คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : บทที่ 25 : ดีกันนะ
บทที่ 25 : ดีกันนะ
“ฮ้าว~” คนหน้าหวานที่นั่งหาวพลางชูแขนขึ้นสุดแขนก่อนจะบิดขี้เกียจไปมาเรียกริมฝีปากของคนที่นั่งข้าง ๆ ให้ระบายรอยยิ้มออกมา
“ง่วงหรอแกง”
“นิดหน่อยครับพี่”
“ถ้างั้นแกงก็นอนสิ เดี๋ยวพี่จัดต่อเอง” ข้าวฟ่างว่าพลางยกมือขึ้นมาเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากคนหน้าหวานให้ปัดไปข้าง ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่...หิวจังเลย อื้ม...พี่ฮั่นเอาอะไรมาให้กินนะ” แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่เขายังหยิบถุงที่วางอยู่บนเก้าอี้มาวางบนตัก ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ตัวเองไปใกล้กับโต๊ะยาวที่อยู่ไม่ไกล
“ว้าววววววววว สปาเก็ตตี้ครีมซอสกุ้งแม่น้ำ ฮื้อ...พี่ฮั่นรู้ใจเค้าที่สุด!” แกงส้มพูดออกมาโดยลืมไปว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้อง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ข้าวฟ่างเดินมาหยุดยืนมองเขา
“หน้าตาน่าทานมากเลยนะ พี่ฮั่นของแกงเขาทำอาการเก่งหรอ” ข้าวฟ่างถาม ทั้ง ๆ ที่หัวใจเขากำลังรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับว่า...เขาจะไม่มีวันได้คน ๆ นี้กลับคืนมาแล้ว...
แต่ไม่ว่าอย่างไร...เขาก็ยังแอบหวัง...แอบหวังว่าแกงจะยังมีใจให้กับเขา
แม้ว่าเขาจะรู้สึกตัวช้า...แต่วันนี้เขาก็รู้สึกตัวแล้วว่าใครคือคนสำคัญของหัวใจ
หวังว่ามันคงจะไม่ ‘สายเกินไป’...!
“พี่ฮั่นทำอาหารเก่งมากครับพี่ข้าวฟ่าง เพราะพี่เค้าเป็นเชฟอยู่ร้านอาคิมฮะ ทำอาหารเก่งไม่พอ อร่อยด้วย ไม่เชื่อพี่ลองชิมดูสิครับ!!”
คำบอกเล่าที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ระบายเต็มดวงหน้าของแกงส้ม ทำให้คนมองรู้สึกได้เลยว่า ความสำคัญที่เคยมีในอดีตของเขาถูกลดทอนลง
ยิ้มที่มาทั้งปากและตาของแกงส้ม ทำให้ข้าวฟ่างสำนึกตัวได้ลึก ๆ ว่า...
ฮั่นคือคนสำคัญของแกงส้ม!
“พี่ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แกงทานเถอะครับ” ข้าวฟ่างว่า ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม ใบหน้าหวานที่กินไปยิ้มไปทำให้ดวงตาของคนมองสลดลงเรื่อย ๆ
มันคงสายไปแล้วจริง ๆ ...สินะ
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังไม่ท้อ...เขาจะทำให้แกงส้มกลับมาหาเขาให้ได้!
ข้าวฟ่างคิดในใจก่อนจะมองใบหน้าด้านข้างของแกงส้มแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
อย่างน้อยเขาก็ขอสู้ให้ถึงที่สุด...!!!!
ร่างสูงที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างทอดสายตามองยอดตึกสูงด้วยหัวใจที่รู้สึกเหน็บหนาว สองแขนของฮั่นยกขึ้นมาโอบรอบตัวเอง เมื่อคืนเขายังมีคนมายืนดูตึกเหล่านี้ข้าง ๆ ด้วยอยู่เลย
แต่ทำไมวันนี้...
“เฮ้อ...ไหนมึงพูดกับน้องเองนะไอ้ฮั่นว่าการห่างกันไม่ได้แปลว่าความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กันจะลดน้อยลง ทั้ง ๆ ที่พูดแบบนั้น...แต่ทำไมต้องมารู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของตัวเองด้วยวะ แม่งเอ๊ย!”
ฮั่นว่าตัวเอง ก่อนที่เขาจะยีผมตัวเอง พลางเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง มือหนาลูบไปบนเตียงพลางครุ่นคิดถึงคนที่อยู่ไกล
ป่านนี้แกงคงจัดรายการกับนายข้าวฟ่างนั่นด้วยความสุข...
แต่คนที่นอนทุกข์จนหลับตาไม่ลงอย่างเขากำลังเจ็บปวดและทรมาน
ไม่อยากหลับตาเลย...
กลัวตื่นขึ้นมาแล้วพบกับความเจ็บช้ำ!
แต่แล้วฮั่นก็หลับตาลงพลางนอนตะแคงขดตัวยกสองมือขึ้นมาหนุนแทนหมอน
ในเวลาที่หัวใจบอบช้ำ แค่เพียงมีสองมือของใครสักคนมาโอบรอบตัวไว้ก็คงทำให้หัวใจอบอุ่นดีไม่ใช่น้อย แต่เมื่อไม่มีสองมือนั้น คงจะมีแต่เพียงความเจ็บปวดที่โอบประคองตัวเราไว้...
“ขอบคุณมากนะครับพี่ข้าวฟ่างที่ขับรถมาส่งผม แถมยังเดินมาส่งที่หน้าห้องอีก” แกงส้มว่าพลางยื่นมือไปรับถุงในมือของคนตรงหน้ามาถือไว้
ถุงเสบียงอาหารของพี่ฮั่น
“ไม่เป็นไรหรอกแกง เรื่องแค่นี้เอง มากกว่านี้พี่ก็อยากทำให้แกงนะครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ หวานแต่เช้าเลยนะพี่ข้าวฟ่าง ผมจะเลี่ยนตายหรือเปล่าเนี่ย” แกงส้มว่าก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ
“โธ่แกง...พี่ไม่ได้หวานกับแกงแบบนี้มาหลายเดือนแล้วนะ ขอนิดนึงไม่ได้หรอ”
“ไม่ได้ครับ ฮ่า ๆ เอาเป็นว่า...ขับรถกลับบ้านดี ๆ ครับพี่ข้าวฟ่าง” พูดจบ แกงส้มก็ยกมือขึ้นมาโบกให้คนที่ยืนยิ้ม ก่อนที่คนพูดจะหมุนตัวเตรียมเดินเข้าห้อง แต่มือหนาที่คว้าแขนเขาไว้ ทำให้แกงส้มต้องหันหน้ากลับมาอีกครั้ง
ฟอด~
สัมผัสที่บริเวณข้างแก้ม เรียกขนแขนของแกงส้มให้ลุกพรึ่บ!
