คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : Black Candy : 25
Chapter :25
แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะปิดภาคเรียนไปแล้ว แต่ชานยอลและเพื่อนๆ ก็ยังคงมานั่งสูดอากาศกันอยู่ในรั่วมหาวิทยาลัย เพราะนักศึกษาปีสุดท้ายจำเป็นที่จะต้องมาส่งโปรเจ็คใหญ่อันหน้าปวดหัว
แต่คนที่ปวดหัวที่สุดในตอนนี้ก็คือชานยอล เนื่องจากว่าบรรดาเพื่อนๆ ต่างก็พยายามเค้นถามว่าจริงว่าเขาเอาโปรเจ็คที่ไหนมาส่ง เพราะเขาได้เอาโปรเจ็คที่เป็นรูปเล่มสมบูรณ์แบบมาส่งให้กับอาจารย์โดยที่เพื่อนร่วมกลุ่มคนที่เหลือไม่ต้องเหนื่อยเลยสักนิดเดียว
“แกบอกฉันมานะว่าแกไปเอาโปรเจ็คของใครมาส่ง!!”
คริสตัลถามพลางเขย่าตัวชานยอลจนแทบจะแหลกเป็นของเหลว
“แกจะรู้ไปทำไมวะ มีให้ส่งโดยที่พวกแกไม่ต้องออกแรงมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ”
“ก็ฉันสงสัยอะ อย่างแกคงไม่มีทางทำเสร็จได้ในเวลาไม่กี่วันหรอก!”
“หนอยยยยยย!! นี่แกดูถูกฉันมาไปแล้วนะยัยของแข็งที่มีองค์ประกอบเป็นอะตอม!!!”
“เดี๋ยวๆ ของแข็งที่มีองค์ประกอบเป็นอะตอมนี่มันคืออะไรวะ?”
ฮยอนอาที่กำลังนั่งโบ๊ะหน้าตัวเองอยู่เงียบๆ ละจากเครื่องประทินโฉมแล้วหันไปถามชานยอลด้วยความสงสัย
“ก็คริสตัลไง แหล่งความรู้ที่เรียกว่าโรงเรียนแกนี่เขาไม่ได้สอนเรื่องผลึกหรือที่เราเรียกกันในภาษาอังกฤษว่าคริสตัลเลยไง๊?”ชานยอลตอบกวนๆ กลับไป ฮยอนอาจึงได้แต่หยิบเครื่องสำอางของตัวเองขึ้นมาโบ๊ะต่อด้วยสีหน้าเพลียจิต
“ไอ้นี่ก็ล้ำเกิ๊น”
คริสตัลส่ายหน้าไปมาพร้อมกับทำหน้าเพลียตามฮยอนอาไปอีกคน
“แล้วตกลงเธอไปเอาของใครมาส่งอะ ฉันอยากรู้เหมือนกัน”
“อ่าว! ซอลลี่ นี่เธอก็ว่าฉันไม่มีปัญญาทำโปรเจ็คเองเหมือนกับที่พวกมันว่าฉันใช่ไหม”
ชานยอลถามเพื่อนสาวพลางทำหน้างอ
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ก็สงสัยว่าโปรเจ็คตั้งเยอะ เธอทำเสร็จทันได้ยังไง ใครช่วยเธอทำ อยากรู้แค่นี้เอง”
ร่างโปร่งหรี่ตามองเพื่อนร่างบางเล็กน้อยก่อนจะบอกความจริงออกไป
“พี่คริสให้มา”
“นั่นไงว่าแล้วเชียว!!” คริสตัลพูดขึ้นเมื่อไปตามที่ตัวเองคิด
“ก็...ตื่นมาก็เจออีเล่มเบอเร้อนี่วางอยู่ละ ฉันก็ไม่รอช้าหยิบมาส่งเลย~”
ตากลมหลุบต่ำไม่กล้าสบตาเพื่อน
“ฮั่นแน่~ ฉันรู้ว่าแกสองคนต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรกันอย่างแน่นอน เพราะคนอย่างพี่คริสน่ะ เขาไม่เคยให้อะไรใครฟรีๆ อยู่แล้ว”
ฮยอนอาว่าพร้อมกับมองชานยอลด้วยสายตาจับพิรุธ ซึ่งร่างโปร่งก็ได้แต่หันหน้าหนี พยายามไม่สบตาเพื่อนคนไหนทั้งสิ้น
“กะ..ก็ เขาให้ฉันเรียกพี่ ฉันก็เห็นว่ามันแค่เล็กน้อย ก็เลยยอมเรียก แล้วก็ได้มาอย่างที่เห็นนี่แหละ”
ร่างโปร่งบอกก่อนจะหยิบกระป๋องน้ำอัดลมของตัวเองขึ้นมาดื่มแก้เขิน
“จริงหรา~~” เพื่อนทั้งสามส่งเสียงล้อร่างโปร่ง
“จริงสิวะ! สงสัยมากเดี๋ยวให้ทำใหม่ซะหนิ!”
