คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : บทที่ 37 : คนป่วย...ขี้อ้อน
บทที่ 37 : คนป่วย...ขี้อ้อน
“ฮัดชิ้ว!”
“เฮ้ยไอ้แกง...พี่ว่าแกไปหมอดีไหมวะ ตั้งแต่พี่มานั่งจน ณ ตอนนี้ แกจามเป็นสิบรอบแล้วนะเว้ย” หนึ่งว่าพลางมองหน้าคนเป็นรุ่นน้องที่กำลังหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำมูลที่ไหล
“งือ...ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกพี่หนึ่ง ผมสบายมาก ฮะ ฮัดชิ้ว!!” แล้วคนพูดก็จามใส่คนเป็นพี่
“ไอ้แกงงงงงงงง ไอ้น้องบ้า! แกรีบ ๆ ไปหาหมอเลย” หนึ่งพูดพลางหยิบกระดาษทิชชู่ที่วางอยู่บนโต๊ะมาเช็ดใบหน้า เนื่องจากรู้สึกหน้าชื้น ๆ จากการจามของคนเป็นน้องเมื่อสักครู่นี้
“ไปได้ไงอ่ะพี่ ผมต้องจัดรายการ อีกอย่าง...ตอนนี้ก็ดึกแล้วด้วย หมอที่ไหนจะมาอยู่รักษา”
“ก็จริงของแก แต่ยังไง ๆ พี่ว่าวันนี้แกก็กลับไปกินยาแล้วนอนพักดีกว่า เดี๋ยวพี่โทรเรียกไอ้พีมมาจัดต่อเอง...ห้ามปฏิเสธด้วย ไม่งั้นพี่จะบอกให้คุณข้าวฟ่างหักเงินแก!” หนึ่งไม่พูดเปล่า แต่ยังดึงหูฟังที่ครอบหัวแกงส้มออกแล้วส่งสายตาดุเป็นเชิงสนับสนุนคำพูดของตัวเอง
“ก็ลองให้พี่ข้าวฟ่างหักเงินผมสิ ผมจะไปฟ้องพี่กวาง” แกงส้มว่าก่อนจะต้องตกใจ เมื่อคนที่เขาพูดถึงเปิดประตูเข้ามาพอดี
“อะไรไอ้แกง ได้ยินแกบอกว่าจะฟ้องอะไรพี่ เอ้านี่...พี่ซื้อขนมมาฝาก พี่หนึ่งก็ทานด้วยกันนะคะ” กวางว่าก่อนจะยื่นถุงใสที่บรรจุขนมปังหลากหลายชนิดไว้ในนั้น หนึ่งยื่นมือออกมารับก่อนจะวางถุงขนมนั้นไว้ที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล แล้วหันไปมองกวางกับข้าวฟ่างที่กำลังยืนคุยกันหนุงหนิง
ไม่อยากจะเชื่อว่าสองคนนี้จะลงเอยกันได้ เขายังจำวันที่สองคนนี้เจอกันแล้วเจ้านายของเขาโดนผู้หญิงคนนี้ต่อยซะเลือดกำเดากระฉูด ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันไปตลอด
ที่ไหนได้...
กลับมาลงเอยกันซะงั้น!
โลกนี้มีอะไรที่ทำให้คนเรา ‘แปลกใจ’ ได้เสมอจริง ๆ สินะ!
“ก็พี่หนึ่งอ่ะดิพี่กวาง ไล่ให้ผมกลับบ้านไปกินยานอน ผมแค่จามใส่หน้าพี่หนึ่งเค้าเองนะ พอผมทำท่าว่าจะไม่กลับ พี่หนึ่งก็บอกว่าจะฟ้องพี่ข้าวฟ่างให้หักเงินเดือนผม ผมก็เลยบอกว่าถ้าพี่หนึ่งฟ้องพี่ข้าวฟ่าง ผมก็จะไปฟ้องพี่กวางเหมือนกัน” แกงส้มพูดพลางเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ ก่อนจะสูดน้ำมูกที่ทำท่าจะไหลอีกครั้ง
ฝนเมื่อบ่ายทำพิษเข้าแล้ว!
