ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Letter #เพราะโลกนี้มี 'นาย' [FIC HKS]

    ลำดับตอนที่ #28 : บทที่ 25 : ดีกันนะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.03K
      3
      20 ก.ย. 55

    บทที่ 25 : ดีกันนะ

    ฮ้าว~” คนหน้าหวานที่นั่งหาวพลางชูแขนขึ้นสุดแขนก่อนจะบิดขี้เกียจไปมาเรียกริมฝีปากของคนที่นั่งข้าง ๆ ให้ระบายรอยยิ้มออกมา

    ง่วงหรอแกง

    นิดหน่อยครับพี่

    ถ้างั้นแกงก็นอนสิ เดี๋ยวพี่จัดต่อเอง ข้าวฟ่างว่าพลางยกมือขึ้นมาเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากคนหน้าหวานให้ปัดไปข้าง ๆ

    ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่...หิวจังเลย อื้ม...พี่ฮั่นเอาอะไรมาให้กินนะ แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่เขายังหยิบถุงที่วางอยู่บนเก้าอี้มาวางบนตัก ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ตัวเองไปใกล้กับโต๊ะยาวที่อยู่ไม่ไกล

    ว้าววววววววว สปาเก็ตตี้ครีมซอสกุ้งแม่น้ำ ฮื้อ...พี่ฮั่นรู้ใจเค้าที่สุด!” แกงส้มพูดออกมาโดยลืมไปว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้อง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ข้าวฟ่างเดินมาหยุดยืนมองเขา

    หน้าตาน่าทานมากเลยนะ พี่ฮั่นของแกงเขาทำอาการเก่งหรอ ข้าวฟ่างถาม ทั้ง ๆ ที่หัวใจเขากำลังรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับว่า...เขาจะไม่มีวันได้คน ๆ นี้กลับคืนมาแล้ว...

    แต่ไม่ว่าอย่างไร...เขาก็ยังแอบหวัง...แอบหวังว่าแกงจะยังมีใจให้กับเขา

    แม้ว่าเขาจะรู้สึกตัวช้า...แต่วันนี้เขาก็รู้สึกตัวแล้วว่าใครคือคนสำคัญของหัวใจ

    หวังว่ามันคงจะไม่ สายเกินไป’...!

    พี่ฮั่นทำอาหารเก่งมากครับพี่ข้าวฟ่าง เพราะพี่เค้าเป็นเชฟอยู่ร้านอาคิมฮะ ทำอาหารเก่งไม่พอ อร่อยด้วย ไม่เชื่อพี่ลองชิมดูสิครับ!!”

    คำบอกเล่าที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ระบายเต็มดวงหน้าของแกงส้ม ทำให้คนมองรู้สึกได้เลยว่า ความสำคัญที่เคยมีในอดีตของเขาถูกลดทอนลง

    ยิ้มที่มาทั้งปากและตาของแกงส้ม ทำให้ข้าวฟ่างสำนึกตัวได้ลึก ๆ ว่า...

    ฮั่นคือคนสำคัญของแกงส้ม!

    พี่ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แกงทานเถอะครับ ข้าวฟ่างว่า ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม ใบหน้าหวานที่กินไปยิ้มไปทำให้ดวงตาของคนมองสลดลงเรื่อย ๆ

    มันคงสายไปแล้วจริง ๆ ...สินะ

    แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังไม่ท้อ...เขาจะทำให้แกงส้มกลับมาหาเขาให้ได้!

    ข้าวฟ่างคิดในใจก่อนจะมองใบหน้าด้านข้างของแกงส้มแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง

    อย่างน้อยเขาก็ขอสู้ให้ถึงที่สุด...!!!!

     

     

    ร่างสูงที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างทอดสายตามองยอดตึกสูงด้วยหัวใจที่รู้สึกเหน็บหนาว สองแขนของฮั่นยกขึ้นมาโอบรอบตัวเอง เมื่อคืนเขายังมีคนมายืนดูตึกเหล่านี้ข้าง ๆ ด้วยอยู่เลย

    แต่ทำไมวันนี้...

    เฮ้อ...ไหนมึงพูดกับน้องเองนะไอ้ฮั่นว่าการห่างกันไม่ได้แปลว่าความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กันจะลดน้อยลง ทั้ง ๆ ที่พูดแบบนั้น...แต่ทำไมต้องมารู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของตัวเองด้วยวะ แม่งเอ๊ย!”

    ฮั่นว่าตัวเอง ก่อนที่เขาจะยีผมตัวเอง พลางเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง มือหนาลูบไปบนเตียงพลางครุ่นคิดถึงคนที่อยู่ไกล

    ป่านนี้แกงคงจัดรายการกับนายข้าวฟ่างนั่นด้วยความสุข...

    แต่คนที่นอนทุกข์จนหลับตาไม่ลงอย่างเขากำลังเจ็บปวดและทรมาน

    ไม่อยากหลับตาเลย...

    กลัวตื่นขึ้นมาแล้วพบกับความเจ็บช้ำ!

    แต่แล้วฮั่นก็หลับตาลงพลางนอนตะแคงขดตัวยกสองมือขึ้นมาหนุนแทนหมอน

    ในเวลาที่หัวใจบอบช้ำ แค่เพียงมีสองมือของใครสักคนมาโอบรอบตัวไว้ก็คงทำให้หัวใจอบอุ่นดีไม่ใช่น้อย แต่เมื่อไม่มีสองมือนั้น คงจะมีแต่เพียงความเจ็บปวดที่โอบประคองตัวเราไว้...

     

     

     

     

    ขอบคุณมากนะครับพี่ข้าวฟ่างที่ขับรถมาส่งผม แถมยังเดินมาส่งที่หน้าห้องอีก แกงส้มว่าพลางยื่นมือไปรับถุงในมือของคนตรงหน้ามาถือไว้

    ถุงเสบียงอาหารของพี่ฮั่น

    ไม่เป็นไรหรอกแกง เรื่องแค่นี้เอง มากกว่านี้พี่ก็อยากทำให้แกงนะครับ

    ฮ่า ๆ ๆ หวานแต่เช้าเลยนะพี่ข้าวฟ่าง ผมจะเลี่ยนตายหรือเปล่าเนี่ย แกงส้มว่าก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ

    โธ่แกง...พี่ไม่ได้หวานกับแกงแบบนี้มาหลายเดือนแล้วนะ ขอนิดนึงไม่ได้หรอ

    ไม่ได้ครับ ฮ่า ๆ เอาเป็นว่า...ขับรถกลับบ้านดี ๆ ครับพี่ข้าวฟ่าง พูดจบ แกงส้มก็ยกมือขึ้นมาโบกให้คนที่ยืนยิ้ม ก่อนที่คนพูดจะหมุนตัวเตรียมเดินเข้าห้อง แต่มือหนาที่คว้าแขนเขาไว้ ทำให้แกงส้มต้องหันหน้ากลับมาอีกครั้ง

    ฟอด~

    สัมผัสที่บริเวณข้างแก้ม เรียกขนแขนของแกงส้มให้ลุกพรึ่บ!