“ฮื้อ...ทำอะไรน่ะพี่ข้าวฟ่าง!!!!!”
คนโดนขโมยหอมแก้วโวยวายออกมา ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาถูที่แก้มของตัวเองแรง ๆ ทันที
“ก็พี่คิดถึงแก้มหอม ๆ ของแกงนี่ครับ ได้รางวัลของการเดินมาส่งแกงแล้ว สบายใจและ กลับบ้านแล้วคร้าบบบบบบบ” แล้วข้าวฟ่างก็เดินยิ้มออกไปอย่างอารมณ์ดี
ทิ้งให้คนที่โดนขโมยหอมแก้มรู้สึกขนลุกกับสัมผัสเมื่อสักครู่นี้...
ทำไมเขาไม่เห็นใจเต้นแรงและเขินมาก ๆ เหมือนตอนที่โดนพี่ฮั่นหอมแก้มเลยล่ะ!?!
หรือเพราะว่าเป็นพี่ข้าวฟ่างไม่ใช่พี่ฮั่น...เพราะเป็นแค่คนไม่พิเศษสินะ...
ถึงไม่สามารถทำให้เขารู้สึกดีและรู้สึกเขินได้
เขาว่าเขารู้หัวใจตัวเองอย่างชัดเจนแล้วว่า...คนที่อยู่ในหัวใจของเขามีอยู่แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือ...คนที่ทำให้เขาใจเต้นแรงในทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้
คนที่ทำให้เขาเขินจนต้องบิดไปบิดมาอยู่เป็นประจำ
คนที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกดีกับทุกสัมผัส ทุกความใกล้ชิด ทุกคำพูด ทุกการกระทำและทุกตัวอักษร
คนที่ทำให้เขาสุขและทุกข์ได้ในเวลาเดียวกัน
และคน ๆ นั้น ก็คือ...พี่ฮั่น...เพียงคนเดียวเท่านั้น...!
คิดได้แบบนี้แกงส้มก็หมุนตัวเดินเข้าห้องของตัวเองอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้มองว่ามีใครยืนอยู่ไม่ไกล
ข้าวฟ่างเดินยิ้มอย่างอารมณ์ดีกับสัมผัสที่ชิดใกล้เมื่อสักครู่นี้ แต่เมื่อเดินมาได้ไม่กี่สิบก้าว เขาก็เดินสวนกับคนที่ถือข้าวของพะรุงพะรัง
ข้าวฟ่างยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างคนที่เหนือกว่า...เพราะเขามั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์ว่า...
ฮั่นเห็นตอนที่เขาหอมแก้มแกงส้ม!
หึ ๆ รู้สึกสะใจเล็ก ๆ แฮะ
ยิ่งยามที่เห็นใบหน้าคมซีดจนแทบจะไม่มีเลือดฝาด ยิ่งทำให้คนมองรู้สึกดี ซึ่งตอนแรกข้าวฟ่างตั้งใจว่าจะแกล้งทักทายคนที่เดินสวนมา แต่พอเห็นผู้หญิงที่เดินตามฮั่นมาแล้ว เขาก็เลือกที่จะเงียบ
ยัยแสบกวาง!
ที่เขาเงียบไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวยัยนี่หรอกนะ...แต่แค่ไม่อยากมีเรื่องเท่านั้นเอง!
แต่ดูเหมือนว่ากวางนั้นอยากจะมีเรื่อง เพราะเธอแทบจะถลันไปตั๊นหน้าของคนที่เดินยิ้ม หากแต่มือหนาของฮั่นที่ฉุดข้อมือเธอไว้ก็ทำให้กวางได้ส่งสายตาขุ่นไปให้ร่างสูงที่เดินสวนไป
“ฮึ่ย! พี่ฮั่นไม่น่าห้ามกวางเลย ไม่งั้นกวางจะไปอัดอีตานั่น กล้าดียังไงมาหอมไอ้แกงต่อหน้าพี่แบบนี้ อุ่ย...ขอโทษค่ะ” เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป กวางก็รีบตะครุบปากตัวเองทันที
“ช่างเถอะกวาง มันไม่ใช่เรื่องของเรานี่นา”
“ไม่ใช่ของเราแน่ ๆ ค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องของพี่ฮั่นกับแกง เออ...พูดถึงไอ้แกง กวางไปจัดการไอ้แกงก่อนดีกว่า กล้าดียังไงถึงปล่อยตัวให้อีตานั่นลวนลามแบบนั้น!” พูดจบกวางก็รีบสาวเท้าเร็ว ๆ เดินตามคนที่เพิ่งปิดประตูห้องไปทันที
ฮั่นที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะเรียกร่างโปร่งไว้ก็จำต้องงับปากตัวเอง
ไม่น่าเลยจริง ๆ...ไม่น่าเห็นภาพนั้นเลย!
ฮั่นถอนหายใจออกมาก่อนที่เขาจะสาวเท้าเอื่อย ๆ เดินไปที่ห้องของตัวเอง ราวกับวิญญาณของเขาหลุดออกไปจากร่างทันทีที่เห็นภาพนั้น...
ภาพที่เขาเคยแอบคิดไว้...
ภาพที่ทำให้หัวใจของเขาปวดร้าว!
“ไอ้แกงส้ม!!!!!!!” เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องของคนเป็นน้อง กวางก็ตะโกนเรียกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลทันที แกงส้มหันมาตามเสียงเรียก ก่อนที่เขาจะโดนกวางเตะไปเต็ม ๆ ก้นด้วยแข้งของเธอ
“โอ๊ย! พี่กวางมาเตะผมทำไมเนี่ย เจ็บนะเว้ย!” แกงส้มโวยวายออกมา ก่อนที่เขาจะวิ่งหลบฝ่าเท้าที่ประเคนมาอีกหลายดอกของคนเป็นพี่
“ยังจะมาถามอีกหรอ เมื่อกี้แกทำอะไรวะ!!!!”
