ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    INFINITE #LeadNam : I’m Not him เพราะผมไม่ใช่เขา -End-

    ลำดับตอนที่ #2 : ความผิดหวัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 902
      7
      24 เม.ย. 57

     

     

    -2-

     

    ความผิดหวัง

     

     

     

    ตั้งแต่เช้ามาแล้วที่คิมซองกยูดูหงุดหงิดงุ่นง่านรำคาญใจมากกว่าปกติ ผมหาสาเหตุไม่พบจนกระทั่งได้มาเห็นรอยแดงเป็นจ้ำบนคอของลีซองยอล และอาการพะเน้าพะนอที่มากเกินปกติของคิมมยองซู

     

    ฮยอง โอเคมั้ย? ผมถามเพราะหวังดี มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ความรู้สึกของเขา

     

    ถึงจะคบกันมานานแล้ว แต่มยองซูกับซองยอลเพิ่งจะมีคืนแรกด้วยกันเมื่อคืนนี้ และดูเหมือนนั่นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ซองกยูฮยองควบคุมอารมณ์ตัวเองแทบไม่อยู่

     

    อย่ามายุ่งกับฉัน!!! ผมรู้ว่าเขาอาจต้องการเวลาทำใจโดยลำพัง แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้เขาไว้คนเดียว โดยเฉพาะยิ่งเห็นเขาหยิบบุหรี่ออกมาสูบแบบนี้ด้วยแล้ว

     

    ขอผมอยู่ตรงนี้ด้วยได้มั้ย สัญญาจะไม่ทำให้รำ… ”

     

    ไม่ต้อง!!! ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น!!!! เขาตวาด พร้อมเขวี้ยงมวนบุหรี่ในมือลงพื้นพลางกระแทกส้นเท้าเหยียบซ้ำไปซ้ำมา ใช้มือยีหัวตัวเองแรงๆระบายอารมณ์ ก่อนเดินหนีผมไปที่อื่น

     

    ตอนนี้หมดงานในตารางแล้ว เหลือเพียงซ้อมเต้นซ้อมร้องกันตามปกติ ซองกยูฮยองปลีกตัวไปจากกลุ่มเงียบๆโดยไม่ได้บอกกล่าว ซ้ำยังปิดมือถือเงียบ ทำให้ติดต่อไม่ได้ จนผมได้แต่แก้ตัวกับพี่ผู้จัดการไปด้วยน้ำขุ่นๆว่าเขารีบไปงานศพเพื่อน เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรจะน่าเห็นใจไปกว่าเรื่องนี้อีกแล้ว

     

    ผมกลัวใจซองกยูฮยองเหลือเกิน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่ กลัวว่าเขาจะเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ ผมซ้อมแบบไม่มีสมาธิเลยสักนิด เพราะใจมันเอาแต่พะวง อยากออกตามหาแล้วไปนั่งอยู่ข้างๆ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้ต้องการเลยไม่กล้าทำ

     

    ---------------*---------------*---------------

     

    สมาชิกคนอื่นๆหลับกันไปหมดแล้ว มีแค่ผมที่ข่มตาหลับไม่ลงจนต้องพาตัวเองออกมานั่งที่ห้องโถง รอการกลับมาของใครบางคน

     

    สายตาของผมจ้องมองบานประตูสลับกับเข็มนาฬิกาอยู่เป็นระยะๆ ดวงตาหลุกหลิก กับอาการนั่งไม่ติดที่ ลุกขึ้นเดินวนไปวนมาตลอด คงคล้ายคนใกล้เป็นโรคประสาทเต็มที

     

    เสียงโครมครามจากหน้าประตูทำให้รู้ว่าคนที่รอคอยกลับมาถึงแล้ว ผมจึงรี่ไปเปิดประตูต้อนรับด้วยความรวดเร็ว

     

    ฮยอง กลิ่นเหล้าฉุนกึกติดจมูกกับอาการโซซัดโซเซทำให้ผมรู้ได้ไม่ยากว่าคนตรงหน้ากำลังเมามาก

     

    ผมพยุงซองกยูฮยองไปพักที่ห้องนอน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ดื่มหนักขนาดนี้ ตั้งแต่ตอนที่ผมยื่นข้อเสนอให้ เขาก็ไม่เคยออกไปดื่มที่ไหนอีกเลย

     

