คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : บทที่ 26 : ง้อหมี (ขี้งอน)
บทที่ 26 : ง้อหมี (ขี้งอน)
“ว่าแต่แกงมารับพี่แบบนี้ แกงไม่ได้จัดรายการหรอ” ฮั่นเอ่ยถามออกมาทันทีที่แกงส้มดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา แกงส้มระบายยิ้มหวานออกมา ก่อนจะเอามือมาจับคางคนถามหันไปหันมาเบา ๆ
“ตอนแรกจัดอยู่ครับ แต่พอพี่จ๋าโทรมา ผมก็รีบยืมรถพี่ข้าวฟ่างขับมารับพี่นี่แหล่ะครับ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อคนอีกคน คนที่กำลังยิ้มหุบยิ้มฉับพลัน ก่อนที่คนหน้าคมจะดึงคางตัวเองออกจากมือบาง พลางยืดตัวนั่งหลังตรง
“อ้อ...รถคันนี้สินะ”
“ใช่ครับ”
“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ” พูดจบ ฮั่นก็เปิดประตูรถออกไปยืนด้านนอกทันที ทำเอาคนที่กำลังยิ้มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของอาการนี้ แกงส้มรีบก้าวตามคนเป็นพี่ออกไปอย่างเร็ว พลางเดินอ้อมรถมายืนเบื้องหน้าของคนที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่ง
“เดี๋ยวสิพี่ฮั่น พี่เป็นอะไรเนี่ย เมื่อตะกี้ยังดี ๆ อยู่เลยนะ” แกงส้มถามพลางเอียงคอมองคนที่ยืนทำหน้านิ่งตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ฮั่นพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะทำแก้มป่อง
“พี่กำลังงอนแกงอยู่ครับ งอนมาก ๆ ด้วย”
“หือ...? งอนผม...นี่พี่ยังไม่หายโกรธผมเรื่องพี่ข้าวฟ่างอีกหรอ ผมทำ ‘ขนาดนั้น’ แล้วน้า...” แกงส้มเอ่ยถามก่อนจะทำหน้าบ๊องแบ๊วใส่คนเป็นพี่ แต่ฮั่นก็หาได้หลงกลหายงอนไม่ เพราะเขายังคงทำแก้มป่องต่อไป
“ตอนแรกก็เหมือนจะหายงอนนะ แต่พอนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าแล้วอดงอนต่อไม่ได้จริง ๆ” พูดจบ ฮั่นก็ทำปากจู๋บ่งบอกให้คนมองรู้ว่าเขากำลังงอนจริง ๆ อย่างที่ปากพูด
“ง่ะ...พี่ฮั่นอย่างอนผมเลยน้า ดีกันเถอะนะคร้าบ...นะ ๆ ๆ ๆ ๆ” แกงส้มพยายามใช้สายตาและน้ำเสียงออดอ้อนคนที่ทำแก้มป่อง แต่ดูเหมือนว่าความงอนที่มีมากของฮั่นจะทำให้เขาไม่ยอมหายงอนง่าย ๆ
จริง ๆ แล้ว...ฮั่นก็ไม่ได้งอนอะไรคนที่กำลังทำหน้าอ้อนมากอย่างที่เจ้าตัวคิด แต่เขาก็อยากให้แกงส้มง้อเขาอีกหน่อย...
ไหน ๆ น้องก็ทำให้เขานอยด์ตั้งหนึ่งคืนและอีกหนึ่งวันนะ...
ขออีกนิดเถอะ...!!
“ไม่รู้ไม่ชี้”
“พี่ฮั่นอ่า...พี่จะให้ทำยังไงครับ พี่ถึงจะยอมหายงอนผม”
“แล้วแกงคิดว่าแกงควรทำยังไงล่ะพี่ถึงจะหายงอน” ฮั่นถามกลับ พลางยืนกอดอกมองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงจัด
เอ่อ...อย่าบอกนะว่าแกงคิดจะง้อเขาด้วยวิธีเมื่อสักครู่นี้...
ไม่เอานะ...มันทำให้ ‘เขิน’ เกินไป...(?)
แล้วก็เหมือนจะเป็นอย่างที่ฮั่นคิด เพราะแกงส้มก้าวเดินเข้ามาใกล้ร่างของเขามากขึ้น...และมากขึ้น จนเขาถอยหลังไปจนชิดกับตัวรถที่จอดสนิท สองแขนของแกงส้มที่กางกั้นทำให้ฮั่นยืนตัวแข็งทื่อ ใบหน้าหวานที่ค่อย ๆ เขยิบเข้ามาใกล้ ทำให้หัวใจของฮั่นเต้นแรง
สายลมเย็นที่พัดจนได้ยินเสียงของใบไม้เสียดสีกันไม่อาจทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายของฮั่นลดความร้อนได้เลย ยิ่งยามที่ใบหน้าหวานเขยิบมาจนเกือบชิดห่างเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งคืบยิ่งทำให้ใบหน้าของฮั่นร้อนผ่าว
แกงส้มเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่เพราะเขาอยากให้คนตรงหน้าหายงอนเขา เขาจึงคิดว่าวิธีนี้จะทำให้พี่ฮั่นหายงอนเขา แต่...
คนที่ยืนตัวแข็งทื่อรีบผลักใบหน้าหวานให้ออกห่างจากใบหน้าของตัวเอง
“กะ แกงจะทำอะไรน่ะ!” ฮั่นถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พลางลดมือที่ผลักใบหน้าหวานลง
“ก็...ง้อพี่ไงครับ”
“ง้อด้วยวิธีนี้เนี่ยนะครับ”
“อ้าว...ก็ผมไม่รู้นี่ครับว่าควรจะง้อพี่ด้วยวิธีไหนดี ผมก็เลยคิดว่าวิธีนี้ดีที่สุด” แกงส้มตอบก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเองอย่างรู้สึกเขิน
“พี่ไม่ได้ให้แกงง้อพี่ด้วยวิธีนี้ครับ”
“อ้าว...แล้วพี่จะให้ผมง้อพี่ด้วยวิธีไหนล่ะครับ” แกงส้มหน้าเหวอไปทันทีที่ได้ยินคำพูดของคนเป็นพี่
“แกงจะง้อพี่ด้วยวิธีไหน มันก็คงต้องแล้วแต่แกงล่ะครับ แต่เอาเป็นว่าคืนนี้พี่ขอตัวก่อนแล้วเจอกัน เมื่อแกงคิดหาวิธีมาง้อพี่ได้แล้ว...ก็แล้วกันนะครับ” แล้วคนพูดก็ยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะเดินกลับไปยังที่ที่พวกเขาเพิ่งจะเดินมา
นี่พี่ฮั่นเขางอนจริง ๆ หรอเนี่ย...!?!
“พี่พูดจริงหรอพี่ฮั่นเรื่องที่พี่งอนผมน่ะ!!!!” แกงส้มตะโกนถามคนที่เดินห่างออกไป แต่คำตอบที่ได้มามีเพียงแค่อาการโบกมือไปมาของคนเป็นพี่เท่านั้น
งานเข้าแล้วไอ้แกง...!
