คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Black Candy : 19
Chapter : 19
‘กลับไปพักผ่อนที่บ้านนะท่านรองฯ แอบหลับในที่ทำงานแบบนี้ระวังน้ำลายบูดท่วมบริษัทไม่รู้นะเออ อิอิ’
ข้อความบนกระดาษชิ้นเล็กถูกคนตัวสูงอ่านไปเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้และไม่ว่าจะอ่านมันไปสักกี่ครั้งก็ต้องทำให้เขายิ้มออกมาเสียทุกครั้ง
คริสหยุดอยู่หน้าประตูห้องของตัวเอง แต่สายตากลับมองไปยังห้องข้างที่เงียบสนิท แต่แล้วจู่ๆ ประตูห้องนั้นก็ถูกเปิดออกมา...
“อ่าว...มาหายอลลี่หรอ? เมื่อเช้าน้องเขาโทร.มาบอกผมว่าให้ไปรับที่บริษัทคุณ ขึ้นรถได้ก็หลับเป็นตายเลยปลุกก็ไม่ยอมตื่นต้องถึงกับอุ้มกันเลยทีเดียว”
ชายหนุ่มที่เพิ่งออกมาจากห้องของชานยอลเล่าเรื่องทั้งหมดให้คริสฟัง แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่
“มาส่งตั้งแต่เช้า....ตอนนี้ก็บ่ายละ ทำไมคุณชางมินยังไม่กลับล่ะครับ”
ร่างสูงถามคนตรงหน้า คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย ตาคมมองตรงไปยังคู่สนทนาเพื่อหมายจะเอาคำตอบ
“ตอนแรกว่าจะกลับเลย....แต่บังเอิญว่ามองคนที่หลับอยู่เพลินไปหน่อย”
คริสพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ทำให้ชางมินรู้สึกพอใจกับท่าทีที่คริสแสดงออกมาอยู่ไม่น้อย ยิ่งพูดถึงชานยอลมากเท่าไหร่ คริสก็ยิ่งแสดงอาการออกมาว่ากำลังหึงหวงอีกคนอยู่ ตอนนี้ชางมินอยากจะตรบมือให้กับการแสดงของตัวเองเป็นอย่างมาก ยิ่งพูดมากเท่าไหร่คริสก็ยิ่งแสดงอาการออกมามากเท่านั้นและมันทำให้ชางมินได้รู้ว่าการได้แกล้งคนมันรู้สึกสะใจอย่างนี้นี่เอง
“ผมว่าคุณควรกลับไปได้แล้ว”
ร่างสูงบอกชางมิน ซึ่งไม่ต้องแปลให้มากความก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังโดนไล่
“หึ..” ชางมินกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าไปหาคริส
“ผมว่าคุณก็ควรกลับไปได้แล้วนะ....”
“…….”
“กลับไปเคลียร์ปัญหาครอบครัวของคุณให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาหวงคนนี้” ชางมินเดินกระแทกไหล่ของคริสไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย เพราะเกรงว่าอีกคนจะเห็นรอยยิ้มของตัวเอง
ร่างสูงนิ่งเงียบไป สีหน้าแสดงอารมณ์ขุ่นเคืองออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่มือหนาจะล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกุญแจห้องขึ้นมา…..แต่คริสกลับเลือกที่จะไขประตูห้องข้างๆ แทนห้องของตัวเอง
ร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องที่ถูกปกคลุมไว้ด้วยม่านทุกทิศทาง มีแสงเพียงเล็กน้อยที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ ทำให้เห็นว่าของนี้ไม่ได้ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อยอย่างที่ควรเป็น มันจะน่าเชื่อกว่านี้หากบอกว่าเจ้าของห้องนี้เป็นผู้ชาย
ร่างโปร่งบางนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงกว้าง ลมหายใจที่สม่ำเสมอกันบอกให้รู้ว่าเธอหลับสนิทและคงอยากหากจะคิดปลุก ร่างสูงเดินเข้าไปหาหญิงสาวด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาก่อนจะนั่งลงบนเตียงนุ่ม มือหนายกขึ้นมาลูบเส้นผมที่ยาวสลวยของอีกคนอย่างเบามือก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่มีเหตุผล
แต่อยู่ๆ ชานยอลก็ลืมตาขึ้นมา คริสผงะไปเล็กน้อยเพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้อีกคนตื่น หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้มองเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดๆ และก็ต้องตกใจเหมือนกันเมื่อเห็นว่าเป็นคริส
“เฮ๊ย! เข้ามาได้ไง?!”
