คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : บทที่ 36 : นิทาน ความหวาน สายฝน
บทที่ 36 : นิทาน ความหวาน สายฝน
“ไอ้ฮั่น...เมื่อวานไปหาหมอมาเป็นไงบ้างวะ ?” จ๋าเอ่ยถามฮั่น พลางมองร่างสูงที่กำลังยืนต้มเส้นสปาเกตตี้อย่างชำนาญ
“ก็ปกติดีนี่ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” ฮั่นตอบ ก่อนที่เขาจะคีบเส้นสปาเกตตี้ใส่ลงในชามใสที่แช่อยู่ในน้ำแข็ง เหตุที่ต้องเอาเส้นสปาเกตตี้ใส่ลงในชามที่แช่ในน้ำแข็ง ก็เพราะจะทำให้เส้นนั้นไม่จับตัวกันและมีอุณหภูมิที่คงที่
“หรอ...ถ้างั้นก็ดี เพราะฉันว่าดูตาแกวันนี้มันแดงกว่าเมื่อวานอีกนะ” จ๋าพูด พลางชะโงกหน้าเข้ามาดูลูกตาของฮั่นใกล้ ๆ
ปากบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ทำไมดูมันอาการหนักกว่าเดิมอีกหว่า...?
“เฮ้ย! มันก็คงแดงเพราะโดนไอจากการผัดซอสพริกเผาเมื่อตะกี้แหล่ะ ไม่มีอะไรหรอก ไป ๆ แกยกจานออกไปวางข้างนอกได้แล้ว” ฮั่นเอ่ยปากไล่เพื่อนสนิทของตัวเอง ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบกะละมังอลูมิเนียมมาส่องดูลูกตาตัวเอง
แดงจริง ๆ ด้วยแฮะ...
“จะเอ๋!”
เคร้ง!!!
“เฮ้ย!”
ร่างสูงตกใจจากการเล่นจะเอ๋ของคนที่โผล่เข้ามาจนปล่อยกะละมังที่อยู่ในมือหล่นพื้น
“ขวัญอ่อนจริงพี่ฮั่น...” แกงส้มว่าพลางเอียงคอมองหน้าคมด้วยสายตาติดจะล้อเลียน แต่เมื่อเห็นใบหน้าของร่างสูงที่ซีดเผือด เขาก็รู้สึกตกใจ
“เป็นอะไรพี่ฮั่น ทำไมหน้าซีดแบบนี้ครับ”
“แกงดูตาพี่สิ...”
เมื่อแกงส้มมองไปที่ตาของฮั่น เขาก็ต้องตกใจ เพราะตอนนี้ดวงตาของคนเป็นพี่แดงก่ำมาก
“เฮ้ยพี่ฮั่น...ผมว่าพี่ไปเอายามาล้างตาก่อนดีกว่า”
“ไม่ได้หรอกแกง เดี๋ยวไอ้จ๋ากับหมิวรู้”
“นี่พี่ยังไม่ได้บอกสองคนนั้นหรอครับ” แกงส้มถามพลางหันไปมองยังร่างบางสองร่างที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่
“พี่อยากรอให้ผลตรวจมันออกมาเป็นทางการก่อนอ่ะค่อยบอก พี่ไม่อยากให้ไอ้จ๋ามันตกใจแล้วตีโพยตีพายไปก่อน เพราะพี่รู้ว่ามันนิสัยเหมือนพี่ ถ้ามันรู้ว่าพี่เป็นโรคม่านตาอักเสบ มันคงจะไม่เป็นอันทำงานแล้วจิตตก ซึ่งถ้ามันจิตตกนะ มันจะยิ่งพาพี่จิตตกอ่ะ แค่นี้พี่ก็จิตตกมากพอแล้ว...” พูดจบ ฮั่นก็พิงหลังไปกับอ่างล้างจาน พลางถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกหน่วงลึก ๆ กับอาการที่เริ่มไม่ดีของดวงตาเขา
“โธ่พี่ฮั่น...” แกงส้มครางชื่อคนที่ยืนทำหน้าเหมือนคนหมดแรงออกมา ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปกอดคนตรงหน้า พลางซบหน้าไปที่บ่าแล้วใช้สองมือโอบรอบเอว
“ผมว่าที่วันนี้พี่ตาแดงผิดปกติ คงเป็นเพราะว่าพี่มาทำซอสพริกเผามากกว่า ความร้อนของพริกทำให้พี่ตาแดงแบบนี้ ไม่เกี่ยวกับอาการม่านตาอักเสบหรอกครับ พี่อย่าคิดมากนะ...ยิ่งพี่คิดมาก พี่ก็ยิ่งจิตตก และพอพี่จิตตก ไอ้อาการที่ไม่เคยเป็น มันก็อาจจะมาเป็น...เลิกคิดมากน้า...” เสียงหวานที่เอ่ยปลอบใจ ทำให้คนที่กำลังเริ่มรู้สึกแย่ คล้ายมีกำลังใจขึ้นมา
นั่นสินะ...เขาไม่ควรคิดมาก...
ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด...
ยิ่งเครียดก็ยิ่งจิตตก...
ไม่ดี ๆ
“โอเคครับ พี่จะไม่คิดมากแล้ว ขอบคุณนะแกงที่พูดเตือนสติพี่ และขอโทษที่ทำให้แกงต้องมาคิดมากด้วยแบบนี้” ฮั่นว่า พลางดันตัวร่างบาง(กว่า)ออกห่างตัว พลางไล้ปลายนิ้วเรียวไปตามโครงหน้าหวานด้วยความรู้สึกที่รักใคร่
“พี่ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ แค่พี่เลิกคิดมากให้ได้อย่างที่พูด แค่นี้ก็พอแล้วครับ...”
