ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    =~คลังความรู้~=

    ลำดับตอนที่ #66 : ประวัติวันพืชมงคล~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 215
      0
      10 พ.ค. 50

    เรื่อง ประวัติวันพืชมงคล ┈━═☆


    หนังสือพระราชพิธี 12 เดือน ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรง อธิบายถึงพิธีแรกนาขวัญไว้ดังนี้

    "การแรกนาที่ต้องเป็นธุระของผู้ซึ่งเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นธรรมเนียมมาแต่โบราณเช่นในเมืองจีน สี่พันปีล่วงมาแล้ว พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงลงไถนาเองเป็นคราวแรก พระมเหสีเลี้ยงไหม ส่วนจดหมาย เรื่องราวอันใดในประเทศสยามนี้ ที่มีปรากฏอยู่ในการแรกนานี้ก็มีอยู่เสมอเป็นนิตย์ไม่มีเวลาเว้นว่าง ด้วยการซึ่ง ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินลงมือทำเองเช่นนี้ ก็เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่ราษฎร ชักนำให้มีใจหมั่นใน การที่จะทำนา เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะได้อาศัยเลี้ยงชีวิตทั่วหน้า เป็นต้นเหตุของความตั้งมั่น และเจริญไพบูลย์แห่งพระนครทั้งปวง



    ความหมาย
              วันพืชมงคล หมายถึง วันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่สืบทอดมาแต่โบราณ เพื่อเป็นศิริมงคลแด่พืชพันธ์ธัญญาหารบำรุงขวัญเกษตรกรและเตือนให้เริ่มเพาะปลูกข้าวและพืชไร่อันเป็นธัญญาหาร หลักในการดำรงชีวิตของชาวไทย

    ความเป็นมา
             พระราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ในสมัยโบราณคงจะ เป็นพิธีที่มีความมุ่งหมายเพื่อบำรุงขวัญและเตือนให้เริ่มเพาะปลูกพืชผลโดยเฉพาะคือการทำนา ซึ่งเป็นธัญญาหารหลักสำคัญยิ่งของการดำรงชีวิตผู้ปกครองหรือผู้เป็นประมุขของประเทศเมื่อถึงฤดูกาลที่ควรจะเริ่มลงมือเพาะปลูกพืชผล จึงต้องประกอบกรณียกิจเป็นผู้นำโดยลงมือไถ หว่านพืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นตัวอย่างเพื่อเตือนว่าถึงเวลาประกอบการเพาะปลูก ตามฤดูกาลแล้วต่อมากาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงไป ได้มีการพิธีเรียกว่า จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งพราหมณ์ผู้เป็นเจ้าลัทธิส่งเสริมให้มีอำนาจและความสวัสดีต่าง ๆ เป็นผู้แนะนำประกอบพิธีตามลัทธิไสยศาสตร์ของพราหมณ์ในพิธีนี้ พระมหากษัตริย์ หรือประมุขของประเทศอาจจะทรงมีพระราชภารกิจอื่นจึงโปรด แต่งตั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดให้ทำแทนพระองค์ เรียกว่า พระยาแรกนา ทำหน้าที่ ไถ หว่าน ธัญญพืช พระมเหสีหรือชายาที่เคยร่วม การไถ หว่าน   ก็เปลี่ยนเป็นจัดให้นางในท้าวนางในราชสำนักออกไปทำหน้าที่ หาบกระบุงพันธุ์พืชช่วยพระยาแรกนาไถ หว่าน เรียกว่า เทพีพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญมีมานานนับพัน ๆ ปี และมีเกือบทุก ชาติ เช่น จีน อินเดีย เป็นต้น สำหรับประเทศไทยมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและสืบต่อมาในสมัยอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญที่ทำในรัชกาลที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ เป็นพิธีพราหมณ์ตามแบบในสมัยอยุธยาไม่มีพิธีสงฆ์ประกอบ
              ครั้นถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่  ทรงพระราชดำริโปรดให้มีพิธีสงฆ์ ทางพระพุทธศาสนาร่วมประกอบในพิธีด้วย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พืชพันธุ์ธัญญาหารที่นำเข้ามาตั้งในมณฑลพิธีแล้วจึงนำไถหว่านในการแรกนาขวัญ เรียกพระราชพิธีในตอนนี้ว่า พืชมงคล เมื่อรวม ๒ พิธีแล้วเรียกว่า พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นราชประเพณีสืบมาโดยจัดเป็นงาน ๒ วัน วันแรกเป็นพระราชพิธีพืชมงคลซึ่งเป็นพิธีสงฆ์ วันรุ่งขึ้นเป็นพระราชพิธี จรดพระนังคัลแรกนาขวัญซึ่งเป็นพิธีพราหมณ์  
              พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพิธีสิริมงคล เพื่อบำรุงขวัญแก่เกษตรกร จึงเป็นวันที่มีความสำคัญ โบราณจารย์จึงได้วางหลักเกณฑ์ให้ประกอบพิธีในวันที่ดีที่สุดของแต่ละปี ประกอบด้วย ขึ้น แรม ฤกษ์ยาม ให้ได้วันอันเป็นอุดมฤกษ์ตามตำราโหราศาสตร์แต่ต้องอยู่ในระหว่างเดือน  โดยที่มีประเพณีต้องหาฤกษ์ตามตำราทางจันทรคติพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 