“ทำอะไรล่ะพี่ ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” แกงส้มพูด ก่อนที่เขาจะเอี้ยวตัวหลบเท้าที่ถีบมา
เส้นยาแดงผ่าแปด!
“ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นหรอ แล้วไอ้ที่แกยอมให้อีตาคุณข้าวฟ่างนั้นหอมแก้ม มันหมายความว่ายังไงวะ!” กวางว่าก่อนจะยกสาวเท้าเดินเข้าไปหาคนที่ยืนอยู่ฟากหนึ่งของโต๊ะอาหาร
“ผมไม่ได้ยอมนะพี่กวาง แต่ว่าพี่ข้าวฟ่างเค้าหอมแก้มผมโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวต่างหาก!”
“ไม่รู้เว้ย รู้แต่ว่าพี่ฮั่นเห็นฉากนั้นพอดี!”
ทันทีที่ได้ยินแบบนี้ แกงส้มก็ตกใจ ดวงตากลมเบิกโตขึ้น
“พี่ฮั่นเห็นด้วยหรอครับ”
“เออ! เห็นแบบจัง ๆ จะ ๆ ตาเลย!”
“ซวยแล้ว!” แกงส้มสบถออกมา ก่อนที่ใบหน้าหวานจะขึ้นสีซีด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ก่อนที่เจ้าตัวจะลากเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารออกแล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างคนเข่าอ่อน
แบบนี้พี่ฮั่นก็ยิ่งเข้าใจเขาผิดน่ะสิ...
โธ่พี่ฮั่น!
“ไอ้แกง...พี่ถามจริง ๆ เถอะ นี่แกยังรักยังอาลัยอาวรณ์อีตาคุณข้าวฟ่างนี่จริง ๆ หรอ แล้วแกไปรักกับเขาตอนไหนวะ ช่วยเล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม อยากรู้โว้ย!!!!” กวางถามก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามคนที่ทำหน้าเหมือนปวดตับ
“ผมเล่าให้พี่ฟังก็ได้พี่กวาง แต่พี่ช่วยตอบผมก่อนว่าทำไมพี่ถึงได้มาพร้อมพี่ฮั่นได้ครับ” แกงส้มถามพลางหรี่ตามองหน้าคนที่อยู่ตรงข้ามด้วยสายตาที่จับสังเกต
ไม่ได้หรอก...เผื่อพี่กวางคิดจะเปลี่ยนใจจากพี่โน่แล้วมาคว้าพี่ฮั่นของเขา...
เขาไม่ยอมพี่กวางเหมือนที่หมิวยอมแน่ ๆ!
“อ๋อ...ก็พอดีว่าพี่ตั้งใจจะมาหาแกนั่นแหล่ะ! ตั้งใจตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คิดถึงอยากคุยกับแกอ่ะ แต่มีเรื่องอีตาคุณข้าวฟ่างนี่โผล่มาซะก่อน ถามทำไม...’หึง’...ขึ้นมาบ้างหรือไงยะ” กวางถามพลางมองใบหน้าหวานของคนเป็นน้องแล้วเธอก็อมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อเห็นว่าแกงส้มรีบปั้นหน้านิ่งแล้วโบกมือไปมา
“หึงเหิงอะไรพี่กวาง อย่ามาซุยน่ะ!”
“หรอ...ไม่หึงแต่ตอนที่ถามเนี่ย...หน้าเหวี่ยงได้อีกนะ”
“บ้าหรอพี่ ใครเหวี่ยง ไม่มีเหอะ!”
“หรอ ๆ ๆ ๆ ๆ”
“เลิกแซวผมเถอะน่ะพี่ จะฟังไหมเรื่องผมกับพี่ข้าวฟ่างน่ะ” แกงส้มว่าก่อนจะต้องยิ้มออกมา เมื่อคนเป็นพี่พยักหน้ารัว ๆ แล้วยอมสงบปากสงบคำ
ความอยากรู้อยากเห็นของคนเรานี่นะ...ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ แม้กระทั่งทำให้คนที่ไม่ค่อยจะยอมสงบปากกับใครอย่างพี่กวางยอมเงียบเพื่อต้องการรู้เรื่องราวที่ตัวเองอยากรู้!
“เรื่องของผมกับพี่ข้าวฟ่างมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 8 เดือนก่อน...ตอนที่ผมเป็นดีเจใหม่ ๆ...”
“แกง...เดี๋ยวพี่จะแนะนำให้เรารู้จักกับคุณข้าวฟ่างนะ เขาเป็นเจ้าของคลื่นที่เราทำงานอยู่ แล้วก็เป็นดีเจที่กำลังฮอตมากในตอนนี้ แต่พอดีเขาต้องบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เขาก็เลยประกาศรับสมัครดีเจใหม่แทนเค้าน่ะ แล้วก็ได้เรามานี่แหล่ะ”
แกงส้มพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ข้อมูล ก่อนที่เขาจะนั่งตัวแข็งทื่อหลังตรง เพราะเขาคิดว่าคนเป็นเจ้านายจะต้องเป็นหญิงสาวที่สวยดุและระเบียบจัดมาก ๆ ดูจากที่พี่หนึ่งเคยเล่าให้เขาฟัง
“โย่วพี่หนึ่ง หวัดดียามเย็นคร้าบบบบบบบบบ” เสียงทุ้มที่เอ่ยทักทายด้านหลัง เรียกใบหน้าของแกงส้มให้หันไปมอง เพียงแค่สบตากันเท่านั้น...ราวกับเขาตกอยู่ในภวังค์
คุณข้าวฟ่างที่พี่หนึ่งพูดถึงเป็นผู้ชาย!
แถมเป็นผู้ชายที่แนวมาก...เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาใส่เสื้อยืดสีเทาสกรีนชื่อคลื่นและใส่เอี๊ยมยีนส์สีน้ำเงินเข้มสวมทับเสื้อยืดนั้น รองเท้าผ้าใบสีเขียวสะท้อนแสงทิ่มเข้ามาเต็ม ๆ ลูกตาคนมอง บวกกับแว่นสีชาอันใหญ่ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูอินดี้สุด ๆ
เอ่อ...ต่างจากที่จินตนาการไว้เยอะโคตร!
