ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    =~คลังความรู้~=

    ลำดับตอนที่ #64 : รู้จัก แมวนางกวักโชคลาภ~

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 165
      0
      10 พ.ค. 50

    แมวนางกวัก ( MANEKINEKO ) ┈━═☆


    " มาเนคี เนะโกะ " ( MANEKI NEKO ) นั้นคืออะไร ? และหมายถึงอะไร ?

          Can You Explain the Japanese " LUCKY CAT ? "



    ด้วยมีคำถามมาจากหลายประเทศที่สงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ของ " มาเนคี เนะโกะ " ( MANEKI NEKO ) ที่ว่ามานี้กันมากนะคะ จึงอยากจะขอนำเสนอเรื่องและตำนานที่ว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงได้เรียกแมวที่เรา ๆ ท่าน ๆ มักจะได้เคยเห็นกันตามหนังสือการ์ตูนหรือตามห้างร้านที่กำลังนั่งทำท่ากวักมืออยู่นั้นให้ได้หายสงสัย และรู้จักกันดีขึ้นมามากกว่าเก่าอีกสักหน่อยนะคะ

     

         แมวตัวเมียตัวที่กำลังทำท่ากวักมือเหมือนเรียกแขกหรือผู้ที่จะมาเยือนตัวนี้ของคนญี่ปุ่นนั้น ได้ตั้งชื่อ ให้ว่า " มาเนคี เนะโกะ " ( MANEKI NEKO ) แปลชื่อตามศัพท์ ก็จะได้ออกมาว่า " มาเนคี " คือกวักหรือเรียกโชค " เนะโกะ " คือคำเรียกชื่อสัตว์เลี้ยงพันธุ์หนึ่งคือแมว

          เรื่องราวของแมวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่งนี้นั้น ได้เล่ากันว่า แมวได้เข้ามามีบทบาทและเป็นสัตว์เลี้ยงของชาวญี่ปุ่น โดยการได้ถูกนำข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศจีนผืนแผ่นดินใหญ่ มานานมากกว่า 1000 ปีมาแล้ว และยัง สันนิษฐานว่าการที่แมวได้ถูกเรียกจนกระทั่งได้กลายมาเป็นสัญญาลักษณ์และมีชื่อเสียงว่าเป็น " LUCKY CAT ? " ของ คนญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้นั้น คงจะมีเหตุที่เกี่ยวพันตามมาพร้อมด้วยกับตัวแมว ตามความเชื่อถือของคนจีนที่มีเขียน อยู่ในสุภาษิตบทหนึ่งที่ว่า " neko kao aratte mimi o kotsureba sunawaji kekkuyobu " ( เมื่อแมวทำท่าล้างหน้า ถูหู เมื่อ ไหร่เมื่อนั้นแขกก็จะมาเยือน ) ที่คนญี่ปุ่นได้รับฟังและกล่าวถึงความสำคัญของแมวตอนสมัยที่แมวได้มาถึงญี่ปุ่นในตอนสมัยแรก ๆ...

          และยังมีเรื่องที่ได้ถูกเล่าขานมาจากวัด " โชเน็นจิ " เมืองเกียวโตอีกอย่างมาว่า แมวสีขาว ( สามารถทำให้โชคชะตาดี ) แมวสีดำ ( จะช่วยป้องกันจากโรคร้าย ) และยังกล่าวไว้อีกว่า แมวสีทอง ( จะทำให้ร่ำรวยเงินทอง ) ส่วนแมวที่ยกขาเท้าหน้า ข้างขวาขึ้นบน (จะเรียกโชคและความสุข ) และแมวที่ยกขาเท้าหน้าข้างซ้ายขึ้นบนนั้น ( จะเรียกแขกและผู้มาเยือน ขายอะไร ก็จะขายดิบ ขายดี ) ได้มีเรื่องเล่าถึงความเป็นมาของ" มาเนคี เนะโกะ " ( MANEKI NEKO ) กันอยู่หลายอย่างตามแต่ ละสมัยที่เกิดขึ้น