“พี่ว่าที่พี่หนึ่งพูดก็ถูกนะแกง ท่าทางเราจะไม่ไหวนะ ดูหน้าซีด ๆ ด้วย” ข้าวฟ่างพูดพลางเดินมาแตะหลังมือที่หน้าผากของคนที่กำลังสูดน้ำมูก
“ผมไหวนะครับ” แกงส้มยังยืนกรานคำพูดของตัวเอง พลางยิ้มหวานให้กับคนที่ยืนเบื้องหน้า
“แต่พี่ว่าแกไม่ไหวว่ะ” กวางพูด ก่อนจะดันหลังข้าวฟ่างให้หลบเธอ ก่อนที่หญิงสาวจะมองใบหน้าหวานของคนเป็นน้องแล้วกวางก็หยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์พลางกดโทรออกหาใครบางคน
“โทรหาใครอ่ะพี่กวาง” แกงส้มเอ่ยถามคนที่กำลังยัดไอโฟนใส่กลับที่เดิมทันทีที่บทสนทนาเพียงสั้น ๆ ของคนที่อยู่ที่นี่กับคนที่อยู่ปลายสายจบลง
“โทรหาพี่ฮั่น”
“เฮ้ย! โทรทำไม ฮื้อ...พี่อ่ะ!” แกงส้มโวยวาย พลางทำหน้างอง้ำ เรียกความสงสัยของคนมองอย่างกวางและข้าวฟ่างเป็นอย่างมาก
“แกเป็นอะไรของแกเนี่ยไอ้แกง ทะเลาะกับพี่ฮั่นหรือไง ทำไมพอพี่โทรให้พี่ฮั่นมารับแกแล้วแกจะต้องทำหน้าแบบนี้”
“ไม่ได้ทะเลาะกันครับ แต่นี่มันดึกแล้ว ผมไม่อยากให้พี่ฮั่นขับรถดึก ๆ มันอันตราย ผมแค่เป็นหวัดธรรมดาเอง กลับเองได้คร้าบบบบบบบ” แกงส้มว่าก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของกวาง
“พี่ฮั่นเค้าเก่งหรอกน่ะ แค่ขับรถดึก ๆ ไม่เป็นอะไรหรอก แกห่วงพี่เค้าเวอร์ไปเปล่า”
“พี่ไม่รู้อะไรพี่กวาง...” แกงส้มงึมงำออกมาเบา ๆ เมื่อนึกไปถึงสิ่งที่พี่ฮั่นกำลังเผชิญอยู่
“ไม่รู้อะไร ?” กวางถาม ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามคนที่กำลังทำหน้ากังวล
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับ โอ๊ะ! เดี๋ยวผมออกไปรอพี่ฮั่นข้างล่างดีกว่า พี่ฮั่นจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นมา ผมไปก่อนนะครับ บาย ๆ ๆ ๆ ฮะ” พูดจบ แกงส้มก็คว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายบ่าแล้ววิ่งตึงตังออกไปจากห้องคอนโทรลทันที
“พี่ข้าวว่า...ท่าทางไอ้แกงมันแปลก ๆ หรือเปล่าคะ” กวางเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งแทนที่แกงส้ม
“แปลกสิ...แต่เราอย่าเพิ่งไปยุ่งวุ่นวายกับแกงมันเลย ท่าทางแกงจะยังไม่พร้อมบอกอะไรนะ ว่าแต่เราเหอะ...สนใจอยากลองเป็นดีเจดูไหม เดี๋ยวพี่สอน” คำพูดที่มาพร้อมกับหูฟังที่ยื่นมาตรงหน้า เรียกใบหน้าหวานของกวางให้ยกยิ้ม
“อยากลองค่ะ พี่ข้าวจะสอนเค้าจริง ๆ หรอ” กวางถามอย่างไม่แน่ใจในคำพูดของคนตรงหน้า
“อื้อ...ก็เมื่อวานเราอยากลองไม่ใช่หรอ เอ้า! รับไปสิหรือว่าจะต้องให้ใส่ให้ด้วย” ข้าวฟ่างถามก่อนที่เขาจะต้องระบายยิ้มหวานออกมา เมื่อคนตรงหน้าพยักหน้าเป็นเชิงให้เขาใส่หูฟังให้เธอ
“บางทีเธอก็ ‘ขี้อ้อน’ ไปนะ...” พึมพำเบา ๆ มือหนาก็วางหูฟังไว้บนศีรษะทุย ก่อนที่กวางจะชะโงกหน้าไปหาใบหน้าคมแล้วกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู
“บางทีพี่ข้าวฟ่างก็ ‘น่ารัก’ ไปเหมือนกันค่ะ...”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของกวาง ข้าวฟ่างก็หน้าขึ้นสีแดงจัดทันที หนึ่งมองภาพคนสองคนสลับไปสลับมาก่อนที่เขาจะลุกเดินออกจากห้องนั้นออกไปโทรศัพท์หาสุ (แฟนสาวของเขา) ทันที
เห็นคนรักกันแล้วก็นึกถึงคนรักของตัวเอง
เมื่อความรักทำให้หัวใจของคนสองคนผูกกัน ความรู้สึกดี ๆ ก็จะร้อยเรียงให้ทุกลมหายใจของเราคิดถึงคนที่ทำให้หัวใจของเรารู้สึกดีและรู้สึกรัก
เมื่อใดที่เราอยู่คนเดียว...เราก็จะคิดถึงแต่ ‘คนที่เรารัก’
เมื่อใดที่เราอยู่กับใคร...เราก็จะคิดถึง ‘คนที่เรารัก’
เมื่อใดที่เราไปเจอเหตุการณ์อะไรมา...เราก็จะคิดถึง ‘คนที่เรารัก’
เมื่อใดที่เรามีความสุข...เราก็จะคิดถึง ‘คนที่เรารัก’
เมื่อใดที่เรามีความทุกข์...เราก็จะคิดถึง ‘คนที่เรารัก’
เมื่อใดที่เรายิ้ม...เราก็จะคิดถึง ‘คนที่เรารัก’
เมื่อใดที่เราหัวเราะ...เราก็จะคิดถึง ‘คนที่เรารัก’
เมื่อใดที่เราร้องไห้...เราก็จะคิดถึง ‘คนที่เรารัก’
ไม่ว่าเมื่อใด...เราก็จะคิดถึง ‘คนที่เรารัก’ เสมอ...
เพราะเขาคือ...’คนที่เรารัก’...
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าที่ผ่าลงมา ทำให้ร่างโปร่งที่นั่งกอดเข่าอยู่สะดุ้งเฮือกสุดตัว ดวงตากลมโตมองฝ่าความมืดไปยังสายฟ้าที่ส่องแสงสีขาวพาดผ่านท้องฟ้าสีดำสนิท ลมที่พัดกรรโชกแรง เรียกมือบางให้รูดซิปเสื้อแขนยาวมีฮู้ดของตัวเองให้ปิดถึงคอ
“ทำไมพี่ฮั่นยังไม่มาอีกนะ...”