    หลังปล่อยเขานอนลงบนเตียงเรียบร้อยก็ผละออกมาเตรียมผ้าขนหนูไว้จัดการกับร่างมอมแมมชโลมกลิ่นเหล้านั่น แต่ยังไม่ทันได้เดินไปถึงไหน ซองกยูฮยองก็กลับลุกขึ้นมากอดเอวผมเอาไว้เสียแน่นหนา

     

    จะไปไหน ซองกยูฮยองกระซิบถามด้วยน้ำเสียงกดต่ำขณะบดปลายคางแรงๆลงกับไหล่จนผมรู้สึกเจ็บ ทำไมไม่ปลอบใจฉันแล้วล่ะ หรือแม้แต่คนอย่างนายก็จะมาทิ้งฉันงั้นเหรอ หึ

     

    ผมไม่ได้จะไปไหน แค่จะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ฮยองไงครับ ผมตอบอย่างไม่ได้นึกถือสาคำพูดดูถูกดูแคลนของเขา คิดเสียว่าจะไปเอาอะไรกับคนเมานักหนา

     

    หน้าที่ของคนอย่างนายมีแค่อย่างเดียวเท่านั้น คือปลอบใจฉัน

     

    ฉับพลันเขาก็กระชากเอวผมกดลงกับเตียงอย่างดุดัน ส่งผลให้ท้ายทอยของผมกระแทกเข้ากับหัวเตียงอย่างแรงจนสมองตื้อไปพักใหญ่ พอรู้สึกตัวอีกทีข้อมือทั้งสองข้างก็โดนมัดรวบไว้เหนือหัวด้วยเข็มขัดของเขาเสียแล้ว

     

    ฮยองทำแบบนี้ไม่ได้นะ ผมร้องเตือนด้วยรู้ว่าในวันนี้อารมณ์ของคนตรงหน้าไม่ปกตินัก ถึงผมจะรักเขา แต่ก็คงยอมไม่ได้หากเขาจะใช้ความรุนแรงกับผม

     

     

    -ตามหาฉากขาดหายได้จากไบโอทวิตจ้า-

     

     

    ซองกยูฮยองคร่ำครวญ ผมรู้ดีว่าเขากำลังเจ็บช้ำเพราะโดนทำร้ายจิตใจ ถึงได้เผยด้านมืดของตัวเองออกมาโดยไร้สติ ปกติเขาใช่คนใจร้ายแบบนี้เสียเมื่อไหร่ ความอ่อนโยนใจดีของเขาที่มีให้ผมตลอดมามันไม่ใช่เรื่องโกหก

     

    ผมยิ้มขื่นให้กับตัวเองที่โดนอีกฝ่ายทำถึงขนาดนี้แล้วยังคิดแก้ตัวแทนเขาอีก แต่ผมก็เข้าใจตัวเองดีว่าทั้งหมดเป็นไปเพราะรัก

     

    ความรักที่ผมมีให้ซองกยูฮยองนั้นไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนอย่างชื่อวงของพวกเรา ผมรักเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าเขาจะเลวร้ายแค่ไหน ผมก็ไม่เคยเกลียดเขาได้ลง ไม่เลยสักครั้ง แม้จะเป็นในคืนที่เขาขืนใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม

     

    ---------------*---------------*---------------

     

    ผมไม่อยากจะเชื่อว่าซองกยูฮยองจะมีแรงออกไปดื่มต่อได้อีก แต่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นก็คือตัวผมเองที่สามารถหอบเอาสังขารผุๆแอบตามเขาไปถึงคลับได้โดยไม่ร่วงไปเสียก่อน

     

    ตีสามกว่าแล้ว แต่ดูเหมือนว่าบรรดาผีเสื้อราตรีจะมีมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้ คนที่ผมสะกดรอยตามมาด้วยความเป็นห่วงเลือกมุมหนึ่งของร้านเป็นที่นั่ง ส่วนตัวผมก็เลือกโต๊ะถัดไปไม่ไกลจากเขานักเพื่อสังเกตการณ์

     

    ผมรู้สึกได้ว่าดวงตาของตัวเองเริ่มหรี่ปรือลงทุกขณะ ร่างกายที่ร้าวระบมก็กำลังเรียกร้องการพักผ่อนจนอยากจะฟุบนอนลงกับโซฟาหนังที่นั่งอยู่ใจจะขาด แต่ก็เป็นกังวลเกินกว่าจะปล่อยให้ซองกยูฮยองดื่มโดยลำพังและอาจจะเตลิดออกไปเจออันตรายที่อื่นได้ ผมจึงไม่กล้าแม้แต่จะละสายตาไปจากเขา

