ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กามเทพเบี่ยงรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.86K
      14
      8 ต.ค. 56


    บทที่ 3
     

    ปาวิการณ์ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ด้วยหน้าตาบูดบึ้ง อารมณ์ค้างมาตั้งแต่ตอนบ่ายของเมื่อวาน จนผ่านมาถึงเช้าอีกวันก็ยังไม่หายหรือรู้สึกผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย นั่งทำงานด้วยความว้าวุ่นเพราะคิดไม่ตก ความรู้สึกกลัดกลุ้มในใจก่อเกิดจนกระทั่งรู้ตัวว่าทนนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องทำงานไม่ไหว เดินออกมาสอบถามนัดคนไข้ แต่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่พยาบาลหน้าห้องว่า วันนี้วันหยุดคุณหมอนี่ค่ะการเป็นที่เธอเป็นหมอทั่วไป ทำให้เธอสามารถที่จะมีเวลาหยุดหรืออย่างน้อยถ้าอยากพักเธอก็แลกเวรกับคุณหมอท่านอื่นได้ วันนี้แม้จะตรงกับวันหยุดของตนแต่ภาวะตึงเครียดในปัญหาบางอย่างกลับทำให้คุณหมอสาวลืมเสียสนิท ช่วงขาเพรียวยาวก้าวแบบใจลอยมาจนถึงดาดฟ้าของโรงพยาบาลที่จัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆ เอาไว้ให้นั่งเล่นเพลินๆ พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างสูงที่ดูคุ้นเคย แม้จะเห็นแค่เพียงเบื้องหลังเพราะอีกฝ่ายยืนกอดอกหันหน้าออกไปยังระเบียงขอบกั้นของดาดฟ้าแต่ปาวิการณ์ก็จำได้ชัดเจนว่าเป็นใคร ลักษณะท่าทางอย่างนี้หล่อนไม่น่าจะเดาพลาด

    ลมแรง แดดแรง แต่ร่างสูงนั้นก็ยังไม่ขยับตัว ยังคงยืนนิ่งเหมือนใช้ความคิด แม้จะมีใครก้าวเข้ามาหยุดยืนมองอยู่เบื้องหลังแต่ร่างสูงนั้นก็ยังคงไม่ไหวติง

    ปาวิการณ์ทอดสายตาเหม่อมองออกไปยังร่างสูงของคนตรงหน้าอยู่เงียบๆ  แดดอ่อนในยามเช้าแรงจัดจนเธอต้องรี่ตาลงขณะก้าวเดินไปยังเก้าอี้นั่งเล่นที่จัดไว้ให้นั่งพัก อย่างน้อยตรงนี้ก็ยังมีเงาของตึกที่ทอดออกมาให้ได้ใช้เป็นที่หลบแดดนั้นบ้าง แดดร้อนก็จริงแต่ก็ไม่ได้ทำให้ปาวิการณ์เปลี่ยนใจกลับเข้าตัวตึก ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนที่นั่ง ยกมือขึ้นกอดอก พุ่งสายตาไปยังร่างสูง ไม่คิดจะเอ่ยเรียก รอให้อีกฝ่ายรู้ตัวก่อนแล้วค่อนเอ่ยทักเขาก็ยังไม่สาย ส่วนตอนนี้หล่อนเพียงแค่นั่งจับสังเกตเขาไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ

    ไม่นานนักร่างสูงของคนเบื้องหน้าก็หันกลับมา ปาวิการณ์เห็นว่าเขาขมวดคิ้วเป็นเชิงแปลกใจ ก่อนจะส่งรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนเช่นทุกครั้งมาให้ตน

    หล่อนขยับตัวเล็กน้อย เมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ จึงเอ่ยทัก

    สวัสดีค่ะพี่หมอสรรพนามนี้หญิงสาวมักใช้เรียกเขาก็ต่อเมื่ออยู่ในเวลาปฏิบัติงานเท่านั้น หล่อนยกมือไหว้ตามมารยาทที่ดีงาม เห็นคนเป็นพี่หมอยกมือรับไหว้เสร็จ หมอสาวจึงเอ่ยปากต่อ มายืนบิ๊วอารมณ์อะไรอยู่คนเดียวคะ บนนี้แดดออกจะแร๊งแรง