ตอนนี้สมองของแกงส้มกำลังคิดประมวลไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ชวนให้จิตตก ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดบนท้องถนนหรือแม้แต่การกำเริบของโรคม่านตาอักเสบที่คนเป็นพี่ของเขากำลังเป็นอยู่
ปิ๊น!
บ่นยังไม่ทันถึงห้าวินาที รถเก๋งสีขาวก็สาดไฟส่องเข้ามา แกงส้มผุดรอยยิ้มดีใจก่อนที่เขาจะก้าวยาว ๆ ไปยังรถคันนั้น และเมื่อเปิดประตูรถเข้าไป แกงส้มก็โผเข้ากอดร่างคนเป็นคนขับทันที
“หืม...เป็นอะไรหรือเปล่าแกง ทำไมจู่ ๆ มากอดพี่แบบนี้” ฮั่นถามก่อนจะเชยคางคนที่เอาหัวซุกกับไหล่เขาให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา
“ผมกลัวอ่ะพี่ฮั่น”
“กลัว...กลัวอะไรครับ”
“ตอนนี้มันดึกแล้ว แล้วสายตาพี่ก็ไม่ค่อยดี ผมกลัวว่าพี่จะเกิดอุบัติเหตุ เพราะฝนทำท่าจะตกด้วย ตอนที่ผมนั่งรอพี่ ใจผมคิดกลัวไปหมดเลย...” แล้วคำพูดของแกงส้มก็ถูกริมฝีปากบางของคนเป็นพี่ดูดกลืน ความรู้สึกซาบซึ้งในคำพูดของคนเป็นน้องถูกฮั่นถ่ายทอดออกมาทางสัมผัสที่แสนนุ่มนวลอ่อนโยน
“แกงไม่ต้องกลัวนะครับ เพราะแกงเป็นคนบอกพี่เองนี่นา ว่าพี่ต้องไม่เป็นอะไร เพราะฉะนั้นพี่จะไม่เป็นอะไรครับ เลิกกังวลได้แล้วนะ” ทันทีที่ฮั่นปล่อยให้ริมฝีปากสวยเป็นอิสระ เขาก็ใช้นิ้วเรียวปัดผมม้าที่ปิดหน้าผากมนให้เปิดออก พลางแตะริมฝีปากของตัวเองไปยังบริเวณนั้นเป็นการยืนยันสนับสนุนคำพูดของเขาเมื่อสักครู่นี้
คนที่บอกให้เขาเข้มแข็งมาโดยตลอด ในบางครั้งก็มีอารมณ์หวาดกลัวและหวั่นไหวสินะ
ก็ขนาดคนเข้มแข็งเสมออย่างตัวเขาเอง ยังมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเลย แล้วนับประสาอะไรกับแกงส้ม...
สองแขนที่โอบรอบเอวเขามาพร้อมกับใบหน้าหวานที่ซุกมาบริเวณแผ่นอก ทำให้คนโดนกอดต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ
“แกงกอดพี่แบบนี้แล้วพี่จะขับรถได้ยังไงครับ”
“อ่า...นั่นสิครับ งั้นผมขอกอดพี่แบบนี้แป๊บนึงก่อนนะ” แล้วคนพูดก็หลับตาพลางเบียดใบหน้าของตัวเองไปกับแผ่นอกกว้างแล้วกระชับอ้อมแขนของตัวเองให้แน่นขึ้นไปอีกด้วยความรู้สึกที่รักใคร่และหวงแหนคน ๆ นี้
ความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากอ้อมกอดของร่างบางทำให้ฮั่นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แกงส้มมีให้กับเขา...
ไม่ต้องพูดว่ารัก...แต่แสดงออกว่ารักผ่าน ‘อ้อมกอด’
หัวใจก็รับรู้ได้เสมอ...
ก็เพราะแกงส้มเป็นแบบนี้...หัวใจของเขาถึงได้รู้สึกดีทุกครั้งที่มีคน ๆ อยู่ใกล้ ๆ
หากวันหนึ่งเขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของคน ๆ นี้...
เขาก็ยังรู้สึกดี...
เพราะเขารู้ว่าแกงส้มจะยังกอดเขา...รักเขา...และทำให้เขาอบอุ่นหัวใจแบบนี้...เรื่อย ๆ ต่อไป
“อ้าปากงับปรอทวัดไข้หน่อยครับคนป่วย” ฮั่นเอ่ยพูดก่อนจะยื่นปรอทใส่ปากที่อ้ารอ
“อี้อั้นอั๊บ...(พี่ฮั่นครับ)” เสียงเรียกที่ดังแบบบฟังไม่รู้เรื่องเรียกคิ้วหนาของคนมองให้ขมวดเข้าหากัน
“ว่าไงครับ”
“อ๋มอากอาบอ้ำอ่ะ อาบอ้ายไอ๊...(ผมอยากอาบน้ำอ่ะ อาบได้ไหม)”
“แกงเอาปรอทวัดไข้ออกก่อนครับ แล้วค่อยพูด” ฮั่นว่าก่อนจะอมยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าหวานเหรอหราขึ้นมา
“เออเนอะ พอเอาออกแล้วพูดชัดขึ้นเลย”
“นี่แกงแกล้งเกรียนพี่ใช่ไหม” ฮั่นถามพลางเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าเบื้องหน้าของคนที่ถือปรอทวัดไข้
“เปล่านะพี่ฮั่น ผมไม่ได้แกล้งเกรียนพี่ซะหน่อย” แกงส้มตอบก่อนจะอมยิ้มนิด ๆ ฮั่นเห็นอากัปกิริยานี้ของคนตรงหน้า เขาก็ส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนจะยกมือไปยีผมแกงส้มเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“โอเค ๆ ถ้าไม่แกล้งเกรียนพี่แล้วเมื่อตะกี้พูดว่าอะไรครับ”
“ผมพูดว่า ผมอยากอาบน้ำครับ ผมอาบได้ไหม ตอนนี้รู้สึกร้อนมาก เพราะพี่อ่ะไม่ยอมเปิดแอร์” พูดพลางทำปากจู่แก้มป่องอย่างนึกเคืองคนตรงหน้าเล็ก ๆ
แค่เป็นหวัดเอง แต่ห้ามเปิดแอร์...ตับแตกแน่คืนนี้!
