Special of love:::แผนการรักฉบับพิเศษ - Special of love:::แผนการรักฉบับพิเศษ นิยาย Special of love:::แผนการรักฉบับพิเศษ : Dek-D.com - Writer

    Special of love:::แผนการรักฉบับพิเศษ

    อูซากิกลับเข้าไปในโรงเรียนยามค่ำคืนเพื่อไปเอาสมุดการบ้าน แต่เธอกลับไปเจอชายหนุ่มในดวงใจที่ยืนต่อสู้กับนกยักษ์สีแดงเพลิง!!!

    ผู้เข้าชมรวม

    1,377

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1.37K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ม.ค. 50 / 09:19 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ต้องขอโทษด้วยค่ะ

    คือตอนเอาลง ไม่ได้เช็ค..เรื่องมันเลยไม่จบ

    แล้วต้นฉบับก็หายไปไหนก็ไม่รู้

    เรื่องมันเลยค้างๆคาๆแบบนี้แหละค่ะ      >< !   ไงๆ  ก็ไม่ต้องอ่านก็ได้นะ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Special of love  : แผนการรักฉบับพิเศษ

      ยามค่ำคืนที่เงียบสงัด   สิ่งมีชีวิตน่าจะเข้าสู่ห้วงนิทรา   หากแต่ยังมีอีกหนึ่งที่ยังไม่หลับใหล   ด้วยภารกิจที่ยังไม่สำเร็จ   เรคุมะ   อูซากิ   หญิงสาวอายุ 17 ปี  เรียนอยู่ชั้น ม.5/4 กำลังย่องเข้าโรงเรียนของตัวเองด้วยอารมณ์เสียเป็นที่สุด

      ยิ่งคิดยิ่งอยากจะบ้าตาย   ลืมอะไรไม่ลืม   ดันมาลืมสมุดการบ้านวิชาเคมีของยัยอาจารย์อาบารุ   อาจารย์ที่ถือว่าโหดที่สุดในโรงเรียน    แถมยังต้องส่งวันพรุ่งนี้ก่อนเข้าแถว    นี่ถ้าไม่ถูกขู่ว่าคนที่ไม่ส่งจะให้ขัดห้องน้ำของโรงเรียนทั้งเดือนนะ   เธอจะไม่ยอมมาตะลอนๆในโรงเรียนตอนสี่ทุ่มเป็นแน่

      ร่างบางหยุดอยู่ที่ห้อง ม.5/2 ก่อนจะผลักบานประตูออกช้าๆ   ดวงตาสีน้ำตาลทองเบิกกว้าง

      นั่นมัน   อาคาชิ   เซตะ   หนุ่มหล่อของโรงเรียนคนที่เธอแอบชอบนี่   แต่ที่น่าตกใจมากที่สุด   ไม่ใช่ว่าทำไมเซตะมาอยู่ในห้องเรียนตอนสี่ทุ่มแบบนี้   แต่เป็นนกยักษ์ตัวสูงกว่าสองเมตร  มีไฟสีแดงส้มลุกโชนอยู่ทั่วตัว  ที่กำลังพ่นไฟใส่เซตะอยู่  ดูเหมือนทั้งสองชีวิตจะสู้กันจนไม่ได้สนใจอูซากิเลยแม้แต่นิด

       “กรี๊ดดดดดด!!!!”อูซากิร้องลั่น   เมื่อจู่ๆนกไฟก็พุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว

       


      “นี่   นี่เธอ”

      เสียงเรียกพร้อมกับการแตะเบาๆที่แก้มทำให้เปลือกตาบางปรือขึ้น   ภาพที่ปรากฏอยู่เลือนรางก่อนจะค่อยๆชัดขึ้น   แล้วหัวใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นระรัวอย่างช่วยไม่ได้  เมื่อคนตรงหน้าเป็นเทพบุตรสุดหล่อของโรงเรียนที่เธอเฝ้าฝันว่าจะได้รู้จักมานานกว่าห้าปี

      “เซ  เซตะ”อูซากิพูดเสียงตะกุกตะกัก   พลางมองดูสิ่งรอบข้าง   เธอยังอยู่ในห้องเรียนของเธอ   แต่ตอนนี้นกไฟหายไปแล้ว   เหลือเพียงเซตะ   กับดาบเล่มบางดูคมกริบที่เซตะถืออยู่

      คิ้วเรียวของเซตะขมวดเข้าด้วยกัน”เธอรู้จักฉัน?   ดี   จะได้คุยกันง่าย   รีบปล่อยโคฮาอิใส่ผลึกนี่ซะ   ฉันจะได้กลับซะที”

      “โคฮาอิ?”หญิงสาวทวนคำ

      “ก็นกไฟที่เธอจับไปใส่ในตัวเธอไง”เซตะขึ้นเสียง

      “ฉันไม่ได้จับไปนะ”อูซากิโวย   ลืมไปชั่วขณะว่าคนข้างหน้าเป็นชายหนุ่มที่เธอแอบชอบ”ฉันยืนนิ่งๆของฉัน   แล้วนกบ้าอะไรนั่นมันก็พุ่งตัวเข้ามาหาฉันหน้าตาเฉย    นายนั่นแหละปล่อยให้มันพุ่งมาทำร้ายฉันได้ยังไง”

      พูดจบอูซากิก็ผุดลุกขึ้น   เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซตะจะเป็นคนนิสัยแบบนี้   คงเป็นเพราะเธอเคยเห็นแต่ด้านดีของเขาตอนอยู่กับคนอื่นๆ   เลยไม่ได้มาสนใจนิสัยแย่ๆที่ปรากฏออกมาในวันนี้    เธอเป็นคนจับนกไฟมาใส่ในตัวเองงั้นเหรอ   พูดเป็นเล่น   ชาตินี้ทั้งชาติเธอพึ่งเคยเห็นอะไรเหนือมนุษย์ก็คราวนี้แหละ

      หญิงสาวเดินไปหยิบสมุดที่โต๊ะของตัวเอง   แล้วทำท่าว่าจะกลับ   โดยที่สัญญากับตัวเองไว้ในใจว่าจะไม่เพ้อฝันถึงคนนิสัยแย่ๆแบบนี้อีก   ที่สำคัญประสบการณ์ที่มาเจอกับเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้เธอคงต้องเล่าให้ลูกให้หลานฟังแน่นอน
      “นั่นเธอจะไปไหน”เซตะพูดแล้วคว้าข้อมือของอูซากิไว้

      “โอ๊ย!!   นายจะทำอะไรน่ะ”

      “ฉันสั่งให้กล่อยโคฮาอิออกมา”ชายหนุ่มพูดพร้อมกับบีบข้อมือหญิงสาวแน่นจนเธอรู้สึกชาที่ปลายนิ้ว

      “ก็ฉันบอกว่าฉันไม่ได้เอาโคฮาอิอะไรนั่นไปไงเล่า”อูซากิร้องแล้วสะบัดข้อมือ  หากแต่ไม่หลุดออกจากพันธนาการ   ขอบตาของหญิงสาวเริ่มร้อน”จะบอกให้ก็ได้    ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโคฮาอิน่ะเป็นตัวอะไร  ไม่รู้ด้วยว่าโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตแบบนี้อยู่   และที่สำคัญ   ฉันไม่รู้วิธีจับมัน!!”

