ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : เรื่องราวของห้าเจ้านครรัฐผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคชุนชิว(4)
ฉู่จวงหวัง ถ้าร้องต้องก้องโลก
รัฐฉู่รัฐฉู่ที่อยู่ทางใต้มีความมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ และคุกคามความเป็นเจ้านครรัฐของผู้นำรัฐจิ้น ช่วงที่ฉู่จวงหวังเข้ารับตำแหน่งเจ้าผู้ปกครองรัฐฉู่ใหม่ๆนั้น ไม่ค่อยสนใจการบริหารบ้านเมือง เอาแต่ล่าสัตว์ เสพสุขและเมาสุราไปวันๆ พระองค์ได้ตั้งกฎข้อหนึ่งว่า ใครที่กล้าทูลแนะนำหรือทัดทานจะถูกประหารชีวิต
เวลาผ่านไป3ปี มีขุนนางใจกล้านามว่า "อู่จวี่" เสี่ยงตายเฝ้าเพ็ดทูลฉู่จวงหวังว่า
"ขอให้พระองค์ทายปริศนาดังมีรายละเอียดดังนี้ บนเขาของรัฐฉู่มีนกตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง ตัวมีขนห้าสี ท่าทางสง่างามน่าเกรงขาม แต่นกตัวนี้หยุดทำทุกอย่างเป็นเวลา3ปี ไม่บินและไม่ส่งเสียงร้อง อยากทราบว่านกชนิดนี้คืออะไร"
ฉู่จวงหวังเข้าใจความหมายของอู่จวี่จึงตรัสตอบว่า
"นกนี้ไม่ใช่นกธรรมดา เขาไม่บินไม่เป็นไรแต่ถ้าบินเมื่อไหร่ จะบินขึ้นจนสูงเสียดฟ้า ไม่ร้องก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าร้องเมื่อไหร่ จะดังจนคนตกตะลึง"
หลังจากนั้นมา ฉู่จวงหวังจึงเริ่มหึกเหิมขึ้นมาและเริ่มปฏิรูปบ้านเมือง รัฐฉู่จึงมีความเจริญมั่นคงขึ้นเป็นลำดับ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉู่จวงหวังต้องการแสดงแสนยานุภาพของกองทหารของรัฐฉู่ จึงนำกำลังพลมาสวนสนามยังเมืองลั่วอี้ที่เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์โจวตะวันออก กษัตริย์โจวได้ส่งขุนนางชื่อ หวังซุนหม่าน มาสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ทหารฉู่
ครั้งนั้นฉู่จวงหวังถามหวังซุนม่านว่า
"ติ่งทั้งเก้าใบที่เก็บไว้ในพระราชวังของกษัตริย์โจวหนักเท่าไหร่และมีลักษณะอย่างไร"
หวังซุนหม่านตอบว่า
"ความเจริญมั่งคั่งของบ้านเมืองขึ้นอยู่กับการใช้หลักคุณธรรมในการปกครองคน ท่านไม่จำเป็นต้องไปสนใจน้ำหนักของติ่งหรอก"
เนื่องจากติ่งสัมฤทธิ์เก้าใบถือเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจการปกครองบ้านเมือง การที่ฉู่จวงหวังถามถึงน้ำหนักของภาชนะสัมฤทธิ์แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานที่จะแย่งชิงบัลลังก์จากกษัตริย์โจว แต่ฉู่หวงหวังรู่ว่าตัวเองไม่มีความพร้อมที่จะโค่นล้มกษัตริย์โจวจึงนำทัพกลับรัฐฉู่ หลังจากนั้นไม่นาน กองทัพของรัฐฉู่ก็สามารถรบชนะกองทัพของรัฐจิ้นซึ่งตั้งอยู่แถบที่ราบภาคกลางในขณะนั้น หลังจากนั้นฉู่จวงหวังจึงตั้งตนขึ้นเป็นเจ้านครรัฐแทนรัฐจิ้น
รัฐฉู่รัฐฉู่ที่อยู่ทางใต้มีความมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ และคุกคามความเป็นเจ้านครรัฐของผู้นำรัฐจิ้น ช่วงที่ฉู่จวงหวังเข้ารับตำแหน่งเจ้าผู้ปกครองรัฐฉู่ใหม่ๆนั้น ไม่ค่อยสนใจการบริหารบ้านเมือง เอาแต่ล่าสัตว์ เสพสุขและเมาสุราไปวันๆ พระองค์ได้ตั้งกฎข้อหนึ่งว่า ใครที่กล้าทูลแนะนำหรือทัดทานจะถูกประหารชีวิต
เวลาผ่านไป3ปี มีขุนนางใจกล้านามว่า "อู่จวี่" เสี่ยงตายเฝ้าเพ็ดทูลฉู่จวงหวังว่า
"ขอให้พระองค์ทายปริศนาดังมีรายละเอียดดังนี้ บนเขาของรัฐฉู่มีนกตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง ตัวมีขนห้าสี ท่าทางสง่างามน่าเกรงขาม แต่นกตัวนี้หยุดทำทุกอย่างเป็นเวลา3ปี ไม่บินและไม่ส่งเสียงร้อง อยากทราบว่านกชนิดนี้คืออะไร"
ฉู่จวงหวังเข้าใจความหมายของอู่จวี่จึงตรัสตอบว่า
"นกนี้ไม่ใช่นกธรรมดา เขาไม่บินไม่เป็นไรแต่ถ้าบินเมื่อไหร่ จะบินขึ้นจนสูงเสียดฟ้า ไม่ร้องก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าร้องเมื่อไหร่ จะดังจนคนตกตะลึง"
หลังจากนั้นมา ฉู่จวงหวังจึงเริ่มหึกเหิมขึ้นมาและเริ่มปฏิรูปบ้านเมือง รัฐฉู่จึงมีความเจริญมั่นคงขึ้นเป็นลำดับ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉู่จวงหวังต้องการแสดงแสนยานุภาพของกองทหารของรัฐฉู่ จึงนำกำลังพลมาสวนสนามยังเมืองลั่วอี้ที่เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์โจวตะวันออก กษัตริย์โจวได้ส่งขุนนางชื่อ หวังซุนหม่าน มาสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ทหารฉู่
ครั้งนั้นฉู่จวงหวังถามหวังซุนม่านว่า
"ติ่งทั้งเก้าใบที่เก็บไว้ในพระราชวังของกษัตริย์โจวหนักเท่าไหร่และมีลักษณะอย่างไร"
หวังซุนหม่านตอบว่า
"ความเจริญมั่งคั่งของบ้านเมืองขึ้นอยู่กับการใช้หลักคุณธรรมในการปกครองคน ท่านไม่จำเป็นต้องไปสนใจน้ำหนักของติ่งหรอก"
เนื่องจากติ่งสัมฤทธิ์เก้าใบถือเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจการปกครองบ้านเมือง การที่ฉู่จวงหวังถามถึงน้ำหนักของภาชนะสัมฤทธิ์แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานที่จะแย่งชิงบัลลังก์จากกษัตริย์โจว แต่ฉู่หวงหวังรู่ว่าตัวเองไม่มีความพร้อมที่จะโค่นล้มกษัตริย์โจวจึงนำทัพกลับรัฐฉู่ หลังจากนั้นไม่นาน กองทัพของรัฐฉู่ก็สามารถรบชนะกองทัพของรัฐจิ้นซึ่งตั้งอยู่แถบที่ราบภาคกลางในขณะนั้น หลังจากนั้นฉู่จวงหวังจึงตั้งตนขึ้นเป็นเจ้านครรัฐแทนรัฐจิ้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น