ชานยอลหันไปว๊ากใส่เพื่อนที่กำลังส่งสายตาล้อเลียนจนทำให้เขาเริ่มรู้สึกประหม่า
“อ๊ะ เขินๆ เขินอะดิ๊~ ฉันเขาใจแก ฉันเข้าใจ ฮ่าๆๆ”
ฮยอนอาบอกก่อนจะหัวเราะใส่จนร่างโปร่งต้องงอนจนแก้มป่อง
“แบคฮยอนมาละ ฉันไม่คุยกับพวกแกละ ไปดีกว่า”
ชานยอลรีบกระโดดขึ้นรถไปกับแบคฮยอน บรรดาเพื่อนสาวทั้งสามคนก็ได้แต่ส่งเสียงแซวตามหลังจนร่างโปร่งอยากจะลงจากรถไปเขกหัวคนละที
“เป็นหญิงแท้ร้อยเปอร์เซ็นแล้วสินะ”
แบคฮยอนพูดพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หันไปมองคนข้างๆ แต่อย่างใด
“ก็...ไหนๆ ก็ได้ร่างนี้มาแล้ว ก็เอาให้มันสุดๆ ไปเลย” ร่างโปร่งบอกก่อนจะพิงหัวไว้กับกระจกรถ
“อ๋อหรอ~ ทั้งหล่อทั้งรวย เล่นซะคุ้มเลยนะ ฮ่าๆๆ”
คนตัวเล็กว่าก่อนจะหัวเราะออกมาจนชานยอลต้องหันไปจิกตาใส่
“ตอนแรกก็ว่าจะไม่...แต่พอนานๆ ไป ก็ยอมแพ้ซะงั้น”
ร่างโปร่งมองออกไปนอกกระจกรถก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“การที่นายมีคนมารักแบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่หรอก แต่....นายอย่าลืมนะว่าจริงๆ แล้วนายเป็นผู้ชายและที่สำคัญนายจะอยู่ในร่างนี้ได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้”
คำพูดของแบคฮยอนเริ่มทำให้ชานยอลกลัวคำว่าอนาคต ชีวิตของเขาในตอนนี้เป็นเหมือนดอกไม้ ที่ในปัจจุบันกำลังเบ่งบาน แต่ในอนาคตมันก็อาจถึงเวลาที่ต้องร่วงโรย เปรียบได้ว่าหากวันใดวันหนึ่งเขากลับมาเป็นผู้ชายดังเดิม ความรักที่กำลังผลิบานในตอนนี้อาจจะต้องร่วงโรยเหมือนดอกไม้ที่แห้งเฉาแน่นอน
“ตอนนี้ฉันขอใช้ช่วงเวลาของการเป็นผู้หญิงอยู่กับเขาให้คุ้มค่าที่สุด แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งฉันต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิม...ฉันจะออกไปจากชีวิตเขา...” ชานยอลบอกกับเพื่อนร่างเล็กก่อนจะหลับตาลงช้าๆ แล้วคิดถึงสิ่งที่จะมาปลอมใจตัวเองในอนาคต
..................................................................
“แกใกล้จะเรียนจบแล้วสินะเนี้ย”
ยูราพูดกับคนที่กำลังพยายามพันแผลให้กับเธออย่างระมัดระวัง
“อือ ส่งโปรเจ็คไปละ รอฟังผลเดือนหน้า ถ้าผ่านพี่ก็เตรียมตัดชุดไปงานรับปริญญาเค้าได้เลย”
ร่างโปร่งบอกโดยที่ไม่ได้ละสายตาไปจากแขนของพี่สาวเลย
“ย่ะ! ถ้าไม่ผ่านฉันจะเทศให้ฟังเลยคอยดู!” ยูราว่าพลางส่งมือเล็กไปผลักหัวผู้เป็นน้องเบาๆ
“เสียใจ! งานนี้ผ่านแน่นอนย่ะ!”