      นัยน์ตาของอูซากิพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา   ตอนนี้เซตะปล่อยข้อมือของเธอให้เป็นอิสระแล้ว   ดูเหมือนเขาจะตกใจที่หญิงสาวร้องไห้  

      “ฉันขอโทษ”เขาพูดเสียงเบา”ฉันไม่ได้ตั้งใจ    ฉันคิดว่าเธอได้กลิ่นไอเวทย์ลอยอยู่แถวนี้เลยวิ่งมาดู   แล้วพอเธอเห็นโคฮาอิของฉันเธอก็เลยจับมัน”

      “ที่ - - ที่ฉันเห็น  - - มันเป็นเวทมนต์เหรอ”อูซากิถาม   เป็นครั้งแรกที่เธอสนใจนกไฟที่ชายหนุ่มพูด

      เซตะพยักหน้า”โคฮาอิเป็นนกเวทย์ประจำธาตุอัคคี   เป็นนกประจำตระกูลฉัน   เมื่อวานปู่ของฉันจะย้ายไปอยู่ที่เมืองฮอนงะ(นามสมมติ)   แต่ฉันไม่อยากไป   ปู่ก็เลยให้โคฮาอิกับฉัน    แล้วบอกว่าภายในหนึ่งเดือน   ถ้าฉันสามารถดูแลโคฮาอิได้โดยไม่มีปัญหาแล้วจะยอมให้ฉันอยู่เมืองนี้ต่อ   แต่เมื่อชั่วโมงที่แล้วโคฮาอิดันหนีออกมาฉันก็เลยไล่ตามมันมาจนถึงโรงเรียน   แล้วก็มาเจอกับเธอนั่นแหละ    แต่มันก็เห็นกันอยู่จะๆว่าเธอจับนกฉันไป”

      “บอกว่าไม่ได้จับก็ไม่ได้จับสิ”อูซากิเน้น

      “แล้วฉันจะทำยังไง   ร่างของโคฮาอิพุ่งเข้าตัวเธอแล้วก็หายไปทันที   เรื่องนี้เธอต้องรับผิดชอบ”

      “หา?”
      “คงต้องไปหาข้อมูลที่จะดึงร่างโคฮาอิออกจากตัวเธอ”เซตะทำท่าคิดหนัก”ฉันหาคนเดียวไม่ไหวแน่   เธอจะต้องมาช่วยฉันหา   พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนฉันจะมารอเธอที่หน้าประตูโรงเรียน   ห้ามหนีล่ะ   ไม่อย่างนั้นชีวิตเธอไม่สงบสุขแน่”

       


      หลังจากที่อูซากิถูกคนเกือบทั้งโรงเรียนทักเรื่องดวงตาที่ปูดโปนและดำยิ่งกว่าหมีแพนด้าเนื่องด้วยต้องปั่นงานทั้งคืนรวมไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์งานที่แย่ยิ่งกว่าไก่เขี่ย   อูซากิก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนด้วยใจที่เต้นแปลกๆ   แม้ตอนนี้ความชอบเซตะของเธอแทบจะไม่เหลืออยู่ในจิตใจ    แต่การที่เธอจะเดินออกจากโรงเรียนพร้อมหนุ่มหล่อของโรงเรียนคงเป็นเรื่องที่พูดอยู่ในวงนินทาอยู่นานเป็นเดือนแน่

      “เฮ้!!   ฉันอยู่นี่”เสียงคุ้นหูดังขึ้นทำให้อูซากิหันไปมองตาม   เซตะอยู่ในชุดลำลองใส่หมวกพร้อมกับแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่   ที่ใครๆคงมองไม่ออกว่าเป็นเขา   ชายหนุ่มคว้าแขนอูซากิแล้วลากออกมาจากหน้าประตูโรงเรียน”ฉันกลัวเป็นข่าวกับเธอ   เสียชื่อฉันแย่”พูดจบเซตะก็ออกเดินโดยมีอูซากิเดินตามด้วยความไม่พอใจเล็กๆว่าเป็นข่าวกับเธอมันไม่ดีตรงไหน

      บ้านของเซตะเป็นซอยถัดออกจากบ้านของอูซากิอยู่สองซอย(เอ…  ทำไมก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้)  เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ที่ปลูกต้นไม้เอาไว้เต็มบ้าน   มีกระทั่งสระน้ำที่มีปลาสีสวยๆอยู่เต็มไปหมด   อูซากิถูกปล่อยให้นั่งเก้ออยู่ในห้องรับแขกพักใหญ่แล้วหนังสือกองใหญ่ที่แต่ละเล่มหนากว่าพันหน้าก็ถูกขว้างมาไว้ตรงหน้า

      “อ่านซะ    ดูว่าข้อความไหนที่บอกวิธีการปล่อยร่างสัตว์เทวะออกจากร่างบ้าง”

      พูดจบเซตะเดินออกไปจากห้องโดยที่อูซากินั่งมองหนังสือตรงหน้าตาค้าง    นี่มันไม่ใช่เรื่องของเธอเลยนะ!!!!!

