คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Mistake#2
Mistake!! # 2 : rewrite [ NC ? ]
ผมเหลือบมองร่างโปร่งของคนที่เดินตามหลังออกจากลิฟท์มาอย่างว่าง่ายผ่านบ่าของตน ใบหน้าคมสันหล่อเหลารับกับนัยน์ตาคู่คมกริบขวางโลกนั่นมองตรงมายังแผ่นหลังของผมที่เดินนำหน้าอยู่ไม่วางตาจนผมรู้สึกถึงเสียงหัวใจที่เต้นตุบๆอย่างตื่นเต้นจนแทบจะทะลุออกมานอกอกของตนเองอย่างเสียมิได้
แม้จะรู้ว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีนักที่จะชวนใครสักคนที่ตัวเองก็ไม่รู้จักขึ้นมาบนคอนโดส่วนตัวด้วยแบบนี้ แต่ก็เป็นความคิดที่แย่เหมือนกัน ถ้าหากจะไล่หมอนี่กลับไปทั้งๆที่ร่างกายของตัวเองกำลังร้อนรุ่มเต็มไปด้วยแรงอารมณ์เฉกเช่นที่เป็นอยู่… ดูเหมือนไม่ว่าทางไหนก็คงไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ค่ำคืนที่ดูจะวุ่นวายในความรู้สึกนี่ผ่านไปอย่างเรียบง่ายด้วยดี
ความอัดอัด หวาดหวั่น ตลอดจนความลังเลเข้าครอบงำความคิดที่กำลังสับสนในสมองผมอย่างเชื่องช้า… เวลาอีกเพียงน้อยนิดก่อนถึงประตูห้องที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวราวกับสิ่งมีค่าที่สุดในวินาทีนี้สำหรับคิดทบทวนการกระทำของสิ่งที่จะเกิดขึ้น… ผมรับรู้ถึงริมฝีปากของตนที่เม้มเข้าหากันแน่นอย่างกดดัน ก่อนจะรับรู้ถึงฝีเท้าก้าวสุดท้ายที่จำต้องสิ้นสุดลงเมื่อถึงหน้าห้องพักของของตน…
“ เอ่อ… ขอผมหากุญแจก่อนก็แล้วกัน ”
ผมที่กำลังสับสนมึงงงกับความคิดลังเลวกวนของตนทำได้เพียงยื้อเวลาให้กับการตัดสินใจครั้งนี้อีกเล็กน้อยด้วยแผนโกหกหน้าตายใส่อีกฝ่าย… ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหันไปเผชิญใบหน้าหล่อที่จับจ้องอยู่ก่อนแล้วของคนที่เดินตามหลังมาตลอดระยะทางสั้นๆนั่นพร้อมกับเอ่ยแผนสดๆร้อนๆนี่ออกไปในที่สุด
อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับเพียงเล็กน้อย… ริมฝีปากบางเฉียบนั่นยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่งก่อนที่มือเรียวขาวนั่นจะยกบุหรี่ขึ้นจรดริมฝีปากพร้อมกับพ่นควันออกมาอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังฆ่าเวลารอการเปิดประตูห้องของผม… แต่ในที่สุดแล้ว ยังไงเสียการกระทำเพียงแค่นั้นของหมอนั่นก็ยังคงกดดันให้ลนลานได้ถึงขีดสุดอยู่ดี…
ผมแสร้งควานมือไปตามกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างทำเหมือนกำลังหากุญแจเข้าห้องอย่างที่บอก ทั้งที่จริงแล้วในสมองกำลังโลดแล่นไปด้วยความคิดนับร้อยนับพันถึงกระบวนการ ตลอดจนวิธีที่จะสามารถนำไปสู่ทางออกเส้นที่ดีที่สุดให้กับความคิดบ้าๆอย่างการอยากลองมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันเช่นนี้ หากแต่…
“ นี่… ”
ยังไม่ทันที่จะได้ใช้เวลา รวมถึงระดมสมองไปมากกว่านั้น… ผมกลับรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นๆที่แตะกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูอันมาพร้อมกับกลิ่นบุหรี่ที่โชยเข้ามาแตะจมูก นั่นทำให้สมองที่เคยเต็มไปด้วยหลักการและเหตุผลของผมกลับมาโล่งว่างอีกครั้ง… พร้อมกับรับรู้ถึงร่างกายของตนที่แข็งทื่อไปเพราะอาการตกใจ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะแผ่นอกแกร่งที่แนบชิดซ้อนทับมาจากด้านหลังอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
“ อะ… อะไร? ”
