมก็เผลอทำผิดกับเธอคนนี้เอาไว้ ผิดมากๆ ผิดจนไม่น่าให้อภัย
ผมทิ้งเธอก่อนจะกลับไปแคนาดาและกลับมาเกาหลีอีกทีพร้อมกับคู่หมั้น ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้น
แต่ผมก็ยังคงทำทุกวิถีทางที่จะเอาชนะใจเธอคนนี้และเธอก็ใจแข็งมาก มากที่สุดเท่าที่เคยเจอผู้หญิงมา
ผมตามตื้อเธอจนผมเริ่มรู้สึกว่า....ผมรักเธอเข้าจริงๆ...
เมื่อถึงบรรทัดสุดท้ายของหน้าแรกชานยอลยกยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเล็กน้อย ไดอะรี่เล่มนี้ทำให้ชานยอลรู้ว่าความใจแข็งของเขาทำให้ผู้ชายคนหนึ่งตกหลุมรักเขาได้ เมื่ออมยิ้มกับข้อความในหน้าแรกเป็นที่เรียบร้อย ชานยอลจึงเริ่มอ่านหน้าต่อไปซึ่งเป็นหน้าสุดท้าย มันดูยาวกว่าหน้าแรกเล็กน้อย และเขาก็ตั้งใจอ่านมันไม่ให้ขาดตกไปแม้แต่ตัวอักษรเดียว...
เมื่อวันที่ผมรู้ตัวว่าผมรักเธอเข้าจริงๆ ผมพยายามหาทางถอนหมั้นกับคู่หมั้นของผม
ซึ่งมันยากมาก แต่ผมก็พยายามมาโดนตลอด แม้จะมีปากเสียงกับแม่บ่อยครั้งก็ตาม
แต่ผมยอมแพ้ไม่ได้ ผมรักเธอคนนั้นจริงๆ รักมากจนผมพยายามเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ
...เธอชอบทะเล ผมรู้ว่าเธอชอบทะเล เพราะทุกครั้งที่เธอไปที่นั่น เธอดูมีความสุขมาก
และผมก็มีความสุขทุกครั้งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอ
ผมแอบไปที่ทะเลนั่นคนเดียวบ่อยๆ เมื่อรู้สึกไม่สบายใจ
เพราะทุกครั้งที่ผมไปที่นั่นภาพรอยยิ้มของเธอก็จะปรากฏให้ผมเห็นอยู่เสมอ...
แต่วันหนึ่งรอยยิ้มนั้นก็มาปรากฏให้ผมเห็นอยู่ตรงหน้า
ผมสามารถเปิดประตูหัวใจที่ปิดตายของเธอได้สำเร็จ
เธอรับรักผม....ผมอยากตะโกนออกไปให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าเธอคนนั้นรักผมแล้ว
แต่ความรักของเราสองคนก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ผมยังมีคู่หมั้นของผมซึ่งมันเป็นปัญหาที่ตัดไม่ขาดเสียที
และหลายครั้งที่ปัญหาข้อนี่มันทำให้เธอคนนั้นเสียใจ...ซึ่งผมก็เสียใจเหมือนกันที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
แต่ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร...ผมก็ยังรักเธอ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน
รอพี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งหนีพี่ไปไหน พี่เชื่อว่า...มันต้องมีสักวันที่เป็นของเรา...พี่รักเรานะ...ยอลลี่
บรรทัดสุดท้ายของหน้าสุดท้าย ทำให้น้ำตาที่ชานยอลพยายามกลั้นเอาไว้ไหลออกมาได้ในที่สุด ร่างโปร่งร้องไห้ไปด้วยกอดไดอะรี่เล่มนั้นไปด้วย ความรู้สึกที่คริสได้เขียนออกมาเป็นตัวอักษรยิ่งทำให้ชานยอลไม่สามารถตัดใจจากคริสไปได้
แต่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ ผู้ชายที่บอกรักเขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น....
..............................................................................................
“มีอะไรเกิดขึ้นไม่ต้องมาเล่าให้ฟังนะ” ร่างโปร่งพูดขึ้นกับยูราที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก
“แค่ฉันไปงานก็รู้สึกผิดมากพอละ ฉันคงไม่เอาเรื่องในงานมาเล่าให้แกช้ำใจเล่นหรอก”
“แล้ว...ช่วงนี้เขาเป็นไงบ้างอะ?...” ชานยอลตัดสินใจถามถึงอีกคนออกไป
“มันคงเหมือนแกนั่นแหละ...”