       

      “โอ๊ยยย   ไม่เอาแล้ว”อูซากิโวยลั่นขึ้นในวันหนึ่ง   หลังจากที่ต้องพลิกหน้าหนังสือกว่าร้อยเล่มมาเป็นเวลานาน”ทำไมฉันต้องมานั่งจมปลักอยู่กับหนังสือบ้าๆพวกนี้ทุกเย็นด้วย   ทั้งๆที่ปกติฉันจะเอาเวลาพวกนี้ไปกินขนม   ดูหนัง  ฟังเพลงกับเพื่อนๆ”

      “นี่เธอบ่นเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วฮะ   นั่งเงียบๆแล้วพลิกหาข้อมูลไป   พูดมากอยู่ได้   น่ารำคาญ”เซตะพูดพลางหยิบโมจินมสดมากิน    นี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้อูซากิไม่พอใจ   ก็สั่งให้เธอนั่งอ่านหนังสือ   แต่เขากลับมานั่งดูเธออ่านแล้วทานขนมไปด้วยอย่างกับเธอเป็นรายการทีวี

      “แล้วทำไมนายไม่มาช่วยฉันเล่า”

      “ไม่ว่าง”เป็นคำตอบที่ทำให้อูซากิเดือดปุดๆ    ไม่ว่างเพราะกินขนมอยู่นี่นะ    นี่เธอไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มาเจอผู้ชายประเภทนี้กัน

      “งั้นฉันก็ไม่ว่าง”อูซากิพูดพลางปิดหนังสือลง”ฉันยังมีการบ้านต้องทำ   ไม่มีเวลามาเสียเวลากับนาย”

      เซตะเลิกคิ้ว”เธอจะค้นข้อมูลดีๆหรือจะให้ฉันจับมัดมือแล้วให้เธอใช้เท้าเขี่ยหน้ากระดาษเปิดเอา   ฮึ?”อูซากิคิดอยู่ชั่วอึดใจแล้วตัดสินใจนั่งลงต่อเมื่อเห็นว่าเรื่องที่เขาขู่มาคงทำจริงแน่

      “คุณชายครับ”เสียงแก่ๆดังขึ้นทำให้ดวงตาทั้งสองคู่หันไปมอง   เขาเป็นชายชราวัยเก้าสิบที่มีผมหงอกอยู่ทั่วหัว   ริ้วรอยตีนกาขึ้นอยู่ทั่วใบหน้าบ่งบอกถึงประสบการณ์ที่มีอยู่มากมาย   อูซากิรู้จักชายชราในวันที่สองที่มาค้นหาข้อมูล   เขาชื่อเรชิ   ฟุโทดะ   คนรับใช้ประจำตระกูอาคาชิ”ลุงได้ข่าวของคุณเฮโรแล้วครับ”

      เซตะพยักหน้า”ลุงช่วยส่งข่าวไปบอกลุงเฮโรหน่อยแล้วกันนะครับว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ผมจะไปเยี่ยม   แล้วลุงช่วยเตรียมของ  แล้วจองรถตั๋วรถไฟให้ผมซักสองที่นะครับ”

      ฟุโทดะพยักหน้าแล้วก้มหัวเดินออกไปจากห้อง   อูซากิหันไปมองเซตะด้วยสีหน้างงงวย

      “ใครเหรอ   ลุงเฮโรน่ะ”

      “ไม่ใช่เรื่องของเธอ    อ่านหนังสือไป!!!”

      เผด็จการ!   อูซากิคิดในใจอย่างไม่พอใจก่อนจะหันไปง่วนกับการพลิกหน้าหนังสือดูต่อ

       

      “ไปเคโรน!!(ชื่อเมือง:นามสมมติ)”เรคุมะ โครุกุร้องลั่นห้องอาหารหลังจากที่ลูกสาวคนโปรดมาขออณุญาตไปพักบ้านเพื่อนที่ต่างเมืองอยู่หนึ่งอาทิตย์หลังจากการสอบปิดภาคเรียน   ซึ่งก็คือพรุ่งนี้”ลูกจะไปยังไงจ๊ะ  กับใคร   แล้วมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยรึปล่าว”

      “ไปทางรถไฟน่ะค่ะ   มีผู้ใหญ่ไปด้วยแน่นอน  แม่รู้จักมีมิลเระไม่ใช่เหรอคะ    รายนั้นก็ไปเหมือนกัน   เราไปกันหลายคนค่ะ”อูซากิพูดรัวเนื่องด้วยเธอไม่เคยโกหกแม่มาก่อน   ขอโทษนะคะแม่   แต่หนูบอกความจริงแม่ไม่ได้จริงๆ

      “แต่ทำไมพึ่งมาบอกแม่ล่ะ   แม่จะได้ลางานแล้วไปกับหนู”ก็เซตะพึ่งมาบอกหนูวันนี้เองนี่คะว่าจะไปถามวิธีการปล่อยร่างสัตว์เทวะกับลุงของเขา    ปล่อยให้หนูอ่านหนังสือเป็นนานสองนาน   นี่ถ้าไม่เห็นว่าถ้าไม่ช่วยแล้วหมอนั่นต้องย้ายบ้านย้ายเมืองแล้วทิ้งได้ทิ้งเพื่อนทิ้งฝูงที่รู้จักกันมานานหนูก็ไม่ยอมหรอกค่ะ

      “เอ้อ…    หนูพึ่งรู้ค่ะ”อูซากิตอบตามจริง”พอรู้ข่าวก็รีบมาบอกแม่เลย”

      “ไม่เป็นไรจ๊ะ   เก็บข้าวเก็บของดีๆล่ะ   อย่าลืมอะไรนะ”

      “ค่ะ”อูซากิรับคำแล้ววิ่งขึ้นไปด้านบนเพื่อเก็บของเตรียมออกเดินทาง

      วันรุ่งขึ้น…

      รถไฟเคลื่อนผ่านบ้านเรือนหลายต่อหลายหลังด้วยความรวดเร็ว   แล้วสองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นทุ่งนาและสวนผลไม้ต่างๆ   อูซากิมองสถานที่รอบข้างด้วยความตื่นเต้นเพราะทั้งชีวิตเธอไม่เคยเห็นทุ่งนากับสวนผลไม้มาก่อน   จะเคยเห็นก็แต่รูปในหนังสือ

      ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีทองพาดผ่านเนื่องจากเป็นยามเย็น   จากสวนผลไม้เริ่มกลายเป็นต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นประดับข้างทาง   ดอกไม้หลากสีบานประดับประดาอยู่ประปรายแซมใบหญ้าสีเขียวอ่อนดูงดงาม   แล้วบรรยากาศก็เริ่มเข้าสู่เมืองอีกครั้งเมื่อดูจากแสงไฟของบ้านหลายๆหลัง

      “นี่   หัดอยู่นิ่งๆบนที่นั่งไม่ได้รึไง”ในที่สุดเซตะก็โวยขึ้นมา   เมื่อทนไม่ไหวกับท่าทางของอูซากิ 

