ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    =~คลังความรู้~=

    ลำดับตอนที่ #19 : 16 วิธีเสริมความแรงให้ PC~

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 212
      0
      8 พ.ค. 50

                                         16 วิธีเสริมความแรงให้ PC┈━═☆

    โดย มโนมัย ไชโย



    16 ทริกสำหรับทั้งมือใหม่และมือโปร พร้อมวิธีอัพเกรดอุปกรณ์ เพื่อการเร่งความเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่คิดว่าประสิทธิภาพของพีซีเป็นเรื่องไม่สำคัญ เชื่อว่าพวกเขาเหล่านั้นคงไม่เคยตกแต่งภาพถ่ายเมื่อตอนไปเที่ยวในวันหยุด หรือแปลงเพลงโปรดในแผ่นซีดีไปเป็น MP3 หรือไม่พวกเขาก็ไม่เห็นความสำคัญของเวลา ที่ผ่านไปแล้วจะไม่ย้อนกลับมาอีก ซึ่งถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความคิดในแบบที่ว่า บทความนี้คงช่วยอะไรคุณได้ไม่มาก แต่ถ้าไม่ใช่ คุณสามารถค้นหาสารพัดวิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพีซีของคุณ ถ้าเป้าหมายของคุณคือ ประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ บางทีวิธีที่ดีที่สุด และก็อาจเป็นวิธีที่ผู้คนนิยมใช้มากที่สุด ก็คือการซื้อคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ แต่ถ้าคุณไม่มีงบมากพอ หรือเพิ่งซื้อพีซีที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้มาได้ไม่นาน เราก็มีเทคนิคบางอย่างที่ช่วยนำความเร็วในการทำงานที่คุณต้องการมาให้กับคุณได้ ทริกบางอย่างก็ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน แต่บางเทคนิคก็อาจเสียค่าใช้จ่ายบ้าง อย่างเช่น การอัพเกรดหน่วยความจำและฮาร์ดดิสก์ (แทนที่จะต้องอัพเกรดทั้งระบบ) ซึ่งเราจะแนะนำวิธีอัพเกรดอุปกรณ์เหล่านี้ ในแบบแสดงให้เห็นเป็นขั้นตอน และเผยข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งเราพบผ่านการทดสอบของฝ่ายแล็บ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร เราเชื่อว่าวิธีมากมายที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ จะสามารถช่วยเพิ่มความเร็วให้กับพีซีของคุณได้

    16 เทคนิคเสริมความแรงให้พีซี

    2000 : XP
    1. ใช้ NTFS เพื่อการเข้าถึงไดรฟ์ที่เร็วกว่า
    New Technology File System (NTFS) ในวินโดวส์เอ็นที, 2000 และเอ็กซ์พี จะมีคุณสมบัติใหม่หลายอย่างที่ไม่มีในระบบไฟล์แบบ FAT (ซึ่งพบในวินโดวส์ 95 และ 98 อย่างเช่นการจัดการกับไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าความเร็วที่เพิ่มขึ้นในการทำงานนั้น จะคิดเป็นมิลลิวินาที แต่มันก็มีผลที่ทำให้คุณรู้สึกได้ ถ้าเป็นการจัดการกับไฟล์ขนาดใหญ่ที่คุณใช้งานบ่อยๆ ที่สำคัญคือ นอกจากจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการเข้าถึงไฟล์สูงขึ้นแล้ว NTFS ยังเป็นระบบไฟล์ที่ให้ความเสถียรสูงกว่า และมีการรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่าด้วย

    ถ้าคุณต้องการใช้ NTFS ในกรณีที่เป็นไดรฟ์ใหม่ คุณสามารถฟอร์แมตเป็น NTFS ได้ตั้งแต่ในขั้นตอนของการติดตั้งเลย แต่ถ้าเป็นไดรฟ์ที่ใช้อยู่ คุณสามารถใช้คำสั่ง Convert.exe เพื่อเปลี่ยนระบบไฟล์จาก FAT ไปเป็น NTFS ได้ โดยคำสั่ง Convert นั้น จะเป็นคำสั่งที่ทำงานในคอมมานด์พรอมต์ (Start / Programs / Accessories / Command Prompt) โดยรูปแบบของการออกคำสั่งจะเป็น CONVERT C: /FS:NTFS /V ซึ่งหมายถึงการแปลงไดรฟ์ C: ไปเป็น NTFS (ถ้าต้องการแปลงไดรฟ์อื่น ก็ให้เปลี่ยนไปเป็นตัวอักษรของไดรฟ์นั้น) หรือคุณอาจพิมพ์ Convert/? เพื่อเปิดดู help ของคำสั่งนี้
    98 : Me : 2000 : XP