“แล้วเราจะง้อพี่ฮั่นยังไงวะเนี่ย!” แกงส้มเอ่ยถามตัวเองเบา ๆ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมายีผมตัวเองจนมันยุ่งเหยิงบ่งบอกอาการว่าเจ้าตัวกำลังคิดหนัก
เขาไม่ค่อยถนัดง้อใคร เพราะส่วนใหญ่จะมีแต่คนง้อเขามากกว่า เวลาอยู่กับที่บ้าน แม้เขาจะเป็นลูกคนกลางแต่ทุกคนในบ้านก็ค่อนข้างจะตามใจเขาพอสมควร เขาจึงไม่ค่อยแคร์ใครมากนัก แต่กับพี่ฮั่น...เขาไม่แคร์ไม่ได้...
นิ้วเรียวยกขึ้นมาเคาะที่ริมฝีปากตัวเองอย่างคนใช้ความคิด แล้วเจ้าตัวก็เหมือนจะนึกได้เมื่อนิ้วเรียวสัมผัสโดนริมฝีปากของตัวเอง แกงส้มหน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที
เขาเป็นฝ่ายจู่โจม ‘จูบ’ พี่ฮั่นก่อน...
โอ๊ย!...นี่เขาเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...
ในตอนนั้นเขาคิดแค่เพียงว่าจะทำอย่างไรให้พี่ฮั่นเชื่อในคำพูดของเขาและยอมหายโกรธรวมทั้งกลับมาเป็นคนเดิมของเขา และนั่นก็ทำให้หัวใจของเขามันสั่งให้ทำแบบนั้นออกไป
จูบแรกของเขา...เป็นจูบที่แสนประทับใจจริง ๆ ในความรู้สึกของเขา แม้ว่ามันจะเป็นจูบที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนเริ่มก่อน
แต่ท้ายที่สุดแล้ว...คนสองคนก็มีความสุขและรู้สึกดีไปกับสัมผัสนี้
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว...
ไม่ต้องหาคำตอบอะไรให้กับหัวใจของตัวเองอีกแล้ว...เพราะแค่คำตอบจากทุกความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดจากสัมผัสเมื่อสักครู่นี้ แกงส้มก็รู้ทันทีว่า...
คนสำคัญที่สุดของหัวใจเขาก็คือ...’พี่ฮั่น’...
พี่ฮั่น...คนเดียวจริง ๆ
ทางด้านคนที่เดินห่างออกมา เมื่อเขาเดินมาถึงรถสีขาวของตัวเอง ชายหนุ่มก็กดโทรศัพท์ไปหาเพื่อสนิทของตัวเอง
“ไอ้จ๋า...ฉันรู้ว่าแกยังวนเวียนอยู่ในร้าน รีบออกมาพาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย ฉันรออยู่ที่รถ...เออ...ไม่ได้เมาจริง แต่ ‘เมาดิบ’ เฉย ๆ...อืม ๆ”
เมื่อวางสายจากคนเป็นเพื่อน ฮั่นก็เงยหน้าขึ้นองท้องฟ้าสีดำสนิท ดวงดาวที่กระจายตัวเกลื่อนฟ้าเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม สายลมที่พัดแรงในตอนแรกค่อย ๆ ผ่อนแรงลงจนเป็นเพียงสายลมเอื่อย ๆ พอให้รู้สึกเย็นสบาย ๆ
ความรู้สึกหน่วงในหัวใจมลายหายไปพร้อมกับสัมผัสที่แสนอ่อนโยนที่แกงส้มมอบให้เขา...
การพิสูจน์ความจริงของคำพูดด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาชวนให้หัวใจละลายทำให้ฮั่นต้องยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเองพลางครุ่นคิดไปถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
บอกไม่ถูกว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอย่างไร...
เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัวใจมันมีหลายความรู้สึกมาก!!!!
ทั้งรู้สึกดี...รู้สึกเขิน...รู้สึกเหมือนว่าหัวใจมันเต้นแรงมากราวกับมีใครมาตีกลองเชิดสิงโตในนั้น
อีกทั้งเขายังรู้สึกเหมือนเขากำลังกลับไปเป็นเด็กมัธยมต้นที่เพิ่งมีความรักครั้งแรก รักแบบปั๊บปี้เลิฟ ใส ๆ อะไรทำนองนั้น เพราะทุกครั้งที่เขาได้ใกล้ชิดกับแกงส้มหัวใจของเขามันมักจะเต้นแรงเสมอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้...
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัวใจเขา ณ ขณะนี้คือความรู้สึกที่อ่อนโยนอ่อนหวานชวนให้หัวใจเต้นไหวไปกับความรู้สึกดี ๆ ที่ยากจะเกินบรรยาย
โอ๊ย! บอกไม่ถูกจริง ๆ ว่ารู้สึกอย่างไร...
“อ้าวแกง...ทำไมกลับมาเร็วจัง ไหนบอกว่าจะขับรถไปส่งพี่ฮั่นที่เมาเละที่คอนโดไง” ข้าวฟ่างเอ่ยทักคนที่เดินยิ้มเข้ามา ก่อนที่เขาจะเลื่อนเก้าอี้ให้แกงส้มอย่างต้องการเอาใจ
“พอดีว่าพี่ฮั่นเค้าไม่ได้เมาอย่างที่ผมเข้าใจครับ ยังไงผมก็ต้องขอบคุณพี่ข้าวฟ่างมาก ๆ เลยนะครับที่ให้ผมยืมรถขับไปรับพี่ฮั่น พี่ยังเป็น ‘พี่ชาย’ ใจดีกับผมเสมอเลย” แกงส้มว่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ พลางหยิบหูฟังขึ้นมาครอบหู แต่...มือหนาของข้าวฟ่างที่คว้ามือแกงส้มไปกุมไว้ ก็ทำให้แกงส้มต้องเอาหูฟังออกมาคล้องไว้ที่คอตัวเอง
“แกง...เรา ‘กลับมาเป็นเหมือนเดิม’ ได้ไหมครับ”
คำถามที่มาพร้อมกับดวงตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนในความรู้สึกของตัวเอง
ความรู้สึกเว้าวอน...อย่างต้องการความเห็นใจ
แต่ความรักไม่ใช่ความเห็นใจไม่ใช่ความรู้สึกสงสาร เพราะถึงแม้จะมีคนกล่าวไว้ว่า...ความสงสารเป็นบ่อเกิดแห่งความรัก แต่ในความรู้สึกของแกงส้มนั้น...
ความรักก็คือความรัก...มันไม่ใช่ความรู้สึกสงสารหรือเห็นใจ
เพราะการที่คนสองคนจะรักกันมันต้องเป็นคนที่มีความรู้สึกที่ ‘รักกัน’ ไม่ใช่แค่ ‘เธอรักฉัน’ หรือ ‘ฉันรักเธอ’ แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“พี่ข้าวฟ่างถามผมเรื่องนี้ก็ดีเหมือนกันครับ เพราะว่าผมมีคำตอบของคำถามพี่แล้วนะครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้าที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ระบายเต็มดวงหน้าหวาน ก็ทำให้ข้าวฟ่างรู้สึกใจชื้นขึ้นมา ชายหนุ่มรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพลางหยิบกล่องสี่เหลี่ยมที่เขาเตรียมไว้มากำไว้ในฝ่ามือ...