          เรื่องที่เล่าถึงกำเนิดของ" มาเนคี เนะโกะ " ( MANEKI NEKO ) ที่เก่าแก่และดั้งเดิมที่สุดนั้น ก็เห็นว่าจะมีอยู่ เรื่องเดียวที่มีชื่อเสียงมากกว่าเรื่องอื่น ๆ จนเกือบที่จะพูดได้ว่าเป็นเรื่องจริง ๆ เรื่องแท้ ๆ เลยทีเดียวนั้น ก็มีอยู่ว่านานมาแล้วที่วัด " โกโตกุจิ " ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่เล็ก ๆ ไม่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญอะไรมากมายในสมัยนั้น ตั้งอยู่ในตำบล " เซตากายะ " ที่วัดนี้มีหลวงพ่อผู้ยากจนได้อาศัยอยู่กับแมวสีขาวปลอดตัวหนึ่ง และถึงแม้ว่าจะยากจนข้าวปลาอาหารที่มีไว้สำหรับเป็นอาหาร ของหลวงพ่อเองนั้นก็น้อยนิดจนเรียกว่าไม่ค่อยจะพอ แต่ด้วยความที่ท่านนั้นทั้งรักและเอ็นดูแมวตัวนี้มาก ท่านจึงมักจะแบ่ง อาหารของท่านที่มีอยู่น้อยนิดนั้น ให้แมวได้กินทุกครั้งไม่เคยให้ต้องอดและหิวด้วยตลอดมา...และในทุกวันและทุกครั้งที่ ได้ให้อาหารกับแมว ท่านก็จะเอามือลูบหัวของมันไปแล้วพูดกับมันว่า " ดูซิ..หลวงพ่อ ละก็เอ็นดูและสงสารเจ้ามากมายขนาด นี้ทีเดียวนะ เจ้าช่วยตอบแทนด้วยการนำสิ่งที่ดี ๆ เข้ามาให้บ้างสิ " ท่านจะพูดคุยกับมันเหมือนเป็นญาติมิตรที่สนิทสนมกัน มาช้านานเลยทีเดียว

         แล้วก็ได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นในฤดูร้อนของวันหนึ่งเข้า วันนั้นหลวงพ่อท่านได้เดินไปที่หน้าวัด แล้วท่านก็พลัน ได้เห็นว่าได้มี " ทาก้า โทรี " ( ซามูไรผู้ล่าสัตว์ด้วยนกอินทรีย์ ) มายืนเมียงมองอยู่ที่หน้าวัดกับพวกบริวารกลุ่มหนึ่ง และเมื่อ " ทาก้า โทรี " กับบริวารกลุ่มนั้นได้มองมาเห็นหลวงพ่อเข้าก็เดินเข้ามาที่ใกล้ ๆ แล้วพูดบอกกับหลวงพ่อว่า " เมื่อสักครู่นี้ ตอนที่พวกเราได้กำลังที่จะเดินผ่านมาทางหน้าวัดนี้อยู่พอดีนั้น ได้มองเห็นแมวสีขาวตัวหนึ่ง ทำท่ากวักมือเรียกหลายครั้งหลายหน เหมือน อย่างกับจะเรียกให้เขามาในวัด ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว พวกเราให้เป็นสงสัยกันอย่างมากว่ามีอะไรที่ในวัดนะ จึงได้มายืนมองดูกันอยู่อย่างที่ หลวงพ่อได้เห็นนี่แหละ แต่ว่าไหนก็หยุดลงตรงนี้แล้ว ก็ขออนุญาติเข้าไปนั้งพักให้หายเหนื่อยในวัดสักหน่อยได้ไหม หลวงพ่อ " หลวงพ่อเมื่อได้ฟังดังนั้นก็กล่าวอนุญาติและได้เชิญผู้คนเหล่านั้นให้เข้าไปข้างใน และขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปนั้น ก็เกิดความ ปรวนแปลของดินฟ้าอากาศขึ้นมาอย่างกระทันหัน ท้องฟ้ามืดมนดำมืดไปหมด แล้วฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนักอย่างไม่มีเคล้ามาก่อนเลยว่าตก ลมนั้นก็เกิดโฮมพัดกระหน่ำขึ้นมาอย่างแรง และอยู่ ๆ พลันฟ้าก็ได้ผ่าลงมาที่ตรงหน้าวัดนั้น เสียงสนั่นหวั่นๆไหวไปหมด " ทาก้า โทรี " ผู้นั้นให้เกิดความปิติและดีใจเป็นอย่างมาก และได้พูดขึ้นว่า " เป็นเพราะแมวได้กวักมือเรียกให้เข้ามาหลบฝน เลยพ้นเคราะห์จากการต้องถูกฟ้าผ่าตายหมดทั้งขบวนมาได้ พวกเราโชคดีอย่างมากที่เชื่อคำเชิญของแมวตัวนั้น " แล้ว " ทาก้า โทรี " ผู้นั้นก็ได้แนะนำตัวว่า เขานั้นมีนามว่า " อี่อี่ นาโอตากะ " เป็นโตโน่ผู้ร่ำรวยของเมืองคิโคแนะเลยทีเดียว จึงด้วยการเป็นเช่นนี้...ท่านซามูไรที่เป็นถึงโตโน่ซามะผู้นั้น จึงขออนุญาติหลวงพ่อขอเป็นผู้อุปถัมและขอเกื้อกูลวัดแห่งนั้น ตั้งแต่บัดนั้นมาเลยทีเดียว       ส่วนแมวตัวนั้น เมื่อมันอายุมากขึ้นก็ได้ตายลงไป หลวงพอท่านก็ได้สร้าง " โอฮากะ " ( หลุมศพ ) บรรจุมันไว้อย่างดี จารึก ชื่อไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่า แมวตัวนี้เป็นแมวที่สามารถจะบรรดาลเปลี่ยนโชคชะตาให้ได้ จนมีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้