     

    สายตาแข็งกร้าวยามยกเครื่องดื่มสีอำพันรสร้อนนั่นซดลงคอ บอกผมได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งนั้นไม่สามารถทำให้ซองกยูฮยองหลุดพ้นจากความเศร้าเสียใจไปได้แม้แต่น้อย นั่นไม่ใช่ของที่เขาควรพึ่งพา

     

    ช่วยเรียกแท็กซี่ ลแล้วก็ช่วยพยุงเขาออกไปที ในที่สุดคนเมาก็สิ้นฤทธิ์ ยังดีที่พนักงานของทางคลับยินดีให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มาใช้บริการเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีปัญญาพาซองกยูฮยองกลับไหวได้อย่างไร เพราะลำพังแค่ตัวเองจะเดินก็ยังต้องอาศัยกำแพงช่วยพยุงอยู่เลย

     

    ซองยอล ช่วยออกมารับซองกยูฮยองที่หน้าบ้านหน่อยได้มั้ย ...อืม เมามากน่ะ ผมตัดสินใจโทรหาตัวช่วยที่เข้าท่าที่สุดในวง เหตุผลแรกเพราะเขาตื่นง่ายกว่าคนอื่น แต่เหตุผลสำคัญคือเขาเป็นที่ต้องการ ...ไม่เหมือนกับผม

     

    อย่างน้อยมันน่าจะทำให้ซองกยูฮยองรู้สึกดีขึ้น เวลาลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าคนที่เขารักเป็นคนแรกของวัน

     

    อยู่ตรงนี้ก่อนนะ แฮ่ก ด….เดี๋ยวฮยอง.. แฮ่กๆ ข….เข้าไปจัดเตียงก่อน

     

    ฮยองไม่สบายเหรอ หน้าซีดมากเลย

     

    ก็ดื่มมาด้วยนิดหน่อยน่ะนะ ผมโกหกคำโตพร้อมฝืนส่งยิ้มให้ เพราะไม่อยากให้ซองยอลสงสัย

     

    ผมค่อยๆเดินยันกำแพงเข้ามาในห้องนอนด้วยสภาพร่างกายอันอ่อนล้าที่กระหายการพักผ่อนอย่างสุดขั้วหัวใจ รีบจัดการดึงผ้าปูที่นอนเปื้อนคราบเลือดอันเก่าออก แล้วปูผืนใหม่ลงไปแทนที่

     

    แต่เวลาและเรี่ยวแรงคงมีไม่มากพอที่จะนำมันไปซักเพื่อทำลายหลักฐาน ผมนึกถึงที่ว่างเหนือกล่องเก็บเครื่องประดับใบใหญ่ในตู้เสื้อผ้าที่ผมแชร์กับซองกยูฮยอง จึงจัดการเปิดประตูตู้และยัดมันไว้ลวกๆตรงนั้น

     

    ผมปีนขึ้นเตียงชั้นบนของตัวเองก่อนจะหลับลึกลงไปแทบจะทันที ได้ยินเสียงซองยอลบ่นแว่วๆตอนพาซองกยูฮยองเข้ามานอนว่าผมจัดเตียงเสร็จแล้วก็ไม่ยอมออกไปเรียก ปล่อยให้เจ้าตัวนั่งรออยู่ได้ตั้งนาน หากผมเองก็ไม่มีสติเหลือพอที่จะตอบอะไรกลับไปอีกแล้ว

     

    ---------------*---------------*---------------

     

    ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่บนเตียงชั้นล่างของผมตามปกติ แต่ที่แปลกไปคือสัมผัสของผืนผ้าขนหนูบนเนื้อตัว ผมไล่สายตาจากหลังมือขาวนวลจนไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าหวานใสของคนที่เป็นเจ้าของมือสวยๆนั่น

     

    ซ..ซองยอล? ถึงจะจำไม่ค่อยได้นัก แต่อาการปวดหัวตื้อบวกกับเสียงแหบแห้งก็ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าผมน่าจะเพิ่งสร่างเมา เพราะรู้ตัวเองดีว่าไม่ได้เจ็บป่วยหรือเป็นอะไรที่ทำให้ต้องตกอยู่ในสภาพนี้

     

    ฮยองโอเคแล้วใช่ป่ะ พวกเรากำลังจะออกไปซ้อมแล้ว ผมวางยาแก้แฮงค์ไว้ให้ตรงนี้นะ ซองยอลส่งเสียงใสพร้อมกับชี้นิ้วไปทางตู้เตี้ยๆตรงมุมห้องประกอบ