    2. เร่งความเร็วในการบูต
    ถ้าสิ่งที่คุณเบื่อที่สุดก็คือ การรอเวลาที่เครื่องบูต เรามีทริกง่ายๆ ที่จะช่วยให้ระบบของคุณบูตได้เร็วขึ้น ด้วยการเข้าไปแก้ไขการตั้งค่าบางอย่างในไบออส เป็นต้นว่า เลือกให้บูตที่ฮาร์ดดิสก์ โดยไม่ต้องไปมองหาที่ฟลอปปี้ไดรฟ์หรือซีดีรอมไดรฟ์ก่อน (การบูตที่ไดรฟ์ทั้งสองแบบนี้ จะจำเป็นก็ต่อเมื่อระบบของคุณมีปัญหา) หรือถ้าระบบของคุณไม่เก่าจนเกินไป ในไบออสก็น่าจะมีออปชัน "Quick Boot" ซึ่งจะบูตระบบโดยข้ามขั้นตอนของการตรวจสอบพลังงาน ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาไปได้มากพอควร

    วิธีที่ดียิ่งไปกว่านั้นก็คือ แทนที่คุณจะชัตดาวน์ระบบ ก็ให้เปลี่ยนไปเป็น Standby หรือ Hibernation (ในกรณีของโน้ตบุ๊ก) แทน ซึ่งจะช่วยให้คุณไม่เสียเวลาบูตระบบใหม่เมื่อต้องการทำงาน อย่างไรก็ดี สำหรับระบบที่เป็นวินโดวส์ 95, 98 และ Me แม้ว่าจะสามารถ Standby หรือ Hibernate ได้ แต่เนื่องจากระบบเหล่านี้จะลดความเสถียรลงเมื่อทำงานไปนานๆ คุณจึงจำเป็นต้องบูตเครื่องใหม่ทุกวัน เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น เทคนิคนี้จึงอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร
    98 : Me : 2000 : XP

    3. ใช้ฟังก์ชัน DMA กับดิสก์ของคุณ
    ฮาร์ดดิสก์ที่วางขายอยู่ในปัจจุบันนั้น จะผลิตขึ้นบนเทคโนโลยีที่เรียกว่า DMA (Direct Memory Access) ซึ่งสามารถย้ายไบต์ในฮาร์ดดิสก์ไปไว้บนหน่วยความจำได้ โดยไม่ต้องผ่านตัวประมวลผล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นอย่างมาก แต่ว่าในวินโดวส์บางเวอร์ชัน และโปรแกรมสำหรับการติดตั้งดิสก์บางโปรแกรม จะไม่ใช้ DMA ทั้งที่ฮาร์ดดิสก์หรือซีดีรอมไดรฟ์นั้น พร้อมรับการทำงานนี้อยู่แล้ว

    แม้ว่าฟังก์ชัน DMA จะสร้างอยู่ในดิสก์ไดรฟ์ แต่สิ่งที่จะกำหนดว่ามันจะถูกเรียกใช้ทำงานหรือไม่นั้น คือดิสก์คอนโทรลเลอร์ ซึ่งคุณสามารถเข้าไปตรวจดูได้ด้วยการคลิ้กที่ Start / Settings / Control Panel / System / Hardware / Device Manager ตามลำดับ (วินโดวส์บางเวอร์ชันอาจแตกต่างจากนี้ไปเล็กน้อย) จากนั้นดับเบิลคลิ้กที่คอนโทรลเลอร์ IDE ATA/ATAPI เพื่อเปิดมันขึ้นมา ตามด้วยการดับเบิลคลิ้กที่ Primary IDE Channel แล้วเลือกที่แท็บ Advanced Setting