“ก่อนจะอาบน้ำ ขอพี่ดูไข้แกงก่อนว่าขึ้นสูงแค่ไหน เพราะฉะนั้น...เอาปรอทวัดไข้เข้าปากแล้วห้ามพูดสักแป๊บนึงครับ”
“ครับ ๆ” รับคำเสร็จ แกงส้มก็เอาปรอทวัดไข้ใส่เข้าไปในปาก
ไม่ถึงสามนาที ฮั่นก็ดึงปรอทวัดไข้นั้นออก
“โห! ไข้ขึ้นสูงมากเกือบ 40 องศาแน่ะแกง อาบน้ำไม่ได้แล้วครับ เช็ดตัวเอาก็พอ เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นมาเช็ดตัวให้” ไม่ต้องรอให้คนป่วยตอบรับหรือปฏิเสธ ร่างสูงของฮั่นก็เดินเร็ว ๆ ไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลทันที แกงส้มมองตามร่างสูงไปด้วยใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้ม
พี่ฮั่นแสนดีกับเขาเสมอ...
วันแรกเป็นยังไง วันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น...
“มาแล้วคร้าบ...” ร่างสูงที่ถือกะละมังใส่น้ำมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่บนบ่า ค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งข้างคนป่วยที่นั่งเอาหลังพิงหัวเตียง
“ถอดเสื้อออกสิแกง” คำสั่งที่ของคนที่กำลังเอาผ้าชุบน้ำแล้วบิด ทำให้คนโดนสั่งสะดุ้งเล็ก ๆ
“พี่ว่าอะไรนะครับพี่ฮั่น”
“พี่บอกว่าให้แกงถอดเสื้อครับ” น้ำเสียงหนักแน่นมาพร้อมกับใบหน้าที่อมยิ้ม ทำให้แกงส้มหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ทำไมผมต้องถอดเสื้อด้วยอ่ะพี่ฮั่น พี่ก็แค่เช็ดตามคอ ตามแขนผมก็พอ”
“ถ้าเช็ดแค่นั้นแล้วไข้มันลดก็ดีสิครับ อย่างอแงน่าแกง รีบ ๆ ถอดเสื้อเร็วเข้า จะได้เช็ดตัวแล้วกินยานอน”
“แต่...”
“จะถอดเองหรือว่าให้พี่ถอด...?” คำถามที่เอ่ยออกมาจากใบหน้าจริงจัง ทำให้คนอิดออดต้องค่อย ๆ ถลกเสื้อยืดสีดำที่ตัวใส่อยู่ให้หลุดออกจากตัว
ลำตัวขาวผ่องที่แลดูบอบบางกว่าที่เห็นภายนอกทำให้คนมองต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ฮั่นมองไล่ตั้งแต่ลำคอขาวเรื่อยลงมาที่ไหปลาร้าแล้วหยุดที่แผงอกซึ่งมีไรขนอ่อนขึ้นบ่งบอกความเป็นชาย คนมองกระพริบตาหนึ่งครั้งก่อนจะเสสายตามาที่ผ้าขนหนูในมือของเขา
“แกง...พี่ขอโทษนะครับ...” เอ่ยขอโทษเสร็จ ฮั่นก็ค่อย ๆ เขยิบกายเข้าไปใกล้คนที่ยกสองมือขึ้นกอดอก
มือหนาเลื่อนไปไล่เช็ดตั้งแต่หน้าผากไล่ไปตามสองแก้มขาวที่บัดนี้ขึ้นสีแดงจัด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้หรือว่าความเขิน...จากนั้นมือหนาก็ไล่เช็ดต่ำลงมาจากปลายคางเรื่อยไปตามลำคอขาวแล้วหยุดลงที่แผงอก...
ฟุ่บ!
ฮั่นโยนผ้าขนหนูผืนเล็ก ก่อนจะหันหลังให้กับร่างขาวตรงหน้าทันที
“พะ พี่ฮั่น...พี่เป็นอะไรครับ ทำไมไม่เช็ดต่อล่ะ” แกงส้มถามทันทีที่เห็นการกระทำของคนเป็นพี่
“...”
ความเงียบที่มาแทนคำตอบ ทำให้คนถามยิ่งรู้สึกแปลกใจ มือบางรีบเอื้อมไปดึงไหล่หนาของคนที่นั่งหันหลังให้หันมาเผชิญหน้ากันทันที
แล้วใบหน้าคมที่ขึ้นสีแดงก่ำ บวกกับอาการเม้มริมฝีปากแน่นของคนตรงหน้าก็ทำให้แกงส้มถึงกับบางอ้อ
ที่แท้...พี่ฮั่นก็ ‘เขิน’ เขานี่เอง!