“กุญแจห้องยังอยู่” คริสบอกพร้อมกับชูกุญแจในมือให้อีกคนดู
“ออกไปเลยไป จะนอน”
ร่างโปร่งบอกพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงเอาไว้
“ขอบคุณนะ....”
ชานยอลลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคที่คริสบอก แต่ก็ยังอยู่ภายใต้ผ้าห่มผื่นหนา รอฟังว่าอีกคนจะพูดอะไรต่อ แต่อีกฝ่ายกลับเงียบไปไม่พูดอะไรต่อซะที ร่างโปร่งรู้สึกว่าอีกคนลุกขึ้นจากเตียงไปแล้ว แต่ชานยอลก็ยังไม่กล้าโผล่ออกมาจากผ้าห่มอยู่ดี
แต่ชานยอลก็อดสงสัยไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงรื้อของภายในห้องดังขึ้น ร่างโปร่งยอมเปิดผ้าห่มออกมาดูก็พบว่าชายหนุ่มกำลังจัดชั้นวางหนังสืออยู่เพียงลำพัง ชานยอลไม่ส่งเสียงทักท้วงใดๆ ได้แต่นั่งมองพร้อมกับอมยิ้มเอาไว้ เพราะใครจะคิดว่าคนที่ได้แต่กวนประสาทเขาไปวันๆ จะมาทำอะไรอย่างนี้ให้
ชานยอลเอนตัวลงนอนกับเตียงนุ่มอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้หลับต่อแต่อย่างใด เพราะได้แต่คอยมองว่าคนตัวสูงจะทำอะไรกับห้องของตัวเองต่อไป ชายหนุ่มค่อยๆ จัดไปทีละโซน ชานยอลแอบเบ้ปากบ้างเวลาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของคริส เพราะร่างสูงมักขำออกมาเวลาหยิบจับของที่มันระเกะระกะ บางครั้งเวลาคริสมองมาก็ต้องคอยแกล้งหลับไป แต่บางครั้งก็แอบเห็นว่าอีกคนกุมขมับของตัวเองอยู่บ่อยๆ คงจะเป็นผลจากการไม่ได้นอนมาทั้งคืน เมื่อเห็นว่าอีกคนมีอาการแบบนั้นบ่อยมากขึ้นก็อดที่จะทนมองต่อไปไม่ได้ จึงตัดสินใจลุกขึ้นไปสะกิดอีกคน
“เลิกยุ่งกับของ ของคนอื่นแล้วไปนอนไป”
“ไม่เอาอะ เดี๋ยวก็เย็นแล้วรอนอนคืนนี้ทีเดียว” คริสบอกแต่มือก็ยังคงจัดของในห้องต่อไป
“ไปนอน...”
“.......”
ร่างสูงไม่พูดอะไร แต่หันไปมองอีกคนที่ยื่นหน้ามุ่ยอยู่ข้างทำให้ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มให้กับความน่ารักของอีกคนไม่ได้ แม้ว่าสภาพผมผ้าวมันจะเพิ้งแค่ไหนก็ตาม
“อย่าให้พูดหลายครั้ง ฉันไม่อยากให้มีคนตายในห้อง”
“ยังไม่อยากกลับห้อง....ยังอยากอยู่กับเจ้าของห้องนี้”
ชานยอลก้มหน้าถอนหายใจออกมาเพราะความดื้อของคนตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วดึงหนังสือที่อยู่ในมือของคริสมาไว้กับตัวแล้วเดินไปคุ้ยเสื้อผ้าของตัวเองสมัยยังเป็นผู้ชายออกมาส่งให้กับเขา
“ไปอาบน้ำ แล้วเดี๋ยวมานอนซะ ฉันยังไม่อยากเห็นบริษัทเจ๊งเพราะรองประธานฯ ป่วยตาย”
คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย เพราะคิดว่าตัวเองหูฟาดไป แต่ก็ต้องโดนอีกคนทำหน้ายักใส่อีกครั้งเมื่อเขายังไม่ยอมทำตามที่หญิงสาวบอก
“ยังมาทำหน้าเป็นแองกี้เบิร์ดขี้สงสัยอีก! เดี๋ยวก็ไล่กลับห้องซะเลยหนิ!”
