ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] เพราะเรากัดกัน (ผูกพันธ์) by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #42 : ตอน คนเห็นแก่ตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.32K
      12
      26 มี.ค. 54

     ตอน คนเห็นแก่ตัว











    "หิวน้ำ"

    "หยิบผ้าขนหนูให้หน่อยได้มั้ย"

    "เหงื่อออกเยอะเลย เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อนนะ"

    เป็นแบบนี้มาเกือบสองชั่วโมงแล้ว เห็นชัด ๆ ว่าคนพูดทำหน้าแบบว่าฝืนใจที่จะพูด คงจะรู้สึกแปลก ๆ ตัวเอง แล้วก็คงเขินที่จะพูดแบบนี้


    อยากจะหัวเราะก็อยาก อยากฟังก็อยากฟัง
    เลยไม่รู้ว่าควรจะบอกให้ทานตะวันหยุดพูดจาแบบนี้ หรือว่า ควรจะสนับสนุนให้พูดต่อไปดี

    ในใจก็แอบขำ แต่แสดงออกไม่ได้ เดี๋ยวหาว่าไปหัวเราะเยาะได้ซวยกันอีก

    คิดแล้วก็ตลก มีแต่เรื่องตลกเยอะแยะไปหมด เริ่มจากคนตัวโตบ้าบอที่ขยันทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเกินเหตุ ทำตาปริบ ๆ เดินตัวตรงเป็นหุ่นยนต์ไปได้


    เหตุผลคือ เดินหลังค่อมไม่ดี เดี๋ยวไม่น่าภูมิใจ เกี่ยวกันตรงไหน

    ไม่เห็นต้องสนเรื่องภูมิใจหรือไม่ภูมิใจในเมื่ออ้อนก็เดินลากขาแบบนี้ ทานตะวันควรจะอายที่ต้องมาเดินกับคนขาเป๋ ทำอะไรเชื่องช้าเป็นเต่าคลานมากกว่า

    อ้อนเดินหิ้วกระเป๋าและนำมาวางไว้บนม้านั่งตัวยาว ส่วนทานตะวันค้นหาผ้าขนหนูในกระเป๋าแล้วก็วิ่งลิ่วไปอาบน้ำ ปล่อยให้อ้อนนั่งเล่นอยู่คนเดียวและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

    หน้าที่แฟนที่ดีเหรอ

    หน้าที่แฟนที่ดีเป็นยังไง

    ให้ไอ้ทานทำหน้าที่แฟนที่ดีได้เหรอ เรื่องตลก ๆ แบบนั้น จะให้บอกเหรอ จะให้บอกว่าช่วยเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้เพื่อมาเป็นอย่างที่อยากได้งั้นเหรอ

    ถ้าไอ้ทานมันไม่เป็นอย่างที่เป็นตอนนี้ จะรักเหรอ ถ้าต่างจากนี้ ถ้าหน้าตาไม่ใช่แบบนี้ ถ้าไม่โวยวายอย่างนี้

    ถ้าทานมันเป็นเฮียก๋วยของไอ้รัก....คนที่ทำให้ไอ้รักนั่งร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเพียงเพราะว่าเฮียโกรธที่ไม่ยอมกินข้าวให้ตรงเวลาจนปวดท้อง คนแบบนั้นจะทำให้รักได้หรือไง

    แล้วจะชอบมั้ย.....ถ้าไม่ใช่ไอ้ทานบ้าคนนี้

    คนที่แหกปากโวยวาย เพราะแกะริบบิ้นที่พันหัวไม่ออก

    คนที่เอาแต่พูดปาว ๆ อยู่ทุกวันว่ากูคือประกาศิต คำสั่งกูเป็นสิทธิ์ขาด

    คนที่แทบจะกระโดดเตะรุ่นน้องเพียงเพราะมันวิดพื้นช้า ไม่ยอมมาซ้อม หรือโดดซ้อม

    คนที่ยิ้มแฉ่ง พูดจาดี มารยาร้อยแปดเวลาต้องเข้าหาผู้ใหญ่

    คนที่ทำหน้าเศร้า เวลาที่มีปัญหากับครอบครัว

    คนที่ท่าทางเหงา ๆ เวลาที่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง

    คนที่ร้องไห้ให้เห็น โดยไม่คิดจะวางฟอร์มอีกต่อไป

    และเป็นคน ๆ เดียวกับที่บอกว่า "รักทานเถอะ....ขอร้องล่ะ"

    คิดได้ถึงตรงนี้ แล้วอ้อนก็ได้แต่นั่งอมยิ้ม ก้มมองที่ฝ่ามือของตัวเอง แล้วก็ยิ่งยิ้มได้มากขึ้น

