คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตัวอย่าง : Caffeine 1
“ฝนตกอีกแล้ว .. “
เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างประตู แม้ดวงตาคู่เล็กนั้นจะพยายามมองออกไปข้างนอกแค่ไหน ด้วยไอหมอกที่ขึ้นหนาจัดทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย อากาศที่เย็นเฉียบนั้นมาจากเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าเขาจะปรับอุณหภูมิไปหลายต่อหลายรอบ แต่ด้วยความชื้นจากสายฝนนั้นทำให้ไม่ว่าจะปรับเท่าไหร่ความหนาวเหน็บก็ยังมากระทบผิวกายอยู่ดี
“พี่ยองแจไปนานจัง .. ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ’
ปากเล็กๆบ่นเจื้อยแจ้วไปเรื่อยถึงรุ่นพี่ที่ทำงานมาร่วมกันเป็นปีได้ เขาหายออกไปซื้อของตามที่สั่งจนเขาแทบลืมไปแล้วว่าโอนเนอร์สั่งอะไรกับพี่ชายคนนี้ไปบ้าง เด็กหนุ่มท้าวแขนกับขอบหน้าต่าง ใบหน้าซบลงบนฝ่ามือ เพราะว่าว่างเกินไปและบรรยากาศที่เป็นใจทำให้เขารู้สึกหนักที่เปลือกตา สติที่มีอยู่อยู่กระเจิดกระเจิงจนควบคุมไว้ไม่อยู่ ภาพตรงหน้าค่อยๆมืดลงช้าๆ เสียงของสายฝนยังคงดังแว่วเข้ามาอยู่ในหู ..
กริ๊ง ~
“อ๊ะ!! เชิญครับ Rain café ยินดีต้... หวา!”
เด็กหนุ่มเด้งตัวออกมาโค้งต้อนรับลูกค้าโดยอัตโนมัติ แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาเป็นอันต้องตกใจ เมื่อคนตรงหน้าของเขานั้นตัวเปียกปอนได้ด้วยความฝน เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกน้ำบางสนิทจนแทบแนบไปกับผิวเนื้อ เส้นผมสีน้ำตาลลู่ลงไปตามรูปของศีรษะ ในมือสองข้างนั้นเต็มไปด้วยกระบอกพิมพ์เขียวขนาดใหญ่และแฟ้มในซองกันน้ำอีกสามสี่ซอง สีหน้าของเจ้าตัวบอกบุญไม่รับอย่างแรง
“ขอโทษทีนะจงออบ ฮโยซองอยู่ไหม ?”
“อยู่”
เสียงใสตอบรับจากหลังเคาน์เตอร์ ผู้ที่ถูกถามหายิ้มรับพร้อมกับส่ายหัวไปมา
“เปียกมะล่อกมะแลกเชียวนะ ยงกุก”
“เงียบน่า หนาวจะตายอยู่แล้ว ขอยืมผ้าขนหนูที”
“มาขอความช่วยเหลือทั้งทีพูดไม่เพราะเลยนะ ไหนลองพูดใหม่สิ .. คุณฮโยซองครับ กระผมหนาวไปหมดแล้ว รบกวนขอยืมผ้าขนหนูของคุณหน่อยจะได้ไหมครับ? อย่างเนี้ย !”
“ฝันไปเถอะ !”
เธอหัวเราะร่ากับคำตอบ ก่อนจะโบกมือเรียกให้จงออบไปเอาผ้าขนหนูจากหลังร้านมาให้เพื่อนสนิท อันที่จริงเธอก็ไม่ได้หวังอะไรจากยงกุกมากนักหรอก เพียงแต่เห็นสีหน้าหงุดหงิดของเขาแล้วมันชวนน่าหัวเราะดี เลยอยากจะแกล้งเล่นเฉยๆเพื่อความบันเทิงเท่านั้นเอง
“จะเอาอะไร ?”
“นี่คือคำพูดที่ใช้กับลูกค้างั้นเหรอ ?”