ยูราบอกก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้งไปหยิบของจำเป็นใส่กระเป๋าหรูเพื่อเตรียมตัวออกไปที่งาน
“เอาไว้มันหนีออกมาจากโบสถ์แล้วฉันจะโทร. มาบอกแกนะ”
ยูราว่าพลางยิ้มราวกับเป็นเรื่องขบขัน
“บ้า! จะไปก็ไป แล้วรีบกลับมาล่ะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าตัวตาย” ชานยอลบอกพร้อมกับยกยิ้มกวนๆ
“ถ้าแกไม่รักแม่ ไม่รักฉันก็เชิญตามสบายนะ ฉันไม่ห้าม ไปละ เดี๋ยวจะรีบกลับมาเก็บศพ”
ยูราบอกก่อนจะอออกจากห้องไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมายิ้มให้กำลังใจผู้เป็นน้อง
เมื่อห้องสี่เหลี่ยมตกอยู่ในความเงียบเหงา ความคิดถึงก็กลับมาเล่นงานชานยอลอีกครั้ง...
วันนี้แล้ว วันที่เขาต้องยอมปล่อยมือคริสให้กับผู้หญิงที่มาก่อนเขา ผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่เขาที่เป็นผู้หญิงที่ถูกสร้างมาจากลูกอมปีศาจ...
………………………………………………………………………..
โบสถ์แห่งหนึ่งถูกตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ เพื่อรองรับพิธีแต่งงานของคริสและยูอี แขกผู้ใหญ่ที่เข้ามาร่วมงานต่างพูดคุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มซึ่งเรื่องที่พูดคุยกันนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของธุรกิจ แม้กระทั่งญาติผู้หญิงของคู่บ่าว-สาว ก็ยังคงคุยกันถึงเรื่องนี้แทนที่จะเป็นเรื่องของลูกตัวเอง
“แกว่าพี่คริสยอมง่ายไปป่าววะ?” ฮยอนอากระซิบถามคริสตัลที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ง่ายที่สุด...” คริสตัลตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“แกว่ามันจะมีอะไรหรือเปล่า?” อยอนอายังคงตั้งคำถามต่อไป
“ฉันก็รอลุ้นพร้อมๆ แกนี่แหละ!”
“เฮ้อ~ ไม่รู้ยอลลี่จะเป็นไงบ้าง ฉันรู้สึกเป็นห่วงจัง” ซอลลี่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อพูดถึงเพื่อนอีกคน
“ยอลลี่มันเข้มแข็งจะตาย ถึงมันจะเสียใจ แต่ฉันว่าสักวันมันต้องกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม”
ฮยอนอาบอกด้วยท่าทางที่มั่นใจ
“อ้าว! สาวๆมากันด้วยหรอ!” ลู่หานทักขึ้นเมื่อเห็นสามสาวนั่งอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
“ต้องมาสิพี่! มาเป็นสาย” ฮยอนอาตอบกลับไปอย่างทันควัน
“เออ ว่าแต่เพื่อนเราล่ะ?” ลู่หานถามขึ้นเมื่อเห็นว่ามีคนหนึ่งที่ไม่ได้มารวมกลุ่มด้วย
“โอ๊ยยยย! ตาคนนี้หนิ! เป็นพี่พี่จะมาม๊ายยยยย”
“ไม่มาไง”
“เออ มันก็ไม่มาไง รู้แล้วก็ยังจะถามอีกกลับไปนั่งกับแฟนเด็กของพี่โน้นไป๊!” ฮยอนอาว่าพลางชี้ไปทางเซฮุนที่นั่งอยู่อีกแถว
“แหมะ! เดี๋ยวนี้มีไล่กันเลยนะ” ลู่หานว่าพลางยกยิ้มกวนๆ ใส่หญิงสาว
“ฉันไม่แย้งของเด็กข้างบ้านหรอกจ๊ะแล้วที่สำคัญฉันก็มี แต่ตอนนี้ไม่รู้มันอยู่ที่ไหนรอตั้งนานแล้วพี่เห้นมันบ้างไหมเนี้ย!!” เมื่อพูดถึงแฟนตัวเองฮยอนอาก็เริ่มโมโห เพราะฮยอนซึงยังมาไม่ถึงงานเสียที
“ไม่รู้ ไม่เห็น กลับไปหาแฟนเด็กเราดีกว่า~” ลู่หานบอกก่อนจะเดินลอยหน้าลอยตากลับไปนั่งข้างๆ เซฮุน
“โอ๊ยย! เมื่อไหร่พิธีจะเริ่มเนี้ย ฉันชักจะรอไม่ไหวแล้วนะ!” คริสตัลบ่นออกมาเมื่อความอดทนเริ่มจะหมดไปกับการรอ
“แกจะรีบให้เขาแต่งกันทำไมห๊ะ!” ฮยอนอาหันไปเอ็ดใส่เพื่อนที่นั่งข้างๆ
“หยุดๆ พอได้แล้วพี่คริสออกมาแล้ว!!”