    ถ้าคุณไม่พบแท็บ Advanced Setting มีความเป็นไปได้ว่าคอนโทรลเลอร์ของคุณไม่ได้ใช้งาน DMA ซึ่งในหลายกรณี อาจเป็นเพราะมี Intel Application Accelerator โหลดอยู่ ทำให้แท็บ Advanced Setting นี้หายไป ให้คุณลองเข้าไปที่ Control Panel / Add or Remove Programs เพื่อดูว่ามี Intel Application Accelerator อยู่หรือไม่ ถ้ามีให้ลอง Uninstall ออกไปก่อน (แต่คุณต้องแน่ใจว่าได้ดาวน์โหลด Intel Application Accelerator จาก
    www.intel.com มาสำรองไว้แล้ว) แล้วกลับไปตรวจดู DMA อีกครั้ง
    98 : Me : 2000 : XP

    4. เลือกการแสดงผลที่เหมาะสม
    ถ้ามอนิเตอร์ที่คุณใช้อยู่เป็นจอแบบ LCD คุณไม่มีความจำเป็นต้องเลือกการแสดงผลที่ 32 บิตสี หรือ 24 บิตสี แม้ว่ามอนิเตอร์ LCD เหล่านั้นจะสนับสนุนการทำงานที่ความลึกของสีในระดับดังกล่าวก็ตาม ทั้งนี้เพราะจอ LCD จะไม่สามารถแสดงสีได้ทั้งหมดทุกเฉดสี ดังนั้นการลดความลึกของสีมาที่ 16 บิตสี จะไม่ส่งผลต่อการแสดงผลบนหน้าจอมากนัก แต่มันจะช่วยให้ระบบทำงานน้อยลง และให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่เพิ่มขึ้นอีกมาก

    และไม่ว่ามอนิเตอร์ของคุณจะเป็นแบบ CRT หรือ LCD การแสดงผลที่โหมดความละเอียดสูงๆ จะไม่ส่งผลดีสักเท่าไรนัก (เว้นแต่ว่าคุณมีความจำเป็นต้องการพื้นที่แสดงผลใหญ่ๆ เช่น ใช้แสดงสเปรดชีตขนาดใหญ่) โดยถ้าคุณใช้มอนิเตอร์ 17 นิ้ว การแสดงผลหน้าจอที่โหมดความละเอียดเกินกว่า 1,024 x 768 ขึ้นไป จะทำให้ได้กราฟิกและเท็กซ์ที่มีขนาดเล็ก จนบางครั้งคุณต้องเพ่งจนหน้าแทบจะติดจอ อีกทั้งยังทำให้ระบบของคุณต้องทำงานมากขึ้นตามไปด้วย
    98 : Me : 2000 : XP

    5. หมั่นอัพเกรดไฟล์ DirectX
    หนึ่งในงานที่ท้าทายของพีซี ซึ่งทำงานที่ความถี่ในระดับกิกะเฮิรซ์ก็คือ การรับมือกับเกมหรือการแสดงผลแบบอินเทอร์แอ็กทีฟ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ซอฟต์แวร์เหล่านี้จะพัฒนาขึ้นมาโดยอาศัย DirectX เป็นตัวกลาง และนั่นก็หมายถึงว่า คุณสามารถเร่งประสิทธิภาพในการแสดงผลมัลติมีเดีย หรือวิดีโอได้ ด้วยการหมั่นอัพเดต DirectX ซึ่งคุณสามารถทำได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ (เว้นแต่ค่าบริการอินเทอร์เน็ตของคุณเอง) เพราะไมโครซอฟท์จะให้คุณดาวน์โหลดได้ฟรี โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เว็บไซต์ของพวกเขา (www.microsoft.com/windows/directx)
    98 : Me : 2000 : XP

    6. จัดการกับการโหลดโปรแกรมที่ไม่ใช้แล้ว
    ทราบหรือไม่ว่า เมื่อคุณติดตั้งซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ใหม่ อาจมีผลทำให้มีการโหลดโปรแกรมโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่คุณบูตระบบ และโปรแกรมเล็กๆ เหล่านี้ก็จะเข้าไปแย่งประสิทธิภาพการทำงานของระบบคุณ ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากสูญเสียประสิทธิภาพไปโดยเปล่าประโยชน์ คุณก็ต้องหาทางจัดการกับโปรแกรมเหล่านี้ ซึ่งในวินโดวส์ 98, Me และ XP นั้น จะมียูทิลิตี้ที่เรียกว่า Msconfog.exe ที่ช่วยให้คุณจัดการกับโปรแกรมที่จะโหลดขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อคุณบูตระบบได้