กล่องแหวน...ที่เขาตั้งใจว่าจะให้แกงส้ม...วันที่แกงส้มตัดสินใจได้ว่าจะ ‘เลือกเขา’ แทนที่จะเป็นคนที่มาทีหลังอย่างนายฮั่น
“คำตอบของแกงคืออะไรครับ บอกมาได้เลย...พี่รอฟังอยู่ครับ”
“ผม...คงไม่สามารถให้โอกาสพี่ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมกับผมได้แล้วครับ เพราะว่าหัวใจของผมมีแต่พี่ฮั่นคนเดียวเท่านั้น...พี่อาจจะคิดว่าผมเหมือนยังมีเยื่อใยให้กับพี่ ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่าผมยังมีใจให้กับพี่เหมือนกันครับ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่...เพราะว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่มากไปกว่าพี่ชาย...หวังว่าพี่คงเข้าใจผมนะครับ”
คำตอบชัดเจนที่ถูกยืนยันด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความหนักแน่นในหัวใจทำให้ข้าวฟ่างปล่อยมือที่กำกล่องแหวน ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาอย่างนึกสมเพชในตัวเอง
มันสายไปแล้วจริง ๆ...
“โอกาสของพี่มันคงหมดไปตั้งแต่วันที่พี่เลือกที่จะไปเรียนต่อเมืองนอกโดยไม่ล่ำลาแกงวันนั้นใช่ไหมครับ”
“ไม่หรอกครับ...โอกาสของพี่มันยังมีอยู่ในทุก ๆ วัน เพียงแต่โอกาสนั้นมันหมดไปในวันที่พี่คิดได้วันที่สายอย่างในวันนี้ครับ...ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้โอกาสพี่นะครับ เพียงแต่ผมมีคนที่อยู่ในหัวใจแล้ว ผมจึงไม่อาจให้โอกาสกับพี่ได้ แต่ผมเชื่อนะครับว่า...สักวันหนึ่งพี่จะต้องเจอคนที่ใช่สำหรับพี่มากกว่าผมแน่นอนครับ” แกงส้มว่าพลางบีบมือคนที่นั่งทำหน้าเศร้าตรงหน้าเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ
“แต่คนที่ใช่ในตอนนี้ของพี่...คือแกงนี่ครับ”
“อย่าเพิ่งพูดแบบนี้เลยครับพี่ข้าวฟ่าง เพราะเนื้อคู่พี่อาจจะเป็นคนที่พี่เพิ่งเดินสวนกับเค้าเมื่อเช้าก็ได้นะครับ พี่อาจจะคิดว่าพี่รักผม แต่จริง ๆ แล้วพี่แค่รู้สึกอยากมีใครสักคนมากกว่า แล้วบังเอิญว่าผมก็คือคนที่พี่คิดถึงอยู่พอดี...”
“ไม่จริงนะแกง พี่กลับมาเพราะว่าพี่รักแกงจริง ๆ ไม่ใช่เพราะว่าแค่อยากมีใคร...”
“แต่พี่กลับมาช้าไปครับ...เพราะผมเลือกที่ก้าวเดินไปข้างหน้ามากกว่าที่จะเดินย้อนกลับไปหาอดีต เพราะอดีตสำหรับผมมีไว้เพียงเพื่อมองดูเท่านั้น แต่ไม่ได้มีไว้ให้ผมเดินกลับไป เพราะในตอนนี้หัวใจของผมเลือกที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้ากับพี่ฮั่นครับ”
พูดจบ แกงส้มก็ยิ้มออกมา...
เป็นยิ้มที่กว้างและแสดงออกถึงความรู้สึกในหัวใจที่ทำให้คนมองอย่างข้าวฟ่างสัมผัสได้ว่ารอยยิ้มนี้คือรอยยิ้มที่มาจากหัวใจ...หัวใจที่ไว้ให้กับคนที่ชื่อฮั่น...ไม่ใช่เขา!
“พี่เข้าใจแล้วแกง...ขอให้แกงโชคดีกับความรักที่แกงเลือกในครั้งนี้นะครับ ยังไงเราก็ยังเป็น ‘พี่น้อง’ กันได้เหมือนเดิมใช่ไหมครับ”
“แน่นอนสิครับ พี่ชาย...” แล้วแกงส้มก็ยกมือไปตบเบา ๆ ที่ไหล่ของคนเป็นพี่ ก่อนที่เขาจะหยิบหูฟังมาครอบหู (อีกครั้ง) ข้าวฟ่างเห็นแบบนั้นเขาก็ขอตัวออกมาจากห้องคอนโทรลนี้ เพื่อสงบสติอารมณ์เศร้าของตัวเอง
นี่เขากลับมาเพื่อพบเจอกับความผิดหวังหรอกหรือเนี่ย...สมเพชตัวเองจริง ๆ
อารมณ์ของเขาตอนนี้อยากออกไปเดินเล่นเงียบ ๆ จัง...คิดได้แบบนี้ข้าวฟ่างก็พาตัวเองออกมาจากตึก ก่อนที่เขาจะเดินทอดน่องไปตามท้องถนนที่เงียบสงบยามค่ำคืน
หลายเดือนมาแล้วที่เขาไม่ได้เดินเล่นที่ถนนสายนี้...
ทุก ๆ อย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ตึกรามบ้านช่อง แต่สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือ...ความรู้สึกของแกงส้มที่มีต่อเขา...
“เฮ้อ.......................”
ข้าวฟ่างถอนหายใจออกมายาว ๆ เพื่อระบายความเศร้า ก่อนที่เขาจะเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้ซึ่งจุดหมายปลายทาง แต่แล้วเสียงเพลงที่ดังมาจากบริเวณกำแพงของโรงเรียนประถมที่ตั้งอยู่กลางซอยเล็ก ๆ ซอยหนึ่งที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินผ่าน ก็ทำให้เรียกขาของเขาให้ก้าวเดินเข้าไปยังซอยนั้นเพื่อหาที่มาของเสียง
ภาพของหญิงสาวผมยาวเป็นลอนที่สยายเลยกลางหลังที่อยู่ในชุดเอี๊ยมยีนส์สีซีดกับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีแสบตาซึ่งกำลังถือแปรงทาสีขนาดเล็กเพื่อลงสีของภาพดอกไม้ที่ถูกร่างไว้ด้วยดินสอเส้นใหญ่ เสียงเพลงที่ดังมาจากวิทยุเครื่องเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากปลายเท้าของหญิงสาวทำให้คนมองผุดรอยยิ้มขึ้นมา
งานศิลปะมักมาพร้อมเสียงเพลงเพื่อสร้างอารมณ์ศิลปินเสมอ...สินะ...
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ คุณกำลังทำอยู่หรอครับ”
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ข้าวฟ่างเอ่ยถามคำถามนี้ออกไป แต่ขายาวของเขาก็ก้าวเข้าไปยืนอยู่ใกล้ร่างโปร่งตรงหน้ามากขึ้น แต่เมื่อหญิงสาวหันหน้ามา ข้าวฟ่างก็แทบอยากจะเรียกคืนคำถามเมื่อสักครู่นี้ของเขากลับมาทันที
“ยัยกวาง!!!!!”
“โอ๊ะ! ไอ้เราก็นึกว่าชายหนุ่มที่ไหนมาทัก ที่แท้ก็ชายหนุ่มที่ชอบเป็นมือที่สามในความรักของชาวบ้านนี่เอง เฮอะ!”
