ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    So Cute! บอกเเล้วไง กูไม่ใช่เกย์!! [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #3 : So Cute![No.2] : มันคือ..[เเกรม]/รับน้อง..[[เชล]]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.82K
      12
      27 เม.ย. 55





    So Cute![No.3] : มันคือ..[เเกรม]
    /รับน้อง..[[เชล]]

      



    เสียงกดชัตเตอร์รัวๆของช่างกล้องที่เอาหน้าแนบกับกล้องของตัวเอง ก่อนที่เขาจะเอาหัวออกมาแล้วบอกให้ผมจัดการเปลี่ยนท่าเป็นระยะๆ ถ่ายแฟชั่นธรรมดาๆ มีชุดเปลี่ยนประมาณ ยี่สิบกว่าชุดเห็นจะได้ เท่าที่รู้ผมโพสท่าจนเมื่อยไปหมดแล้ว =___=;;

    ให้ตายเถอะ ! ผมโดนใช้แรงงานเกินความจำเป็น ผมถ่ายมาตั้งแต่บ่ายสองจนตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว มีพักเบรก10นาที ครั้งเดียวตอนบ่ายสาม และทุกคนก็กับมาลุยงานกันอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย =_=?? (เดี๋ยวจะฟ้องกรมแรงงาน คอยดูเหอะ) บริษัทนี้ของเค้าดีกันจริงๆ ขยันขันแข็งกันตั้งแต่ประธานยันแม่บ้าน

    แต่ขยันที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น ลูกชายคนรองของประธาน หลังจากที่ถูกผมบังคับขู่เข็ญให้มารับตำแหน่งคนดูแลเมื่อไม่กี่วันก่อน จนวันนี้ เขาก็มาดูแลผมตามสไตล์เดิมของเขาคือ เดินเข้ามาที่สตูฯ วางกระเป๋านั่งที่โต๊ะ สั่งขนมกับของว่างที่คอฟฟี่ช็อปข้างล่างมากินรอ...



    แบบนี้น่ะเหรอ? หน้าที่ของคนดูแลนายแบบอ่ะ TT



    เชลนั่งที่ริมกระจกบานใหญ่ของสตูฯ มองวิวกรุงเทพยามเย็นท้องถนนที่มีแต่รถติดมันน่ามองตรงไหน ? สู้มองผมถ่ายแบบยังจะดีกว่า



    คนตัวเล็กก็ยังมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย มือขวาของเขาก็เจ้าแก้วพลาสติกที่อดีตเคยบรรจุโกโก้ปั่นจากร้านข้างล่างมาดื่ม พอริมฝีบางสัมผัสไปที่หลอดดูด และดูดโกโก้ ก็ต้องพบว่ามันหมดแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ



    ไอ้ตัวเล็กหันกลับมามองที่แก้ว ปากแดงๆก็ยื่นออกมานิดๆด้วยความอารมณ์เสีย และก็หันซ้ายทีขวาที คงจะพยายามเรียกหาสต๊าฟให้ไปซื้อโกโก้ปั่นให้อีก พอสั่งเสร็จเชลก็ว่างแก้วเปล่าในมือพร้อมกับไสไปที่ริมโต๊ะ ผมก็มองตาจนมันมาหยุดที่กลุ่มแก้วพลาสติกจำนวนมากที่กองเรียงรายอยู่ก่อน ไม่ต้องสงสัย ก็คงจะฝีมือการกินของมันอีกนั่นแหละ คนบ้าอะไรกินน้ำต่อๆกันเยอะขนาดนั้น



    อ่า~ ดีมากครับคุณแกรม หน้าแบบเมื่อกี้น่ะครับ” ไอ้คุณช่างกล้องเอาหน้าเซอร์ๆของตัวเองออกจากหลังเลนส์อันใหญ่บรมแล้วหันมายกนิ้วให้กับผม



    อะไรนะครับ?” ผมถามเขาอย่างงงๆ

    ก็เมื่อกี้คุณแกรมอมยิ้มน่ะครับ เป็นสีหน้าที่ดูดี มีความสุข ^^ ” ตากล้องบอกกับผม อ๊ะ? ผมยิ้มเหรอ เมื่อกี้ผมก็แค่เหล่ตามองไอ้ตัวเล็กที่ริมกระจกนี่ รึผมยิ้มไม่รู้ตัว

    หรือครับ? ขอดูหน่อย ”