    แล้วเราล่ะ เป็นสาวเป็นนางไม่กลัวแดดเหมือนสาวๆ คนอื่นเขาบ้างหรือไงอดิรุธย้อนกลับ

    คนเป็นสาวเป็นนางส่ายหน้าดิก

    ก็เป็นบางครั้งค่ะหญิงสาวให้เหตุผล โดนแสงแดดเสียบ้างร่างกายจะได้แข็งแรง

    อดิรุธเลิกคิ้ว เหมือนอย่างเช่นวันนี้

    ค่ะ เหมือนอย่างที่พี่รุธเองก็ทำนั่นแหละค่ะหญิงสาวย้อนกลับบ้าง

    แดดตอนเช้าๆ แบบนี้ดีต่อสุขภาพหมอหนุ่มเริ่มอธิบายในศาสตร์ที่ตนนั้นเชี่ยวชาญ ช่วยให้ร่างกายของเราได้รับวิตามินดี ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ที่จะสลายแคลเซียมออกจากกระดูก แล้วช่วยสร้างสารออสธีโอเคลซิน ที่ดึงแคลเซียมเข้ามาในกระดูก ช่วยในการป้องกันโรคกระดูกพรุนได้นะ

    เฮ้อ แก้ตัวน้ำขุ่นๆ อย่างพี่หมอนี่นะจะมายืนตากแดดเพื่อสุขภาพปาวิการณ์แอบบ่นพึมพำกับตัวเอง

    ปาว่าอะไรนะ อดิรุธไม่ได้ตั้งใจฟังจึงได้ยินไม่ถนัด

    อ้อ เปล่าค่ะ ปาไม่ได้ว่าอะไรหมอสาวยิ้มกลบเกลื่อน วันนี้พี่หมอไม่มีคนไข้หรือค่ะหรือว่าเพิ่งจะออกเวร เปลี่ยนเรื่องคุยเสร็จสรรพ จนคู่สนทนาเกือบเปลี่ยนโหมดตามไม่ทัน

    อดิรูธพยักหน้ารับแทนคำตอบ ขณะที่คนถามเกิดประกายความคิดบางอย่างขึ้นมาอย่างเงียบๆ

    ออกเวรแล้วก็น่าจะรีบกลับไปพักผ่อนที่บ้านนะคะ มายืนเสียเวลาตากแดดทำไมกันละค่ะ

    พี่แค่มายืนพักสมอง ไม่ได้มายืนตากแดดให้เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังเล่นหรอก

    คนฟังทำสีหน้า ชิ! ไม่ค่อยรื่นหูกับประโยคคำตอบที่ไม่ค่อยจะตรงคำถามจากคนเป็นพี่เขยสักเท่าไหร่ แต่พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ

    พักสมองหรือคะ อืม...สีหน้าคนพูดเปล่งประกายขึ้น ถ้างานหนักมาก ก็หาเวลาไปพักผ่อนบ้างสิค่ะ หยุดงานสักวันสองวันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ขืนพี่รุธมัวแต่ทำงานหนักแบบนี้ พี่ปลายของปาก็เฉาตายอยู่บ้านคนเดียวน่ะสิคะ

    หล่อนอุตส่าห์ใช้คำว่า เฉาตาย ซึ่งในความเป็นจริงมันแสนจะห่างไกลจากตัวพี่สาวของเธออยู่มากมาย แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ หล่อนไม่มีวิถีทางอื่นที่จะเสี้ยมให้สามีภรรยาคู่นี้เป็นเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่นได้เลย คิดแล้วก็ได้แต่หม่นเศร้าในใจอยู่เงียบๆ กับความสัมพันธ์ที่สุดแสนจะน่าอึดอัดใจของคนคู่นี้

