ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] เพราะเรากัดกัน (ผูกพันธ์) by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #34 : ตอน ได้เวลานอน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.61K
      16
      25 ก.พ. 54

     ตอน ได้เวลานอน 











    ทานตะวันใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กขยุ้มเส้นผมของตัวเองอย่างไม่สนใจไยดีนัก จะเรียกว่าเช็ดก็ไม่ได้ เพราะเป็นการขยำผ้าขนหนูลวก ๆ ให้หยดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนเส้นผมเหือดแห้งลงเท่านั้น

    เมื่อก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นเจ้าของห้อง กำลังสาละวนอยู่กับการจัดเตรียมฟูกนอนอีกผืน ทำเหมือนเป็นกิจกรรมยิ่งใหญ่ที่ใช้เวลาและสมาธิสูงจนไม่สนใจเรื่องรอบตัวเลยสักนิด


    ท่าทางแบบนั้นทานตะวันไม่ทันได้รู้ว่าอ้อนพยายามทำทุกอย่างเป็นปกติมากที่สุด ไม่ให้มีพิรุธ

    สาเหตุเป็นเพราะเวลานี้ไม่กล้ามองหน้าคนที่เพิ่งก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำนั่นเอง

    หลายครั้งที่นั่งนิ่งเฉย เหมือนไม่รู้จะทำอะไรดี ได้แต่รอว่าเมื่อคนที่อาบน้ำจะอาบน้ำเสร็จสักที

    แต่เมื่อทานตะวันก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ อ้อนก็ต้องรีบแกล้งทำทีเป็นวุ่นวายอยู่กับการจัดที่นอนและหมอนให้เข้าที่เข้าทาง

    ส่วนคนตัวโตกำลังยืนขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งเหยิงด้วยความสงสัยอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมอ้อนต้องรีบร้อนลนลานขนาดนั้นด้วย

    "ทำอะไรวะ" ทานตะวันเอ่ยทักทายและเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ คนที่โยนหมอนอีกใบลงมาบนฟูกนอนที่ปูไว้บนพื้น

    "ก็จัดที่นอน เดี๋ยวจะลงไปหาแม่เหรอ งั้นนอนก่อนแล้วกัน ตอนที่ขึ้นมานอนจะได้ไม่ต้องเปิดไฟปัดที่นอนอีก"

    อะไรของมัน พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง เวลาพูดทำไมไม่ยอมสบตา จะเกิดขยันอะไรขนาดนั้น ทุกทีไม่เห็นอยากจัดที่นอนเลย

    แล้ววันนี้ไอ้อ้อนมันจะนอนบนพื้นเหรอ มันก็นอนของมันบ่อย ๆ นี่หว่า แล้วทำไม รู้สึกแปลก ๆ วะ

    ทีนอนด้วยกันที่บ้านโน้น ยังนอนเตียงเดียวกันเลย แล้วมานอนบ้านนี้

    จะให้นอนเตียงแล้วไอ้อ้อนก็ไปนอนพื้นงั้นเหรอ พื้นที่มันห่างกันเกินไปหรือเปล่าวะ

    แต่จะว่าไปเตียงก็แคบแค่นี้นอนคนเดียวก็เต็มแล้ว ขืนไอ้อ้อนมันมานอนด้วยอีกคนเดี๋ยวได้ตกเตียงกันพอดี

    "นี่....เมื่อยขา...อย่าเพิ่งหลับนะ เดี๋ยวจะลงไปหาแม่ก่อน เดี๋ยวขึ้นมา"

    ผ้าขนหนูถูกโยนกองทิ้งไว้บนเตียง แล้วคนตัวโตก็รีบเดินไปเปิดประตูเดินลงไปที่ชั้นล่างของตัวบ้าน ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของอ้อนว่าจะลงมาดูรายการโทรทัศน์เป็นเพื่อน

    อ้อนนั่งมองคนที่วิ่งพรวดพราดจากไป และหันกลับมาสนใจกับการจัดเตรียมที่นอน ก่อนจะลุกขึ้นและนำผ้าขนหนูของทานตะวันที่โยนทิ้งไว้และไปตากให้เรียบร้อย