    ทานตะวันยังคงเป็นทานตะวันไม่เปลี่ยนแปลง

    ถ้าทานไม่ใช่คนนี้แล้วจะรักมั้ย คนมีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมต้องเป็นคน ๆ นี้
    ทำไมถึงทำให้รู้สึกถึงความพิเศษ ทำไมถึงได้รู้จักกัน ได้ทะเลาะกัน เกลียดกันมาก ๆ ไม่เคยเข้าใจกันเลย

    มีแต่เรื่องให้ขัดแย้งกันตลอดเวลา

    แล้วทำไม...........วันนี้ถึงได้ยิ้มได้เพราะคน ๆ นี้
    แปลกดีนะ บางทีเรื่องตลก ๆ ก็มักเกิดขึ้นกับชีวิตโดยไม่ทันรู้ตัว

    อ้อนนั่งคิดอะไรไปเรื่อย ๆ แล้วก็ยิ่งแปลกใจตัวเอง จะกลายเป็นคนฉวยโอกาสหรือเปล่า รู้ตัวว่าไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา


    หนี้ก็ยังติดไอ้ทานอยู่ไม่ได้ใช้คืนให้ ถ้าจะให้เป็นแฟนจริง ๆ แน่ใจหรือไงว่าจะเป็นได้
    ในเมื่อ.......ไม่มีอะไรน่าพิสมัยเลยสักนิด

    เอาใจไม่เป็น พูดหวาน ๆ ไม่ได้ ถ้าจะให้ปรับปรุงตัวก็คงได้ แต่จะทำได้ตลอดไปงั้นเหรอ จะรับปากได้ยังไงว่าจะทำไปได้ตลอด

    แล้วอนาคตล่ะ อนาคตจะเป็นยังไง วันหนึ่งถ้าทานมันเปลี่ยนไปจะทำยังไง ในเมื่อโอกาสในชีวิตของคนเรามีไม่เท่ากัน แล้วคนอย่างทาน มันจะมีความอดทนขนาดมาจมอยู่กับคนแบบนี้ได้ยังไง

    ความอดทน

    รู้อยู่แก่ใจตัวเองว่า ทานมันทนอะไรนาน ๆ ไม่ได้ แล้วก็พร้อมจะระเบิดออกมาเสมอ

    ดีแน่แล้วเหรอ ที่เป็นแบบนี้

    แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าดีแล้ว

     

    "หิวแล้ว......ไปหาข้าวกินกันเถอะ" เสียงของคนที่มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับผ้าขนหนูถูกเหวี่ยงโยนไว้ที่กระเป๋า หน้าที่ของอ้อนคือจัดการให้เรียบร้อย ใช่ หน้าที่คือจัดการให้เรียบร้อย

    แล้วทานตะวันก็ก้าวยาว ๆ จากไปโดยไม่รอ เหมือนทุกวัน.......

    เหมือนทุกวัน

    เหมือนเมื่อวาน

    เหมือนวันก่อน ๆ

    แล้วแบบนี้แน่ใจแล้วใช่มั้ย.........ว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด

    ดีแล้วเหรอ ที่เดินอยู่ข้างหลัง แล้วมองตามแผ่นหลังของคน ๆ นี้ ดีแล้วใช่มั้ย แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าดีแล้ว

    รู้ได้ยังไงว่าทานมันจะรักกันจริง ๆ อย่างที่ปากมันพูด

    ความคิดของอ้อนบั่นทอนความรู้สึกได้มากที่สุด ทั้งที่ควรจะยิ้ม ควรจะมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่ใช่ สิ่งที่รู้สึกไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

    หวังให้ใส่ใจมากกว่าที่เป็น หวังให้อีกฝ่ายแสดงให้รู้ว่ารัก หวังสูงเกินไป กำลังหวังบางสิ่งบางอย่างที่สูงเกินไปใช่มั้ย

    "อ้อน หิ้วกระเป๋าไปให้ตลอดนะ เดินตามหลังเราไปแบบนี้เรื่อย ๆ อ้อนทำหน้าที่ของอ้อน เราทำหน้าที่ของเรา
    ชั่วโมงนี้เวลานี้ อ้อนทำหน้าที่ของอ้อน แต่ชั่วโมงถัดไปเราจะทำหน้าที่ของเรา เราไม่อยากให้อ้อนมองว่าตัวเองไม่มีค่าแล้วก็ไม่อยากให้อ้อนหาเงินมาใช้หนี้


    เราแค่อยากให้อ้อนช่วยหิ้วกระเป๋าให้ อยากให้อ้อนช่วยถูหลัง ช่วยซักผ้า ช่วยทำนั่นทำนี่ให้เรา เพราะเราอยากให้อ้อนทำ...ทำให้เรา..ทำให้เพราะอยากทำให้เราคนเดียว"