    ตั้งแต่แต่งงานกันมา พี่รุธกับพี่ปลายยังไม่ได้ไปฮันนีมูนกันเลยนี่ค่ะ ว้า...สรรพนามที่ใช้เรียกอีกฝ่ายนั้นเปลี่ยนไปเมื่อเริ่มคุยถึงเรื่องของครอบครัว คนพูดทำเสียงเศร้าสร้อยต่อ อาทิตย์นี้ไปเลยไหมค่ะ ลาพักร้อนไปเลย วันก่อนพี่ปลายยังแอบบ่นอยู่นะคะ ว่าพี่รุธไม่มีเวลาให้เลย พยายามสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนสิ่งที่เห็นมีเพียงภาพที่บ่งบอกถึงคำว่า เฉยเท่านั้นที่ปรากฏ อาการร้อนในอกของปาวิการณ์พุ่งปรี๊ดๆ เมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่เขยนั้นก๊อปสีหน้า เฉย ของคนเป็นพี่สาวเธอมาแป๊ะ

    อดิรุธนิ่งเงียบ เจอคำพูดนี้เข้าเล่นเอาเขาไปไม่ถูก แต่ก็ยังรู้สึกว่าเขายังควบคุมมาดนิ่งเย็นชาของตนเองได้ดี แอบสะดุดใจกับคำว่า เฉาตายเล็กน้อยแต่พอคิดถึงสีหน้าของผู้เป็นภรรยาของตนแล้วก็ส่ายหัว ปลายนภานั้นนะเหรอจะเฉาตายเพราะเขา ไม่มีทางเสียหรอก ท่าทางที่หล่อนแสดงออกให้เห็นตอนเผชิญหน้ากันทุกเช้าบนโต๊ะอาหาร เขารับรองได้ว่าภรรยาของเขายังห่างไกลจากคำว่า เฉาตาย เป็นแสนล้านโยชน์

    หรือว่างานยุ่งมาก จนลาไม่ได้คะปาวิการณ์รุกต่อ

    พี่มีเคสคนไข้ที่ต้องดูแลน่ะ

    อ่ะ แหม...พูดซะน่าฟังเชียวค่ะ ปาวิการณ์อดปากไวไม่ได้ จะปฏิเสธว่างั้นเถอะหล่อนลอยหน้าถาม ในขณะที่คนถูกถามเพียงแค่ยิ้มบางๆ ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดที่จงใจกระแหนะกระแหนจากอีกฝ่าย

    เปล่าครับหมอหนุ่มเอ่ยแก้ความเสียงนุ่ม พี่พูดตามความเป็นจริง

    โอ๊ย...ข้ออ้างชัดๆ ปาวิการณ์แอบเถียงในใจ หล่อนพยายามต้อนแต่อีกฝ่ายดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะจนมุมเลยแม้แต่น้อยนิด ภาพในวันก่อนผุดขึ้นมาในหัว รอยยิ้มปาวิการณ์จึงยักขึ้น ดูสิว่าเรื่องนี้จะหาข้ออ้างอย่างไรให้หลุดพ้นอีกได้

    แต่ปาว่าช่วงนี้พี่รุธดูจะว้างว่างออกนะคะ เห็นมีเวลาไปนั่งจิบกาแฟยามบ่ายกับคุณหมอแผนกสูติแทบจะทุกวัน น้ำเสียงที่ถามนั้นออกจะห้วนจนอดิรุธต้องเลิกคิ้ว สงสัยในคำพูดของน้องสาวภรรยา

    ใครกันคำพูดนั้นเอ่ยออกมาเหมือนจะถามย้อนความทรงจำของตนเองมากกว่า แต่ปาวิการณ์ยังได้ยินและเร็วกว่า

    ก็คุณหมออารดา ยังไงล่ะค่ะ

    อ้อทีนี่ดูเหมือนเขาจะนึกออก ครั้นพอจะอธิบาย เสียงดนัยก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

    รอนานหรือยัง ป่ะ ฉันจองโต๊ะไว้แล้วดนัยเอ่ยเร่ง โดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นว่ายังมีบุคคลอื่นอีกที่นอกเหนือจากอดิรุธยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ให้รีบเลย เดี๋ยวรถติด

    อดิรุธหันกลับไปพยักหน้าตอบรับให้เพื่อนสนิท ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับหญิงสาวที่กำลังยืนกอดอกหันหลังทำหน้านิ่ง ไม่คิดแม้แต่จะหันไปมองหรือทักทายเจ้าของเสียงที่กำลังเอ่ยเร่งเร้าคู่สนทนาของตนอยู่แม้แต่น้อย