ร่างโปร่งว่าก่อนจะกลับไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของตัวเอง ปล่อยให้คริสยื่นยิ้มราวกับคนบ้าอยู่เพียงลำพังก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปและคนที่นอนอยู่บนเตียงก็มีอาการเดียวกัน ร่างโปร่งซุกหน้าลงกับหมอนนุ่ม พยายามข่มตาให้หลับก่อนที่คริสจะออกมาจากห้องน้ำ เพราะไม่อยากรู้สึกตัวในตอนที่ต้องนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ คริสออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าเจ้าของห้องได้หลับไปอีกครั้ง แผนหลังบางที่หันมาหาทำให้เขาอยากจะเข้าไปกอดมันเหลือเกินและคนอย่างคริสมีหรือที่จะไม่ทำตามสิ่งที่ใจตัวเองคิด ร่างบางถูกโอบกอดจากข้างหลัง แต่สิ่งที่ทำให้คริสยิ้มออกมาได้มากกว่าการได้กอดชานยอลคือ จังหวะหัวใจที่เต้นแรงกว่าปกติของหญิงสาว มันทำให้เขาได้รู้ว่าชานยอลยังไม่ได้หลับอย่างที่เห็น
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่เมื่อชานยอลรู้สึกตัวอีกทีข้างนอกก็มืดสนิทแล้ว และเมื่อหันไปมองข้างๆ ตัวก็พบว่าอีกคนยังคงหลับอยู่ หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้จ้องมองอีกคนยามหลับ มือเรียวค่อยๆ ไล้ไปตามใบหน้าคมก่อนจะหยิกแก้มของอีกคนอย่างแรง จนชายหนุ่มต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาลูบแก้มตัวเองไปมาและเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าชานยอลกำลังแสยะยิ้มอย่างสะใจ
“แกล้งพี่หรอ?” คริสยันตัวขึ้นมาจ้องหน้าอีกคน
“ไม่ได้แกล้ง แต่เห็นหน้าแล้วมันคันไม้คันมือ”
“หรอ? พี่ก็เริ่มรู้สึกแบบนั้นแล้วเหมือนกัน”
ชายหนุ่มบอกพร้อมกับมองหน้าอีกคนอย่างมีเลศนัยก่อนจะขยับตัวเข้าไปหาคนปากเก่ง
เมื่อชานยอลเห็นว่าเริ่มถูกคุกคามก็เขยิบตัวหนีจนแทบจะร่วงลงเตียง แต่กลับถูกคริสรวบแขนไว้ซะก่อน ร่างโปร่งหลับตาก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น คริสเลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปหาหญิงสาวแล้วก็หยุดมันไว้ก่อนที่มันจะแตะแก้มเนียน ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของอีกคน
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไป ชานยอลก็ลืมตื่นและหันกลับมามอง แต่เพราะไม่รู้ว่าคริสอยู่ใกล้เพียงลมหายใจกั้น ทำให้จมูกโด่งของทั้งสองคนแตะกันไปเล็กน้อย ชานยอลถึงกับผงะไปก่อนจะจ้องอีกคนนิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูก
“เขินอะดิ?” คริสถามคนที่นิ่งไป
“หึ้ย!!!”
ชานยอลผลักอีกคนจนล้มลงไปนอนราบกับเตียงอีกครั้ง ก่อนจะรีบลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป คริสได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี แต่จู่ๆ ชานยอลก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาอีกครั้ง
“กลับห้องนายไปได้แล้ว!”
“.......”
“เร็วๆ หิวแล้ว!”
พูดจบก็ปิดประตูกลับเข้าไปเหมือนเดิม ปล่อยให้คริสต้องยิ้มออกมาเป็นครั้งที่ร้อยก่อนจะลุกขึ้นกลับไปยังห้องของตัวเอง โดยไม่ได้รู้เลยว่าคนในห้องน้ำแทบจะเอาหัวมุดท่อน้ำเพราะรู้สึกอายกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
...........................................................
“ยอลลี่!!!”
ยังไม่ทันจะได้รู้ว่าใครเป็นคนเรียก ก็ถูกเจ้าของเสียงพุ่งเข้ามากอดเอาไว้ซะก่อน เมื่อผละออกจากกันถึงได้รู้ว่าเป็นนานะนั่นเอง
“อะไรพี่! มีอะไร?!”
ร่างโปร่งถามอย่างร้อนรน
“งานหนูผ่านแล้วนะ!”