          แมวที่ยกเท้าขวาขาหน้าขึ้นบน............เรียกเงินทองและโชคลาภมาให้


          แมวที่ยกเท้าซ้ายขาหน้าขึ้นบน............เรียกแขกผู้มาเยือน ค้าขายก็จะขายดิบขายดี


       แมวสีขาวที่ยกเท้าซ้ายและขวาขาหน้าขึ้นบน............เรียกโชคชะตา

       แมวสีดำที่ยกเท้าซ้ายขวาขาหน้าขึ้นบน............ปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากโรคร้าย

          แมวสีทองที่ยกเท้าซ้ายขาหน้าขึ้นบน............ทำให้ร่ำรวยมีเงินหมื่นเงินแสน


          แมวสีเงินที่ยกเท้าซ้ายขาหน้าขึ้นบน............ให้มีอายุยืนยาว


          แมวสีแดงที่ยกเท้าซ้ายขาหน้าขึ้นบน............รักษาความเจ็บป่วยและโรคร้ายของเด็ก ๆ


          แมวสีชมพูที่ยกเท้าซ้ายขาหน้าขึ้นบน............เรียกความรักและคู่ครองที่ดี


          แมวสีเหลืองที่ยกเท้าซ้ายขาหน้าขึ้นบน............คู่ครองอยู่กันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร


          แมวไม่มีสีไม่มีลายที่ยกเท้าซ้ายขาหน้าขึ้นบน............ความฝันและความหวังเป็นจริง


          แมวสีน้ำเงินหรือสีฟ้าที่ยกเท้าซ้ายขาหน้าขึ้นบน............เรื่องการเรียน


          แมวสีเขียวที่ยกเท้าซ้ายขาหน้าขึ้นบน............ให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ






    การที่แมวทำกริยาเหมือนกับว่าได้ยกมือขึ้นมากวักเรียกนั้น ความจริงแล้วแมวไม่ได้ตั้งใจเลียนแบบหรือล้อเลียนคนหรอก การที่มันได้ทำอาการและกิริยาแบบนั้นก็เป็นด้วยมันมีนิสัยติดประจำตัวมาอย่างหนึ่งที่แก้ไม่หาย คือการชอบขัดสีฉวีวันด้วย การเลียไปที่มือแล้วใช้มือนั้นถูหน้าถูตาและรวมถึงถูหูของมันด้วยตามที่เราได้เห็นกันเพียงแค่นั้นเอง และจากสุภาษิตบทที่ว่า " neko kao aratte mimi o kotsureba sunawaji kekkuyobu " ( เมื่อแมวทำท่าล้างหน้า ถูหู เมื่อไหร่เมื่อนั้นแขกก็จะมาเยือน ) นั้นเป็นสาเหตุ ดังนั้นแมวจึงได้กลับกลายมาเป็นเครื่องหมาย " โชไบฮันโจ้ " คือสามารถทำให้ค้าขายได้กำไร ขายดิบขายดีไปโดยปริยาย มีท่านผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้รู้ได้เคยเล่าว่า ที่ประเทศทางยุโรบหมายถึงพวกชาวอเมริกัน นั้นเวลาที่จะเรียกคนจะหงายฝ่ามือขึ้นและกวักเรียก แต่ที่ญี่ปุ่นสำหรับคนญี่ปุ่นนั้น จะเรียกคนด้วยอาการที่กลับ กันกับชาวอเมริกันคือจะคว่ำฝ่ามือลงล่างแล้วกวักเรียก ดังนั้นตุ๊กตา " มาเนคี เนะโกะ " ( MANEKI NEKO )ที่ผลิตมาจากต่างประเทศนั้นส่วนมากจะทำการกวักมือผิดด้านไม่เหมือนกับที่ผลิตในญี่ปุ่น ท่านผู้นั้นได้ให้ ข้อสังเกตุมาว่าอย่างนี้ ส่วนตุ๊กตา " มาเนคี เนะโกะ " ที่ใส่เสื้อผ้าชุดกิโมโนนั้น เป็นของที่สร้างขึ้นเมื่อสมัยเอโดะ และแมวที่มีกระดิ่งผูกอยู่ด้วยนั้นก็เพื่อที่จะไม่ให้ดวงชะตาและความโชคดีนั้นได้หนีหายไป ส่วนรูปเหรียญทอง ที่แมวได้ถือติดมืออยู่นั้นเป็น " โคบัง " ( เหรียญเงิน ) ที่ใช้ในสมัยเอโดค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×