    ฮื้อ...ทำอะไรน่ะพี่ข้าวฟ่าง!!!!!”

    คนโดนขโมยหอมแก้วโวยวายออกมา ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาถูที่แก้มของตัวเองแรง ๆ ทันที

    ก็พี่คิดถึงแก้มหอม ๆ ของแกงนี่ครับ ได้รางวัลของการเดินมาส่งแกงแล้ว สบายใจและ กลับบ้านแล้วคร้าบบบบบบบ แล้วข้าวฟ่างก็เดินยิ้มออกไปอย่างอารมณ์ดี

    ทิ้งให้คนที่โดนขโมยหอมแก้มรู้สึกขนลุกกับสัมผัสเมื่อสักครู่นี้...

    ทำไมเขาไม่เห็นใจเต้นแรงและเขินมาก ๆ เหมือนตอนที่โดนพี่ฮั่นหอมแก้มเลยล่ะ!?!

    หรือเพราะว่าเป็นพี่ข้าวฟ่างไม่ใช่พี่ฮั่น...เพราะเป็นแค่คนไม่พิเศษสินะ...

    ถึงไม่สามารถทำให้เขารู้สึกดีและรู้สึกเขินได้

    เขาว่าเขารู้หัวใจตัวเองอย่างชัดเจนแล้วว่า...คนที่อยู่ในหัวใจของเขามีอยู่แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น

    นั่นก็คือ...คนที่ทำให้เขาใจเต้นแรงในทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้

    คนที่ทำให้เขาเขินจนต้องบิดไปบิดมาอยู่เป็นประจำ

    คนที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกดีกับทุกสัมผัส ทุกความใกล้ชิด ทุกคำพูด ทุกการกระทำและทุกตัวอักษร

    คนที่ทำให้เขาสุขและทุกข์ได้ในเวลาเดียวกัน

    และคน ๆ นั้น ก็คือ...พี่ฮั่น...เพียงคนเดียวเท่านั้น...!

    คิดได้แบบนี้แกงส้มก็หมุนตัวเดินเข้าห้องของตัวเองอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้มองว่ามีใครยืนอยู่ไม่ไกล

     

    ข้าวฟ่างเดินยิ้มอย่างอารมณ์ดีกับสัมผัสที่ชิดใกล้เมื่อสักครู่นี้ แต่เมื่อเดินมาได้ไม่กี่สิบก้าว เขาก็เดินสวนกับคนที่ถือข้าวของพะรุงพะรัง

    ข้าวฟ่างยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างคนที่เหนือกว่า...เพราะเขามั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์ว่า...

    ฮั่นเห็นตอนที่เขาหอมแก้มแกงส้ม!

    หึ ๆ รู้สึกสะใจเล็ก ๆ แฮะ

    ยิ่งยามที่เห็นใบหน้าคมซีดจนแทบจะไม่มีเลือดฝาด ยิ่งทำให้คนมองรู้สึกดี ซึ่งตอนแรกข้าวฟ่างตั้งใจว่าจะแกล้งทักทายคนที่เดินสวนมา แต่พอเห็นผู้หญิงที่เดินตามฮั่นมาแล้ว เขาก็เลือกที่จะเงียบ

    ยัยแสบกวาง!

    ที่เขาเงียบไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวยัยนี่หรอกนะ...แต่แค่ไม่อยากมีเรื่องเท่านั้นเอง!

    แต่ดูเหมือนว่ากวางนั้นอยากจะมีเรื่อง เพราะเธอแทบจะถลันไปตั๊นหน้าของคนที่เดินยิ้ม หากแต่มือหนาของฮั่นที่ฉุดข้อมือเธอไว้ก็ทำให้กวางได้ส่งสายตาขุ่นไปให้ร่างสูงที่เดินสวนไป

    ฮึ่ย! พี่ฮั่นไม่น่าห้ามกวางเลย ไม่งั้นกวางจะไปอัดอีตานั่น กล้าดียังไงมาหอมไอ้แกงต่อหน้าพี่แบบนี้ อุ่ย...ขอโทษค่ะ เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป กวางก็รีบตะครุบปากตัวเองทันที

    ช่างเถอะกวาง มันไม่ใช่เรื่องของเรานี่นา

    ไม่ใช่ของเราแน่ ๆ ค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องของพี่ฮั่นกับแกง เออ...พูดถึงไอ้แกง กวางไปจัดการไอ้แกงก่อนดีกว่า กล้าดียังไงถึงปล่อยตัวให้อีตานั่นลวนลามแบบนั้น!” พูดจบกวางก็รีบสาวเท้าเร็ว ๆ เดินตามคนที่เพิ่งปิดประตูห้องไปทันที

    ฮั่นที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะเรียกร่างโปร่งไว้ก็จำต้องงับปากตัวเอง

    ไม่น่าเลยจริง ๆ...ไม่น่าเห็นภาพนั้นเลย!

    ฮั่นถอนหายใจออกมาก่อนที่เขาจะสาวเท้าเอื่อย ๆ เดินไปที่ห้องของตัวเอง ราวกับวิญญาณของเขาหลุดออกไปจากร่างทันทีที่เห็นภาพนั้น...

    ภาพที่เขาเคยแอบคิดไว้...

    ภาพที่ทำให้หัวใจของเขาปวดร้าว!

     

     

    ไอ้แกงส้ม!!!!!!!” เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องของคนเป็นน้อง กวางก็ตะโกนเรียกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลทันที แกงส้มหันมาตามเสียงเรียก ก่อนที่เขาจะโดนกวางเตะไปเต็ม ๆ ก้นด้วยแข้งของเธอ

    โอ๊ย! พี่กวางมาเตะผมทำไมเนี่ย เจ็บนะเว้ย!” แกงส้มโวยวายออกมา ก่อนที่เขาจะวิ่งหลบฝ่าเท้าที่ประเคนมาอีกหลายดอกของคนเป็นพี่

    ยังจะมาถามอีกหรอ เมื่อกี้แกทำอะไรวะ!!!!”