“พี่เช็ดตัวให้แกงต่อไม่ได้แล้ว แกงเช็ดตัวต่อเองนะครับ เดี๋ยวพี่ออกไปรอข้างนอก...” พูดจบ คนพูดก็ลูกขึ้นยืนยืดตัวเต็มความสูง แต่ยังไม่ทันได้เดินไปอย่างที่ใจต้องการ มือบางก็คว้าข้อมือของเขาไว้ เมื่อเขาหันมาก็เจอกับใบหน้าหวานที่กำลังส่งสายตาอ้อน
“ไม่ไปไม่ได้หรอครับ ผมเช็ดตัวเองก็ได้ แต่พี่ฮั่นนั่งอยู่กับผมนะ...น้า...”
อึก...
ฮั่นถึงกับต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาตบเบา ๆ ที่อกด้านซ้ายของตัวเอง พลางกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อขับไล่อาการเหมือนลมจะขึ้น เพราะเลือดสูบฉีดบนใบหน้าเกินอัตราที่ควรจะเป็น
แกงเอ๊ย...แกงจะรู้ตัวไหมนะว่าทำแบบนี้มัน ‘อันตราย’ กับตัวเองแค่ไหน...
“นะพี่ฮั่น...ผมป่วยอยู่นะครับ พี่ไม่คิดจะตามใจคนป่วยอย่างผมหรอ...” ถามพลางทำแก้มป่อง อากัปกิริยานี้ยิ่งเรียกใบหน้าคมให้แดงมากยิ่งขึ้น
เอาเข้าไป...’ยั่ว’ กันเข้าไป...
“พูดตรง ๆ นะแกง...พี่ไม่อาจทนดูแกงอยู่ในสภาพนี้ได้...”
“ทำไมครับ...สภาพผมตอนนี้มันดูไม่ได้เลยหรอ” แกงส้มไม่ถามเปล่า แต่ยังก้มหน้ามองแผ่นอกของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับร่างสูงที่ยืนมองเขาไปกลืนน้ำลายไป
พี่ฮั่นเป็นอะไรเนี่ย...แค่เขินถึงกับอยู่ร่วมห้องกันไม่ได้เลยหรือไงนะ...?
“มันไม่ใช่ดูไม่ได้แกง แต่มันดูแล้วชวนให้จิตคิดไม่ดีครับ” ฮั่นตอบตรง ๆ ก่อนจะเบนสายตาหนีภาพตรงหน้า
“จิตคิดไม่ดี...หมายความว่าไงครับ”
“นี่แกงแกล้งแบ๊วไม่รู้เรื่องจริง ๆ หรือว่าแกงคิดจะแกล้งพี่กันแน่ครับ” เมื่อได้ยินคำพูดประโยคเมื่อกี้ของคนเป็นน้อง ฮั่นก็หันมาถามคนที่ยังจับข้อมือเขาทันที
ถ้าแกงแกล้งเขานะ...เขาจัดหนักคนป่วยแน่...
แต่ถ้าไม่ได้แกล้ง...เขาก็คงรู้สึกไม่ดี...เพราะน้อง ‘ใสซื่อ’ เกินไปจนทำให้คนที่กำลังคิดอะไรไปไกลอย่างเขารู้สึกผิดกับความคิดของตัวเอง
“ผมจะแกล้งพี่ทำไมล่ะครับ ผมไม่รู้จริง ๆ นะ ว่าแต่...พี่กำลังคิดอะไรอยู่ครับ บอกผมได้ไหม...” คำถามที่มาพร้อมกับใบหน้าหวานที่เลื่อนมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนทำให้คนที่กำลังคิดไปไกลยิ่งคิดไปไกลหนักเข้าไปอีก แต่ก่อนที่ใบหน้าของคนสองคนจะสัมผัสกัน ฮั่นก็ผลักใบหน้าหวานของแกงส้ม แล้วปลดมือออกจากพันธนาการของคนที่ลงไปนั่งที่เตียงเหมือนเดิม พลางวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
ปัง!
เสียงประตูที่กระแทกปิด เรียกร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่บนเตียงให้วิ่งตามไปเคาะประตูห้องน้ำ
ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ
“พี่ฮั่น...พี่ฮั่น...พี่เป็นอะไรเนี่ย...”
“แกง...พี่ให้เวลา 10 นาที เช็ดตัวให้เสร็จก่อนที่พี่จะออกไป ไม่งั้นพี่จะโกรธแกงครับ” เสียงเข้มหนักแน่นที่ดังลอดมาจากห้องน้ำ ทำให้คิ้วสวยขมวดมุ่น
“ถ้าพี่ไม่บอกว่าพี่เป็นอะไร ผมจะไม่ทำตามที่พี่พูดครับ” คำพูดที่หนักแน่นไม่แพ้กัน ทำให้ร่างสูงที่กำลังวักน้ำใส่ใบหน้าต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ
แกงเอ๊ยแกง...