ร่างโปร่งบอกพี่สาวพร้อมกับเชิดใส่ ก่อนจะลุกขึ้นเอาอุปกรณ์ทำแผลไปเก็บ
“เออว่า แต่คืนพรุ่งนี้ก็จะสิ้นปีละ แกจะไปเคาท์ดาวน์ที่ไหน?”
“ไม่รู้ แล้วแต่คนขับรถ”
“แหมๆๆๆ ฉันลืมไปว่าแกมีคนไปด้วย”
ยูราว่าพลางส่งสายตาแซวผู้เป็นน้องจนร่างโปร่งต้องเบ้ปากเพื่อปิดบังความเขินอายของตัวเอง
“เออ มีโอกาสจะไปไหนต้องรีบไป เผื่อวันหนึ่งเกิดไม่มีโอกาสขึ้นมา ไม่อยากจะมาเสียดายเวลาทีหลัง”
ชานยอลบอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อย
“มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่แกคิดก็ได้ บางทีเขาอาจจะรักแกที่นิสัยมากกว่าตัวตนภายนอกของแกนะ”
ยูราบอกพร้อมกับยิ้มบางๆ ทำให้ชานยอลรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
“เออ ช่างมันเถอะ เค้าปลงละ”
ร่างโปร่งว่าก่อนจะกลับมานั่งลงข้างๆ ยูรา
“แล้วนี่จะไปไหนต่อ?”
“ก็อยู่กับเธอไง จะให้เค้าไปไหนล่ะ?” ร่างโปร่งหันไปถามผู้เป็นพี่อย่างงงๆ
“อยู่กับฉันทำซากอะไรล่ะ ฉันจะออกไปข้างนอก พอดีมีงานด่วน ต้องออกไปกับนานะ ส่วนแกจะไปไหนก็ไป”
ยูราบอกก่อนจะลุกขึ้นไปเตรียมตัวออกไปข้างนอกตามที่บอก
“อ้าว! นี่พี่เจ็บอยู่นะ จะออกไปทำไมอีก พักก่อนเหอะ”
ร่างโปร่งวิ่งตามไปดึงข้อมือยูราเอาไว้ แต่อีกฝ่ายกลับดึงมันกลับก่อนจะยกมือบางขึ้นตีต้นแขนเล็กของชานยอลเบาๆ
“ฉันเจ็บนิดหน่อย ไม่ได้พิการ ใช้ปาก ใช้ตาทำงานได้”
หญิงสาวแว๊ดใส่จนชานยอลทำหน้างอก่อนจะเดินสะบัดตัวไปนั่งลงที่เดิม
“พี่....”
“อะไร?”
“ถ้ามีคนมาแกล้งพี่อีก รีบบอกเค้าเลยนะ”
โทนเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้ยูราหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมองผู้เป็นน้องที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าแลดูจริงจังกว่าปกติ
“แกไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ดูแลด้วยเองให้ดี ครั้งนี้ฉันไม่ระวังเอง ถ้าแม่นั่นยังคิดจะหาเรื่องฉันอยู่ รับรองได้ว่าฉันเอาคืนแน่ๆ”ยูราบอกด้วยน้ำเสียงของคนที่จะไม่มีทางยอมแพ้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้สีหน้าของผู้เป็นน้องสดใสขึ้นมาได้เลย
“เค้ารู้สึกผิดว่ะ...”
“เรื่องแกมาทีหลังเขาใช่ไหม...”
ชานยอลพยักหน้าตอบผู้เป็นพี่สาวก่อนจะถอนหายใจเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังแบกรับความผิดที่ใหญ่โตเท่าภูเขา ทางด้านพี่สาวจึงได้แต่ยิ้มปลอบใจผู้เป็นน้องก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ
“ไอ้ที่ฉันให้แกทำมันอาจจะดูเห็นแก่ตัวนะ แต่ถึงไม่มีแก ชีวิตของเขาสองคนก็ไม่ได้ราบรื่นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คู่นี้เขาเคยมีความสุขที่ไหนกัน ก่อนหน้านี้คริสมันถึงได้ทำตัวเสเพลไปวันๆ อย่างนั้นไง”
“เดี๋ยว! ทำไมพี่รู้เรื่องราวในชีวิตเขาดีจังเลยห๊ะ!”
ชานยอลพูดเบรกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้ลึกรู้จริงประหนึ่งเป็นคนในครอบครัวของคริส
“ฉันว่าจะไม่บอกแกแล้วนะ.....”