    ทำอะไรล่ะพี่ ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แกงส้มพูด ก่อนที่เขาจะเอี้ยวตัวหลบเท้าที่ถีบมา

    เส้นยาแดงผ่าแปด!

    ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นหรอ แล้วไอ้ที่แกยอมให้อีตาคุณข้าวฟ่างนั้นหอมแก้ม มันหมายความว่ายังไงวะ!” กวางว่าก่อนจะยกสาวเท้าเดินเข้าไปหาคนที่ยืนอยู่ฟากหนึ่งของโต๊ะอาหาร

    ผมไม่ได้ยอมนะพี่กวาง แต่ว่าพี่ข้าวฟ่างเค้าหอมแก้มผมโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวต่างหาก!”

    ไม่รู้เว้ย รู้แต่ว่าพี่ฮั่นเห็นฉากนั้นพอดี!”

    ทันทีที่ได้ยินแบบนี้ แกงส้มก็ตกใจ ดวงตากลมเบิกโตขึ้น

    พี่ฮั่นเห็นด้วยหรอครับ

    เออ! เห็นแบบจัง ๆ จะ ๆ ตาเลย!”

    ซวยแล้ว!” แกงส้มสบถออกมา ก่อนที่ใบหน้าหวานจะขึ้นสีซีด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ก่อนที่เจ้าตัวจะลากเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารออกแล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างคนเข่าอ่อน

    แบบนี้พี่ฮั่นก็ยิ่งเข้าใจเขาผิดน่ะสิ...

    โธ่พี่ฮั่น!

    ไอ้แกง...พี่ถามจริง ๆ เถอะ นี่แกยังรักยังอาลัยอาวรณ์อีตาคุณข้าวฟ่างนี่จริง ๆ หรอ แล้วแกไปรักกับเขาตอนไหนวะ ช่วยเล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม อยากรู้โว้ย!!!!” กวางถามก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามคนที่ทำหน้าเหมือนปวดตับ

    ผมเล่าให้พี่ฟังก็ได้พี่กวาง แต่พี่ช่วยตอบผมก่อนว่าทำไมพี่ถึงได้มาพร้อมพี่ฮั่นได้ครับ  แกงส้มถามพลางหรี่ตามองหน้าคนที่อยู่ตรงข้ามด้วยสายตาที่จับสังเกต

    ไม่ได้หรอก...เผื่อพี่กวางคิดจะเปลี่ยนใจจากพี่โน่แล้วมาคว้าพี่ฮั่นของเขา...

    เขาไม่ยอมพี่กวางเหมือนที่หมิวยอมแน่ ๆ!

    อ๋อ...ก็พอดีว่าพี่ตั้งใจจะมาหาแกนั่นแหล่ะ! ตั้งใจตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คิดถึงอยากคุยกับแกอ่ะ แต่มีเรื่องอีตาคุณข้าวฟ่างนี่โผล่มาซะก่อน ถามทำไม...หึง...ขึ้นมาบ้างหรือไงยะ กวางถามพลางมองใบหน้าหวานของคนเป็นน้องแล้วเธอก็อมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อเห็นว่าแกงส้มรีบปั้นหน้านิ่งแล้วโบกมือไปมา

    หึงเหิงอะไรพี่กวาง อย่ามาซุยน่ะ!”

    หรอ...ไม่หึงแต่ตอนที่ถามเนี่ย...หน้าเหวี่ยงได้อีกนะ

    บ้าหรอพี่ ใครเหวี่ยง ไม่มีเหอะ!”

    หรอ ๆ ๆ ๆ ๆ

    เลิกแซวผมเถอะน่ะพี่ จะฟังไหมเรื่องผมกับพี่ข้าวฟ่างน่ะ แกงส้มว่าก่อนจะต้องยิ้มออกมา เมื่อคนเป็นพี่พยักหน้ารัว ๆ แล้วยอมสงบปากสงบคำ

    ความอยากรู้อยากเห็นของคนเรานี่นะ...ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ แม้กระทั่งทำให้คนที่ไม่ค่อยจะยอมสงบปากกับใครอย่างพี่กวางยอมเงียบเพื่อต้องการรู้เรื่องราวที่ตัวเองอยากรู้!

    เรื่องของผมกับพี่ข้าวฟ่างมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 8 เดือนก่อน...ตอนที่ผมเป็นดีเจใหม่ ๆ...

     

     

    แกง...เดี๋ยวพี่จะแนะนำให้เรารู้จักกับคุณข้าวฟ่างนะ เขาเป็นเจ้าของคลื่นที่เราทำงานอยู่ แล้วก็เป็นดีเจที่กำลังฮอตมากในตอนนี้ แต่พอดีเขาต้องบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เขาก็เลยประกาศรับสมัครดีเจใหม่แทนเค้าน่ะ แล้วก็ได้เรามานี่แหล่ะ

    แกงส้มพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ข้อมูล ก่อนที่เขาจะนั่งตัวแข็งทื่อหลังตรง เพราะเขาคิดว่าคนเป็นเจ้านายจะต้องเป็นหญิงสาวที่สวยดุและระเบียบจัดมาก ๆ ดูจากที่พี่หนึ่งเคยเล่าให้เขาฟัง

    โย่วพี่หนึ่ง หวัดดียามเย็นคร้าบบบบบบบบบ เสียงทุ้มที่เอ่ยทักทายด้านหลัง เรียกใบหน้าของแกงส้มให้หันไปมอง เพียงแค่สบตากันเท่านั้น...ราวกับเขาตกอยู่ในภวังค์

    คุณข้าวฟ่างที่พี่หนึ่งพูดถึงเป็นผู้ชาย!

    แถมเป็นผู้ชายที่แนวมาก...เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาใส่เสื้อยืดสีเทาสกรีนชื่อคลื่นและใส่เอี๊ยมยีนส์สีน้ำเงินเข้มสวมทับเสื้อยืดนั้น รองเท้าผ้าใบสีเขียวสะท้อนแสงทิ่มเข้ามาเต็ม ๆ ลูกตาคนมอง บวกกับแว่นสีชาอันใหญ่ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูอินดี้สุด ๆ

    เอ่อ...ต่างจากที่จินตนาการไว้เยอะโคตร!

