ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:KNB] Ice cream [Kikuro]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 :โกลเด้นและความเชื่อสามครั้ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 638
      5
      18 มิ.ย. 58


    chapter one



     

    “ รายการ my idol คืนพรุ่งนี้ พบกับแขกรับเชิญสุดพิเศษ นายแบบหนุ่มผู้มาแรงจนฉุดไม่อยู่ คิเสะ เรียวตะ’  พร้อมกับบทสัมภาษณ์ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน คุณพร้อมที่ล่วงความลับของเขากันรึยังคะ ? พบกันใน รายการ my idol คืนพรุ่งนี้ 4 ทุ่มเป็นต้นไปค่ะ ”

      เสียงโปรโมทรายการที่กำลังเป็นที่นิยมกันมากในช่วงนี้ ดังจากศูนย์เครื่องใช้ไฟฟ้าทางด้านสินค้าจำพวกโทรทัศน์ หลากหลายขนาดและยี่ห้อ สิ่งที่กั้นระหว่างผู้คนที่สัญจรไปมากับสิ่งเหล่านี้มีเพียงแค่กระจกขนาดใหญ่เท่านั้น  จากที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ ตอนนี้ถูกลุ้มรอบไปด้วยสาวๆ ตั้งแต่วัยประถมจนถึงกลางคน กรูเข้ามาให้ความสนใจอย่างมาก เป็นเครื่องการันตี ถึงความฮอตของนายแบบคนนี้

       ... แต่ในเมื่อมีคนที่สนใจ ก็ต้องมีคนที่ไม่รู้สึกอะไรอยู่บ้างล่ะ  กลุ่มเด็กสามคนที่เดินผ่านจากม็อบผู้คลั่งไคล้คิเสะ เรียวตะ  ด้วยท่าทีที่ปกติแถมแทบจะไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ในจอนั้นเลย บทสนทนาที่มีเพียงพวกเขาที่เข้าใจเท่านั้น

    “ชู้ตติ้งการ์ดเบอร์ 5 ของรัฐแคนซัส เนี่ยมีทักษะมากเลยนะ อา...เซ็งจริงๆเลย”

    เด็กสาวผมสีชมพูพูดอย่างเบื่อหน่ายถอนหายใจทิ้งหน้าสะสวยนั้นเริ่มนิ่วหน้าคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มผิวแทนมองเธอพลางหัวเราะเยาะเย้ยเธอ “ไดจัง..แค่ชนะครั้งเดียวอย่าเพิ่งได้ใจไปหน่อยเลย” เธอสะบัดหน้าหนีอย่างหัวเสีย

    “อะไรกันซัทสึกิ..แพ้แล้วพาลสิ แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้ดีใจเลยนะ ไม่ได้ดีใจเลย ฮ่าๆ” อาโอมิเนะ ไดกิ พูดหยอกเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่ว่าฟังยังไงก็เป็นการกวนประสาทเธอชัดๆโดยเฉพาะท่อนไม่ได้ดีใจที่ทำเสียงสูงใส่ ไหนจะเสียงหัวเราะที่ตัวเจ้านั้นแสนจะพอใจนั้นอีก โมโมอิ ซัทสึกิยิ่งทำท่าทีที่เหมือนจะงอนใส่อีก กับการเยาะเย้ยของอีกคน แทนที่อาโอมิเนะ จะเป็นคนปลอบใจเธอและขอโทษนั้นกลับไม่ใช่เขา แต่เป็นเด็กหนุ่มร่างบางผมสีฟ้าตัวเล็กข้างๆอาโอมิเนะต่างหาก คุโรโกะ เท็ตสึยะ

    เขาสะเง้อไปด้านหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปทางโมโมอิ

    “อย่าโกรธอาโอมิเนะคุงเลยนะครับคุณโมโมอิ คุณก็น่าจะรู้ๆอยู่ว่านิสัยเขาเป็นคนยังไง” คำพูดของเขาแทบทำให้โมโมอิหลุดขำและคนที่กั้นระหว่างเขาทั้งสองอย่างอาโอมิเนะ ถึงกับร้อนตัว

    “หมายความว่าไงน่ะเท็ตสึ! อะไรนิสัยที่รู้ๆกันอยู่ ส่วนเธอหยุดหัวเราะเลยนะซัทสึกิ ไม่ว่ายังไงเธอกับหมอนั้นก็ต้องเลี้ยงคาเฟ่ฉันกับเท็ตสึอยู่แล้ว ยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ และจ่ายเงินทั้งหมดที่มีด้วยความเต็มใจซะ !

    “รู้แล้วน่า!” ....ให้ตายสิตั้งใจจะเก็บเงินซื้อของให้เท็ตสึคุงแท้ๆเลย ไดจังนะไดจัง

    “งั้นคุณโมโมอิ ผมจะออกช่วยแล้วกันนะครับ” น-นางฟ้ามาโปรด!....โมโมอิแทบกรี๊ดออกมาแต่ต้องกลั้นเอาไว้เพราะความเท่ของคุโรโกะที่เธอชอบมากจนสุดหัวใจไม่ว่าจะเป็นอิริยาบถใดๆก็ตามเธอละอยากจะกระโจนพุ่งเข้ากอดอีกคน ถ้าไม่ติดว่าดันมีตัวมารมาขวางอยู่นี่แหละนะ

     ทั้งสามเดินไปยังร้านคาเฟ่ใจกลางเมืองในร้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจสีอ่อน และของเครื่องใช้ส่วนมากก็คงเป็นสไตล์แบบตัวร้าน พวกเขาเดินไปนั่งตรงมุมที่คิดว่าเป็นการส่วนตัวสำหรับพวกเขาที่สุด และสิ่งที่พวกเขาหมายตาเอาไว้คือ