     

    ยากล่องเล็กๆ ขวดน้ำดื่มพลาสติกใสสะอาด กับแก้วน้ำสีหวานทำเอาผมอดคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้ ซองยอลเตรียมมันไว้ให้ผม แค่นี้ก็ทำเอาหัวใจพองโตจนยิ้มไม่หุบไปได้ทั้งวันแล้ว

     

    ฮยองดูอาการไม่ค่อยดีเลย มีไข้ด้วยนะเนี่ย ไปหาหมอดีกว่ามั้ย ประโยคต่อมาเจ้าตัวไม่ได้พูดกับผมแต่หมายถึงคนที่อยู่บนเตียงชั้นสอง

     

    ...ไม่...เป..ไร เสียงที่แหบแห้งเสียยิ่งกว่าของผมตอบกลับมาแผ่วๆคล้ายคนไม่มีแรงจะพูด

     

    ไม่เป็นไรที่ไหนกัน ไปเร็ว ไปหาหมอ ผมเห็นเด็กประถมพยายามยื้อผ้าห่มออก แต่ดูเหมือนอูฮยอนจะดื้ออยู่พอตัวเพราะเจ้าตัวก็พยายามจับปลายผ้าห่มอีกข้างเอาไว้เช่นกัน

     

    เฮ้ย นี่มันรอยอะไรอะฮยอง อย่าบอกนะว่าที่พวกฮยองออกไปเมื่อคืน คือไปลั้นลากับสาวๆมา ว้าว ท่าทางสาวเจ้าจะเร่าร้อนน่าดู ฮยองถึงได้หมดสภาพแบบนี้ ประโยคของซองยอลทำเอาผมครุ่นคิด

     

    ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ออกไปข้างนอกเมื่อคืน แต่อูฮยอนเองก็ออกไปหาความสุขจากข้างนอกมาเหมือนกัน

     

    เห็นหน้าหวานๆเลยคิดไม่ถึงว่าอูฮยอนจะทำตัวเสเพลขนาดนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ขาดผมไปแค่คืนเดียว แต่เขากลับต้องหาคนอื่นมาชดเชยขนาดนั้น จะไม่ดูเป็นคนกระหายในเซ็กส์เกินไปหน่อยหรือ?

     

    ตัวมีแต่รอยอย่างนี้ก็พาไปให้หมอเห็นไม่ได้ซะด้วยแฮะ งั้นก็ไม่รู้แล้ว พวกฮยองคงต้องดูแลกันเองแล้วล่ะ

     

    อืม ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก เดี๋ยวฮยองจัดการเอง ผมเน้นคำว่าจัดการเป็นพิเศษเพราะคิดว่าตัวเองคงมีเรื่องต้องเคลียร์กับคนที่กำลังนอนเพลียอยู่บนเตียงชั้นสองนิดหน่อย

     

    อูฮยอน  

     

    ฮะ อีกฝ่ายขานรับเสียงแผ่วเสียจนผมแทบจะต้องเงี่ยหูฟัง

     

    ทำไมต้องมีอะไรกับคนอื่น มันไม่ผิดเงื่อนไขของเราหรือไงกัน

     

    ฮยอง..พูดอะไรน่ะ อูฮยอนถามด้วยสีหน้าอิดโรย แต่อารมณ์นี้ผมคงไม่มีแม้แต่ความเห็นใจจะให้เขา

     

    ถึงไม่ได้ตกลงกันแน่ชัด แต่ก็ควรจะรู้ได้ด้วยสามัญสำนึกไม่ใช่หรือไง ถ้านายจะเที่ยวทำตัวสำส่อนไปทั่ว เห็นทีเราก็คงต้องจบกันเท่านี้ หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแค่อูฮยอนมีอะไรกับคนอื่นแล้วทำไมผมถึงต้องโมโหขนาดนี้ด้วย

     

    ผมจบบทสนทนาเอาไว้เพียงเท่านั้นก่อนเดินกระทืบเท้าออกจากห้องนอนมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

     

    แค่ขาดคนปลอบใจอย่างนัมอูฮยอนไป คิมซองกยูคงไม่ถึงกับตายหรอก ต่อไปนี้ก็แค่พยายามยืนหยัดให้ได้ด้วยตัวเองก็เท่านั้น

     

    ---------------*---------------*---------------

     