    ผมเดินไปหาตากล้องคนเมื่อครู่ เขาจัดการเสียบกล้องกับโน๊ตบุ๊คตัวข้างๆ เขากดโน่นกดนี่หารูปอยู่นาน(เพราะเซทนี้เท่าที่ผมจำได้ ถ่ายนานเลยได้หลายรูป) เขามาสะดุดกับเกือบๆสุดท้าย พี่ตากล้องคลิกแล้วซูมให้ผมดู บร๊ะเจ้า! ผมยิ้ม ยิ้มจริงๆด้วย ให้ตาย...อย่าบอกนะ ผมยิ้มเพราะมัน เพราะแค่เห็นมันทำอะไรเปิ่นๆ เพราะแค่มันทำหน้าบูด แค่เนี๊ย? ไม่น่าเชื่อ แถมในรูป ตาผมมันเยิ้มเชียว นี่ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งถ่าย ผมจะคิดว่าเขาแต่งรูปแล้วแน่ๆ

    คุณแกรมเนี่ย.... นัยน์ตาอย่างกับ.. คนกำลังมีความรักเลย”

    หา...? กำลังมีความรัก? กำ..ลัง..มี..ความ.. ‘รัก’ อย่างงั้นหรือ?



    

    หลังจากที่ผมถ่ายแบบเสร็จทุกๆวันก็จะพาเชลไปส่งที่บ้านเป็นแบบมาสักเดือนกว่าๆได้แล้วมั้งครับ ถ้าถามว่าเราเริ่มสนิทกันมั้ยก็คงสนิทกันมากขึ้น แต่ก็คงไม่ได้มากมายอะไร ดูๆแล้วเหมือนมันจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมสักเท่าไร

    วันนี้ก็เหมือนเดิมครับ ทำงานเสร็จก็มาส่งมันที่บ้าน ตลอดสองข้างทางรถติดเป็นทิวแถว จนมาถึงแยกก่อนจะถึงบ้านของไอ้เชล อีแยกนี้แหละรถติดประจำ บางทีเกือบครึ่งชั่วโมงรถยังไม่ขยับเลย ผมก็มองการจราจรอย่างขัดใจ คืออันที่จริงเหนื่อยครับเหนื่อย อยากพักผ่อนเร็วๆ อยากรีบไปส่งไอ้คนข้างๆ จะได้รีบกลับคอนโดแล้วก็นอน เพราะพรุ่งนี้ มหาลัยของผมจะเปิดแล้วครับ งานที่รับก็คงต้องน้อยลงบ้างเพื่อจะได้ไม่ขัดต่อการเรียนของผม

    คุณ คือม.ผมเปิดเทอมได้สักพักแล้ว” เสียงคนข้างๆผมเอยมาทำลายความเงียบกลางสี่แยก



    อืม แล้วยังไง?” พอดีกับเป็นช่วงไฟเขียว ผมจึงไม่ได้หันไปสนใจคนข้างๆ แต่ก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆปกติ



    แล้วผมคงไปทำงานกับคุณบ่อยๆแบบนี้ไม่ได้อ่ะ ”

    อืม เพราะฉันก็จะลดงานเหมือนกัน ” พอพ้นจากสี่แยกก็เลี้ยวเข้าซอยบ้านมันอย่างสะดวกเพราะรถค่อยข้างน้อย จากนั้นก็ตรงมาสุดซอยแล้วเลี้ยวอีกที ตรงไปนิดหน่อยก็ถึงบ้านมัน ผมจอดให้มันลง



    เชลเปิดประตูลงไปก่อนจะหันกลับมาแล้วไหว้ผม(มารยาทดี) มันก็มักจะไหว้ผมทุกครั้งแหละครับ ผมเคยถามมัน ก็บอกว่า ‘ ยังไงก็แก่กว่า ไหว้ไปก็ไม่เสียหาย’ โอ้ ... เด็กไทยทั้งหลายโปรดดูมันเป็นตัวอย่าง ผมลดกระจกแล้วส่งยิ้มรับไหว้มันแทน



    กลับดีๆนะครับ” พอไหว้เสร็จมันก็ล้มลงมาโบกมือที่กระจกรถผม

    อืม”



    มือขวาเลื่อนไปกดปุ่มเพื่อปิดกระจก แต่คนนอกรถเอามือมาสอดไว้ก่อน ผมจึงเลื่อนกระจกลงอีกครั้งด้วยความสงสัย



    มีอะไร?” เชลหน้าแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ยิ้มๆแล้วโน้มตัวลงมาที่บานประตู

    ขับรถระวังๆ แล้วก็.... ฝันดีนะครับ”



    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก .......