กวางว่าพลางพ่นลมขึ้นจมูก ก่อนที่เธอจะหันกลับไปสนใจกับงานที่ทำตรงหน้าต่อ แต่แล้วมือหนาที่เอื้อมมากระชากต้นแขน ก็ทำให้หญิงสาวต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับข้าวฟ่างอีกครั้ง
“ทำอย่างกับเธอไม่เคยเป็นมือที่สามความรักของใคร ก่อนจะว่าอะไรใครก็ช่วยหัดดูตัวเองก่อนนะ”
“ถึงฉันจะเคยก้าวพลาดทำอะไรผิดต่อใครไป แต่ตอนนี้ฉันก็สำนึกตัวเองได้แล้ว แต่กับคนบางคนที่พูดให้คนอื่นคิดได้ แต่ตัวเองกลับคิดไม่ได้ แบบนี้ใครกันแน่ที่ควรจะต้องกลับไปดูตัวเองน่ะ!!!”
เจอประโยคยอกย้อนที่สุดแสนจะแสบทรวงเข้าไป ข้าวฟ่างถึงกับสะอึก
“เธอนี่มัน...”
“ก่อนที่คุณจะว่าฉัน คุณถามตัวเองก่อนเถอะ ว่าแท้ที่จริงแล้วคุณคิดยังไงกันแน่ อย่าเอาความรู้สึกที่หลอกตัวเองมาทำให้คนที่เขากำลังไปกันได้ดีต้องเดือดร้อนเลย แม้ว่าการมีมือที่สามจะเป็นการพิสูจน์ความมั่นคงในหัวใจของคนสองคนก็จริง แต่บางครั้ง...มือที่สามก็ไม่จำเป็นสำหรับความรักนะ!”
พูดจบ กวางดึงต้นแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า ข้าวฟ่างนิ่งไปทันที...
เวลาผ่านไปหลายนาที คนที่ถอยห่างออกไปนั่งกอดเข่าที่พื้นก็เงยมองร่างโปร่งที่กำลังใช้แปรงทาสีลงสีทุกหญ้าสีเขียว ด้วยความที่ข้าวฟ่างเองก็ชอบงานศิลปะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่องานศิลปะมาอยู่ตรงหน้า เขาก็อยากจะมีส่วนร่วมในงานศิลปะนี้
“นี่เธอ...”
“หืม ? ว่าไงคะ ?”
“เธอมาวาดรูปที่กำแพงโรงเรียนนี้ทำไม เค้าจ้างเธอหรอ ? หรือว่าเธอมาวาดเอง” ข้าวฟ่างตัดสินใจเอ่ยถามออกไป ก่อนที่เขาจะเริ่มถอดเสื้อยีนส์ที่ใส่อยู่ออก พลางเดินไปหยิบแปรงทาสีที่อยู่ในกระป๋องสีสีดำมาถือไว้ในมือ อากัปกิริยานี้ของร่างสูง ทำให้คนที่ยืนมองเผยดวงตาที่แสดงออกถึงความไม่เข้าใจ
นี่อีตาคุณข้าวฟ่างเขาคิดจะทำอะไรของเขา!?!
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉัน เพราะฉะนั้นเธอไม่มีสิทธิ์มาถามคำถามฉันกลับ”
เจอคำพูดยอกย้อนที่แทบจะทำให้หัวทิ่มเข้าไป กวางก็โมโหจนนึกอยากจะเอาแปรงทาสีที่อยู่ในมือฟาดไปที่ปากคนพูด
“ฉันมารับจ็อบพิเศษวาดรูปบนกำแพงโรงเรียน”
“อ้อ...แล้วคอนเซปว่าไง”
“คอนเซป ?”
“อื้อ...ก็คอนเซปในการวาดรูปบนกำแพงนี่ไง”
“ไม่มีหรอกคุณ...นี่มันโรงเรียนเด็กประถมนะ เราอยากจะวาดอะไรที่มันสร้างสรรค์จินตนาการให้เด็ก ๆ เราก็วาดได้ ถามทำไม คิดจะช่วยหรอ ?” กวางถามพลางมองใบหน้าคมที่บัดนี้ระบายรอยยิ้มหวาน
รอยยิ้มหวานที่เรียกอัตราการเต้นของหัวใจทำให้กวางต้องเสสายตาตัวเองไปมองที่อื่น
หัวใจบ้า! ไปเต้นแรงทำไมกับคนแบบนี้...ท่องเอาไว้ว่านี่...ศัตรู!
แต่ให้ตายเหอะ...การห้ามอะไรที่มันทำได้ยากเช่นการห้ามหัวใจไม่ให้เต้นไหวไปกับรอยยิ้มของคน ๆ นี้ ช่างห้ามได้ยากยิ่ง
“ถ้าฉันบอกว่าจะช่วย เธอจะว่ายังไง...”
“ช่วยน่ะได้นะคุณ แต่ฉันไม่แบ่งเงินให้หรอกนะ”
“ยัยงกเอ๊ย! ฉันไม่เอาเงินเธอหรอกน่ะ แค่อยากวาดรูปเฉย ๆ โอ๊ะ! โทษที...ไม่ได้ตั้งใจ” ข้าวฟ่างว่าพลางเอาแปรงทาสีในมือขึ้นมา ก่อนจะแกล้งสะบัดสีนั้นใส่คนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“เฮ้ยคุณ! แกล้งกันนี่หว่า”
“แกล้งอะไร ? ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ”
“หนอย...ไม่ได้ตั้งใจใช่ไหม นี่แน่ะ ๆ ๆ ๆ” แล้วกวางก็สะบัดสีเขียวที่อยู่ในมือไปทางข้าวฟ่าง ชายหนุ่มกระโดดหลบ ก่อนที่คนสองคนจะสะบัดสีใส่กัน แล้วต่างฝ่ายต่างก็หัวเราะให้กัน
ความรู้สึกดี ๆ ที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในหัวใจของคนทั้งคู่ คล้ายมีเส้นใยบาง ๆ ค่อย ๆ ผูกรัดถักทอความรู้สึกบางอย่างให้หัวใจของคนทั้งคู่
หรือโลกนี้จะมีคนเหงาลดน้อยลงอีกสองคนนะ...
แสงแดดสีทองอ่อนที่สาดเข้ามาจากหน้าต่างบานกว้าง เรียกดวงตาของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนให้ลืมตาขึ้น วงแขนแกร่งที่โอบรอบตัวตุ๊กตากระต่ายหน้าโหดค่อย ๆ ผลักเจ้าตุ๊กตาตัวนั้นให้ห่างตัว ก่อนที่ฮั่นจะลุกขึ้นนั่งแล้วบิดขี้เกียจไปมา
“เฮ้ยพี่จ๋า!!!!!! พี่ทำอะไรน่ะ!!!! ว้ากกกกกกกกกก”
ในระหว่างที่คนหน้าคมกำลังบิดขี้เกียจไปมาแล้วคิดอะไรเพลิน ๆ เสียงโวยวายที่แสนคุ้นเคยเรียกคิ้วหนาให้ขมวดเข้าหากันทันที
“เสียงเหมือนแกงเลย...บ้าน่า! แกงจะมาที่นี่ได้ไง หูฝาดแต่เช้าเลยไอ้ฮั่น...” ฮั่นงึมงำกับตัวเอง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ
“หมิว...มันจะไหม้แล้ว...เฮ้ยพี่จ๋า...ขนมปังพี่มันดำแล้วว่ะ!!!!”
แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินเข้าห้องน้ำ เสียงโวยวายที่ดังขึ้นอีกครั้ง ก็ทำให้ฮั่นตัดสินใจเดินออกไปนอกห้องนอนของตัวเอง
แล้วภาพที่ฮั่นเห็นก็แทบจะทำให้ร่างสูงทรุดด้วยความเข่าอ่อน
ห้องครัวที่แสนจะสะอาดตาเรียบร้อยของเขากลับกลายเป็นเหมือนสมรภูมิรบของสงครามอะไรสักอย่าง เศษของแตงกวาและมะเขือเทศที่เลอะเต็มพื้นห้อง มาพร้อมกับเศษเปลือกไข่และเศษของเปลือกไส้กรอก ควันสีขาวจาง ๆ ที่ลอยวนในห้องครัวมาจากกระทะแบนที่ตั้งอยู่บนเตาแก๊สและจากเครื่องปิ้งขนมปังสีครีม
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!!!” ฮั่นถามก่อนจะเดินเข้าไปหาคนสามคนที่ยืนทำหน้าซีด
“แกงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ฮั่นตัดสินใจเอ่ยถามคนที่เอาผ้ากันเปื้อนสีหวานของเขามาใส่ ในมือของแกงส้มมีตะหลิวอยู่ ใบหน้าหวานเม้มปากเข้าหากันก่อนจะอ้อมแอ้มตอบเขากลับมาว่า
“พอดีว่าผมอยากจะง้อพี่ด้วยการทำอาหารเช้าแบบฝรั่งให้พี่น่ะครับ ผมก็เลยโทรให้พี่หนึ่งมาจัดรายการต่อจากผมเร็วหน่อยน่ะครับ แหะ ๆ”
“มาทำอาหารเช้าให้พี่ หรือมาพังห้องครัวพี่กันแน่เนี่ย ทำไมมันถึงได้เละเทะแบบนี้ แล้วนี่ไอ้จ๋า...แกทำอาหารไม่เป็นแล้วมาอยู่อะไรตรงนี้ หมิวก็เหมือนกัน...ไม่เคยทำอาหารเลยสักครั้ง โอ๊ย...เละ...เละ...!”
ฮั่นว่าพลางมองสภาพไข่ดาวที่ยังดิบอยู่กับไส้กรอกสีน้ำตาเข้มจนเกือบดำและขนมปังปิ้งสีดำสนิท
แต่ละคน...ไม่ได้เรื่องจริง ๆ!!!
“ทุกคนหลบไปเลย ไปนั่งสวย ๆ หล่อ ๆ กันที่โต๊ะเลย เดี๋ยวทำเอง”
จ๋าและหมิวยอมเดินออกไปจากห้องครัวง่ายดาย เพราะเธอสองคนรู้ว่าคนสองคนที่ยืนอยู่ต้องการเวลาส่วนตัว และเมื่ออยู่กันตามลำพัง...
“แต่ผมอยากทำอาหารเช้าให้พี่นี่ครับ”
“ขอร้องแกง...ไปนั่งนู่นเลย” พูดจบ ฮั่นก็ชี้มือไปทางโต๊ะอาหาร แกงส้มทำปากยื่นนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะยอมถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วยื่นส่งมาให้คนเป็นพี่
“ใส่ให้ด้วย...”
ฮั่นเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะยิ้มออกมานิดหน่อยเมื่อเห็นใบหน้าหวานที่เหวอเล็ก ๆ
“เร็วสิแกง...ใส่ผ้ากันเปื้อนให้พี่หน่อย”
“ครับ ๆ” แกงส้มรับคำก่อนจะเอาผ้ากันเปื้อนคล้องคอคนเป็นพี่ ก่อนจะเอื้อมไปผูกผ้ากันเปื้อนที่ด้านหลังคนร่างสูง โดยที่แกงส้มยืนอยู่เบื้องหน้าไม่ได้เดินอ้อมไปผูกที่ด้านหลังแต่อย่างใด
กลิ่นหอมจากตัวของคนตรงหน้าทำให้หัวใจของฮั่นเต้นแรง...
ส่วนคนที่กำลังผูกผ้ากันเปื้อนเอง หัวใจก็เต้นแรงไม่แพ้กัน...มือบางสั่นเทาเล็ก ๆ กว่าจะผูกเชือกที่เอวเสร็จก็กินเวลาไปหลายนาที
“เสร็จแล้วครับ หล่อที่สุดเลยเชฟพี่หมีของผม” แกงส้มเอ่ยชมก่อนจะหยิกแก้มใสของคนเป็นพี่เบา ๆ หนึ่งที
“ไม่ต้องมาหลอกชมเพื่อให้หายงอนเลย ทำแค่นี้พี่ก็ยังไม่หายงอนหรอกนะ” ฮั่นว่าก่อนที่เขาจะเอามือไปตีหน้าผากมนเบา ๆ หนึ่งที
“เฮอะ! เบื่อคนรู้ทันชะมัด” แกงส้มว่าพลางทำปากจู๋ จากนั้นเขาก็เดินไปออกไปจากห้องครัว ทิ้งให้ฮั่นส่ายศีรษะเบา ๆ กับอากัปกิริยาเมื่อสักครู่นี้ของคนที่เพิ่งเดินไป
ผ่านไป 15 นาที...
อาหารเช้าแบบฝรั่งอย่างที่แกงส้มอยากทำให้ฮั่นทานก็ปรากฏเบื้องหน้าของคนทั้งสาม
“โห!!!! ทำไมมันต่างจากที่พวกผมทำจังเลยอ่ะ ไส้กรอกที่หมิวทอดเกรียมสุด ๆ แต่ของพี่ฮั่นแบบว่าพอดีมากสีสวยโคตร ๆ”
“นั่นดิน้องแกง ไข่ดาวที่แกงทำมันยังดูดิบ ๆ อยู่เลย แต่ของไอ้ฮั่นมันดูสุกแบบกำลังดี โคตรน่ากินอ่ะ!”
“แล้วขนมปังปิ้งที่ป้าจ๋าทำก็ดำสนิท ไม่เหมือนของพี่ฮั่นเลย สีกำลังเหมาะกรอบกำลังดี”
“นี่พวกเราสามคนฝีมือห่วยกันขนาดนี้เลยหรอเนี่ย!!!!”
แล้วคนสามคนก็พร้อมใจกันพูดประโยคนี้ออกมาโดยมิได้นัดหมายล่วงหน้า
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ของแบบนี้มันอยู่ที่การฝึกฝน ทำบ่อย ๆ เดี๋ยวก็อร่อยไปเองแหล่ะ แต่พูดก็พูดเถอะนะ คราวหน้าแกงอย่าง้อพี่ด้วยการทำอาหารอีกเลย พี่สงสารห้องครัวตัวเอง”
“เง้อ...พี่ฮั่นอ่ะ! จริง ๆ ผมก็พอทำอาหารได้นะ แต่แบบว่า...บางทีอาหารบางอย่างผมก็ไม่ถนัดนะ” คนที่พยายามจะแถสุดฤทธิ์ก็รู้สึกเจ็บสีข้าง ๆ แปลบ ๆ
ฮั่นซึ่งนั่งฟังอยู่กับถึงกับหลุดขำพรืดออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของแกงส้ม
ไอ้ตัวแสบเอ๊ย!!!