พูดจบ แกงส้มก็คว้ามือหนามาจูบที่กลางฝ่ามือ พลางช้อนสายตากลมโตขึ้นไปมองใบหน้าคม
“ผมรักพี่และพร้อมจะอยู่เคียงข้างพี่ครับ”
“แกง...” ฮั่นครางชื่อคนตรงหน้าออกมาด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ
“เรียกชื่อผมแล้วไม่มีอะไรจะพูดต่อหรอครับ” แกงส้มถามพลางอมยิ้มกรุ้มกริ่มน่ารัก
“แล้วแกงอยากให้พี่พูดว่าอะไรล่ะครับ...” ฮั่นถามกลับพลางอมยิ้มก่อนจะยื่นมือไปจับคางเรียวแล้วโยกไปมาเบา ๆ
“โห่พี่ฮั่นอ่ะ...ผมพูดปูทางซะขนาดนี้แล้ว ยังจะซื่อบื้อไม่รู้อีกหรอครับว่าผมอยากให้พี่พูดว่าอะไร”
ใบหน้าหวานที่เริ่มงอง้ำและทำเสียงเง้างอด เรียกดวงตาคมให้ส่องประกายระยิบระยับ
“โอ๋ ๆ ๆ ก๊อกแก๊ก ๆ พี่ก็ล้อแกงเล่นหรอกครับ ตั้งใจฟังให้ดี ๆ นะ...พี่ ระ...”
ยังไม่ทันที่ฮั่นจะได้เอ่ยพูดคำว่ารัก ร่างบางในชุดแซกสีส้มแสดก็วิ่งเข้ามา แล้วผลักร่างของแกงส้มให้ออกไปจากบริเวณนี้ ก่อนที่คิมจะโผเข้ากอดร่างสูงของฮั่นเต็ม ๆ และ...
ฟอด~
“เฮ้ยอาคิม!!!! ทำอะไรของอาเนี่ย!!!”
แกงส้มว่าก่อนจะรีบดึงคนเป็นอาออกห่างจากฮั่นที่บัดนี้ยืนตาค้างทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากช็อกจากการถูกจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“ยังจะถามอีกหรอเจ้าแกง ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าฉันหอมแก้มฮั่นนี่ของฉัน”
“เออ...ผมเห็นว่าอาหอมแก้มพี่ฮั่น แต่ประทานโทษเถอะครับ พี่ฮั่นน่ะ ‘แฟนผม’ อามาหอมแก้มแฟนผมได้ยังไง!!!! ไปหอมแก้มพี่จ๋าแฟนตัวเองสิ!” แกงส้มพูด ก่อนจะรีบดึงแขนคนร่างสูงที่ยืนทำหน้าช็อกไม่หายให้มายืนข้างหลังเขาทันที
อาคิมนี่ไว้ใจไม่ได้เลย...เป็นแฟนพี่จ๋าแล้วแท้ ๆ ฮึ่ย!
“ไม่เอาอ่ะ หอมแก้มยัยจ๋าไม่สะใจเท่าหอมแก้มฮั่นนี่” คิมตอบพลางอมยิ้มกริ่มเมื่อเห็นใบหน้าที่เดือดเป็นฟืนเป็นไฟด้วยอาการ ‘หวงแฟน’ ของหลานชายตัวเอง
ไอ้แกงเอ๊ย...แกน่ะมันหวงจนออกนอกหน้า
เพราะฉะนั้น...ต้องแกล้งเยอะ ๆ ฮ่า ๆ ๆ
“อาคิม!”
“ทำไม...แกมีปัญหาอะไรกับฉัน”
“ยัยป้าโรคจิต!”
“ไอ้แกง...นี่แกกล้าว่าฉันเป็นยัยป้าโรคจิตหรอยะ นี่แน่ะ!” แล้วกำปั้นจากมือบางก็ทุบลงไปที่ศีรษะทุยเต็มแรง
“โอ๊ย! เจ็บนะอา...มาทุบหัวผมทำไมเนี่ย” แกงส้มโวยวาย ก่อนที่เขาจะเอามือมาคลำที่บริเวณจุดเกิดเหตุ พลางหันไปทำหน้าออดอ้อนคนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง
“พี่ฮั่นดูให้ผมหน่อยดิ ว่าหัวโนหรือเปล่า...”
“ไหน ๆ...ไม่โนนะแกง มาเดี๋ยวพี่เป่าให้” พูดจบ ฮั่นก็เป่าลมใส่กลางกลุ่มผมหนา จากนั้นเขาก็ไล่เช็ดน้ำตาที่ไหลซึมทางหางตาของแกงส้ม คิมยืนมองภาพนั้นก่อนที่เธอจะผุดรอยยิ้มหวานขึ้นมา
หวานตลอดไอ้คู่นี้...เห็นแล้วอิจฉาเบา ๆ
“วุ้ย~ หมั่นไส้ ฉันออกไปข้างนอกดีกว่า” แล้วคนพูดก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องครัว ทิ้งให้คนสองคนให้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง
“พี่ไปทำสปาเกตตี้ต่อดีกว่าเนอะ” พูดจบ คนพูดก็หันไปคว้ากะละมังใส่เส้นสปาเกตตี้แล้วเทใส่ลงไปในกระทะที่มีซอสพริกเผาปลาหมึกสีแดงสวย จากนั้นมือหนาก็คว้าพายไม้สองอันมาคลุกเคล้าเส้นสปาเกตตี้ให้เข้ากับซอสสีสวย
“หือ...น่ากินจังพี่ฮั่น” แกงส้มว่าหพลางยื่นหน้ามามองอาหารที่เรียกกระเพาะของเขาให้ส่งเสียงดัง
“พี่ไม่ได้ทำเผื่อแกงนะ เพราะไม่รู้ว่าแกงจะกลับมาเร็ว”
“โหพี่ฮั่น...พูดจริงง่ะ” แกงส้มถามพลางทำปากยื่นเหมือนเด็กน้อยถูกแย่งไอติม
“จริงสิครับ โกหกได้โล่หรอ”
“ง่ะ...แล้วเช้านี้ผมจะกินอะไรล่ะเนี่ย อุตส่าห์หิ้วท้องมาหาเชฟพี่หมีสุดที่รัก แต่กลับไม่มีอาหารเผื่อเรา เฮ้อ...ชีวิตไอ้แกงช่างน่าสงสารจริง ๆ” พูดจบ แกงส้มก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม
“ไม่ได้ทำเผื่อ แต่แกงก็กินส่วนของพี่ได้ครับ”
“อ่า...ไม่เอาหรอก ผมไม่อยากแย่งพี่”
“ส่วนของพี่ก็คือส่วนของแกงครับ เพราะของ ๆ พี่ ก็เหมือนของ ๆ แกง เพราะเราเป็น ‘ของกันและกัน’...” แล้วคนพูดก็เอี้ยวตัวมาฝังปลายจมูกโด่งที่แก้มขาวซึ่งกำลังพองตัวขึ้นจากอาการงอนเล็ก ๆ เมื่อสักครู่นี้
“ฮื้อ...พี่ฮั่นอ่ะ!”