    ร่างกายสูบฉีดเลือดเร็วกว่าปกติ ทุกอย่างทำงานเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหัวใจ ...



    ไอ้เด็กบ้า! หน้ายิ้มๆแบบนั้นกับคำพูดที่ดูเป็นห่วงแค่นี้ ทำไมใจมันต้องเต้นผิดปกติด้วยว่ะ! ไอ้ตัวต้นเรื่องเดิน(หรือวิ่ง) เข้าบ้านไปนานแล้ว มีแต่ผมเท่านั้นที่นั่งอยู่บนรถ มือก็นาบไปที่บริเวรอกของซ้ายของตัวเอง ให้ตายเถอะ! คำพูดแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ เพื่อนๆผม หรือแม้แต่ คนรู้จัก เวลาผมไปส่งตอนดึกๆก็พูดคล้ายๆกันทุกคน แต่ไม่ยักจะเหมือนกำลังไอ้เด็กนี่เลย



    แปลก...แปลกจริงๆ ความรู้สึกเหมือน... มันไม่ใช่ตัวผมเอง สมองว่างเปล่าไปหมดแล้ว ความรู้สึกแบบนี้ มันคืออะไรกันแน่?

    ผมพยายามคิดอยู่นานจนได้สติก็ขับรถกลับคอนโดตัวเอง ดอนโดผมไม่ได้อยู่กลางใจเมืองแต่อย่างใด เน้นใกล้ม. เป็นหลักมากกว่า ผมเป็นคนตื่นสาย เพราะฉะนั้นถ้าอยู่บ้านคงตื่นมาไม่ทันเรียนแน่ เพราะบ้านกลับม.ผมเนี่ย อยู่คนละทิศก็ว่าได้

    พอขับถึงคอนโดก็จอดที่จอดรถประจำของตัวเอง รถคันนี้เพิ่งซื้อไม่นานหรอกครับ เพราะตอนปีหนึ่งผมอยู่หอใน เลยไม่จำเป็นต้องใช้รถ แต่พอเทอมสองมีปัญหานิดหน่อยเลยขอพ่อแม่ให้ซื้อคอนโดใกล้ๆให้ เละซื้อรถให้ด้วย

    ผมเดินไปกดลิฟต์ชั้น7 ขึ้นคอนโดตัวเองไปก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัว เตรียมของที่ต้องใช้พรุ่งนี้ เพราะม.เปิดแล้ว มีรับน้องนอกสถานที่ พรุ่งนี้เลย (ที่จริงม.ก็เปิดได้หลายวันแล้วแต่ผมไม่ได้ไปเพราะไม่มีเรียน แต่แวะไปแป๊ปๆแล้วก็กลับมาทำงานต่อ)



    เฮ้อ...วันนี้เหนื่อยจริงอะไรจริง หยิบนาฬิกาหัวเตียงมามองดู 0.13 AM. โอ้ว ดึกขนาดนี้แล้วหรือ? แล้วป่านนี้ไอ้ตัวยุ่งของผมมันจะอาบน้ำ นอนหรือยังเนี่ย? พรุ่งนี้ม.มันก็เปิดแล้วไม่ใช่หรือไงว่ะ



    เฮ้ย....แต่เดี๋ยวก่อน! เมื่อกี้ผมว่าอะไรน่ะ ‘ไอ้ตัวยุ่งของผม’ เหรอ? เฮ้ย! มันเป็นของกูตอนไหนว่ะ ไอ้บ้า! เฮ้อ~ นอนดีกว่า คิดได้ดังนั้นก็นอนดีกว่า



    อ๊ะ! แล้วหน้าใครมันมาลอยวนอยู่ในหัวผมตอนก่อนนอนล่ะ ตารีชั้นเดียว ไม่โตแต่ก็คม จมูกโงกำลังดี ริมฝีปากบางๆแดงๆ แบบนี้ เฮ้ย! ไอ้แกรมนะไอ้แกรม! คนจะหลับจะนอนเสือกไปคิดถึงหน้าไอ้เด็กนั่นทำไมว่ะ!! ผมเด้งตัวจากเตียงตรงดิ่งไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาทันที ก่อนจะกดเบอร์เพื่อนสนิทและผมอยากจะถามมันให้รู้เรื่องไม่เลยว่า อาการของผมเนี่ย มันคืออะไรกันแน่ ผมฟังเพลงรอสายอยู่นาน จนกระทั้งเพื่อนสินทต่างคณะของผมรับสาย ผมก็รีบกรอกเสียงลงไปทันที