“แกงฟังพี่ให้ดี ๆ นะ...ที่พี่ไม่สามารถอยู่ร่วมห้องกับแกงได้ เพราะพอพี่เห็นแกงพี่ก็คิดอะไรที่มัน...’อกุศล’ กับแกงครับ...แกงรู้ไหมว่าการที่คนรักกันสองคนอยู่ภายในห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน แล้วแกงก็อยู่ในสภาพนั้น...มันชวนให้คิดอยากจะทำอะไรมากแค่ไหน บรรยากาศที่เป็นใจบวกกับความรู้สึกต้องการของร่างกายอาจทำให้พี่เผลอทำอะไรแกงลงไป...ซึ่งพี่ไม่อยากให้มันเกิดเรื่องแบบนั้น เพราะพี่ ‘รัก’ แกง พี่อยาก ‘ทะนุถนอม’ แกงให้เราพร้อมกันมากกว่านี้...แกงเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมครับ...”
คนที่กำลังยกมือเคาะประตู หยุดการกระทำของตัวเองทันทีที่ได้ยินคำพูดที่ดังมาจากภายในห้องน้ำ
นี่พี่ฮั่น...‘แสนดี’ ขนาดนี้เลยหรอ...
อ๊าก...เขาเลือกรักคนไม่ผิดจริง ๆ
จะมีคนสักกี่คนที่พูดว่าอยากจะทะนุถนอมคนที่ตัวเองรักในสถานการณ์ที่ล่อแหลมและเป็นใจขนาดนี้
จะมีสักกี่คน...
“โธ่พี่ฮั่น...แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก ถ้างั้น...ไม่เกิน 15 นาทีพี่ก็ออกมาได้แล้วครับ เดี๋ยวผมจะรีบเช็ดตัวให้เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเลย” พูดจบ คนพูดก็หมุนตัวเตรียมเดินกลับไปที่เตียง แต่...
“ขอโทษนะครับแกงที่พี่เช็ดตัวให้แกงต่อไม่ได้...”
“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพี่ ที่ทำให้พี่ต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำแบบนั้น...แล้วก็ขอบคุณนะครับ...ที่พี่เป็นคนรักที่แสนดีแบบนี้ ผมรักคนไม่ผิดจริง ๆ ครับ” แล้วรอยยิ้มก็ระบายเต็มดวงหน้าหวาน
ส่วนคนที่ยืนพิงประตูห้องน้ำอยู่ก็ยกยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของคนเป็นน้อง
พี่ก็ไม่ได้เป็นคนรักที่แสนดีแบบนั้นหรอกแกง...
แต่พี่แค่อยากทะนุถนอมคนที่พี่รักให้ถึง ‘วันของเรา’ ต่างหาก
วันของเรา...ที่พี่เชื่อว่ามันคือ ‘วันที่แสนพิเศษ’...
“พี่ฮั่นครับ...”
“หืม...ว่าไงครับแกง” ฮั่นเงยหน้าขึ้นจากหนังสือตำราอาหารตรงหน้า พลางมองไปยังร่างที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียง
“ผมนอนไม่หลับอ่ะ”
“กินยาไปแล้ว เดี๋ยวยาก็คงออกฤทธิ์ครับ”
“เล่านิทานให้ผมฟังหน่อยสิครับ” แกงส้มว่าพลางลืมตามองคนที่เอาหนังสือไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
“พี่เล่านิทานไม่เก่งครับ เก่งแต่ทำอาหาร” ฮั่นตอบก่อนจะลุกจากเก้าอี้มานั่งที่เตียง
“แต่พี่ก็แต่งนิทานได้นี่นา...เล่าเถอะครับ...นะ ๆ ๆ” เสียงอ้อนมาพร้อมกับใบหน้าหวานที่เลื่อนจากหมอนหนุนใบโตมาวางบนต้นขาแน่นของคนที่นั่งยืดขา
ฮั่นค่อย ๆ เขยิบเข้าไปนั่งบริเวณกลางเตียงพลางพิงหลังไปกับหัวเตียง ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นไปลูบผมของคนที่นอนหนุนตักเขาอยู่
“อืม...เปลี่ยนจากเล่านิทานเป็นร้องเพลงให้ฟังได้ไหมครับ” ฮั่นเอ่ยต่อรอง
“ก็ได้ครับ...เอาเพลงหวาน ๆ นะ...ผมชอบบริโภคของหวาน...”
“ไม่รู้ว่าเพลงนี้จะหวานไหม แต่มันเป็นเพลงที่พี่เขียนเองครับ...แกงตั้งใจฟังดี ๆ นะ...”
พูดจบ ฮั่นก็กระแอมออกมา ก่อนที่เขาจะเริ่มร้องเพลงที่เขาแต่ง...ตอนที่เขารู้ว่าตัวเองอาจจะต้องตาบอด...
“...ในทุกวันที่ฉันยังคงลืมตา...เพื่อมองฟ้าที่สดใส
ฉันยังมีใครที่ทำให้หัวใจรู้สึกดี
ทุกความผูกพัน ทุกความรู้สึกที่มี
อยากบอกว่าฉันคนนี้...ดีใจที่มีเธอ
เธออาจไม่รู้ว่าเธอสำคัญ...สำหรับฉันแค่ไหน
เธออาจไม่เข้าใจ...ว่าทำไมฉันถึงยังอยู่ตรงนี้
เธออาจไม่เห็น...ความรักที่ฉันมีเพื่อเธอนะคนดี
แต่เธอจะสัมผัสได้หลังจากฟังเพลงนี้...