      หญิงสาวมุ่ยหน้า   กอดอก”ไม่ได้”

      เซตะเบิกตากว้างเป็นสัญญาณของการตะโกน   ทำให้อูซากิรีบวิ่งไปอีกมุมหนึ่งของตู้รถไฟ   ส่วนมือทั้งสองข้างก็ปิดหูไว้เพื่อกันเสียงที่จะทะลุผ่านเข้ามา   แต่ริมฝีปากได้รูปกลับยิ้มกว้างให้ชายข้างหน้าเหมือนจะแสดงถึงชัยชนะที่เธอหนีออกมาได้ก่อน

      รถไฟเบรคกะทันหันทำให้อูซากิหน้าคะมำ   เซตะคว้าตัวหญิงสาวเข้าหาตัวเองตามสัญชาตญาณเพื่อกันไม่ให้หญิงสาวล้ม   ใบหน้าที่ห่างกันเพียงคืบนั้นทำให้ใบหน้าของอูซากิร้อนผ่าวแล้วรีบผุดลุกขึ้นมายืนทันที

      “ถึงแล้ว”อูซากิเปลี่ยนเรื่องพลางสูดหายใจลึกเพื่อหยุดหัวใจที่กำลังเต้นรัวด้วยความเร็ว   เธอว่าเธอเลิกสนใจชายตรงหน้าแล้วนะ   แต่ทำไมจิตใจเธอถึงได้ยัง…   โธ่เว้ย   แกคิดอะไรอยู่ฮะยัยอูซากิ

      ชายหนุ่มลุกขึ้น   กลอกนัยน์ตามองบ้านเรือนนอกหน้าต่าง”คงต้องพักที่นี่คืนหนึ่งก่อนขึ้นรถไปบ้านลุงเฮโร”พูดจบเซตะก็ยกกระเป๋าขึ้นพาดบ่าแล้วก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจคนที่ใจเต้นรัวอยู่ข้างหลังแม้แต่นิด

      “เฮ้ย!!  เซตะ  รอฉันด้วย”อูซากิร้องสะพายกระเป๋าใบใหญ่แล้ววิ่งตามชายหนุ่มไป

      เมืองเคโรนเป็นเมืองที่มีผู้คนหนาตา   ไม่รู้เพราะอะไรแต่อูซากิคิดว่าจำนวนผู้คนที่เดินเพ่นพ่านอยู่แถวนี้ดูมีมากกว่าจำนวนบ้านที่ปลูกสร้างอยู่   บ้านของที่นี่สร้างแล้วเน้นความกะทัดรัด   จะมีอยู่บางหลังที่มีขนาดใหญ่   แล้วก็มีตึกสูงใหญ่ตั้งอยู่ไม่มาก

      เซตะเดินนำไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง   ซึ่งดูเหมือนจะดูดีที่สุดในเมืองนี้   แล้วข้อสงสัยของอูซากิก็คลายทันทีเมื่อเจอกับแผ่นป้ายแผ่นใหญ่ที่แปะอยู่บนผนังด้านหนึ่งของโรงแรม

      ‘เมืองเคโรนจัดงานฉลองครบรอบ 100 ปี   ขอเชิญแขกทุกคนเข้าร่วมงานที่ใจกลางเมือง’

      หญิงสาวยิ้มกว้าง   จะว่าโชคก็คงใช่   จะว่าดวงดีก็คงใช่อีก   นี่เธอกำลังจะได้เที่ยวงานที่ร้อยปีมีครั้ง   ทั้งๆที่มาเที่ยวเมืองนี้เป็นครั้งแรก   แบบนี้ต้องเที่ยวให้สะใจเลยเชียว   โอ๊ย   ตายล่ะ   เธอไม่ได้เอากิโมโนมาด้วยสิ   น่าเสียดาย…

      “สามหมื่นเยนครับ”พนักงานเช็คบิลบอกเซตะที่หันไปหยิบเงิน   อูซากิกลืนน้ำลาย   พักคืนเดียวสามหมื่น   ดีที่เซตะไม่ได้ให้เธอจ่ายเอง   ไม่งั้นมีหวังต้องไปทำงานล่วงหน้าเป็นปีกว่าจะหาเงินมาจ่ายได้

      “เอ้อ  คุณลุงคะ   เมืองนี้เค้าจัดงานเหรอคะ?”อูซากิถามพลางตีหน้าซื่อ   พอลุงเขาบรรยาสรรพคุณของงานนี้เสร็จแล้วเธอก็จะหันไปชวนเซตะเที่ยว   คราวนี้แหละเธอก็จะมีคนเลี้ยงทั้งงาน

      “นี่หนูไม่รู้เหรอ   ที่ลุงเห็นหนูเดินทางมาถึงนี่ก็นึกว่าจะมาเที่ยวงานนี้เสียอีก   บางคนบินมาจากต่างประเทศเพื่อมาเที่ยวงานนี้เลยนะ   คนที่ไปเที่ยวทุกคนต้องใส่ชุดกิโมโน   แล้วรู้สึกว่ามีร้านค้ามาขายกว่าร้อยร้านเชียวนะ   แต่ละร้านกว่าจะดึงให้มาขายของที่นี่ได้หนักพอดูเชียวล่ะ   เพราะร้านพวกนี้เขาเป็นร้านเก่าๆหรือไม่ก็เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากทำให้ยากต่อการติดต่อ”

      ตามแผน!!!

      “เซตะ   ไปเที่ยวงานกันนะ”

      “ไร้สาระ”คนถูกชวนพูดขึ้นทันที   พลางจ้ำอ้าวขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องพัก

      “น้า  นะ  เซตะ   งานนี้ไม่ใช่ว่าหาดูได้ง่ายๆนะ   ถึงยังไงข้าวเย็นเราก็ยังไม่ได้ทาน   ก็ถือโอกาสไปเปิดหูเปิดตาเลยก็ได้นี่”

      “….”เซตะยังคงเดินต่อไป   โดยมีอูซากิเดินตาม

      “นายไม่อยากเล่นเกมรึไง   นายไม่อยากไปดูของหรืออะไรไปให้เพื่อนๆเลยหรือไง”

      “….”