     

    ปลายนภาถึงกับสำลักกาแฟที่กำลังดื่ม รู้สึกคันคอจนต้องไอออกมาติดต่อกัน ก่อนจะหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มติดๆ กันหลายครั้ง

    ใจเย็นๆ ค่ะคุณน้องน้ำเสียงของคนตรงข้ามแลดูจะเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกันนั้นก็รีบยื่นกระดาษทิชชูมาให้ ปลายนภารีบรับมาปิดปากพร้อมกับอาการไออีกสองสามครั้งติดกัน

    เป็นไงดีขึ้นไหม

    คนถูกถามพยักหน้ารับ หลังจากที่วางแก้วเปล่าที่ดื่มน้ำจนหมดเกลี้ยงลงบนโต๊ะ ได้ยินเสียงเรียกพนักงานในร้าน ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเปล่าแก้วใหม่ที่ยื่นมาตรงหน้าของเธอ

    มือบางเอื้อมไปรับไว้ ขอบคุณค่ะพี่หนูต่อเสียงไอค่อกแค่กตามหลังคำพูดนั้นมาอีกหลายครั้ง คนถูกเรียกว่าพี่หนูต่อสบตากับคนนั่งข้างๆ ก่อนจะส่ายหน้าออกมาพร้อมๆ กัน

    เฮ้อ...พวกพี่พูดแทงใจดำแค่เนี้ย ถึงกับสำลักกาแฟกันเลยทีเดียวหนูติ่งเอ่ยออกมาบ้าง ทีนี้คนที่กำลังยกน้ำแก้วใหม่ขึ้นดื่ม ถึงกับรีบวางแก้ว โบกมือปฏิเสธคำพูดของอีกฝ่ายทันที

    แค่ก ๆ ไม่ใช่นะค่ะ มันไม่ใช่อย่างที่พวกพี่เข้าใจกันเลยนะคะ

    แต่น้องปาบอกพวกพี่มาอย่างนี้นี่คะคนนั่งตรงข้ามรีบเอ่ยท้วง

     ทีนี่ปลายนภาจึงรู้ตัวคนที่เป็นต้นตอของความคิดแผลงๆ เหล่านี้

    ยัยปาไปเล่าอะไรให้พี่หนูติ่งกับพี่หนูต่อฟังค่ะ แล้วทำไมอยู่ๆ พี่สองคนถึงเอาหนังสือพวกนี้มาให้ปลายรู้สึกว่า หู ตา จมูก ของตัวเองกำลังแดงซ่านอย่างไม่รู้สาเหตุขณะที่เหลือบไปมองยังกองหนังสือหลายๆ เล่มที่ตั้งวางอยู่ตรงหน้า

    คุณน้องปาไม่ได้เล่าอะไรมากหรอกค่ะ ก็เรื่องสัพเพเหระทั่วไป หนูติ่งเป็นคนตอบ

    แค่เรื่องสัพเพเหระปลายนภาไม่ค่อยแน่ในใจนัก เรื่องสัพเพเหระมันเกี่ยวอะไรกับหนังสือพวกนี้ด้วย ยิ่งเห็นชื่อแต่ล่ะคอลัมน์ในหน้าปกหนังสือแล้วปลายนภาก็ถึงกับขนลุกซู่

    ใช่จ้ะ เรื่องสัพเพเหระ ประเภทผัวเมียล่ะเหี่ยใจ หรือเสพสมบ่มิสม อะไรทำนี้นี่แหละสองสาวเทียมหันไปหัวเราะคิกคักให้กัน ในขณะที่ปลายนภาถึงกับร้อง ห๊าอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยิน

    ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะน้องปลายหนูต่อโบกมือปักความกลัดกลุ้มออกให้คนตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์ เดี๋ยวพี่หนูต่อกับหนูติ่งจะช่วยเองค่ะ

    ช่วย ช่วยเรื่องอะไรกันคะ

    ปลายนภาดึงสติกลับมาได้อีกครั้งก็รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน ยิ่งเห็นสายตาเจ้าแผนการอย่างหนูต่อกับหนูติ่งเปล่งประกายแปลกๆ หล่อนก็ยิ่งส่ายหน้าเร็วขึ้นไม่นะคะ ปลายไม่เอาด้วยหรอก

