คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 18 : จดหมายฉบับที่ 5 ของ เราสองคน
บทที่ 18 : จดหมายฉบับที่ 5 ของ ‘เราสองคน’
ติ๊งต่อง~
เสียงออดที่ดังหน้าห้อง เรียกดวงตาของคนที่กำลังง่วนอยู่กับการทำซุปข้าวโพดให้เงยหน้าขึ้นมามองไปยังประตูหน้าห้อง
“หมิว...หมิว...ไปเปิดประตูหน่อยสิว่าใครมา”
“หมิวไม่ว่างค่ะ อาบน้ำอยู่...” เสียงตะโกนที่ดังออกมาจากภายในห้องนอนของหมิว ทำให้ฮั่นต้องละมือจากทัพพีที่กำลังคนซุป แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เดินไป ร่างสูงของจ๋าก็เดินตัดหน้าไปก่อน
“เดี๋ยวฉันไปดูเอง แกทำกับข้าวต่อไปเถอะ”
ฮั่นพยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะหันกลับมาสนใจกับอาหารตรงหน้าต่อ
“จะเอ๋~”
“เฮ้ย!”
เสียงจะเอ๋ของคนที่เดินเข้ามา ทำให้ฮั่นถึงกับทำทัพพีที่อยู่ในมือร่วงพื้น
“อะไรกันพี่ฮั่น ผมแค่จะเอ๋แค่นี้ ถึงกับมือไม้อ่อนทำทัพพีหลุดมือเลยหรอครับ” แกงส้มถามก่อนจะก้มลงเก็บทัพพีให้คนเป็นพี่ พลางยื่นทัพพีส่งคืนไปให้คนที่ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอย
“ก็พี่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ แกงก็เข้ามาเงียบ ๆ แล้วร้องจะเอ๋ พี่ก็เลยตกใจอ่ะ”
“ฮ่า ๆ ๆ ผมขอโทษครับ พอดีแค่อยากจะแกล้งพี่เล่นน่ะ แล้วนี่...พี่ทำอะไรกินน่ะ หอมจัง~” ใบหน้าหวานที่ทำหน้าทำตาดมกลิ่นฟุดฟิด ๆ ๆ เรียกรอยยิ้มและอาการหัวเราะเล็ก ๆ ให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม
“พี่ทำซุปข้าวโพด แต่แกงไม่ต้องถามนะว่าทำเผื่อไหม เพราะว่าทำเผื่ออยู่แล้ว” ฮั่นว่าพลางยกมือข้างที่ไม่ได้ถือทัพพีไปขยี้ผมคนที่กำลังยิ้มหวาน
“แฟนใครเนี่ย น่ารักที่สุดเลยยยยยยย”
แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปหยิกแก้มใสของคนเป็นพี่หนึ่งที แล้วรอยยิ้มหวานก็ระบายเต็มดวงหน้าของคนทั้งสอง บรรยากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยความสุขแบบละมุนละไม และความสุขนี้ก็แผ่ไปถึงคนที่ยืนกอดอกมอง
“เฮ้อ...นี่ฉันต้องเสียน้องแกงไปให้ไอ้ฮั่นมันจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย...เฮอะ! คนหนึ่งก็เพื่อนรัก อีกคนก็สุดที่รัก ชีวิตเรานี่มันช่างน่ารันทดนัก...แต่ก็เอาเถอะ เห็นคนที่รักทั้งสองคนมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย...เฮ้ย!” แล้วจ๋ากะสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีมือหนึ่งมาวางบนบ่าของเธอ และเมื่อหันไปเธอก็พบกับใบหน้าของน้องสาวตัวเอง
“ไอ้หมิว...แกนี่ชอบมาเงียบ ๆ ตลอดเลยนะ”
“แล้วป้าจะให้หนูส่งเสียงเพื่อรบกวนคนสองคนหรือไง”
“เออ...ก็จริงเนอะ”
“แล้วนี่ป้าโรคจิตหรือไง มายืนแอบมองคนเขาจะจู๋จี๋กันเนี่ย” หมิวว่าพลางส่งสายตามองคนเป็นพี่แบบที่จ๋าเห็นแล้วนึกอยากจะปล่อยมะเหงกเขกลงบันหัวคนมองนัก
“ไม่ได้แอบมองเว้ย แต่มองตรง ๆ”
“ยิ่งโรคจิตหนักกว่าเดิมอีก”
“ไอ้หมิว!”
“เฮ้ย...สองคนนั้นน่ะ จะเถียงกันอีกนานไหม มายกชามออกไปไว้ที่โต๊ะเลย” แล้วคนที่ยืนหันหน้าตั้งท่าจะเถียงกัน ก็ต้องชะงักพฤติกรรมนั้นของตัวเอง
“อ้าว...เลิกหวานกันแล้วหรอ” จ๋าถามพลางหันมามองหน้าคนสองคนที่ยืนหน้าแดง ๆ
“เลิกนานแล้วเว้ย! เลิกตั้งแต่แกบ่นงึมงำ ๆ กับตัวเองนั่นแหล่ะ บ่นอย่างจะท่องคาถาแช่งฉัน โคตรน่ากลัวเลยว่ะไอ้จ๋า” ฮั่นว่าพลางมองเพื่อนสนิทตัวเองด้วยดวงตาแบบเดียวกับที่น้องสาวของเธอเพิ่งจะมองไปเมื่อไม่ถึงสามนาทีที่แล้ว
อ๊าย...นี่ไอ้ฮั่นมันติดนิสัยนี้มาจากไอ้หมิวใช่ไหม ทำไมมันมองฉันด้วยสายตาเดียวกันเลยวะ!?!
“พี่ฮั่นก็อย่าไปว่าพี่จ๋าเค้าแบบนั้นสิครับ พี่จ๋าเค้าไม่ได้ท่องคาถามแช่งพี่หรอกครับ แต่เค้าแค่...”
“แค่...”