    สวัสดีครับคุณข้าวฟ่าง นี่แกงส้มครับ ดีเจที่จะมาแทนคุณข้าวฟ่าง เมื่อหนึ่งเอ่ยแนะนำ แกงส้มก็ยกมือไหว้คนตรงหน้า ข้าวฟ่างยิ้มหวานออกมา ก่อนจะเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าของแกงส้ม พลางส่งยิ้มหวานมาให้คนที่เงยหน้ามองเขา

    ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องแกงส้ม ยังไงพี่ก็ฝากเนื้อฝากตัวและฝากหัวใจไว้ที่น้องด้วยนะครับ พูดจบ ข้าวฟ่างก็ขยิบตาให้แกงส้ม และนั่น...ก็เป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ทำให้คนสองคนได้เริ่มต้นสานความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

     

     

    ...ผมกับพี่ข้าวฟ่างเราสนิทกันไวมาก อาจจะเพราะว่าพี่ข้าวฟ่างจะมาจัดรายการเวลาเดียวกับผมเพื่อถ่ายทอดและสอนงานต่าง ๆ ให้กับผม ทำให้เราสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันแทบจะตลอด พอเลิกงานเราสองคนก็ไปกินข้าว ดูหนัง หรือว่าไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกัน ความใกล้ชิดก่อให้เกิดความผูกพันขึ้น...และทำให้ผมรู้สึกตัวว่าผมชอบพี่ข้าวฟ่าง...วันนั้นผมตั้งใจว่าผมจะไปสารภาพความในใจให้พี่เขาได้รับรู้...วันนั้นคือวันที่ฝนตกหนัก...

     

    พี่รีบมานะครับพี่ข้าวฟ่าง ผมรออยู่ที่ร้านเดิมฮะ แกงส้มว่าก่อนจะกดวางสายเมื่อคนที่อยู่ไกลบอกว่าจะรีบขับรถมาหาเขา ชายหนุ่มมองตุ๊กตาหมีสีขาวที่อยู่ในมือก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มหวานออกมา

    หวังว่าพี่คงจะชอบมันนะครับ

    เปาะแปะ ๆ ๆ ๆ ๆ ซู่~

    แล้วสายฝนที่เทกระหน่ำบริเวณนอกร้านอาหาร ทำให้คนที่นั่งรออยู่เผลอมองสายฝนนั้นด้วยความเพลิดเพลินตา เวลาค่อย ๆ เดินไปอย่างเชื่องช้า..

    ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง...คนที่แกงส้มรอก็ยังไม่มา

    ผ่านไปสามชั่วโมง...จนร้านอาหารที่แกงส้มใช้เป็นสถานที่รอก็ได้ฤกษ์ปิด เพราะตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว คนที่นั่งรอถอนหายใจออกมา ก่อนที่เขาจะเดินออกไปนอกร้านตามคำเชิญของบริกรสาว

    ลมเย็นที่หอบเอาละอองฝนมาโดนผิวหน้า ทำให้แกงส้มรู้สึกหนาวสะท้าน สองแขนของร่างโปร่งยกขึ้นมากอดอก ตุ๊กตาหมีขนฟูเริ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำจากดวงตาคู่โตของคนถือที่บัดนี้ไหลรินอาบสองแก้ม

    ทำไมพี่ไม่มาล่ะพี่ข้าวฟ่าง...

    แกงส้มเอ่ยถามออกมาเบา ๆ และตั้งแต่วันนั้นคนที่ทำให้เขารอก็ไม่มาปรากฏตัวให้เขาเห็นอีกเลย เขามารู้อีกทีว่าพี่ข้าวฟ่างหายไปไหน ก็ตอนที่เจ้าตัวส่งข้อความมาบอกว่า...

    บินไปเรียนต่อต่างประเทศกะทันหัน!

    ไปแบบกะทันหันโดยไม่ล่ำลาเขาสักนิด!

     

    ...คงเพราะในวันนั้นผมคือคนที่ไม่สำคัญสำหรับพี่ข้าวฟ่าง พี่เค้าถึงได้ไปโดยไม่บอกลาผมสักคำ พี่กวางรู้ไหมว่าการรอคอยใครสักคนที่เรารู้สึกดี ๆ ด้วย มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานจริง ๆ ผมทนอยู่กับความทรมานนั้นหลายเดือนมาก...จนผมรู้สึกไม่อยากมีหัวใจแล้ว ผมไม่อยากรักใคร...เพราะผมไม่อยากเจ็บ...

    แต่แกก็รักพี่ฮั่นจนได้...

    นั่นสินะครับ...ไม่ใช่เพราะว่าพี่ฮั่นแสนดี ผมถึงรักนะครับ แต่เพราะว่าพี่ฮั่นคือคนที่ทำให้ผมมีความสุขทุกวินาทีที่ได้อยู่กับเค้าทั้งในโลกแห่งความจริงและอีกโลกหนึ่ง... แกงส้มตอบพลางยิ้มออกมา ดวงตากลมโตฉายประกายความอ่อนโยนเมื่อพูดถึงคนอีกคนหนึ่งที่มีค่ากับหัวใจ

    ก็ถ้าพี่ฮั่นเค้าสำคัญขนาดนั้น ทำไมถึงยังปล่อยให้คนอีกคนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอกับหัวใจแกมามีอิทธิพลทำให้คนสำคัญของแกเข้าใจผิดอยู่ล่ะ หัดชัดเจนให้มันมากกว่านี้หน่อยสิเจ้าแกง!”

    ตอนแรกผมยังไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองนะพี่ แต่พอเมื่อกี้ตอนที่ผมโดนพี่ข้าวฟ่างหอมแก้ม ผมก็รู้ทันทีเลยว่า...คนที่ทำให้ผมรู้สึกดีด้วยมีแค่คนเดียวเท่านั้น...ซึ่งไม่ใช่พี่ข้าวฟ่างแน่นอน!”

    ก็ถ้ารู้แล้วทำไมยังไม่ไปง้อคนสำคัญของหัวใจอีกวะ รออะไรอยู่

    นั่นสินะครับ...ผมรออะไรอยู่

    พูดจบ แกงส้มก็ลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องของตัวเอง แล้วไปเคาะเรียกคนที่อยู่ห้องตรงข้ามทันที

    ก๊อกก๊อก!