“สวัสดีครับคุณข้าวฟ่าง นี่แกงส้มครับ ดีเจที่จะมาแทนคุณข้าวฟ่าง” เมื่อหนึ่งเอ่ยแนะนำ แกงส้มก็ยกมือไหว้คนตรงหน้า ข้าวฟ่างยิ้มหวานออกมา ก่อนจะเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าของแกงส้ม พลางส่งยิ้มหวานมาให้คนที่เงยหน้ามองเขา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องแกงส้ม ยังไงพี่ก็ฝากเนื้อฝากตัวและฝากหัวใจไว้ที่น้องด้วยนะครับ” พูดจบ ข้าวฟ่างก็ขยิบตาให้แกงส้ม และนั่น...ก็เป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ทำให้คนสองคนได้เริ่มต้นสานความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
“...ผมกับพี่ข้าวฟ่างเราสนิทกันไวมาก อาจจะเพราะว่าพี่ข้าวฟ่างจะมาจัดรายการเวลาเดียวกับผมเพื่อถ่ายทอดและสอนงานต่าง ๆ ให้กับผม ทำให้เราสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันแทบจะตลอด พอเลิกงานเราสองคนก็ไปกินข้าว ดูหนัง หรือว่าไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกัน ความใกล้ชิดก่อให้เกิดความผูกพันขึ้น...และทำให้ผมรู้สึกตัวว่าผมชอบพี่ข้าวฟ่าง...วันนั้นผมตั้งใจว่าผมจะไปสารภาพความในใจให้พี่เขาได้รับรู้...วันนั้นคือวันที่ฝนตกหนัก...”
“พี่รีบมานะครับพี่ข้าวฟ่าง ผมรออยู่ที่ร้านเดิมฮะ” แกงส้มว่าก่อนจะกดวางสายเมื่อคนที่อยู่ไกลบอกว่าจะรีบขับรถมาหาเขา ชายหนุ่มมองตุ๊กตาหมีสีขาวที่อยู่ในมือก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มหวานออกมา
“หวังว่าพี่คงจะชอบมันนะครับ”
เปาะแปะ ๆ ๆ ๆ ๆ ซู่~
แล้วสายฝนที่เทกระหน่ำบริเวณนอกร้านอาหาร ทำให้คนที่นั่งรออยู่เผลอมองสายฝนนั้นด้วยความเพลิดเพลินตา เวลาค่อย ๆ เดินไปอย่างเชื่องช้า..
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง...คนที่แกงส้มรอก็ยังไม่มา
ผ่านไปสามชั่วโมง...จนร้านอาหารที่แกงส้มใช้เป็นสถานที่รอก็ได้ฤกษ์ปิด เพราะตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว คนที่นั่งรอถอนหายใจออกมา ก่อนที่เขาจะเดินออกไปนอกร้านตามคำเชิญของบริกรสาว
ลมเย็นที่หอบเอาละอองฝนมาโดนผิวหน้า ทำให้แกงส้มรู้สึกหนาวสะท้าน สองแขนของร่างโปร่งยกขึ้นมากอดอก ตุ๊กตาหมีขนฟูเริ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำจากดวงตาคู่โตของคนถือที่บัดนี้ไหลรินอาบสองแก้ม
“ทำไมพี่ไม่มาล่ะพี่ข้าวฟ่าง...”
แกงส้มเอ่ยถามออกมาเบา ๆ และตั้งแต่วันนั้นคนที่ทำให้เขารอก็ไม่มาปรากฏตัวให้เขาเห็นอีกเลย เขามารู้อีกทีว่าพี่ข้าวฟ่างหายไปไหน ก็ตอนที่เจ้าตัวส่งข้อความมาบอกว่า...
บินไปเรียนต่อต่างประเทศกะทันหัน!
ไปแบบกะทันหันโดยไม่ล่ำลาเขาสักนิด!
“...คงเพราะในวันนั้นผมคือคนที่ไม่สำคัญสำหรับพี่ข้าวฟ่าง พี่เค้าถึงได้ไปโดยไม่บอกลาผมสักคำ พี่กวางรู้ไหมว่าการรอคอยใครสักคนที่เรารู้สึกดี ๆ ด้วย มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานจริง ๆ ผมทนอยู่กับความทรมานนั้นหลายเดือนมาก...จนผมรู้สึกไม่อยากมีหัวใจแล้ว ผมไม่อยากรักใคร...เพราะผมไม่อยากเจ็บ...”
“แต่แกก็รักพี่ฮั่นจนได้...”
“นั่นสินะครับ...ไม่ใช่เพราะว่าพี่ฮั่นแสนดี ผมถึงรักนะครับ แต่เพราะว่าพี่ฮั่นคือคนที่ทำให้ผมมีความสุขทุกวินาทีที่ได้อยู่กับเค้าทั้งในโลกแห่งความจริงและอีกโลกหนึ่ง...” แกงส้มตอบพลางยิ้มออกมา ดวงตากลมโตฉายประกายความอ่อนโยนเมื่อพูดถึงคนอีกคนหนึ่งที่มีค่ากับหัวใจ
“ก็ถ้าพี่ฮั่นเค้าสำคัญขนาดนั้น ทำไมถึงยังปล่อยให้คนอีกคนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอกับหัวใจแกมามีอิทธิพลทำให้คนสำคัญของแกเข้าใจผิดอยู่ล่ะ หัด ‘ชัดเจน’ ให้มันมากกว่านี้หน่อยสิเจ้าแกง!”
“ตอนแรกผมยังไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองนะพี่ แต่พอเมื่อกี้ตอนที่ผมโดนพี่ข้าวฟ่างหอมแก้ม ผมก็รู้ทันทีเลยว่า...คนที่ทำให้ผมรู้สึกดีด้วยมีแค่คนเดียวเท่านั้น...ซึ่งไม่ใช่พี่ข้าวฟ่างแน่นอน!”
“ก็ถ้ารู้แล้วทำไมยังไม่ไปง้อคนสำคัญของหัวใจอีกวะ รออะไรอยู่”
“นั่นสินะครับ...ผมรออะไรอยู่”
พูดจบ แกงส้มก็ลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องของตัวเอง แล้วไปเคาะเรียกคนที่อยู่ห้องตรงข้ามทันที
ก๊อกก๊อก!