    จึงไม่ได้กำหนดวันเวลาไว้ตายตัว   ตามปกติแล้วจะตกอยู่ในระหว่างเดือนพฤษภาคม การที่ต้อง
    กำหนดให้อยในเดือน ๖   ก็เพราะเดือนนี้เริ่มจะเข้าฤดูฝนเป็นระยะ เวลาที่ เหมาะสมสำหรับเกษตรกร   ชาวไร่  ชาวนา จะได้เตรียมทำนาอันเป็นอาชีพหลักสำคัญของชาวไทยมาแต่โบราณ   เมื่อโหรหลวงคำนวนได้วันอุดมมงคลพระฤกษ์ ที่จะประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญแล้ว   สำนักพระราชวังจะได้ ลงไว้ในปฏิทินหลวงที่พระราชทานในวันขึ้นปีใหม่ทุกปีและได้กำหนดไว้ว่าวันใดเป็นวันพืชมงคล   วันใดเป็นวันจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ   วันแรกนาขวัญเป็นสำคัญของชาติ   คณะรัฐมนตรีมีมติให้หยุดราชการ ๑ วัน และมีประกาศให้ชักธงชาติตามระเบียบทางราชการ
              พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญได้ปฏิบัติเป็นราชประเพณี ตลอดมาจนถึง พ.ศ. ๒๔๗๙ แล้วได้เว้นว่างไป   ต่อมา  พ.ศ. ๒๔๘๓ ทางรัฐบาลสั่งให้กำหนดมีการพระราชพิธีเฉพาะแต่พืชมงคลที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามตามราชประเพณีที่เคยปฏิบัติมา พระราชพิธีพืชมงคลเป็นส่วนประกอบเพื่อสิริมงคลแก่พันธุ์พืชสำหรับนำไปใช้ในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ กำหนดงานก่อนวันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ๑ วัน มีอ่านประกาศ ถึงความสำคัญที่จะเริ่มพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ   ในประกาศนั้น อ้างหลักธรรมทางพุทธศาสนาสมัยพุทธกาล  คราวเกิดฝนแล้ง   ด้วยพุทธานุภาพทรงบันดาลให้ฝนตก ทำนา ทำไร่  หว่านพืชผลได้ตามปรกติ และกล่าวถึงตำนานการสร้างพระคันธารราษฎร์อันเกี่ยวด้วยพุทธานุภาพ ที่ทรงบันดาลให้ฝนตกจึงได้สร้างขึ้น ณ เมืองคันธาราษฎร์ ครั้งอดีตกาลแล้วประกาศสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกองค์ปฐมกษัตริย์   ที่ได้ทรงสร้างพระพุทธคันธาราษฎร์ขึ้นไว้   เพื่อประกอบการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญตามตำนานที่มีมา แต่โบราณกาล  ซึ่งเป็นราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงอนุวัติจัดงานพระราชพิธีนี้สืบมาสุดท้ายประกาศถวายพระพรชัยมงคล   และขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาเทพยดาทั้งปวงประสิทธิประสาทให้พืชพันธุ์ธัญญาหารในราชอาณาจักรอุดมสมบูรณ์งอกงาม เจริญดี   ตลอดจนขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล  จบประกาศแล้วพระสงฆ์๑๑ รูป เจริญพระพุทธมนต์เป็นคาถาพิเศษสำหรับพืชมงคลโดยเฉพาะ เพื่อเสกพืชพันธุ์ต่าง ๆ ที่ได้นำมาตั้งเข้าพิธีมณฑลมีข้าวเปลือกพันธุ์ต่าง ๆ  ถั่วทุกชนิด ข้าวโพด งา ฟัก แฟง แตงกวา เผือก มัน ฝ้าย เป็นต้น
              ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๓   เลขาธิการพระราชวังพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ สั่งว่าพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ แต่เดิมจัดเป็น ๒ วันแล้วได้ระงับไปคงได้แต่พิธีพืชมงคลจัดเป็นงานประจำทุกปี   สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๐๓ทางรัฐบาลเห็นควรจัดให้มีการแรกนาขวัญขึ้นอย่างเดิมเพื่อรักษาบูรพประเพณีอันเป็นมิ่งขวัญของการเกษตรไว้สืบต่อไป   สำนักพระราชวังและกระทรวงเกษตรจึงได้ กำหนดงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ   ตามราชประเพณีเดิมขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ จนถึงปัจจุบันนี้ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานการพระราชพิธีทุกปี ทรงมีพระราชกระแสให้ปรับปรุงพระราชพิธีเพื่อความเหมาะสมตามยุคสมัยด้วยพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญแต่เดิมมาทำที่ทุ่งนาพญาไท   เมื่อได้มีการฟื้นฟูพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญขึ้นใหม่ จึงจัดให้มีขึ้นที่ท้องสนามหลวง ซึ่งเคยเป็นที่ประกอบพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในรัชกาลที่ ๑ ที่ ๒ และที่ 
              ส่วนผู้ที่จะเป็นพระยาแรกนาในสมัยก่อนเคยโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ ที่ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ เป็นพระยาแรกนา และผู้ที่เป็นเทพีหาบกระบุงทอง กระบุงเงิน บรรจุข้าวเปลือกหว่านนั้น โปรดเกล้าฯ ให้จัดท้าวนางฝ่ายใน  เมื่อเวลาได้เปลี่ยนแปลงหน้าที่ตำแหน่งไปแล้วเช่นนี้ เมื่อเริ่มฟื้นฟูพระราชพิธีจรดพระมังคัลแรกนาขวัญขึ้นมาใหม่   พระยาแรกนาจึงได้แก่ อธิบดีกรมการข้าวกระทรวงเกษตร เทพีได้คัดเลือกจากข้าราชการสตรีผู้มีเกียรติในกระทรวงเกษตรในปีต่อมาจนปัจจุบันผู้เป็นพระยาแรกนา ได้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนเทพีนั้นคัดเลือกจากข้าราชการสตรีโสดในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระดับ ๓ - ๔ คือขั้นโทขึ้นไป พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพิธีเพื่อสิริมงคลแก่พืชพันธุ์ธัญญาหารสนับสนุนส่งเสริมชาวไร่ ชาวนาในการประกอบอาชีพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่งได้เสด็จฯมาเป็นประธานอธิษฐานของความสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารให้มีแก่ อาณาจักรไทยและได้ทรงปลูกพันธุ์ข้าวทดลองในนาทดลองบริเวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ซึ่งเป็นพระราชฐานที่ประทับ เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วพระราชทานนำมาเข้าในพระราชพิธี ประมาณ ๔๐ - ๕๐ กิโลกรัม เมล็ดพันธุ์ข้าวที่พระราชทานมาเข้าพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญนี้  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้แบ่งไปหว่านที่ลานประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญส่วนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งจัดบรรจุซองส่งไปยังจังหวัดต่าง   ทั่วราชอาณาจักรสำหรับแจกจ่ายแก่เกษตรกร เพื่อเป็นสิริมงคลตามพระราชประสงค์ที่ทรงส่งเสริมการเกษตร