คำพูดที่ถูกเว้นช่วงไปทำให้ชานยอลให้ความสนใจกับมันเป็นพิเศษ รอยยิ้มอันน่าสงสัยยิ่งทำความอยากรู้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
“ฉันกับคริสเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนมัธยมที่แคนาดา”
คำตอบของยูราทำให้ชานยอลรู้สึกว่าโลกกลมๆ กำลังจะแตก เพราะถ้าคริสและยูราเป็นเพื่อนกัน คริสก็ต้องรู้เรื่องครอบครัวของเขา ซึ่งแต่นอนว่าทายาทตระกูลปาร์คมีเพียงสองพี่น้อง ปาร์ค ยูราและปาร์ค ชานยอลนอกเหนือจากทั้งสองคนก็ไม่มีใครอีกแล้ว
“ละ..แล้ว เขาไม่รู้หรอว่าพี่มีแค่น้องชายอะ!”
ร่างโปร่งถามออกไปด้วยความกังวล แต่ผู้เป็นพี่สาวกลับยิ้มออกมาราวกับมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต
“มันไม่รู้หรอก ฉันไม่ได้สนิทอะไรกับมันมากมายและฉันก็ไม่เคยเล่าเรื่องรากเหง้าต้นตระกูลให้ใครฟังมันมารู้ว่าฉันมีน้องก็ตอนที่ฉันเจอแกในสภาพนี้นั่นแหละ”
ร่างโปร่งพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะกลัวว่าสิ่งที่ปิดบังไว้ได้เล็ดลอดออกไปให้คริสสงสัยซะแล้ว
“เกลียดโลกกลม!!”
ชานยอลว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ยูราทำได้เพียงหัวเราะใส่น้องของตัวเองก่อนจะลุกไปเตรียมตัวออกไปข้างนอกอีกครั้ง
“พี่จะออกไปข้างนอกใช่ไหม? งั้นเค้าไปละนะ”
“เออๆ ไปเหอะ ฉันจะไปแล้วเหมือนกัน”
เมื่อบอกพี่สาวเป็นที่เรียบร้อยร่างโปร่งจึงพาตัวเองออกมาจากคอนโดโดยไม่มีจุดหมายว่าจะไปไหนต่อ แต่จู่ๆ ร่างโปร่งก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีใครอีกคนที่สามารถอยู่กับเขาได้ในตอนนี้และนี่ก็คงจะเป็นครั้งแรกที่ร่างโปร่งยอมโทร.หาคนๆ นั้นทั้งๆ ที่มีเบอร์โทร.อยู่ในเครื่องตั้งนานแล้ว
“อะ เออทำงานไหม.........ไปเที่ยวกัน”
----------------------------------------------------------------------
ร่างสูงโปร่งยื่นรอคอยใครบางคนอยู่ท่ามกลางสายตาของผู้หญิงมากมาย ไม่ว่าผู้หญิงคนใดที่ได้เดินผ่านมาทางที่เขายืนอยู่ก็เป็นอันต้องเหลียวหลังหันมามอง แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่กล้าเดินเข้าไปหาเขา...
“คริสคะ!”
“คุณ?...”
หญิงสาวร่างบางเพรียว แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดไม่แคร์สายตาผู้หญิงด้วยกันเดินเข้าไปหาร่างสูงก่อนจะควงแขนเอาไว้โดยไม่รอฟังคำอนุญาต
“นึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ฉันคิดถึงคุณมากเลยรู้ไหม”
หญิงสาวที่ทั้งกอดทั้งซบ แม้ว่าคริสจะพยายามแกะมือเล็กนั่นออกสักเท่าไหร่ แต่อีกคนก็ยังคงส่งมันเอามากอดไว้ใหม่อยู่ดี ตอนนี้ร่างสูงจึงได้แต่ภาวนาไม่ให้คนที่กำลังรอมาเห็นภาพในตอนนี้
“เอ่อ...คุณ....ปล่อนแขนผมก่อนพอดีผมต้องรีบไป”
“จะไปไหนคะ? ฉันขอไปด้วยได้ไหม ฉันอยากไปกับคุณ”
“เอ่อ...มะ...”
ไม่รู้จะเรียกว่าสวรรค์หรือนรก เมื่อสถานการณ์ที่กำลังคับขันของคริส มีเสียงที่คุ้นเคยของบุคคลที่สามดังขึ้น
“ไม่ได้!!”