“ห่ะ?” ชานยอลเอียงหน้าเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่นานะพูด
“แบบสินค้าหนูไง ผ่านแล้ว เดี๋ยวทางบริษัทจะเอาไปผลิตแล้ว!”
นานะบอกพร้อมกับเขย่าตัวร่างโปร่ง
“จริงหรอพี่!!! อ๊ายยยยยยยย!”
ชานยอลกระโดดกอดนานะพร้อมกับร้องออกมาด้วยความดีใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประธานบริษัทเดินออกมาพอดี
“แหม ดีใจกันใหญ่เลยนะ” หญิงวัยกลางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าสองสาว
“โอ๊ะ! สวัสดีค่ะท่านประธาน!”
ชานยอลโค้งให้กับเธอก่อนจะถอยไปยืนชิดกันกับนานะ
“ใครเป็นคนทำ ก็เป็นคนพรีเซ็นต์เองก็แล้วกันนะ นานะจัดเตรียมคอนเซ็ปไว้ให้พรีเซ็นต์เตอร์คนใหม่ของบริษัทเราไว้ได้เลยนะ”
“ห่ะ?”
ประธานบริษัทมองหน้าเด็กสาวแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากแผนกไป ส่วนชานยอลก็ได้แต่ยืนทำหน้ามึนงงเพราะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดกันอยู่ดี
“สงสัยท่านประธานอยากเปลี่ยนลูกสะใภ้ ฮ่าๆ” นานะกอดคอร่างโปร่งพลางหัวเราะออกมา
“ห่ะ?”
............................................................
“ดูเหมือนว่าเราจะเข้าตาแม่พี่นะ”
“เข้าตาอะไร ฉันไม่ใช่ฝุ่น!”
“มันคนละความหมายกันแล้วแม่คุณ พี่หมายถึงว่าเหมือนแม่พี่จะถูกชะตากับเรา ถึงได้ให้เราเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าตัวล่าสุด”
“แหงล่ะ ทั้งสวยทั้งเก่ง ใครบ้างจะไม่ชอบ”
“ไอ้ท่ายักคิ้วข้างเดียวนี่ขอซื้อได้ไหม? เห็นแล้วกลัวมันจะทนไม่ได้”
“ไม่ขาย!!!”
ในระหว่างที่เดินทางไปทำงาน ทั้งสองก็เป็นศึกทะเลาะกันไปตลอดทาง แต่ถ้าจะพูดให้ถูกคือชานยอลเป็นฝ่ายทะเลาะกับคริสคนเดียวมากกว่า
วันนี้เป็นวันสำคัญของชานยอลก่อนจะเสร็จสิ้นการฝึกงาน นั่นคือก็ถ่ายแบบให้กับแบรนด์ของบริษัทและแน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ชานยอลลำบากใจมากที่สุดคือ ต้องถ่ายคู่กับยูอี
“หึ แค่เป็นเจ้าของความคิด อย่าคิดว่าเขาจะเชิดชูเธอมากมายนะ”
เสียงของบุคคลที่ชานยอลไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดดังขึ้นข้างตัว ก็ที่มียูอีอยู่ข้างๆ มันทำให้ห้องแต่งตัวดูแคบลงไปจนแทบจะหายใจไม่ออก
“สาวๆ แต่งหน้ากันเสร็จหรือยัง เดี๋ยวจะมีดีไซน์เนอร์เอาชุดมาให้รอแป๊ปนึงนะ”
เสียงทีมงานตะโกนบอกก่อนจะกลับออกไป ชานยอลได้แต่แต่งหน้าไปเงียบๆ เพราะไม่อยากจะใส่ใจกับยูอีให้มากนัก แต่อีกคนก็พยายามพูดจาเสียดสีอยู่ตลอดเวลา จนกระทั้งดีไซน์เนอร์และนานะเข้ามาช่วยชีวิตเอาไว้
แต่ไม่รู้ว่ามาช่วยชีวิตหรือมาช่วยฆ่าให้ชานยอลตายสนิทกันแน่ เมื่อดีไซน์เนอร์คนที่ว่านั่นก็คือ....
“พี่ยูรา!”