    พระราชพิธีพืชมงคล

              ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม   เจ้าหน้าที่เชิญพระปฏิมาชัยวัฒน์รัชกาลปัจจุบันพระพุทธคันธารราษฎร์ของรัชกาลที่  พระพุทธรูปปางสมาธิทรงภาวนาให้ต้นข้าวเกิดงอกงามรอบพุทธบัลลังก์ รัชกาลที่ ๑ ทรงสร้าง พระชัยนวโลหะ รัชกาลที่ ๔ พระชัยนวโลหะรัชกาลที่ ๕ พระคันธารราษฎร์ขอฝนแบบจีน   พระบัวเข็ม   เทวรูปพระพลเทพ   พระโคอุศุภราช   ตั้งบนม้าหมู่ในธรรมาสน์ศิลาหน้าฐานชุกชีพุทธบังลังก์บุษบก พระพุทธมหามณีรัตนปฏิกร   ใต้ธรรมาสน์ศิลาตั้งกระบุงทอง   กระบุงเงินอย่างละคู่บรรจุข้าวเปลือกพันธุ์ดีที่เป็นของพระราชทานจากนาทดลอง   และมีถุงบรรจุพันธุ์พืชต่าง ๆ คือ ผักกาด กวางตุ้งดอก ผักกาดหอม ข้าวโพดขาว ผักกาดขาวปลี แตงกวา พริกชี้ฟ้า แตงกวาผสม ละหุ่ง ผักกาดหัว บวบเหลี่ยม มะระจีน คะน้าใบ ผักกาดขาวใหญ่ ถั่วฝักยาว ถั่วแขก ตั้งโอ๋ น้ำเต้า ข้าวโพดเกษตร   ถั่วเหลือง  ถั่วเขียว เมล็ดงา ผักปวยเล้ง กระเจี๊ยบ  ขึ้นฉ่าย  ซุนฉ่าย  ฟักเขียว  ผักกาดขาวปลี ผักชี ผักกาดเขียวกวางตุ้ง แฟง ผักขมจีน เผือก มัน แล้ววงสายสิญจน์จากพระพุทธรูปสำคัญโยงไปถวายพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ หน้าธรรมาสน์ศิลาทองเครื่องนมัสการพุ่มพานดอกไม้ธูปเทียนไว้พร้อม
              ก่อนเวลาเสด็จพระราชดำเนิน พระยาแรกนาแต่งกายเครื่องแบบครึ่งยศประดับครื่องราชอิสริยาภรณ์ เทพีทั้ง ๔ แต่งกายชุดไหมไทยห่มสไบผ้าไหมประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มายังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จุดธูปเมียนสักการะบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วไปนั่งเก้าอี้ที่เฝ้าฯ ตามลำดับ
             เวลา ๑๖ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์ พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐานพระราชวังดุสิตไปยังพระบรมมหาราชวัง เสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปทรงจุดเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร   พระสัมพุทธพรรณี  พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก   พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย   และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการที่หน้าธรรมมาสน์ศิลา  ทรงกราบ   ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯแล้วประทับพระราชอาสน์   เจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์กรมการศาสนาอาราธนาศีลพระราชาคณะถวายศืล   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงศีล เมื่อทรงศีลแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปที่ธรรมาสน์ ศิลาทรงพระสุร่ายสรงพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์และพระพุทธรูปสำคัญ แล้วทรงประพรมพืชต่าง ๆ ทรงโปรยดอกไม้มีดอกมะลิและกลีบกุหลาบแล้วถวายพวงมาลัยที่พระพุทธรูปทุกองค์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ทูลเกล้าฯ ถวายแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนพระคันธารราษฎร์ ๒ คู่ และทรงจุดเทียนที่พระคันธาราษฎร์จีนอีก ๑ เล่ม ทรงกราบอธิษฐานขอความสมบูรณ์แห่งพืชผลของราชอาณาจักรแล้วประทับพระราชอาสน์ หัวหน้าพราหมณ์อ่านประกาศพระราชพิธีพืชมงคล