“อ้าวแกง...มีอะไรหรอ” คนที่เปิดประตูออกมาหาใช่คนที่แกงส้มอยากพบไม่
“หมิว...พี่ฮั่นล่ะ”
“อ๋อ! พี่ฮั่นออกไปทำงานเมื่อกี้นี้เอง”
“หา!!!! ไปทำงานตอนนี้น่ะหรอ ได้เวลาแล้วหรือไง”
“ยังหรอก แต่พี่ฮั่นเค้าบอกว่าเค้าเซ็ง ๆ อ่ะ เลยรีบออกไป...แกงมีอะไรหรือเปล่า” หมิวถามก่อนที่เธอจะต้องกรอกตาขึ้นมองเพดาน เมื่อเห็นร่างของแกงส้มเดินโซซัดโซเซกลับห้องของตัวเองไป หญิงสาวปิดประตูก่อนจะหันกลับมามองคนที่นั่งทำหน้าเป็นหมีหงอย
“ให้หมิวทำบาปแต่เช้าเลยนะพี่ฮั่น”
“คิดซะว่า...ทำบาปเพื่อช่วยพี่สักครั้งแล้วกันหมิว”
“ถามหมิวสักคำไหมคะว่าอยากช่วยหรือเปล่า”
“ไม่ถามหรอก...เพราะรู้ว่าถ้าถามหมิวคงไม่ช่วย” ฮั่นตอบก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“รู้ก็ดีแล้วค่ะ แต่หมิวไม่เข้าใจเลยว่าพี่จะหลบหน้าแกงทำไม พี่น่าจะออกไปเคลียร์กับแกงนะคะ ทำแบบนี้เหมือนไม่ใช่พี่เลยนะพี่ฮั่น” หมิวว่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างคนที่นั่งซึม
“พี่ยังไม่อยากเจอแกงตอนนี้อ่ะ”
“เฮ้อ...แล้วพี่จะหลบหน้าแกงไปได้นานแค่ไหนคะ”
“ไม่รู้สิ...ก็คงจะนานจนกว่าหัวใจของพี่จะเข้มแข็งขึ้นกว่านี้มั้ง ว่าแล้วพี่ก็ไปทำงานจริง ๆ ดีกว่า ยังไงก็ขอบใจเรามากนะที่ยอมทำบาปเพื่อช่วยพี่น่ะ” แทนคำขอบคุณ ฮั่นก็เอามือไปยีผมหมิวเบา ๆ
“ไม่ช่วยพี่แล้วจะไปช่วยหมีที่ไหนล่ะคะ”
ฮั่นยิ้มรับกับคำพูดของหมิว ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบกุญแจรถและกระเป๋าสะพายขึ้นมาพาดบ่า พลางเดินออกไปจากห้อง
ความรู้สึกหน่วง ๆ ในหัวใจได้ลอยตามหลังร่างสูงไปอย่างเงียบ ๆ
“ไอ้ฮั่น!!!! นี่แกทำบ้าอะไรมาให้ลูกค้าเนี่ย” เสียงตะโกนของจ๋าเรียกใบหน้าของคนที่กำลังหั่นต้นหอมญี่ปุ่นให้เงยขึ้นมามอง
“ก็ทำแซลมอนอบเลมอนชีสไง”
“เออ...แกทำแซลมอนอบเลมอนชีส แต่ลูกค้าสั่งกุ้งอบเลมอนชีสโว้ย! กุ้งไม่ใช่แซลมอน!!!! นี่แกเป็นบ้าอะไรฮะ วันนี้แกทำอาหารให้ลูกค้าผิดมาแปดรายแล้วนะ!!!!”
“ฉันขอโทษ...บอกลูกค้านะว่าเดี๋ยวฉันทำให้ใหม่” ฮั่นว่าก่อนจะโยนต้นหอมที่หั่นเสร็จแล้วลงหม้อ
“พอ ๆ ๆ แกเลิกทำเลย เดี๋ยวฉันโทรตามสุให้มาทำแทนแกดีกว่า” จ๋าว่าก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“แต่สุไม่ค่อยสบายนะ ถึงได้ลางาน”
“ใช่...สุไม่ค่อยสบาย แต่แกน่ะไม่สบายเลยไอ้ฮั่น! แกรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปสงบสติตัวเองที่นอกร้านเลย” จ๋าเอ่ยสั่งคนเป็นเพื่อน ก่อนที่เธอจะกรอกเสียงทักทายคนปลายสาย
“ไอ้ฮั่น! ฉันบอกให้แกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” จ๋าเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเห็นว่าคนเป็นเพื่อนยืนเหม่อแทนที่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่เธอบอก
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกไอ้จ๋า”
“แกเป็นไอ้ฮั่น! เป็นมากด้วย!”
“ฉัน...”
“เอม...เดี๋ยวจ๋าฝากทางนี้หน่อยนะ ไม่เกิน 20 นาทีสุน่าจะมาถึง ตอนนี้จ๋าขอพาไอ้คนที่ไม่ปกตินี่ไปทำให้มันหายเป็นปกติก่อน” เมื่อเห็นอาการอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของเพื่อนหนุ่ม จ๋าก็หันไปเอ่ยสั่งคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ก่อนที่เธอจะเดินไปล็อกคอฮั่นให้ตามออกไปทางด้านหลังร้าน
“เอ้า...กินเข้าไปไอ้ฮั่น” จ๋าส่งแก้วน้ำใสที่มีน้ำสีเหลืองอ่อนอยู่ในนั้นให้คนที่นั่งเหม่อ ฮั่นส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เขาก็ถูกมือบางยัดแก้วนั้นใส่มือ
“ฉันไม่กินเหล้าแกก็รู้”
“แต่แกต้องกินไอ้ฮั่น! กินเพื่อให้แกลืมความรู้สึกที่แกเป็นอยู่”
“มันก็ลืมได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหล่ะไอ้จ๋า พอสร่างเมาทุกความรู้สึกมันก็กลับมาเหมือนเดิม” ฮั่นว่าก่อนจะวางแก้วเหล้าในมือไว้บนโต๊ะ หากแต่คำพูดประโยคต่อมาของคนเป็นเพื่อนก็ทำให้ฮั่นต้องหยิบแก้วเหล้านั้นมาถือไว้ในมือ...อีกครั้ง
“แกแน่ใจหรอว่าเหล้ามันจะทำให้แกลืมความรู้สึกที่แกมีต่อแกงได้ชั่วคราวจริง ๆ บางทีเหล้าก็ไม่ได้ทำให้คนลืมความรู้สึกได้หรอกนะ แต่คนกินมักจะหลอกตัวเองไปเองว่ากินเหล้าแล้วลืมความเจ็บ ทั้งที่ความจริงแล้ว...ในทุกความเจ็บ เราไม่สามารถลืมมันได้หรอก...แม้แค่วินาทีเดียวก็ตาม”
“ก็จริงของแกนะ ว่าแต่แกรู้หรอว่าฉันมีปัญหากับแกง” ฮั่นถามก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก ความขมที่ฝืดเฝื่อนติดปลายลิ้นทำให้ดวงตาคมหลับตาปี๋
นี่เขาไม่ได้กินเหล้ามากี่ปีแล้วนะ...