    หน้าที่กูอีกแล้ว ทิ้งนั่นทิ้งนี่ไว้ให้ตามเก็บ เออ สมแล้วที่ให้กูเป็นคนใช้ เบื่อไอ้ทานจริง ๆ
    อ้อนแอบบ่นกับตัวเองเสียงเบา และเดินกลับมานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนฟูกนอนของตัวเองที่ปูไว้บนพื้น

    "เฮ่อ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ทำไมหายใจไม่ทันวะ ไม่กล้ามองหน้าไอ้ทานเลย มันคงไม่สังเกตหรอกมั้งว่ายังตื่นเต้นอยู่ แล้วจะตื่นเต้นบ้าบออะไรกันวะเนี่ย ประสาทอีกแล้วกู"

    อ้อนบ่นงึมงำกับตัวเอง และค่อย ๆ เอนกายลงนอนบนฟูกนอน เอื้อมมือคว้าหมอนใบใหญ่อีกใบมากอดเอาไว้ และใช้มือขยำหมอนเล่นเหมือนไม่รู้จะทำอะไรดี

    หลายครั้งที่สายตาเหลือบมองไปที่บานประตู
    หลายครั้งที่ได้ยินเสียงแว่ว ๆ เหมือนคนกำลังเดินขึ้นมาบนห้อง
    และหลายครั้งที่ใจเต้นระทึก เมื่อคิดว่าทานตะวันจะเปิดประตูเข้ามา

    ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เอาแต่ลุ้นอยู่อย่างนั้น ตามองไปที่ประตูและหูก็ยังแว่วได้ยินเสียงเพราะการคิดไปเองคนเดียวของตัวเอง

    เป็นอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ไม่รู้ว่าลุ้นอยู่นานแค่ไหน แต่โดยที่ไม่ทันรู้ตัว ในที่สุดอ้อนก็เผลอหลับ ทั้งที่ใจยังพะวงรอทานตะวันที่ยังไม่ยอมขึ้นห้องมาสักที

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    คนที่อ้อนรอคอยจนเผลอหลับ ค่อย ๆ แง้มประตูห้องและย่องเข้ามาอย่างช้า ๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดเสียงจนอีกฝ่ายตื่น

    ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทั้งที่ไฟยังสว่างโร่ แต่คนที่นอนนิ่ง ๆ อยู่บนฟูกนอนบนพื้นก็ดูเหมือนจะหลับสนิทไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเวลานี้มีใครมานั่งอยู่ข้าง ๆ และท้าวคางมองหน้ายามหลับของตัวเอง

    คนตัวโตขมวดคิ้วมุ่น และ เอื้อมมือคว้าหมอนอีกใบที่อยู่บนเตียงก่อนจะลุกขึ้นเดินไปปิดไฟ และเดินมาเอนกายลงนอนข้าง ๆ คนที่ยังหลับใหล

    "บอกว่าเมื่อยจะมาให้นวดขา...ทำไมไม่ฟังวะ หลับไปได้ยังไง รอแค่นิดเดียวรอหน่อยไม่ได้หรือไงหนูน้อยแก้มแดง"

    นัยน์ตาคมจ้องนิ่งอยู่ที่ปลายจมูกโด่งและใบหน้าที่หลับสนิทของอ้อน ท่ามกลางความมืดยังพอมีแสงไฟที่สาดส่องเข้ามาบ้าง พอให้เห็นได้ลาง ๆ

    ทานตะวันนอนมองใบหน้าของอ้อนอยู่อย่างนั้น และก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

    ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงทำอะไรเสียงดังเอะอะ แล้วไอ้อ้อนก็คงลุกขึ้นมาทำหน้างัวเงีย ๆ แล้วมันก็นวดขาให้ แต่เวลานี้ไม่รู้ทำไม ถึงไม่อยากทำเสียงดัง ไม่อยากรบกวนคนนอนหลับ รู้สึกว่าไม่ค่อยดี ทั้งที่เมื่อก่อนก็ทำอยู่บ่อย ๆ


    ถึงฟูกจะแคบไปหน่อย แต่ก็พอเบียดกายเข้ามานอนข้าง ๆ กับไอ้คนที่หลับไม่รู้เรื่องนี่ได้ นอนมองหน้ามันแล้วมีความสุขดี


    ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะสนใจมันเลยสักนิด แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้แคร์ความรู้สึกมันมากขนาดนี้ก็ไม่รู้

    ไม่ชอบเลยถ้าไอ้อ้อนจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วก็ไม่ชอบให้มันเฉยด้วย ชอบเวลามันยิ้ม หรือเวลาที่มันทำท่าทางลนลาน เหมือนตอนที่ขอจูบมือมันเมื่อตอนหัวค่ำ

    น่ารักดี ดูแล้วรู้สึกว่ามันน่ารักไม่เหมือนใคร

    "นี่...หลับจริง ๆ หรือแกล้งหลับวะ ตื่นมาคุยกันหน่อยไม่ได้หรือไง หนูน้อยแก้มแดง"

    ทานตะวันค่อย ๆ ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ คนที่หลับสนิทและกระซิบบอกที่ข้างหูของอีกฝ่ายเสียงเบา

    อ้อนขยับกายเล็กน้อย และหันหน้าหนีไปอีกทาง ส่งเสียงอืออาในลำคอ เหมือนไม่พอใจที่ถูกรบกวน

    ทานตะวันแอบหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดโมโหในยามหลับของอ้อน

    คราวนี้เลยถือโอกาสวางมือลงไปที่เอวของคนที่นอนหันหลังให้ และขยับกายเข้าไปใกล้ ๆจัดการยึดหมอนของอ้อนมาเป็นของตัวเอง และวางปลายคางไว้บนศีรษะของอ้อน ก่อนจะก้มลงแตะปลายจมูกที่เส้นผมนิ่มเบา ๆ

    "อือ" ร่างที่นิ่งเงียบขยับกายอย่างช้า ๆ และปรือตาตื่นขึ้น เมื่อถูกรบกวน

    สายตาค่อย ๆ ปรับให้ชินกับความมืด และต้องสะดุ้งสุดตัว รีบผุดลุกขึ้นนั่งเมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างที่กกกอดเอาไว้

    "เฮ้ย ไอ้ ไอ้ทาน มานอนอะไรตรงนี้เนี่ย เตียงมีทำไมไม่นอน"

    อ้อนทำเสียงเอะอะโว้ยวาย และทานตะวันที่แกล้งหลับ ก็ลุกขึ้นนั่งทันที

    "อารายของเมิงวะไอ้อ้อน คนจะหลับจะนอนโอ้ย ทำเสียอารมณ์หมด ทำไมแค่นอนด้วยแค่นี้ทำเป็นหวง รีบ ๆ นอนซะทีง่วงจะตายแล้วโว้ยยยยยยยย"

    เล่นได้เนียนที่สุด อ้อนไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับคนที่มาแย่งที่นอน จะขึ้นไปนอนบนเตียง ก็ไม่ใช่ จะให้ลงไปนอนใกล้ ๆ ทานตะวันก็ไม่กล้า


    จนเมื่อถูกฝ่ามือของคนที่นอนนิ่ง ๆ รั้งให้ลงไปนอนเคียงข้าง คราวนี้ในใจเลยเต้นระทึกไม่เป็นส่ำ ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง ดีที่ดับไฟแล้วไม่อย่างนั้น คงได้อายและทำหน้าไม่ถูกแน่

    "อือ หนาว"

    ทานตะวันแกล้งนอนตะแคงข้างและคว้าตัวของอ้อนเข้ามากอดเอาไว้แน่น ใบหน้าห่างกันแค่คืบ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

    ส่วนอ้อนเวลานี้นอนเกร็งตัวแข็งทื่อ อยากจะยกท่อนแขนหนัก ๆ ของอีกฝ่ายออก ก็ไม่กล้า ดวงตากลมโตหลุกหลิกไปมา และหลับตาแน่นหายใจไม่ทั่วท้อง

    จนทานตะวันต้องอมยิ้มกับท่าทางขัดเขินของคนในอ้อมแขน

    "ไม่ดิ้นรนขัดขืนหน่อยเหรอจ๊ะตัวเอง เอาแบบนางเอกหนังไทยจะโดนพระเอกปล้ำน่ะ นึกว่าจะเล่นตัวซะหน่อยนี่ดันยอมง่าย ๆ ...พระเอกก็ไม่สนุกสิจ๊ะ"

