ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มารร้ายคู่หมายรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำและ บทที่ 1 ปัญหาวุ่นวายของยัยซุป’ตาร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.74K
      52
      28 พ.ย. 54

    บทนำ
     
    คำพูดของเพื่อนสนิททำเอา ‘กัทลีรัตน์’ สำลักกาแฟร้อนยามเช้าจนน้ำหูน้ำตาไหล “เขาบอกว่าไงนะปุ้ม!”
    “เขาบอกว่าแกน่ะ...น่าจะไปเป็นดาราเอวีมากกว่ามาเล่นละครหลังข่าว”
    ‘ดาราเอวี’ แทบจะลุกเต้นด้วยความโกรธจัด หน้าชาและร้อนผ่าวจนแดงก่ำไปถึงหูและลำคอ หวนนึกถึงใบหน้าของนายแพทย์ ‘ปณิธิ’ ชายหนุ่มช่างเม้าท์ซึ่งขณะนี้เป็นหมอโรงพยาบาลเดียวกันกับ ‘หมอกอล์ฟ’ ลูกพี่ลูกน้องของเธออย่างคั่งแค้น
    “แกน่าจะไปได้ยินที่เขาพูดทั้งหมดกับหู ขนาดฉันยังโกรธแทนจนแทบจะวิ่งเข้าไปตะบันหน้าให้แหก นึกว่าตัวเองหล่อแล้วจะนินทาผู้หญิงลับหลังยังไงก็ได้งั้นเหรอ สมแล้วที่จะเป็นหมอศัลย์ ปากนี่ยิ่งกว่ากรรไกรห้องผ่าตัด” ‘ปุษยา’ ออกอาการเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเพื่อน
    “แต่จริงๆ ที่เขาพูดมันก็ถูกนะปุ้ม” ‘จารึก’ ออกความเห็น “ลุคแกน่ะดาราเอวีแดนปลาดิบชัดๆ ไอ้กล้วย”
    “เงียบไปเลยไอ้เจี๊ยบ!” กัทลีรัตน์แหวเสียงเขียว โมโหจนหน้าบูดบึ้งแทบจะหมดสวย “เขาว่าไงอีก บอกฉันมาให้หมดเลย”
    “เขาบอกว่า ‘ฤทธิ์รักนางฟ้า’ น่ะ น้องพลอยน่าจะเล่นเป็นนางเอก...ไม่ใช่แก แกเหมาะจะเล่นบทนางร้ายยั่วพระเอกให้หัวทิ่มมากกว่าน้องพลอยตั้งเยอะ เพราะแกดูมีมาดนางร้ายแบบซ่อนลึก” จบคำพูดนั้นกัทลีรัตน์ก็กรี๊ดลั่นด้วยโทสะที่พุ่งปรี๊ด “ยังไม่หมดนะยะ เขาวิเคราะห์อีกนะว่าแกน่ะเห็นหน้าใสๆ หงิมๆ ติ๋มๆ แบบนี้ แต่จริงๆ ต้องร้ายไม่ใช่เล่นแน่ๆ ไม่เชื่อดูจากหุ่นเอ็กซ์ๆ ของแกนั่นปะไร แค่ชายตาแลนิดหน่อยผู้ชายคงอ่อนระทวยแทบเท้า แต่ยกเว้นเขาคนหนึ่ง เพราะแกห่างไกลจากสเป็กเขาล้านปีแสง”
    “พอเหอะน่าปุ้ม แค่นี้ยัยกล้วยก็แทบคลั่งอยู่แล้ว สุมไฟอยู่ได้”
    “ก็ฉันทนไม่ได้นี่ ที่หมอนั่นพูดมาทั้งหมดมันหมายความว่าเขาเหน็บยัยกล้วยว่าแรดเงียบชัดๆ แกนี่เป็นเพื่อนประสาอะไร เพื่อนโดนนินทาขนาดนี้ยังเฉยอยู่ได้”
    “ยัยกล้วยมันต้องถ่ายแบบกับน้องพลอยที่หาดทั้งวันเลยนะเว้ย เดี๋ยวก็ตีหน้าไม่สนิทกันพอดี ขืนทำหน้าบูดหน้าบึ้งแบบนี้ก็จะสวยสู้น้องมันไม่ได้อีก”
    “หุบปากซะไอ้เจี๊ยบ แล้วอย่ามาขัดอีกล่ะ” กัทลีรัตน์ถลึงตาใส่ชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิท แล้วหันไปหาปุษยาด้วยสีหน้าเอาเรื่องยิ่งขึ้น “แล้วมีอีกไหมปุ้ม เขาว่าไงอีก”
    “ก็พี่ชายแกน่ะดันยุให้เขาจีบแก แต่เขาปฏิเสธพัลวัน เขาบอกว่าชอบน้องพลอยมากกว่า เพราะน้องพลอยสูงเพรียวหุ่นดี สวยคลาสสิกตรงสเป็ก แต่แกน่ะ ‘เอวี’ เกินจะรับไหว แล้วแค่ชื่อก็ลามกจะแย่ ผู้หญิงอะไรชื่อกล้วย...”
    สิ้นสุดคำพูดของปุษยา กัทลีรัตน์ก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาราวกับจะเสียสติ
     