ครั้งสุดท้ายที่เขากินเหล้ามันเมื่อไหร่กัน ?
“ไม่ต้องฟังแกเล่า แค่เห็นอาการแก ฉันก็รู้แล้ว ฉันเป็นเพื่อนแกมากี่ปีไอ้ฮั่น ทำไมเรื่องแค่นี้ฉันจะมองไม่ออกวะ แม้ฉันจะไม่รู้ว่าแกกับแกงมีปัญหาอะไรกัน แต่ยังไงฉันก็อยากจะให้แกดีกับแกงนะเว้ย...” จ๋าว่าพลางตบบ่าคนเป็นเพื่อนแรง ๆ หนึ่งที
“ขอบใจเว้ยไอ้จ๋า แต่มันคงไม่มีวันที่ฉันกับแกงจะได้กลับมาดีกันแล้วล่ะ...คงไม่มีวันนั้นแล้ว...” ฮั่นว่าพลางนึกไปถึงภาพที่แกงส้มโดนข้าวฟ่างหอมแก้มเมื่อเช้า
ภาพที่ทำให้หัวใจรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่นึกถึง!
“ฉันจะไม่ถามนะว่าแกมีปัญหาอะไรกับแกง แต่ฉันแค่อยากให้แกรู้ไว้ว่า...สำหรับคนที่รัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่ ‘เชื่อใจ’ เท่านั้นพอ...”
“ก็เพราะว่าเชื่อใจไง...ฉันถึงอยากลองถอยห่าง...ถอยห่างเพื่อให้อีกคนได้รู้ใจตัวเองมากขึ้น แม้ว่าการถอยห่างนั้นจะทำให้ฉันเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม...” น้ำเสียงที่ขื่นขมผสมกับดวงตาที่บ่งบอกอาการเศร้าสุดขีด ทำให้จ๋าต้องเอื้อมมือไปตบที่หลังมือที่จับแก้วเหล้าเบา ๆ
“ฉันอยู่ข้างแกเสมอไอ้ฮั่น!”
“อืม...ขอบใจแกมากไอ้จ๋า แกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยว่ะ” พูดจบ ฮั่นก็ยิ้มให้คนเป็นเพื่อน ก่อนที่เขาจะกระดกเหล้าเข้าปากอีกอึกใหญ่
เหล้าไม่อร่อยเลยสักนิด...!
เวลาผ่านไป...
“อ่ายจ๋า~~ เอาเหล้ามาอีกเซ๊ะ!!!!” เสียงอ้อแอ้ของร่างสูงที่นั่งโงนเงนไปมา ทำให้จ๋าเหมือนจะคิดผิดที่พาฮั่นมากินเหล้าแบบนี้
เธอลืมไปได้ยังไงว่าที่ไอ้ฮั่นมันเลิกกินเหล้าเพราะว่าถ้ามันเมาแล้วมันจะโวยวายแบบนี้
อ๊ากกกกกกกก แล้วนี่เธอจะพาไอ้คนตัวใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่นนี่กลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย!!!
“ไอ้ฮั่น...พอแล้ว...แกกินคนเดียวไปตั้งสามขวดแล้วนะ!”
“ฮื้ออออออออ ใครกิน...แกอ่ะเด่ะกิน ฉันม่ายด้ายกินซะหน่อยยยยยยย~~”
เสียงคนเมาทำให้จ๋าต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ หญิงสาวนึกหาตัวช่วยในใจ ก่อนที่เธอจะคิดอะไรดี ๆ ออก มือบางหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วกดหาเบอร์ของใครบางคนทันที
ตู๊ด...
“น้องแกง...เจ้จ๋ามีเรื่องรบกวนหน่อยจ้ะ...”
แกงส้มรีบวิ่งเข้ามาที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่เขาอยู่ ร่างโปร่งก้าวยาว ๆ ไปตามทิศทางที่พี่จ๋าเอ่ยบอกในโทรศัพท์ แล้วชายหนุ่มก็เห็นร่างสูงของจ๋ายืนโบกมือจากมุมหนึ่งของร้าน เขาจึงรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางนั้นทันที
“แกง...รีบ ๆ มาพยุงไอ้หมียักษ์นี่เร็ว ๆ เลย มันโวยวายเสียงดังจนคนในร้านหันมามองแทบจะหมดร้านแล้วเนี่ย”
“ครายโวยวายฮะ!!! ไม่มีซ๊ะหน่อยยยยย มั่วตลอดเลยอ่ายจ๋า~~” เสียงโวยวายที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง ทำให้แกงส้มต้องส่ายศีรษะให้กับภาพนี้
หมดสภาพเลยพี่ฮั่นเอ๊ย!
“นี่พี่ฮั่นเค้านึกยังไงถึงมากินเหล้าเมาเละแบบนี้ครับ” แกงส้มถามก่อนจะเดินไปยืนข้าง ๆ คนที่นั่งเมาไม่รู้เรื่อง
“ก็มันบอกพี่ว่า...มันโดนแกงหักอก ก็เลยอยากจะกินเหล้าเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดน่ะ” จ๋าจำต้องโกหกคนตรงหน้าออกไป เพื่อเรียกร้องความสนใจให้กับไอ้คนที่เมาไม่รู้เรื่อง
“พี่ฮั่นพูดแบบนั้นหรอครับ...”
“อื้อ...แถมมันยังบอกพี่อีกว่า...แกงน่ะใจร้าย!”