“โอเค ๆ ๆ กินเถอะ เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน เอ้อจ๋า...วันนี้ฉันไม่เข้าร้านนะ จะไปซื้อหนังสือ แล้วแกก็ช่วยทำความสะอาดห้องครัวของฉันให้กลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิมด้วย ถ้าฉันกลับมามันยังไม่คงสภาพเดิม แกอดกินข้าวเย็นแน่! เพราะฉันจะไม่ทำอาหารให้แกกิน!”
“อืม...ได้ ๆ ๆ เดี๋ยวฉันบอกคุณคิมให้ เอ่อ...ไอ้ฮั่น...แกจะเตะฉัน จะต่อยฉัน จะด่าฉันยังไงก็ได้นะเว้ย แต่ห้ามพูดว่าแกจะไม่ทำอาหารให้ฉันกิน เพราะว่าถ้าฉันไม่ได้กินอาหารฝีมือแกนะ ฉันคงจิตตกนอนไม่หลับ อาหารไม่ย่อย ท้องอืดท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยวแน่ ๆ”
“เวอร์มากไอ้จ๋า กินนี่เข้าไปเลย” ฮั่นว่าก่อนจะหยิบส้อมจิ้มไส้กรอกที่จ๋าหั่นไว้แล้วยัดเข้าปากเพื่อนสาวของตัวเองไปทันทีที่เขาพูดจบ
จากนั้นร่างสูงของฮั่นก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แกงส้มก็สะกิดแขนคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“พี่ฮั่นเค้าไปซื้อหนังสือที่ไหนหรอกครับพี่จ๋า”
“อืม...ร้านหนังสือเจ้าประจำของมันนั่นแหล่ะจ้ะ บอกไปไม่รู้ว่าน้องแกงจะรู้จักหรือเปล่าน่ะสิ ถ้ายังไงน้องแกงก็ลองขอตามไอ้ฮั่นไปสิ มันน่าจะให้แกงตามไปอยู่นะ” พูดจบ จ๋าก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้า ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนใจคนที่นั่งข้าง ๆ แล้วนะ แต่เป็นเพราะว่าสภาพห้องครัวที่สุดแสนจะบรรยายต่างหากที่บังคับให้เธอรีบกินให้เสร็จไว ๆ แล้วรีบไปเก็บครัวที่ไอ้ฮั่นหวงนักหวงหนา
“ครับ...เอ่อพี่จ๋า...ผมต้องขอโทษพี่ด้วยนะครับที่ทำให้พี่ต้องเหนื่อยทำความสะอาดห้องครัวที่มัน...เอ่อ..หมดสภาพแบบนั้น”
คนพูดพูดด้วยใบหน้าและดวงตาที่แสดงออกถึงความสำนึกผิด ทำให้คนมองอย่างจ๋า(ใช้ความเนียน)ยีผมคนตรงหน้าเบา ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกน้องแกง เรื่องแค่นี้เอง เจ้สบายมาก เดี๋ยวให้ไอ้หมิวช่วยอีกแรง ครัวก็กลับมางามงดงดงามเหมือนเดิมแล้ว”
“ป้าจ๋า...ใครบอกป้าว่าหนูจะช่วยป้าน่ะ หนูต้องไปอ่านหนังสือสอบนะ” หมิวว่าพลางกัดขนมปังเข้าปากคำใหญ่
“แหม...จะไปอ่านหนังสือสอบหรือว่าจะไปเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะอยู่หน้าคอมส์กันแน่ ไม่รู้แหล่ะ ยังไงงานนี้ก็ต้องรีบผิดชอบร่วมกัน ยกเว้นน้องแกงของเจ้ของคนเดียว!!”
พูดจบ จ๋าก็ยิ้มหวานให้กับแกงส้ม
“ผมเกรงใจพี่จ๋าจัง”
“ไม่ต้องเกรงใจจ้ะน้องแกง มากกว่านี้เจ้ก็ทำให้แกงได้นะ”
“อ่า...”
“ป้าจ๋าเลิกแทะโลมแกงส้มสักทีเหอะ เห็นแล้วรับไม่ได้ว่ะ” หมิวไม่พูดเปล่า แต่เธอยังทำหน้าแบบว่ารับไม่ได้จริง ๆ อย่างที่ปากพูดอีกด้วย จ๋าเห็นแบบนั้นก็อดที่จะใช้สันส้อมเคาะไปบนหน้าผากของหมิวไม่ได้
“ขอให้ได้กัดฉันจริง ๆ นะไอ้หมิว ชิ!”
สายสัมพันธ์ของคนในครอบครัวมันคือสายสัมพันธ์ที่ผูกพันลึกซึ้ง ต่อให้พยายามจะตัดแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะตัดขาด เพราะขึ้นชื่อว่าครอบครัว...นั่นย่อมหมายถึงบุคคลที่มีความสำคัญและมีค่าต่อหัวใจและชีวิตของเรา ซึ่งคนในครอบครัวนั้นก็อาจจะไม่ได้หมายถึงพ่อแม่ หรือว่าญาติพี่น้องเท่านั้น แต่อาจจะหมายถึงเพื่อนหรือคนรักก็ได้...ขึ้นอยู่กับว่าตัวเราเองเลือกที่จะให้ใครเป็นคนในครอบครัวของเรา
และเมื่อมีคนในครอบครัวแล้ว เราก็จำเป็นต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด...
เพราะเราไม่รู้ว่า...คนสำคัญจะจากเราไปวันไหน...
เมื่อเราได้ดูแลเขาอย่างดีที่สุดแล้ว เมื่อเขาจากไป...เราก็จะไม่รู้สึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมาที่เราไม่เคยดูแลเขาเลย
อย่าเห็นค่าของสิ่งที่สาย...เพราะมันจะไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อสิ่งนั้นมันไม่อาจทำให้เรารู้สึกดีได้เหมือนเดิม
“พี่ฮั่นนนนนนนนนนนนนน” เสียงเรียกของคนที่นั่งกอดหมอนอยู่บนโซฟา เรียกร่างสูงให้เดินไปหา
“อ้าวแกง ? ยังไม่กลับห้องตัวเองอีกหรอเนี่ย”
“ยังครับ...ผมขอไปซื้อหนังสือกับพี่ด้วยนะคร้าบบบบบบ” ถ้อยคำที่มาพร้อมกับดวงตากลมโตที่ออดอ้อน ทำให้คนมองปฏิเสธไม่ลง แต่...
“แกงจะไปทำไม ร้านหนังสือไม่มีอะไรให้แกงเล่นหรอกนะ”
“ฮื้อ...ผมก็ไม่ได้จะไปเล่นอะไรสักหน่อยพี่ฮั่น”
“อ้าวหรอ แล้วแกงไม่ง่วงหรือไง เมื่อคืนก็จัดรายการทั้งคืน พี่ว่าแกงไปนอนพักผ่อนดีกว่า ไปเดินตะลอน ๆ กับพี่ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” ฮั่นว่าพลางเอามือไปลูบผมคนตรงหน้า
เส้นผมที่นุ่มลื่นมือ ทำให้เขาอยากจะสัมผัสเส้นผมนี้ทุกวัน...
“ไม่ได้หรอกครับ วันนี้ผมต้องง้อพี่ให้สำเร็จ ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับ”
เมื่อได้ฟังคำตอบของแกงส้ม ฮั่นก็นึกอยากจะล้มเลิกแผนการแกล้งงอนของตัวเองเดี๋ยวนั้น หากแต่จะเลิกตอนนี้...ก็เกรงว่าจะไม่สนุก...เพราะงั้นขอแกล้งอีกสักหน่อยก็แล้วกันนะ...
