My neighbor is spy ตอนพิเศษ : เจ้าสาวของเว่ยจินหยิน
เรื่องขำๆ เมื่อลูกน้องเกิดอยากหาเจ้าสาวให้เจ้านายสุดรัก
ผู้เข้าชมรวม
1,348
ผู้เข้าชมเดือนนี้
9
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้กินข้าวกับพี่สองคนแบบนี้น่ะ”
หญิงสาวผมดำสั้น อายุราวๆ ยี่สิบปลายๆ เอ่ยขึ้นขณะที่มือคีบเส้นบะหมี่ขึ้นมาจากถ้วย ชายสูงวัยกว่าที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามขมวดคิ้ว
“พี่คิดว่าเธอจะทำกับข้าวเตรียมไว้เสียอีก”
ผู้เป็นน้องสาวกลอกนัยน์ตากลมโตของเธออย่างแปลกใจ
“มีเวลาไปซื้อบะหมี่มาก็บุญแล้ว กว่าจะออกเวรมาได้”
“อืม.. คนไข้เยอะนี่นะ แล้วนี่มีธุระเรื่องอะไร”
เถียนซิงโบกมือใส่พี่ชายของหล่อน
“กินก่อนค่อยว่ากันก็ได้พี่ เดี๋ยวมันเย็น”
ผู้เป็นพี่ชายจึงก้มหน้าก้มตาจัดการกับบะหมี่ในชามตรงหน้า
เป็นเวลานานมากแล้วที่พี่น้องตระกูลเถียนไม่ได้เจอกันเป็นการส่วนตัว นอกจากภารกิจที่รัดตัวของคนทั้งคู่แล้ว เถียนซานมักจะมีเหล่าลูกน้องหรือลูกศิษย์ติดสอยห้อยตามมาด้วยเสมอ เขาเป็นหนึ่งในครูฝึกหน่วยดำ ซึ่งเป็นหน่วยงานนักฆ่าของตระกูลเว่ย และเป็นหัวหน้าหน่วยด้วย
บ้านของตระกูลเถียนเป็นห้องแถวเล็กๆ ซึ่งในอดีตเคยมีเหล่าลูกศิษย์ของเถียนซานแวะเวียนมากินอยู่ไม่ขาด แต่หลังจากที่เว่ยชิงสร้างสำนักงานใหญ่ของหน่วยเสร็จ ที่สุมหัวแห่งนี้จึงร้างไป เถียนซิงยกถ้วยบะหมี่ขึ้นซด และเรอออกมาเสียงดัง ท่ามกลางคิ้วสีดำที่ขมวดเข้าหากันอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ของผู้เป็นพี่ชาย
“ไม่ได้ทำต่อหน้าคนอื่นหรอกน่า”
ผู้เป็นน้องสาวแก้ตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความเชื่อถือนัก ดังนั้นหล่อนจึงรีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“พี่ใหญ่ คุณจินหยินนะ มีแฟนหรือยัง?”
“คุณชายน่ะหรอ?”
เถียนซานถามย้อน เถียนซิงคงหมายถึงเว่ยจินหยิน บุตรชายคนรองของเว่ยชิง ผู้เป็นเจ้านายและเพื่อนสมัยเด็กของเขา หรือจะพูดให้ถูกคือเขาดูแลเว่ยจินหยินมาตั้งแต่ยังเด็กนั่นแหละ ผู้เป็นพี่ชายนึกถึงเจ้านายวัยสามสิบ กับแว่นตากรอบทอง ผมหวีเรียบแปล้ และเสื้อผ้าที่สะอาดเรียบร้อยเป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลาแล้วส่ายหน้า
“คิดว่ายังไม่มีหรอก ทำไมหรือ?”
เขาตอบ พลางมองน้องสาว และคิดว่าถ้าเจ้าหล่อนเรียบร้อยได้สักครึ่งหนึ่งของเจ้านายของเขาคงจะดีไม่น้อย นัยน์ตากลมโตของเถียนซิงเป็นประกายอย่างยินดี
“คุณจินหยินน่ะ อายุสามสิบกว่าแล้ว ควรจะแต่งงานได้แล้วนะพี่”
“พี่ว่าพี่น่าจะคิดถึงเธอก่อนมากกว่า”
นัยน์ตาของเถียนซิงหงอยลงทันที
“โธ่ พี่ใหญ่ พี่น่าจะปลงเรื่องฉันได้แล้ว เอาเถอะๆ ที่ลากมานี่คืออยากจะให้พี่ช่วยแนะนำเพื่อนฉันให้กับคุณจินหยินหน่อย แหม ยังไม่มีแฟนด้วย ลีลี่คงดีใจ”
“ลีลี่น่ะนะ?!”
ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยถามซ้ำราวกับไม่เชื่อ เถียนซิงพยักหน้า
“อืม ลีลี่ พี่จำได้ใช่ไหมล่ะ คิดว่าเธอเป็นไง”
“ลีลี่...”
เถียนซานย้อนนึกไปถึงเด็กผู้หญิงผมยาวสลวยเป็นมันที่เขาเคยพบเมื่อนานมาแล้ว และพยักหน้า
“อืม ก็เป็นเด็กที่น่ารักนะ”
“นั่นแหละ ฉันอยากแนะนำเธอให้รู้จักกับคุณจินหยิน พี่ว่าไง?”
“ทำไมล่ะ ลีลี่เกิดสนใจคุณชายหรือไง”
“ก็ไม่เชิงหรอก”
เถียนซิงทำท่าใช้ความคิด
“วันก่อนคุยกันถึงเรื่องชีวิตสาวโสด แล้วบังเอิญนึกถึงคุณจินหยินขึ้นมา เลยเล่าให้ฟัง ลีลี่เลยอยากจะเจอตัว แหม...หนุ่มแว่นเรียบร้อยสุภาพนี่ผู้ชายในสเป๊กเลยนะพี่”
ผู้เป็นพี่ชายถอนหายใจยาว
“สเป๊กคนอื่นไม่ใช่สเป๊กเธอใช่ไหมล่ะ”
เถียนซิงโบกมืออย่างรำคาญ
“น่าๆ ตกลงว่าพี่จะช่วยฉันหรือเปล่า แค่แนะนำให้รู้จักกันเอง ลีลี่ก็ไว้ใจได้นะ”
“อืม....ไว้จะลองคุยกับคุณชายให้แล้วกัน”
-----------------------------------------------
“สรุปว่าอาซิงอยากหาแฟนให้ฉัน?”
เว่ยจินหยินพูดหลังจากฟังเรื่องราวจากผู้เป็นลูกน้องจบ เถียนซานพยักหน้า พลางมองดูปฏิกิริยาของดวงตาสีดำภายใต้แว่นตากรอบทอง เว่ยจินหยินเคาะนิ้วเรียวยาวกับโต๊ะเป็นจังหวะอยู่พักหนึ่งและถอนหายใจแข่งกับเสียงของลมทะเลยามพลบค่ำ
“อุตส่าห์ชวนมาทานอาหารกลางอ่าวฮ่องกง คิดว่าจะมีเรื่องอะไรสำคัญเสียอีก”
“จริงๆ มันก็สำคัญนะครับ”
เถียนซานกล่าวและทำหน้าจริงจัง ความจริงเขาแค่อยากหาที่คุยเงียบๆ ที่ดูเป็นการส่วนตัวสักหน่อย ไม่รู้ว่าผู้เป็นเจ้านายเข้าใจอะไรผิด ถึงได้เลือกร้านอาหารบนเรือกลางทะเลแบบนี้
“คุณน่ะก็อายุเยอะแล้ว ควรจะหาคนไว้คอยปรนนิบัติบ้าง”
“ฉันเพิ่งอายุสามสิบสอง”
ผู้เป็นเจ้านายพูดตอบ และถอนหายใจ
“จริงๆ คุณพ่อก็เคยพูดกับฉันเรื่องนี้ ฉันก็เคยเอามาลองคิดๆ อยู่ แต่ว่าถ้ามีผู้หญิงแล้วชีวิตมันจะดีขึ้นจริงๆ หรอ?”
“ดีสิครับ คนเราควรจะหาคู่ใจไว้สักคนหนึ่ง”
เถียนซานพยายามจะพูดจาหว่านล้อม หลังจากคุยกับเถียนซิง เขาก็คิดว่าเจ้านายของเขาควรจะเป็นฝั่งเป็นฝาได้แล้ว
“อืม อย่างนั้นทำไมนายไม่แต่งก่อนล่ะ นายเองก็จะสี่สิบแล้วนี่”
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ”
ผู้เป็นลูกน้องตอบ และรีบอธิบายต่อ
“ผมทำงานอันตราย ถ้ามีครอบครัวคงจะสร้างภาระและปัญหาเปล่า แต่คุณไม่ใช่ คุณควรจะหาทายาทได้แล้ว”
“ฉันยังไม่นึกอยากมีลูกหรอกนะ ดูอย่างคุณพ่อสิ”
คำตอบของเว่ยจินหยินทำเอาเถียนซานถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง เป็นที่รู้กันว่าพี่น้องตระกูลเว่ยไม่มีใครสนิทกันแบบพี่น้องเลยสักคนหนึ่ง ต่างคนต่างอยู่ อย่าว่าแต่โตมาด้วยกันเลย บางคนยังจำหน้ากันไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมความผูกพันกับผู้เป็นพ่อนั้นเรียกว่าอยู่ในระดับผลประโยชน์ต่างตอบแทนมากกว่าความกตัญญู
ผู้เป็นเจ้านายถอนหายใจอีกครั้ง และยิ้มออกมา
“เอาน่ะ ก็ไม่ได้อยากจะบอกปัดความหวังดีของนายกับอาซิงหรอกนะ”
“เข้าใจครับ อย่างนั้นลองไปเจอกันสักครั้ง...”