“หอมจัง~” แล้วคนขโมยหอมแก้มก็พึมพำออกมาเบา ๆ (แต่คนที่ยืนอยู่ใกล้ได้ยิน)
“นิสัยไม่ดีชอบฉวยโอกาสกับเค้า” แกงส้มว่าพลางเอามือไปจิ้มแก้มคนที่กำลังยืนยิ้ม
“นิสัยไม่ดีแล้วรักไหมล่ะครับ” ถามพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ไม่รัก...”
“จริง...?”
“ไม่รักน้อย...แต่รักมากต่างหาก” พูดจบ คนพูดก็หันหลังซ่อนใบหน้าที่ขึ้นสีแดงทันที
ถึงจะบอกว่ารักบ่อย ๆ แต่ใช่ว่าทุกครั้งที่บอกรักเขาจะไม่เขินนะ...
ถึงเขาจะชัดเจน...แต่คนชัดเจนก็เขินเป็นนะเออ...
“แกงครับ...”
“หืม...อุ้ย!” เมื่อหันหน้ากลับมาตามเสียงเรียก ใบหน้าคมที่ยื่นรออยู่แล้วก็ทำให้จมูกของคนสองคนแตะกันทันที จากนั้นคนทั้งสองก็ผละออกห่างอย่างรวดเร็ว
เหมือนไฟ(รัก)จะสปาร์กกันเล็ก ๆ...
“...’ลบรอย’...ให้พี่หน่อยสิครับ”
“ลบรอย ?”
“ก็รอยที่คิมหอมแก้มพี่เมื่อตะกี้ไงครับ” ฮั่นว่าพลางหันแก้มข้างที่โดนคิมหอมมาให้คนหน้าหวานที่ยืนมองตาแป๋ว
“อ่า...ต้องลบรอยด้วยหรอพี่ฮั่น” แกงส้มถามก่อนที่เขาจะต้องหน้าแดงเถือกเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของคนเป็นพี่
“ต้องลบสิครับ ก็พี่ไม่อยากให้รอยคนอื่นมาอยู่บนตัวพี่ นอกจากรอยของแกงคนเดียวเท่านั้นครับ...”
เมื่อได้ยินฮั่นพูดแบบนี้ แกงส้มก็ค่อย ๆ ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าที่เอียงแก้มรอ ก่อนที่เขาจะจรดริมฝีปากไปที่แก้มขาวแล้วเลื่อนแตะไล่จากแก้มเรื่อยต่ำลงมา...แล้วหยุดที่ริมฝีปากบางของคนเป็นพี่ พลางแตะสัมผัสเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเลื่อนใบหน้าออกไป แล้วยืนอมยิ้มก้มหน้างุด
“ไหน ๆ ก็ลบรอยแล้ว...เลยถือโอกาสมอนิ่งคิสซะเลย...” พูดจบ คนพูดก็วิ่งตื๋อออกไปจากห้องครัวทันที
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ แกงของพี่น่ารักที่สุดในสามโลกเลย” ฮั่นหัวเราะออกมาก่อนที่เขาจะตะโกนไล่หลังคนที่วิ่งออกไปอย่างอารมณ์ดี
แกงน้อยเอ๊ย...จะน่ารักไปไหนนะ...แค่นี้พี่ก็ไปไหนไม่รอดแล้วครับ...
ว่าแต่...’มอนิ่งคิส’...นี่มันก็ดีเหมือนกันเนอะ...
สงสัยต้องมอนิ่งคิสกับแกงบ่อย ๆ...
“เดี๋ยวแกงกินอิ่ม แล้วก็รีบไปนอนนะ เดี๋ยวเที่ยง ๆ พี่จะพาไปที่ ๆ หนึ่ง...” ฮั่นเอ่ยพูดกับร่างโปร่งที่นั่งลูบพุงตัวเองบนโซฟา
“พี่จะพาผมไปไหนอ่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้ครับ เอ้อ...เดี๋ยวพี่ไปเอาจดหมายมาให้แกงก่อน เมื่อคืนพี่เขียนจดหมายไว้” พูดจบ ร่างสูงก็วิ่งไปยังห้องนอนของตัวเอง เมื่อได้ยินดังนั้นแกงส้มก็หยิบกระเป๋าสะพายที่วางข้างตัวมาเปิดแล้วหยิบจดหมายที่อยู่ในนั้นออกมา
ใจตรงกันจริง ๆ ด้วยสินะพี่หมี...
