ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ╰GOT7╮Vampire's Curse JARK ✡

    ลำดับตอนที่ #1 : Vam's Curse | chap.1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 332
      3
      6 ต.ค. 57

     

     



     


         คุณชอบอ่านหนังสือหรือนิยายมั้ยครับ ผมคิดว่าทุกคนต้องมีหนังสือเล่มโปรดที่ทุกคนชอบอ่านเหมือนกัน แต่ความชอบของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนชอบรักโรแมนติก บางคนชอบดราม่า บางคนชอบขำขันหรือแม้กระทั่งหนังสือที่เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ ที่มักไม่เป็นความจริงหรือจริงก็มีบ้างแล้วแต่วิจารณญาณ ของแต่ละคนบางคนเสพติดสิ่งพวกนั้นอย่างงมงาย ซึ่งคนพวกนั้นก็หาได้ไม่ยากหรอกครับ เช่นผมเป็นต้น... ต้วนอี้เอิน หรือ มาร์ค ต้วน

     

       

     

          ภายในห้องนอนของผมที่ถูกจัดเป็นระเบียบ มีชั้นหนังสือเรียงกันอยู่มากมายราวกับตัวผมเองเป็นนักศึกษาศาสตร์ที่มีหนังสืออยู่ในห้องตัวเองหลายร้อยเล่มจนพื้นที่เก็บไม่เพียงพอ  ตามชั้นวางของเต็มไปด้วยโมเดลตัวละครต่างๆอย่างเช่น แฮรี่พอตเตอร์ , เฟรดดี้, แช็กกี้เป็นต้นที่ผมเริ่มสะสมเองตั้งแต่อายุ12  ภายในห้องถูกทาด้วยสีม่วงทึบส่วนตัวผมชอบสีนี้ครับ มันให้ความลึกลับดี หลายครั้งที่แม่ของผมพยายามจะจัดห้องให้ผมใหม่ เนื่องด้วยมันดูทึบและน่ากลัวจนเกินไป แต่ผมก็ปฎิเสธไปหลายครั้งเช่นกัน

     

     

     

         “มาร์คลูก แม่เอานมมาให้

     

     

     

         แม่ของผมค่อยๆเปิดประตูก่อนจะค่อยๆเดินก้าวเข้ามาในห้องก่อนจะไล่กวาดสายตามองรอบๆห้องอย่างเกร็งๆ อันที่จริงห้องผมก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นเท่าไหร่ แต่ส่วนตัวแม่ของผมแกเป็นคนขี้กลัวอะไรที่มันลี้ลับแบบนี้อยู่แล้วเลยทำให้แกระแวงห้องของผมเพิ่มขึ้นไปอีก

     

     

     

         “ขอบคุณครับ

     

     

     

       ผมเงยหน้าจากการอ่านหนังสือเล่มโปรด ก่อนจะเอื้อมมือไปรับแก้วนมอุ่นจากแม่มาวางไว้ที่หัวเตียง ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ เท่าที่ผมสังเกตุได้ในตอนนี้แม่ของผมดูตัวสั่นยังไงชอบกล ก่อนจะหย่อนตัวลงมานั่งบนเตียงข้างๆผม

     

     

         “อ่านอะไรอยู่หรอลูก

     

     

         “พวกเรื่องตำนานผีของต่างประเทศครับแม่ แม่อ่านมั้ย ตรงชั้นนู้นมีเต็มเลยนะ

     

      

         แม่หันไปมองตรงชั้นที่ผมชี้ ก่อนจะมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วค่อยๆยิ้มเกร็งๆออกมา แม่ไม่ได้ตอบอะไรมากครับ แต่แกรีบเดินออกไปจากห้องนอนของผมเฉย

     

     

     

          อันที่จริงแม่แกชอบเป็นแบบนี้เวลาเข้ามาในห้องนอนของผมครับไม่รู้เป็นอะไร ส่วนพ่อของผมแกไม่ค่อยได้เข้ามาห้องของผมสักเท่าไหร่ นานๆจะเข้ามาที ก็หอบหิ้วพวกหนังสือที่ผมชอบหรือไม่ก็เครื่องรางจำลองที่หาซื้อได้ยากมาให้ เพราะพ่อแกชอบไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ ส่วนวันๆชีวิตผมก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ ตื่น กิน เรียน อ่าน นอน วนไปอยู่แค่นั้นแหละ

     

     

           ติ๊ง

     

           Jr.

           มึงนอนยังอะ ฝากทำรายงานหน่อยดิ่

     

           Mark

           ทำไมไม่ทำเอง -__-

     

           Jr.

