ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #42 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ภาคี-ต้นสน ตอน แล้วเราก็รักกัน (ภาคจีบ)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.24K
      19
      9 ก.ค. 53

     ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ตอน แล้วเราก็รักกัน (ภาคจีบ)














    สนกินอะไรดี

     

    คำพูดซ้ำๆ ประโยคเดิมที่อัษฎาจำได้ขึ้นใจ ไม่รู้ภาคีจะถามเขาทำไม ในเมื่อไม่เคยรอคำตอบจากเขา พี่ท่านก็สั่งนั่นสั่งนี่มาจนเต็มโต๊ะ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากิน กิน กิน โดยไม่พูดอะไรเหมือนเดิม

    แล้วมันจะลากเขามากินข้าวตอนตี 5 ครึ่งของทุกวันทำไม แถมตี 2 เป๊ะ เดินมาซื้อบุหรี่ แล้วก็นั่งสูบอย่างเอาเป็นเอาตาย รอจนเขาเลิกงาน แล้วค่อยลากเขาไปกินข้าวด้วยทุกวัน

    สิ่งที่โมโหที่สุดคือ นี่หรือคือวิธีการขอโทษของคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกับเขาน่ะ

     

    ไม่มีการพูดว่าขอโทษสักคำ ไม่เคยถามว่าเขารู้สึกยังไง โกรธมั้ย โมโหมั้ย แล้วจะดีกันเมื่อไหร่ ก็ไม่เคยถาม เอาแต่ลากเขามานั่งกินข้าวด้วยแล้วก็เงียบ ไอ้ตัวเขาเองนี่ก็คงบ้ายิ่งกว่า รู้ทั้งรู้ว่าไอ้แผนกโยธามันทำเลวไว้ขนาดไหน ก็ยังมานั่งกินข้าวกับมันได้หน้าตาเฉย

    อัษฎาเหลือบตามองร่างสูงหลายครั้ง และก็เหมือนเดิม ภาคีไม่เคยสนใจจะพูดกับเขาสักคำ จนเขาอยากจะบ้าตาย

    ไม่ขอโทษเรื่องนั้นหรือไง

     

    หลังจากมากินข้าวกันเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ความจี๊ดในหัวของอัษฎาก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไป
    ต้องเอ่ยถามด้วยความโมโหเสียงดัง


    ภาคีเพียงแค่ชะงักนิดเดียว แล้วก็ก้มหน้าก้มตาตักต้มยำรวมมิตรซดน้ำกินอย่างอร่อย ทำเหมือนไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร ยิ่งเพิ่มความโมโหให้กับอัษฎาทวีคูณขึ้นไปอีก

    ร่างบางลุกพรวดพราดยืนขึ้นด้วยความโมโห ก่อนจะกระชากคอเสื้อของร่างสูงให้ตามขึ้นมา ตะคอกถามเสียงดัง

    ถามว่าไม่ขอโทษหรือไง...เรื่องนั้นน่ะอัษฎาเลือดขึ้นหน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดด้วยความโมโห ไม่ตอบไม่ว่า แต่ทำเฉยนี่สิ ใครมันจะไม่โมโหกัน


    ฝ่ามือแกร่งเพียงแต่จับมือเขาให้ผละออก และกดไหล่ให้นั่งลงที่เดิม

    น่าแปลกที่อัษฎายอมนั่งลงได้ตามที่ร่างสูงนั้นต้องการ ยังโมโหฟึดฟัดอยู่ กำลังจะอ้าปากหาเรื่องอีกสักรอบ ก็ปรากฏว่าภาคีตักปลาหมึกในจานผัดกระเพรามาใส่จานข้าวของเขาและพูดว่า

    พี่เห็นสนชอบกิน...สั่งกับข้าวทีไรสนก็กินแต่ปลาหมึกผัดกระเพราอย่างเดียวทุกที แต่พี่ชอบกินผัดบวบ ขอโทษที่พี่สั่งผัดบวบ ทั้งที่สนไม่ชอบกิน

    ภาคีพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันสักนิดกับเรื่องที่อัษฎาโมโห กลับไปพูดเรื่องอื่นหน้าตาเฉย เล่นเอาอัษฎาตามไม่ทัน

    หมึกผัดกระเพรางั้นเหรอ สังเกตอยู่ตลอดเลยงั้นเหรอว่า เขากินอะไรแล้วไม่ชอบกินอะไร ที่เห็นว่านั่งนิ่งๆ ไม่เคยพูดนั่น ที่แท้ก็สังเกตเขาอยู่เหมือนกันหรอกเหรอ แล้วเรื่องที่ขอโทษเรื่องผัดบวบ ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันสักนิด

    ถ้าต้นสนได้ยินเสียงหัวใจของคนที่นั่งนิ่งอยู่ตรงข้าม ต้นสนคงจะได้รู้ว่า ประโยคที่มาแทนการขอโทษเรื่องอาหารนั้น ภาคีต้องการจะพูดว่า ขอโทษที่ทำเรื่องที่ไม่ชอบ แต่พี่ทำไปแล้วกลับไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ พี่ก็เรียนรู้สิ่งที่ต้นสนชอบอยู่นี่ไงล่ะ

    อัษฎานึกโมโหคนตรงหน้าอยู่เหมือนกัน เป็นบ้าอะไรแทนที่จะขอโทษเรื่องนั้น กลายเป็นว่าขอโทษเรื่องสั่งผัดบวบ แต่เมื่อนึกทบทวนไปมา ถึงได้รู้ว่านั่นเป็นการขอโทษของร่างสูงนิ่งเฉยนี้

     
    นายขอโทษแล้วใช่มั้ย...อัษฎาเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ และพยายามคาดเดาความคิดของร่างสูงนี้

    การพยักหน้าช้าๆ เป็นคำตอบทำให้อัษฎาดีใจ แต่แล้วก็ชะงัก เขาควรดีใจที่ภาคีขอโทษ หรือดีใจที่เริ่มอ่านความรู้สึกของภาคีออกกันแน่ ก่อนจะตักผัดปลาหมึกในจานเข้าปาก

    ชอบกินผัดกระเพราปลาหมึกนะ ไม่ได้ยกโทษให้ อย่าฝันไปหน่อยเลย

    อัษฎายังคงก้มหน้าก้มตากินข้าวด้วยใบหน้าหงิกงอต่อไป ไม่ได้ทันสังเกต นัยน์ตาคมที่ลอบยิ้มน้อยๆ ก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้ววันนั้นก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเหมือนเดิม

    สำหรับภาคี ไม่เปลี่ยนแปลงแน่ จีบได้แค่นี้แหละ แต่สำหรับอัษฎา ภาคีก็ยังไม่รู้ว่าอัษฏาจะใจอ่อนเมื่อไหร่
    ได้แต่หวังว่า ไอ้การมาให้เห็นหน้าเช้ามืดและดึกดื่นป่านนั้น จะทำให้สักวัน ต้นสนยอมยกโทษเรื่องนั้นให้สักที


    .........................................

    คำพูดภาคี   ล้ำลึกมาก  ถ้าไม่ใช่สน  คงไม่เข้าใจอ่ะ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×