“อ้าว...นี่แกงก็เขียนจดหมายถึงพี่เหมือนกันหรอ” ฮั่นถามทันทีที่เห็นจดหมายในมือของแกงส้ม เจ้าตัวพยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าจดหมายที่อยู่ในมือเขา ก่อนจะยัดจดหมายของตัวเองมาใส่แทนที่
“ผมไปนอนก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวเที่ยง ๆ เจอกันฮะ” แล้วคนพูดก็ลุกเดินออกไปจากบริเวณนี้ แต่ก่อนที่แกงส้มจะเดินพ้นประตู ฮั่นก็วิ่งตามไปคว้าแขนร่างโปร่งไว้
“นอนหลับฝันดีนะครับ แกงส้มของพี่...”
“ครับ...พี่หมีของผม...”
แล้วรอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้าของคนทั้งคู่ก็แทนความรู้สึกดี ๆ ที่ต่างฝ่ายต่างมีให้แก่กัน ความรู้สึกรักที่กระจายเต็มหัวใจ
ความอบอุ่นที่ลอยอบอวลทำให้ความสุขลอยเอื่อย ๆ ไปตามอากาศที่ลอยวนรอบกาย
การดูแลเอาใจใส่ในคนที่รัก...ไม่จำเป็นต้องมาจากของขวัญของฝากที่มีราคาแพง
เพราะของขวัญที่มีค่าที่สุดของคนที่รักกัน คือ...การดูแลเอาใจใส่ในทุกคำพูดและการกระทำดี ๆ ที่คนสองคนมีให้แก่กัน...
“ที่นี่น่ะหรอครับที่พี่จะพาผมมา...” แกงส้มถาม พลางยืนมองโรงเรียนที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า อาคารไม้หลังไม่ใหญ่และไม่เล็กที่ตั้งอยู่กลางสนามหญ้าที่มีเครื่องเล่นสีสันสวยงาม แต่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาตั้งอยู่ใกล้ เรียกขายาวของคนสองคนให้เดินเข้าไป
“ใช่ครับ”
“เราจะมาทำอะไรกันที่นี่ครับ”
“เราจะมาอ่านนิทานลงเทปให้กับน้อง ๆ ตาบอดที่นี่ครับ” ฮั่นตอบก่อนที่เขาจะยกมือไหว้หญิงสูงวัยที่ยืนรอรับพวกเขาสองคนอยู่
“สวัสดีครับแม่ครู”
เมื่อเห็นฮั่นยกมือไหว้คนตรงหน้าแกงส้มก็ยกมือไหว้ตาม แม้เขาจะยังงง ๆ กับสิ่งที่คนเป็นพี่บอก แต่เขาว่าถ้าเขาคิดไม่ผิด
พี่ฮั่นกำลังพยายามมาทำความดีเพื่อให้ความดีส่งผลดีกับดวงตาเขา!
“สวัสดีจ้า...เดี๋ยวไปทางนี้เลยนะจ๊ะ ดีใจนะที่เด็กหนุ่มวัยอย่างพวกเราสองคนคิดจะมาทำความดีด้วยการอ่านนิทานลงเทปให้เด็ก ๆ ที่นี่ได้ฟัง เพราะไม่มีคนมาที่นี่นานแล้ว เด็ก ๆ ฟังนิทานเรื่องเก่า ๆ จนจำได้เกือบหมดแล้ว ฮ่า ๆ ๆ” พูดจบ แม่ครูก็หัวเราะออกมา ก่อนที่เธอจะเดินนำฮั่นและแกงส้มไปยังห้อง ๆ หนึ่ง ซึ่งภายในห้องนั้นเหมือนกับห้องทั่ว ๆ ไป เพียงแต่มีโต๊ะสองตัวตั้งอยู่กลางห้อง บนโต๊ะสองตัวนั้นมีคอมพิวเตอร์ไมโครโฟนและเครื่องบันทึกเสียงโต๊ะละหนึ่งชุด
“เดี๋ยวหนุ่ม ๆ ก็อัดเสียงตามขั้นตอนวิธีที่เขียนไว้บนโต๊ะได้เลยนะจ๊ะ แม่ครูไม่อยู่รบกวนสมาธิจ้ะ” แม่ครูว่าก่อนที่เธอจะเดินออกไป ทิ้งให้ฮั่นและแกงส้มยืนมองหน้ากัน ก่อนที่คนเป็นพี่จะเดินนำคนเป็นน้องไปนั่งที่โต๊ะ พลางหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าที่เขาสะพายแล้วยื่นส่งให้คนที่นั่งตรงข้ามเขา
“เดี๋ยวแกงลองอ่านดูก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยเริ่มอัดเสียงกัน”
“อ่าครับ...เอ่อพี่ฮั่น...”
“หืม ? ว่าไงครับ ?”
“พี่ให้ผมรับบทเป็น ‘น้องกระต่าย’ หรอฮะ...?” เมื่อเห็นบทที่ตัวเองได้รับ ใบหน้าหวานก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที
“ครับ...หรือแกงจะมารับบทเป็น ‘พี่หมี’ ล่ะ ?”
“เป็นกระต่ายก็ได้ครับ เพราะผมคงเป็นพี่หมีได้ไม่เนียนเหมือนพี่หรอก” พูดจบ คนพูดก็ก้มหน้าก้มตาอ่านบทนิทานที่อยู่ในมือ
ยิ่งอ่านใบหน้าหวานก็ยิ่งเพิ่มรอยยิ้มขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่ออ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย ใบหน้าหวานก็ระบายรอยยิ้มเต็มหน้าพอดี
“เฮ้ย! เนื้อเรื่องโคตรน่ารักเลยพี่ฮั่น นี่พี่ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนอ่ะ”
“อ๋อ...พี่แต่งเองครับ” จบคำพูดของคนเป็นพี่ แกงส้มก็หน้าเหวอเหรอหราขึ้นมาทันที
“นี่พี่แต่งนิทานเป็นกับเค้าด้วยหรอ”
“ฮ่ะ ๆ ๆ ไม่เป็นหรอกครับ แต่อารมณ์เมื่อคืนหลังจากเขียนจดหมายให้แกงเสร็จ พล็อตนิทานเรื่องนี้ก็ไหลเข้ามาในหัวอ่ะครับ...เลยได้นิทานเรื่องนี้มา” ตอบพลางยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเองอย่างรู้สึกเขินเล็ก ๆ
“อ่อ...เนื้อเรื่องน่ารักมากพี่ ผมโคตรชอบเลย”
“ฮ่ะ ๆ ๆ ดีใจนะครับที่แกงชอบ พร้อมหรือยังครับ...ถ้าพร้อมเราจะได้เริ่มอัดเสียงกันเลย”
“พร้อมครับ...”