    คุณสามารถใช้ยูทิลิตี้ตัวนี้กับวินโดวส์เวอร์ชันอื่นๆ ได้เช่นกัน แต่ถ้าคุณอยากได้ตัวเลือกที่ดีกว่านั้น เราอยากแนะนำให้ลองดาวน์โหลดยูทิลิตี้ Startup Cop (ไฟล์ startcop.zip) จากเว็บไซต์ของเรา (www.pcmag.com) ไปลองใช้ดู
    98 : Me : 2000 : XP

    7. ติดตั้งวินโดวส์ใหม่
    เป็นวิธีที่ดีสำหรับระบบซึ่งใช้งานมานานหลายปีแล้ว ทั้งนี้เพราะยิ่งคุณใช้งานนานวันเท่าไร (ติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่ หรือท่องเว็บไปมากเท่าไร) ระบบของคุณก็ยิ่งจะช้าลงเท่านั้น อันเนื่องมาจากมันสะสมยูทิลิตี้และไดรเวอร์มากมาย ซึ่งจะโหลดในตอนบูตเครื่อง แต่ไม่มีประโยชน์อะไรกับคุณ (ตัวอย่างง่ายๆ ก็อย่างเช่นพวกสปายแวร์) นี่ยังไม่รวมถึงการที่ไฟล์ถูกจัดเก็บไว้อย่างกระจัดกระจาย และรีจิสทรีของคุณก็โตขึ้นเรื่อยๆ อย่างควบคุมไม่ได้

    การ Uninstall อาจช่วยได้บ้างเล็กน้อย แต่เนื่องจากมันไม่ได้ย้ายทุกอย่างออกไปหมด ไดรเวอร์หรือโปรแกรมบางตัวยังคงถูกโหลดอยู่ ซึ่งการที่คุณจะมานั่งจัดการกับปัญหาเหล่านี้ทีละจุด ก็อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ผิดกับการที่คุณแบ็กอัพข้อมูลสำคัญเอาไว้ แล้วติดตั้งระบบใหม่ ซึ่งจะทำให้คุณได้ระบบที่ใหม่เอี่ยมไร้ปัญหาในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

    การติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่อาจฟังดูเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ถ้าคุณแบ็กอัพข้อมูลสำคัญไว้ทั้งหมด การติดตั้งใหม่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าวิตกอย่างที่คุณคิด ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า คุณต้องไม่ลืมแบ็กอัพไฟล์ หรือข้อมูลสำคัญอื่นๆ อย่างเช่น Favorites ของเว็บ, ชื่อและรหัสผ่านสำหรับล็อกเข้าระบบ หรือเข้าอินเทอร์เน็ต (รวมถึงหมายเลขในการติดต่อ) เอาไว้ ...
    98 : Me : 2000 : XP

    8. ออปติไมซ์สว็อปไฟล์
    เช่นเดียวกับไฟล์ทั่วไป นั่นคือเมื่อมีการใช้งานไปเรื่อยๆ สว็อปไฟล์ก็อาจกระจัดกระจายอยู่ไม่เป็นระเบียบ ซึ่งมันก็จะมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน (แม้ว่าไมโครซอฟท์จะอ้างว่าไม่มีผล แต่จากการทดลองหลายๆ ครั้งของเรา ยืนยันได้ว่ามีผล) ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ คุณไม่สามารถใช้โปรแกรมดีแฟรก เพื่อจัดระเบียบให้กับสว็อปไฟล์ได้ (ทั้งนี้เพราะในขณะที่โปรแกรมดีแฟรกทำงาน สว็อปไฟล์ก็ถูกเรียกใช้งานอยู่เช่นกัน) แต่เราก็มีเทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถจัดระเบียบไฟล์เหล่านี้ใหม่ได้

    เริ่มจากคุณต้องไปยกเลิกการทำงานของสว็อปไฟล์เสียก่อน แล้วดีแฟรกดิสก์ใหม่ จากนั้นจึงค่อยกลับไปเรียกใช้การทำงานของสว็อปไฟล์อีกครั้ง ซึ่งการยกเลิกหรือเรียกใช้สว็อปไฟล์นั้น ทำได้ด้วยการคลิ้กที่ Start / Control Panel / System / Performance / Virtual Memory ตามลำดับ จากนั้นเลือกที่ "Let me specify my own virtual memory settings" แต่ถ้าเป็นในวินโดวส์ 2000 ให้คลิ้กที่ Start / Control Panel / System / Advanced / Performance / Virtual Memory (Change) ตามลำดับ