    ความพยายามแรกของผมคือการหอบดอกไม้ช่อโตไว้แนบอก คิดจะมอบมันให้กับซองยอลเป็นการตอบแทนความใจดีของเขาที่ช่วยดูแลผมเมื่อคืน แถมยังอุตส่าห์เตรียมหยูกยาเอาไว้ให้อีก

     

    มันไม่ผิดไม่ใช่หรือที่ผมจะยังคงรักเขา แม้ว่าเขาจะมีคนรักอยู่แล้ว ความรักสวยงามเสมอตราบที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร และผมก็พอใจ แล้วทำไมผมจะรักซองยอลต่อไปไม่ได้

     

    ผมเดินกลับห้องอย่างอารมณ์ดีผิดกับขาไปลิบลับ จัดแจงหาที่เก็บซ่อนช่อดอกไม้ให้พ้นสายตาน้องๆในวง กะว่าจะเรียกซองยอลเข้ามาในห้องแล้วยื่นให้แบบลับๆ ให้ตัวจริงของเขาเข้าใจว่าเป็นดอกไม้จากแฟนคลับไปเสีย จะได้ไม่มีปัญหากัน

     

    เดิมทีภายในตู้เสื้อผ้าของผมกับอูฮยอนจะมีที่ว่างเหนือกล่องใส่เครื่องประดับอยู่นิดหน่อย หากแต่ตอนนี้มันกลับมีผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ผืนหนึ่งไปวางกองเอาไว้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว

     

    ทำไมไม่พับเก็บดีๆล่ะเนี่ย ผมบ่นพลางหยิบผ้าปูที่นอนเจ้ากรรมออกมาสะบัดจนมันคลี่ออกเต็มผืน

     

    สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาแผ่นหลังของผมชาวาบ ผ้าปูที่นอนที่จำได้ดีว่ามันเคยถูกใช้คลุมอยู่บนเตียงของผมเมื่อวันก่อนเต็มไปด้วยคราบเลือดแห้งเกรอะกรังกระจายอยู่เป็นย่อมๆ ปริมาณที่เรียกได้ว่าไม่น้อยเลยทำเอาผมถึงกับหน้าเสีย

     

    ผมคิดอะไรไม่ออกเลยสักนิดว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง หากแต่สิ่งที่อยู่ในมือตอนนี้ทำให้ผมรู้ได้ไม่ยากว่ารอยเลือดทั้งหมดนี้ต้องเป็นของรูมเมทของผมไม่ผิดแน่

     

    อูฮยอน นายบาดเจ็บเหรอ ผมตรงรี่เข้าไปเขย่าตัวเรียกคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียงชั้นสองเพื่อซักถาม แต่เพียงแค่เข้าไปใกล้ก็รับรู้ถึงความผิดปกติของอีกฝ่ายได้ทันที

     

    ร่างเล็กนอนขดตัวหนาวสั่นจนซี่ฟันกระทบกันอยู่ในผ้าห่ม แต่เนื้อตัวกลับร้อนผ่าวอย่างกับมีใครคอยเอาไฟลนตลอดเวลา สีหน้าและริมฝีปากซีดเซียวไร้สีเลือดแต่กลับมองเห็นรอยม่วงช้ำได้ชัดเจนที่มุมปาก

     

    ถัดไปจากใบหน้าเป็นลำคอที่เต็มไปด้วยร่องรอยขบกัดคล้ายรอยคิสมาร์ค แต่ดูโหดร้ายทารุณกว่ามาก เพราะบางรอยก็เป็นห้อเลือดไปจนถึงขั้นมีเลือดออก ซ้ำร้ายที่พอแหวกเสื้อออกดูแล้ว มันก็ไม่ได้มีแค่ตรงคอเสียด้วย แต่มันกลับมีเต็มไปหมดทั้งแขนขา จนลามไปทั่วทั้งลำตัว

     

    นอกจากนั้นยังพบว่ามีรอยช้ำรอยใหญ่อยู่ถัดจากหน้าอกลงไปด้วย แต่ที่เลวร้ายกว่าอะไรทั้งหมดคือที่มาของคราบเลือดนั่น มันมาจากช่องทางด้านหลังของเขา

     

    หลักฐานที่ฟ้องอยู่ทนโท่บนร่างกายของอีกฝ่ายดึงความทรงจำเลือนรางให้ย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างล้วนบอกผมเป็นเสียงเดียวกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

     

    ผมข่มขืนอูฮยอน

     

     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×