“โอเค...ถ้างั้นก็...5 4 3 2...”
แล้วฮั่นกับแกงส้มก็เริ่มสวมบทบาทเป็นตัวละครที่พวกเขาได้รับทันที...
“ต๊อกแต๊ก ๆ เสียงรองเท้าคู่ใหญ่ที่ดังกระทบพื้นเรียกหูของเจ้ากระต่ายน้อยให้กระดิกไปมา ใบหน้าขาวหันซ้ายหันขวามองหาที่มาของเสียง...” แกงส้มเริ่มพูดก่อน แล้วเขาก็ทำเสียงเดินบนโต๊ะเป็นซาวน์ประกอบการเดิน
“แล้วเจ้ากระต่ายน้อยก็ต้องทำตาโตเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของหมีตัวอ้วนที่กำลังเดินวนไปวนมาอยู่รอบต้นแอปเปิ้ลที่มีผลสีแดงสุกเต็มต้น...’นี่ ๆ เจ้าหมียักษ์...ทำไมเจ้าต้องเดินวนไปวนมารอบต้นแอปเปิ้ลด้วยล่ะ’...” ประโยคที่เป็นคำพูด เสียงหวานถูกปรับให้เล็กและบางลงจากเสียงปกติ เพื่อให้เหมาะสมกับคาแรกเตอร์ของกระต่ายตัวน้อย ซึ่งเมื่อฮั่นได้ยินเสียงของคนตรงหน้า เขาก็แทบจะหลุดขำออกมา
เสียงที่หวานอยู่แล้ว...เมื่อมาทำให้เสียงบางลงยิ่งหวานน่าฟังเข้าไปใหญ่
โอ๊ย...ไอ้ฮั่นจะละลายแล้วครับ!
ปึก! ขาที่เตะมาจากใต้โต๊ะเรียกสติของฮั่นให้กลับคืนมา เขารีบเริ่มพูดตามบทของตัวเองทันที
“ข้าต้องการจะกินแอปเปิ้ลบนต้นนี้น่ะสิ” เสียงห้าวถูกดัดให้ดูใหญ่โตสมบทบาททำให้แกงส้มเกือบหลุดขำ ดีที่เขาตั้งสติทัน ยิ่งมองหน้าคมที่ทำหน้าเหมือนหมี ยิ่งน่าขำ...
แต่หมียักษ์ตัวนี้ก็น่ารักดีแฮะ
น่าพากลับไปบ้านจัง!
“เจ้าต้องการจะกิน เจ้าก็กินสิ มาเดินวนไปวนมาทำไมกัน”
“ข้ากำลังคิดหาวิธีเก็บแอปเปิ้ลต้นนี้โดยที่ไม่ทำให้แอปเปิ้ลต้องเสียหายอยู่น่ะสิ...ข้าจะเขย่ามันก็ทำให้ลูกแอปเปิ้ลร่วงลงมากระแทกพื้นเสียหาย ไอ้ครั้นข้าจะปีนขึ้นไป ต้นมันก็เล็กเกินกว่าที่ข้าจะปีนขึ้นไปได้ จะเอื้อมมือมันก็เอื้อมไม่ถึง...” ฮั่นพูดพลางทำหน้าทำตามบทบาทที่ตัวเองได้รับ
“เจ้าหมีร่างยักษ์บ่นพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เรียกดวงตาของเจ้ากระต่ายน้อยให้มองเจ้าหมียักษ์ด้วยความสงสาร...’เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าเองเจ้าหมี’...เจ้ากระต่ายพูด ก่อนที่มันจะสะกิดขาให้เจ้าหมีย่อตัวลงมาแล้วอุ้มมันขึ้นไป...จากนั้นเจ้ากระต่ายก็ปีนขึ้นไปบนไหล่กว้าง แล้วปีนต่อขึ้นไปบนหัวของเจ้าหมี ก่อนที่มันจะเอื้อมมือขึ้นไปคว้าลูกแอปเปิ้ลที่อยู่เบื้องหน้ามาถือไว้ แล้วปีนกลับลงไปยังไหล่กว้าง...พลางยื่นลูกแอปเปิ้ลลูกนั้นให้กับเจ้าหมีที่หันใบหน้ามามอง...” เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ ใบหน้าหวานก็เงยขึ้นไปสบกับใบหน้าคมที่มองมาพอดี
“เจ้า...เก็บลูกแอปเปิ้ลลูกนี้ให้ข้าหรอ...ทั้ง ๆ ที่เราเพิ่งจะรู้จักกันแท้ ๆ...เจ้าหมีพูดพลางมองลูกแอปเปิ้ลสีแดงสดเบื้องหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ...” ฮั่นรีบดึงสติของตัวเองกลับมาแล้วเริ่มเล่านิทานต่อ
“ก็ให้เจ้าน่ะสิ ก็เจ้าบอกว่าเจ้าอยากกินแอปเปิ้ลนี่นา ข้าก็ช่วยปีนไปเก็บมาให้แล้ว รับไปสิ”
“ขอบคุณนะ...เจ้าหมีเอ่ยขอบคุณ ก่อนที่มันจะรับแอปเปิ้ลสีแดงตรงหน้ามาถือไว้แล้วย่อตัวลงนั่งกับพื้น...”
