เกร็ดประวัติศาสตร์จีนน่ารู้

ลำดับตอนที่ #22 : ยุคสมัยที่แยกไม่ออกระหว่างมิตรหรือศัตรู

  ยุยุคสมัยที่แยกไม่ออกระหว่างมิตรหรือศัตรู

กลยุทธ์ผสานรัฐแนวนอนและสมานรัฐแนวตั้ง

            ปลายยุคจ้านกั๋วนั้น รัฐฉินนับวันจะยิ่งแข็งแกร่งและเกรียงไกรขึ้น จนไม่มีรัฐไหนที่สามารถเข้ามาท้ายทายอำนาจกับรัฐฉินได้ ทำให้เกิดกลยุทธ์สมานรัฐแนวตั้ง(หกรัฐร่วมมือกันต่อต้านรัฐฉิน) และกลยุทธ์ผสานรัฐแนวนอนขึ้นมา

            ซูฉินได้เสนอให้รัฐเยียนและรัฐจ้าวเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับหกรัฐและร่วมกันเข้าต่อสู้กับรัฐฉิน รัฐเยียนและรัฐจ้าวแต่งตั้งซูฉินให้เป็นเสนาบดีในการเดินสายเกลี้ยกล่อมรัฐต่างๆ เมื่อ333ปีก่อนคริสตกาลนั้นจึงได้มีการทำสัญญาเชื่อสัมพันธไมตรีระหว่างหกรัฐขึ้นมาได้ ช่วงระยะเวลา15ปีที่มีการทำสัญญาร่วมกันนั้น ยังผลให้รัฐฉินไม่กล้าบุกโจมตีรัฐอื่นโดยพละการ

          หลังจากที่จางอี๋ขึ้นเป็นอัครมหาเสนาบดีแห่งรัฐฉิน เข้าได้ใช้กลยุทธ์ผสานรัฐแนวนอนเพื่อทำลายสัมพันธไมตรีระหว่างหกรัฐ เนื่องจากรัฐฉีกับรัฐฉู่เป็นรัฐใหญ่มีกองกำลังแข็งแกร่ง ก้าวแรกของจางอี๋คือการทำลายสัมพันธภาพระหว่างรัฐฉีกับรัฐฉู่ จางอี๋มาที่รัฐฉู่เพื่อพยายามโน้มน้าวฉู๋ไหวหวัง

“ถ้าท่านอ๋องยอมยกเลิกความสัมพันธ์กับรัฐฉี รัฐฉินก็คงความสันติกับรัฐฉู่ตลอดไปและยอมแบ่งดินแดนแถบซังอวี่ประมาณ600ลี้ให้รัฐฉู่ จะเห็นได้ว่า นอกจากจะเป็นการลดอำนาจของรัฐฉีได้แล้ว ยังได้รับการยอมรับจากรัฐฉินด้วย เช่นนี้ มิใช่เป็นการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัวหรือ”

            หลังจากที่ฉู๋ไหวหวังยกเลิกสัมพันธภาพที่มีต่อรัฐฉี ก็ได้ส่งคนไปหาจางอี๋เพื่อรับมอบดินแดนที่จะแบ่งให้ จางอี๋กลับตอบปฏิเสธและไม่ยอมทำตามเงื่อนไข

“ดินแดนของฉินจะยกให้คนอื่นง่ายๆได้อย่างไรสิ่งที่ข้าพูดไว้คือ6ลี้ไม่ใช่600ลี้ และก็เป็นดินแดนส่วนตัวที่ได้รับจากการทางหลวง ไม่ใช่ดินแดนของรัฐฉิน”

            ฉู่ไหวหวังรู้ตัวว่าถูกหลอกเข้าให้แล้ว ก็โกรธเกรี้ยวมากและได้ส่งกองทัพไปโจมตีรัฐฉิน ฝ่ายรัฐฉินนั้นได้ผนึกกำลังกับรัฐฉีเข้าโจมตีจนรัฐฉู่พ่ายแพ้ไปอย่างย่อยยับ ต่อมา จางอี๋ก็ยังเที่ยวไปหารัฐฉี รัฐจ้าว รัฐเยียน เพื่อโน้มน้าวให้รัฐต่างๆ ผสานรัฐแนวนอนกับรัฐฉินอีก การกระทำเช่นนี้สามารถทำลายสัมพันธไมตรีระหว่างหกรัฐที่ซูฉินสร้างไว้ได้ และทำให้สถานการณ์ ระหว่างรัฐฉินกับหกรัฐเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก