ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พระเยซู

    ลำดับตอนที่ #1 : กำเนิด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.22K
      4
      3 ก.พ. 50

    พระเยซู

    ศาสนาคริสต์เหมือนกับศาสนาใหญ่อื่น ๆ คือ มีศาสนาหรือผู้ก่อตั้ง (Founder) ผู้เป็นศาสดา ของศาสนาคริสต์ก็คือ พระจีซัสไครสต์ (Jesus Christ) หรือที่เรียกกันว่า พระเยซูคริสต์
    สกุลกำเนิด
              ก่อนที่พระเยซูอุบัติ ประวัติศาสตร์ของชนชาติยิวที่เป็นมายังกระจัดกระจาย ไม่สามารถ รวมกัน เป็นปึกแผ่นได้ จวบจนถึงสมัยตกอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน มีหัวหน้าซึ่งเป็น นักพรตของศาสนายิว ประจำอยู่ที่กรุงเยรูซาเลม เมื่อ พ.ศ. 543 หรือ ปีที่ 1 แห่งคริสต์ศักราช (บางตำรากล่าวว่าก่อน คริสต์ศักราช 4 ปี ) พระเยซูไครสต์ได้สมภพขึ้น ในโลกที่ตำบล เบธเลเอ็ม (ฺBethlehem) แคว้นยูดา ในประเทศปาเลสไตน์วันที่ ทรงสมภพไม่มีบันทึกไว้ แน่นอน พระศาสนาจักรได้กำหนดเอาวันที่ 25 ธันวาคม และวันดังกล่าวนี้ชาวคริสต์ถือเป็น วันคริสต์มาส บริเวณที่ทรงสมภพเป็นคอกเลี้ยงสัตว์ โดยเป็นบุตรของโยเซฟ และนางมาเรีย ตระกูลช่างไม้ นางมาเรียนั้นเป็นผู้สืบสกุลมาจาก พระเจ้าเดวิล โดยเป็นธิดาของโยคิมและนาง แอนนา ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าเมื่อโยคิม กับแอนนาสมรสอยู่กิน กันมาเป็นเวลานาน แต่ก็ หามีบุตรไม่ โยคิมจึงได้บวงสรวงงอ้อนวอน พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ประทานบุตร ที่ดีให้สักคน หนึ่ง เมื่อได้บวงสรวงเช่นนี้บ่อย ๆ เข้า ในที่สุดโยคิมก็ได้บุตรีสมความมุ่งหมาย ได้ตั้งชื่อว่า มาเรีย นางแอนนาได้นำมาเรียไปถวาย ไว้ที่วัดตั้งแต่ยังเยาว์ เพื่อให้ได้เรียนวิชาศาสนาและ การเย็บปักถักร้อย ต่อมาไม่นา
               บิดามารดาของมาเรียได้ถึงแก่กรรม เมื่อมาเรียโตขึ้นเป็นสาวแล้ว พวกพระที่วัดเห็นว่านางสมควรจะมีสามีได้ แต่นางไม่สมัครใจจะมีสามี แต่ก็สุดวิสัยที่จะหลีกเลี่ยงได้ เพราะกฎหมายบ้านเมืองมีอยู่ว่า หญิงสาวจะไม่มีผู้ปกครองไม่ได้ พวกพระเห็นว่าโยเชพซึ่งเป็นคนจน มีอาชีพในทางเป็นช่างไม้ เป็นผู้สมควร จึงแนะนำให้โยเชพไปสู่ขอ นางมาเรียจึงรับหมั่น เมื่อสู่ขอรับหมั้นได้แล้วยังไม่ได้แต่งงานอยู่กินด้วยกัน แต่ปรากฏว่านางมาเรียมีครรภ์แล้ว (อาจจะเป็นด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ได้) ส่วนโยเซพคู่หมั่นของนางก็เป็นคนดีมีความสัตย์ซื่อ ไม่ต้องการที่จะให้ข่าวนี้แพร่หลาย จึงคิดที่จะให้นางมาเรียหลบหนีไปเสียอย่างลับ ๆ แต่เมื่อโยเซฟยังตริตรองด้วยเรื่องนี้ ในค่ำคืนวันนั้นก็ได้มีทูตของพระเจ้ามาสำแดงในฝันว่า