“เจ้ากระต่ายกระโดดลงจากไหล่ของเจ้าหมียักษ์แล้วยืนมองเจ้าหมีที่นั่งมองลูกแอปเปิ้ลด้วยความสุขที่ลอยเกลื่อนในหัวใจ...”
“เจ้าหมียื่นลูกแอปเปิ้ลไปยังเบื้องหน้าของเจ้ากระต่าย ก่อนที่มันจะพูดว่า ‘ในฐานะที่เจ้าเป็นคนเก็บแอปเปิ้ลลูกนี้มาให้ข้า ข้าให้เจ้ากินก่อน...” เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ ฮั่นก็หยิบแอปเปิ้ลจากในกระเป๋าออกมา แล้วยื่นส่งให้กับคนที่อยู่ตรงข้าม แกงส้มรับลูกแอปเปิ้ลมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ
“ขอบใจนะเจ้าหมี...แล้วเจ้ากระต่ายก็งับแอปเปิ้ลเข้าไปเต็มคำเสียงดัง...กร้วม...” เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ คนเล่าก็กัดแอปเปิ้ลเข้าไปคำใหญ่จนเกิดเสียงกร้วมตามที่เล่า
ความหวานของแอปเปิ้ลที่แผ่กระจายทำให้หัวใจของคนกินรู้สึกอุ่นเล็ก ๆ แกงส้มรีบเคี้ยวก่อนจะเริ่มเล่าต่อ
“หวานมาก ๆ เลยเจ้าหมี เจ้าลองกินสิ...พูดจบ เจ้ากระต่ายน้อยก็ยื่นผลแอปเปิ้ลส่งกลับคืนไปให้เจ้าหมีที่ยื่นมือมารอรับ” แล้วคนเล่าก็อมยิ้มออกมาเมื่อคนที่รับบทเป็นเจ้าหมียื่นมือออกมารอรับจริง ๆ ตามบท
“เมื่อเจ้าหมีรับแอปเปิ้ลมา มันก็มองก่อนจะอ้าปากงับลงไป....ความหวานจากแอปเปิ้ลทำให้เจ้าหมีผุดรอยยิ้มขึ้นมา” คนเล่าเองก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อพบว่าแอปเปิ้ลที่เขาหยิบติดมือมาเป็นพร็อพประกอบการเล่านิทานหวานตามบทพอดี
“อร่อยไหมเจ้าหมี...เจ้ากระต่ายเอ่ยถามพลางเอียงคอมองเจ้าหมี” แกงส้มไม่เล่าเปล่า แต่เขายังเอียงคอมองคนเป็นพี่ที่กำลังกินแอปเปิ้ลด้วยเช่นกัน
อากัปกิริยาน่ารักนี้เรียกเสียงหัวใจของคนมองให้เต้นแรงขึ้นมาทันที
นะ นะ น่ารักเกินไปแล้วนะเจ้ากระต่ายเอ๊ยแกง!
“เจ้าหมีมองอากัปกิริยาน่ารักของเจ้ากระต่ายด้วยรอยยิ้มหวานที่ระบายเต็มดวงหน้า ก่อนที่มันจะพยักหน้ารัว ๆ เพื่อบอกให้เจ้ากระต่ายรู้ว่า...แอปเปิ้ลลูกนี้ ‘หวานจับใจ’ มันแค่ไหน”
ฮั่นเผลอพูดคำว่า ‘หวานจับใจ’ ออกไป ซึ่งคำนี้มันเป็นคำที่ไม่ได้อยู่ในบท ทำให้คนฟังหน้าเหวอขึ้นมา ก่อนที่ใบหน้าหวานจะขึ้นสีแดงเมื่อเขาคิดตามคำพูดของคนเป็นพี่ จากนั้นแกงส้มก็เรียกสติของตัวเองกลับมาแล้วเริ่มเล่าต่อ
“เจ้ากระต่ายเมื่อเห็นใบหน้าที่มีความสุขของเจ้าหมี มันก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกมีความสุขเช่นเดียวกัน...”
“แล้วเจ้าหมีกับเจ้ากระต่ายก็แบ่งกันกินแอปเปิ้ลลูกนั้น ด้วยความสุขที่ลอยตัวในหัวใจ...” เมื่อเล่ามาถึงประโยคนี้ ฮั่นและแกงส้มก็เอ่ยพูดพร้อมกัน
ก่อนที่ฮั่นจะเป็นคนพูดประโยคปิดท้ายด้วยเสียงนุ่มชวนฝัน
“ความสุขของเจ้าหมียักษ์คือการได้กินแอปเปิ้ลจากน้ำใจที่ได้รับมาจากเจ้ากระต่ายน้อย ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยกันเอง หากรู้จักแบ่งปัน ความสุขนั้นก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นคนที่รู้จักกันมาก่อน เพราะถึงเราจะไม่รู้จักกัน แต่ถ้าเรารู้จักให้...ความสุขที่ได้ก็ทำให้เรารู้จักกันเอง...แค่เพียง ‘ให้’ โดยไม่ต้องหวังผลตอบแทนอะไร...แค่นั้นหัวใจก็มีความสุขอย่างที่สุดแล้ว...”
เมื่อฮั่นพูดจบ แกงส้มก็ยิ้มออกมา
จริงอย่างที่พี่ฮั่นพูดทิ้งท้ายไว้เลย
แค่เพียงรู้จักเป็นผู้ให้...แค่นั้นหัวใจก็ได้เรียนรู้ถึงความสุข...