“แค่อาจจะกำลังเป่ามนต์ใส่ผมอยู่ก็ได้ฮะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” แล้วคำตอบของแกงส้มก็ทำเอาจ๋าถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับ
เออ...เอาเข้าไป...สนุกกันใหญ่
“นางเอกมักโดนกลั่นแกล้งแบบนี้เสมอสินะ...กระซิก ๆ ว้าย!” คนที่กำลังทำท่าบีบน้ำตาถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อโดนคนที่เดินเข้ามาใหม่ตบเข้าไปที่ไหล่หนึ่งทีแรง ๆ
“เรื่องเวอร์นี่ขอให้บอกนะยัยจ๋า ฮั่นนี่ที่รัก...มาให้เค้ากอดแก้คิดถึงที่สิ อ๊าย!” แล้วคนที่วิ่งถลาเข้าไปหาร่างสูงของฮั่นก็โดนร่างสูงของแกงส้มเดินมาขวางทางไว้จนมิด ใบหน้าของคิมจึงทิ่มไปเต็ม ๆ แผ่นอกของคนที่เดินออกมายืนขวางทันที
“แกงส้ม! แกจะมาขวางทางอาทำไม”
“อาครับ...อย่าลืมนะว่าตอนนี้พี่ฮั่นเป็นแฟนผม เพราะฉะนั้น...อาอย่ามาลวนลาม ‘คนของผม’ ถึงจะเป็นอา แต่ผมก็หวงนะ” ใบหน้าหวานที่ทำหน้าจริงจังจนน่าหมั่นไส้ ทำให้คิมต้องปล่อยกำปั้นลงไปกลางศีรษะทุยเบา ๆ หนึ่งที
“ไอ้แกงส้ม แกเล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้...ชิ!” แล้วคิมก็ออกแรงผลักร่างของคนเป็นหลานให้พ้นทาง ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปยืนเบียดคล้องแขนร่างสูงพลางเอนศีรษะซบไปที่ต้นแขนแน่น แค่นั้นยังไม่พอ คิมยังหันมายิ้มเยาะใส่แกงส้มอีกด้วย
“อาคิมเล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้...”
พูดจบ แกงส้มก็เดินไปอีกข้างหนึ่งของฮั่น แล้วเขาก็ยกท่อนแขนของร่างสูงให้มาโอบที่เอวเขาก่อนที่เขาจะเอนใบหน้าไปซบบริเวณบ่าฮั่น จากนั้นแกงส้มก็อ้อมมือของเขาไปออกแรงผลักร่างของคนเป็นอาให้เขยิบออกห่าง
“ไอ้แกงงงงงงงง ไอ้เด็กบ้า!!! ไม่ออกโว้ย”
“อาคิมมมมมมม ออกไปเลยนะ...ออกไป ๆ ๆ ๆ”
แล้วสองอาหลานก็ยื้อยุดฉุดผลักกันไปผลักกันมา โดยมีร่างหนาของฮั่นยืนเป็นหลักอยู่ตรงกลาง
“พอแล้ววววววว จะทะเลาะกันทำไมเนี่ยสองคนนี้” ฮั่นว่าก่อนที่เขาจะหันมาจับคิมให้เขยิบห่างจากตัวเขา แล้วตามมาด้วยการจับแกงส้มให้ออกห่างจากตัวเช่นกัน
แม้จะแอบเสียดาย...แต่เขาก็ไม่อยากให้มีสงครามเริ่มต้นแต่เช้าวันดีแบบนี้นะ
“คิม แล้วป๊าล่ะครับ ไม่มาด้วยกันหรอ”
“มาจ้ะ แต่ตอนนี้กำลังคุยอยู่กับเมียสุดที่รัก เดี๋ยวตามมา เอ้อ...รู้หรือยังว่าเดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้ว ป๊าของเจ้าแกงส้มเขาชวนพวกเราไปทำบุญที่วัดนะ เพราะว่าวันนี้เป็นวันพระ”
“อ่า...วัดไหนครับ ?” ฮั่นถามพลางยกหม้อซุปข้าวโพดของเขามาวางบนเคาน์เตอร์ ควันสีขาวลอยพวยพุ่งออกมา พร้อมกับกลิ่นหอมฉุย
“วัดตรงที่อยู่เลยจากร้านเราไปหน่อยนึงน่ะฮั่น”
“อ๋อ...ถ้างั้นเราก็รีบไปทานอาหารเช้ากันเถอะ จะได้รีบไปวัด”
“ไปวัดต้องเอาไม้บรรทัดไปด้วยไหมอ่ะพี่ฮั่น”
“ตลกหรอแกง เดี๋ยวจะโดน...” ฮั่นว่าพลางยกมือขึ้นมาเตรียมจะปล่อยมะเหงก คนกวนรีบเอี้ยวหัวหลบแล้ววิ่งตึงตังออกไปจากห้องครัวทันที คนที่มองตามส่ายหัวออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าเรียกหมิวให้เดินเข้ามาหา
“เดี๋ยวหมิวยกหม้อซุปออกไปนะ จ๋า...เดี๋ยวยกชามออก”
“เฮ้ยไรวะไอ้ฮั่น ทีน้องแกงไม่เห็นแกใช้เลย”
“หรือแกจะใช้แกงล่ะ ?”
“ไม่...ฉันยกเอง ไปหมิว...ยก ๆ ๆ ๆ” ฮั่นส่ายหน้าพลางหันมามองคนที่ยืนมองเขา
“หน้าฮั่นมีอะไรติดหรอคิม ทำไมมองจัง”
“หน้าฮั่นไม่มีอะไรติดหรอก แต่คิมแค่ติดใจ...ปกติไม่เคยเห็นฮั่นเป็นแบบนี้มาก่อนน่ะ”
“หืม...เป็นแบบนี้...เป็นแบบไหนครับ” ฮั่นถามก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนที่คล้องคอออก
“ก็เป็นแบบนี้นี่แหล่ะ...ต้องให้คิมบอกหรอว่าฮั่นเป็นยังไง ของอย่างนี้ฮั่นต้องรู้อยู่แก่ใจสิ” พูดจบ คิมก็ยิ้มออกมาพลางส่งสายตารู้ทันมาให้คนร่างสูง ฮั่นถึงกับไปต่อไม่ถูกเมื่อโดนคนตรงหน้ารู้ทันความรู้สึกของเขา
“ออกไปทานอาหารเช้ากันเถอะคิม เด็ก ๆ รอแล้ว” ฮั่นว่าก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกไปจากห้องครับ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินพ้นครัว คำพูดของคิมที่ลอยตามหลังมา ก็ทำให้ฮั่นแทบจะสะดุดเท้าตัวเอง
“หลอกใครน่ะหลอกได้นะฮั่น แต่หลอกหัวใจตัวเองน่ะไม่ได้หรอก...ต่อให้พยายามวิ่งหนีความรู้สึกที่มี ไปสุดขอบฟ้าโลกก็หนีไม่พ้นหรอก!”
เขาก็ไม่ได้หลอกใครนะ...แต่แค่มันยังไม่ถึงเวลา...
“เดี๋ยวผมไปยกขนมปังสังขยามาให้นะครับป๊า”
“หือ...มีของหวานด้วยหรอ ?” บิดาของแกงส้มถาม พลางขมวดคิ้วมองร่างสูงที่ยกยิ้มขึ้นมา
“มีสิครับ มีของคาวแล้วก็ต้องต่อด้วยของหวาน รอแป๊บครับ” พูดจบ ฮั่นก็เดินหายเข้าไปในครัว
ไม่ถึง 10 นาที ขนมปังร้อน ๆ ที่นึ่งมาจนกลิ่นหอมฟุ้งก็มาพร้อมกับสังขยาสีเหลืองนวล
“ทำเองหรอ...”