     

    ไอ้ทาน ไอ้ทานมัน มันแกล้งอีกแล้ว ไอ้ ไอ้ ไอ้ อร๊ากกกกกกกกกกกก นี่กูจะทำยังไงกับมึงดีเนี่ย ไอ้บ้าเอ้ยยยยยยยย

    เพียงเท่านั้น อ้อนที่นอนนิ่ง ก็พยายามลุกขึ้น แต่ก็สู้แรงของคนตัวโตที่กดแขนลงมาไม่ได้

    "ไม่ได้หลับจริง แล้วจะมาแกล้งอะไรอีกวะ ไหนบอกวันนี้ไม่แกล้งแล้วไง ไอ้ทาน อึก โอ้ยยยยยยย จะมาเล่นมวยปล้ำรอบดึกหรือไงวะ ไม่เหนื่อยบ้างเลยมึง ไอ้บ้าโอ้ยยย"

    อ้อนพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่อีกฝ่ายกลับมีเรี่ยวแรงมากกว่า ทั้งใช้แขนกดที่ฝ่ามือของอ้อน ทั้งหัวเราะชอบใจอย่างสนุกสนาน ยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้นเป็นนาน

    จนในที่สุดคนที่อ่อนแอกว่าก็พ่ายแพ้ และนอนหอบหายใจหนัก เพราะสู้แรงของคนแกล้งไม่ไหว

    "แฮ่ก แฮ่ก ไอ้ทาน อื้อ เหนื่อยแล้วนะ โธ่โว้ย"

    อ้อนสบถออกมา และยังคงพยายามแกะมือที่รัดที่รอบเอวเอาไว้ให้ออกไปจากตัว แต่ยิ่งแกะก็ดูเหมือนว่าคนที่กอดจะกอดรัดแน่นขึ้น

    "เฮ้ย หยุดซะทีเหอะ เหนื่อยแล้ว ง่วงแล้วด้วย ทักว่าเป็นนางเอกหนังไทยหน่อยทำเป็นสะดีดสะดิ้งทันทีเลยนะ สงสัยอยากเป็นนางเอกหนังไทยจริง ๆ"

    ถ้อยคำที่หยอกล้อ ให้หงุดหงิดโมโห และเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ มันช่างกวนประสาท จนอ้อนได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ เพราะไม่รู้จะเถียงยังไงให้ชนะ

    "รีบ ๆ นอนซะทีสิวะ กูบอกว่าง่วงแล้ว อย่ามาตั้งเงื่อนไขให้มากนักได้มั้ย กะอีแค่ขอใช้เป็นหมอนข้างกอดเล่นแค่เนี้ย ทำเป็นมีมารยาอยู่เฉย ๆ เลย กูจะนอน"

    ไม่ใช่การหยอกล้ออีกแล้ว น้ำเสียงของทานตะวันกลายเป็นเสียงที่เคร่งขรึมและจริงจัง และอ้อนก็จำใจต้องนอนนิ่ง ๆ เป็นหมอนข้างให้คนตัวโตกอดเล่น

    หงุดหงิดโมโห เมื่อได้ยินคำว่าหมอนข้าง นี่เห็นเป็นหมอนข้างจริง ๆใช่มั้ย สงสัยจะจริงถึงได้ทำเป็นเฉยแบบนี้ ทีกูตื่นเต้นแทบตาย ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลยนะมึงไอ้ทานบ้า

    อ้อนนอนคิดด้วยความหงุดหงิดโมโห และเมื่อถูกกดใบหน้าให้ซุกซบลงที่แผ่นอกกว้างของทานตะวัน ก็ยิ่งโมโหหนักมากขึ้น

    เห็นเป็นหมอนข้างจริง ๆใช่มั้ย ถึงได้แกล้งกันแบบนี้ ไอ้ทานนะไอ้ทาน กูเกลียดมึงโว้ยยยยยยยยยย

    "นี่...รีบ ๆ หลับ ๆ ไปซะทีเหอะ หมอนข้างห่าอะไรวะ แข็งเป็กไปทั้งตัว กอดไม่สบายเลย จะนอนเกร็งอะไรกันขนาดนั้นวะ สงสัยอยากเป็นนางเอกหนังไทย กลัวกูปล้ำหรือไง ถ้ายังทำตัวแข็งทื่อแบบนี้...เดี๋ยวกูก็ปล้ำจริง ๆ หรอก..เอางั้นมั้ย"