เมื่อคริสหันไปมองเจ้าของเสียงก็พบว่าเป็นหญิงสาวร่างโปร่งที่บุคลิกแตกต่างจากคนที่กำลังคลอเคลียเขาอยู่โดยสิ้นเชิง สีหน้าของคนที่เพิ่งมาไม่ได้แสดงความโกรธเคืองออกมาแต่อย่างใด จะมีบ้างก็แค่สายตาที่พร้อมก่อกวนแขกที่ไม่ได้รับเชิญเพียงเท่านั้น
“ให้เวลาเคลียร์ 2 นาที 22 วิ”
ชานยอลบอกกับร่างสูงที่มีหญิงหญิงอื่นยืนทำหน้างงอยู่ข้างๆ
“เยอะไป พี่ขอ 22 วิก็พอ”
ร่างสูงยิ้มให้กับชานยอลก่อนก่อนจะดึงแขนเล็กออกจากแขนแกร่งของตัวเองอย่างสุภาพ
“คะ ใครหรอคะ?” หญิงสาวถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ต้องการคำตอบเป็นอย่างมาก
“ขอโทษนะครับ ต่อไปนี้เราคงเจอกันอย่างเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เพราะคนที่ผมกำลังรอ เธอยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว”
ร่างสูงบอกพร้อมกับหันไปมองชานยอลด้วยรอยยิ้มและร่างโปร่งก็ยกนิ้วโป่งชื่นชมอีกคนด้วยเหมือนกัน
“โอ้! คนอย่างคุณมีแฟนเป็นตัวเป็นตนด้วยหรอคริส?!”
หญิงสาวร่างบางถามขึ้นเพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินจากปากของคริส ซึ่งร่างสูงก็ได้ยิ้มออกไปเป็นคำตอบ
“โทษนะ....ครบ 22 วิแล้ว”
ชานยอลเดินเข้าไปคว้าแขนของคริสเอาไว้ก่อนจะดึงให้เดินตามตัวเองออกมา พร้อมกับส่งรอยยิ้มทิ้งทายไว้ให้อดีตคู่ขาของคริสเจ็บใจเล่น
หลังจากที่ชานยอลแยกคริสออกจากอดีตคู่ขาได้สำเร็จ ร่างโปร่งก็ลากอีกคนเข้าร้านไอศกรีมไปทันที
“เมื่อกี้ไม่ได้โกรธพี่จริงจริงๆ หรอ?”
คริสถามคนที่กำลังสนใจไอศกรีมหลากสีของตัวเองจนไม่ได้สนใจว่ายังมีเขานั่งอยู่ด้วยอีกคน
“ถ้าพี่ถามอีกทีฉันจะโกรธจริงๆ นะ นี่! กินเข้าไปอย่าพูดมาก!”
ร่างโปร่งว่าก่อนจะตักไอศกรีมใส่ปากอีกคนไปอย่างประชดประชัน
“โอเคๆ ไม่ถามก็ไม่ถาม”
คริสบอกพร้อมกับแย่งช้อนไอศกรีมไปจากมือของชานยอล
“อ่าว! เฮ๊ย! จะกินก็ไปสั่งเองดิ!”
“กินอันไหนพี่ก็จ่ายตังค์เหมือนกันหมดนั่นแหละ”
ทั้งสองคนหยอกล้อกันตลอดเวลาจนเหล่าบรรดาคนโสดที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เริ่มจะอิจฉา เพราะที่ตรงนี้ได้มีหนึ่งหนุ่มหล่อปากหวานกับหนึ่งสาวสวยแสนห้าวมานั่งส่งความหวานอยู่ใกล้ๆกัน
ใครจะคิดว่าฤทธิ์ของลูกอมปีศาจหลากสีเหล่านั้นจะทำให้เขาทั้งสองได้มาเจอกันและเปลี่ยนคนที่ไม่เคยคิดจะรักใครทั้งสองคนให้มารักกันเอง...
แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้อย่างแน่นอน...เพราะโชคชะตาของชานยอลยังคงตกอยู่ในกำมือของลีอาห์...