ผมรวบรวมสติที่แตกกระเจิงของตนกลับมาก่อนจะพยายามข่มเสียงให้ปกติที่สุดก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป… เจ้าของแผ่นอกกับริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่ที่ข้างหูหัวเราะเย็นชืดแผ่วๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มือเรียวเย็นเฉียบนั่นจะค่อยๆโอบเข้าที่รอบเอวอย่างเชื่องช้าพร้อมกับค่อยๆคลำลากลงต่ำมาที่ขอบกางเกงที่ผมใส่อยู่…
รู้สึกถึงความร้อนจากร่างกายของอีกฝ่ายที่แพร่ผ่านแผ่นอกกับแผ่นหลังที่แนบชิดกันอยู่ของผมกับหมอนั่น ลมหายใจอุ่นร้อนเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่รินรดอยู่ที่ข้างใบหูก่อนจะมาจบที่จมูกโด่งสันที่ถูกกดลงข้างแก้ม… มือเรียวเย็นเฉียบที่เคยไล้อยู่ที่ขอบกางเกงเอื้อมมาจับที่ข้อมืออย่างเชื่องช้าพร้อมกับจับนิ้วโป้งของผมแสกนเข้าที่เครื่องสแกนลายนิ้วมือที่กำลังกระพริบแสงสีน้ำเงินของมัน…
“ เมาจนลืมเลยหรือยังไงว่าห้องตัวเองไม่ต้องใช้กุญแจ? หืม? ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นติดหัวเราะมาพร้อมกับที่ผมรู้สึกถึงแรงกดทับของใบหน้าหล่อที่พาดลงมาบนไหล่… Damn! ผมมันโง่เองที่คิดได้แค่เหตุผลโง่ๆเรื่องกุญแจขึ้นมาหลอก!!
ติ๊ด!!
เสียงประตูอิเล็กทรอนิกส์นั่นดีดออกช้าๆหลังจากแสงสีน้ำเงินของเครื่องสแกนวาบหายไป แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับกายหรือแม้แต่ปริปากพูดสิ่งใดไปมากกว่านั้นก็รับรู้ถึงร่างของตัวเองที่ถูกดันให้ผ่านพ้นประตูเข้าไปก่อนจะรู้สึกถึงแรงโน้มถ่วงซึ่งราวกับดึงดูดร่างของผมให้ลงไปนอนแน่นิ่งแข็งทื่อแผ่หลาบนพื้นพรมสีเทานิ่มนิ่มที่เคยอยู่ใต้ฝ่าเท้า…
เหตุการณ์ทุกอย่างดูจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วจนไม่อาจคาดคิดหรือจินตนาการได้ทันในความคิดและสมองโล่งว่างมึนชาของผม สิ่งเดียวที่รับรู้คืออากาศเย็นเฉียบที่เข้าปะทะผิวกายอันเนื่องมาจากเสื้อที่เคยใส่อยู่ถูกกระชากถอดผ่านศีรษะออกไปอย่างง่ายดายโดยฝีมือร่างสูงที่คร่อมอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่า
มือแกร่งเย็นเฉียบนั่นตรึงข้อมือของผมไว้เหนือศีรษะพร้อมกับใบหน้าหล่อที่โน้มเข้ามาใกล้จนจมูกของเราแนบชิดกัน… ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศไปชั่วขณะ สิ่งเดียวที่ผมได้ยินคือเสียงลมหายใจของตนเองและคนตรงหน้า รวมไปถึงเสียงก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นที่กำลังสูบฉีดเลือดถี่ยิบในช่องอกด้านซ้ายของตน
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
นัยน์ตาของผมสบประสานเข้ากับนัยน์ตาสีเข้มวาวจ้าคู่นั้นที่ห่างออกไปเพียงคืบ… ความมืดของห้องที่ยังไม่ทันได้เปิดไฟดูจะไม่เป็นอุปสรรคอันใด… ภาพที่ผมเห็นผ่านแสงจันทร์ที่ลอดเข้ามาคือริมฝีปากบางเฉียบได้รูปที่ค่อยๆเลื่อนลงมาแนบชิด… ผมหลับตาแน่นเกร็งไปทั้งร่างเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสนุ่มนิ่มที่แตะประทับเข้ามาก่อนจะตามด้วยลิ้นร้อนที่เข้ามารุกรานอย่างทันท่วงที
“ แฮ่กๆ ดะ…เดี๋ยว ผมขอถอดเอง... ”
ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายก่อนจะถูกช่วงชิงไปทั้งหมดผลักคนตรงหน้าออก อีกฝ่ายผละริมฝีปากออกแต่โดยดีพร้อมกับยกมือสองข้างขึ้นเชิงยอมรับคำขอ ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ความรู้สึกของทั้งร่างตะโกนบอกว่าตนเองกำลังเป็นรอง เป็นอีกครั้งที่ต้องเบือนใบหน้าหลบดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นที่จับจ้องมา มือที่สั่นน้อยๆแบบไม่ทราบสาเหตุของผมจับเข้าที่ชายเสื้อของตัวเอง ก่อนจะเลิกขึ้นช้าๆ...