“แล้วบอกว่าไงอีกครับ”
“อืม...เยอะอ่ะแกง เจ้จำไม่หมดเลย รู้แค่ว่า...มันพูดถึงแต่แกง อ้อ...เค้าบอกว่าคนเมามักจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจนะ โอ๊ะ! เดี๋ยวเจ้ขอไปรับโทรศัพท์แป๊บนึงนะ” แล้วจ๋าก็ดีลีทตัวเองออกมาจากตรงนั้นเนียน ๆ ก่อนที่เธอจะแอบไปหลบมุมมองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
“พี่ฮั่นครับ กลับห้องกันเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง...” แกงส้มว่าพลางออกแรงดึงแขนคนเป็นพี่ให้ลุกขึ้น แต่ฮั่นกลับออกแรงดึงร่างของคนที่ฉุดแขนเขาให้ลงไปนั่งบนตัก
“ม่ายกลับ~~ ม่ายอยากกลับอ่า...ม่ายอยากไปเจอภาพบาดตาบาดจายยยยยยยย ฮื้อ...อื้อ...” คนเมาโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียงโวยวายถูกมือบางปิดไว้ เนื่องจากมุมบริเวณนี้เป็นมุมมืดทำให้คนที่อยู่ภายในร้านไม่ค่อยเห็นคนที่อยู่มุมนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าหากมีเสียงโวยวายก็อาจจะทำให้คนเหล่านั้นเห็นได้ แกงส้มจึงจำต้องปิดปากฮั่นไว้ ก่อนที่เขาจะพยายามจะลุกออกจากตักของฮั่น แต่...
วงแขนแกร่งที่โอบรัดรอบเอวทำให้คนที่พยายามจะลุกขึ้นจำต้องลงไปนั่งที่เดิมอีกครั้ง ใบหน้าคมที่วางเกยบนไหล่ ทำให้แกงส้มตัวแข็งทื่อ ลมหายใจร้อนที่เป่ารดบริเวณต้นคอทำให้หัวใจของคนที่ถูกโอบกอดเต้นแรง ความร้อนจากแผ่นอกกว้างทำให้แกงส้มรู้สึกได้ว่าตัวเขากำลังเกิดความรู้สึกแปลก ๆ
ในความรู้สึกแปลกนั้นมันกลับทำให้หัวใจรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ...
แกงส้มเอามือที่ปิดปากฮั่นออก ก่อนที่เขาจะมองใบหน้าที่ซบอยู่บนบ่า
ความรู้สึกผิดก็เอ่อท้น จนทำให้มือบางเอื้อมไปคว้ามือคนเป็นพี่มากุมไว้
“พี่ฮั่น...ผมขอโทษนะครับที่ผมเผลอไปหวั่นไหวกับคนที่อยู่ในอดีตอย่างพี่ข้าวฟ่าง...ผมคิดว่าผมยังมีเยื่อใยให้กับพี่เค้า ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วผมไม่ได้มีใจให้เค้าแล้ว...คนในอดีตไม่มีความสำคัญพอที่จะทำให้ผมเดินกลับไปหานะครับ...เพราะคนปัจจุบันที่ผมแคร์ความรู้สึกมากที่สุดก็คือพี่...พี่คือคนสำคัญที่สุดสำหรับผมนะครับ...”
แม้จะรู้ว่าคนเมาไม่ได้รับรู้สิ่งที่เขาพูด แต่แกงส้มก็เลือกที่จะพูด
“...ฟี้~...” แล้วเสียงลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอของคนที่ซบหน้าอยู่บนบ่า ก็ทำให้แกงส้มหลุดหัวเราะออกมา
เมื่อตะกี้ยังโวยวายเสียงดังอยู่แท้ ๆ แต่แค่ไม่ถึงห้านาทีก็หลับไปซะแล้ว!
เด็กน้อยจริง ๆ เลยพี่ฮั่นเอ๊ย!!!
แกงส้มปลดมือที่พันรอบเอวออก ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วพยุงตัวคนที่นั่งโงนเงนเพราะหลับไปแล้วให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ประคองร่างสูงให้เดินไปพร้อม ๆ กับเขา
“ตัวหนักไม่ใช่เล่นนะพี่ฮั่น ว่าแต่...พี่จ๋าเค้าหายไปไหนของเขาเนี่ย ไปรับโทรศัพท์หรือไปรับคนที่โทรมากันนะ หายต๋อมไปเลย!” แกงส้มบ่นเบา ๆ ก่อนจะเดินออกมาจากร้านด้วยความทุลักทุเล เพราะคนหลับทิ้งน้ำหนักตัวลงมาจนคนประคอบแทบจะเซตามเพราะทานแรงไม่ไหว
แต่สุดท้าย...แกงส้มก็ประคองฮั่นมาจนถึงรถ เขาปล่อยคนเป็นพี่ให้ยืนพิงรถ ก่อนที่เขาจะปลดล็อกรถ แล้วเปิดประตูออก พลางค่อย ๆ ดันร่างใหญ่ให้เขาไปนั่งที่เบาะข้างคนขับด้วยความยากลำบาก
“ฟู่~”
แกงส้มพ่นลมออกมาจากริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะวิ่งอ้อมมานั่งที่เบาะคนขับ แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะสตาร์ทรถเสียงเมสเซสที่ดังมาก็ทำให้แกงส้มจำต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู
เจ้ต้องรีบไปทำธุระให้เพื่อนด่วน ฝากไอ้ฮั่นกับน้องแกงด้วยนะจ๊ะ จุ๊บ ๆ
“หึ...นี่เป็นแผนของเจ้หรือเปล่าเนี่ยเจ้จ๋า...แต่ก็เอาเถอะ ถ้ามันจะทำให้ผมได้อยู่กับพี่ฮั่น...มันก็โอเคนะครับ”
“อื้มมมมมมมมม” เสียงครางที่ดังข้างตัว ทำให้แกงส้มต้องหันไปมอง ใบหน้าคมที่หลับสนิท เรียกใบหน้าหวานให้เขยิบเข้าไปใกล้ แกงส้มตัดสินใจเอนตัวไปซบใบหน้าของตัวเองกับอกกว้างของคนที่หลับใหลเพื่อฟังเสียงหัวใจของคนเป็นพี่
“เสียงหัวใจของเรายังเต้นเป็นจังหวะเดียวกันไหมนะพี่ฮั่น...พี่ยังรู้สึกกับผมเหมือนเดิมไหมครับ...”
ถามทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคำถามของเขาไม่มีคนตอบ
“ถ้าพี่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันพรุ่งนี้...พี่จะคุยกับผมเหมือนเดิมไหมครับ...”
“พี่ฮั่น...ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ข้าวฟ่างแล้วจริง ๆ นะครับ...”
“พี่ฮั่นครับ...”
“ครับ...” เสียงขานตอบรับจากการเรียกชื่อในประโยคสุดท้าย ทำให้แกงส้มต้องเงยหน้าของตัวเองขึ้น ก่อนที่เขาจะพบว่าคนที่เขาเข้าใจว่าเมาหลับไปแล้วกำลังลืมตามองเขา ใบหน้าคมที่ฉายชัดถึงอาการที่ไม่มีเค้าของคนเมาสักนิด ทำให้คนมองหน้าเหวอ
“นี่พี่ไม่ได้เมาหรอกหรอครับ”
“แล้วแกงคิดว่าไงล่ะครับ ?”
คำถามย้อนกลับของคนที่ทำตากรุ้มกริ่ม เรียกกำปั้นจากมือบางให้ทุบไปที่ไหล่ของคนถามอย่างรวดเร็วทันที
“พี่ฮั่นบ้า!!!! นี่พี่หลอกให้ผมประคองพี่มาจนถึงรถเลยเนี่ยนะ ร้ายกาจว่ะ!!!”
“แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่แกงทำให้พี่ต้องหน่วงมาตลอดตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้” ฮั่นว่าก่อนจะปากจู๋อย่างงอน ๆ แกงส้มเห็นดังนั้นก็รีบปรับสีหน้าแล้วทำตาออดอ้อนทันที
“โอ๋ ๆ ๆ ๆ พี่ฮั่นคร้าบบบบบบ ดีกันน้า~~ ผมขอโทษที่ผมลังเลแบบนั้น แต่มันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วครับ ‘เชื่อใจ’ ผมนะ...”
“ไม่รู้ไม่ชี้...”
“ฮื้อ...พี่ฮั่นอ่ะ...ถ้าพี่ไม่ได้เมาตั้งแต่แรก พี่ก็ต้องได้ยินแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ข้าวฟ่างจริง ๆ ผมรู้สึกกับพี่ข้าวฟ่างแค่เพราะเค้าเป็นเหมือนพี่ชายเท่านั้น เพราะคนที่ผมคิดอะไรด้วยก็คือ ‘พี่คนเดียว’ ครับ...” พูดจบ แกงส้มก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าของฮั่นจนจมูกโด่งแตะสัมผัสกัน
“พี่เชื่อผมนะครับ...”
ลมหายใจร้อนที่เป่ารดกันทำให้หัวใจของคนสองคนเต้นไหวไปด้วยความรู้สึกหวามไหว วงแขนของแกงส้มที่เลื่อนไปโอบรอบคอทำให้ฮั่นตัวเกร็งขึ้นมา ริมฝีปากบางที่ค่อย ๆ แตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากสวย เรียกจังหวะการเต้นของหัวใจให้เร็วขึ้น ความรู้สึกหน่วงที่มีมาตลอดหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันคล้ายมลายหายไปกับสัมผัสที่บางเบาแต่ให้ความรู้สึกวาบหวาม
จูบแรกของคนสองคนค่อย ๆ เพิ่มความประทับใจด้วยการสัมผัสแบบค่อยเป็นค่อยไปให้หัวใจได้ซึมซับถึงสัมผัสของกันและกันอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอม
มือหนาของฮั่นยกขึ้นมาประคองใบหน้าหวานไว้ ก่อนที่เขาจะปล่อยให้ริมฝีปากของแกงส้มเป็นอิสระ หากแต่หน้าผากของเขาสองคนยังคงชนกัน...
“อย่าหวั่นไหวกับใครอีกนะครับ...เพราะพี่ไม่อยากถอยห่างจากแกงอีกแล้ว...แม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่อยากห่างครับ...”
พูดจบ ฮั่นก็รวบตัวคนตรงหน้าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
ความรู้สึกโหยหาที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากอ้อมกอดทำให้แกงส้มยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะแนบใบหน้าของตัวเองกับบ่ากว้าง
“ผมจะไม่หวั่นไหวกับใครอีกแล้วครับ เพราะคนที่อยู่ในหัวใจของผมคือพี่คนเดียวครับพี่ฮั่น...คนเดียวเท่านั้น...!”
แกงส้มอู้อี้ ๆ ตอบ ซึ่งคำตอบของเขาก็ทำให้ฮั่นยิ้มออกมา
ความรู้สึกหน่วงในหัวใจหายไปแล้ว...
หายไปพร้อมกับความหวานที่คนเป็นน้องได้มอบให้กับเขา...
ถ้ารู้ว่าการมีใครอีกคนเข้ามาในชีวิตแล้วทำให้เขาได้รับความหวานแบบนี้เป็นการตอบแทน...มันก็คุ้มอยู่นะ...
แต่อย่ามีมาบ่อย ๆ ล่ะ...เขาไม่ชอบกินมาม่าแบบนี้...แม้มันจะเป็นสีสันของชีวิตก็ตามเถอะ!
ไม่ว่าจะมีมาม่าสักกี่ชามเข้ามาให้เราได้ลิ้มลองจนอืดท้อง หากแต่เมื่อมีของหวานตามหลังมา มาม่าที่กินไปก่อนหน้านี้อาจจะย่อยสลายไปหมดก็ได้...หากแต่ของหวานใช่ว่าจะมีแค่ถ้วยเดียวเสมอไป...เพราะของหวานแม้มันจะทำให้เป็นเบาหวานได้ง่าย ๆ แต่ถ้ามันกินแล้วทำให้หัวใจรู้สึกดี...การบริโภคของหวานก็ดีมิใช่น้อย...
//ด้วยความที่เมื่อคืนฝนตกหนัก เค้าเลยรีบอัพเลยไม่ได้ตรวจคำผิด วันนี้เลยมานั่งดูคำผิดค่ะ แต่อยากบอกว่า,,ความหวานของตอนนี้อาจจะไม่มาก เพราะฝนตก เค้าขอติดค้างไว้ตอนหน้าน้า~~ แล้วเจอกันจ้า รักนะจุ๊บๆ
ความคิดเห็น