“ครับ...ทำเอง ลองชิมดูสิฮะ พวกเราด้วย เพิ่งลองทำครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือเปล่า” ฮั่นว่าพลางเขยิบจานที่วางขนมปังและถ้วยสังขยาไปยังตรงกลางโต๊ะ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างหยิบขนมปังมาแล้วพร้อมใจกันจิ้มไปที่สังขยาในเวลาเดียวกัน จนถ้วยสังขยาแทบคว่ำ
“ฮ่า ๆ ๆ ใจเย็น ๆ ครับ...ไม่ต้องแย่งกัน”
และพอทุกคนได้ชิมขนมปังสังขยาของฮั่น ต่างก็ทำตาโตแล้วพร้อมใจกันยกนิ้วโป้งขึ้นมา ไม่เว้นแม้แต่บิดาของแกงส้มที่แม้จะไม่ค่อยชอบขี้หน้าฮั่นเต็มร้อย ยังยกนิ้วให้กับชายหนุ่ม
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าผู้ชายคนนี้ทำอาหารและขนมได้เก่งมาก!
ไม่ใช่แค่ทำเก่งนะ แต่ยังอร่อยและมีสไตล์เป็นของตัวเองด้วย...
เพราะทำอาหารเก่งแบบนี้สินะ เจ้าแกงมันถึงได้ติดหนึบขนาดนี้!
“เอ่อ...พอกินได้ใช่ครับป๊า” ฮั่นถามพลางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ที่เดิมของเขา
“อื้ม...กินได้ อร่อยเชียวแหล่ะ นี่ถ้าเกิดแม่เจ้าแกงมานะ คงได้คุยกับนายยาว รายนั้นชอบทำอาหารกับขนมมาก ไว้ว่าง ๆ จะพามาหา”
คำพูดของผู้ที่สูงวัยกว่าตรงหน้า ทำให้ฮั่นระบายยิ้มออกมา
พูดแบบนี้...เดี๋ยวผมก็คิดว่าป๊าเปิดทางให้ผมนะครับ
ฮั่นคิดในใจ ก่อนจะรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา
ปับ ๆ ๆ กำปั้นที่ทุบลงมาบนต้นขาฮั่นเบา ๆ เรียกดวงตาของชายหนุ่มให้หันไปมองเจ้าของกำปั้น
“มีอะไรครับแกง”
“พี่ยิ้มอะไรอ่ะ..”
“หือ...ยิ้มต้องมีเหตุผลด้วยหรอ”
“อ้าว ? ก็ต้องมีสิพี่ คนเราอยู่ดี ๆ จะยิ้มออกมาได้ไง” แกงส้มว่าก่อนจะต้องรู้สึกเขินเมื่อมือหนาของฮั่นเอื้อมมาหยิบกำปั้นของเขาไปกุมไว้หลวม ๆ
“บางที...การที่เราจะยิ้มมันอาจจะไม่มีเหตุผล แต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกก็ได้นะแกง” พูดแค่นั้น ฮั่นก็ปล่อยมือที่กุม ก่อนที่เขาจะก้มหน้าแล้วอมยิ้ม
แค่เพียงได้สัมผัสกันเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้หัวใจมีความสุข...เพราะจริง ๆ แล้วการที่คนเรานั้นได้เพียงแตะสัมผัสกับคนที่รู้สึกดีด้วย แม้เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้หัวใจมีความสุข...
เพราะความสุขของคนที่รักกันนั้น คือการได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ได้สัมผัสซึ่งกันและกันด้วยภาษาทางกายที่ไม่ได้หมายถึงการมี ‘อะไรเกินเลย’ กัน!
กริ๊ง กริ๊ง ~
เสียงระฆังใบเล็กที่ห้อยอยู่ที่บริเวณกิ่งต้นโพธิ์ต้นใหญ่ที่อยู่กลางลานวัดกว้าง เรียกดวงตาของคนหกคนให้เงยขึ้นไปมอง สายลมที่พัดเอื่อยแต่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ความเงียบสงบของบรรยากาศรอบตัว ทำให้คนที่เพิ่งเดินลงจากรถรู้สึกดี
“เดี๋ยวเราไปที่โบสถ์กันดีกว่าค่ะ” คิมว่าพลางเดินนำคนทั้งห้าไปยังสถานที่ที่เธอคุ้นเคย
วัดนี้อยู่ใกล้ร้านอาหารของเธอ ทุกวันพระคิมจะนำอาหารที่ร้านมาถวายเพลที่วัดประจำ เห็นเธอดูเปรี้ยวจี๊ดแบบนี้ แต่เธอก็เป็นสาวใจบุญนะ
“ตรงนั้นมีศาลาริมน้ำด้วยนี่อาคิม”
“อื้อ...มีปลาเยอะเลยนะ ใกล้ ๆ กันก็มีคอกวัวด้วย...” คิมยังพูดไม่จบประโยคดี ร่างสูงของแกงส้มก็วิ่งไปยังสถานที่ที่เธอบอกด้วยความไวแสง คิมส่ายหัวทันที
“ไอ้เด็กคนนี้...ไวเหลือเกิน เอ้า...ฮั่นนี่ก็อีกคน ติดกันเกินไปนะคู่นี้” คิมบ่น พลางส่ายหัว
“บ่นอะไรน่ะคุณคิม บ่นมาก ๆ แก่เร็วนะ”
“อ๊าย! เดี๋ยวตบปากแตกเลยยัยจ๋า อย่ามาพูดเรื่องแก่กับฉันนะ”
“แหมคุณคิม...ก็ยอมรับ ๆ มั่งเหอะว่าอายุอานามตัวเองก็มากแล้ว จะโดนเรียกว่าแก่บ้างอะไรบ้างมันก็ไม่เป็นไรหรอก” พูดจบ จ๋าก็หลบฝ่ามือที่ฟาดผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวแลบลิ้นใส่คนที่ทำหน้าเหวี่ยง
แกล้งคุณคิมแล้วสนุกดีแฮะ...ฮ่า ๆ ๆ
“ไหนบอกว่าจะสงบศึกกันชั่วคราวไง”
“ก็สงบศึกอยู่นะคะ ฮ่า ๆ ๆ”
“ยัยจ๋า!”
“ขา...”