ห้องสีเหลี่ยมที่ถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ทั้งจริงทั้งปลอมพร้อมทั้งมีลูกอมหลากหลายแบบหลายสีปะปนอยู่กับเหล่าดอกไม้ เตียงกว้างที่ปูไว้ด้วยผ้าลูกไม้สีขาว มีหญิงสาวผมยาวสลวยนั่งกอดเข่าอยู่เพียงลำพัง
“ดูมันจะเลยเถิดเกินไปแล้วนะท่าน”
เสียงของบุรุษปริศนาดังขึ้นจากข้างหลังทำให้หญิงสาวปรายตาไปมองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป
“ข้าคิดว่าเราควรจะยุติมันได้แล้วนะท่านลีอาห์”
“ตอนนี้ข้าจะให้คนบาปทั้งสองได้เสพสมความสุขอันหอมหวานนี่ไปก่อน”
หญิงสาวบอกกับชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เตียง ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แต่ท่านก็รู้ดีไม่ใช่หรือ หากท่านยังปล่อยให้คนทั้งสองเป็นเยี่ยงนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น”
ชายหนุ่มบอกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ใช่.....ข้ารู้...รู้ทุกอย่าง เมื่อถึงเวลา...ทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลงตามที่ข้าได้ลิขิตไว้”
“แต่ท่าน!”
“พอเถอะ ลงโทษก็คือลงโทษ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านั้น.....มันสมควรแล้ว”
บุรุษปริศนาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกท้อ ก่อนจะออกจากห้องสี่เหลี่ยมที่ไร้ความรู้สึกแม้จะกลิ่นหอมอบอวลของมวลดอกไม้ก็ตาม
ตาคมขอลีอาห์มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย สีหน้าที่ไม่เคยแสดงอารมณ์จริงๆ ออกมาทำให้ไม่สามารถเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่และภายในมือเรียวบางของเธอนั้นก็มีของชิ้นหนึ่งถูกกำเอาไว้ซึ่งของชิ้นนั้นก็คือจุดเริ่มต้นและจะเป็นจุดสิ้นสุดของคนที่สร้างบาปเอาไว้
แบล็คแคนดี้...
.......................................................
“เป็นอะไร?”
คริสถามขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าชานยอลบีบมือหนาของตัวเองแน่นกว่าเดิม
“ปะ เปล่า แค่รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้”
ชานยอลมองอีกคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลจนร่างสูงต้องกุมมือเรียวเอาไว้แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ตราบใดที่เรายังจับมือกันอยู่อย่างนี้ ก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่จับมือพี่เอาไว้แน่นๆ ก็พอ”
คำพูดของคนตัวสูงทำให้ชานยอลหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดแขวะอีกคนกลับไป
“ไปจำมาจากละครเรื่องไหนมิทราบ เน่ายิ่งกว่าขยะเปียกซะอีก”
“ถ้ามันเน่าแล้วทำให้เราเลิกทำหน้าไม่สบายใจได้พี่ก็โอเค”
ร่างสูงบอกพร้อมกับยกมือขึ้นไปหยิกแก้มนิ่มของชานยอลเบาๆ
“จ้าๆ น่ารักอย่างนี้ปีใหม่นี้เอาของขวัญอะไรดีคะพี่คริส”
ร่างโปร่งบอกด้วยน้ำเสียงขี้เล่นก่อนจะควงแขนคริสแล้วพากันเดินต่อไปหลังจากที่หยุดไปเมื่อสักครู่
“อะไรดีน้า?~” ร่างสูงทำท่าคิดพร้อมกับหันไปมองหน้าหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างๆ กัน
“ไม่ต้องคิดละ! เอาเป็นว่ามีมาให้ก็แล้วกัน”
ชานยอลบอกก่อนจะซบหัวลงบนไหลกว้างของคนข้างๆ พลางคิดไปว่า หากในอนาคตทุกอย่างยังคงราบรื่นอย่างเช่นตอนนี้ ชานยอลคนนี้ก็อาจจะสามารถบอกรักคนข้างกายได้อย่างเต็มปาก...โดยไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไป
“เออนี่ ถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่าไงครับ” ร่างสูงหันไปหาคนข้างๆ อย่างตั้งใจจะฟังคำถาม
“ทำไมพี่ต้องเลือกฉัน ทั้งที่ในชีวิตพี่มีผู้หญิงผ่านเข้ามาในชีวิตตั้งมากมาย”
คริสยิ้มให้กับคนช่างสงสัยเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป
“ผู้หญิงพวกนั้นเขาก็คิดเหมือนกันกับพี่นั่นแหละ ต่างฝ่ายต่างไม่ได้จริงจัง ก็แค่สนุกไปวันๆ”
“อืม...ผู้หญิงพวกนั้นฉันพอเข้าใจอยู่ แต่....ยูอีล่ะ เขาเป็นคู่หมั้นพี่นะ...”