      “เซตะ   นายจะได้ไปดูผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนสวยๆไง  ส่วนฉันก็จะไปหาอะไรทานอร่อยๆ   เห็นมั้ย   ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”

      “พูดถึงชุดกิโมโน”เซตะพูดพลางหยุดเดินแล้วหันมามองอูซากิ”คนไปเที่ยวงานนี้ต้องใส่ชุดกิโมโนไม่ใช่เหรอ   หรือเธอเอามา”อูซากิชะงัก    ลืมคิด…

      “เดี๋ยวหาซื้อแถวนี้ก็ได้   นะ  เซตะ   ไปด้วยกันนะ”

      “….”

      “นายไม่ไปฉันไปเองก็ได้   ไม่เห็นจะต้องง้อเลย”อูซากิตะโกนเป็นประโยคสุดท้ายก่อนวิ่งออกจากโรงแรมไปทั้งๆที่บนหลังยังคงมีกระเป๋าเป้สะพายอยู่

       

      แล้วนี่เขาบ้าไปแล้วเหรอเนี่ย   ถึงได้ออกมาตามหายัยนั่นแบบนี้   อาคาชิ   เซตะถามตัวเองทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าคงไม่มีเสียงตะโกนตอบกลับมาหรอก   เขานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกรอกมองดูผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาด้วยหวังจะเจอคนที่ตามหา

      ผู้คนเดินผ่านไปเป็นคู่ๆพร้อมร้อยยิ้มสดใส   แต่กลับไม่ได้ทำให้เขาสดชื่นขึ้นแม้สักนิด   ถ้ารู้ว่าผลสุดท้ายตัวเองจะออกมาตามหายัยนั่น   เขาก็น่าจะตกลงที่จะมาเที่ยวพร้อมๆกันซักห้านาทีแล้วค่อยบังคับให้กลับก็ไม่น่าจะมีปัญหา   แล้วถ้าเกิดอูซากิถูกคนขโมยของล่ะ   หรือถูกคนล่อลวง   แล้วเขาจะทำยังไง

      ริมฝีปากของชายหนุ่มเม้มแน่นด้วยความเครียด   ขายาวเริ่มก้าวเร็วขึ้นเป็นสองเท่าด้วยความเป็นห่วงที่ทวีขึ้นเป็นเท่าตัว   แล้วสักพักร่างสูงก็ชะงักกึกเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังยิ้มแย้มให้กับชายแปลกหน้า   แถมไอ้หมอนั่นกำลังจับมืออยู่ด้วย   จับมือ!!!

      “หนูโชคดีขนาดนั้นเชียว?”อูซากิถามซ้ำ  ยิ้มกว้าง   เมื่อหมอดูลายมือกำลังบอกว่าชีวิตของเธอจะสุขสมหวังตามที่หวังไว้

      “ก็เส้นชะตามันบอกแบบนี้นี่นา”หมอดูย้ำ”ดูเส้นวาสนาสิ   เข้มที่สุดเท่าที่ลุงเคยดูมาด้วยซ้ำ”

      “ไหนคะ”หญิงสาวถามพลางก้มลงมองมือตัวเอง   แต่ยังไม่ทันที่เธอจะรู้ว่าเส้นวาสนาอยู่ส่วนไหนของมือ   มือของเธอก็ถูกอีกมือหนึ่งที่แข็งแรงกว่าคว้าไป

      “โอ๊ย!”อูซากิร้อง   เหลือบมองคนทำ   แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว   ที่แท้ก็คนที่บอกว่าเห็นงานนี้ไร้สาระ   แล้วมาทำไมยะ

      “กลับเดี๋ยวนี้”เซตะร้องลั่นเสียจนอูซากิสะดุ้ง

      “นายเป็นอะไรของนายน่ะ   นายไม่อยากมาฉันก็ไม่บังคับ   แล้วทำไมนายต้องบังคับให้ฉันกลับด้วย”

      “ฉันสั่งให้กลับเดี๋ยวนี้”

      “ฉันไม่กลับ”

      “จะกลับหรือไม่กลับ”

      “ก็บอกว่าไม่กลับก็ไม่กลับสิ   กรี๊ดดดดดด”ร่างของอูซากิถูกยกขึ้นเหนือพื้นด้วยฝีมือชายหนุ่ม  หญิงสาวดิ้นรนสุดชีวิต   แต่กลับไม่ทำให้ร่างสูงนั้นเป็นอะไรได้เลยหญิงสาวจึงหยุดนิ่ง   เพราะถึงจะทำไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรบวกกับสายตาหลายคู่ที่มองมาที่เธอยิ่งทำให้เธอนิ่งกว่าเดิม   เซตะหัวเราะในลำคอเมื่ออูซากิหยุดดิ้น   เขาอุ้มเธอไปถึงห้องที่โรงแรมแล้ววางเธอลง

      “เธอนี่หนักชะมัด”เซตะบ่นอุบพลางทิ้งตัวลงบนเตียง

      “ไม่ได้ขอให้นายอุ้มมาซะหน่อย”อูซากิตอกกลับ   จะเอาผิดกับเขาก็ไม่ได้   ก็ที่เธอมีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ก็เพราะเขานั่นแหละ   หญิงสาวจึงหันไปบ่นเรื่องอื่นแทน”นายก็รีบๆออกไปซะสิ   ฉันจะได้เปลี่ยนชุดซะที”

      “…..”คนถูกไล่ปรือเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน   โดยไม่สนใจร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ

      “เฮ้!  เซตะ    ตื่นเดี๋ยวนี้นะ  นายต้องไปนอนห้องนายสิ”อูซากิโวยลั่น   ผุดลุกขึ้นพร้อมกับดึงแขนคนตัวใหญ่กว่าหมายจะให้เขาลุกขึ้นตามคำขอ   แต่กลับไม่เป็นผล “เซตะ   เซตะ”

      “อย่าเรียกได้มั้ย   คนจะนอน”เซตะพูดพลางยกมือขึ้นปิดหู    หญิงสาวมองชายหนุ่มแล้วอมยิ้ม   ตอนเขานอนแบบนี้ก็น่ารักดีนะ   เฮ้ย!  นี่เธอคิดอะไรอยู่   เซตะมานอนห้องเธอแล้วเธอจะไปนอนที่ไหนล่ะ

      “เซตะ!  นายลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ    นายนอนห้องนี้แล้วจะให้ฉันนอนที่ไหนเล่า”

      “ก็นอนด้วยกันสิ”พูดจบ   ร่างบางก็ถูกคว้าขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว  หลังจากนั้นเสียงเอ็ดตะโรโวยวายก็ดังขึ้นพร้อมร่างของชายหนุ่มที่ถูกส่งออกมาจากห้องโดยมีสภาพแย่เต็มที

       