เริ่มรู้สึกได้ว่าตัวเองคิดผิดเต็มๆที่อยากจะลองมีเซ็กส์กับผู้ชาย ...
ขณะที่เสื้อของผมกำลังจะถูกถอดพ้นตัวอยู่แล้วนั้น ข้อมือทั้งสองข้างของผมกลับถูกกระชากออกมา พร้อมกับความรู้สึกที่บอกได้ว่าร่างของตัวเองกำลังถูกกกดลงบนเตียง ริมฝีปากถูกบดเบียดอีกครั้ง ลิ้นร้อนๆที่ไล่ต้อนผมครั้งแล้วครั้งเล่าเริ่มทำหน้าที่ของมัน วินาทีต่อมาเสื้อของผมถูกกระชากออกจากกายอย่างรวดเร็วพร้อมกับอีกฝ่ายที่เว้นวรรคการจูบไปครู่หนึ่ง มือเรียวคู่นั้นจับที่ชายเสื้อของตนก่อนจะกระชากถอดออกอย่างรวดเร็ว
“ ช้า… ”
สิ้นเสียงเยือกเย็นที่กระซิบข้างหู ร่างขาวโพลนตรงหน้าก็โถมกายเข้าทาบทับร่างกายของผมอีกครั้ง ริมฝีปากเดิมที่กดลงตรงต้นคอพร้อมกับขบเม้มจนรู้สึกเจ็บ แรงกัดไม่เบานักที่หัวไหล่ตามมาด้วยต้นคอทำให้ผมต้องครางออกมาอย่างระบายอารมณ์ ตาคมคู่นั้นเหลือบมองผมนิดหนึ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจกับร่างกายของผมต่อ
ขณะที่ลืมตามองเพดานที่ทำจากกระจก พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับ รอยสักสีดำบนแผ่นหลังด้านซ้ายของคนตรงหน้า รอยสักสีดำสนิทตัดกับผิวสีขาวของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องจับจ้องอยู่พักใหญ่ ผมเคยเห็นรอยสักมาก็มาก หากแต่กลับไม่รู้สึกติดใจเท่ากับรอยสักอันนี้เลย ตัวอักษรเรียบๆแต่ดูพิถีพิถัน ถูกบรรจงรังสรรค์ขึ้นบนร่างขาวโพลนตัดกัน มันช่างยากนักที่จะละสายตา
6I
หากแต่ผมก็ต้องผละความสนใจมาจากรอยสักแทบจะทันที เมื่อมือเย็นๆข้างหนึ่งถูกลากไล้ลงต่ำเรื่อยๆจนถึงขอบกางเกง แล้วผมก็รู้สึกได้ว่าตะขอกางเกงของตัวเองถูกปลดออกช้าๆ….
…Damn!! ผมเปลี่ยนใจตอนนี้ทันมั้ย?