แล้วคนที่กำลังกวนก็ถูกคนที่กำลังเหวี่ยงยกมือมาบีบคอแล้วเขย่า ๆ ๆ
“สองคนนั้นจะตีกันตายไหมหนูหมิว”
ภาพของคนสองคนที่หยอกล้อกันรุนแรง ก็ทำให้บิดาของแกงส้มต้องหันมาถามเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“ไม่ตายหรอกค่ะคุณลุง สองคนนี้เค้าตีกันแบบนี้ประจำแหล่ะค่ะ นี่เห็นสงบศึกกันไปหลายวันแล้วนะคะ สุดท้ายก็กลับมาตีกันเหมือนเดิม คงแก้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ไอ้นิสัยตีกันแล้วสุดท้ายก็มานั่ง ‘หงุงหงิง’ กันสองคนแบบนี้”
“หรอ...อืม...เห็นเจ้าแกงบอกว่าหนูกับเจ้าโน่รู้จักกันหรอ”
“เอ่อ...ค่ะ ก็รู้จักกันค่ะ”
“อืม...จะว่าอะไรไหมถ้าลุงจะถามว่าหนูเป็นอะไรกับเจ้าโน่”
คำถามของบิดาแกงส้ม ทำให้คนถูกถามรู้สึกหน่วง ๆ
คำถามที่แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่รู้คำตอบ...มันช่างทำให้รู้สึกร้าวรานในหัวใจจัง
“...”
ความเงียบที่แทนคำตอบ ทำให้คนถามไม่ถามอะไรต่อ เพราะรู้ดีว่า...ถ้าหากจะตอบ ก็คงจะตอบไปแล้ว บางครั้งเราก็ไม่ควรจะไปคาดคั้นอะไรให้มันมากความ
เรื่องบางเรื่องหากยังไม่ถึงเวลา มันก็ยังไม่สามารถที่จะให้คำตอบที่กระจ่างชัดเจนได้
“โว้วววววว ปลาตัวใหญ่มากเลยพี่ฮั่น เฮ้ยดูนั่นดิ!!! ดูไอ้ตัวนั้นมันกินดิ โคตรตะกละเลยว่ะ” แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่เขายังชี้มือชี้ไม้ไปยังฝูงปลาสวายที่กำลังแย่งกันกินขนมปังอย่างกระตือรือร้นสนุกสนาน ดวงตากลมโตที่แสดงออกถึงความอยากรู้อยากเห็นแบบเด็ก ๆ ทำให้ฮั่นอมยิ้มออกมา มือหนาข้างที่ไม่ถือขนมปังเอื้อมไปขยี้เรือนผมนุ่มเบา ๆ
“ฮื้อ...มือเลอะขนมปังเปล่าเนี่ย มาจับหัวผม จะหลอกเช็ดมือที่หัวผมใช่ไหม”
“จะบ้าหรอแกง! พี่ไม่ได้ซกมกขนาดนั้นนะ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าแต่...อยู่ดี ๆ มาขยี้หัวผมทำไมเนี่ย” ถามพลางเอื้อมมือไปหยิบขนมปังในมือคนเป็นพี่มาถือไว้เอง
“หมั่นเขี้ยว”
“อะไรของพี่...อยู่ดี ๆ ก็มาหมั่นเขี้ยวผม” แกงส้มว่าก่อนจะฉีกขนมปังโยนลงไปในแม่น้ำให้กับฝูงปลาที่อ้าปากรอ ดวงตาของคนถามหันมามองใบหน้าคมพลางส่งยิ้มแบบอยากรู้คำตอบไปให้คนถูกถาม
“ก็แกงทำหน้าเหมือนเด็กน้อย พี่เห็นแล้วก็เลยหมั่นเขี้ยวน่ะ เอาขนมปังมามั่งสิ”
“ฮื้อ...ของผมนะ ผมจ่ายตังค์เมื่อกี้ พี่จะเอาก็ไปเอาอันใหม่ดิ”
“อะไรแกง แค่ขนมปังอันเดียว หวงหรอ...” ฮั่นถามพลางยื่นมือไปคว้าขนมปังในมือบาง แต่คนที่ถืออยู่ก็ไม่ยอมปล่อย
“หวงสิ ก็ของ ๆ ผมอ่ะ”
“แต่นี่มันแค่ขนมปังนะแกง”
“ถึงจะขนมปังหรือว่าของใช้หรือแม้แต่คน...ถ้าเป็น ‘ของผม’...ผมก็หวงทั้งนั้นแหล่ะ!” แกงส้มพูดจบ เขาก็ดึงขนมปังก้อนนั้นมาไว้ในมือ โดยลืมไปว่าคนเป็นพี่นั้นคว้าขนมปังก้อนนั้นไว้แน่นเหมือนกัน แรงดึงส่งผลให้ร่างของฮั่นที่ยังไม่ทันตั้งตัวถลามาตามแรงดึงของคนเป็นน้อง
ตุบ!
ร่างหนาของฮั่นล้มมาทับตัวของแกงส้มแบบเต็ม ๆ โดยที่แกงส้มไม่ทันได้ตั้งตัว แผ่นหลังกว้างของคนเป็นน้องที่แนบสนิทกับพื้นไม้บริเวณแพ ทำให้คนที่อยู่ด้านล่างรู้ว่าเขาล้มลงมานอนแผ่หลาบนพื้นโดยมีร่างของคนเป็นพี่ล้มทับลงมา แต่ประเด็นคือว่า...
ริมฝีปากสวยของพี่ฮั่นที่มันกำลังแนบสนิทกับข้างแก้มเขานี่สิ...!
พลั่ก!
แกงส้มรีบผลักร่างคนที่อยู่ด้านบนให้ออกห่างทันที แน่นอนว่าฮั่นรีบลุกขึ้น ก่อนที่แกงส้มจะยันตัวลุกตาม แต่ยังไม่ทันจะลุกดี มือหนาของฮั่นก็คว้าข้อศอกของคนเป็นน้อง เพื่อฉุดให้ยืนอย่างมั่นคง
จากนั้นฮั่นก็ใช้มือไปตามแผ่นหลัง แขนและร่างกายเบื้องหลังของแกงส้ม
“พอแล้วพี่...เดี๋ยวผมปัดเองก็ได้”
“ขอโทษนะครับ เพราะพี่อยากแกล้งแกงก็เลยทำให้แกงต้องล้มไปแบบนั้น” ฮั่นเอ่ยขอโทษด้วยใบหน้าที่สำนึกผิด ทำเอาคนที่ตอนแรกจะแกล้งทำเป็นโกรธ ถึงกับโกรธไม่ลง
ก็คนหน้าหมีมาทำหน้าเป็นหมาหงอยน่าสงสารขนาดนี้...ใครโกรธลงก็บ้าแล้ว!