เว่ยจินหยินโบกมือปฏิเสธทันที
“ไม่เอาล่ะ ฉันไม่อยากปวดหัว มีหนแรกก็ต้องมีหนสอง”
“ก็นั่นแหละครับ”
ผู้เป็นเจ้านายเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างแปลกใจ
“ท่าทางนายตั้งใจจะหาเจ้าสาวให้ฉันให้ได้เลยนะนี่”
เถียนซานพยักหน้า เว่ยจินหยินถอนหายใจและหลับตาลง
“นายเบื่อจะดูแลฉันแล้วหรอ”
“เปล่าครับ”
“งั้นก็น่าจะเลิกความคิดที่จะหาคนมาดูแลฉันได้แล้ว”
“มันไม่เหมือนกันนะครับคุณชาย ผมน่ะดูแลคุณได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าคุณมีภรรยานั่นก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง”
เว่ยจินหยินเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ยังไงล่ะ เจ้าสาวฉันจะคอยให้คำแนะนำฉันแบบนายรึ? หรือว่าจะคอยหานั่นหานี่มาให้ตามคำสั่ง จะรู้ใจฉันเท่ากับนายหรอ?”
“ของแบบนั้นมันต้องใช้เวลานะครับ”
เถียนซานพูดพลางเกาศีรษะ
“คุณไม่ควรเอาผมไปเปรียบเทียบ ผมอยู่กับคุณมานานแล้วก็ย่อมต้องรู้เป็นธรรมดา”
“อืม... ฉันมองไม่เห็นเหตุผลเลยว่าทำไมต้องไปเริ่มใหม่กับคนที่ไม่รู้จัก”
“โธ่ คุณชาย... ภรรยากับลูกน้องน่ะไม่เหมือนกันนะครับ”
“เอาล่ะ พอๆ”
เว่ยจินหยินโบกมือเป็นเชิงปราม เลื่อนมือมาขยับแว่นให้เข้าที่ ก่อนจะมองหน้าผู้เป็นลูกน้องด้วยสายตาเคร่งขรึม
“ฉันจะพูดชัดๆ เลยนะ คนเราน่ะจะมีความสุขที่สุดก็ตอนที่ได้อยู่กับคนที่รู้ใจมากที่สุด นายเห็นด้วยไหม?”
“ครับ”
“ตอนนี้ฉันมีคนที่รู้ใจมากที่สุดอยู่แล้ว ฉันไม่คิดว่าจะต้องไปสร้างคนที่รู้ใจขึ้นมาใหม่ นายบอกเองนี่ว่ามันต้องใช้เวลา แล้วทำไมฉันต้องเสียเวลาไปกับเรื่องแบบนี้ด้วยล่ะ”
“ก็เพราะผู้หญิง...”
เว่ยจินหยินพูดแทรกขึ้นทันที
“นายเห็นฉันมีปัญหาเรื่องเซ็กซ์รึ?”
“เปล่าครับ”
“ภรรยาไม่ใช่เครื่องบำบัดเซ็กซ์ แล้วฉันก็ไม่ได้มีปัญหา และคนรู้ใจมากที่สุดฉันก็มีแล้ว เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลทั้งหมด ฉันจึงขอปฏิเสธความหวังดีของนายกับอาซิงจากใจจริง”
“ครับ..เฮ้อ...”