ผมรู้สึกถึงแรงบีบที่ต้นขาพร้อมๆกับความเจ็บที่ระบบไปทั่วตัวทำให้ผมไม่อาจข่มตาลงได้อีกต่อไป ริมฝีปากที่บดเบียดครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นเหมือนกับสิ่งเสพติดที่ขาดไม่ได้ ราวกับโลกทั้งใบถูกหยุดไว้ที่ห้องนี้ ผมได้ยินเพียงเสียงหายใจหอบถี่ของตัวเองและคนที่ทาบทับอยู่เท่านั้น เสียงที่ได้ยินรองลงมาคือเสียงสัมผัสกันของริมฝีปากกับลิ้นที่ดังไม่ขาด
แม้อากาศในห้องจะเย็นฉ่ำแต่เหงื่อก็ยังคงท่วมกายทั้งผมและอีกฝ่าย ภาพสะท้อนบนเพดานกระจกทำให้ต้องเบือนหน้าหนีมันด้วยความอับอาย
ผมเองก็ไม่เคยมีความคิดเลย ว่าตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายมาอยู่ด้านล่างแบบนี้…
ภาพรอยสักสีดำสนิทบนแผ่นหลังนั่นดูจะเป็นอีกภาพหนึ่งที่ติดตาของผมที่สุด ลืมตาครั้งใดก็พบ แม้หลับตาก็ยังคงพบเจอในความรู้สึก ริมฝีปากที่จูบสะแปะสะปะไปทั่วตัวทำให้ผมคิดได้ว่าคงจะมีร่องรอยเต็มไปหมด แต่จะมาคิดได้ตอนนี้ก็คงจะสายเกินกว่าจะถอนตัวแล้ว เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของคืนก็ไม่ทราบที่ผมคิดว่าตัวเองคิดผิดเข้าเต็มเปาที่อยากลองทำแบบนี้….
ถึงมันจะร้อนแรงวาบหวามกว่าเวลาที่ผมกอดผู้หญิงก็เถอะ แต่มันก็เหมือนการออกเรือไปในทะเลที่กำลังมีพายุคลั่ง เราทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า นอนรออยู่ใต้ท้องเรือ รอและรอ รอจนกว่าพายุที่โหมกระหน่ำบ้าคลั่งนั่นจะสงบลง หากแต่ความรู้สึกของทั้งร่างกายตอนนี้ ก็กำลังร้องเตือนผมเสียงดังลั่นว่า…
พายุลูกนี้คงจะสงบลงเอาพรุ่งนี้เช้า! งั้นต้องอีกกี่รอบต่อกี่รอบกันหรือ ที่ผมจะต้องนอนอยู่ใต้ร่างหมอนี่?
.
.
.
.
“ อย่าหวังจะได้นอน… ”
เสียงกระซิบแผ่วเบาที่มีความหมายมากมายในตัวของมันทำเอาผมต้องกัดปากแน่น รู้สึกหมั่นไส้รอยยิ้มเรียวร้ายบนหน้าหล่อๆนั่นขึ้นมาจับใจ อยากจะลองเหวี่ยงกำปั้นเข้าใส่ใบหน้าที่ดูแล้วจะใช้ทำมาหากินนั่นสักหมัด เอาให้ปากแตกเลือดสาดได้จะเป็นการดีมาก จะได้สาสมที่หมอนี่บังอาจมายิ้มเยาะคนอย่างผม!
“ ชำนาญจังนะ ทำกับผู้ชายบ่อยหรือไง? ”
คำถามเลื่อนลอยของผมทำเอาอีกฝ่ายชะงักไปพักใหญ่ คนตรงหน้าเค่นหัวเราะในลำคอแผ่วเบาก่อนจะเงียบไปราวกับไม่ใส่ใจกับคำถามของผมอีกต่อไป ‘น่าหมั่นไส้หว่ะ!’
ริมฝีปากที่กดลงบนผิวกายครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนย้ำเตือนความเป็นเจ้าของนั่น ทำให้ผมหงุดหงิด มือที่ขยำไปทั่วของหมอนี่ต้องทำให้ตัวผมเป็นรอยอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมกังวลหนักเข้าไปใหญ่ และผมเองงก็ลืมไปสนิทเลยว่าตัวเองมีงานอีกไม่กี่วันถัดไปนี้ แล้วแบบนี้รอยแดงๆทั่วตัวผมมันจะหายทันไปได้ยังไง?