       “เซตะ   เซตะ  รอฉันด้วยยยย”เสียงใสกังวานดังลั่นผืนป่า   ในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของหอบแฮกอยู่บนทางเดิน   ใบหน้าเนียนเริ่มซีด

       “ก็เธอน่ะชักช้าเองนี่”คนถูกเรียกโวย   หันหลังมองหน้าคนเรียกอย่างไม่สบอารมณ์

       “นี่เราเดินมาเป็นกิโล  กิโลเชียวนะ”อูซากิพูดแล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้นโดยไม่สนใจว่ามีฝุ่นเกาะอยู่มากแค่ไหน”ไม่เอาแล้ว   นายไปต่อคนเดียวเถอะ   ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้รอนายกลับมา”

       “อย่าเวอร์ได้มั้ย   พูดอย่างกับฉันจะไปออกรบ” ชายหนุ่มพูดพลางหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมา   อูซากิมองตามแล้วก็เห็นว่ามันเป็นดาบเหมือนที่เธอเคยเห็นตอนเจอกับเซตะกำลังต่อสู้กับนกไฟ   รอยยิ้มของเซตะทำให้หญิงสาวเริ่มหวาดระแวง

       “นายจะ - - กรี๊ดดดดด”ร่างของอูซากิลอยขึ้นแต่ไม่ใช่เพราะเซตะอุ้มเธอเหมือนครั้งก่อน   แต่เธอลอยขึ้นโดยไม่มีอะไรรองซักอย่างเดียว

       “หัดเงียบเสียงซะบ้างสิ   ตั้งแต่ฉันรู้จักเธอนี่ฉันว่าประสาทหูฉันคงเสื่อมไปเยอะแน่เลย”เซตะพูดแล้วออกเดิน   โดยมีร่างของอูซากิลอยตามอยู่เหมือนเงาตามตัว

       “เซตะ  เอาฉันลงเถอะ   ไม่เอาแล้ว    ฉันหายเหนื่อยแล้ว”หญิงสาวขอร้อง  แต่คำขอร้องของเธอกลับไม่เป็นผลเมื่อเซตะไม่หันมาสนใจเธอซักนิด   อูซากิเลยเลือกที่จะเงียบเสียง   อย่างน้อยก็ไม่เหนื่อยล่ะนะ

       เดินไปซักพักร่างของอูซากิก็ถูกปล่อยลง   ตรงหน้าของทั้งสองเป็นน้ำตกสูงกว่าสิบเมตรที่ตกลงมาเป็นเสียงดังสนั่น   รอบด้านเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ที่ดูเก่าแก่ยากแก่การเดาอายุ   เซตะเดินไปหยุดอยู่ที่จุดที่น้ำตกตกลงมา   เขาหลับตาแล้วพึมพำอะไรที่อูซากิไม่เข้าใจสักพัก   ม่านน้ำตกก็แหวกออกเผยให้เห็นถ้ำภายใน   โดยมีชายแก่คนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว

       “ฉันก็นึกว่าเป็นใครที่ไหนที่มาเยี่ยม   ที่แท้ก็แกนี่เอง   เป็นไงสบายดีมั้ย”เฮโรพูดพร้อมรอยยิ้ม  ดวงตาของเขาเปล่งประกายอยู่ตลอดเวลาเหมือนกำลังยิ้มพร้อมกับใบหน้า

       เซตะพยักหน้า”ผมมีเรื่องจะให้ลุงช่วย”

       “อืม…   ฉันรู้แล้วล่ะ   ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้มากนักหรอกนะ   ฉันมันไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเหมือนปู่แก   แต่ฉันพอมีทางแนะนำ   คือให้แม่หนูนั่น   ชื่ออะไรนะ…”

       “อูซากิค่ะ”

       “นั่นแหละๆ   ให้อูซากิลองพยายามสื่อสารกับโคฮาอิดู   บางทีอาจจะรู้วิธีการปลดปล่อยมันออกมาก็ได้”

       “ทำยังไงเหรอคะ”อูซากิถามด้วยความตื่นเต้น   สื่อสารกับสัตว์ที่อยู่ภายในตัว   ใช่ว่าจะเคยเห็นได้บ่อยๆ

       “ไปนั่งตรงนั้น    จนกว่าจะรู้สึกถึงจิตวิญญาณภายใน” 

       “???”

       “อูซากิ”เสียงคุ้นหูที่ปกติมีแต่คำด่าทอ   ตอนนี้กลับเปล่งออกเป็นเสียงออกนุ่มนวลจนคนฟังหันหน้าไปมองยังคนเรียก   แล้วหัวใจก็เต้นระรัวกับสายตาที่ชายหนุ่มทอดมองมา  

       ทำไมเหรอเซตะ...     อยากจะถามไปแบบนี้   แต่คำถามกลับกลืนหายไปในลำคอเมื่อเขาเริ่มก้าวเข้ามาประชิดตัว
       “ฉันรักเธอ”ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว   ริมฝีปากเย็นก็ทาบเข้ากับริมฝีปากบางจนคนถูกจูบหยุดหายใจ   หญิงสาวปรือตาลงความหวาบหวามเริ่มแล่นเข้าสู่ร่างกายจนอยากจะอยู่แบบนี้ไปตลอดกาล  

       “ยัยบ๊อง!!  ทำอะไรของเธอน่ะ”เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง   แต่น้ำเสียงที่ไม่นุ่มนวลเหมือนเดิมทำให้อูซากิลืมตาขึ้น   เมื่อเบื้องหน้าที่คิดว่าจะเป็นใบหน้าของชายหนุ่มกลับกลายเป็นท่อนแขนที่เต็มไปด้วยน้ำลายกับรอยกัดที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครทำ 

       “ฉันถามว่าเธอทำอะไรของเธอ!”เซตะถามอีกครั้ง”นี่ฉันอุตส่าห์จะมาถามข่าวคราวว่ามีความคืบหน้าอะไรบ้าง   แล้วจู่ๆเธอก็มากัดแขนฉันซะจนเป็นรอยแบบนี้น่ะนะ”

       อูซากิยิ้มเหย”ง่า...   ก็เห็นนายฝึกดาบเหนื่อยๆ   ฉันก็เลยช่วยนายทำความสะอาดแขนไง   ฮ่าๆๆๆ”

       บ้า  บ้า บ้าที่สุด!   เหตุผลแบบนี้ใครฟังรู้เรื่องก็บ้าแล้ว   แกคิดอะไรที่มันสมเหตุสมผลกับการไปกัดแขนเขาไม่ได้เลยรึไง