“ถ้างั้นก็ตามใจ เป็นอะไรไปพี่ไม่ช่วยนะ”
“เฮอะ!!! ก็ให้มันไปสิครับ ว่าพี่จะไม่ยอมช่วยผมน่ะ เฮ้ย! รอผมด้วยดิ” แล้วแกงส้มก็รีบลุกเดินตามคนที่เดินนำไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้เขาจะตามติดชีวิตหมี (ขี้งอน) ทั้งวันเลย !!!!
แสงแดดที่ร้อนระอุ ทำให้ร่างโปร่งที่ยืนอยู่ริมถนนต้องยกหลังมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลซึมบริเวณหน้าผากและสองข้างแก้ม ฮั่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อดที่จะสงสารแกงส้มไม่ได้ เขาตัดสินใจส่งสัญญาณมือเป็นเชิงบอกให้แกงส้มยืนรอเขาตรงนี้ ก่อนที่ฮั่นจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังร้านที่ขายพัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
“เอ้า...พัด...” เมื่อวิ่งกลับมา ฮั่นก็ยื่นพัดใบลานสีน้ำตาลอ่อนที่เขาซื้อมาเมื่อสักครู่นี้ให้คนที่ยืนอมยิ้ม
ทั้ง ๆ ที่บอกว่างอนเขา...
ทั้ง ๆ ที่บอกแบบนั้น...แต่ก็ยังยอมวิ่งไปซื้อพัดมาให้เขา...
พี่ฮั่นเอ๊ย...จะน่ารักแสนดีไปไหนวะ...แค่นี้ก็รักจนถอนใจไม่ได้แล้วนะ!
“เดินอีกไกลไหมพี่ฮั่นกว่าจะถึงร้านหนังสือของพี่”
“ไม่ไกลหรอก อีกสิบกิโลเอง”
“ฮะ!!!!!”
“ฮ่า ๆ ๆ พี่ล้อเล่น เดี๋ยวเลี้ยวตรงมุมตึกนี้ก็ถึงแล้ว” ฮั่นว่าก่อนจะเดินนำแกงส้มไปตามทางเดินที่แคบลงเรื่อย ๆ
ตึกไม้สีน้ำตาลที่ดูเก่าและโทรมสุด ๆ ตรงหน้า เรียกคิ้วสวยของแกงส้มให้ขมวดเข้าหากัน บรรยากาศที่วังเวงของต้นไม้ที่รกครึ้มปกคลุมบ้านหลังนั้นทำให้คนที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกต้องไปยืนเบียดกับคนที่ยืนข้าง ๆ
“นี่หรอพี่ฮั่นร้านหนังสือเจ้าประจำของพี่”
“อื้ม...ร้านนี้แหล่ะ หนังสือดี ๆ เพียบเลยนะแกง ว่าแต่...นี่เรายืนเบียดพี่ขนาดนี้ กลัวหรอ ?”
“ก็...นิดหน่อยครับ” เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นกลัวเล็ก ๆ ของแกงส้ม ฮั่นก็จับมือบางขึ้นมา ก่อนจะสอดประสานนิ้วมือของตัวเองเข้าไปกับนิ้วเรียวทั้งห้าของคนเป็นน้อง
“ไม่ต้องกลัวนะแกง พี่อยู่ข้าง ๆ แกงครับ” พูดจบ ฮั่นก็จูงมือคนที่กำลังระบายยิ้มให้เดินตามเขาเข้าไปภายในตึกตรงหน้า
ทันทีที่ประตูเปิดออก กลิ่นของหนังสือก็ลอยออกมาทักทายคนทั้งสอง ความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งอยู่ใกล้กับเพดาน ทำให้อากาศภายในเย็นจนเกือบหนาว หนังสือที่อยู่ในชั้นที่ตั้งเรียงรายลึกเข้าไปเรียกดวงตาของแกงส้มให้เบิกโตขึ้น
“โหพี่ฮั่น...หนังสือเพียบเลยอ่ะ!!!”
“ฮ่ะ ๆ ๆ ใช่แล้วแกง...เดินเลือกตามสบายเลยนะ แล้วถ้าเลือกได้แล้วก็เอาออกมาจ่ายเงินซื้อกลับบ้านได้เลยทุกเล่ม บอกนิดหนึ่งว่า...ราคาหนังสือลด 50 เปอร์เซ็นต์จากปกทุกเล่มครับ”
“ว้าว!!!!! เจ๋งโคตรเลยพี่”
“อื้ม...ถ้างั้นอีกสักสองชั่วโมงเราออกมาเจอกันตรงนี้นะ” แกงส้มพยักหน้ารับคำของคนเป็นพี่ ก่อนที่เขาจะก้าวยาว ๆ เข้าไปในชั้นหนังสือที่เรียงรายทันที ทิ้งให้ฮั่นมองตามแล้วยิ้มออกมา
เขาดีใจที่แกงส้มชอบหนังสือเหมือนกับเขา...
อย่างน้อย ๆ น้องก็ไม่เบื่อที่จะมาที่นี่กับเขา...
เฮ้อ...ก็น่ารักแบบนี้นี่นะ...ถึงได้ทำให้เขารักจนหัวปักหัวปำแบบนี้!
ฮั่นส่ายหน้ากับความคิดตัวเองเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาหนังสือที่เขาต้องการ
“เออพี่...แล้วนี่เราจะเอาหนังสือไปให้พี่ป๊อกเลยหรือเปล่าครับ หรือว่าเราจะกลับห้องกันเลย” แกงส้มเอ่ยถามก่อนที่เขาจะส่งหนังสือในมือไปให้ฮั่นเก็บไว้ที่เบาะหลัง
“กลับห้องก่อนดีกว่า แกงจะได้พักผ่อน เดี๋ยวเย็นนี้ก็ไปจัดรายการต่อนี่ใช่ไหม...?”
“ครับ...”
“ถ้างั้นก็กลับห้องแหล่ะ”
“ตามนั้นเลยครับพี่...”
แล้วคนสองคนก็เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งพร้อมกัน จากนั้นคนทั้งคู่ก็หันมายิ้มให้กัน
ยิ้ม...อย่างไม่มีเหตุผล
รู้แค่ว่าอยากยิ้มก็ยิ้ม...
หรือจริง ๆ แล้วเหตุผลที่ยิ้ม...คือเพราะอยากยิ้ม...ก็เลยยิ้ม...
“พี่ฮั่น...”
“หืม ?”
“นี่พี่หายงอนผมยังอ่ะ” ก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองแกงส้มก็เอ่ยถามคนเป็นพี่ถึงการงอนของเขา แทนคำตอบ ฮั่นก็ยิ้มหวานออกมา ก่อนจะทำท่ายักไหล่แบบไม่รู้ไม่ชี้ พลางเปิดประตูห้องเดินเข้าไป
ทิ้งให้คนถามต้องยกมือขึ้นมาเกาศีรษะตัวเองด้วยความมึนงง
“แล้วตกลงว่าพี่ฮั่นแกหายงอนยังวะ...อืม...แล้วถ้าไม่หายงอน เราต้องง้อยังไงวะ...คิดสิไอ้แกง...อ๊ะ!!! คิดออกแล้วเว้ย...วิธีนี้แหล่ะ...ไม่หายงอนก็ให้มันไปสิ...”