ก็เพราะทุกการลืมตา...คือการมองภาพหน้าเธอ
อาจไม่รู้ว่าเธอต้องการมองฉันเหมือนกันหรือไม่
แต่ฉันอยากมองแต่เธอ...คนเดียวเสมอไป
เพราะภาพเธอคือภาพที่อยู่ในหัวใจ...ตลอดเวลา
หากวันพรุ่งนี้ฉันไม่ได้เห็นเธอ
ฉันก็ยังรู้เสมอว่าเธอยังอยู่ตรงนี้
เพราะทุกความรู้สึกในหัวใจฉายชัดถึงความทรงจำที่ดี
ที่ฉันนั้นมีเธออยู่ทุกวัน...ที่ฉันยังคงหายใจ...”
เมื่อร้องเพลงนี้จบ คนร้องก็พบว่าคนฟังกำลังยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง เสียงสะอื้นเบา ๆ ที่ดังลอดออกมาจากฝ่ามือนั้น เรียกมือหนาให้ดึงร่างของคนที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นมา
“แกง...เป็นอะไรไปครับ เพลงพี่มันห่วยมากจนแกงฟังแล้วร้องไห้เลยหรอ...” ฮั่นถาม พลางดึงมือที่ปิดใบหน้าหวานออก แล้วเขาก็ค่อย ๆ ใช้นิ้วโป้งไล่เช็ดน้ำตาที่รินไหลจากดวงตาคู่สวย
“ฮึก...มันไม่ได้ห่วยเลยสักนิดพี่ฮั่น...แต่มันเพราะมาก...ฮึก...เพราะมากจนทำให้ผมต้องร้องไห้แบบนี้ ฮือ...” แล้วคนพูดก็ร้องไห้ออกมาอีกชุดใหญ่ ฮั่นเห็นดังนั้นก็ดึงร่างบางตรงหน้าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พลางลูบเรือนผมนุ่มแล้วเอ่ยปลอบประโลม
“โอ๋ ๆ ๆ ๆ ไม่ร้องนะครับแกงคนดีของพี่...อะไรกัน...เป็นคนป่วยแล้วขี้แยหรอครับ ไม่ร้องนะ...ยิ่งร้องเดี๋ยวก็ยิ่งหายใจไม่ออกหรอก เลิกร้องนะครับ...”
“ผมรักพี่นะพี่ฮั่น...” เสียงอู้อี้ที่พูดออกมา ทำให้คนกอดต้องยกยิ้ม แล้วดันใบหน้าหวานที่ซุกอยู่ที่อกให้เงยขึ้นสบตากับเขา
“พี่ก็รักแกงครับ...” บอกรักจบ ฮั่นก็เลื่อนริมฝีปากไปจูบซับน้ำตาที่ปลายหางตาของแกงส้ม แล้วเลื่อนมาที่แก้มขาว ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากสวย
สัมผัสอ้อยอิ่งที่ไม่เรียกร้องรุกเร้าแต่คล้ายจะให้ความรู้สึกมั่นคงหนักแน่นว่าเขาจะไม่ไปไหน แต่จะอยู่ตรงนี้ ทำให้แกงส้มยกสองมือขึ้นมาโอบรอบคอร่างสูงแล้วสัมผัสตอบด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน
คนสองคนปล่อยให้ความรู้สึกเป็นตัวนำพาให้สัมผัสของพวกเขาลอยละล่องไปกับความรู้สึกที่ดี ความอบอุ่นจากร่างกายที่แนบชิดทำให้อากาศเย็นชื้นที่เกิดจากฝนที่สาดซัดภายนอกไม่สามารถทำให้ร่างสองร่างรู้สึกเหน็บหนาว...
“คราวนี้นอนหลับจริง ๆ แล้วนะครับ” ฮั่นว่าก่อนจะขยับแขนให้คนที่นอนหนุนได้นอนถนัดมากขึ้น
“ครับพี่ฮั่น...หลับจริง ๆ แล้ว” พูดจบ คนที่นอนหนุนแขนหนาก็หลับตาเป็นเชิงบอกให้คนที่มองเขาอยู่ ได้รับรู้ว่าเขากำลังจะหลับจริง ๆ
“ถ้างั้นก็ฝันดีนะครับ แกงของพี่...”
“ครับ...ฝันดีฮะพี่หมีของผม...”
แล้วคนสองคนก็หลับไปพร้อมกับความสุขที่ลอยวนในหัวใจ
แม้บรรยากาศของราตรีนี้จะเป็นใจให้ชวนมีอะไร...
แต่สุดท้ายแล้ว...
แค่เพียงการนอนหลับไปพร้อม ๆ กันด้วยความรู้สึกที่ดี...
แค่เพียงเท่านี้....
ก็เพียงพอแล้ว...
“อืม...” เสียงหวานที่ดังลอดออกมาจากใต้ผ้าห่ม เรียกคนที่ยกข้าวต้มมาวางบนโต๊ะข้างเตียงให้ก้าวเร็ว ๆ ไปหาร่างนั้น
“ตื่นพอดีเลยแกง ลุกขึ้นมาให้พี่ดูหน่อยสิครับ ว่าไข้ลดหรือยัง” ฮั่นว่าพลางเลิกผ้าห่มหนาให้เปิดออก ร่างโปร่งที่อยู่ในชุดนอนลายสนูปปี้มีรอยเปียกชื้นจากเหงื่อ ใบหน้าหวานที่บัดนี้เริ่มมีสีขาวนวลปกติ ทำให้คนมองต้องยิ้มออกมา ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปอังบริเวณหน้าผากมน
“อืม...ไข้ไม่มีแล้ว เดี๋ยวแกงไปแปรงฟันแล้วมาทานข้าวต้มร้อน ๆ นะครับ วันนี้พี่ต้มข้าวต้มไก่ เพราะแกงจะได้ไม่ต้องเคี้ยวมาก”
“อ่าครับ งั้นผมไปแปรงฟันก่อนนะครับ” แล้วคนเพิ่งหายไข้ ก็ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ฮั่นมองตามก่อนที่เขาจะเริ่มพับผ้าห่มบนเตียง พลางลุกเดินไปเปิดผ้าม่านและประตูระเบียง รับสายลมเย็นจากยามเช้าที่อากาศสดใสเนื่องจากเมื่อคืนฝนตกทั้งคืน
“ลมเย็นจังเลย”
“เฮ้ย! นี่แกงไปแปรงฟันหรือไปเอาฟันวิ่งผ่านยาสีฟันกันแน่เนี่ย ทำไมเร็วจัง” เมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งเข้าห้องน้ำไปไม่ถึงห้านาที มายืนอยู่ข้างตัว ร่างสูงก็ถามก็ออกไปอย่างนึกแปลกใจทันที
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ก็ผมไม่ได้อาบน้ำนี่นา ก็เร็วสิครับ ว่าแต่...พี่เอาข้าวต้มมาป้อนผมตรงระเบียงได้ไหมอ่ะ ลมเย็นดี ผมอยากกินข้าวตรงนี้” แกงส้มว่าก่อนจะเดินไปยืนที่ริมระเบียง สองแขนผายออกข้างตัว แล้วสูดอากาศเย็นเข้าไปเต็มปอด
แม้อากาศจะไม่บริสุทธิ์เท่าไหร่ แต่การได้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ในยามเช้าที่อากาศดีแบบนี้...
มันก็โอเคอยู่นะ...
“มาแล้วครับ ข้าวต้มร้อน ๆ สำหรับคนป่วย” คำพูดที่มาพร้อมกับช้อนที่ตักข้าวต้มทำให้คนที่ยืนมองต้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณนะครับพี่ฮั่น ที่ดูแลผมดีขนาดนี้...”
“ขอบคุณทำไมครับ แกงเป็นแฟนพี่นะ...ถ้าพี่ไม่ดูแลแฟนพี่ แล้วพี่จะไปดูแลใครล่ะครับ เอ้า...อ้าปาก”
เมื่องับข้าวต้มเข้าปาก ความอุ่นจากข้าวที่ไหลซึมลงคอ ทำให้คนกินรับรู้ได้ถึงความใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อยของผู้ชายที่ยืนถือชามข้าวต้มตรงหน้า
พี่ฮั่นเป่าให้เขาก่อนที่จะให้เขากิน...
“อีกคำนะครับ...”
แล้วเช้าที่แสนสดใสก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
บางทีก็อยากป่วยทุกวันนะ...เพราะเขาจะได้ ‘อ้อน’ พี่ฮั่นแบบนี้...ทุกวัน...
การดูแลใส่ใจในคนที่รัก...อาจไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่เหมือนกับคนอื่น
ไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ใหญ่โต...ไม่จำเป็นเลยสักนิด
แค่เพียงดูแลกันในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
แค่เพียงเท่านั้น...หัวใจของคนที่รักก็สามารถซึบซับและสัมผัสได้ถึงการดูแลใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้
เพราะสำหรับคนที่รักกันแล้ว...ย่อมสัมผัสได้ถึงทุกความรู้สึกและทุกการกระทำที่มีให้แก่กัน
//วันนี้มาดึกอีกแล้วจ้า...ฮ่า ๆ ๆ ๆ เค้าขอโทษจริง ๆ น้า...สำหรับคนที่รอ...ไม่ได้ตั้งใจจะเกเรแบบนี้จริง ๆ แต่พอดีเค้าไปศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการรวมเล่มฟิคมาอ่ะค่ะ ก็เลยมาปั่นเสร็จช้าไปนิด
ขอโทษจริง ๆ นะคะ
มาเวิ่นเรื่องฟิคตอนนี้ต่อ...โว๊ะ ๆ ๆ ๆ โว้...แกงช่างขี้อ้อนจริง ๆ เลยเนอะ...หวานเบา ๆ อีกแล้วค่าตอนนี้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ หวังว่าคนอ่านจะยังไม่สำลักความหวานจนหัวใจจะวายหามส่งเข้าโรงพยาบาลก่อนนะคะ ><
เนื้อเพลงที่เห็นในตอนนี้...คิดเอง แต่งเอง เขียนเอง อีกแล้วค่ะ ฮ่ะ ๆ ๆ ถ้ามันดูขัด ๆ แปลก ๆ ยังไงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้จริง ๆ ค่ะ...
ติดตามกันต่อไปนะคะ...ว่าตอนต่อไปจะเป็นเยี่ยงไร อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วเนอะ
ก็อยากจะบอกว่า...คราวนี้กวางคงจะหายไปจริง ๆ 4 วันนะคะ...คือวันที่ 15-18 ค่ะ
กวางมีสอบติด ๆ กันเลย...เพราะฉะนั้นคงไม่ได้มาเปิดคอมส์และคงไม่ได้อัพฟิคนะคะ
แต่ก็สามารถไปฝากความคิดถึงกันได้ที่ทวิตเตอร์ หรือว่าจะทางฟิคนี้ก็ได้น้า...แบบว่าเปิดมาแล้วไม่เห็นอัพจะมาทวง ๆ ๆ กันก็ได้นะคะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ
คิดถึงกวางด้วยเด้อเมื่อไม่เจอกัน...รักคนอ่านทุกคนค่ะ จุ๊บๆ ><
ความคิดเห็น