       คนถูกช่วยทำความสะอาดแขนถอนหายใจ   ด้วยขี้เกียจจะเอาความ   แล้วความอยากรู้ก็มีน้ำหนักสูงกว่า”แล้วสรุปที่เธอนั่งอยู่นี่เป็นวันที่ห้าแล้วไม่ได้เห็นอะไรบ้างเลยเหรอ”

       ก็เห็นนายมาบอกรักฉันไง   หญิงสาวตอบในใจแต่กลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ  

       “คุณชายครับ”เสียงเรียกตื่นๆของชายแก่   ทำให้ทั้งสองหนุ่มสาวหันไปมอง       ฟุโทดะเดินฝ่าน้ำตกเข้ามาในถ้ำ   ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำ   อีกทั้งยังสั่นยิ่งกว่าเจ้าเข้าทำให้อูซากิอดหนาวแทนไม่ได้   แต่ดูเหมือนชายชราจะไม่สนใจตัวเองเลยซักนิด”คุณท่านส่งจดหมายมาว่าพรุ่งนี้จะเดินทางกลับบ้าน   ให้คุณชายเตรียมตัวด่วน”

       “แต่ตามสัญญาน่ะ   มันอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์คุณปู่ถึงจะกลับไม่ใช่หรือครับคุณลุง”เซตะถามกลับไป

       “ลุงก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับคุณชาย   แต่ตอนนี้ลุงเตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้แล้ว   เชิญคุณชายกับคุณหนูอูซากิกลับกันตอนนี้เลยแล้วกันนะครับ”คนใช้ประจำตระกูลอาคาชิกล่าวพลางผายมือไปยังทางออกน้ำตก   อูซากิกลืนน้ำลาย   คนตระกูลนี้นี่รวยขนาดไหนกันนะ   มีถึงขนาดเฮลิคอปเตอร์เป็นคันๆ

       “แต่เดี๋ยวผมขอลาลุงเฮโรก่อน”

       “ไม่ต้องหรอก”เฮโรกล่าวเรียบๆ   โดยที่คนอื่นไม่รู้ตัวเลยซักนิดมาเขาเดินมาเมื่อไร”แกไปเถอะเซตะ   ฝากบอกปู่แกด้วยล่ะว่าอย่าเผด็จการมากนัก”เซตะพยักหน้าแล้วเริ่มร่ายมนต์แหวกม่านน้ำตก

       เฮลิคอปเตอร์คันเล็กที่บรรจุคนนั่งอยู่สองคนบวกคนขับอีกหนึ่งคนบินทะยานผ่านฟากฟ้าประเทศญี่ปุ่นกว่าสามชั่วโมง   อูซากิมองฟุโทดะด้วยดวงตาเหลือเชื่อ    เพราะรู้สึกว่าคนใช้ประจำตระกูลอาคาชินี่จะทำได้ทุกอย่าง   เธอยังจำได้ดีกับรสชาติของขนมแสนอร่อยที่คุณลุงเคยทำให้ทานตอนไปหาข้อมูลปล่อยวิญญาณสัตว์เทวะหรือผลงานการตัดแต่งต้นไม้ที่เหนือชั้น  

       “ผมไม่แน่ใจว่าคุณท่านจะเดินทางมาถึงก่อนเวลารึปล่าวถึงได้ไปรับคุณชายตอนนี้   แต่ยังไงก็เตรียมตัวก่อนก็ดีนะครับจะได้ไม่มีปัญหา”ชายชรากล่าวเตือนเมื่อเฮลิคอปเตอร์เริ่มแล่นลงต่ำ”ก่อนอื่นก็คงต้องคิดก่อนว่าจะอธิบายกับคุณท่านว่ายังไงที่คุณหนูอูซากิเดินทางมาพร้อมกับคุณชาย”

       “ทำไมเหรอคะ”อูซากิถามงงๆ

       “ก็คุณท่านไม่อนุญาติให้คุณชายพาเพื่อนเข้าบ้านน่ะครับ   ก็อย่างที่คุณอูซากิรู้   ครอบครัวนี้ใช้เวทย์ได้   ดังนั้นจึงไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครต่อใครรู้”ฟุโทดะอธิบาย

       “งั้นจะทำยังไงดีล่ะเซตะ”อูซากิร้อนตัว”เกิดปู่นายไม่พอใจแล้วเอาดาบฟันคอฉันก็แย่น่ะสิ”

       “ไม่เห็นจะเป็นไร   ฉันก็บอกคุณปู่ว่าเธอเป็นคนรักซะก็สิ้นเรื่อง”เซตะตอบด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน

       “นายว่าอะไรนะ!”คนถูกเรียกว่าคนรักร้องลั่น   แต่ไม่ทันจะได้คำตอบจากชายหนุ่ม   เฮลิคอปเตอร์ก็ร่อนต่ำลงพร้อมกับชายชราเดินออกมาจากบ้านอาคาชิพร้อมด้วยใบหน้าที่อูซากิอยากจะฆ่าตัวตายเสียมากกว่าไปเผชิญหน้าด้วย   เซตะกึ่งลากกึ่งจูงอูซากิออกมาจากเฮลิคอปเตอร์หันไปเผชิญหน้ากับชายชรา  

       “สวัสดีครับคุณปู่”ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ”ท่านยังดูสบายดีเหมือนทุกครั้งนะครับ”

       ชายชราไม่ตอบ   เพราะตอนนี้เขากำลังเพ่งมองไปที่ผู้หญิงที่เดินตามหลานชายมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงไม่ได้สนใจที่จะฟังคำพูดของชายหนุ่ม   ไอเวทย์ของโคฮาอิที่แผ่ออกมาจากตัวของอูซากิรวมไปถึงไอเวทย์ที่เขาคุ้นเคยอย่างประหลาดทำให้ชายชรางงงวย

       “ขอแนะนำให้คุณปู่รู้จัก   เรคุมะ  อูซากิ   ผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วยในอนาคต”เซตะกล่าวขึ้นโดยไม่ยอมให้คนเป็นปู่ออกคำถาม   อูซากิกัดฟันแน่น   ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าปู่นายยืนอยู่ตรงนี้นะนายเซตะ   นายไม่ได้ตายดีแน่   ฉันไปบอกนายเมื่อไรกันว่าจะแต่งงานกับนายยะ

       อาคาชิ   โซคุขยับยิ้มที่มุมปาก   แต่เป็นยิ้มที่เย็นยะเยือกไปถึงไขสันหลัง”ไหนลองพิสูจน์ซิ”

       “คะ?”