    ทานตะวันอมยิ้มเมื่อได้แกล้งให้อ้อนโมโห ฝ่ามือที่กำแน่นของอ้อนทุบเข้าที่แผ่นอกของคนกอด และทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ เพราะความไม่พอใจ แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น


    ไม่ได้ออกฤทธิ์ออกเดชมาก เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนที่เถียงเท่าไหร่ก็ไม่เคยชนะอย่างทานตะวัน

    "เออ ให้มันมีชีวิตชีวาหน่อย นอนตัวแข็งทื่อ ไม่ชอบ ชอบแบบมีอารมณ์โกรธแบบนี้แหละ สะใจดี กูชอบบบบบบบบ"

    เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของคนบ้า อ้อนอยากจะดิ้นรนอีกสักรอบ แต่ติดที่ว่าร่างกายไม่อยากทำตาม
    ไม่เคยมีใครมากอดเวลานอน อึดอัดหรือเปล่า คำตอบก็คือไม่ ออกจะชอบด้วยซ้ำ ที่ได้สัมผัสไออุ่นร่างกายกันแบบนี้

    คนตัวโตเงียบเสียงไปแล้ว และอ้อนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ยังคงนอนลืมตาโพลงในความมืดทั้งที่ร่างกายถูกกอดเอาไว้แน่น

    มีคำถามมากมายผุดขึ้นในหัว แต่ก็ไม่มีข้อไหนที่อยากจะตอบ

    ได้แต่ปล่อยให้ความคิดไหลเรื่อย

    ไม่ต่างจากทานตะวันที่ไม่ยอมหลับตา ยังคงกอดกระชับร่างในอ้อมแขนเอาไว้แน่น ทั้งที่มีคำถามเกิดขึ้นกับตัวเอง
    หนึ่งในนั้น คือคำถามที่ว่า ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ แล้วทำไมถึงได้มานอนกอดอ้อนแบบนี้

    ตอบตัวเองไม่ได้ และไม่คิดจะหาคำตอบ

    จากที่หยอกล้อกันอย่างแรง และทำเหมือนอึดอัดใจที่ต้องมากอดกัน แต่ในเวลาไม่นาน อ้อมแขนที่ทำเหมือนแกล้งรัดร่างของอ้อนก็คลายออก แปรเปลี่ยนเป็นการกอดเอาไว้หลวม ๆ อย่างอ่อนโยน และให้ความอบอุ่นไม่ใช่การกลั่นแกล้งกันเหมือนในคราวแรก


    ไม่ต่างจากอ้อนที่ค่อยๆ เบียดกายเข้าหาไออุ่นของอีกฝ่าย อย่างช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว

    ไม่ได้นอนเกร็งแข็งทื่อเหมือนหลายนาทีก่อนและออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำ ที่ได้นอนเงียบ ๆ และปล่อยความคิดให้ไหลไปเรื่อย ๆ อย่างนี้

    ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ แต่รู้สึกถึงความอบอุ่น
    ไม่รู้ว่าตกอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันด้วยความเต็มใจได้อย่างไร

    เปลือกตาค่อย ๆ หนักอึ้งอย่างช้า ๆ แม้จะกระพริบตาถี่ ๆ ซ้ำหลายครั้งก็ไม่อาจห้ามให้ตัวเองฝืนความง่วงได้
    ร่างสองร่างยังคงมอบอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นให้กันและกัน โดยลืมคิดเรื่องกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ไปชั่วขณะ

    อ้อนหลับตาลงอย่างช้า ๆ

    และในเวลาต่อมา ทานตะวันก็เผลอหลับโดยไม่ทันรู้ตัวด้วยเช่นกัน

    ไม่รู้ว่ารู้สึกดีมากแค่ไหน
    ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีมากขนาดนี้

    แต่สิ่งที่ได้รับรู้

    คือรู้สึกดีจนไม่อยากห่างกันไปแม้สักวินาทีเดียว

     

    ***********************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×