              "โยเซฟ อย่าวิตกในการที่จะรับเอานางมาเรียมาเป็นภรรยาเจ้าเลยเพราะผู้ที่จะปฏิสนธิในครรภ์ของนางเป็นโดยเดชพระวิญญานบริสุทธิ์ นางจะประสูติเป็นชาย แล้วเจ้าจงเรียกนามท่านว่า .เยซู เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่จะโปรดช่วย ..........พลไพร่ของท่านให้รอดจากความผิดของเขา
               ครั้นโยเซฟตื่นขึ้นก็ได้ทำตามของทูตของพระเจ้า โดยได้รับนางมาเรียมา แต่มิได้ร่วมอยู่หลับนอนกับนาง จนนางประสูติบุตรชายแล้ว และได้เรียกนามของบุตรว่า เยซู
    ชีวิตปฐมวัย
              เมื่อพระเยซูได้สมภพ ณ ตำบลเบธเลเอ็ม แคว้นยูดา ครั้งนั้นเฮโรดเป็นกษัตริย์ผู้ครองกรุงเยรูซาเลมได้พวกนักปราชญ์จากทิศตะวันออก คือ เปอร์เซีย เดินทางมายังกรุงเยรูซาเลม แล้วถามว่า
                ท่านผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ชาติยูดาที่อยู่ที่ไหน? ..........เพราะว่าเมื่อเราผู้อยู่ในทิศตะวันออกได้เห็นดาวของท่านปรากฎขึ้น เราจึงหวังจะถวายนมัสการท่าน
                ครั้นกษัตริย์เฮโรดได้สดับเช่นนั้น ก็ทรงหวาดหวั่นสะดุ้งกลัว ไม่สบายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเลม ก็พลอยหวั่นกลัวด้วยจึงมีรับสั่งให้ประชุมบรรดาปุโรหิตใหญ่กับพวกอาลักษณ์แห่งพลเมือง แล้วตรัสถามว่า
               "ผู้เป็นพระคริสต์นั้นจะบังเกิดแห่งใด?”
              พวกเขาทูลว่า ที่ตำบลเบธเลเฮ็ม แคว้นยูดา
               กษัตริย์เฮโรดได้เชิญพวกนักปราชญ์เข้าเฝ้าเป็นการลับ แล้วได้ตรัสถามถึงที่ดาวนั้นปรากฎแล้วจึงได้ ให้พวกนักปราชญ์เดินทางไปยังตำบลเบธเลเฮ็ม พร้อมทั้งมีรับสั่ง
              จงไปหากุมารนั้นเถิด เมื่อพบแล้วจงกลับมาแจ้งแก่เรา เพื่อเราจะได้ไปถวายนมัสการท่านด้วย
               เมื่อพวกนักปราชญ์ได้ฟังคำของกษัตริย์แล้วก็ได้ลาไป และดาวซึ่งเขาได้เห็นในทางทิศตะวันออก นั้นก็ได้นำเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารประทับอยู่นั้น พวกนักปราชญ์ก็เกิดปีติยินดี ครั้นเข้าไป ในอาศัยก็ได้พบกุมารกับนางมาเรียมารดา จึงพากันถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบเอาของวิเศษ คือ ทองคำ กำยวน มดยอบ ออกมาถวายเป็นเครื่องบรรณาการ แล้วพวกนักปราชญ์เหล่านั้นก็ได้ยินคำห้าม ในฝันมิให้กลับไปเฝ้ากษัตริย์เฮโรด จึงได้กลับไปยังเมืองของตนทางอื่น