    อ้าวแกง...มีอะไรหรอ คนที่เปิดประตูออกมาหาใช่คนที่แกงส้มอยากพบไม่

    หมิว...พี่ฮั่นล่ะ

    อ๋อ! พี่ฮั่นออกไปทำงานเมื่อกี้นี้เอง

    หา!!!! ไปทำงานตอนนี้น่ะหรอ ได้เวลาแล้วหรือไง

    ยังหรอก แต่พี่ฮั่นเค้าบอกว่าเค้าเซ็ง ๆ อ่ะ เลยรีบออกไป...แกงมีอะไรหรือเปล่า หมิวถามก่อนที่เธอจะต้องกรอกตาขึ้นมองเพดาน เมื่อเห็นร่างของแกงส้มเดินโซซัดโซเซกลับห้องของตัวเองไป หญิงสาวปิดประตูก่อนจะหันกลับมามองคนที่นั่งทำหน้าเป็นหมีหงอย

    ให้หมิวทำบาปแต่เช้าเลยนะพี่ฮั่น

    คิดซะว่า...ทำบาปเพื่อช่วยพี่สักครั้งแล้วกันหมิว

    ถามหมิวสักคำไหมคะว่าอยากช่วยหรือเปล่า

    ไม่ถามหรอก...เพราะรู้ว่าถ้าถามหมิวคงไม่ช่วย ฮั่นตอบก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ

    รู้ก็ดีแล้วค่ะ แต่หมิวไม่เข้าใจเลยว่าพี่จะหลบหน้าแกงทำไม พี่น่าจะออกไปเคลียร์กับแกงนะคะ ทำแบบนี้เหมือนไม่ใช่พี่เลยนะพี่ฮั่น หมิวว่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างคนที่นั่งซึม

    พี่ยังไม่อยากเจอแกงตอนนี้อ่ะ

    เฮ้อ...แล้วพี่จะหลบหน้าแกงไปได้นานแค่ไหนคะ

    ไม่รู้สิ...ก็คงจะนานจนกว่าหัวใจของพี่จะเข้มแข็งขึ้นกว่านี้มั้ง ว่าแล้วพี่ก็ไปทำงานจริง ๆ ดีกว่า ยังไงก็ขอบใจเรามากนะที่ยอมทำบาปเพื่อช่วยพี่น่ะ แทนคำขอบคุณ ฮั่นก็เอามือไปยีผมหมิวเบา ๆ

    ไม่ช่วยพี่แล้วจะไปช่วยหมีที่ไหนล่ะคะ

    ฮั่นยิ้มรับกับคำพูดของหมิว ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบกุญแจรถและกระเป๋าสะพายขึ้นมาพาดบ่า พลางเดินออกไปจากห้อง

    ความรู้สึกหน่วง ๆ ในหัวใจได้ลอยตามหลังร่างสูงไปอย่างเงียบ ๆ

     

     

     

    ไอ้ฮั่น!!!! นี่แกทำบ้าอะไรมาให้ลูกค้าเนี่ย เสียงตะโกนของจ๋าเรียกใบหน้าของคนที่กำลังหั่นต้นหอมญี่ปุ่นให้เงยขึ้นมามอง

    ก็ทำแซลมอนอบเลมอนชีสไง

    เออ...แกทำแซลมอนอบเลมอนชีส แต่ลูกค้าสั่งกุ้งอบเลมอนชีสโว้ย! กุ้งไม่ใช่แซลมอน!!!! นี่แกเป็นบ้าอะไรฮะ วันนี้แกทำอาหารให้ลูกค้าผิดมาแปดรายแล้วนะ!!!!”

    ฉันขอโทษ...บอกลูกค้านะว่าเดี๋ยวฉันทำให้ใหม่ ฮั่นว่าก่อนจะโยนต้นหอมที่หั่นเสร็จแล้วลงหม้อ

    พอ ๆ ๆ แกเลิกทำเลย เดี๋ยวฉันโทรตามสุให้มาทำแทนแกดีกว่า จ๋าว่าก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    แต่สุไม่ค่อยสบายนะ ถึงได้ลางาน

    ใช่...สุไม่ค่อยสบาย แต่แกน่ะไม่สบายเลยไอ้ฮั่น! แกรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปสงบสติตัวเองที่นอกร้านเลย จ๋าเอ่ยสั่งคนเป็นเพื่อน ก่อนที่เธอจะกรอกเสียงทักทายคนปลายสาย

    ไอ้ฮั่น! ฉันบอกให้แกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จ๋าเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเห็นว่าคนเป็นเพื่อนยืนเหม่อแทนที่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่เธอบอก

    ฉันไม่เป็นอะไรหรอกไอ้จ๋า

    แกเป็นไอ้ฮั่น! เป็นมากด้วย!”

    ฉัน...

    เอม...เดี๋ยวจ๋าฝากทางนี้หน่อยนะ ไม่เกิน 20 นาทีสุน่าจะมาถึง ตอนนี้จ๋าขอพาไอ้คนที่ไม่ปกตินี่ไปทำให้มันหายเป็นปกติก่อน เมื่อเห็นอาการอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของเพื่อนหนุ่ม จ๋าก็หันไปเอ่ยสั่งคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ก่อนที่เธอจะเดินไปล็อกคอฮั่นให้ตามออกไปทางด้านหลังร้าน

     

     

     

    เอ้า...กินเข้าไปไอ้ฮั่น จ๋าส่งแก้วน้ำใสที่มีน้ำสีเหลืองอ่อนอยู่ในนั้นให้คนที่นั่งเหม่อ ฮั่นส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เขาก็ถูกมือบางยัดแก้วนั้นใส่มือ

    ฉันไม่กินเหล้าแกก็รู้

    แต่แกต้องกินไอ้ฮั่น! กินเพื่อให้แกลืมความรู้สึกที่แกเป็นอยู่

    มันก็ลืมได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหล่ะไอ้จ๋า พอสร่างเมาทุกความรู้สึกมันก็กลับมาเหมือนเดิม ฮั่นว่าก่อนจะวางแก้วเหล้าในมือไว้บนโต๊ะ หากแต่คำพูดประโยคต่อมาของคนเป็นเพื่อนก็ทำให้ฮั่นต้องหยิบแก้วเหล้านั้นมาถือไว้ในมือ...อีกครั้ง

    แกแน่ใจหรอว่าเหล้ามันจะทำให้แกลืมความรู้สึกที่แกมีต่อแกงได้ชั่วคราวจริง ๆ บางทีเหล้าก็ไม่ได้ทำให้คนลืมความรู้สึกได้หรอกนะ แต่คนกินมักจะหลอกตัวเองไปเองว่ากินเหล้าแล้วลืมความเจ็บ ทั้งที่ความจริงแล้ว...ในทุกความเจ็บ เราไม่สามารถลืมมันได้หรอก...แม้แค่วินาทีเดียวก็ตาม

    ก็จริงของแกนะ ว่าแต่แกรู้หรอว่าฉันมีปัญหากับแกง ฮั่นถามก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก ความขมที่ฝืดเฝื่อนติดปลายลิ้นทำให้ดวงตาคมหลับตาปี๋

    นี่เขาไม่ได้กินเหล้ามากี่ปีแล้วนะ...