              เมื่อหัวหน้าพราหมณ์อ่านประกาศพระราชพิธีพืชมงคลจบ พระสงฆ์ ๑๑ รูป มีพระราชาคณะวัดระฆังโฆสิตารามเป็นประธานสงฆ์ และพระเปรียญ ๙ ประโยค จากวัดต่าง ๆ อีก ๑๐ รูป รวมเป็น  ๑๑ รูป เจริญพระพุทธมนต์คาถาพืชมงคล จบ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาแรกนา เข้าเฝ้าฯ คุกเข่าถวายบังคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งน้ำสังข์พระราชทานรดที่ศีรษะทรงเจิมแป้งกระแจะที่หน้าผาก พระราชทานใบมะตูนทัดที่ซอกหูขวาและพระราชทานธำรงค์นพเก้าสำหรับสวมที่มือขวา ๑ วง ที่มือซ้าย ๑วง แล้วพระราชทานพระแสงปฏักที่จะถือใช้วันจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ แล้วลุกขึ้นถวายคำนับ กลับไปนั่งเฝ้าฯ ที่เดิมต่อจากนี้ข้าราชการสตรีในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเทพี ๔ คนถวายความเคารพเดินเข้าไปหมอบเฝ้าฯ   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้ำสังข์พระราชทานรดที่ศีรษะ ทรงเจิม พระราชทานใบมะตูมทัดที่ซอกหูขวาตามลำดับ ขณะที่พระยาแรกนาและเทพีรับพระราชทานน้ำสังข์นั้น พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาจนเสร็จการพระราชทานน้ำสังข์  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมซึ่งบรรจุในถาดมีคนโทแก้วบรรจุน้ำฝนด้วย   เป็นราชประเพณี ที่จะต้องจัดภาชนะบรรจุน้ำฝนถวายพระสงฆ์เฉพาะงานพระราชพิธี มงคล ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชดำริไว้   เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแล้ว ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาถวายอดิเรก แล้วออกจากพระอุโบสถ
              เมื่อพระสงฆ์ออกจากพระอุโบสถแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ เสด็จพระราชดำเนินกลับ หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชดำเนินกลับแล้ว คณะพราหมณ์เชิญเทวรูปสำคัญที่ตั้งในมณฑลพิธี คือ พระพลเทพพระโคอุศุภราช ไปเข้าเบญจาพิธีมณฑล ณ โรงพิธีพราหมณ์ ที่ท้องสนามหลวง ที่แท่นมณฑลพิธีนี้ พราหมณ์ได้เชิญเทวรูปสำคัญจากเทวสถานเสาชิงช้ามาตั้งเข้าพิธีคือ พระอิศวร พระนารายณ์ พระอุมาพระพรหม และพระพิฆเณศวร์ พร้อมด้วยกระบุงทอง ระบุงเงินบรรจุข้าวเปลือกที่ได้เข้าพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามรวมทั้งพืชพันธุ์ต่าง ๆ และเครื่องพิธีตามลัทธิธรรมเนียมของพราหมณ์ คณะพราหมณ์ประกอบพิธีกรรมสวดบูชาพระเวทย์ตลอดคืน

    พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
              เวลาประมาณ ๖ นาฬิกา พระยาแรกนาพร้อมด้วยเทพีแต่งการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   พระยาแรกนาสวมสนับเพลาปลายขอบปักดิ้นทอง ถุงเท้าขาว   รองเท้าหุ้มส้นสีดำไม่ผูกเชือกมีกรอบทำด้วยโลหะสีทองติดคล้ายโบนุ่งผ้าเยียรบับชายพกพับจีบ ไม่จีบโจง ใช้เชือกสานแถบรัดเอวสวมเสื้อเยียรบับพื้นเขียว ลายทองแขนยาวแบบราชการ  กระดุม๕ เม็ด  สวมสายสะพายและประดับราชอิสริยาภรณ์คาดเข็มขัดทำด้วยอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า   ส่วนเทพีมุ่งจีบหน้านางผ้าเยียรบับหรือผ้าไหมไทยทอยกดอกลายสีทองพื้นสีตามความเหมาะสม   สวมเสื้อไหมไทย รัดรูปแขนยาวคาดเข็มขัดทำด้วยโลหะเป็นเกลียว เกี่ยวขัดสีทอง ห่มผ้าสไบปักทองแล่ง   ประดับอาภรณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้ รับพระราชทาน   สวมถุงเท้าสีเนื้อ   รองเท้าหนังหุ้มส้นสีทองปลายงอนเสร็จแล้วพระยาแรกนาขึ้นรถนต์หลวงออกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม   เทพีและข้าราชการ(แต่งเครื่องแบบเต็มยศประดับราชอิสริยาภรณ์) เชิญเครื่องยศขึ้นรถตามเป็นกระบวน เมื่อเข้าสู่พระอุโบสถแล้วพระยาแรกนาและเทพีจุดธูปเทียนถวายนมัสการบูชาพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร   แล้วไปที่ปราสาทพระเทพบิดรถวายสักการะพระบรมรูปสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชแล้วไปขึ้นรถยนต์หลวง เป็นกระบวนออกจากวัดพระศรีรัตนศาสดารามไปยังท้องสนามหลวง
              เวลา ๗ นาฬิกา เจ้าพนักงานจัดคั้งริ้วกระบวนอิสริยยศตามแบบประเพณี โบราณรับพระยาแรกนา   พระยาแรกนาลงจากรถยนต์หลวงแล้วสวมลอมพอกเดินเข้าประจำที่ในกระบวนพร้อมด้วยคู่เคียง ๒ ข้าง ๆ ละ ๘ นาย ผู้เชิญเครื่องยศและเทพีจัดเป็นรูปกระบวนยาตราไปยังโรงพิธีพราหมณ์   ประโคมกลองชนะ   สังข์  แตร ตลอดทาง


    ริ้วกระบวนอิสริยศพระยาแรกนา

    นำริ้ว ๑

    นุ่งผ้าม่วงเชิง เสื้อนอกขาว
    หมวกทรงประพาสดำ

    จ่าปี่ ๒

    สวมกางเกงมัสรู่ไหม
    เหลือง เสื้อเข้มขาบ
    หมวกทรงประพาสโหมด
    เทศยอดเกี้ยว

    กลองชนะ

    แถวละ ๑๐ คน ๒ แถว
    สวมกางเกงปักสตูแดง
    ปลายขาขลิบขอบเหลือง
    เสื้อปัสตูแดง ปลายแขน
    ขลิบขอบเหลือง หมวก
    กลีบลำดวนขลิบเหลือง

    แตรฝรั่ง ๑๐
    แตรงอน ๑๐

    สวมกางเกงปัสตูแดง
    ปลายขาขลิบขอบเหลือง
    เสื้อปัสตูแดงแขนบาน
    ขลิบปลายลูกไม้กระจัง
    สีทองหมวกทรงกราย
    ปัสตูแดงขอบขลิบลูกไม้ กระจังยอดจุกขาว

    พราหมณ์เป่าสังข์ ๒

     





    http://www.bu.ac.th/th/visitor/thailand/festival/peechmongkol/html/
    http://www.rangsit.org/show_Cdetail.php?id=20

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×