“เป็นไงบ้างแกง...กิจกรรมที่พาพี่มาทำวันนี้” ฮั่นเอ่ยถามคนที่นั่งไกวชิงช้าอยู่ข้าง ๆ
สายลมยามบ่ายที่พัดเอื่อย ๆ ทำให้คนสองคนที่นั่งไกวชิงช้าอยู่ใต้ต้นก้ามปูที่แผ่กิ่งก้านสาขา ระบายรอยยิ้มออกมา
“สนุกและทำให้ผมมีความสุขมากครับพี่ฮั่น” แกงส้มตอบก่อนจะยิ้มให้กับคนที่นั่งข้าง ๆ มือบางเอื้อมไปคว้ามือหนามากุมไว้ แล้วโยกไกวเบา ๆ ไปตามแรงไกวของชิงช้า
แล้วคนสองคนจับมือกันไกวชิงช้าไปด้วยกัน
“พี่ดีใจนะครับที่แกงชอบ”
“ผมต้องชอบสิครับ ก็พี่ชวนผมมาทำความดีนี่นา” แกงส้มตอบก่อนที่เขาจะหยุดชิงช้าที่กำลังไกว พลางมองจ้องใบหน้าของคนที่หันหน้ามามองเขา
ดวงตาเรียวที่แสดงออกถึงความรู้สึกรักที่ฉายชัดออกมา ทำให้คนถูกมองรู้สึกเขิน
“มองอะไรพี่ฮั่น...ผมเขินนะ”
“ก็มองเจ้ากระต่ายน้อยไงครับ” ฮั่นตอบก่อนที่เขาจะจับมือคนที่เขาเรียกว่ากระต่ายขึ้นมาจูบเบา ๆ แล้วใช้สายตาหวานมองไล่ไปตามปลายมือเรื่อยสูงขึ้นไปจากท่อนแขนและหยุดที่ใบหน้าหวาน
“พะ พี่ฮั่น...”
“ทำไมแกงถึงน่ารักขนาดนี้นะ...” ฮั่นงึมงำออกมา ก่อนที่เขาจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่โตของคนที่กำลังออกอาการเขินอย่างเห็นได้ชัด
“อะไรพี่ฮั่น อยู่ดี ๆ ก็มามองผมตาหวาน แถมยังมาพูดแบบนี้อีก”
“ก็แกงน่ารักจริง ๆ นี่นา...น่ารักจนพี่รักหมดใจจนไม่เหลือที่ว่างให้ใครแล้ว”
“ก็ลองพี่เหลือที่ว่างไว้ให้ใครสิ พี่โดนดีแน่พี่หมี!” พูดจบ คนพูดก็ดึงมือออกจากเกาะกุมของคนเป็นพี่ แล้วบีบจมูกโด่งอย่างแรงเป็นเชิงสนับสนุนคำพูดเขาทันที
“ฮื้อ...แกงอ่ะ! โหดซะขนาดนี้พี่จะไปกล้าทำแบบนั้นได้ไงล่ะครับ ว่าแต่...เรากลับบ้านกันเลยไหม พี่ว่าเหมือนฝนทำท่าจะตกนะ...”
“กลับกันเลยก็ได้ครับ” ตอบรับคำจบ ฝนที่บอกว่าทำท่าจะตกก็ตกลงมาทันที
ร่างสูงของคนสองคนรีบวิ่งไปหลบในศาลาไม้ที่ทาด้วยสีรุ้ง สายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาทำให้อากาศเย็นชื้นขึ้นมา แกงส้มซึ่งใส่เพียงเสื้อยืดสีขาวลายการ์ตูนรู้สึกหนาวจนต้องโยกสองแขนขึ้นมาโอบรอบตัว
“เฮ้ย!” แล้วคนที่กำลังโอบตัวเอง ก็ต้องตกใจเมื่อร่างสูงสะบัดผมที่เปียกไปด้วยละอองน้ำฝนจากที่วิ่งฝ่าฝนเมื่อสักครู่นี้ใส่ใบหน้า
“ฮ่า ๆ ๆ หนาวหรอแกง” ฮั่นถามก่อนที่เขาจะโดนมือบางฟาดมาเต็ม ๆ ที่ไหล่ เนื่องจากการกระทำเมื่อสักครู่นี้
“หนาวสิพี่...อากาศเย็นชื้นซะขนาดนี้ ผมใส่เสื้อยืดมาตัวเดียวด้วย ลืมหยิบเสื้อแขนยาวมา แล้วฝนนี่ก็ไม่รู้ว่าจะรีบตกไปไหน เค้าก็ไม่เห็นจะมีเลย” แกงส้มบ่น พลางถูมือไปมาเพื่อบรรเทาอาการหนาว ฮั่นเห็นดังนั้นก็เขยิบไปยืนใกล้ร่างโปร่งแล้วโอบรอบเอวร่างนั้นให้เขยิบเข้ามาชิดจนลำตัวด้านข้างแนบสนิทกัน
“ทำอะไรพี่ฮั่น เดี๋ยวใครมาเห็น” แกงส้มว่า ก่อนที่เขาจะดันตัวเองให้ออกห่างจากร่างสูง แต่...
“ไม่มีใครมาเห็นหรอกแกง ฝนตกหนักขนาดนี้ ไม่มีใครเขามายืนส่องใครหรอก พี่ว่าเรามานั่งกันตรงนี้ดีกว่า ยืนตรงนี้โดนละอองฝนสาด เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้” พูดจบ ฮั่นก็ออกแรงลากคนที่เขากำลังโอบรอบเอวให้เดินมานั่งที่โต๊ะไม้ซึ่งตั้งอยู่กลางศาลานี้ และเมื่อแกงส้มนั่งลงแล้ว ฮั่นก็ถอดเสื้อแขนยาวที่เขาใส่อยู่คลุมไปบนไหล่คนเป็นน้อง ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ
“ให้ผมทำไมพี่ พี่ใส่แค่เสื้อกล้ามเองนะ” แกงส้มพูดก่อนจะทำท่าส่งเสื้อคืนให้คนเป็นพี่ที่มีเพียงเสื้อกล้ามสีดำลายมังกรสีทอง
ไม่อยากบอกเลยว่า...พี่ฮั่นใส่เสื้อตัวนี้แล้วเหมือนมาเฟียหนังจีนยังไงก็ไม่รู้...