เถียนซานยอมแพ้ในที่สุด เขาถอนหายใจยาว ได้ยินเสียงเว่ยจินหยินหัวเราะ
“ไม่ค่อยได้เห็นนายพยายามจะไล่ต้อนฉันแบบนี้มานานแล้วนะ ยังเห็นฉันเป็นเด็กๆ อยู่หรือไง”
“มีส่วนครับ”
ผู้เป็นเจ้านายหัวเราะอีกครั้งหนึ่ง เว่ยจินหยินเป็นคนที่ยิ้มและหัวเราะได้มีเสน่ห์ทีเดียว
“ฉันว่าฉันดูแลตัวเองได้แล้วนะ”
เว่ยจินหยินว่า และพยายามจะแกะเปลือกกุ้งในจาน ไม่นานนักก็มีกุ้งปอกเปลือกเรียบร้อยแล้วถูกหย่อนลงมาในจานของเขา
“ขอบใจ”
หนุ่มวัยสามสิบสองว่า พลางจิ้มส้อมลงไปบนกุ้งที่แกะเปลือกแล้วในจาน และโบกไปมาตรงหน้า
“คนที่รู้ว่าฉันกินหางกุ้งก็น่าจะมีแค่นายนี่แหละ”
ผู้เป็นเจ้านายกล่าว และจัดการเอากุ้งที่แกะเปลือกแล้วตัวนั้นเข้าปาก ก่อนจะส่งกระดาษทิชชู่ให้ผู้เป็นลูกน้อง
“ความจริงฉันชอบให้นายเห็นฉันเป็นเด็กๆ แบบนี้นะ แต่เรื่องแต่งงานน่ะ ขอทีเถอะ”
“ครับ”
เถียนซานรับคำ และแกะกุ้งให้เจ้านายต่อ
----------------------------
“แล้วสรุปว่าคนรู้ใจที่คุณจินหยินว่าน่ะเป็นใคร?”
เสียงของเถียนซิงแหววมาทางโทรศัพท์ ผู้เป็นพี่ชายนิ่งคิดไปพักหนึ่ง
“คงหมายถึงพี่กับเธอ”
“อ้อ...”
เสียงหญิงสาวดังอู้อี้กลับมา
“ฉันว่าพี่น่ะตามใจคุณจินหยินจนเคยตัว ดูท่าทางเขาจะติดพี่ขนาดหนักเลยนะนั่น”
“คุณชายก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”
“จ้า แล้วฉันควรจะบอกลีลี่ว่ายังไงดี คุณจินหยินอยากได้เจ้าสาวแบบพี่ชายของฉันหรอ?”
“พี่จะดีใจมากถ้าเธอจะไม่ใช่ประโยคแบบนั้น”
เถียนซานกรอกเสียงกลับไปอย่างเหนื่อยหน่าย
“โธ่พี่ใหญ่ แล้วจะให้บอกว่าอะไรล่ะ?”
“บอกว่าคุณชายปฏิเสธมาแล้วกัน”
“ลีลี่คงเสียใจแย่”
“ไม่หรอก”
ผู้เป็นพี่ชายพยายามปลอบ ก่อนจะได้ยินเสียงปลายสายดังอู้อี้กลับมา
“จะหมดเวลาพักแล้วพี่ ตกลงฉันจะบอกลีลี่ว่าคุณจินหยินอยากได้ผู้หญิงแบบพี่แล้วกัน ลีลี่จะได้ไม่เสียใจมาก จริงๆ น๊า ทำไมคุณชายไม่ขอพี่แต่งงานไปเลย”
“พี่เสียใจนะอาซิง ถ้าเธอจะพูดแบบนั้น”
“ไม่เอาน่าพี่ คิดมากไปได้ ก็คุณจินหยินพูดแบบนั้นนี่นา เอ้อ ต้องไปแล้วล่ะ ไว้เจอกันค่ะ”
เถียนซานถอนหายใจยาวหลังจากอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก
“สวัสดี อาซาน ช่วงเที่ยงนี้ว่างรึเปล่า เข้ามาที่ออฟฟิสฉันหน่อยสิ”
เสียงปลายสายคุ้นหูแบบนี้คงไม่ใช่ใครอื่น เถียนซานมองดูนาฬิกา ก่อนจะตอบกลับไป
“ติดธุระนิดหน่อยน่ะครับ อาจจะเข้าไปได้บ่ายๆ หรือเย็นๆ”
“หรอ?”
เสียงของเว่ยจินหยินดูเหมือนจะผิดหวังหน่อยๆ
“บ่ายฉันไม่ว่างแล้ว ปลีกตัวมาไม่ได้เลยหรอ อืม งั้นไม่เป็นไรหรอก”
เว่ยจินหยินทำเสียงละห้อย ทำเอาคนฟังต้องคิดหนัก
“ถ้าเป็นช่วงสิบโมงถึงก่อนเที่ยงล่ะก็พอได้ครับ”
“เอ้อ ได้ เข้ามาเลยนะ รออยู่”
น้ำเสียงของผู้เป็นเจ้านายร่าเริงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ครับ”
เถียนซานวางสายและถอนหายใจยาวอีกครั้ง
สงสัยว่าเขาจะตามใจเว่ยจินหยินมากไปจริงๆ นั่นแหละ
-----------------------------------------------
ผลงานอื่นๆ ของ Ju~oN ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Ju~oN
ความคิดเห็น