    -ของหวานไซส์จัมโบ้ ที่ใครๆต่างก็อยากมาพิชิต  ฟาเฟ่ต์ รวมมิตร ที่รวมขนมหวาน ทั้งบราวนี่ ขนมปังอบน้ำผึ้ง วาฟเฟิล แผ่นเครป ไอศกรีมอีกแปดลูก ตั้งแต่ รส สตอเบอรี่  วนิลา ช็อกโกแลต  ช็อกชิพ ชาเขียว ส้ม และอีกสองลูกที่ท่านสามารถเลือกเองได้  ซีเรียลคุณภาพดีที่คัดสรรมาแล้ว วิปครีมสูตรพิเศษที่ใส่แบบไม่กลัวร้านเจ๊ง และนานาผลไม้ต่างๆ มาเป็นกองทัพ ความสูง 50 เซนติเมตร ทั้งหมดนี้ในราคา 8000 เยน เท่านั้น  แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าคุณกินหมดภายใน 1 ชั่วโมง ไม่ต้องจ่ายเงิน เดินกลับบ้านแบบผู้มีชัยได้เลย !!!

    .......โฆษณามันจะดูตื่นเต้นไปรึเปล่านะ   อาโอมิเนะอ่านป้ายที่ติดอยู่กำแพงร้านที่เป็นโปรโมชั่นกิจกรรมในช่วงนี้อย่างมึนๆ พลางสงสัยว่าไอ้พวกที่กินได้ทันเวลาพอดีนี้.. กระเพาะทำมากหลุมดำในอวกาศสินะ

    “รอให้หมอนั่นมาถึงก่อนแล้วกัน คอยสั่งมา” อาโอมิเนะหยิบpspในกระเป๋าออกมาและกดเข้าปุ่มเกมอย่างชำนาญ เขายืดแขนออกไปกลางโต๊ะ นั่งในท่าที่ถนัดเพื่อที่จะให้อีกสองคนที่นั่งคนละฝังกับเขาได้เห็นภาพจอนี้ด้วย

    ..อ๊ะ แย่ละสิ

    คุโรโกะที่เพิ่งนึกได้ว่าลืมซื้อของตามคำขอ ก็ลุกขึ้นทันทีทำเอาทั้งโมโมอิและอาโอมิเนะสะดุ้ง และหันมามองเขาด้วยความสงสัย ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

    “คือ ผมลืมซื้อจัมป์ให้รุ่นพี่นะครับ ขอตัวไปร้านสะดวกซื้อแถวนี้สักครู่นะครับ”

    “ให้ฉันไปเป็นเพื่อนมั้ย ? ” อาโอมิเนะที่กดพอสเกมไว้ เตรียมที่จะไปกับอีกคน

    “ไม่เป็นไรครับ ร้านใกล้แค่นี้เอง”

    “งั้นก็ได้...ฉันฝากนายไปเร่งเจ้ามือด้วยนะ”

    “ได้ครับ”

     

    คุโรโกะรับของและเงินทอนจากพนักงานร้านสะดวกซื้อ เขาหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาคนที่อาโอมิเนะบอกทันทีที่เดินออกจากร้าน โดยที่ไม่ได้มองทางเดินแต่อย่างใด

    = หัวข้อ ถึงไหนแล้วครับ?

              ตอนนี้รุ่นพี่นิจิมุระ ถึงไหนแล้วหรอครับ ? อาโอมิเนะคุงรอให้รุ่นพี่มาเลี้ยงอยู่นะครับ

    *กดส่ง*

    พลั่ก ! ตุ้บ !

    เพราะมัวแต่เดินพิมพ์ข้อความทำให้เกิดเรื่องแย่ๆอย่างการที่ต้องล้มไปกองอยู่กับพื้นนั้นแหละ คุโรโกะเงยหน้ามองชายที่เพิ่งวิ่งชนกับเขาไปเมื่อกี่วินาทีที่ผ่านมา ชายร่างสูงโปร่ง รูปร่างดี ผมสีดำ ตัดกับผิวขาวๆของเขา และนัยน์ตาสีเหลืองที่สะท้อนกับแสงแดดที่ดูน่าหลงใหลเมื่อมองผ่านแว่นกันแดดที่ฟิล์มไม่ค่อยหนาเท่าไหร่

    !!!

    ขณะที่คุโรโกะกำลังเหม่อมองชายคนนี้อยู่ เขาก็หลุดออกจากภวังค์ทันที เมื่อแขนของเขาถูกดึงให้ลุกขึ้น ก็ลากเขาเข้ามาที่ซอยแคบๆไม่เป็นที่สังเกตของผู้คน ..นี่มันเรื่องอะไรกัน !

    เขามองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย และเหมือนอีกคนจะรู้สึกตัวได้ถึงสายตานี่จึงหันกลับมาและบอกให้คุโรโกะเงียบไว้ก่อน ไม่นานนักเสียงเอะอะก็ดังขึ้น พร้อมด้วยคนอีกจำนวนหนึ่งที่วิ่งกันให้จ้าละหวั่น พร้อมด้วยกล้องในมือคนละตัว ..นี่เขาหนีคนพวกนี้หรอกหรอเนี่ย

    “เมื่อกี้ยังเห็นวิ่งมาอยู่ตรงนี้อยู่เลยนี่ ! หายไปแล้ว” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นอย่างหัวเสีย ก่อนจะมีอีกเสียงที่เรียกความสนใจพวกเธอวิ่งมาทางที่พวกคุโรโกะอยู่

    ซวยแน่ !  