    ข้อมูลจากหลายกระแสเชื่อว่าการกำหนดขนาดของสว็อปไฟล์ตายตัว จะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของสว็อปไฟล์สูงขึ้น ซึ่งไมโครซอฟท์ก็ไม่เห็นด้วยอีกเช่นเคย อย่างไรก็ดี ถ้าข้ามประเด็นนี้ไป แล้วพิจารณาถึงขนาดของสว็อปไฟล์ที่เหมาะสม แหล่งข้อมูลต่างๆ เหล่านั้นไม่เชื่อว่าการมีขนาดของสว็อปไฟล์ยิ่งมากจะยิ่งดี เพราะถ้าสว็อปไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป จะทำให้ระบบต้องเสียเวลานานขึ้น ในการค้นหาไฟล์ที่ต้องการ โดยขนาดของสว็อปไฟล์ที่เหมาะสม น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 เท่าของหน่วยความจำที่มีอยู่ในระบบ เช่น ถ้าเครื่องของคุณมีแรม 256 เมกะไบต์ คุณก็ควรกำหนดสว็อปไฟล์ไว้ 640 เมกะไบต์
    2000 : XP

    9. ล็อกเคอร์แนลของวินโดวส์ไว้ในแรม
    โดยทั่วไปวินโดวส์มักจะสลับเอาโค้ดของมันออกจากหน่วยความจำ เพื่อให้มีพื้นที่ของหน่วยความจำเหลือพอสำหรับโปรแกรมอื่นๆ แต่เนื่องจากโค้ดของวินโดวส์มักจะเป็นส่วนที่ถูกเรียกใช้งานอยู่บ่อยๆ การสลับมันออกมา อาจทำให้ระบบทำงานช้าลงได้ ดังนั้นมันจึงน่าจะเป็นการดีกว่า ถ้าคุณจะกำหนดให้วินโดวส์ล็อกเคอร์แนลของมันไว้ในแรม ซึ่งคุณสามารถทำได้ ถ้าระบบของคุณมีหน่วยความจำมากพอ (512 เมกะไบต์เป็นอย่างต่ำ)
    คุณสามารถใช้โปรแกรม Regedit ซึ่งจะพบอยู่ในโฟลเดอร์ WinNT สำหรับงานนี้ (การแก้ไขรีจิสทรีเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ ถ้าคุณไม่มีความรู้จริง เพราะนั่นอาจหมายถึงระบบของคุณจะไม่สามารถทำงานได้เลย) โดยเมื่อหน้าต่างของ Regedit ปรากฏขึ้นมา ให้คุณเข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE SYSTEM CurrentControlSet Control Session Manager Memory Management จากกรอบทางซ้าย แล้วคลิ้กที่ DisablePagingExecutive ในกรอบทางขวา จากนั้นคลิ้กที่คำสั่ง Edit / Modify แล้วเปลี่ยนค่าเป็น 1 เสร็จแล้วให้ออกจากรีจิสทรี แล้วบูตระบบใหม่

    98 : Me : 2000 : XP

    10. เพิ่มความเร็วในการท่องอินเทอร์เน็ต
    เมื่อคุณเลือกใช้บริการของ ISP สำหรับเชื่อมต่อเข้าอินเทอร์เน็ต ISP แต่ละรายก็จะให้การเชื่อมต่อเข้าอินเทอร์เน็ตด้วยแบนด์วิดธ์ดังที่โฆษณาไว้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะสามารถเชื่อมต่อเข้าอินเทอร์เน็ตได้ด้วยความเร็วดังกล่าวเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณกำหนดไว้ในระบบของคุณเอง

    สำหรับผู้ที่ใช้การเชื่อมต่อแบบ Dial-up คุณอาจไม่มีทางเลือกในการเพิ่มความเร็ว มากไปกว่าการกำหนดให้โมเด็มเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูงสุด ซึ่งก็ทำได้ด้วยการเข้าไปที่หน้าต่าง Properties ของโมเด็ม แล้วเลือกความเร็วในการเชื่อมต่อที่ 115,200 บิตต่อวินาที