    ไอ้นายน์ กูมีเรื่องจะถามมึงว่ะ แต่ก่อนจะถามกูจะเล่าอะไรให้มึงฟังก่อนนะ เรื่องมันมีอยู่ว่า...........”



    แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดฟัง

































    น้อง!!!! เช็คชื่อแล้วขึ้นรถเลยนะครับ!! ”



    เสียงอีพี่ว้ากประจำรุ่นตะโกนมาแต่ไกล จนผมกับพี่ที่ต่อแถวเช็คชื่ออยู่แถวๆตึกหน้าคณะถึงกับสะดุ้งแล้วหันไปมองพร้อมๆกับอึ้งในพลังเสียงของพี่แก อาจจะสงสัยว่าพวกเราจะอึ้งกันทำไม ในเมื่อพี่ว้ากก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่ที่อึ้งเพราะมันไม่ใช่พี่ว้ากคณะผมครับ

    แต่เป็นเป็นพี่ว้ากของวิดวะ!!!



    ไม่ต้องสงสัยว่า พี่แกตะโกนมาจากส่วนไหนของโลก คำตอบคือพี่แกตะโกนมาจากคณะวิดวะอีกนั่นแหละครับ! แม้ว่าไอ้คณะวิศวกรรมศาสตร์อะไรเนี่ยกับคณะถาปัดของผมจะอยู่ใกล้กันจนเรียกว่า ติดเนี่ย! แต่สองคณะก็มีระยะห่างพอสมควรเลยนะครับ งั้นเราจึงต้องอึ้งในเสียงของพี่ว้ากวิดวะคนนั้นกันเป็นธรรมดา



    โอ้ว...ไอ้เชล พี่แกนี่เสียงดีเนอะ?” ไอ้ปันเพื่อสนิ๊ทสนิทตั้งแต่ม.ต้นของผมเอาศอกกระทุ้งที่สีข้างของผมแล้วพูดขึ้น



    นั่นดิว่ะ พี่แกฝังลำโพงไว้ในหลอดลมรึไงเนี่ย?” ผมพูดไปก็ยังมองที่พี่แกอยู่นะครับ ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัดก็เหอะ เพราะอยู่ไกล แต่ก็ยังมองแบบอึ้งๆต่อไป

    อ้าว!!! น้อง!!! ครบรึยัง!!!” โอ้ววววว คุณพระ! เสียงพี่แกตะโกนอีกครั้งครับ แต่คราวนี้ใกล้กว่าเดิมตรงที่ว่า พี่แกเดินมาที่รถบัสที่จอดระหว่างคณะผมกับวิดวะ ดังนั้นพลังเสียงก็เลยตามตัวมาด้วย ส่งผลให้ดังขึ้นเป็นทวีคูณ!!



    น้องชวิลวัท น้องอุดมการณ์” ผมกับไอ้ปันได้สติเมื่อพี่สาวคณะเดียวกันขานชื่อเรา พี่สาวคน(เกือบ)สวยเดินเข้ามาพร้อมมอบป้ายไว้ติดกับกระเป๋ากันของหาย พร้อมให้เลขห้องพักที่โรงแรมด้วย



    “ 4008 มึงอ่ะปัน?”หลังจากที่พลิกป้ายดูเลขห้องผมก็ถามไอ้ปันทันทีเผื่อว่าได้ห้องเดียวกัน

    “ 4016 คนละห้องแต่ก็ชั้นเดียวกัน ไม่เป็นไรหรอกมึง”



    เออ..อ๊ะ!” ผมร้องเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างสั่นในกระเป๋ากางเกงตัวเอง ล้วงไปล้วงมาก็เจอกับไอโฟน4(ไม่มีs) ที่โชว์หราว่ามีคนโทรเข้ามา (ผมไม่ใช่ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการนะ แต่แค่บอกยี่ห้อเฉยๆ)

    ป็อป’



    โหล ป็อป?” พอผมกดรับก็กรอกเสียงลงไปทันที ป็อปหรือที่รู้ในนามของแฟนไอ้ปันอ่ะครับ มันชอบกันตั้งแต่ม.5 คบกันตอนม.6 และคงจะได้กันตอนปี1โทรมาหาผม

    [ อืม เชล ปันอ่ะอยู่ป่ะ] ป็อปตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงปกติ อ้าว! โทรมาหากูแต่ถามหาไอ้ปัน ได้ไงว่ะ! (ก็เค้าเป็นแฟนกันนี่!)