    “กอดผมที !

    “ห้ะ ? ...” หูคงฝาดไปแน่ๆ เมื่อคุโรโกะได้ยินคำๆนั้นซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์งุนงงแบบเขา ชนกับใครไม่รู้ โดนลากเข้าซอยแคบๆนี่ ไหนจะพวกกลุ่มคนมากมายที่ตามล่า แล้วเมื่อกี้ยังบอกให้เขากอดอีก

    “นี่มันเรื่อ-ง----จะทำอะไรน่ะครับ ! ” ยังไม่ทันถามจนจบคุโรโกะก็โดนร่างสูงดึงเข้าไปกอดแล้ว แถมยังรัดแน่นซะอีกพอจะเงยหน้าขึ้นมามองกลับถูกมือหนานั้นกดลงให้แนบกับแผงอกกว่าเดิม กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัวของเขายืนยันได้เลยว่าเป็นพวกคนมีเงิน เมื่อเสียงฝีเท้าคนเหล่านั้นเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  คุโรโกะก็ยิ่งโดนอีกคนกอดแน่นกว่าเดิมแถมคราวนี้เขาก้มหน้าขาวๆนั้นมาซบไหล่ของคุโรโกะ จนแถบได้ยินเสียงลมหายใจของชายแปลกหน้าคนนี้เลย

    กลิ่นน้ำหอมนั้น ความร้อนจากตัวอีกคนที่กำลังกอดเขา ลมหายใจอุ่นๆที่กระทบใบหูของเขา ไหนจะหน้าของตัวเองที่ต้องซุกกับแผงอกนั้นอีก ร้อยทั้งร้อยไม่ว่าใครก็ต้องใจเต้นกับทั้งนั้นแหละ หัวใจของเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าของตัวเองที่ก็รู้สึกได้ว่ากำลังหน้าแดงแน่ๆ ....แต่เดี๋ยวก่อน ไม่ว่าใครก็ใจเต้นทั้งนั้น นั้นไม่อาจจะเถียงได้ก็จริง แต่เรื่องพวกนี้ ไม่เกิดขึ้นแน่นอนกับเขา คุโรโกะ เท็ตสึยะ หัวใจที่ว่าเต้นรัวถี่คืออาการตกใจและสับสนประกอบกับการที่แดงหน้าเพราะหายใจไม่ออกต่างหากล่ะ  เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ นอกจากคนที่เขานั้นชอบ และคนๆนั้นก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าคนนี้

    เมื่อแน่ใจแล้วว่ากลุ่มคนเหล่านั้นวิ่งผ่านไปหมดแล้ว ชายแปลกหน้าจึงคลายกอดให้คุโรโกะเป็นอิสระ และมองใบหน้าที่กำลังแดงก่ำนั้นและกำลังพยายามหายใจกอบโกยอากาศในบริเวณรอบๆให้ได้มากที่สุด..นี้เราทำเรื่องที่ไม่ควรอะไรลงไปรึเปล่านะ ! ร่างสูงตกใจเพิ่งนึกขึ้นได้ แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อมองใบหน้าที่หวานเกินกว่าจะเป็นผู้ชายนั้นเขาถึงรู้สึกเขินเล็กน้อยล่ะ บวกกับหน้าแดงๆนั้นอีก หรือคนตัวเล็กตรงหน้าก็เขินแบบเรา

    “อ-เอ่อขอโทษนะครับ ถ้าผมล่วงเกินคุณไปน่ะ แต่อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกนักข่าวเลยนะครับ” ร่างสูงก้มหัวพลางขอโทษและขอร้องคุโรโกะ.....พวกคนมีชื่อเสียงสินะ คุโรโกะมองอีกคน

    “...”

    “เออ...ผมอยากจะตอบแทนคุณ และก็ขอโทษด้วยจริงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นน่ะครับ พอจะมีอะไร-”

    “คุณเป็นใครหรอครับ ?” คุโรโกะตัดบททันที ทั้งๆที่ชายแปลกหน้ายังไม่ทันที่จะพูดจบ แต่ดูเหมือนคำถามของเขานั้นสร้างความแปลกใจให้อีกคนไม่น้อยเลย จากสีหน้าที่บ่งบอกได้ถึงความตกใจ

    “คุณไม่รู้หรอกหรอครับ”

    “ถ้าผมรู้ ผมคงไม่ถามหรอกครับ”

    “นั้นสินะ...ฮะๆ” น่าแปลก น่าแปลกใจมากสำหรับชายแปลกหน้า ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันขนาดนั้นคนตัวเล็กนั้นไม่อาจที่จะรู้ได้เลยว่าเขาคือใคร แต่ทำไม กลุ่มคนเหล่านั้นถึงมองเขาแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นใคร ...น่าแปลกใจ  แต่ก็น่าสนใจด้วยเหมือนกัน

    รอยยิ้มคลี่บางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของร่างสูง ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันไปคนละทาง เมื่อคนตัวเล็กนั้นรีบวิ่งห่างออกไปเพราะเกรงว่าเพื่อนๆที่รอเขาอยู่จะเป็นห่วง  ร่างสูงก็หันกลับมามองจนอีกคนนั้นลับสายตาของเขาไป ถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดี...