ดูดิบ ๆ เถื่อน ๆ นี่ถ้าใส่แว่นเรย์แบนแบบพวกมาเฟียนะยิ่งจะเหมือนเข้าไปใหญ่...
แต่ถามว่าหล่อไหม...หล่อมากครับ!
“พี่ไม่หนาวหรอกแกง แกงใส่ไว้เถอะ ว่าแต่...มองพี่แบบนี้ คิดอะไรอยู่เนี่ย” ฮั่นถามพลางหรี่ตามองคนที่กำลังมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ อย่างหยอกล้อ
“อะไรพี่ฮั่น ผมก็มองของผมปกติ” แกงส้มว่าพลางผลักใบหน้าคมที่ยื่นมา
“ไม่ปกติน้า...พี่ว่าแกงมองพี่เหมือนกับกำลังชื่นชมพี่อยู่อ่ะ บอกมานะว่ากำลังชมอะไรพี่อยู่ในใจ”
“พี่อย่ามาตื้อถามผม ผมไม่มีอะไรจะตอบ” ปากก็พูด มือก็ทำหน้าที่ผลักใบหน้าที่ยื่นมาใกล้ และเพราะออกแรงผลักมากไปหน่อย ร่างสูงของคนเป็นพี่ก็หล่นตุ้บลงไปนั่งกองที่พื้น
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” แกงส้มระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีที่เห็นคนที่นั่งจุ้มปุ้กอยู่ที่พื้นทำหน้าเหยเก
“แกล้งเค้าแล้วยังจะมาหัวเราะเค้าอีกนะ ใจร้าย!” ฮั่นว่าพลางทำปากจู๋แก้มป่อง ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะของคนมองให้ดังขึ้นไปอีก
แต่เมื่อแกงส้มเห็นว่าคนที่กำลังทำหน้างอน ไม่ยอมเลิกทำแก้มป่องสักทั เขาก็ยื่นมือไปตรงหน้าคนงอน ฮั่นเห็นแบบนั้นก็คว้ามือบางแล้วออกแรงดึงให้ร่างนั้นหล่นมาทับเขาทันที
“งื้อ...พี่ฮั่นอ่ะ...เล่นอะไรเนี่ย” แกงส้มบ่นก่อนจะท้าวมือไปยังแผ่นอกกว้างของคนที่อยู่เบื้องล่าง พลางทำท่าจะลุกออกจากตัวคนเป็นพี่ แต่วงแขนแกร่งที่เอื้อมมาโอบบริเวณแผ่นหลังไว้ทำให้ร่างบางไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจต้องการ
“อยู่แบบนี้สักพักได้ไหมครับ...” คำถามที่มาพร้อมกับดวงตาอ้อน ทำให้คนที่มองสบตาถึงกับไปไม่ถูก เกิดอาการสติหลุดชั่วขณะ
“ตะ แต่เดี๋ยวใครมา...” แล้วคำพูดของแกงส้มก็ถูกกลืนหายไปพร้อมกับริมฝีปากบางของคนที่อยู่เบื้องล่างที่เลื่อนใบหน้าขึ้นมาสัมผัสชิดใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจร้อนที่ลอยวน
ริมฝีปากบางที่ไล่เล็มไปตามกลีบปากสวยอย่างละเมียดละไมค่อย ๆ บดเบียดริมฝีปากนั้นด้วยความรู้สึกทะนุถนอมและอ่อนโยน ความรู้สึกรักที่ถูกถ่ายโอนไปยังสัมผัสที่ชวนให้หัวใจสองดวงลอยละล่องไปกับความรู้สึกวาบหวามชวนให้ความรู้สึกในร่างกายเต้นไหวราวกับมีผีเสื้อบินวนอยู่ภายในนับร้อยตัว
เสียงสายฝนที่ยังตกกระหน่ำบนหลังคา ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไป ส่วนคนสองคนที่กำลังปล่อยหัวใจให้ลอยไปกับสัมผัสก็ยังคงอยู่ตรงนั้น...
ตรงที่...ที่หัวใจกำลังบอกรักกัน...
ผ่านสัมผัสที่อ่อนโยน...ละมุนละไม...
พาให้หัวใจโอบล้อมไปด้วยความรู้สึกดี ๆ...
แค่เพียงใส่ใจในทุกความรู้สึกที่มีให้แก่กัน แค่เพียงเท่านั้น...เราจะพบว่า...หลายสิ่งหลายอย่างที่เราได้เคยทำลงไปมันคือความสุขเล็ก ๆ ในหัวใจของใครอีกหลายคน...
การกระทำที่เราเคยคิดว่ามันอาจเล็กน้อยสำหรับเรา...มันอาจจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และล้ำค่าของใครบางคนก็ได้...อย่ามองข้ามความรู้สึกเล็ก ๆ เพราะจุดเล็ก ๆ บางจุดก็ได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาแล้ว...
//มาแล้วจ้า...ตอนนี้หวานแบบเบา ๆ อีกตามเคย...
แน่นอนว่าอาการของพี่หมีก็ยังไม่กระจ่างตามที่หลายคนคาดเดาเอาไว้....อยากจะบอกว่า...สิ่งที่คิดอาจไม่เป็นดั่งที่คิดเสมอไปนะคะ ทุกอย่างในฟิคนี้เกิดขึ้นได้เสมอ...
กวางอยากจะบอกว่า...นิทานพี่หมีกับน้องกระต่ายนี่คิดสด ๆ วันนี้เลยนะคะ...ไม่ได้ไปแอบเขียนไว้ก่อนเลย ฮ่า ๆ ๆ ถ้ามันจะแปลก ๆ แปร่ง ๆ หรืออะไรยังไงไปบ้าง...ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า...ฟิคตอนนี้จะทำให้ยิ้มและอบอุ่นในหัวใจได้เหมือนทุกครั้ง
แล้วติดตามกันในตอนต่อไปนะคะ...รักทุกคนค่ะ ^^
ความคิดเห็น