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง”
“ถ้างั้น...เดี๋ยวเราไปให้อาหารวัวตรงนั้นดีกว่า”
“ครับ...” รับคำเสร็จ แกงส้มก็โยนขนมปังในมือลงไปให้ปลาที่อยู่ในแม่น้ำ ก่อนที่เขาจะเดินตามคนเป็นพี่ไปยังทางที่ทอดยาวไปคอกวัว
“ว้าว!!!!! น้องวัวน่ารักจัง” ทันทีที่เห็นวัวสีขาวที่ยืนเคี้ยวหญ้าอยู่ในคอก แกงส้มก็อุทานออกมาอย่างกระตือรือร้น (อีกครั้ง)
“รู้สึกเราจะตื่นเต้นกับทุกสิ่งจริง ๆ นะ”
“เอ้า...ก็ผมชอบนี่นา”
“แหม่...พ่อคนรักสัตว์ ช่างเป็นคนที่อ่อนโยนเสียจริง” ฮั่นแกล้งแขวะคนที่กำลังใช้มือลูบหัววัว
“ก็ผมเป็นคนหล่อนิสัยดี ก็ต้องรักสัตว์แล้วก็อ่อนโยนสิครับ” แกงส้มตอบก่อนจะแลบลิ้นออกมานิด ๆ เป็นเชิงกวนเล็ก ๆ
น่ารักโคตร!
คำนี้ลอยเข้ามาในหัวของคนมองทันที...
“คร้าบบบบบบ พ่อคนหล่อนิสัยดี หลงตัวเองชะมัด” ฮั่นว่าก่อนที่เขาจะโดนมือบางฟาดมาเต็ม ๆ ที่ต้นแขน คนโดนตีหัวเราะออกมา ก่อนที่เขาจะหยิบต้นหญ้าที่อยู่ตรงหน้ามาฟาดใส่ต้นแขนแกงส้มบ้าง
“ฮึ่ย! ไม่เอาพี่ฮั่นมันคันนะ”
“หรอ...” ฮั่นพูดแค่นั้น เขาก็ตีอีกไม่หยุด แกงส้มเมื่อโดนตีหลายทีเข้าก็เริ่มจะโมโห ชายหนุ่มคว้าต้นหญ้าที่อยู่ตรงหน้าฟาดไปที่แขนคนเป็นพี่บ้าง
คนสองคนผลัดกันฟาดจนท่อนแขนเป็นรอยแดงและรู้สึกคันยุบยิบ นั่น...จึงทำให้คนทั้งคู่เลิกเล่นอะไรแผลง ๆ แบบนี้ สายลมอ่อน ๆ ที่หอบเอาความเย็นเข้ามาทำให้ฮั่นและแกงส้มรู้สึกสดชื่น กลิ่นของหญ้าผสมกับกลิ่นของฟางแห้ง ทำให้คนทั้งคู่ต้องหันมายิ้มให้กัน
“ยิ้มอะไรแกง”
“แล้วพี่ล่ะครับยิ้มอะไร”
“ยิ้ม...เพราะพี่รู้สึกมีความสุข...”
“ความสุขจาก...”
“จากแกงไง” คำตอบของฮั่นทำให้คนถามถึงกับหลบสายตาคมที่มองสบมา
ร่างสูงของฮั่นขยับเดินเข้าไปใกล้ร่างสูง(ที่เตี้ยกว่าเขานิดหน่อย) จนห่างกันแค่เพียงหนึ่งข้อศอก มือหนาเชยคางคนที่ก้มหน้าให้เงยขึ้นเพื่อสบตากับเขา
“ถ้าพี่ไม่ได้เจอแกงวันนั้น...พี่ก็ไม่รู้ว่าวันนี้เราจะได้มาอยู่ตรงนี้ไหม แต่พี่ดีใจที่พี่ได้มารู้จักกับแกง ดีใจ...ที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้กับแกง และดีใจที่ได้เป็น ‘แฟน’ กับแกงครับ...” พูดจบฮั่นก็ปล่อยมือที่จับคางออก ก่อนจะหยิบมือบางที่หล่นอยู่ข้างตัวแกงส้มให้มาอยู่อุ้งมือเขา
ความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วฝ่ามือซึมไปทั่วกระแสเส้นเลือด ก่อนจะเดินทางไปจนถึงแก้มของคนหน้าหวาน ที่ซึ่งบัดนี้กลายเป็นคนหน้าแดงไปเรียบร้อยแล้ว
“ซุปข้าวโพดเมื่อเช้าพี่ใส่อะไรผิดไปหรือเปล่า หรือว่ากินขนมปังสังขยามากไป พี่ถึงได้หวานขนาดนี้ ผมจะอ้วกแล้ว พอ ๆ ๆ” ปากก็บอกให้พอ แต่อาการที่เขินจนเก็บมือไม้ไม่ถูกของคนพูด ก็ทำให้ฮั่นหัวเราะออกมา ก่อนที่เขาจะมือไปโยกศีรษะทุยเบา ๆ
“ให้พอแล้วเขินทำไมอ่ะ”
“ฮื้อ...พี่นี่ก็...จะมาแซวผมทำไมเนี่ย”
“ก็เวลาพี่แซวแกงแล้วแกงเขิน...มันน่ารักดีนี่ครับ” พูดแค่นั้น ฮั่นก็อมยิ้มกรุ้มกริ่ม
“บ้า!” แกงส้มด่าแค่นั้น เขาก็เดินหนีคนเป็นพี่ไปอีกทางหนึ่ง
“อ้าวแกงจะรีบไปไหน เรายังไม่ได้ให้อาหารวัวเลยนะ”
“ไม่ให้แล้ว...ไม่มีอารมณ์!!!”
“ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ” แล้วคำตอบของคนที่ค่อย ๆ เดินไกลออกไปก็ทำให้คนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
แกงส้มเอ๊ย...เด็กน้อยจริง ๆ
“ไปไหนกันมาล่ะสองคนนี้”
“ไปให้อาหารปลากับน้องวัวมาครับป๊า” แกงส้มตอบผู้เป็นบิดา ก่อนที่สายตาของเขาจะมองเลยบ่าของผู้เป็นพ่อไปเห็นบุคคลที่แสนคุ้นตาและคุ้นเคย
“พี่ป๊อก!!!!!!” แกงส้มตะโกนเรียกชื่อคนที่เดินคุยอยู่กับผู้ชายร่างสูงในชุดนักศึกษาเสียงดัง จนคนที่โดนเรียกชื่อต้องหันมามองตามเสียงเรียก ป๊อกโบกมือกลับมาให้คนเรียก ก่อนที่เธอจะเดินมาหาแกงส้ม
“อ้าวเจ้าแกงมาทำบุญกับเค้าด้วยหรอ เฮ้ย! นี่คุณ...” ป๊อกเอ่ยทักแกงส้มก่อนที่เธอจะเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แกงส้ม แต่ก่อนที่เธอจะทันเรียกชื่อของเขา สายตาคมที่มองสบมาก็ทำให้ป๊อกงับปากตัวเองลงไปพลางกลืนชื่อของคน ๆ นั้นลงคอ
“พี่ป๊อก...นี่ป๊าผมเองครับ ป๊า...นี้พี่ป๊อก...เจ้าของร้านหนังสือที่ผมเคยเล่าให้ป๊าฟัง”
แกงส้มเอ่ยแนะนำคนสองคนให้รู้จักกัน ก่อนที่เขาจะนึกขำในใจเมื่อเห็นอากัปกิริยาของป๊อก คงคิดว่าเขากับพี่ฮั่นยังไม่รู้จักกันและกันล่ะสิ...