     

     

    “ช้า...ช้ามากเท็ตสึ!  นายไปปล้นร้านเขาอยู่รึไง ?! ” อาโอมิเนะทุบโต๊ะพลางชี้มาทางคุโรโกะ จนเขานั้นสะดุ้งตกใจเล็กน้อย โมโมอิที่นั่งข้างคุโรโกะจึงเขยิบเข้ามากระซิบบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากให้อีกคนต้องกังวลกับสิ่งที่เขาทำไป

    “คือที่ไดจังเขาโกรธน่ะ จริงๆแล้วก็แค่เป็นห่วงที่นายหายไปนานน่ะ” พอได้ยินแบบนี้คุโรโกะก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่นั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็น

    “กระซิบอะไรกันน่ะห๊า ! รู้มั้ยว่า----อั่ก !” อาโอมิเนะที่โวยวายชี้หน้าทั้งสองคนอยู่นั้นจู่ๆหน้าก็ทิ่มแนบลงไปกับโต๊ะ และเสียงดัง ปัง ! ที่ทำให้คนแถวนั้นตกใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

    “ขอโทษที่รบกวนนะครับ พอดีมีแมลงอะไรไม่รู้ติดหน้าน้องเขาอยู่เลยจัดการให้น่ะครับ แต่ไม่นึกว่าเสียงมันจะดังขนาดนี้ ขอโทษจริงๆนะครับ” ชายใบหน้าหล่อเหลาที่นั่งข้างๆอาโอมิเนะนั้นก้มหน้าเล็กน้อยขอโทษลูกค้าคนอื่นที่รบกวนลงไป พร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจจนสาวๆบางคนต้องรีบหันหน้าหนีเก็บซ่อนความเขินอายเอาไว้ ...ถึงแม้ว่าใครจะคิดว่าเป็นรอยยิ้มของเทพบุตรยังไงก็ตาม แต่กับคนที่รู้ๆกันอยู่นั้นนี่มันรอยยิ้ม ปีศาจชัดๆ!

    “อาโอมิเนะ นายจะเสียงดังทำไมฮะ! มันรบกวนคนอื่นเขานะเฟ้ยรู้มั้ย !

    “ขอโทษครับ รุ่นพี่ผมจะไม่ทำอีกแล้ว แต่ช่วยเลิกกดหัวผมลงกับโต๊ะได้มั้ยครับ” เสียงอู้อี้ของอาโอมิเนะดังขึ้นเบาๆนั้นก็ทำให้อีกคนปล่อยทันที่

    “ไม่เห็นต้องรุนแรงเลยนี่...” อาโอมิเนะบ่นลอยๆ “ปีศาจชัดๆ”

    “ฉันได้ยินนะ” นิจิมุระ ชูโซ’  ยิ้มให้อาโอมิเนะแต่รอยยิ้มนั้นมีออร่าของปีศาจแฝงมาด้วย จนคนอายุน้อยกว่าต้องหลบสายตาด้วยความกลัว กลัวว่าจะเจ็บตัวอีกครั้ง

    “มือรุ่นพี่ไปโดนอะไรมาหรอครับ? ” 

    “อะ..ช่างสังเกตจังนะ มีดบาดน่ะแต่ไม่เป็นไรหรอก” นิจิมุระยื่นมือให้คุโรโกะและโมโมอิดู ...ทั้งๆที่แผลก็ไม่ได้ใหญ่จนเด่นนักทำไมถึงเห็นได้นะ นิจิมุระมองคุโรโกะด้วยความสงสัย ตั้งแต่เกิดมานับว่าเป็นอีกคนที่ลึกลับและแปลกใจมากสำหรับนิจิมุระ

    “ติดพลาสเตอร์ดีกว่านะคะ” โมโมอิออกความเห็น “แต่ฉันไม่มีนะ ลืมพกมาด้วย”

    “เพราะเธอมันไม่ใช่ผู้หญิงไงยัยถึก”  อาโอมิเนะเริ่มเปิดสงครามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าได้จังหวะ แน่นอนโมโมอิก็เตรียมจะโต้อาโอมิเนะเหมือนกัน

    “คุโรโกะนี่นายพกของแบบนี้ด้วยหรอ” นิจิมุระมองกล่องพลาสเตอร์ที่คุโรโกะหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าของเขา ในตอนที่อีกสองคนกำลังจะปะทะสงครามกันด้วยวาจา

    “มิโดริมะคุงให้ตอนวันศุกร์น่ะครับ”

    “ลัคกี้ไอเท็ม..สินะ” นิจิมุระมองพลาสเตอร์หลากหลายสีสันและลวดลายที่แตกต่างกันออกไป ที่มารวมกันอยู่ในกล่องตลับเพียงกล่องเดียวแลดูคลายกับขนมที่มุราซากิบาระที่กินตอนคาบพักบ่อยๆ  คุโรโกะหยิบหาพลาสเตอร์แบบสีใสที่เขาจำได้ว่าเห็นล่าสุดให้นิจิมุระ เพราะไอ้ลวดลายพวกนั้นช่างไม่เหมาะกับอีกคนซะเลย

    “นี่ครับ แบบธรรมดาเหลือแค่อันเดียวแล้ว”

    “ขอบใจนะ”

    “เอาล่ะๆ ได้เวลาแล้ว เลิกชักช้าเสียเวลาสักที ขอโทษนะ เอาไอ้นั้นมาที่นึง! ” อาโอมิเนะบอกพนักงานสาวและชี้ไปยังฟาเฟต์แบบจัมโบ้

    “นายเอาจริงหรอ อาโอมิเนะ” นิจิมุระมองอย่างอึ้งๆ

    “แน่นอนเพราะว่า พวกนายแพ้พนันฉัน ที่รัฐแคนซัสชนะรัฐไอโอวา ทั้งรุ่นพี่และซัทสึกิ ต้องเลี้ยงฉันกับเท็ตสึ ถึงฉันจะไม่ค่อยกินของแบบนี้ก็เถอะ แต่ได้ชนะรุ่นพี่ทั้งที่ก็ขอจัดอะไรแบบนี้หน่อยแล้วกัน !