เมื่อคิดถึงปัญหาที่กำลังจะตามมาได้ดังนั้น ผมใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ผลักคนตรงหน้าลงไปนอนแผ่อยู่บนเตียงก่อนจะพลิกตัวเองขึ้นนั่งคร่อม อีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะขัดขืน หากแต่กลับนิ่งไป รอยยิ้มเรียวร้ายที่มุมปากถูกส่งมาอีกครั้ง ตาสีดำวาวจ้าคู่นั้นจับจ้องผมไม่วางตา ลิ้นสีแดงสดที่ไล้เลียริมฝีปากตัวเองเชื่องช้านั่น ทำให้ผมหน้าแดงโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ จะทำก็รีบทำ แต่อย่าให้ตัวผมเป็นรอยไปมากกว่านี้… ”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆในลำคอดังตอบกลับมา พร้อมกับประโยคที่ผมฟังแล้วแทบผูกคอตาย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ งั้นนายก็นอนลงแล้วอ้าขาสิ… ”
….Damn!! ไอ้ปีศาจร้าย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เสียงสั่นถี่ๆของไอโฟนที่ผมคิดว่าวางอยู่บนเตียงไม่ห่างจากกายมากนักปลุกให้ผมลืมตาขึ้น แว่บแรกที่ขยับ ความเจ็บระบมทั่วตัวทำให้ต้องนอนนิ่งๆไปพักใหญ่ก่อนที่ผมจะควานหาโทรศัพท์ของตัวเองเจอในที่สุด
‘ 64 missed calls ’
ผมเบิกตาโพลงกับจำนวนมิสคอลมหาศาลตรงหน้าซึ่งเป็นของผู้จัดการส่วนตัวเสีย 57สาย ส่วนอีก7สายที่เหลือเป็นของแฟนสาวของผมเอง ผมรีบโทรกลับหาเธอในทันที รอสายไม่นานนักเสียงน่ารักก็เอ่ยเอื้อนขึ้น
“ คะ พี่ไนท์ ”
“ ว่าไงครับยูนิ โทรหาพี่มีอะไรรึเปล่า ”
ผมพลิกตัวนอนหงาย รู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบที่แล่นริ้วมาจากต้นขา พยายามข่มเสียงให้เป็นปรกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พอกวาดสายตาสำรวจร่างกายของตัวเองแล้วก็ต้องรู้สึกตกใจกับสภาพของตัวเองสุดๆ รอยแดงเป็นจ้ำๆที่ผมคิดว่าคงเป็นรอยดูด แดงทั่วตัวผมไปหมด ยังไม่นับรวมรอยบีบจนเป็นรูปมือตามต้นขากับรอยกัดที่หัวไหล่
ไอ้บ้านั่น จงใจชัดๆ อย่าให้เจออีกทีนะเว้ย พ่อจะซัดคืนให้หน้าหล่อๆนั่นเลือดซิบเลยเชียว!
“ พี่ไนท์ลืมนัดทานข้าวกับยูหรอคะ ”
ขณะที่ผมกำลังกัดฟันแน่นเพราะความแค้น ปลายสายเองก็นิ่งไปนิดหนึ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเชิงตัดพ้อสุดๆ ผมเองก็ชะงักไปครู่หนึ่งเช่นกัน ในใจนึกทบทวนตารางนัดของวันนี้ แล้วก็นึกออกจนได้ วันนี้ผมมีนัดทานข้าวกับยูนิตอนเที่ยงนี่นา!
“ เปล่าๆ พี่ไม่ได้ลืมนะครับ แต่ว่าพอดีพึ่งตื่น งั้นเดี๋ยวอีกประมาณครึ่งชั่วโมงพี่ไปรับนะ ”
ผมกดตัดสายหลังจากที่คุยกันต่ออีกสองสามประโยค ลืมตามองเพดานห้องของตัวเองที่ทำด้วยกระจกบานใสที่ผมเคยชอบมันหนักหนา หากแต่ตอนนี้ ทุกคราที่มองขึ้นไป ภาพตัวเองที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงโดยมีร่างขาวโพลนของอีกคนทาบทับอยู่ทำให้ต้องหันหน้าหนีได้เสียทุกที…
หากพูดถึงเรื่องเมื่อคืน จะว่าตื่นเต้น ก็ตื่นเต้นใช้ได้ จะว่าสนุก ก็คงจะใช่… แต่ถ้าถามว่าติดใจมั้ย? ตอบได้แทบจะทันทีเลยว่าไม่! ยังไงผมก็คิดว่าทำกับผู้หญิงดีกว่าเห็นๆ แถมผมยังไม่ต้องไปอยู่ข้างล่างแบบนั้นด้วย ผมหลับตาลงช้าๆไล่ความคิดฟุ้งซ่านนี่ออกจากหัว นึกขำเยาะเย้ยตัวเองนิดๆที่ทำเรื่องบ้าๆอย่างชวนผู้ชายขึ้นห้องแบบนั้นได้…
แต่ในเมื่อทำไปแล้ว ก็ไม่สามารถเรียกร้องให้อะไรต่ออะไรย้อนคืนมาได้ ที่ทำได้ก็มีเพียง เก็บเรื่องราวทุกอย่างไว้เป็นความลับ...
ความลับที่จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่า นายแบบดังอย่างผมเคยลองมีอะไรกับผู้ชาย!!!
ความคิดเห็น