           ทำไม่เป็น รายงานมันเกี่ยวกับเรื่องตำนานแวมไพร์เหี้ยไรไม่รู้ กูงงกับไอ้อาจาร์ยมากเลยเหนี่ยะ

     

           Mark

           แล้วทำไมต้องกู

     

           Jr.

           ก็เห็นมึงชอบเรื่องแบบนี้ ._. นะนะ ฝากด้วยนะไปละจุ้บๆ

     

     

         ผมหันไปตามเสียงข้อความที่ดังขึ้นมาจากหัวเตียงก่อนจะพบว่าเป็นเพื่อนคนเดียวที่มหาลัยของผม ไอจินยอง อันที่จริงก็มีเพื่อนคนอื่นอีก แต่ด้วยที่ผมเป็นคนที่เงียบๆไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครมาก ทำให้มีจินยองเป็นเพื่อนสนิทจริงๆอยู่คนเดียว

     

     

     

           ผมหันไปดูนาฬิกาก่อนจะพบว่าตอนนี้เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ปกติผมนอนดึกแบบนี้ทุกวัน เพราะอ่านหนังสือพวกนี้นี่แหละครับ ไม่ใช่หนังสือเรียนอะไรหรอก ผมถอดแว่นตาที่ใส่มันมานานหลายชั่วโมงออกมาเช็ดก่อนจะเก็บมันลงไปในกล่องของมัน พอถอดแว่นตาออกมาแล้วสายตาผมจะมัวทันที เพราะว่าอ่านหนังสือมากเกินไปเนี้ยะแหละ ผมดึงหมอนรองที่คอออกก่อนจะค่อยๆหลับตาลง เพื่อพักสายตาชาจพลังงานในวันพรุ่งนี้ต่อ

     

     

     

         กริ๊งง กริ๊งง

     

     

         ฟิ้วววววววว

     

     

     

         หลังจากที่หลับไปได้สักพักก่อนจะได้ยินเสียงโมบายกระดิ่งที่ผมแขวนไว้ตรงหน้าต่างบานใหญ่ในห้อง เป็นหน้าต่างที่มีขนาดเท่ากับประตู ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวขึ้นมา

     

     

         “อ้าว อยู่ไหนหล่ะเหนี่ยะ

     

     

     

         ผมเอื้อมมือไปที่หัวเตียงก่อนจะคลำหากล่องแว่นตาที่พึ่งถอดเก็บไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่าน แต่มันกลับหายไปไหนไม่รู้ หรือว่าผมจะเก็บใส่ไว้ในลิ้นชัก

     

     

         ก็ไม่หนิ....

     

     

         ผมลุกขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนจะเลื่อนดูลิ้นชักที่ละชั้นแต่ก็ไม่พบกล่องแว่นตาที่กำลังหาอยู่ ตอนนี้ผมไม่ได้ใส่แว่นตาแล้วทุกอย่างในห้องมันเบลอมากครับ มองอะไรแถบไม่ออกเลยด้วยซ้ำ เพราะในห้องตอนนี้มืดมาก จะมีก็มีแค่แสงของพระจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของผมที่ตอนนี้มันเปิดอยู่

     

     

         เปิดอยู่...

     

     

         อ้าว ผมเปิดหน้าต่างไว้ตอนไหน ?

     

     

         หรือว่าที่ลมพัดแรงๆเมื่อกี้

     

     

         ผมค่อยๆคลำทางเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ เพราะมันมืดมากบวกกับสายตาที่สั้นของผมอีกเลยทำให้ตอนนี้ผมไม่ต่างอะไรกับคนตาบอดเลยครับทั้งมืดทางเบลอ ผมเอื้อมมือไปดันหน้าต่างให้ปิดเหมือนเดิมก่อนจะล็อคกลอนอย่างแน่นหนาแล้วคลำทางเดินไปยังที่นอนต่อ

     

     

         กริ๊งง กริ๊งงง

     

     

         แอ๊ดดดด...

     

     

         ผมรู้สึกถึงความเย็นในห้องที่มันเหมือนเพิ่มขึ้นเอง โดยที่ผมยังไม่ได้แตะรีโมตแอร์เลยสักนิด เสียงกระดิ่งที่ถูกลมพัดอีกครั้ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเหมือนประตูเปิด ผมหันไปทางประตูแต่ก็ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของประตูเปิดเลยสักนิด ก่อนจะค่อยๆหันหลังไปทางหน้าต่างบานใหญ่ที่พึ่งปิดไปเมื่อสักครู่นี้

     

     

         พึ่งปิดไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้...