    “ไอ้เด็กนี่.....”

     

    แน่นอนว่า ผลสรุปนั้นเป็นอย่างที่หลายๆคนทราบดี อาโอมิเนะไม่ได้พยายามที่จะล้มพิชิตเจ้าจัมโบ้นี่ เค้าก็แค่อยากให้ทั้งนิจิมุระและโมโมอิจ่ายเงินทั้งนั้น จึงกินช้าๆไม่สนใจเวลาที่กำหนดเลยซะทีเดียว ทั้งนิจิมุระและโมโมอิช่วยกันหารเงินกัน พร้อมด้วยคุโรโกะที่ช่วยอีกแรงจ่ายเงิน 8000 เยนไป แต่ทั้งสองคนก็ได้คุยกันเอาไว้แล้วว่ารอบหน้าจะให้ไอ้เด็กเกรียนนี่ยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้ !  

    ทุกคนวางแผนกันไว้ว่าจะไปเล่นเกมกันต่ออีกสักหน่อย แต่คุโรโกะต้องรีบกลับบ้านก่อนนั้นก็เพราะว่ามันเริ่มใกล้มืดแล้วแถมต้องไปซื้อของนิดหน่อยให้คุณยายที่รออยู่ที่บ้านด้วย

    “งั้น พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะเท็ตสึ”อาโอมิเนะ โมโมอิและนิจิมุระหันมาโบกมือให้คุโรโกะก่อนจะแยกกัน  

    คุโรโกะมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อแถวทางบ้านเขาและซื้อของทั้งหมดตามรายการที่คุณยายฝากเขามา

    ตุ้บ ตุ้บ

    เสียงลูกบาสที่กำลังกระทบพื้นดึงความใจให้เขาต้องหันไปหามัน สนามบาสในสวนสาธารณะที่นั้นมีเด็กชายตัวเล็กกำลังวิ่งไล่ตามลูกบาสที่หลุดออกจากมือเขาอยู่  มองแล้วเป็นภาพที่น่ารักดีและมันทำให้เขานึกย้อนกลับไปสมัยที่เพิ่งเริ่มเล่นใหม่ๆ ตอน ป.5

    ลูกบาสสีส้มกลิ้งเขามาชนขาของเขา เด็กน้อยจึงวิ่งตามด้วย คุโรโกะก้มหยิบลูกบาสและย่อตัวให้ความสูงของเขาและเด็กน้อยเท่าๆกัน

    “ขอบคุณครับ” เด็กน้อยยิ้มอย่างไร้เดียงสาให้คุโรโกะ ...ลูกครึ่งสินะ

    “ทำไมถึงมาเล่นอยู่คนเดียวล่ะ?

    “ผมหลงกันกับพี่น่ะฮะ เมื่อกี้ก็ยังเดินมาด้วยกันอยู่เลย”  เด็กน้อยเริ่มเดาะบาสอีกครั้ง

    “หลงกัน แล้วไม่กลัวหรอ” ทั้งๆที่ถ้าเป็นเด็กคนอื่นก็คงกลัวกันจนร้องไห้กันไปหมดแล้ว ไม่มีอารมณ์มาเล่นบาสแบบนี้หรอก

    “ไม่ฮะ เพราะผมเชื่อว่ายังไงเขาก็ต้องรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน เพราะพวกเรารักบาสมากกว่าใครๆ ยังไงก็ต้องรู้ว่าผมอยู่ที่นี่” คำพูดของเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาคนนี้ทำให้คุโรโกะหุบยิ้มไม่ได้ รู้สึกมีความสุขเมื่อเจอคนที่คล้ายๆกับเขา

    “งั้นพี่ขอเล่นด้วยได้มั้ย ?

    “จริงหรอ เย้ !”  เด็กน้อยชูลูกบาสสูงเหนือหัวของตนและวิ่งรอบสนามอย่างดีใจ ..จะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะเจอพี่แล้วกันนะ

    ทั้งสองคนเล่นกันอย่างสนุกสนาน เด็กน้อยคนนี้เล่นอย่างไม่รู้จักเหนื่อยเลย แถมยิ่งเล่นนานเข้าเท่าไหร่ก็มีแต่จะยิ้มกว้างขึ้นมากเรื่อยๆ ซึ่งเขาเองก็เช่นกัน จนรู้สึกนิดๆว่าไม่ได้หัวเราะและยิ้มแบบนี้มานานเท่าไร่แล้ว

    “ผมอยากดังค์บาสได้จัง” เด็กน้อยกอดลูกบาสพลางมองแป้นบาสที่สูงกว่าหลายเท่าอย่างหงอยๆ

    “ลองดูมั้ย” ไม่ว่าเปล่าคุโรโกะก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นมาขี่คอมันทำให้เด็กคนนี้ตกใจไม่น้อยแต่ก็ตื่นเต้นสุดๆ ถึงตอนนี้คุโรโกะจะหนักก็เถอะ

    “สูงอีก สูงอีก !” เด็กน้อยร้องบอกคุโรโกะ หารู้ไม่ว่าเขาสูงที่สุดได้แค่นี้

    “เหยียบไหล่พี่เลยก็ได้นะ ไม่ต้องกลัว พี่จะรับเธอเอง”

    ทั้งๆที่ยังพูดไม่จบเด็กน้อยก็เตรียมกระโดดดังค์ลูกทันทีไม่ฟังอีกคนแน่นอนว่ามันพลาดแต่คุโรโกะก็รับเขาไว้ได้ทันเช่นกัน ผลของน้ำหนักทำให้พวกเขาล้มลงไปนอนกองกับพื้นกันเลยทีเดียว

    ในสภาพที่คุโรโกะกลายเป็นเบาะรองให้เจ้าตัวซนคนนี้

    “เจ็บมั้ย ?