ทุกครั้งที่พูดถึงคู่หมั้นของคริส รอยยิ้มของชานยอลก็จะหายไปทุกครั้งและครั้งนี้ก็เช่นกัน
“มันก็จริงอยู่ที่ยูอีเขาดีพร้อมทุกอย่าง แต่ในเมื่อมันไม่ใช่ ยังก็ไม่ใช่อยู่ดี ต่อให้เขาจะรักพี่แค่ไหน แต่ถ้าพี่ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ดูเราสิ ปากร้ายแขวะเก่ง ชอบใช้กำลัง หาความเป็นผู้หญิงไม่ค่อยได้ พี่กลับมาหลงรักซะอย่างนั้น ฮ่าๆๆ” คริสบอกพร้อมกับดึงร่างโปร่งที่เริ่มทำตาขวางเข้ามากอดเอาไว้
“เคยพยายามทดลองเป็นผู้หญิงแล้ว! แต่มันสุดท้ายมันก็ทำไม่ได้อะ ให้มานั่งแบ๊วควีโยมีทุกวันมันไม่ใช่อะ!”
“เป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว พี่ชอบ” คนตัวสูงยิ้มกว้างก่อนจะลูบหัวร่างโปร่งเบาๆ
“แล้วถ้าสมมุติว่าวันหนึ่ง...พี่พบว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่หวังเอาไว้ล่ะ?”
ชานยอลถามออกไปทีเล่นทีจริง
“อนาคตจะเป็นยังไงก็เรื่องของมัน ขอแค่ตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันพี่ก็พอใจแล้ว”
ร่างโปร่งยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะใช้ไหล่กระแทกตัวคนข้างๆ อย่างเขินอาย
“ถ้าพี่ทิ้งฉันพี่ตายแน่!”
ชานยอลว่าพลางง้างมือขึ้นจะตีร่างสูง แต่ก็ถูกมือหนารวบเอาไว้ก่อนจะดึงตัวเข้าไปกอด
“แล้วถ้าเราเป็นฝ่ายทิ้งพี่ล่ะ?”
“ถ้ารักฉัน...ก็ตามหาฉันสิ”
“พี่ไม่ตามหรอก!”
“อ่าว!!”
“ฟังให้จบก่อนสิครับ ที่พี่ไม่ตามหา เพราะว่าพี่จะมัดเราไว้อย่างนี้ไม่มีทางให้เราหนีไปไหนได้ต่างหาก”
คริสบอกพร้อมๆ กับผูกสายข้อมือสีฟ้าให้กับร่างโปร่ง
“เฮ๊ยสวย!” ชานยอลยกข้อมือตัวเองขึ้นมาดูพร้อมกับอุทานออกมาด้วยความดีใจ
“ชอบใช่ไหมล่ะ” คริสยิ้มออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นอีกคนชอบในสิ่งที่ตัวเองได้มอบให้
“อือ ชอบ.....ชอบคนให้”
ชานยอลมองคริสด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินหนีไปปล่อยให้ร่างสูงยื่นยิ้มอยู่คนเดียวราวกับคนบ้า
แต่แล้วรอยยิ้มของคริสก็ค่อยๆ จางหายไป เมื่อคิดถึงอุปสรรคที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า เพราะอุปสรรคที่มีอยู่ในตอนนี้นั้น เป็นดั่งกำแพงสูงที่ขวางกั้นเขาและชานยอลเอาไว้ เขารู้สึกกลัวว่ากำแพงนี้จะทำให้ชานยอลหนีเขาไป สิ่งที่เขาคิดจะทำในตอนนี้ก็คือ ทลายกำแพงแห่งอุปสรรคนั่นทิ้งไปซะ...
------------------------------------------------------------
4 ชั่วโมงสุดท้ายของปี ร่างโปร่งเดินท่ามคนที่พลุกพล่าน ปีนี้คงจะเป็นการเคาท์ดาวน์ในรอบ 7 ปี เพราะปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีโอกาสได้มาเจอบรรยากาศของการนับถอยหลังรอการเริ่มต้นในวันใหม่และวันนี้จะได้เป็นอีกหนึ่งวันในความทรงจำของชานยอล
ร่างโปร่งหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองออกมาแล้วชูแขนข้างที่มีสายข้อมือเส้นสีฟ้าขึ้นก่อนจะทำการเก็บภาพนั้นเอาไว้แล้วแชร์ลงในเฟสบุ๊คของตัวเอง โดยให้คำบรรยายภาพไว้ว่า...