    แล้วคนที่ยืนหันหลังพูดอะไรยืดยาวก็หันกลับมา แล้วส่งยิ้มเศร้า ๆ มาให้

    อ้อนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาเศร้า ๆ ของคนพูด แล้วความรู้สึกแย่ ๆ ที่คิดเมื่อไม่กี่นาทีก่อนก็ถูกพังทลายลงอย่าง ช้า ๆ

    "เราเห็นแก่ตัวใช่มั้ย.....ที่อยากให้อ้อนทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เราคนเดียว...เราไม่อยากให้อ้อนไปทำแบบนี้ให้ใครอีก....เรายอมรับ....ว่าเราเป็นคนเห็นแก่ตัว..เห็นแก่ตัวมาก ๆ กับอ้อนคนเดียว"

    น้ำเสียงสั่น ๆ ท่าทางเศร้า ๆ

    ทานตะวันหันกลับไปแล้ว และก้าวเดินอย่างช้า ๆ โดยมีคนที่เดินลากขา หิ้วกระเป๋าใบใหญ่เดินตามอยู่ข้างหลัง

    กำแพงสูงเริ่มพังทลาย

    คนบางคนเรียกร้องความสนใจ อยากให้มีคนทำบางสิ่งบางอย่างให้ ถ้าได้รับแล้วจะดีใจมากกว่าคนที่ได้รับอยู่เสมอแต่ไม่เห็นค่า


    คนบางคนอย่างทานตะวัน
    ต้องการคนที่เต็มใจช่วยถือกระเป๋า เต็มใจช่วยทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้

    โยนภาระหน้าที่บ้า ๆ บอ ๆ เพื่อให้คน ๆ หนึ่งทำ และอยากให้คน ๆ นั้นทำเพียงแค่คนเดียว

    มันคือความต้องการ มันคือความรู้สึกต้องการความรักที่จะถูกหยิบยื่นให้ แบบเป็นรูปธรรมไม่ใช่คำพูดลอยลม

    แล้วทำไมถึงไว้วางใจให้คนๆ หนึ่งทำให้

    ก็เพียงแค่อยากออดอ้อน อ้อนให้รักให้ดูแล ให้ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย

    คนตัวโตบ้าบอคนนั้น กลับมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนยิ่งกว่าใคร ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
    และพร้อมจะเสียใจตลอดเวลาหากถูกปฏิเสธความรัก

    กระเป๋าไม่ได้หนัก ในเมื่อทั้งรองเท้าและของบางส่วน ถูกดึงออกหมด และก็เห็นอยู่ว่าทานตะวันเอาไปถือไว้เองหมดแล้ว

    สิ่งที่อยากได้คืออยากให้ถือกระเป๋าให้ อยากให้เดินตามหลังไปด้วยกันเรื่อย ๆ อยากเก็บไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น

    "ทาน......อยากเห็นแก่ตัวงั้นเหรอ....ทำให้ตลอดไปแล้วกัน...แล้วอย่าไปทำแบบนี้กับใคร...ให้ทำกับเราได้คนเดียวพอ"

    เสียงที่บอกออกมา คำพูดของคนที่อยากฟังมากที่สุด

    ทานตะวันหันกลับมาแล้ว และไม่รีรอที่จะเดินไปรั้งข้อมือของอ้อนให้เดินเคียงข้างกันอย่างช้า ๆ
    รอยยิ้มสดใสถูกส่งให้กับคนที่ยอมรับความเห็นแก่ตัวของทานตะวันเอาไว้คนเดียว

    รอยยิ้มที่อยากได้มากที่สุด จากคน ๆ นี้

    "แน่ล่ะสิ....ก็ต้องเห็นแก่ตัวให้เยอะ ๆ อยู่แล้ว หนี้เป็นแสน ๆ เงินนะนั่น เงิน..เรื่องอะไรจะปล่อยทิ้ง...จริงมั้ย"

    แทบจะสะบัดมือหนีและหยุดความซึ้งไว้เพียงเท่านั้น ดีกรีความดีลดลงจนแทบติดลบ อ้อนเงยหน้าขึ้นมองหน้าของทานตะวันอีกครั้ง แล้วก็เห็นว่า


    ไอ้บ้าตรงหน้ากำลังยืนยิ้มกว้าง แถมนัยน์ตาคมยังส่องประกายระยิบระยับ เห็นแล้วน่ากระโดดต่อยให้หน้าหงายมากที่สุด

    "แต่ไม่เป็นไร จะเพิ่มให้ตามที่แม่อ้อนเรียก เดี๋ยวเอาสมุดไปจดรายการมาแล้วกันว่าจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ จะได้ให้แม่เตรียมเงินไปขอได้ถูก.. อย่าลืมไปนอนคิดมานะ แล้วพรุ่งนี้มาให้คำตอบเรา....รออยู่....ห้ามลืมเด็ดขาดรู้มั้ย"

     

    *****************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×