    “ไม่ฮะ นี่มันบาดแผลลูกผู้ชาย ฮ่าๆ!” เด็กน้อยกลิ้งออกจากคุโรโกะและยืนหัวเราะอย่างสนุกสนาน พร้อมยื่นมือมาตรงหน้าคุโรโกะ

    “อยู่นี่เองหรอลูก” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากทางเข้า ...พ่อของเด็กคนนี้สินะ

    ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาคุโรโกะและเด็กน้อย ซึ่งเด็กคนนี้กลับวิ่งเข้ามาหลบหลังคุโรโกะและกำชายเสื้อเขาแน่นจนยับ

    “กลับกันเถอะแม่เป็นห่วงแล้วนะ” ยิ่งชายคนนี้พูดเด็กคนนี้ยิ่งหลบมากขึ้น

    “พ่อน้องหรอ?”  คุโรโกะเริ่มสงสัย จึงถามเสียงเบา แต่คำตอบคือการส่ายหน้ารัวๆอย่างหวาดกลัว

    “พ่อกับแม่ผมอยู่อเมริกา” ลางร้ายเริ่มเตือนให้รู้แล้ว โจรสินะ คุโรโกะรู้สึกไม่ดีทันทีเขาจะสามารถช่วยเด็กคนนี้ได้มั้ยนะด้วยพละกำลังของเขาเอง

    “เอา พ่อหนุ่มขอบคุณที่ช่วยดูแลทาคาชิให้นะ พวกเราทะเลาะกันน่ะสงสัยยังไม่หายโกรธ ช่วยเอาตัวเขามาได้มั้ย” เมื่อชายคนนี้เดินเข้ามาใกล้เมื่อไหร่คุโรโกะก็ถอยห่างจากเขามากขึ้น

    “ผมไม่ได้ชื่อว่าทาคาชิซะหน่อย! ออกไปนะไอ้คนน่าสงสัย !” เด็กน้อยตะโกนขึ้นหวังให้ใครแถวนี้ได้ยินและเข้ามาช่วยพวกเขาแต่ดูเหมือนไม่เป็นผล

    “ช่วยไม่ได้ เอาตัวไปทั้งคู่นั้นแหละ สินค้ามีตำหนิอาจจะได้ราคาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่คงต้องให้ข่มขวัญกันสินะ !” ไม่ทันตั้งตัว ชายอันตรายเงื้อมีดที่อยู่ในมือขึ้นหวังจะจัดการกับคุโรโกะ  คุโรโกะพลักเด็กน้อยให้ไปห่างๆเขาเพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย

     

    “ไม่เป็นไรใช่มั้ย ?” เสียงคุ้นหูดังขึ้น  นัยต์ตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้นเมื่อเจอคนที่เขาไม่คิดว่าจะเจอกันอีก

    “คุณตอนกลางวัน”  ชายผมดำจับข้อมือของคนร้าย จากด้านหลังก่อนหักสุดแรงจน แต่ชายอันตรายก็พลิกกลับตัวได้ และพุ่งมีดไปทันที่ เด็กหนุ่มไหวตัวทันและถีบเข้าที่ข้อมือจนมีดกระเด็นออกไปไกล ก่อนเตะเข้าที่ท้องอีกครั้งจนชายคนนี้นอนล้มลงไป ทั้งหมดนี้คงต้องขอบคุณคุณผู้จัดการแล้วที่บังคับให้เขาเข้าคอร์สเรียนศิลปะการป้องกันตัว

    “ไปซะ เพราะผมโทรแจ้งตำรวจไว้สักพักแล้ว แกหนีไม่พ้นหรอก” เสียงไซเรนดังขึ้นเรื่อยๆ จนชายผู้นี้ต้องวิ่งอย่างทุละทุเลวิ่งออกไป แต่แน่นอนว่าไม่พ้นการจับกุม เท้าคนหรือจะเร็วสู้รถ

    “ขอบคุณนะครับ” คุโรโกะโค้งในชายผมดำอย่างสุภาพ

    “ไม่เป็นไร แค่นี้ก็หายกันแล้วกันนะ”  เขายิ้มก่อนเดินไปปลอบขวัญเด็กน้อยด้านหลัง “ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

    “ฮะ! พี่เท่จังเลยสุดยอดเลย ฮีโร่!” เด็กน้อยวิ่งเข้ากอดจนเขาเซเล็กน้อย “ขอบคุณนะฮะ”

    ชายหนุ่มลูบหัวเด็กคนนี้เบาๆ เด็กนี่ ไร้เดียงสาดีจังเลยนะ...ทั้งที่เจอเรื่องร้ายๆแท้ๆ....