    แต่ถ้าคุณใช้การเชื่อมต่อแบบ DSL บรอดแบนด์ หรือเคเบิลโมเด็ม คุณสามารถรีดความเร็วในการเชื่อมต่อได้อีก ด้วยการปรับเวลาและขนาดของแพ็กเกต ซึ่งเว็บไซต์หลายๆ แห่ง (อย่างเช่น
    www.broadbandreports.com) สามารถช่วยคุณทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อ และแนะนำวิธีในการปรับแต่งให้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น (ว่าไปช้าหรือนิ่งอยู่ที่จุดไหน) ได้โดยใช้ยูทิลิตี้ Tracert.exe ซึ่งมีอยู่ในวินโดวส์ทุกเวอร์ชัน หรือถ้าต้องการการรายงานผลแบบที่ไม่ใช่ศัพท์เทคนิค คุณก็ต้องลงทุนหาซื้อซอฟต์แวร์อย่างเช่น VisualRoute มาใช้ แน่นอนว่าถ้าคุณยอมจ่ายเพิ่ม งานของคุณก็จะง่ายขึ้น เพราะในปัจจุบันนั้น มีซอฟต์แวร์ที่ช่วยออปติไมซ์การเชื่อมต่อให้กับคุณโดยอัตโนมัติวางขายอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Dr.Speed (ราคา 29.95 ดอลลาร์, www.aluriasoftware.com), Turbo Surfer (ราคา 29.95 ดอลลาร์, www.turbo-surfer.com) หรือ webRocker (ราคา 29.95 ดอลลาร์, www.ascentive.com)
    98 : Me : 2000 : XP

    11. เปลี่ยนมาใช้ยูเอสบี 2.0 เหตุเพราะยูเอสบีเวอร์ชันแรกนั้น มีทรูพุตสูงสุดเพียงแต่ 12 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว น้อยกว่าเวอร์ชันใหม่อย่างยูเอสบี 2.0 (มีทรูพุตสูงสุดที่ 480 เมกะบิตต่อวินาที) ถึง 40 เท่า ประกอบกับการที่ในปัจจุบันนั้น อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ล้วนแต่สนับสนุนยูเอสบี 2.0 ทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าคุณยังคงใช้อินเทอร์เฟซแบบยูเอสบี 1.1 อยู่ คุณก็จะทำงานได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็นถึง 40 เท่า แต่ถ้าคุณยอมลงทุนประมาณ 2,000 บาท เพื่อซื้ออะแดปเตอร์ยูเอสบี 2.0 (ซึ่งเป็นการ์ด PCI) มาใช้ คุณก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นชนิดสังเกตได้
    98 : Me : 2000 : XP

    12. ลงทุนกับการซื้อหน่วยความจำเพิ่ม
    ถ้าคุณพอมีเงินเหลืออยู่บ้าง คำแนะนำที่ดีที่สุดในการเพิ่มความเร็วในกับระบบก็คือ หาซื้อหน่วยความจำมาติดตั้งเพิ่ม ทั้งนี้เพราะเมื่อวินโดวส์ใช้งานแรมจนหมด มันจะหันมาใช้เวอร์ชวลเมโมรี (พื้นที่ที่สำรองไว้ในฮาร์ดดิสก์ของคุณ) ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมมีการเข้าถึงข้อมูลที่ช้ากว่าแรมอยู่หลายเท่า ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของระบบลดลง ดังนั้นถ้าในระบบของคุณมีแรมมากขึ้น ความจำเป็นในการใช้งานเวอร์ชวลเมโมรีก็จะลดน้อยลง (คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของการอัพเกรดหน่วยความจำ ได้จากหัวข้อ "อัพเกรดหน่วยความจำ")
    98 : Me : 2000 : XP

    13. ปรับแต่งไบออส
    บริษัทผู้ผลิตพีซีส่วนใหญ่จะซ่อนการตั้งค่าในไบออสไว้ เพื่อลดความเสี่ยงอันอาจเกิดจากตัวผู้ใช้เอง ทั้งนี้เพราะการปรับแต่งไบออสจะต้องใช้ความรู้ทางเทคนิค และผลที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องอะไรที่เล็กน้อยๆ แต่สามารถทำให้ระบบของคุณพังได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของการตั้งค่าที่อยู่ในแท็บหรือเมนู Advanced) ดังนั้นก่อนที่คุณจะลงมือปรับแต่งอะไรในไบออส คุณควรตรวจดูในคู่มือของเมนบอร์ด เพื่อหาวิธีในการรีเซตการตั้งค่าในไบออสกลับไปเป็นเหมือนดีฟอลต์ให้ได้ก่อน (โดยส่วนใหญ่จะเป็นการถอดจัมเปอร์บนเมนบอร์ด) เพราะอย่างน้อย ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น การตั้งค่าตามดีฟอลต์ก็น่าจะช่วยให้ระบบของคุณกลับมาทำงานได้