       “ฉันบอกให้พิสูจน์ว่าพวกเธอรักกันจริง”

       เป็นคำสั่งที่ทำให้อูซากิใจหายวาบ   เมื่อรู้ว่าวิธีที่ปู่ของเซตะหมายถึงเป็นอะไร   ตอนนี้เซตะหันกลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว   ดูเหมือนเขาทำทุกอย่างได้เพื่อที่จะเอาชนะปู่ของเขา   แต่ดูเหมือนมันจะเป็นวิธีเอาชนะที่อูซากิอยากจะร้องไห้ซะร้อยรอบ ใบหน้าของเซตะเริ่มเคลื่อนใกล้   จนหญิงสาวรู้สึกถึงลมหายใจของชายหนุ่ม   ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นรัวจนรู้สึกเหมือนมันจะทะลุออกมาจากอก

       “ไม่เอาแล้ว!”อูซากิโพล่งขึ้นมาพลางเดินไปอีกมุมหนึ่งเพื่อสงบสติ”คุณปู่คะ   เราไม่ได้เป็นคนรักกันหรอกค่ะ  เพียงแต่นกไฟประจำตระกูลคุณปู่   หรือที่เรียกว่าโคฮาอิอะไรนั่นมันมาอยู่ในร่างของหนู   แล้วตอนนี้พวกเรากำลังหาทางปล่อยมันออกมาอยู่ค่ะ”

       “หึ   ฉันนึกแล้วว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆ”โซคุพูด”คิดว่าฉันไม่เห็นไอเวทย์ที่แผ่ออกมาปกคลุมเธออยู่เหรอ   เอาล่ะ  เซตะเป็นอันว่าแกแพ้พนัน   พรุ่งนี้แกต้องเดินทางไปเมืองฮอนงะกับฉัน   แล้วพาแม่หนูนี่ไปด้วย   เราจะได้ทำพิธีปลดปล่อยซะที”
       ชายชราพูดแล้วเดินกลับเข้าบ้าน   อูซากิหันไปมองเซตะ   เธอไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะโกรธที่เธอโพล่งไปแบบนั้นรึเปล่า  แล้วความสงสัยของเธอก็เป็นจริงเมื่อเซตะเดินผ่านเธอไปแบบไม่สนใจใยดี   ทั้งๆที่ปกติเขาจะชอบบังคับขู่เข็ญสารพัด   แต่พอเขาไม่หันมาสนใจใยดีเธอแบบนี้มันเหมือนกับขาดอะไรไปซักอย่าง

       “เซตะ”อูซากิเรียก   พลางคว้ามือชายหนุ่มไว้   เขาเหลือบมองเธออยู่ครู่หนึ่ง   แล้วก้มลงแกะมือเธอออก”เซตะไม่โกรธน้า”อูซากิพูดอีกครั้งพลางยิ้มกว้าง   น่า…   แผนนี้ยังใช้กับแม่ได้ผลเลย”ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ”

       “….”คนถูกง้อยังคงไม่สนใจคนง้อ   แล้วหันตัวเดินออกไป   หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งเข้าไปขวางหน้า

       “น่า  นะ  เซตะ   หายโกรธน้า   จะให้ฉันทำอะไรก็ได้นะ   แต่อย่าโกรธเลย”

       “ทุกอย่าง?”ชายหนุ่มทวนคำ

       “อื้อ   ทุกอย่างเลย”อูซากิตอบทันที   แล้วก็ต้องหันมาเสียวสันหลังวาบเมื่อเห็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดขึ้นจากใบหน้าของเซตะ   ….แถวนี้มีเครื่องเปลี่ยนคำสัญญาบ้างรึเปล่าเนี่ย

       

       “คุณหนู   คุณหนูอูซากิ”เสียงเรียกดังก้องกังวาลเรียกเจ้าของชื่อให้ปรือหนังตาขึ้นด้วยความง่วงงุน   แล้วความง่วงก็หายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้าเป็นคู่หญิงชายที่หน้าตาดีและแปลกที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น

       ผู้ชายเป็นคนที่มีเรือนผมและดวงตาสีแดงเพลิง   นี่ยังไม่รวมถึงอาภรณ์ที่เป็นชุดสีแดงสดแสบตา  แต่ใบหน้านั้นกลับคมเข้มดูหล่อเหลา   และอีกหนึ่งคนเป็นหญิงสาวที่มีดวงตาสีฟ้าใสกับเรือนผมสีน้ำเงินเข้ม   เธอสวมอาภรณ์สีฟ้าขาวที่เข้ากับใบหน้าเนียนใสผุดผ่อง   เมื่อชายหญิงคู่นี้ยืนคู่กันแล้ว   ดูจะเหมาะสมกันเสียยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก

       “พะ  พะ  พะ…”อูซากิพูดไม่ออก   ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงให้ฟังดูไม่น่าเกลียดที่สุด

       “คุณหนูไม่ต้องกลัวค่ะ   ตอนนี้พวกเรากำลังสื่อสารกับคุณหนูทางจิตอยู่”หญิงคนนั้นกล่าว”ก่อนอื่นคงต้องแนะนำตัว   ฉันชื่อเรนะ   เป็นสัตว์เทวะประจำกายของคุณหนู”เรนะโค้งตัวลงแล้วหันไปทางชายข้างๆ”ส่วนนี่โคฮาอิ   คุณหนูคงรู้จักแล้ว  เขาคือนกไฟที่พุ่งไปหาคุณหนูเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน” อูซากิพยายามทำใบหน้าให้ตัวเองรู้เรื่องมากที่สุด   แล้วเปล่งคำถามที่ตัวเองอยากรู้ที่สุดขึ้นมา

       “แล้วมาบอกให้ฉันรู้ทำไมเหรอ…  คะ”หญิงสาวยังคงวางตัวไม่ถูก   คงไม่ได้มาขอให้เธออุทิศส่วนกุศลไปให้หรอกนะ

       “คือฉันอยากจะมาสารภาพกับคุณหนู”

       “ช่วยเรียกอูซากิจังให้หน่อยนะคะ   แบบว่าเรียกคุณหนูแล้วมันขนลุก”อูซากิแทรกขึ้น   เรนะอมยิ้ม

       “ค่ะ   ฉันอยากจะมาสารภาพที่ต้องทำให้อูซากิจั%A

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×