    !” คุโรโกะดึงข้อมือซ้ายของอีกคนมา “จะทำอะไรน่ะ”

    “คุณบาดเจ็บนี่ครับ ช่วยยกข้อมือไว้แบบนั้นด้วย”   คุโรโกะวิ่งไปหยิบกล่องพลาสเตอร์ที่กระเป๋าบนม้านั่งและรีบวิ่งกลับมา

    “เอ่อ...จริงๆแล้วมัน--”

    “กรุณาเงียบแล้วอยู่เฉยๆด้วยครับ”.....นี่ฉันโดนเขาดุหรอเนี่ย ชายผมดำทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พลางมองอีกคนที่กำลังติดพลาสเตอร์ให้เขาตรงข้อมือซ้าย ....ล-ลายหมาน้อยสีเหลือง....น-น่ารักไปแล้ว ทั้งอีกคน ทั้งลายด้วย

    “เรียบร้อยแล้วครับ”

    “ข-ขอบใจนะ///”

    “คุณไม่สบายหรอครับ ทำไมหน้าแดง” คุโรโกะเอ่ยถาม...หน้าแดงหรอ ฉันหรอ นั้นก็เพราะนายแหละ!

    “รอน!” อีกเสียงที่ดังขึ้นพร้อมวิ่งเข้ามาแปลกๆ ใช่วิ่งแบบที่เรียกว่า พุ่งเข้าชาร์จ

    “พี่ไทกะ-- ” ไม่ทันที่เด็กน้อย หรือว่ารอน จะพูดจบคนที่ถูกเรียกว่าพี่ชายก็วิ่งเข้ามาเขกหัวเข้าให้

    “มันเจ็บนะฮะ!

    “เจ็บมันก็เรื่องของนาย นายรู้มั้ยถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาย ป้าซีวาได้ฆ่าฉันแน่!” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ เด็กหนุ่มผมสีแดงปลายดำ ไทกะก็เข้าไปปลอบขวัญอย่างการกอดอยู่ดี แต่เหมือนจะแกล้งมากกว่า

    “กระดูกผมจะหักแล้วนะฮะ!” รอนท้วง “กลับบ้านเถอะ ผมหิวแล้วล่ะ !

    “อืม...” ไทกะ หันมาขอบคุณชายผมดำและคุโรโกะ ก่อนที่จะพารอนเดินกลับบ้านไป

    “พี่ๆฮะ! คราวหลังแล้วมาแข่งบาสกันนะฮะ!” รอนหันมาตะโกนก่อนโบกไม้โบกมือจนเดินลับสายตาคุโรโกะไป ไทกะ.. ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทำให้เขาคิดว่า สักวันใดวันหนึ่งพวกเขาทั้งสองต้องได้พบกันแน่นอน

    “งั้นผมขอตัวนะครับ”

    “อืม..เออเดี๋ยวสินายชื่อ---อะไร  หายไปไหนกันเนี่ย อา..ช่างเถอะ” ชายผมดำเดินมุ่งกลับบ้านของตนเช่นกัน พลางมองท้องฟ้านั้น พร้อมกับคำขอที่ว่า ขอให้ได้เจอกันอีกครั้ง

     

    .....

    ...

    .

    “เรียวจัง ! ทำไมกลับบ้านช้าแบบนี้ !” พี่สาวคนโตยืนปั้นหน้าโหดดักอยู่หน้าประตู

    “พี่ฮะ คือมันขวางทางผมอ่ะ...” ไม่ว่าจะเดินไปเบียดทางซ้ายหรือขวาเธอก็เอาตัวมาบังทันที เป็นการแสดงออกที่ว่าต้องการคำตอบมากแค่ไหน เพราะคนๆนี้เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของเธอ

    “ครับๆ...ผมไปเล่นบาสมาน่ะ”  คำตอบของเขาทำให้พี่สาวคนนี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และเปิดประตูบ้านให้เขาเข้ามา

    “เรียวตะ ไปล้างมือซะแล้วมากินข้าวนะจ้ะ” เสียงของแม่ดังออกมาจากในครัว พลางชะเง้อมองลูกชายที่เพิ่งกลับมา “แล้วก็อย่าลืมถอดวิกด้วยนะ”

    “คร้าบบ” เขาลากเสียงยาว 

    ใช้เวลาไม่กี่นาทีเขาก็เดินลงมา ที่โต๊ะอาหารที่พี่สาวทั้งสองคนและแม่ของเขานั่งรออยู่

    “เรียวจัง ลืมถอดวิก” พี่สาวคนโตท้วงขึ้น ทำให้คนรีบดึงวิกสีดำออกแล้วโยนไปที่โซฟา

    “สกปรกจริง”

    “หรืออยากกินข้าวกันมันละฮะเดี๋ยวไปเก็บหรอกนา” ชายหนุ่มสะบัดผมไปมาให้มันเข้าทรงก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า

    “เรียวตะ ข้อมือไปโดนอะไรมาลูก” ผู้เป็นแม่สังเกตเห็นพลาสเตอร์ที่ข้อมือจึงถามเพราะอดความเป็นห่วงไม่ได้

    “ไหนๆ” พี่สาวคนโตรีบเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ทันทีก่อนจะดึงพลาสเตอร์ออกอย่างไม่เบามือ

    “แผลนี่นาโดนอะไรมา! ...เดี๋ยวนะเมื่อกี้ไม่เจ็บหรอ?

    “เอฟเฟคนะฮะ ลืมล้างออก” เขาพูดพลางคีบตะเกียบขึ้นมาด้วยมือขวาที่ไม่ถนัดเพราะมือซ้ายถูกพี่สาวตัวดีจับไว้อยู่ “ขอพลาสเตอร์นั่นคืนด้วย มันแพง”

    “จ้าๆ แฟนให้มาก็บอก” คำๆนี้ทำเอาคิเสะ เรียวตะนายแบบสุดฮอตแทบสำลักข้าว ... “จริงหรอเนี่ย น้องพี่มีคนที่ชอบแล้วจริงหรอ” พี่สาวมองเขาอย่างแฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงที่คนที่ชอบเลย

    “ไม่มีหรอกน่า!