“จงออบไม่ต้องคั่วเมล็ดกาแฟเพิ่มแล้วนะ ให้หมอนี่ต้มน้ำร้อนหากินเอาเองแล้วกัน”
“กาแฟดำแก้วนึง -__-”
แล้วสุดท้ายก็ต้องเป็นบัง ยงกุกทุกครั้ง ที่ต้องพ่ายให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆนาม จอน ฮโยซอง คนนี้
กลิ่นหอมของกาแฟและกลิ่นของขนมอบลอยมาเตะจมูกเขา มือหนาใช้ผ้าขนหนูสีชมพูอ่อนที่ได้รับมาจัดการกับตัวเองให้เร็วที่สุด คนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมาจะคิดยังไงเมื่อเห็นผู้ชายร่างใหญ่ใช้ผ้าขนหนูสีหวานน่ารักๆแบบนี้ ขนลุกตายชัก .. เขาไม่รู้ว่าเพราะที่ร้านนี้มีผ้าขนหนูผืนเดียว จงออบเลยต้องหยิบมาให้ใช้ หรือฮโยซองนั้นจงใจที่จะแกล้งเขาอีกกันแน่
ไม่นาน กาแฟดำร้อนๆกับขนมปังชิ้นเล็กๆก็ถูกนำมาวางตรงหน้าเขา ความร้อนของกาแฟทำให้ร่างกายของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นจากความหนาวเย็นของเม็ดฝนข้างนอกที่นึกอยากจะตกก็ตกแบบไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าสักนิดแต่เช้า เมื่อวานพยากรณ์อากาศก็บอกว่าวันนี้อากาศแจ่มใส แดดจะแรงที่สุดในเดือนนี้แท้ๆ ..
แรงแป๊ะอะไรกันล่ะ -__- วันนี้เขาแทบจะไม่ได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า แสงอาทิตย์ เลยสักนิด
“ฝนตกแต่เช้า ทำไมไม่เอารถมา ?” ฮโยซองเริ่มเปิดประเด็นหลังจากที่เขาวางแก้วกาแฟลง เธอค้าวคางกับหลังเคาน์เตอร์
“เสีย”
“แล้วร่มล่ะ?”
“ปลิวหายไปกับสายลมเมื่อกี้นี่แล้ว”
“คิก .. ~ น่าสงสาร”
ความหงุดหงิดที่สั่งสมมาแต่เช้าของบัง ยงกุกมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เช้าที่ฝนนั้นตกลงมาทำเอาทุกๆอย่างของเขาพังลงหมด รถคู่ใจที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทางมาตลอดก็เพิ่งถูกเสยจนต้องส่งเข้าอู่ไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องจัดการทุกอย่างด้วยความไวแสง ห่องานที่จะต้องนำไปเสนอลูกค้าด้วยห่อที่สามารถกันความชื้นได้เป็นอย่างดี และคว้าร่มสีแดงสดที่จับฉลากได้มาจากร้านสะดวกซื้อข้างคอนโดมาเป็นสิ่งเดียวที่สามารถปกป้องเขาจากน้ำฝนได้ (ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ซื้อสีแบบที่เผื่อผู้ชายจับได้มาเป็นรางวัล -_-)
เรื่องน่าหงุดหงิดยังไม่จบเพียงเท่านั้น .. เขาถูกลูกค้าสั่งแก้งานใหม่ แถมเป็นลูกค้าที่เรื่องมากที่สุดเท่าที่เคยพบเคยมาก่อน ต้องนั่งฟังลูกค้าบ่นนู่นบ่นนี่จนยงกุกแทบจะโยนงานใส่หน้าแล้วเดินหนีออกไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพราะเครดิตและชื่อเสียงที่สั่งสมมานานทำให้เขาต้องกัดฟันและทำใจนั่งฟังรายละเอียดงานจากลูกค้าใหม่ทั้งหมด กว่าจะเสร็จนี่หูแทบจะชาตาย สมองของเขาเบลอไปหมด ฝนที่ตกมาแต่เช้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ เขาพยายามที่จะก้าวเท้าเร็วขึ้นเพื่อที่จะรีบกลับห้องให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่พระเจ้ายังคงเล่นตลกต่อเนื่อง .. เมื่อร่มสีแดงสดใสนั้นถูกพายุฝนพัดปลิวออกจากมือเขาไปเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา ..
เวลานี้ ยงกุกจึงต้องมาอาศัยร้านของฮโยซองเป็นที่หลบฝนชั่วคราว และมานั่งเป็นของเล่นให้เจ้าของร้านแกล้งเล่นเพื่อแก้เบื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนอย่างช่วยไม่ได้ ..
“จอน ฮโยซอง หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลย !”
“ทำไมล่ะ ? นายทำให้เด็กพาร์ทไทม์ของฉันมีงานเพิ่มขึ้นนะ” ว่าแล้วหล่อนก็พยักเพยิดหน้าไปทางด้านหน้า จงออบกำลังลากไม้ถูพื้นกับถังน้ำมาจัดการรอยน้ำฝนเต็มทางเดินที่มาจากเสื้อผ้าที่เปียกปอนของเขาเมื่อครู่ เด็กหนุ่มหันมายิ้มเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร หัวเราะสองสามทีก่อนจะจัดการถูพื้นอย่างขะมักเขม้น
“ถ้าเป็นยองแจอยู่นะ นาย
“เอาเถอะ ขอโทษแล้วกัน มันช่วยไม่ได้นี่นา” เขาเอนหลังพิงพยักเก้าอี้ “ใครมันจะไปรู้ว่าฝนมันจะตกวันนี้”
ลูกค้ายังคงบางตาเพราะสายฝนที่กระหน่ำลงมา .. ในร้านมีเพียงเขา ฮโยซอง จงออบ และลูกค้าอีกสองสามคนเท่านั้น ..
ยงกุกพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“แต่อยู่นี่ก็ดีเหมือนกัน อยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้ .. ฟุ้งซ่านตาย”
ฮโยซองมองหน้าเขา เธอพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย มันคงเป็นการดีที่ร่มของยงกุกปลิวหายไปเสียก่อน เพราะหากเขากลับไปที่คอนโด สิ่งที่เพื่อนชายคนนี้ได้ทำคงไม่ใช่งาน หากแต่เป็นการฝังตัวเองลงกับความทรงจำในอดีตที่ยังคงตามหลอกหลอนของเขาอยู่ร่ำไป ..
ความทรงจำอันแสนเจ็บปวด .. แม้จะผ่านมาเนิ่นนานถึง 2 ปีแล้ว เขายังไม่อาจลืมมันได้ ..
5 ปีที่เต็มไปด้วยความรัก กับ 2 ปีที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด มันเทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ .. ความเจ็บปวดนั้นมันต่างกันเกินไป ..
ยิ่งพยายามลืมเท่าไหร่ .. ก็เหมือนนิ่งจำ ยงกุกยังคงจำภาพทุกอย่างได้ดี ผู้หญิงคนที่เขารัก.. เดินเคียงคู่ในชุดแต่งงานสีขาวสะอาดตาไปกับผู้ชายคนอื่น . . ที่ไม่ใช่เขา เรื่องที่เป็นเหมือนตลกร้ายิ่งกว่าคือ ผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ชายฝาแฝด ที่มีลักษณะ รูปร่าง หน้าตาเหมือนกับเขาทุกประการ ..
“ไม่เอาน่า เลิกเศร้าได้แล้วยงกุก อย่ามาดราม่าในร้านฉันนะ !” หญิงสาวกล่าวเพื่อเรียกสติเขากลับมา เธอไม่อยากปล่อยให้เพื่อนชายนั้นนั่งเฉยๆเงียบๆเท่าไหร่ เดี๋ยวบรรยากาศได้กลายเป็นเหมือนในละครดราม่าหลังข่าวที่พระเอกถูกนางเอกทิ้งอีก
“เธอจะเสียงดังใส่ฉันไปทำไมเนี่ย ? ก็มีกันอยู่แค่นี้”
“ช่างเถอะน่า เปิดทีวีดูระหว่างรอฝนหยุดไหมล่ะ ? รายการที่ฮิมชานเป็นพิธีกรกำลังฉายอยู่เลยนะ”
“-___- ไม่ต้อง ปิดทีวีนั่นแหละดีแล้ว เบื่อหน้าหมอนั่นจะแย่”
“ช่างเป็นคำพูดที่โหดร้ายจริงๆกับเพื่อนนายที่คบกันมาตั้งสิบกว่าปี’
ยงกุกได้แต่หัวเราะกับคำพูดของเพื่อนสาว การมานั่งสนทนาพร้อมกับจิบกาแฟไปพลางที่นี่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก กลิ่นของกาแฟทำให้เขารู้สึกสงบใจอย่างประหลาด เขาชอบดื่มกาแฟ แต่ยังไม่ถึงขั้นติดกาแฟมากเท่าเพื่อนรักอีกคนที่สามารถซัดอเมริกาโน่วันละ 4 แก้ว (หรืออาจจะมากกว่า) ได้อย่างสบายๆ
ถึงแม้ว่าเขาอาจจะต้องนอนไม่หลับในยามค่ำคืนเพราะมันก็ตามเถอะ..
แต่การที่เขานอนไม่หลับเพราะฤทธิ์ของคาเฟอีนนั้น มันคงจะดีกว่าการที่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงใครสักคนอยู่ ..
ใครสักคนที่เขาไม่สามารถทำใจให้ลบเธอออกจากความทรงจำไปได้ .. ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ..
กริ๊ง ! ~
“พี่ยงกุก! อยู่ที่นี่จริงๆด้วย !”