     

     

         ครับ...ผมพึ่งปิดมันไป แถมล็อคกลอนด้วย...

     

     

         แต่ตอนนี้...

     

     

         มันถูกเปิดออก...

     

     

         ผมหันไปมองหน้าต่างบานใหญ่ที่ถูกเปิดอ้า แถมมีลมพัดเข้ามาอย่างแรงเสียงกระดิ่งที่ผมแขวนไว้ก็ดังไม่ยอมหยุด ลมที่พัดเข้ามันแรงจนตีหน้าผมแทบชา แต่ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้แน่ที่ลมพวกนี้มันจะแรงถึงขั้นทำให้หน้าต่างที่ใหญ่เท่ากับประตูหนึ่งบานเปิดได้เอง ผมเพ่งมองมองที่หน้าต่างบานนั้นก่อนที่จะมีควันขาวๆลอยเข้ามาจากหน้าต่าง จนตอนนี้ในห้องของผมตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยควันสีขาว ทำให้ผมที่มองไม่ค่อยเห็นอยู่แล้ว ยิ่งมองไม่เห็นเข้าไปอีก

     

     

     

         “ ถ้าเป็นอย่างที่คิดไว้ ก็ออกมาให้เห็นเลยดีกว่ามั้ยครับ

     

     

     

         ถามว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง มันไม่เชิงกลัวหรอกครับแต่จากประสบการ์ณที่อ่านหนังสือแนวลี้ลับมาเกือบพันๆเล่มก็พอจะเดาออกว่าไอเหตุการ์ณแบบนี้มันต้องมีอะไรอยู่ในที่ที่เรามองไม่เห็นอย่างแน่นอน

     

     

         ผมยืนมองหน้าต่างบานนั้นก่อนจะเพ่งไปอีกที ควันขาวๆเริ่มเยอะขึ้นก่อนที่ผมจะเห็นเงาดำๆตรงพื้นหน้าต่างนั้น แสงจากดวงจันทร์ทำให้ผมมองเห็นเงานั้นชัดมาก ตาไม่ได้ฝาดแน่ๆ เป็นเงาคนแต่ดูไม่ออกหรอกครับ ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย

     

     

     

         ผมขยี้ตาก่อนจะเดินถอยหลังไปสองก้าว แต่คราวนี้ทุกอย่างในห้องมันเบลอมากกว่าเดิมจนแถบมองอะไรไม่เห็นเลย แม้แต่เงาดำๆนั้นตรงหน้าต่าง มันก็เริ่มจางหายไปก่อนจะมีสิ่งอื่นมาแทนตรงเงาดำนั้น ผมพยายามขยี้ตาอีกครั้งให้มองชัดขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล ตรงหน้าต่างนั้นปรากฏร่างของคนๆนึง ซึ่งมองยังไงก็ผู้ชาย แต่ผมมองเขาไม่ชัดเลย

     

     

         “ เฮ้ ใครหน่ะ

     

     

         “ … ”

     

     

         ไม่มีสัณญาณตอบรับจากคนตรงนั้น คราวนี้ผมนี่แหละที่เป็นฝ่ายเดินถอยหลังก่อนจะเดินไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่กองอยู่ตรงพื้น

     

     

         “ อ้าว ทำไมมาอยู่ตรงนี้

     

     

         ผมหันไปมองกับกล่องแว่นตาที่มันวางอยู่กับพื้น ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมก็เดินเหยียบตรงนี้แต่ก็ไม่มีอะไรวางไว้เลย ผมก้มลงไปหยิบกล่องแว่นตาขึ้นมาก่อนจะรีบแกะกล่องหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม

     

     

         “ อ้า ชัดแจ๋ว

     

     

         ผมเงยหน้าจากการสวมแว่นตาเสร็จ ก็หันไปมองทางหน้าต่างเหมือนเดิม แต่ตรงบริเวณนั้นกลับไม่มีอะไรอยู่เลย ควันสีขาวที่เต็มห้องเมื่อกี้ก็หายไปหมด ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ แต่ห้องยังคงมืดเหมือนเดิม นี่มันอะไรเหนี้ยะ หรือว่าผมอ่านหนังสือจนหลอน แล้วเอามาคิดไปเอง แต่ทุกอย่างเมื่อกี้มันเหมือนความจริงมากเลยนะ

     

     

     