Park Yeolly : มันจะเป็นคืนที่มีความสุขที่สุด....
ขาเรียวก้าวเดินไปอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดลงเมื่อเจอคนที่กำลังมองหา
“พี่คริส”
ร่างสูงหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะอึ้งไปเมื่อสิ่งที่เห็นคือหญิงสาวร่างโปร่งในชุดเดรสสั่นสีดำ ผมยาวสลวยถูกดัดเป็นลอนอ่อนๆ ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ หากใครได้มองเป็นต้องหลงไหลไปตลอดทั้งคืน
“เหมือนเหตุการณ์ที่ต้นคริสต์มาสวันนั้นเพิ่งผ่านมาเมื่อวานเลยเนาะ”
ร่างโปร่งพูดกับอีกคนด้วยท่าทางเคอะเขิน
“แล้ววันนั้นมันเกี่ยวอะไรกับคืนนี้?” ร่างสูงถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็...ความรู้สึกมันคล้ายๆ กัน...แค่หิมะไม่ได้ตกลงมาและที่ทำสำคัญ...วันนี้มันรู้สึกดีกว่าวันนั้น”
“นี่คือของขวัญปีใหม่ที่เราจะให้พี่ใช่ไหมครับ”
คริสถามพร้อมกับยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้าก่อนจะยื่นมือไปจับมือบางเอาไว้อย่างถนุถนอม
“แล้วชอบไหมล่ะ” ชานยอลถามกลับไปอย่างกวนๆ
“ชอบที่สุด ปีนี้คงจะเป็นปีที่พี่มีความสุขมากๆ และปีต่อไป มันก็ยังคงต้องเป็นแบบนี้”
ร่างสูงบอกก่อนจะดึงหญิงสาวเข้าไปกอดเอาไว้
“อย่ามาทำซึ้ง ฉันไม่มีอารมณ์โรแมนติกหรอกนะจะบอกให้”
ชานยอลผละออกมาจากร่างสูงก่อนจะเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้
“ฮ่าๆๆ ก็แค่อยากเห็นเราเขิน ช่วยเขินให้พี่ดูหน่อยเถอะ”
คริสว่าพลางยกมือหนาขึ้นลูบผมอีกคนเบาๆ
“เดี๋ยวค่อยเขินให้ดูตอนเที่ยงคืนนะ”
ชานยอลว่าก่อนจะเดินหนีคนตัวสูงเข้าไปภายในงาน
23.55 น.
“ทำไมอยากมาที่ที่คนพลุกพล่านแบบนี้ล่ะ ไม่กลัวเหนื่อยหรอ? ความจริงเราไปแบบส่วนตัวกันก็ได้นะ”
คริสถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“วันสำคัญแบบนี้ ปีนึงมีแค่หนึ่งครั้ง ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งมากกว่าเป็นส่วนตัว”
ร่างโปร่งตอบก่อนจะยิ้มกลับไป ร่างสูงพยักหน้าเมื่อเข้าใจเหตุผลของอีกคน
เวลาที่คนทั้งประเทศกำลังรอคอยกำลังจะมาถึงภายในเวลาไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่กำลังนับถอยหลังด้วยความตื่นเต้น มือบางจับมือของอีกคนไว้ตลอดเวลา ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเข้าสู่ 10 วินาทีสุดท้าย
10.....9.....8.....7.....6.....5.....4.....3.....2.....1!
เสียงคนตะโกนนับถอยดังไปทั่วบริเวณ ร่างโปร่งตะเบ่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่และเมื่อวินาทีสุดท้ายมาถึงชานยอลกระโดดโห่ร้องตามคนอื่นๆ เมื่อพลุหลากสีถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างสูงได้แต่มองดูอีกคนก่อนจะยิ้มตามออกมาอย่างมีความสุข แต่เขาก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ชานยอลก็หันกลับมาขโมยจูบไปจากเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
“แฮปปี้นิวเยียร์นะคะ”
ชานยอลบอกกับร่างสูงก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
“แฮปปี้นิวเยียร์ครับ ปีหน้ามากับพี่อีกนะ”
“ถ้าพี่ยังรักฉัน ฉันสัญญาว่าจะมากับพี่ทุกปี”
ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพลุที่พากันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสวยงาม
Park Yeolly : จะอีกกี่ปีฉันก็จะอยู่ตรงนี้...
สวัสดีปีใหม่นะคะ #ลูกอมปีศาจ
ความคิดเห็น