คิดได้แบบนี้ แกงส้มก็รีบเปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไป ก่อนที่เขาจะตรงดิ่งไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วเขาก็หยิบกระดาษเขียนจดหมายออกมา
ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ก่อนที่เขาจะหยิบปากกาออกมาจากกระป๋องใส่ปากการูปนกแองกรี้เบิร์ดสีแดงสด แล้วจรดปากกาลงไปบนกระดาษที่เขาหยิบออกมาเป็นถ้อยคำจากหัวใจ...ที่อยากให้คนที่อยู่ไม่ไกลได้รับรู้ถึงความรู้สึก...
ก๊อกก๊อก...
เสียงเคาะประตูเรียกร่างสูงที่นั่งดูทีวีให้ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู แต่ก็ไม่มีใครยื่นอยู่ตรงนั้น มีเพียงจดหมายในซองสีส้มชาวางอยู่เท่านั้น...
เมื่อฮั่นหยิบซองจดหมายขึ้นมาดู ลายมือน่ารักคุ้นตาก็ทำให้คนอ่านยิ้มกว้าง
ง้อกันด้วยวิธีนี้จริง ๆ สินะแกง!
ถึง My Hunz Bear
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พี่หายงอนผมหรือยังนะครับ แต่ผมอยากจะบอกกับพี่ว่า...ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยง้อใครเลยนะ ผมเป็นคนไม่ยอมใครมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่ไม่แคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้น หากผมคิดอะไรหรือจะทำอะไร ผมไม่เคยสนใจว่าใครจะคิดยังไง จะรู้สึกอย่างไรกับผม
...ก็ผมอินดี้ไม่ตามใคร ใครจะทำไม...
แต่พอผมได้มาเจอพี่...พี่ทำให้ผมอยากแคร์ใครสักคน พี่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง
เพราะทุกครั้งที่ผมจะทำอะไร ผมก็มักจะคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันจะไปกระทบกับความรู้สึกของพี่หรือไม่...
แม้ว่าบางครั้งผมจะยังทำอะไรให้พี่รู้สึกไม่ดีไปบ้าง แต่ผมก็อยากจะบอกกับพี่ว่า...
ผมแคร์พี่เสมอนะครับพี่ฮั่น...
ผมกับพี่ข้าวฟ่างเราไม่ได้มีอะไรต่อกันแล้วจริง ๆ ครับ...เราสองคนเป็นแค่พี่น้องกันแล้ว
ผมเคลียร์กับพี่ข้าวฟ่างชัดทุกประเด็นแล้วครับ และพี่ข้าวฟ่างก็เข้าใจแล้วด้วย
พี่เชื่อผมนะ...
แต่ถ้าพี่ไม่เชื่อ...ผมก็จะพิสูจน์ให้พี่เห็นเองว่าผม...’จริงใจและจริงจัง’...กับพี่แค่ไหน
พี่อาจจะไม่เชื่อนะครับ...แต่ตอนนี้ผมรู้ใจของตัวเองแล้วจริง ๆ
ว่าคนที่เป็นคนสำคัญและพิเศษที่สุดสำหรับผมก็คือ ‘พี่’...
พี่คนเดียวเท่านั้นครับพี่ฮั่น...!!!
หายงอนผมเถอะน้า...ดีกันเถอะ...งอนกันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาสักนิด...
นะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ น้า~~ ดีกับเค้าเถอะตัวเอง...
เค้าขอร้อง...(ร้องเพลงไรดีอ่ะ...?) เพลงนี้แล้วกัน...
~~~อยากจะขอ...ขอ...โทษ...อยากให้หาย...หาย...โกรธ...ผิดไปแล้ว...แหล่ะฉันก็เสียใจ...
ก็เพิ่งรู้...รู้สึก...ว่ารักเธอมากมาย...~~
ถ้าพี่ไม่ชอบเพลงนี้...เอาเพลงนี้ก็ได้นะครับ...
~~เราจะกลับมารักกันอีกได้ไหม...ได้ไหม...หัวใจมันหาคำตอบนั้น...
วันนี้มาเพื่อเจอเธอ เปิดใจให้เธอได้ฟัง...อยากจะขอแค่โอกาส...อีกสักครั้ง...
จะทำทุกทางเพื่ออยู่กับเธอ...~~
......
ดีกันเถอะนะครับ...พี่หมีของผม...(ทำตาปริบ ๆ)...
ผมรอฟังคำตอบอยู่นะครับ ^^~
จาก Your KS=Kangsom ><
รอยยิ้มกว้างที่ฮั่นยิ้มออกมา ทำให้คนที่เป็นเจ้าของรอยยิ้มอดที่จะหยิบจดหมายฉบับนี้มาวางแนบที่หัวใจของตัวเองไม่ได้
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน
ทั้ง ๆ ที่ไปเดินตะลอน ๆ กับเขามาทั้งวัน
ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนั้น...แต่ก็ยังมาเขียนจดหมายเพื่อง้อเขา...
“แกงส้มเอ๊ย...ก็เป็นซะแบบนี้...แล้วจะไม่ให้พี่รักเราได้ยังไงล่ะ...”
พูดกับตัวเองจบ ฮั่นก็พับจดหมายฉบับนี้เข้าซอง ก่อนที่เขาจะเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือภายในห้องนอนของตัวเอง ก่อนที่เขาจะหยิบสมุดเขียนจดหมายเล่มโปรดของเขาออกมา
“ในเมื่อมาง้อด้วยจดหมาย ก็ต้องหายงอนด้วยจดหมายเหมือนกัน...”
เพราะความรักคือความรู้สึกดี ๆ
เพราะความรักคือสิ่งที่ทำให้หัวใจฉันเต้นไหว
เพราะความรักทำให้โลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมาย
และเพราะความรักที่ทำให้ฉันยังมีลมหายใจ...อยู่ได้ในทุกวัน...
//ดึกโพดเลยวันนี้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ (จริง ๆ ก็ดึกทุกวันเป็นประจำจนคนอ่านชินแล้ว) ><
ตอนนี้หวานไปไหน...หวานมาเกินไป เค้าเริ่มสงสารคนอ่านเบา ๆ แล้วน้า ~~ กลัวคนอ่านเป็นโรคเบาหวานตาย แต่ก็นะ...การบริโภคของหวานแล้วทำให้หัวใจอิ่มเอมรู้สึกดี ยิ้มได้ทั้งวัน มันก็ดีต่อความรู้สึก หัวใจและร่างกายใช่ไหมล่ะคะ...^^
เอาเป็นว่าอย่าเวิ่นมาก,,,ขอให้สนุกกับฟิคตอนนี้และตอนต่อ ๆ ไปนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกการอ่าน ทุกการติดตาม ทุกคอมเม้น ทุกการเมนชั่นไปหาใน TL นะคะ...
พูดคุยกันได้เสมอค่ะ กวางรักทุกคนนะคะ...แล้วเจอกันตอนต่อไปค่ะ
หวังว่าฟิคตอนนี้จะทำให้ทุกหัวใจของคนอ่านเต้นไหวไปกับความรู้สึกดี ๆ นะค้า ~~
ปล.หากมีคำผิดต้องขออภัยค่ะ ><
ความคิดเห็น