    ครั้งสุดท้ายที่เขากินเหล้ามันเมื่อไหร่กัน ?

    ไม่ต้องฟังแกเล่า แค่เห็นอาการแก ฉันก็รู้แล้ว ฉันเป็นเพื่อนแกมากี่ปีไอ้ฮั่น ทำไมเรื่องแค่นี้ฉันจะมองไม่ออกวะ แม้ฉันจะไม่รู้ว่าแกกับแกงมีปัญหาอะไรกัน แต่ยังไงฉันก็อยากจะให้แกดีกับแกงนะเว้ย... จ๋าว่าพลางตบบ่าคนเป็นเพื่อนแรง ๆ หนึ่งที

    ขอบใจเว้ยไอ้จ๋า แต่มันคงไม่มีวันที่ฉันกับแกงจะได้กลับมาดีกันแล้วล่ะ...คงไม่มีวันนั้นแล้ว... ฮั่นว่าพลางนึกไปถึงภาพที่แกงส้มโดนข้าวฟ่างหอมแก้มเมื่อเช้า

    ภาพที่ทำให้หัวใจรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่นึกถึง!

    ฉันจะไม่ถามนะว่าแกมีปัญหาอะไรกับแกง แต่ฉันแค่อยากให้แกรู้ไว้ว่า...สำหรับคนที่รัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่ เชื่อใจเท่านั้นพอ...

    ก็เพราะว่าเชื่อใจไง...ฉันถึงอยากลองถอยห่าง...ถอยห่างเพื่อให้อีกคนได้รู้ใจตัวเองมากขึ้น แม้ว่าการถอยห่างนั้นจะทำให้ฉันเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม... น้ำเสียงที่ขื่นขมผสมกับดวงตาที่บ่งบอกอาการเศร้าสุดขีด ทำให้จ๋าต้องเอื้อมมือไปตบที่หลังมือที่จับแก้วเหล้าเบา ๆ

    ฉันอยู่ข้างแกเสมอไอ้ฮั่น!”

    อืม...ขอบใจแกมากไอ้จ๋า แกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยว่ะ พูดจบ ฮั่นก็ยิ้มให้คนเป็นเพื่อน ก่อนที่เขาจะกระดกเหล้าเข้าปากอีกอึกใหญ่

    เหล้าไม่อร่อยเลยสักนิด...!

     

     

     

    เวลาผ่านไป...

    อ่ายจ๋า~~ เอาเหล้ามาอีกเซ๊ะ!!!!” เสียงอ้อแอ้ของร่างสูงที่นั่งโงนเงนไปมา ทำให้จ๋าเหมือนจะคิดผิดที่พาฮั่นมากินเหล้าแบบนี้

    เธอลืมไปได้ยังไงว่าที่ไอ้ฮั่นมันเลิกกินเหล้าเพราะว่าถ้ามันเมาแล้วมันจะโวยวายแบบนี้

    อ๊ากกกกกกกก แล้วนี่เธอจะพาไอ้คนตัวใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่นนี่กลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย!!!

    ไอ้ฮั่น...พอแล้ว...แกกินคนเดียวไปตั้งสามขวดแล้วนะ!”

    ฮื้ออออออออ ใครกิน...แกอ่ะเด่ะกิน ฉันม่ายด้ายกินซะหน่อยยยยยยย~~”

    เสียงคนเมาทำให้จ๋าต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ หญิงสาวนึกหาตัวช่วยในใจ ก่อนที่เธอจะคิดอะไรดี ๆ ออก มือบางหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วกดหาเบอร์ของใครบางคนทันที

    ตู๊ด...

    น้องแกง...เจ้จ๋ามีเรื่องรบกวนหน่อยจ้ะ...

     

     

     

    แกงส้มรีบวิ่งเข้ามาที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่เขาอยู่ ร่างโปร่งก้าวยาว ๆ ไปตามทิศทางที่พี่จ๋าเอ่ยบอกในโทรศัพท์ แล้วชายหนุ่มก็เห็นร่างสูงของจ๋ายืนโบกมือจากมุมหนึ่งของร้าน เขาจึงรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางนั้นทันที

    แกง...รีบ ๆ มาพยุงไอ้หมียักษ์นี่เร็ว ๆ เลย มันโวยวายเสียงดังจนคนในร้านหันมามองแทบจะหมดร้านแล้วเนี่ย

    ครายโวยวายฮะ!!! ไม่มีซ๊ะหน่อยยยยย มั่วตลอดเลยอ่ายจ๋า~~” เสียงโวยวายที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง ทำให้แกงส้มต้องส่ายศีรษะให้กับภาพนี้

    หมดสภาพเลยพี่ฮั่นเอ๊ย!

    นี่พี่ฮั่นเค้านึกยังไงถึงมากินเหล้าเมาเละแบบนี้ครับ แกงส้มถามก่อนจะเดินไปยืนข้าง ๆ คนที่นั่งเมาไม่รู้เรื่อง

    ก็มันบอกพี่ว่า...มันโดนแกงหักอก ก็เลยอยากจะกินเหล้าเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดน่ะ จ๋าจำต้องโกหกคนตรงหน้าออกไป เพื่อเรียกร้องความสนใจให้กับไอ้คนที่เมาไม่รู้เรื่อง

    พี่ฮั่นพูดแบบนั้นหรอครับ...”

    อื้อ...แถมมันยังบอกพี่อีกว่า...แกงน่ะใจร้าย!”