แต่ขอโทษเถอะครับ...รู้จักกันดีแล้วเหอะ ฮ่ะ ๆ ๆ
จากนั้นคนที่โดนแนะนำให้รู้จักกันก็ยกมือทักทายกัน จากนั้นป๊อกก็เสสายตาไปมองยังคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แกงส้ม สองคนนี้เจอกันได้ยังไง...แล้วทำไมถึงได้มาอยู่กันเป็นเหมือนครอบครัวแบบนี้!?!
“ว่าแต่พี่ป๊อกเหอะ...พาใครมาด้วยเนี่ย”
“อ๋อ...นี่คุณตฤณ เพื่อนพี่เอง”
“แค่เพื่อนหรอครับ ?”
คำถามของแกงส้มเรียกรอยแดงให้ปรากฏชัดบนใบหน้าของคนถูกถาม
“เออน่ะ แกจะถามเซ้าซี้ทำไมเนี่ย ว่าแต่แกเหอะ...คนข้าง ๆ นี่ใคร ?” แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าคนที่ยืนข้าง ๆ แกงส้มคือใคร แต่ป๊อกก็ทำเป็นเนียนถามไป
อยากจะรู้นักว่าแกงส้มมันจะแนะนำคุณหมีว่าชื่ออะไร...
“อ่อ...นี่พี่ฮั่นฮะ ‘แฟนผม’” จบคำพูดแนะนำ ป๊อกถึงกับตาโตจนแทบจะถลนออกมาทันที
ฟะ ฟะ แฟน!!!!!
แกงส้ม...ชัดเจนว่ะ!!!!
ไปตกลงเป็นแฟนกันแล้วนี่เอง มิน่าล่ะ...ถึงได้ไม่ยอมมาส่งจดหมายถึงกันผ่านเธอ...แต่มันเป็นแฟนกันไวไปไหมเนี่ย...เพิ่งจะรู้จักกันเองนะ
แต่...ความรักบางครั้งก็ไม่ต้องการเวลา เพราะบางทีเราก็ไม่รู้แน่ว่า...ความรักที่เราต้องการจะมาเมื่อไหร่ หรือจะคงอยู่นานแค่ไหน แค่เมื่อความรักนั้นมาถึง เราก็ควรโอบประคองความรักนั้นไว้ให้คงอยู่กับเราให้นานที่สุด อาจไม่จำเป็นต้องนานชั่วนิรันดร์ แต่แค่อยู่ด้วยกันในทุก ๆ วันที่หายใจก็พอ...
“แล้วนี่พี่จะกลับเลยหรือเปล่าครับ จะได้ไปด้วยกัน”
“อ๋อยัง ๆ ๆ พี่ว่าจะไปหาอะไรทานกันต่อน่ะ ไปด้วยกันไหมล่ะ ?”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพวกผมต้องไปทำงานต่อ”
“อ่อ...ถ้างั้นก็...ไว้เจอกันนะ”
“ครับ ๆ”
แล้วป๊อกก็หมุนตัวเดินออกไปจากบริเวณนี้โดยมีชายหนุ่มร่างสูงหน้าคมที่มาด้วยเดินตาม แกงส้มมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่หนึ่งในความรู้สึกเหล่านั้นคือ...เขาดีใจที่พี่ที่เขานับถือเหมือนพี่สาวได้มีแฟนกับเขาสักที
ลงจากคานก็งานนี้แหล่ะพี่ป๊อกเอ๊ย...!!!
แกงส้มรู้จักกับคุณป๊อก...
ชัดเจน!
“กลับกันหรือยังครับ” ฮั่นเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าแต่ละคนยืนเงียบมาหลายนาที
“เดี๋ยวรอป้าจ๋ากับพี่คิมก่อนค่ะพี่ฮั่น โอ๊ะ! มานู่นแล้ว งั้นเรากลับกันเลยค่ะ” พูดจบ หมิวก็เดินนำทุกคนไปที่รถ
เอิ่ม...หมิวรีบไปนะบางที...
แต่เมื่อเดินมาถึงรถ ก็มีผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดลิเก กำลังเดินรำอยู่รอบรถของฮั่น
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไอ้ฮั่น...ไปจัดการเลย”
“อะไรวะไอ้จ๋า แกอ่ะแหล่ะท่าทางจะคุยกับเค้ารู้เรื่องสุด”
“อ๊ายยยยยย ไอ้เพื่อนบ้า! ไม่เอาเว้ย แกนั่นแหล่ะ ไปเลย ๆ ๆ”
“ปอดหรอพี่ฮั่น...”
“นั่นสิคะ...หรือว่าพี่ฮั่นไม่กล้า”
“งี้แหล่ะนะ...ผู้ชายที่ใหญ่แค่ตัว แต่ใจเล็กเป็นปลาซิว”
ทุกสรรพเสียงที่พูดกรอกหู ทำให้ฮั่นถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดหู พลางส่ายหน้าไปมา ก่อนที่เขาจะหยุดสายตาไว้ที่คิม
“ไม่ต้องมองคิมฮั่นนี่ที่รัก...เค้าว่าตัวแหล่ะเหมาะสมที่สุด ไม่งั้นเราไม่ได้กลับบ้านแน่ ๆ" พอฟังคิมพูดจบ ฮั่นก็ต้องยกมือขึ้นมาตบอก ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจเข้าปากลึกมาก พลางสาวเท้าเดินไปหาคนบ้าที่ยืนรำอยู่
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ช่วยเขยิบหน่อยได้ไหมฮะ คือผมจะเอารถผมออกน่ะครับ เฮ้ย!” ฮั่นร้องเสียงหลงออกมา เมื่อคนบ้าในชุดลิเกวาดดาบมาเกือบเฉี่ยวโดนแก้มเขา
“ชิชะเจ้าโจรใจทราม...คิดจะมาเหยียดหยามข้ารึ!!!”
“ฮะ ฮ่ะ เฮ้ย !!! ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ผมมาดี”
“ข้าไม่เชื่อ ชะเอิง เงิงเงย~”
“ง่ะ...แล้วทำไมยังไงคุณถึงจะยอมเชื่อผมล่ะครับ” ฮั่นถามเพื่อเป็นการต่อรอง
เขารู้สึกตลกตัวเองเล็ก ๆ
รู้ถึงไหนอายถึงนั่น...ยืนคุยกับคนบ้าก็ได้เว้ยเรา!
“เจ้ามีเมียไหม ?”