ร่างโปร่งดีดตัวจากเก้าอี้โดยอัตโนมัติ ตากลมเบิกกว่าเมื่อเห็นพี่สาวของตัวเองเดินเข้ามา ทางด้านฝั่งยูราเองที่ในตอนแรกไม่ได้ตั้งใจมองชานยอลสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นหน้าเด็กสาวร่างโปร่งก็อดที่จะหยุดมองไม่ได้ เพราะหน้าตาของสาวคนนี้คล้ายคลึงกันกับน้องชายของเธอเป็นอย่างมาก
ยูราจ้องหน้าอีกคนนิ่งก่อนจะไล่มองตั้งแต่ใบหน้าจนไปหยุดอยู่ที่ข้อมือเล็กนั้น....
“โอ๊ย!!!”
หญิงสาวเข้าไปกระชากมือของชานยอลอย่างแรงแล้วลากเขาออกไปจากห้องแต่งตัว สร้างความตกใจให้กับนานะและคนอื่นๆ อยู่ไม่น้อย
“ทำไมแกถึงทำแบบนี้!!!” ยูราตะคอกใส่ชานยอลเสียงดังลั่น
“…….”
“หึ! ว่าแล้วเชียว หายไปเป็นปีไม่โผล่หน้าไปให้ที่บ้านเห็นที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!!”
ชานยอลได้แต่นิ่งเงียบทำพร้อมที่จะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เพราะไม่รู้จะหาคำใดมาอธิบาย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าควรจะพูดอะไร แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดก็โดนยูราพูดขัดขึ้นมาซะก่อน
“แกกำลังจะบอกว่าฉันจำผิดคนใช่ไหมล่ะ? หึ!”
“โอ๊ย!” ชานยอลร้องออกมาอีกครั้งเมื่อผู้เป็นพี่สาวคว้าข้อมือเล็กขึ้นมาอีกครั้ง
“สร้อยข้อมือเส้นนี้ ฉันเป็นคนออกแบบมันเองกับมือ ฉันทำมันขึ้นมาเพื่อน้องชายคนเดียว ทำไมฉันจะจำแกไม่ได้!”
พูดจบก็เหวี่ยงข้อมือกลับไปอย่างแรงจนชานยอลต้องยกมืออีกข้างมาลูบแขนตัวเองเบาๆ
“ฉันจะบอกเรื่องนี้ให้แม่รู้!”
ยูราบอกก่อนเตรียมหันหลังกลับไป แต่ชานยอลกลับรั้งตัวพี่สาวเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ได้นะ!! อย่าทำแบบนั้นนะพี่ คือ...จะบอกยังไงดี ผะ..ผม จะพูดยังไงดี อธิบายไปพี่ก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอน ผมไม่ได้ตั้งใจจะเป็นแบบนี้นะ!” ชานยอลบอกไปด้วยสีหน้าของคนที่กำลังจะร้องไห้
“ไม่ได้ตั้งใจ....หึ! นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจยังสวยกว่าผู้หญิงแท้ๆ ซะอีก ถ้าตั้งใจจะขนาดไหนห๊ะ!!”
“โธ่ ผมจะอธิบายยังไงให้พี่เชื่ออะ”
“ฉันไม่คุยกับแกละ ฉันจะกลับ”
ยูราบอกก่อนจะเดินหันหลังออกไป ชานยอลได้แต่วิ่งตามเพื่ออ้อนวอนไม่ให้พี่สาวของตัวเองบอกเรื่องนี้กับใคร หยดน้ำใสๆ เริ่มไหลอาบแก้มเนียน แต่ไม่ว่าจะอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่มีทีท่าว่ายูราจะยอมใจอ่อนได้เลยหญิงสาวเดินเข้าลิฟต์ไปปล่อยให้ชานยอลยืนอยู่ข้างนอกอย่างหมดเรี่ยวแรง
แต่เมื่อประตูลิฟต์ใกล้จะปิดสนิทชานยอลก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อในลิฟต์ไม่ได้มียูราเพียงคนเดียว เพราะในนั้นกลับมีลีอาห์อยู่ด้วย...
ครื้น!!
ลิฟต์กระตุกวูบ ไฟภายในลิฟต์เริ่มติดๆ ดับ แต่สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือ กลิ่นหอมหวานของลูกอมที่ส่งกลิ่นอบอวนอยู่ภายใน ยูราเริ่มหันมองซ้ายมองขวา ลิฟต์ยังคงเคลื่อนลงสู่ชั้นล่างต่อไป แต่จู่ๆ ก็เหมือนกับว่าสลิงได้ขาดทำให้ลิฟต์ตกวูบลงสู่เบื้องล่าง ยูราตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หลับตาภาวนาให้ตัวเองไม่เป็นอะไร เมื่อคิดว่าตัวลิฟต์จะกระแทกกับพื้นข้างล่างแล้วหญิงสาวได้แต่กอดตัวเองเอาไว้ รอรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่มันไม่ได้เป็นไปตามที่คาด....