    “เดี๋ยวนี้จะจีบสาวถึงกับต้องทำแผลปลอมให้เขาสงสารเลยหรอเนี่ย แกยังจำกฎ 3 ครั้งได้มั้ย เรียวจัง เรื่องที่ว่าถ้าเจอคนแปลกหน้าในสถานการณ์ที่ได้ใกล้ชิดกัน อย่างไม่คาดคิด 3 ครั้งในเวลาใกล้เคียงกันไม่เกิน 3 วัน เขาว่ากันว่านั้นแหละเนื้อคู่เราพรหมลิขิต และยิ่งถ้าครั้งที่สองรู้สึกแปลกๆ อย่างการชมว่า น่ารักจัง เป็นคนดีจัง หรือน่าสนใจจัง นั้นยิ่งเป็นเครื่องรับร้องนะ” เธอขยิบตาให้คิเสะ

    “ครับๆ”

    ไฟในห้องนอนถูกเปิดขึ้น คิเสะทิ้งตัวนอนลงไปที่เตียงของเขาเพราะความเหนื่อยล้าพรุ่งก็เรียนอีก แถมทำงานอีก เฮ้อ...แต่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแรกที่เขาจะได้ชมรมเช่นกัน หวังว่า ชมรมบาสจะทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นหรือรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ทิ้งชีวิตวัยรุ่นไปกับการทำงานหรอกนะ คิเสะเปิดมือถือขึ้นแสงไฟจากเครื่องทำให้เขาต้องหรี่ตาเล็กน้อยเพื่อปรับโฟกัสสายตาใหม่ รูปที่ถูกเปิดขึ้น เป็นรูปของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ผมสีฟ้าที่กำลังเล่นบาสกับเด็กลูกครึ่งคนหนึ่งอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มแบบนั้น ไม่ว่าจะมองกี่ทีก็ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อ แถมยิ่งจะทำให้เขารู้สึกแปลกๆอย่างอาการหน้าแดงเอย ใจเต้นถี่เอย อยากเจอกันอีกครั้ง  ทั้งๆที่เจอกันแค่สองครั้งเท่านั้น  ทั้งๆที่คุยกับแทบนับคำได้ ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้กัน เราใจง่ายไปรึเปล่านะ คิเสะคิดเช่นนี้วนไปมาต้องแต่ลากันที่สนามบาสนั้น  แต่ก็คงเป็นเพราะรอยยิ้มนี่แหละมั้งที่ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเลื่อนไปดูรูปที่ทั้งสองคนกำลังจะดังค์บาส อา..น่ารักจริงๆนั้นแหละ ตอนนั้นเขาแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกตัวอีกทีก็กดถ่ายไปเป็นร้อยแล้ว

    “ถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดี ฉันจะรู้จักนายให้มากขึ้น จะคุยกับนายให้มาขึ้น และจะพิสูจน์ความรู้สึกนี้ว่ามีแต่นายเท่านั้นที่ทำให้ฉันแปลกไป! ทั้งหมดเป็นเพราะนายที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าชอบคนแปลกหน้าแบบหน้า !” คิเสะยิ้มพร้อมด้วยหน้าแดงๆนั้น เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้คุยกับเด็กหนุ่มคนนี้ ถึงจะเป็นแค่ภาพก็เถอะ...

    ==แกยังจำกฎ 3 ครั้งได้มั้ย เรียวจัง เรื่องที่ว่าถ้าเจอคนแปลกหน้าในสถานการณ์ที่ได้ใกล้ชิดกัน อย่างไม่คาดคิด 3 ครั้งในเวลาใกล้เคียงกันไม่เกิน 3 วัน เขาว่ากันว่านั้นแหละเนื้อคู่เราพรหมลิขิต และยิ่งถ้าครั้งที่สองรู้สึกแปลกๆ อย่างการชมว่า น่ารักจัง เป็นคนดีจัง หรือน่าสนใจจัง นั้นยิ่งเป็นเครื่องรับร้องนะ==

     ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่งี่เง่ามากเลยครับพี่....ใครจะไปเชื่อ...ที่สำคัญใครจะไปเจอ..ผมไม่เชื่อหรอก

    “คิเสะคุงนี่ คุโรโกะ เท็ตสึยะคุง จะเป็นพี่เลี้ยงนายตั้งแต่วันนี้ เท็ตสึคุง นี่คิเสะ เรียวตะคุง สมาชิกใหม่จ้ะ”

      แม้ผมจะเคยคิดแบบนั้นก็ตามเถอะ  แต่ครั้งนี้ผมจะเชื่อก็ได้

    “คุโรโกะ เท็ตสึยะครับ ขอฝากตัวด้วย”

    ผมว่า...ผมอาจจะเจอพรหมลิขิตของผมแล้วก็ได้

    “คิเสะ เรียวตะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ!

    และพรหมลิขิตคนนี้ ผมจะไม่ปล่อยเขาไปแน่นอนครับ....
     

    See you next chapter...

    คิเสะผมดำค่ะ ///


    ====================== =========================

    โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าตอนนี้อาจจะยาวไปสำหรับใครหลายๆคน แต่อยากจะให้เหตุการณ์ทั้งหมดจบในตอนนี้ค่ะ

    แต่ ในตอนต่อไปจะพยายามไม่ให้เยอะเกินไป ขอบคุณที่ติดตามนะคะ จากนี้ไปช่วยชี้แนะด้วยนะคะ

    แก้ไขพิมพ์ตก/พลาด ครั้งที่1 6/5/2558 



    Cr image :
    รูปคิเสะ Pixiv id :
    48485875
    รูปแรก Pixiv id 35251797

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×