ซอลลี่รีบห้ามเพื่อนทั้งสองคนเมื่อเห็นเจ้าบ่าวออกมาที่หน้าแท่นพิธี
“แก...ฉันตื่นเต้น!” ฮยอนอาคว้ามือของเพื่อนทั้งสองมาบีบไว้ราวกับว่าตอนนี้ตัวเองเป็นชานยอล
หลังจากที่คริสออกมายืนหน้าแทนพิธีไม่นานยูอีก็ปรากฏตัวขึ้น
หญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเดิมเข้ามาในโบสถ์อย่างสง่างาม ทุกคนลุกขึ้นยืนและยิ้มชื่นชมกับความสวยงามตรงหน้าเว้นเสียแต่เจ้าบ่าวที่ไม่ได้รู้สึกยินดีอะไรเลย
“ดูเจ้าบ่าวทำหน้าสิแก...” ฮยอนอาสะกิดเพื่อนทั้งสองให้มองดูคริสที่กำลังคัดค้านการแต่งงานของตัวเองด้วยการแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า
“อย่าว่าแต่เจ้าบ่าว...ดูโน้น...แม่เจ้าบ่าว สงสัยจะรู้สึกได้ถึงพลังงานบ้างอย่างของลูกชายสิท่า...หึ! สายไปแล้วป้า!!” คริสตัลว่าด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
เมื่อทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมายืนอยู่หน้าแท่นพิธีเป็นที่เรียบร้อยบาทหลวงจึงเริ่มอ่านคัมภีร์คู่ชีวิต ในระหว่างที่บาทหลวงกำลังกล่าวอยู่นั้นคริสไม่ได้ฟังคัมภีร์ที่บาทหลวงอ่านเลย เขาคิดถึงแต่อีกคน...คิดแค่ว่าตอนนี้คนๆ นั้นจะเป็นอย่างไรและยังคงรอเขาอยู่หรือเปล่า
“อู๋ อี้ฟานและคิม ยูจิน ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ถูกบังคับแต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริงเพื่อเข้าพิธีสมรสหรือ?”
“ค่ะ/ไม่!”
แค่เริ่มคำสาบานเพียงข้อแรกก็ทำให้ทุกคนในงานต่างอึ้งและมองหน้ากันไปอย่างงงๆ เมื่อเจ้าสาวตอบอย่างและเจ้าบ่าวตอบอีกอย่าง
หญิงวัยกลางกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของลูกชาย แม้ญาติฝ่ายหญิงจะเริ่มโวยวายขึ้นมา แต่เธอก็ยังมีท่าทีนี่นิ่งเฉย
“ผมไม่ได้มาที่ด้วยความสมัครใจ ผมไม่พร้อมที่จะรักและยกย้องคิม ยูจิน ผมไม่พร้อมที่จะรับเธอเป็นภรรยา และวันนี้ผมไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับใครทั้งนั้น!”
ร่างสูงเดินลงจากแท่นพิธีทันทีที่พูดจบ ยิ่งสร้างความตกใจให้แขกที่มาร่วมเป็นสักขีพยานเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเดินมาถึงตำแหน่งที่ผู้เป็นแม่ยืนอยู่
“แม่ยอมแกแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ...”
“ขอบคุณนะครับ”
คริสยกยิ้มก่อนจะเดินออกจากโบสถ์ไปโดนไม่สนใจเสียงเรียกของใครทั้งสิ้น
“คริส!! กลับมาเดียวนี้นะ!! คุณแม่!! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!”