เสียงกระดิ่งประตูที่ดังพร้อมกับเสียงดังโวยวายทำลายบรรยากาศสงบก่อนหน้า ทั้งยงกุกและฮโยซองหันมามองพร้อมจะพร้อมกัน ไม่เว้นแม้แต่จงออบที่กำลังเช็ดโต๊ะยังต้องสะดุ้งมอง เด็กหนุ่มผู้มาใหม่ตัวเปียกไปเกือบครึ่ง มือข้างหนึ่งถือถุงกระดาษที่บรรจุสิ่งของอยู่มากมาย อีกมือถือร่มใสที่ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะช่วยปกป้องเขาจากน้ำฝนได้มากเท่าไหร่นัก
“เสียงดังเชียวนะยองแจ เปียกหมดแล้ว” ฮโยซองส่ายหัวและอดขำกับสภาพของลูกน้องไม่ได้ โชคดีที่ไม่ได้เปียกโชกเข้ามาแบบคุณผู้ชายคนที่กำลังนั่งหราดื่มกาแฟดำคนนี้สักเท่าไหร่
“หวา .. ขอโทษนครับพี่ฮโยซอง .. ผมว่าละ พี่ยงกุกต้องอยู่ที่นี่จริงๆด้วย”
“มีอะไรงั้นหรือ? ยองแจ”
“ผมเห็นมีคนเดินไปเดินมาอยู่แถวๆนี้ พอถามเขาก็บอกว่ากำลังตามหาคนอยู่ ลักษณะที่เขาบอกนี่ผมคิดว่าพี่แน่ๆ”
“หืม ? ใคร ?”
“นี่ไง .. อ้าว ยืนทำอะไรอยู่เนี่ย! เปียกไปหมดแล้วล่ะมั้ง -*-”
ว่าแต่พนักงานจอมโวยวายก็ไปจัดการดึงใครสักคนที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามา ทันทีที่ร่มสีแดงปรากฏ เขาจำได้ทันทีว่านั่นคือร่มของเขา .. สายตาของยงกุกหรี่ลง เพื่อที่จะมองว่า ผู้ที่กำลังถือร่มของเขาอยู่นั้นเป็นใครกัน ?
“เนี่ย .. เขาบอกว่าเขาเก็บร่มของพี่ได้ เลยจะเอามาคืน แต่หาพี่ไม่เจอแล้ว ผมก็เลยพามาเพราะคิดว่าวันฝนตกแบบนี้พี่ต้องมาหาพี่ฮโยซองแน่ๆ”
ยองแจดูภาคภูมิใจกับการวิเคราะห์ของตัวเองมาก ในขณะที่ยงกุกกำลังมอง ..
ร่างโปร่งกำลังถือร่มของเขาอยู่นั้นเปียกปอนได้ทั้งตัว ถึงแม้จะเก็บร่มของเขาได้ แต่เมื่อมองดูดีๆ ร่างนั้นไม่ได้ถือร่มคันอื่นเลยนอกจากร่มของเขา แสดงว่าตากฝนมาอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ต้น เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวนั้นแนบไปกับลำตัวจนมองเห็นเนื้อใน เส้นผมสีทองบลอนด์ที่ลู่ลงเพราะความชื้นนั้นเหมือนช่วยจับให้ผิวของเด็กหนุ่มขาวจนแทบจะเรืองแสง ไหนจะใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูแล้วน่าจะยังไม่พ้นช่วงวัยรุ่นดีนัก ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
ดวงตาที่เลื่อนลอย กับริมฝีปากบางค่อยๆเผยอออกราวกับกำลังจะเอื้อนเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา
“ผม ..”
“อา .. อุตส่าห์เอาร่มของฉันมาคืน ขอบใจ .. เฮ้ย !”
ไม่ทันที่จะเดินเข้าไปรับร่มจากมือเด็กหนุ่มแปลกหน้า ร่างนั้นกลับทรุดลงกับพื้นตรงหน้าเขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับทุกคนในที่นั้น ร่มในมือถูกปล่อยกระเด็นไปอีกทาง ยงกุกไม่รอช้า รีบเข้าไปประคองร่างนั้นเอาไว้ทันที ดวงตาคู่นั้นปิดสนิท สติของเด็กหนุ่มเหมือนขาดวูบไปโดยที่เจ้าตัวนั้นยังไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ๆ นายเป็นอะไรน่ะ? เฮ้!”
“นายพาเด็กคนนั้นเข้าไปข้างในก่อนเถอะยงกุก เหมือนอาการเขาจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
ยงกุกพยักหน้ารับ ก่อนที่จะตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเด็กปริศนาคนนี้ น้ำหนักตัวที่มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ทำเอาเขาเกือบเซล้ม แต่ด้วยพละกำลังที่มีไม่น้อยทำให้เขาสามารถตั้งหลักกลับมายืนได้สบายๆ เขาอุ้มเด็กหนุ่มเดินตามฮโยซองเข้าไปหลังร้านด้านใน แขนของร่างโปร่งที่ตกลงทำให้เขาเพิ่งสังเกตเห็นถึงบางสิ่งบางอย่างที่ห้อยติดอยู่กับมือขาวๆคู่นั้น ..
บางสิ่งบางอย่างที่ดูแล้ว ..ลักษณะเหมือน ..
สายน้ำเกลือ .. ??
ความคิดเห็น