    ไม่ต้องอายหรอกค่ะ เรื่องอย่างนี้มันเป็นธรรมชาติมากหนูติ่งปลอบ แล้วหนูต่อก็รีบเสริม

    ใช่ค่ะ เบสิ้ก เบสิก อย่าไป วอรี่ ค่ะ ชีวิตคู่น่ะ ถ้าจะให้มันซาบซ่านไปเรื่อยๆ จะอาศัยธรรมชาติของคนสองคนผัวเมียอย่างเดียวมันไปไม่รอดหรอกค่ะ มันจะต้องใช้เครื่องมือช่วย

    คะ...คะ...เครื่องมือช่วยยิ่งฟังเรี่ยวแรงของปากบางนั้นก็ยิ่งอ่อนยวบลง ปลายประสาทที่เชื่อมต่อริมฝีปากของปลายนภาเกิดล้มเหลวจนถึงขั้นติดอ่าง มะ...ไม่ต้องใช้เครื่องมือหรอกมั้งค่ะฝืนยิ้มแหยๆ ด้วยใบหน้าที่แดงซ่านขึ้นทุกขณะ อยู่ดีไม่ว่าดี ดันโดนเรียกตัวออกมาพบกะทันหัน หล่อนก็รีบออกมาพบด้วยความดีใจหลังจากที่ไม่ได้เจอะเจอพี่คนสนิททั้งสองคนมาเกือบปี หลังจากที่ทั้งสองคนไปเป็นดีไซน์เนอร์ที่โด่งดังอยู่ถึงปารีสประเทศฝรั่งเศสโน้น ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็ตอนที่เธอบินไปตัดชุดแต่งงานนั่นแหละ รีบออกมาพบหวังว่าจะมาสังสรรค์เฮฮาเหมือนอย่างที่เคยทำทุกครั้งที่เจอกัน แต่ที่ไหนได้ ครั้งนี้มันดันผิดแผกจากที่เคยเป็นมา เริ่มตั้งแต่หล่อนหย่อนก้นตัวเองลงบนเก้าอี้ได้สำเร็จ สองชายหัวใจสาวก็ร่ายยาวถึงแต่เรื่องชีวิตคู่ของเธอ ต่อด้วยอาการเห็นใจที่แสดงออกมาอย่างต่อเนื่องกับชีวิตสมรสที่ดูจะไม่ราบรื่นเอาเสียเลยของเธอและอดิรุธ ต่อมาที่เธอตกใจมากที่สุดก็ตรงที่ทั้งสองสาวเทียมยกกองหนังสือกองหนึ่งมายื่นให้ตรงหน้า บอกว่าเป็นนิตยสารส่งเสริมความรักความเข้าใจ เพื่อให้ชีวิตรักและสถาบันครอบครัวยั่งยืนอะไรทำนองนั้นนั่นแหละ ปลายนภาจึงสำลักกาแฟที่กำลังยกขึ้นดื่ม

    ปลายกับคุณหมอเราแฮปปี้ในชีวิตคู่ดีค่ะหญิงสาวยิ้มกว้างกลบเกลื่อน พยายามหาข้อแก้ตัวให้คนที่หวังดีทั้งสองคนได้สบายใจและถ้าจะให้ดีก็ให้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะช่วยแก้ปัญหาชีวิตคู่ให้หล่อนเลยได้ยิ่งดีเราสองคนเข้ากันได้ดีทุกอย่าง

    รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วยเหรอหนูติ่งกับหนูต่อถามขึ้นพร้อมกัน และปลายนภาก็ถึงกับแข็งค้างไปทันที เอ่อ จะให้หล่อนตอบว่าอย่างไรดีล่ะ เรื่องบนเตียงนั้นจะดีหรือไม่ดีหล่อนเองก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ณ ตอนนี้ และในอนาคตก็ยังคงไม่มั่นใจว่าจะหาคำตอบได้หรือเปล่าอีกเช่นกัน