ยูอีตะโกนเรียกร่างสูงก่อนจะหันไปหาแม่ของตัวเอง
“แก!! ตาม!” ฮยอนอาบอกก่อนจะคว้ามือเพื่อนทั้งสองวิ่งไปที่ประตูโบสถ์
“เฮ๊ย!! ฮยอนอา นั่นมัน!...” ซอลลี่ร้องออกมาพร้อมกับชี้ไปยังรถสปอร์ตสีขาวที่แล่นเข้ามาจอดหน้าโบสถ์อย่างรวดเร็ว
“ขึ้นมาเลยเพื่อน ฉันพร้อมซิ่งแล้ว!” ฮยอนซึงตะโกนบอกเพื่อนร่างสูงที่กำลังเดินออกมาจากโบสถ์ทั้งๆ ที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าว
“ฮยอนซึง! จะไปไหน!” ฮยอนอาวิ่งเข้าไปหาแฟนหนุ่มอย่างร้อนรน
“ตอนนี้ผมขอไปทำภารกิจเพื่อนหัวใจเพื่อนก่อนนะที่รัก แล้วผมจะรีบกลับมา” ฮยอนซึงว่าพลางส่งมือหนาไปลูบไล้ใบหน้าเนียนของฮยอนอาเบาๆ
“โถ...ฉันจะอ้วก!!! จะไปก็รีบไปเลย เร็วๆ!!” ฮยอนอาบอกก่อนจะถอยออกมาจากรถของแฟนหนุ่มเพื่อให้อีกคนออกตัวรถไปได้อย่างสะดวก
“เฮ๊ยยย!! พวกมึง! ไปที่เดิมนะกูจองไว้ให้แล้ว!!” ลู่หานที่เพิ่งวิ่งตามออกมาจากโบสถ์ตะโกนไล่หลังรถที่เพิ่งแล่นออกไป ซึ่งฮยอนซึงก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าได้รับรู้แล้ว
“เกิดไรขึ้นอะ?!” ยูราวิ่งตามมาสมทบกับสาวสาม
“ไปแล้ว~ เจ้าบ่าวไปแล้วจ้า~ ฮ่าๆๆๆ” ฮยอนอาบอกพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“เออ!! โทรๆๆ ต้องโทร.” คริสตัลรีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าหรูหลังจากนึกอะไรขึ้นได้
ร่างโปร่งยังคงนอนมองนาฬิกาอยู่บนเตียง ยังไม่มีใครโทร.มารายงานความคืบหน้าของงานแต่งงานของคริสให้เขาฟัง มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะถ่ายรูปสายรัดข้อมือเส้นสีฟ้าที่มีคนเคยให้เขาไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้อะไรก็มีสายโทร. เข้ามาเสียก่อน
“ว่าไง?”
“วุ่นวายแล้ว วุ่นวายมาก!!”
“หือ? อะไรวุ่นวาย?!”
“งานแต่งงานอะดิ!”
“ทำไมวะ?!!”
“เจ้าบ่าวหนีไปแล้ว!”
“ห๊ะ!”
“เออ นั่นแหละ! พี่คริสหนีไปแล้ว!”
“เออแค่นี้แหละ!!”
ชานยอลรีบตัดสายก่อนจะรีบลุกขึ้นหยิบกุญแจรถเตรียมกลับไปที่หอทันที เพราะคิดว่าอีกคนต้องกลับไปที่นั่นแน่ๆ
ร่างโปร่งขับรถออกไปด้วยความเร็วสูง กะจะทำระยะทางหลายลิกิโลเมตรให้เหลือเพียงเมตรเดียว แต่เมื่อมาถึงหอพักกลับไม่มีวี่แววการกลับมาของคริสแม้แต่น้อย ชานยอลเปิดประตูห้องของอีกคนเข้าไปก็พบแต่ความว่างเปล่าเช่นเดิมและเมื่อหันไปมองบนเตียงก็ยังคงเห็นไดอะรี่เล่มนั้นว่างอยู่เหมือนเดิม
มือเรียวหยิบรูปของตัวเองที่อยู่ในไดอะรี่ขึ้นมาพร้อมกับนึกถึงข้อความที่ถูกเขียนไว้ในไดอะรี่เล่มนั้น
...เธอชอบทะเล ผมรู้ว่าเธอชอบทะเล เพราะทุกครั้งที่เธอไปที่นั่น เธอดูมีความสุขมาก
และผมก็มีความสุขทุกครั้งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอ
ผมแอบไปที่ทะเลนั่นคนเดียวบ่อยๆ เมื่อรู้สึกไม่สบายใจ
เพราะทุกครั้งที่ผมไปที่นั่นภาพรอยยิ้มของเธอก็จะปรากฏให้ผมเห็นอยู่เสมอ...
ชานยอลรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อกลับไปที่รถอีกครั้ง ในใจได้แต่ภาวนาขอให้เป็นไปตามที่ตัวเองคิด
‘รอฉันก่อนนะพี่คริส ฉันกำลังไป ฉันจะไม่หนีพี่ไปไหน ฉันกำลังจะไปหาพี่ รอฉันก่อนนะ...’
มันใกล้จะจบเต็มทีแล้ว ช่วงนี้อาจจะมาอัพช้าหน่อยน้า เพราะมันแต่จัดการกับการร่วมเล่ม ^^ #ลูกอมปีศาจ
ความคิดเห็น