    การปรับแต่งไบออส สามารถช่วยให้คุณโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำได้ (แต่ก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่เหมือนกัน) หรือคุณอาจเปลี่ยนลาเทนซีของ CAS (Column Address Strobe) เช่น ลดจาก 3 รอบมาเป็น 2 รอบ ซึ่งก็จะอาจช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานของระบบคุณสูงขึ้นได้ (แต่ว่าจะไม่เห็นผลเท่าไรนัก ในการทำงานกับแอพพลิเคชันทางธุรกิจ)
    98 : Me : 2000 : XP

    14. เร่งความเร็วในการแสดงผล
    ถ้าคุณไม่ใช่คอเกมชนิดแฟนพันธุ์แท้ และต้องการเล่นเกมอย่าง Unreal Tournament คุณไม่มีความจำเป็นต้องกังวลในเรื่องนี้สักเท่าไรนัก เพราะประสิทธิภาพในการแสดงผลของระบบในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมานั้น ยังดีมากพอสำหรับการเล่นวิดีโอ MPEG หรือมัลติมีเดียอื่นๆ รวมถึงเกมทั่วไป แต่ถ้าคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบในการเล่นเกม คุณอาจต้องหาซื้อการ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ๆ และหมั่นดาวน์โหลดไดรเวอร์รวมไปถึง DirectX เวอร์ชันใหม่ๆ อยู่เสมอ
    98 : Me : 2000 : XP

    15. เปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่
    การเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ ก็เหมือนกับการถอยหลังจากการซื้อเครื่องใหม่มาหนึ่งก้าว คือคุณไม่ต้องเสียเงินไปกับอุปกรณ์หลายๆ อย่างที่ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของระบบ อย่างเช่น เคส, คีย์บอร์ด และไดรฟ์ต่างๆ โดยเมนบอร์ดในปัจจุบันนั้น จะเป็นแบบ ATX ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้ง ปัญหาจึงไม่น่าจะอยู่ที่การติดตั้ง แต่น่าจะอยู่ที่คุณอาจชอปปิงเพลินจนทำให้ค่าใช้จ่ายสูงถึงขนาดที่สามารถซื้อพีซีเครื่องใหม่ได้  ถ้าเป็นไปได้ ในการเปลี่ยนเมนบอร์ด คุณควรเลือกที่สามารถใช้งานร่วมกับหน่วยความจำที่เร็วขึ้น เพื่อที่จะได้คุ้มค่าต่อการอัพเกรดมากขึ้น อย่างไรก็ดี ถ้าคุณคิดจะเปลี่ยนเมนบอร์ดเพราะต้องการเปลี่ยนแค่ซีพียู ลองตรวจสอบดูคู่มือเมนบอร์ดของคุณก่อน เพราะไม่แน่ว่าเมนบอร์ดของคุณอาจสามารถรอบรับซีพียูรุ่นที่คุณต้องการเปลี่ยนได้

    98 : Me : 2000 : XP

    16. เลิกใช้ Dial-up ถ้าคุณต้องการเล่นเกมออนไลน์, อยากชนะการประมูลบนเว็บไซต์, ไม่อยากที่จะต้องหมุนโทรศัพท์ทุกครั้งที่จะรับ/ส่งอีเมล์ หรือต้องการท่องเว็บได้ในแบบทันใจ การเชื่อมต่อแบบ Dial-up ไม่น่าจะเหมาะสำหรับคุณแน่ ซึ่งทุกวันนี้คุณมีทางเลือกที่ดีกว่าด้วยการหันมาใช้การเชื่อมต่อแบบบรอดแบนด์ ไม่ว่าจะเป็น DSL (Digital Subscriber Line), เคเบิลโมเด็ม หรือการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม อย่างไรก็ดี คุณเองอาจไม่ได้เป็นผู้เลือกทั้งหมด เพราะส่วนหนึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า พื้นที่ที่คุณอยู่นั้น มีบริการแบบไหนเปิดให้บริการบ้าง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×