“เอ่อ...ไม่มีครับ”
“แล้วแฟนล่ะ ?”
“เอ่อ...มีครับ”
“ขอเจอหน่อย...” คำขอของคนบ้าถูกตอบสนองโดยคนร่างสูง เพราะฮั่นเดินหันหลังกลับไปคว้าแขนแกงส้ม (ที่มีฐานะเป็นแฟนเขา) แกงส้มพยายามขืนตัวไว้ แต่สุดท้ายเขาก็มายืนอยู่หน้าคนบ้าจนได้!
“คนนี้แหล่ะครับ แฟนผม”
“โอ้...หน้าตาน่าเอ็นดูเชียว...ดวงตาหวานที่ของผู้นี้พาชีวีให้หวาดหวั่น ตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝันจนยากจะถอนตัวและหัวใจ” คำพูดที่มาเป็นบทเป็นกลอน ทำให้ฮั่นอมยิ้มออกมา
“ผมพาแฟนมาเจอแล้ว งั้นคุณช่วยหลีกทางให้ผมได้ไหมครับ...”
“ไม่ได้! ถ้าเจ้าเป็นแฟนกันจริง ๆ ไหนกอดกันให้ดูหน่อย”
ฮั่นรีบตะครุบกอดแกงส้มทันที...
ก็เขาอยากได้รถคืนเร็ว ๆ (เอาความจริงสิ...ตอนนี้ผมอยากกอดแกงส้มครับ!)
“อืม...หอมแก้มด้วย” คำขอของคนตรงหน้าทำให้คนที่กอดกันอยู่ต้องเงยหน้ามามองกัน ก่อนจะหันหน้าหนีกันไปคนละทาง
“อะไร ๆ ๆ ๆ ไม่หอมแก้มก็แสดงว่าไม่ใช่แฟนกันสิ...เจ้าหลอกข้า...ตาย!!!!!!!!”
“หยุดก่อนคร้าบบบบบบบบ!!!!” ฮั่นรีบตะโกนสวนขึ้นมา
“ดูให้ดี ๆ นะครับ...”
ฮั่นพูดแค่นั้น เขาก็ก้มใบหน้าลงไปนิดหน่อย แล้วฝังปลายจมูกโด่งลงไปที่แก้มของแกงส้มแบบเต็ม ๆ สตรีม...จนแก้มของแกงส้มยุบลงไป ริมฝีปากสวยที่วางแตะบนแก้มขาวก็ทำให้เจ้าของแก้มถึงกับรู้สึกว่า...หัวใจของเขาเต้นแรงมาจนมันเหมือนจะเสียการควบคุม
“เย้ ๆ ๆ ๆ ดีใจ ๆ ๆ ๆ คนรักกัน...คนรักกัน~~” ดีใจกระโดดโลดเต้นเสร็จ คนบ้าคนนั้นก็โบกมือบ๊ายบายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า จากนั้นฮั่นก็รีบถอนใบหน้าออก แล้วเขยิบกายออกห่างจากแกงส้มทันที
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วพี่ฮั่น...เรารีบขึ้นรถแล้วไปทำงานต่อกันเถอะ...” แกงส้มพูดแค่นั้น ก่อนที่เขาจะส่งเสียงเร่งให้ฮั่นปลดล็อกประตู
ที่เขารีบก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะ...เขาไม่อยากยืนอยู่ตรงหน้าฮั่นนาน ๆ
มันเขิน!!!!!!!!!
‘หอมแก้ม’....///
ส่วนคนที่ยืนอยู่วงนอกถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปาก โดยเฉพาะบิดาแกงส้ม ท่านนึกอยากจะต่อว่าฮั่น แต่เขาก็ไม่สามารถต่อว่าได้ เพราะจริง ๆ แล้วฮั่นโดนบังคับให้ทำ...
แต่หน้าไอ้คนโดนบังคับมันดูเริงร่าไปนะ!!!
ถึง พี่หมีฮั่น (เรียกแบบนี้แล้วกันเนอะ) ^^
โอ๊ยยยยยยยยยยยย ซุปข้าวโพดเมื่อเช้าอร่อยมาก!!! ขนมปังสังขยาอีก...พี่นี่มันขั้นเทพเรื่องทำอาหารจริง ๆ นะ ข้าน้อยขอคารวะท่านอาจารย์ (- -)(_ _)(- -)(_ _) ฮ่า ๆ ๆ ๆ
วันนี้ได้ไปทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกับพี่มาด้วย...ชาติหน้าเราคงเกิดมาได้เจอกันอีกแล้วสินะ
อยากเจอเค้าอีกไหมอ่ะ...?
ไม่ต้องตอบเค้าก็ได้...ตัวแค่ตอบใจตัวเองก็พอ วิ๊ดปิ้ว~~!
วันนี้ผมโดนหอมแก้มไปตั้งสองครั้งติด ๆ แน่ะ!!!
ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เพราะการโดนหอมแก้มทั้งสองครั้ง...มันเกิดโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวทั้งสองครั้งเลย ครั้งแรกน่ะเราสองคนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น เพราะมันเป็นอุบัติเหตุ แต่ครั้งที่สอง...มันเอ่อ...เหมือนจะไม่ใช่ความตั้งใจ แต่ผมก็รู้ว่าพี่ตั้งใจใช่ไหมล่ะ...ตลอดแหล่ะพี่อ่ะ...หาเรื่องเนียนลวนลามผมตลอด ชิ ๆ
แต่อยากจะบอกว่า...ไม่ว่าจะเป็นการโดนหอมแก้มด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่มันก็ทำให้ผมเขินได้ทั้งนั้น...ให้ตายเหอะ! เขินโว้ย!!!!!
โอ๊ย...พี่รู้ไหมว่าผมเริ่มจะนึกไม่ออกแล้วนะว่าจะเขียนอะไรหาพี่ดี...
ก็เราเจอกันทุกวันอ่ะ...
แต่พี่ครับ...ผมเองก็ดีใจที่ผมได้มารู้จักกับพี่ ดีใจ...ที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้กับพี่ และดีใจที่ได้เป็น ‘แฟน’ กับพี่ครับ...
(รู้นะ...ว่าเมื่อพี่อ่านถึงตอนนี้ พี่จะยิ้ม ยิ้ม และยิ้ม) ฮ่า ๆ ๆ
ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน...ขอแค่เรายังมีใจให้กันอยู่แบบนี้...ผมจะไม่หวั่นเกรงต่ออะไร ใด ๆ ทั้งสิ้น
จับมือแล้วก้าวไปด้วยกันนะพี่ฮั่น...^^
วันนี้พอแค่นี้นะ...ขี้เกียจและ ฮ่า ๆ ๆ (จริง ๆ คือจะไปนอนแล้วพี่...ง่วง ๆ)
อยากหยุดเวลาไว้...แล้วอยู่ตรงนี้เพียง ‘เราสองคน’ จังครับ...