    อยู่.คุยด้วยป่ะ” แล้วก็ยื่นให้ไอ้ปันมันคุยครับ



    เฮ้อ~ กูล่ะเซ็งจิตกะผัวเมียคู่นี่ จะโทรหากันก็ต้องโทรผ่านเครื่องกู ตอนมันจีบกับใหม่ๆ ขนาดจดหมายรักยังฝากกู ของขวัญตอนเทศกาลพวกมึงจะซื้อให้กันก็ฝากกูไปให้ ตอนไอ้ปันขอป็อปเป็นแฟน(ไปขอกันถึงโน่น ดาดฟ้าโรงเรียน) มันก็อาย ลากผมไปสังเกตการณ์ พอป็อปบอกว่า ‘คบ’ เท่านั้นแหละครับ ! ฝนตก แล้วพวกมันก็ วิ่งลงดาดฟ้ากลับบ้าน โดยกางร่มไปด้วยกัน แต่ปัญหามันอยู่ที่ ไอ้ปันมันมีร่มซะที่ไหนล่ะ ร่มที่มันเอาไปก็ร่มผมนี่แหละ! วันนั้นผมก็กับบ้านเปียกๆ เซ็ง! คิดแล้วก็ปลง...



    อ๊ะ! ” พอไอ้ปันคุยเสร็จมันก็ยื่นโทรศัพท์ให้ผมคืน



    ไม่นานมากรถของคณะข้างๆ(วิดวะ) ก็ออกตัวไปแล้วครับ2คันรถแบบเต็มๆ กับอีกหนึ่งรถตู้ ที่คาดการณ์ว่าไว้ข้าวของต่างๆ

    ทั้งม.คงเหลือแค่ถาปัดมั้งครับที่ยังไม่ไป ไปรับน้องคราวนี้ไปที่ทะเลครับ เป็นอ่าวๆนึงที่มีชื่อเสียง สวยมากๆ น้ำก็ใส โรงแรมก็น่าอยู่(พักโรงแรมครับ) ทุกอย่างดูดีเลิศไปซะหมดในการรับน้องปีนี้



    แต่! ติดอยู่นิดนึงงคือ... ที่ที่เราไป เป็นที่เดียวกับวิดวะอ่ะดิ! ใครๆก็รู้ว่าสองคณะนี่ถูกกันซะที่ไหน ต่อให้จัดบาสหรือบอลหรืออะไรมาแข่งเพื่อกระชับมิตร มันก็ได้จบด้วยการวางมวยกันแทนเสียมากกว่า การไปรับน้องที่เดียวกันแบบนี้เลยเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีเท่าไร



    เชลป่ะ พี่ว้ากเรียกขึ้นรถแล้ว” ไอ้ปันที่ลุกก่อนก็ส่งมือมันมาให้ผมดึงเพื่อจะได้ลุกง่ายๆ ผมก็จับมือมันแล้วลุกตามแรงดึงของมันด้วยจากนั้นเราก็ขึ้นไปบนรถกัน ผมก็นั่งข้างไอ้ปันอย่างไม่ต้องสงสัย



    พอพี่ว้ากมันขึ้นมาบนรถเท่านั้นแหละ (หัวหน้าพี่ว้ากคณะผมไม่โหดครับ)พี่แกชื่อ พี่นายน์ครับ พี่แกก็ให้จัดที่นั่งใหม่ ให้ชายนั่งคู่หญิง เพื่อจะรู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น ไอ้ผมก็นั่งติดกระจกอยู่เลยไม่ได้ลุกเพราะคนที่ต้องลุกไปคือไอ้ปัน มันหันกลับมาแล้วส่งสายตาประมาณ ‘ มึงอยู่ได้นะ’ ผมก็พยักหน้าให้มันไปที ก่อนที่หน้ามันจะยิ้มจนปากฉีกแถมยังรีบระดกตูดไปนั่งข้างๆกับผู้หน้าตาน่ารัก แล้วตีสนิทอย่างว่อง! ให้ตายเถอะเดี๋ยวกูจะถ่ายรู้ไว้ไปฟ้องป็อป!