    แล้วบอกว่าไงอีกครับ

    อืม...เยอะอ่ะแกง เจ้จำไม่หมดเลย รู้แค่ว่า...มันพูดถึงแต่แกง อ้อ...เค้าบอกว่าคนเมามักจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจนะ โอ๊ะ! เดี๋ยวเจ้ขอไปรับโทรศัพท์แป๊บนึงนะ แล้วจ๋าก็ดีลีทตัวเองออกมาจากตรงนั้นเนียน ๆ ก่อนที่เธอจะแอบไปหลบมุมมองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

    พี่ฮั่นครับ กลับห้องกันเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง... แกงส้มว่าพลางออกแรงดึงแขนคนเป็นพี่ให้ลุกขึ้น แต่ฮั่นกลับออกแรงดึงร่างของคนที่ฉุดแขนเขาให้ลงไปนั่งบนตัก

    ม่ายกลับ~~ ม่ายอยากกลับอ่า...ม่ายอยากไปเจอภาพบาดตาบาดจายยยยยยยย ฮื้อ...อื้อ... คนเมาโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียงโวยวายถูกมือบางปิดไว้ เนื่องจากมุมบริเวณนี้เป็นมุมมืดทำให้คนที่อยู่ภายในร้านไม่ค่อยเห็นคนที่อยู่มุมนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าหากมีเสียงโวยวายก็อาจจะทำให้คนเหล่านั้นเห็นได้ แกงส้มจึงจำต้องปิดปากฮั่นไว้ ก่อนที่เขาจะพยายามจะลุกออกจากตักของฮั่น แต่...

    วงแขนแกร่งที่โอบรัดรอบเอวทำให้คนที่พยายามจะลุกขึ้นจำต้องลงไปนั่งที่เดิมอีกครั้ง ใบหน้าคมที่วางเกยบนไหล่ ทำให้แกงส้มตัวแข็งทื่อ ลมหายใจร้อนที่เป่ารดบริเวณต้นคอทำให้หัวใจของคนที่ถูกโอบกอดเต้นแรง ความร้อนจากแผ่นอกกว้างทำให้แกงส้มรู้สึกได้ว่าตัวเขากำลังเกิดความรู้สึกแปลก ๆ

    ในความรู้สึกแปลกนั้นมันกลับทำให้หัวใจรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ...

    แกงส้มเอามือที่ปิดปากฮั่นออก ก่อนที่เขาจะมองใบหน้าที่ซบอยู่บนบ่า

    ความรู้สึกผิดก็เอ่อท้น จนทำให้มือบางเอื้อมไปคว้ามือคนเป็นพี่มากุมไว้

    พี่ฮั่น...ผมขอโทษนะครับที่ผมเผลอไปหวั่นไหวกับคนที่อยู่ในอดีตอย่างพี่ข้าวฟ่าง...ผมคิดว่าผมยังมีเยื่อใยให้กับพี่เค้า ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วผมไม่ได้มีใจให้เค้าแล้ว...คนในอดีตไม่มีความสำคัญพอที่จะทำให้ผมเดินกลับไปหานะครับ...เพราะคนปัจจุบันที่ผมแคร์ความรู้สึกมากที่สุดก็คือพี่...พี่คือคนสำคัญที่สุดสำหรับผมนะครับ...

    แม้จะรู้ว่าคนเมาไม่ได้รับรู้สิ่งที่เขาพูด แต่แกงส้มก็เลือกที่จะพูด

    ...ฟี้~...” แล้วเสียงลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอของคนที่ซบหน้าอยู่บนบ่า ก็ทำให้แกงส้มหลุดหัวเราะออกมา

    เมื่อตะกี้ยังโวยวายเสียงดังอยู่แท้ ๆ แต่แค่ไม่ถึงห้านาทีก็หลับไปซะแล้ว!

    เด็กน้อยจริง ๆ เลยพี่ฮั่นเอ๊ย!!!

    แกงส้มปลดมือที่พันรอบเอวออก ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วพยุงตัวคนที่นั่งโงนเงนเพราะหลับไปแล้วให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ประคองร่างสูงให้เดินไปพร้อม ๆ กับเขา

    ตัวหนักไม่ใช่เล่นนะพี่ฮั่น ว่าแต่...พี่จ๋าเค้าหายไปไหนของเขาเนี่ย ไปรับโทรศัพท์หรือไปรับคนที่โทรมากันนะ หายต๋อมไปเลย!” แกงส้มบ่นเบา ๆ ก่อนจะเดินออกมาจากร้านด้วยความทุลักทุเล เพราะคนหลับทิ้งน้ำหนักตัวลงมาจนคนประคอบแทบจะเซตามเพราะทานแรงไม่ไหว

    แต่สุดท้าย...แกงส้มก็ประคองฮั่นมาจนถึงรถ เขาปล่อยคนเป็นพี่ให้ยืนพิงรถ ก่อนที่เขาจะปลดล็อกรถ แล้วเปิดประตูออก พลางค่อย ๆ ดันร่างใหญ่ให้เขาไปนั่งที่เบาะข้างคนขับด้วยความยากลำบาก

    ฟู่~”

    แกงส้มพ่นลมออกมาจากริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะวิ่งอ้อมมานั่งที่เบาะคนขับ แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะสตาร์ทรถเสียงเมสเซสที่ดังมาก็ทำให้แกงส้มจำต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู

    เจ้ต้องรีบไปทำธุระให้เพื่อนด่วน ฝากไอ้ฮั่นกับน้องแกงด้วยนะจ๊ะ จุ๊บ ๆ

    หึ...นี่เป็นแผนของเจ้หรือเปล่าเนี่ยเจ้จ๋า...แต่ก็เอาเถอะ ถ้ามันจะทำให้ผมได้อยู่กับพี่ฮั่น...มันก็โอเคนะครับ

    อื้มมมมมมมมม เสียงครางที่ดังข้างตัว ทำให้แกงส้มต้องหันไปมอง ใบหน้าคมที่หลับสนิท เรียกใบหน้าหวานให้เขยิบเข้าไปใกล้ แกงส้มตัดสินใจเอนตัวไปซบใบหน้าของตัวเองกับอกกว้างของคนที่หลับใหลเพื่อฟังเสียงหัวใจของคนเป็นพี่

    เสียงหัวใจของเรายังเต้นเป็นจังหวะเดียวกันไหมนะพี่ฮั่น...พี่ยังรู้สึกกับผมเหมือนเดิมไหมครับ...

    ถามทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคำถามของเขาไม่มีคนตอบ

    ถ้าพี่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันพรุ่งนี้...พี่จะคุยกับผมเหมือนเดิมไหมครับ...

    พี่ฮั่น...ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ข้าวฟ่างแล้วจริง ๆ นะครับ...

    พี่ฮั่นครับ...

    ครับ... เสียงขานตอบรับจากการเรียกชื่อในประโยคสุดท้าย ทำให้แกงส้มต้องเงยหน้าของตัวเองขึ้น ก่อนที่เขาจะพบว่าคนที่เขาเข้าใจว่าเมาหลับไปแล้วกำลังลืมตามองเขา ใบหน้าคมที่ฉายชัดถึงอาการที่ไม่มีเค้าของคนเมาสักนิด ทำให้คนมองหน้าเหวอ

    นี่พี่ไม่ได้เมาหรอกหรอครับ

    แล้วแกงคิดว่าไงล่ะครับ ?

    คำถามย้อนกลับของคนที่ทำตากรุ้มกริ่ม เรียกกำปั้นจากมือบางให้ทุบไปที่ไหล่ของคนถามอย่างรวดเร็วทันที

    พี่ฮั่นบ้า!!!! นี่พี่หลอกให้ผมประคองพี่มาจนถึงรถเลยเนี่ยนะ ร้ายกาจว่ะ!!!”

    แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่แกงทำให้พี่ต้องหน่วงมาตลอดตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ฮั่นว่าก่อนจะปากจู๋อย่างงอน ๆ แกงส้มเห็นดังนั้นก็รีบปรับสีหน้าแล้วทำตาออดอ้อนทันที

    โอ๋ ๆ ๆ ๆ พี่ฮั่นคร้าบบบบบบ ดีกันน้า~~ ผมขอโทษที่ผมลังเลแบบนั้น แต่มันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วครับ เชื่อใจ ผมนะ...

    ไม่รู้ไม่ชี้...

    ฮื้อ...พี่ฮั่นอ่ะ...ถ้าพี่ไม่ได้เมาตั้งแต่แรก พี่ก็ต้องได้ยินแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ข้าวฟ่างจริง ๆ ผมรู้สึกกับพี่ข้าวฟ่างแค่เพราะเค้าเป็นเหมือนพี่ชายเท่านั้น เพราะคนที่ผมคิดอะไรด้วยก็คือ พี่คนเดียว ครับ... พูดจบ แกงส้มก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าของฮั่นจนจมูกโด่งแตะสัมผัสกัน

    พี่เชื่อผมนะครับ...

    ลมหายใจร้อนที่เป่ารดกันทำให้หัวใจของคนสองคนเต้นไหวไปด้วยความรู้สึกหวามไหว วงแขนของแกงส้มที่เลื่อนไปโอบรอบคอทำให้ฮั่นตัวเกร็งขึ้นมา ริมฝีปากบางที่ค่อย ๆ แตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากสวย เรียกจังหวะการเต้นของหัวใจให้เร็วขึ้น ความรู้สึกหน่วงที่มีมาตลอดหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันคล้ายมลายหายไปกับสัมผัสที่บางเบาแต่ให้ความรู้สึกวาบหวาม

    จูบแรกของคนสองคนค่อย ๆ เพิ่มความประทับใจด้วยการสัมผัสแบบค่อยเป็นค่อยไปให้หัวใจได้ซึมซับถึงสัมผัสของกันและกันอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอม

    มือหนาของฮั่นยกขึ้นมาประคองใบหน้าหวานไว้ ก่อนที่เขาจะปล่อยให้ริมฝีปากของแกงส้มเป็นอิสระ หากแต่หน้าผากของเขาสองคนยังคงชนกัน...

    อย่าหวั่นไหวกับใครอีกนะครับ...เพราะพี่ไม่อยากถอยห่างจากแกงอีกแล้ว...แม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่อยากห่างครับ...

    พูดจบ ฮั่นก็รวบตัวคนตรงหน้าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด

    ความรู้สึกโหยหาที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากอ้อมกอดทำให้แกงส้มยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะแนบใบหน้าของตัวเองกับบ่ากว้าง

    ผมจะไม่หวั่นไหวกับใครอีกแล้วครับ เพราะคนที่อยู่ในหัวใจของผมคือพี่คนเดียวครับพี่ฮั่น...คนเดียวเท่านั้น...!”

    แกงส้มอู้อี้ ๆ ตอบ ซึ่งคำตอบของเขาก็ทำให้ฮั่นยิ้มออกมา

    ความรู้สึกหน่วงในหัวใจหายไปแล้ว...

    หายไปพร้อมกับความหวานที่คนเป็นน้องได้มอบให้กับเขา...

    ถ้ารู้ว่าการมีใครอีกคนเข้ามาในชีวิตแล้วทำให้เขาได้รับความหวานแบบนี้เป็นการตอบแทน...มันก็คุ้มอยู่นะ...

    แต่อย่ามีมาบ่อย ๆ ล่ะ...เขาไม่ชอบกินมาม่าแบบนี้...แม้มันจะเป็นสีสันของชีวิตก็ตามเถอะ!

     

     

     

     

     

     

    ไม่ว่าจะมีมาม่าสักกี่ชามเข้ามาให้เราได้ลิ้มลองจนอืดท้อง หากแต่เมื่อมีของหวานตามหลังมา มาม่าที่กินไปก่อนหน้านี้อาจจะย่อยสลายไปหมดก็ได้...หากแต่ของหวานใช่ว่าจะมีแค่ถ้วยเดียวเสมอไป...เพราะของหวานแม้มันจะทำให้เป็นเบาหวานได้ง่าย ๆ แต่ถ้ามันกินแล้วทำให้หัวใจรู้สึกดี...การบริโภคของหวานก็ดีมิใช่น้อย...

     

     

     



     

     

     

    //ด้วยความที่เมื่อคืนฝนตกหนัก เค้าเลยรีบอัพเลยไม่ได้ตรวจคำผิด วันนี้เลยมานั่งดูคำผิดค่ะ แต่อยากบอกว่า,,ความหวานของตอนนี้อาจจะไม่มาก เพราะฝนตก เค้าขอติดค้างไว้ตอนหน้าน้า~~ แล้วเจอกันจ้า รักนะจุ๊บๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×