    สองสาวเทียมเห็นท่าทีของคนตรงหน้าแล้วก็พยักหน้าเหมือนรู้ให้แก่กัน รู้สึกมั่นใจในสิ่งที่ปาวิการณ์เล่าให้ฟัง ชีวิตครอบครัวของปลายนภามีปัญหาอย่างที่พวกเขาทั้งสองคนรับรู้มา

    ปลายนภารูสึกหมุนติ้วในหัว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสองคนนั้นตีความอาการแข็งค้างของหล่อนว่าอย่างไร

    เอาไปหนังสือหลายเล่มถูกผลักมาตรงหน้า หนูต่อเองเป็นคนลงมือ ในขณะที่หนูติ่งก็เอ่ยสมทบ

    คุณน้องจำเป็นต้องใช้มัน

    ปลายนภาร้อนก้นขึ้นทันที มันไม่ได้เป็นอย่างที่ยัยปาเล่าเลยนะคะยกมือขึ้นมาโบกปฏิเสธ ปลายกับคุณหมอเราเข้ากันได้ทุกเรื่องจริงๆ ค่ะหล่อนหยุดหายใจเล็กน้อยก่อนกัดฟันพูดต่อ ส่วนเรื่องบนเตียงเราก็เข้ากันได้ดี ดีมากๆ ด้วย คุณหมอน่ะเห็นว่าเงียบๆ ขรึมๆ แบบนั้นแต่พอเวลาอยู่บนเตียงก็ไม่ได้เงียบๆ ชืดๆ อย่างที่เห็นแค่ภายนอกหรอกนะคะ

    อุ๊ย...สองสาวเทียมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองพร้อมกัน ดวงตานั้นเบิกกว้าง พูดแบบนี้ คุณน้องปลายกำลังจะบอกว่า...

    ค่ะ เวลาอยู่บนเตียง คุณหมอทั้งเซ็กซี่ ทั้งร้อนแรงอย่าบอกใครเลยค่ะ

     

    พรวดดด!

    กาแฟที่กำลังยกขึ้นดื่มถึงกับพุ่งพรวดออกจากปากแทบจะไม่ทัน ดนัยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เกือบจะสำลักกาแฟที่ยกขึ้นดื่มตามเพื่อนเช่นกัน ชายหนุ่มค่อยๆ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างช้าๆ และเบามือให้มากที่สุด ตอนนี้ไม่อยากแม้แต่จะหายใจเพราะกลัวว่าเสียงลมหายใจของเขาจะไปทำลายความนิ่งเงียบที่เกิดขึ้นกับคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน ดนัยไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำอะไรดีไปมากกว่านี้ เห็นสีหน้าท่าทางของอดิรุธที่วางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะด้วยท่าที เฉ้ยเฉยกว่าปรกติ นั่นแสดงว่าไม่ เฉ้ยเฉยอย่างที่เห็นด้วยตาเปล่าอย่างแน่นอน บรรยากาศในร้านกาแฟดูเหมือนจะมีพายุทอร์นาโดเกิดขึ้นเสียแล้วสิ

    ได้ยินกลุ่มสนทนากลุ่มนั้นยังคงดำเนินต่อไป ตอนนี้ดูเหมือนจะได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากก่อนหน้านั้นแล้ว เสียงหัวเราะนั้นสนุกสนาน ทั้งกลุ่มดูเหมือนจะไม่รู้ว่าภายในร้านกาแฟแห่งนี้ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ก่อนหน้าตนเองได้พักใหญ่แล้ว คงยังไม่ทันได้สังเกตเพราะพวกเขานั่งอยู่ตรงมุมเสาพอดี

    ดนัยกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ลงคอ แอบประเมินสีหน้าของเพื่อนสนิทและพยายามจะหาคำตอบ นั่งนิ่งแบบนี้ มันคิดอะไรของมันอยู่วะดนัยตั้งคำถามอยู่ในใจ สักพักก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้กับประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน เวลาอยู่บนเตียง คุณหมอทั้งเซ็กซี่ ทั้งร้อนแรงอย่าบอกใครเลยค่ะ

    ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆเสียงหลุดหัวเราะของดนัยทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในร้านหันมามองเป็นตาเดียวกัน และหนึ่งในนั้นก็มีสายตาของปลายนภารวมอยู่ด้วย

     


     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×