เมื่อยูราลืมตาขึ้นมาก็พบว่าพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบๆ ภายในลิฟต์ถูกเปลี่ยนไปเป็นห้องนอนกว้าง หญิงสาวยังไม่กล้าที่จะขยับตัวเดิน แต่เมื่อหันมองดูรอบๆ ห้องก็เห็นรูปชานยอลวางอยู่ในบางมุมของห้อง ขาเรียวค่อยๆ ก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่ เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็พบเสื้อผ้าบางชิ้นวางกระจัดกระจายอยู่บนพื้นและที่หน้าตกใจมากที่สุดคือ...
ภาพของน้องชายตัวเองกำลังทำกิจกรรมอันร้อนแรงอยู่กับหญิงสาวคนหญิง เมื่อยูรามองไปยังใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น เธอก็หันมาสบตากับยูราก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้เล็กน้อยจนยูราต้องถอยหลังหนี
ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆ ส่งลูกอมสีประหลาดให้กับชานยอลด้วยปากของเธอเอง ภาพเวลาแห่งความสุขของคนทั้งสองเปลี่ยนไปเป็นเร็วขึ้นจนถึงเวลาที่เหลือชานยอลอยู่ในห้องเพียงคนเดียว
เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่กำลังหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวค่อยๆ เปลี่ยนสภาพไปทีละนิด ผมสั้นเริ่มยาวขึ้นอย่างรวดเร็ว รูปร่างที่เป็นผู้ชายเปลี่ยนไปเป็นสรีระของผู้หญิงอย่างรวดเร็ว ยูราตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องชาย มือเรียวยกขึ้นปิดปากของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา เพราะสิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่แค่ความเปลี่ยนแปลงของชานยอล แต่เธอได้เห็นสิ่งอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวน้องชายในตลอดหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมาด้วย
“เชื่อเถอะว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ หึหึ”
เสียงของบุคคลที่ยูราไม่รู้จักกระซิบขึ้นข้างๆ หูเธอเบาๆ
“ชานยอล...ไปแต่งตัวเถอะ”
“พี่!! พี่เป็นอะไรหรือเปล่า!”
ร่างโปร่งวิ่งเข้าไปหาพี่สาวตัวเองที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์
“ไปแต่งตัวเถอะอย่าให้ทีมงานเขารอนาน....”
ยูราบอกด้วยน้ำเสียงของคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“พี่รู้อะไร?.....” ร่างโปร่งจับไหล่พี่สาวให้หันมาหาตัวเอง
“พี่รู้....พี่รู้ พี่รู้แล้ว”
หญิงสาวบอกก่อนจะโผเข้าไปกอดร่างของชานยอลเอาไว้
“ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรก ฮึก” ร่างโปร่งบอกและอดไม่ได้ที่จะไม่ร้องไห้ออกมา
“ทุกอย่างยังเหมือนเดิม....แกยังเป็นน้องฉันเหมือนเดิม”
ยูรากอดชานยอลแน่นและพลางนึกโทษตัวเองที่ไม่เข้าใจน้องตั้งแต่แรก
“คิดถึงนะ...” ชานยอลผละออกจากพี่สาวก่อนจะบอกออกไป
“อย่ามาซึ้ง กลับไปทำงานได้แล้วให้คนอื่นรอนานไม่ดี”
ทั้งสองกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกครั้ง พร้อมกับประกาศตัวให้ทุกคนได้รู้ว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับยูอีเป็นอย่างมากที่ชานยอลมีพี่สาวเป็นถึงดีไซน์เนอร์ชื่อดัง เพราะมันเป็นการเพิ่มเครดิตให้ชานยอลขึ้นไปอีก แต่การทำงานก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นอีก
เมื่อไรก็ตามที่สองพี่น้องหันมามองหน้ากัน ทั้งสองก็สื่อความหมายได้แค่ว่า
‘เรารู้กัน’
Talk : เหมือนจะดราม่า แต่ก็ไม่ 555555 อย่าลืมแท็กให้กำลังใจกันด้วยน้าาาาา #ลูกอมปีศาจ
ความคิดเห็น