    โทษนะ ขอนั่งด้วยนะ” ผมพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงอนุญาตให้ผู้หญิงตัวเล็กๆมานั่งข้างๆผม ปกติแล้วผมเป็นคนที่หยิ่งใช่ได้ คือไม่ยมพูดกับใครก่อน(เป็นนิสัยที่ไม่ดีอย่าเอาเป็นตัวอย่าง) พอเธอนั่งปุปก็ถามชื่อทันที ชวนคุยซะด้วยซิ จนมารู้ว่าชื่อ ครับ



    เชล! ดูพี่คนนั้นดิ! ” ฝนที่เพิ่งจบการสนทนาผมไปเรื่องนึงก็ชี้ไม้ชี้มือไปที่หน้าต่างทันที



    หืม? ไรฝน?” พอผมหันกลับไปก็ต้องตกใจ! เฮ้ย! มันไอ้พี่แกรมนี่หว่า? มาได้ไงว่ะ หรือว่าอยู่คณะนี่ บ้า! พี่อ๋อง(เจอกันที่คลับวันเกิดไอ้รูส)บอกว่า พวกพี่เรียนวิดวะหมดทุกคน ไหงไอ้นี่มันขึ้นรถกับถาปัดว่ะ แถมทำท่าว่าจะขึ้นคันเดียวกับผมซะอีก



    หล่อเนอะ! หน้าคุ๊นคุ้น!~” ฝนก็ออกอาการหลงใหลได้ปลื้มแบบระยะสุดท้าย จะไม่คุ้นได้ไงล่ะครับคุณเพื่อนใหม่! นี่คงไม่ได้ซื้อนิตยสารแฟชั่นมาชาติเศษแล้วอ่ะดิ ถึงจำไอ้พี่แกรมไม่ได้เนี่ย เหอะ! เขาออกจะฮอต



    ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะ คณะเรามีคนหล่อๆด้วย ><” อ้าว! แล้วที่นั่งอยู่หน้ามึงนี่ใครว่ะ หรือหาว่ากูไม่หล่อ!



    ไอ้แกรมที่เพิ่งขึ้นมาบนรถอีกครั้ง มันตกเป็นเป้าสายตาจากคนทั้งคันรถ ขนาดพี่ปอหน้าหม้อ(พี่ที่เพิ่งรู้จักเมื่อเช้า) ยังหยุดหม้อน้องปีหนึ่งแล้วเงยหน้าไปมองมัน



    ไม่เข้าใจ! ถ้ามองผ่านๆมันก็ไม่เห็นว่ามันจะหล่อตรงไหนเลย คิ้วหนา ตาโต ปากใหญ่ หน้ายาว จมูกโด่ง สูงผิดมนุษย์ ดูยังไงก็ขี้เหร่ ไม่เห็นจะดูดีสักนิด ยังไงก็ Ugly สุดๆอ่ะ ไม่มีอะไรสู้ผมได้ ยังไงก็ชนะขาด!



    กรี๊ดดดดด เข้ามองมาที่เราด้วยอ่ะ><” แน่ใจเหรอฝนว่าเค้ามองมึง ชักเริ่มหงุดหงิดแล้วแหะ! แล้วผมจะหงุดหงิดทำไม แค่ฝนมันชมไอ้พี่แกรมออกหน้าออกตาก็เท่านั้น อ๋อ! รู้แล้วผมคงจะหงุดหงิดเพราะฝนมันว่าผมไม่หล่อ



    สักครู่รถก็เคลื่อนตัวออกไป จนประมาณครึ่งชั่วโมง อีพี่ปอหน้าหม้อ(คนเดิม) ก็เดินมาหาผม พร้อมกับกีตาร์ในมืออีกตัว ทั้งๆที่รถโยกไปโยกมา พี่แกยังพยายามจะยืนในท่าที่คิดว่าเท่ห์ที่สุดจนเกือบเสียหลักไปหลายที ตอนนี้คนทั้งรถหันมามองมันอยู่คนเดียว มันก็หันมายิ้มแบบเขินๆให้ผม แล้วหันกลับไปหาเพื่อนมัน แล้วเพื่อนมันก็โห่ให้ พร้อมมเสียงปรบมือดังแปะๆจากกลุ่มเพื่อนมัน สักพักพอมันเริ่มตั้งตัวได้ก็ดีดกีต้าร์ตัวนั้นพร้อมกับร้องเพลง แต่มันร้องแค่ท่อนฮุกนะ