         ผมเดินกลับไปที่เตียงนอนก่อนจะถอดแว่นออกเก็บใส่กล่องเหมือนเดิม แล้วทิ้งตัวนอนอีกครั้งก่อนที่ความรู้สึกแบบเมื่อกี้มันจะกลับมาอีก ไอความรู้สึกที่มันเย็นผิดปกติ ผมลืมตาขึ้นไปมองที่องศาแอร์ มันยังคงอยู่ที่ 26 องศา แต่อยู่ๆ องศาแอร์ที่ผมกำลังจ้องอยู่นั้น มันค่อยๆลดลงเรื่อยๆ

     

    23c

     

    22c

     

    18c

     

     

         ผมรีบคว้าไปหยิบรีโมทแอร์ก่อนจะรีบกดปรับอุณหภูมิทันที แต่ก็ไม่เป็นผล มันค่อยๆลดจนตอนนี้ อุณหภูมิมันจะติดลบอยู่แล้ว

     

     

         “ เล่นบ้าอะไรว้ะ แน่จริงออกมาให้เห็นเลยดีกว่า

     

     

         ผมตะโกนออกไปด้วยความโมโห แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบอุณหภูมิในห้องยังคงติดลบไปเรื่อยๆจนตอนนี้ตัวผมแข้งจนแทบจะขยับไม่ได้ ผมหันไปมองที่หน้าต่างบานใหญ่อีกครั้งก่อนจะพบร่างคนยืนอยู่ แสงที่มาจากดวงจันทร์ทำให้ผมมองเห็นหน้าเขาเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ชัดพอที่จะจำใบหน้าเขาได้

     

     

         เขากำลังแสยะยิ้ม...

     

     

         “ใครหน่ะ ต้องการอะไร

     

     

         ผมมองที่ร่างนั้นก่อนจะจ้องเขม็งด้วยความโมโห นี่มันเกินไปจริงๆครับ ลดแอร์ซะตอนนี้ควันแทบออกปากแล้ว ร่างนั้นไม่พูดอะไรเอาแต่ยืนแสยะยิ้มที่ดูยังไงก็น่ากลัวก่อนจะหัวเราะในลำคอเล็กน้อย

     

     

         พรึบ!

     

     

         เฮือก!

     

     

         “ มาร์คลูก เป็นอะไรหรือเปล่า แล้วนี่เปิดแอร์อะไรขนาดนี้ ค่าไฟสิ้นเดือนไม่หัวโตกันพอดีหรอ เดี่ยวแม่จะตัดค่าขนม

     

     

         ผมสะดุ้งตื่นขึ้นทันที ก่อนจะมองไปรอบๆตัวที่เห็นแม่กำลังกดรีโมทแอร์ ส่วนหน้าต่างยังคงถูกเปิดทิ้งไว้ สรุปว่าเหตุการ์ณทั้งหมดคือความฝันใช่มั้ยครับ ใช่ผมฝัน... แต่ทุกอย่างมันเหมือนความจริง หน้าต่างถูกเปิดไว้ ไหนจะแอร์ที่ถูกเปิดไว้อยู่ 3องศา แสงจากดวงอาทิตย์ในยามเช้าทำให้ผมบิดขี้เกียจก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างบานนั้น

     

     

         ผมจำได้ว่าเมื่อคืนก่อนครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นคนในฝัน เขาแสยะยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอก่อนที่จะพุ่งเข้ามาหาผมอย่างเร็ว ทุกอย่างมันรวดเร็วมาก เคยดูหนังผีที่พวกพระเอกนางเอกโดนผีหลอกแล้วผีพุ่งใส่มั้ยครับ แบบนั้นเลยเร็วอย่างกะเดอะฟาส แต่หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย แล้วมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนสะดุ้งเมื่อกี้เนี่ยะแหละ

     

     

         ผมยืนมองหน้าตาบานนี้ก่อนจะเอื้อมมือไปจับ แปลกอย่างนึงครับเกี่ยวกับหน้าต่างบานนี้ บ้านที่ผมอยู่เป็นบ้าน2ชั้นที่ออกแบบให้ดูเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในบ้านล้วนแต่เป็นเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ ยกเว้นห้องของผมที่มีหน้าต่างบานนี้อยู่บานเดียวที่แปลกกว่าชาวบ้าน แค่รูปร่างที่ใหญ่ของมันก็ว่าแปลกแล้ว แต่ลักษณะของมันที่ดูเก่านั้นแปลกกว่า และที่แปลกไปอีกคือทำไมมันมีอยู่บานเดียวในบ้านและทำไมมันถึงถูกสร้างไว้ในห้องนี้ที่เป็นห้องของผม ...

     






     









    1 คอมเม้นท์ 1กำลังใจเล็กๆเน๊าะ ♥
    ไปเจิมกัน แท็ก #ฟิคโรม
    ไรท์ @_PW99 

     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×