จาก แกงส้มของพี่ ><
ปล. คันแขนเลยพี่ฮั่น เล่นบ้าอะไรก็ไม่รู้...(ได้ข่าวว่าผมเล่นก่อน) ฮ่า ๆ ๆ ๆ หายามาทาให้เค้าด้วยนะ!
ประโยคสุดท้ายแกงส้มพิมพ์ไว้ในไอโฟน ก่อนที่เขาจะกดส่งไปหาคนที่อีกคนที่อยู่คอนโดเดียวกัน ห้องตรงข้าม...
ไม่ถึงสองนาที...ข้อความก็ถูกโต้กลับมา
‘เดี๋ยวจะเอายาไปให้พรุ่งนี้แต่เช้านะครับ...นอนหลับฝันดีนะแกงส้มของพี่’
เมื่ออ่านจบ แกงส้มก็ระบายยิ้มหวานออกมาเต็มดวงหน้าใส
ก็น่ารักแบบนี้ไง...เขาเลยไปไหนไม่รอดสักที...
ถึง น้องแกงส้มของพี่
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ดีใจ ๆ ๆ ๆ ที่ป๊าของเราชอบอาหารที่พี่ทำ ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันเป็นอะไรที่แบบว่าดีใจอ่ะ...แบบนี้พี่ก็ผ่านด่านทดสอบแล้วใช่ไหม ?
เอ่อ...ไม่อยากจะบอกว่า...แก้มคนแถวนี้หอมมาก นุ่มมาก น่าหอมอีกมาก...ฮ่าๆ ๆ ๆ
พูดแล้วก็เขินอ่ะ...อะไรมันจะขนาดนี้ก็ไม่รู้นะ
เชื่อเขาเลยว่าพี่จะเป็นได้ขนาดนี้ คงเพราะเป็นแกงสินะ พี่ถึงได้เป็นได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่น พี่คงจะไม่อินแล้วก็ไม่รู้สึกดีแบบนี้....
เค้าเขินตัวมากเลยรู้ไหม...เขิ๊นเขิน ///
ตอนที่เขียนจดหมายอยู่นี้...ก็เขินอยู่นะ >///<
บ้าไปแล้วไอ้ฮั่น!!!
เพราะแกงนั่นแหล่ะที่ทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้...แต่พี่ก็ยอมที่จะเป็นแบบนี้นะครับ!!~
วันนี้ดีใจมากที่ได้ไปทำบุญกับแกง ป๊าและทุก ๆ คน มีความสุขจัง ~
ไม่รู้ว่าแกงรู้สึกเหมือนพี่ไหม...แต่พี่มีความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจมากถึงมากที่สุด ที่เราได้ใกล้ชิดและสัมผัสกัน มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...แต่รู้ว่ามันทำให้ ‘รู้สึกดี’...
ขอบคุณนะแกงที่เกิดมาบนโลกใบนี้...
ขอบคุณ...
จดหมายฉบับนี้อาจสั้นไป โปรดเข้าใจ...คนเขียนกำลังมือสั่นเพราะหัวใจกำลังสั่นยิ่งกว่ามือ...
จากพี่หมีฮั่น (ของน้องแกง)
ปล. เมื่อความรักเดินทางมาถึงเราสองคนแล้ว...ดูแลความรักนี้ของเราให้ดีที่สุดนะครับ...ใกล้ถึงวันที่พี่จะพร้อมบอกความในใจแล้วนะ ^^
ยิ้มจนแก้มแทบแตกกับความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ คือสองสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเขียนจดหมายเสร็จ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้...แต่มันคือความรู้สึกและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวใจเขาจริง ๆ
ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร...เขาไม่กล้าคิดต่อ...
แต่วันนี้เขารู้สึกดีกับการได้สัมผัสกันพียงน้อยนิดของเราสองคน....
พูดแล้วก็เขินแฮะ...เขาหอมแก้มน้อง...หอมแก้มน้อง...!!!
“พอ ๆ ไอ้ฮั่นเลิกฟุ้งซ่านแล้วไปนอนได้แล้ว!” ว่าตัวเองเสร็จ ฮั่นก็หยิบจดหมายฉบับนั้นมาถือไว้แนบอก ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนบนที่นอนกว้าง
วันไหนนะ...ที่เตียงนอนนี้ของเขาจะมีใครสักคนมานอนข้าง ๆ...
แล้วใครสักคนนั้นขอเป็นคนที่อยู่ห้องตรงข้ามอย่างแกงส้มได้ไหมครับ...?
อย่าเอาหัวใจของเราไปผูกติดกับปลายเท้าใคร เพราะเมื่อใดที่เขาไม่ใส่ใจ เรานี่แหล่ะจะเป็นคนที่เจ็บ...ความรักดี ๆ อาจมีอีกมากมาย แต่ความรักจากคน ๆ นี้อาจมีแค่คนเดียวในโลก...
//กลับมาแล้ววววววววว คิดถึงเค้าไหมคนดี >< เอ่อ...เขามีเรื่องจะสารภาพกับคนอ่านทุกคนนะคะว่า...จริง ๆ เรื่องนี้มันก็ควรจะได้อัพตั้งแต่เมื่อวาน แต่พอดีเค้าเจอเรื่องนอยด์ ๆ มานิดหน่อย เลยทำให้เสียเซล์ฟและจิตตกจนอยากจะเลิกเขียนฟิคไปเลย...อาจจะเพราะว่า...เค้าเองเวลาเขียนฟิคแต่ละเรื่อง เค้าจะต้องมีอารมณ์ร่วมไปกับทุกตัวอักษรทุกความรู้สึกของตัวละคร ฉะนั้น...หากเมื่อใดที่เขารู้สึกไม่อิน เค้าก็จะไม่เขียน...(^^)
แต่พอมาวันนี้...มานั่งอ่านเม้นของแต่ละคนแล้วแบบ...ซึ้งอ่ะ!
คือทุกคนยังติดตามอ่านกันอยู่ทั้งฟิคยาวฟิคสั้น...มันก็เลยทำให้เขาตัดสินใจว่าจะไม่เลิกเขียนฟิค แม้ว่าบางวันจะเจอเรื่องนอยด์มาแค่ไหน แต่เค้าก็จะไม่ทำให้คนอ่านต้องมานอยด์ตามเค้า เค้าอยากจะให้คนอ่านได้นั่งอมยิ้ม ยิ้ม และมีความสุขไปกับเรื่องที่เค้าเขียน #ขอให้ความฟินจงสถิตอยู่กับเรา...!
ฟิคตอนนี้หากแปลก ๆ แปร่ง ๆ ไปก็ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะ...ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ
รักทุกคนค่ะ (^^~) (ต้องขออภัยสำหรับคำผิดนะคะ)
ความคิดเห็น