               ครั้นพวกนักปราชญ์กลับไปแล้ว ทูตของพระเจ้าได้มาปรากฎแก่โยเซฟในฝันว่า
               “จงลุกขึ้น พากุมารกับมารดาหนีไปยังประเทศอายุมุขโต และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหากุมารเพื่อประหารชีวิตเสีย
               ในเวลากลางคืนโยเซฟจึงได้ลุกขึ้นพากุมารกับมารดาเดินทางไปยังประเทศอายุมุขโต (อียิปต์) และได้อยู่ที่นั่นเป็นชั่วคราวก่อน ครั้นกษัตริย์เฮโรดที่กรุงเยรูซาเลมทรงทราบว่า พวกนักปราชญ์ดูหมิ่นก็ทรงกริ้วโกรธยิ่งนัก จึงทรงสั่งให้จับเด็กชายตั่งแต่อายุสองขวบลงมาในตำบลเบธเลเฮ็ม และตำบลใกล้เคียงอื่น ๆ แล้วนำไปประหารชีวิต ยังผลทำให้เด็กชายถูกจับไปประหารชีวิตตายเสียเป็นจำนวนมาก ต่อมาครั้น กษัตริย์เฮโรดพระองค์นี้สิ้นพระชนม์ ทูตของพระเจ้าจึงได้ไปปรากฎในฝันแก่โยเซฟที่ประเทศอายมุขโตว่า
               จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดากลับไปยังแผ่นดินอิสราเอล เพราะผู้ที่แสวงชีวิตของกุมารนั้นตายแล้ว
               โยเชฟจึงได้พากุมารกับมารดากลับไป.ยังแผ่นดินอิสราเอล โดยได้ไปอาศัยที่เมืองนาซาเรธ (Nazareth) แคว้นกาลิเล พรเยซูได้รับการชุบเลี้ยงดูท่ามกลางความสงบและสะอาด ในคัมภีร์ลูกากล่าวไว้ว่า มีชีวิตอยู่อย่างธรรมดาสามัญ สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในชีวิตมีแต่เรื่องของศาสนา เรื่องของธรรมดาและนักพรต เมื่อพระชนมายุได้ 12 พรรษา ได้ไปฟังธรรมในหมู่อาจารย์ ณ วิหารแห่งหนึ่งในกรุงเยรู เป็นเด็กฉลาด ช่างสังเกต ช่างคิด สามารถตอบปัญหาได้อย่างคล่องแคล่ว โดยได้ไต่ถามโยเชฟผู้บิดาและมาเรียผู้เป็นมารดาก็ได้รับ ความแปลกใจว่า ลูกของตนเป็นพูดจามีเหตุผลยิ่งกว่าเด็กสามัญทั่วไป เมื่อมีใครถามปัญหาอะไรกับพระเยซู พระเยซูมักจะตอบว่า ประเดี๋ยวก่อน ฉันจะถามบิดาของฉันดูก่อน คำว่า บิดาในที่นี้พระเยซูหมายถึงพระเจ้า ซึ่งเป็นลักษณะแสดงว่าพระเยซู มีภูมิธรรมน้อยนำไปสู่ความเป็นศาสดา นอกจากนี้พระเยซูยังเจริญรอยตามอาชีพของบิดาคือ มีอาชีพช่างไม้ได้เป็นช่างไม้ช่วยบิดา แม้จะยากจนแต่ก็หาโอกาส ศึกษาใฝ่หาความรู้ เช่น ได้ศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ กฎหมายเฮบรู บทกวี และได้ทรงศึกษา ค้นคว้าพระคัมภีร์ของ ศาสนายิวอย่างละเอียดเป็นพิเศษ ทรงรอบรู้ภาษาต่างชาติหลายภาษา เช่น ภาษาอียิปต์ อาหรับ และ โดยเฉพาะภาษากรีก ยังทรงมีความสามารถพิเศษในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยพลังทางจิตอย่างสูง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×