    ว่าผู้ชายดีดี ผู้ชายดีดี มีแฟนหมดแล้ว คุณจะรออะไร ผู้ชายรวยรวย ลูกคนรวยรวย ก็มีคนสวยแย่งชิ่งมากมาย ผู้ชายที่รูปงดงามอย่างคุณให้โสดเป็นวุ้นก็คงเสียดาย ลองคบกับผู้ชาบกลางๆ อย่างผมได้มั้ย”



    ผมจำได้ดีเลยว่าเพลงนี้คือเพลง ชายกลาง แต่ในเนื้อมันร้องว่า ผู้หญิงที่รูปงดงาม ไม่ใช่ผู้ชายที่รูปงดงามซะหน่อย



    พอพี่ปอหน้าหม้อร้องหมดทุกคนก็โห่พร้อมกับปรบมือให้กับความหน้าด้านของพี่ปอหน้าหม้อ == พี่แกก็ใช่ว่าจะหน้าตาน่าเกียดน่ากลัวอะไรหรอกนะ แต่!! ผมไม่ใช่เกย์ไม่ชอบผู้ชาย



    เอ่อ...พี่?”ถึงกับอึ้งแดกไปเลยกู

    น้องเชล... คบกับพี่นะครับ” พี่ปอพูดจบก็คุกเข่าลงตรงทางเดิน พร้อมกับเสียงหิงชายทั้งรุ่นพี่รุ่นเพื่อนส่งเสียงเชียร์กันใหญ่



    คบเลย คบเลย คบเลย! ” น่านนน กูรู้แล้ว มึงมาสารภาพรักกูบนรถเพื่อจะอาศัยแรงกดดันอย่างคนในคณะนี่เอง ไอ้เวร ผมก็อึ้งอย่พักนึง ไอ้ฝนที่นั่งข้างๆก็สะกิดพร้อมกับส่งสายตาว่าให้คบกับพี่ปอหน้าหม้อนี่ ผมก็อยากจะตอบกลับไปว่า มึงก็คบเองซิ สาดด กูไม่ชอบจะกดดันให้กูคบมันได้ไง



    โอ้ย พี่ผมเพิ่งรู้จักพี่เมื่อเช้าเองเด่ะ” พยายามครับ ที่จะให้พี่ปอมันเสียใจน้อยที่สุด ยังไงๆมันก็พี่ที่คณะ

    น้องเชล แต่พอพี่เจอน้อง มันก็รู้สึกว่า ใช่! แบบว่าหัวใจพี่มันเรียกร้อง !” เรียกร้องพ่อมึงซิ เรียกร้องตรีนกูมั้ย! ห่วย! กูไม่ชอบนี่หว่า ต่อให้เป็นสาวๆสวยๆตูมๆ ถ้าผมไม่ชอบคือไม่ชอบ



    พี่! ผมไม่ใช่เกย์นะ!” ผมพูดขึ้นแล้วลุกขื้นจากเบาะอย่างมีน้ำโห ตอนนี้ทุกคนในรถนั่งเงียบลุ้นจนตูดไม่ติดเบาะ ผมแอบเห็นคนขับรถยังหันมามองพวกเราเป็นระยะๆผ่านกระจก โหย! ถ้าคนขับมันพาลงเหวต้องโทษอีพี่ปอนี่คนเดียวเลย



    พี่ปอเงียบครับ ผมเลยหันไปมองทางไอ้ปันบ้างเผื่อว่าจะมีไอเดียอะไรช่วยผม แต่ยังไม่ทันจะหันไปก็ต้องหันกลับไปหาพี่ปอที่จับมือผมไว้ ตอนนี้ทั้งรถกลับมาระทึกขวัญกันอีกรอบ ผมมองพี่ปอหน้าหม้อด้วยสายตาไม่พอใจ



    น้องเชลครับ พี่ก็ไม่ได้เป็นเกย์ แต่ถึงจะเป็น พี่ก็เป็นกับน้องเชลคนเดียว~”


    ------------------

    *...สาธุขอให้ที่รักทุกคนเม้นท์เยอะๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×