     

    บทที่ 1 ปัญหาวุ่นวายของยัยซุป’ตาร์
     
    กัทลีรัตน์เคยพบปณิธิครั้งหนึ่งเมื่อสองปีก่อนที่พัทยา ครั้งนั้นครอบครัวเธอนัดทานข้าวกับหมอกอล์ฟ หรือ ‘กรนันท์’ และบรรดาเพื่อนหมอของเขาซึ่งไปประชุมสัมมนาที่พัทยา แต่เนื่องจากอยู่กันหลายคนเธอกับปณิธิจึงแทบไม่ได้คุยกันเลย หากหญิงสาวก็จดจำได้ดีว่าปณิธิเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดีและมีอัธยาศัยไมตรีที่น่าประทับใจ คิดไม่ถึงเลยว่าลับหลังแล้วเขาจะพูดถึงเธออย่างเสียหายเละเทะมากขนาดนั้น
    ครั้งนี้กัทลีรัตน์มาหัวหินเพื่อถ่ายแฟชั่นชุดว่ายน้ำให้นิตยสารฉบับหนึ่งคู่กับ ‘พลอยพัทธ’ น้องสาวต่างสายเลือดซึ่งเป็นลูกติดของสามีใหม่แม่ ส่วนปณิธิก็มาเพื่อร่วมประชุมสัมมนาทางการแพทย์กับกรนันท์เช่นเดียวกับสองปีก่อน ถ้าหากเขาไม่ปากเปราะนินทาเธอเสียๆ หายๆ แบบนั้น เธอก็คงไม่คิดว่าการมาพักโรงแรมเดียวกันกับเขาเป็นความโชคร้ายสุดแสนเช่นนี้
    เมื่อสองปีก่อนกัทลีรัตน์ยังเป็นเพียงดาราหน้าใหม่ที่มีผลงานประปราย ตอนนั้นเธอยังเรียนไม่จบและไม่ได้คิดยึดอาชีพนักแสดงอย่างจริงจัง ทว่ามาถึงตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นดาราดาวรุ่งอนาคตไกล มีผลงานทั้งทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์ รวมถึงโฆษณาต่างๆ นับไม่ถ้วน ซึ่งสาเหตุที่เธอมาถึงจุดนี้ได้นั้นล้วนมีแรงผลักดันมาจากพลอยพัทธทั้งสิ้น เพราะตลอดมานั้นเธอกับพลอยพัทธต่างพยายามเอาชนะและไม่เคยยอมแพ้ซึ่งกันและกันไม่ว่าเรื่องใด
    คำพูดของปณิธิจึงจี้ใจดำเข้าอย่างจัง เนื่องจากกัทลีรัตน์มีปมด้อยฝังใจเกี่ยวกับข้อแตกต่างระหว่างตนกับน้องสาวนอกไส้อย่างพลอยพัทธมาช้านาน เพราะพลอยพัทธมักพยายามกดให้เธออยู่ต่ำกว่าเสมอมา ซึ่งเธอเองก็ยอมรับว่าเทียบพลอยพัทธไม่ได้ในหลายเรื่อง เธออาจจะดังกว่าในตอนนี้ แต่ความที่เธอตัวเล็กกว่ามาก ดังนั้นในยามที่ต้องปรากฏกายคู่กัน พลอยพัทธจึงพยายามข่มเธอเสมอด้วยความสูงและมาดนางพญา รวมทั้งรูปร่างหน้าตาที่ออกแนวสวยคลาสสิกอย่างอินเตอร์มากกว่า
    แม้ตอนนี้กัทลีรัตน์จะแซงหน้าพลอยพัทธด้วยการประสบความสำเร็จในฐานะนางเอกละครชื่อดัง แต่พลอยพัทธก็ไม่วายฉวยโอกาสเหน็บแนมเธอด้วยการอ้างคำวิพากษ์วิจารณ์บางกระแสที่ว่ากัทลีรัตน์แค่ก้าวถูกจังหวะและมีโชคช่วยเท่านั้นจึงเปรี้ยงปร้างขึ้นมาได้ หาใช่ว่าสวยกว่าหรือความสามารถมากกว่าหล่อนแต่อย่างใด แม้จะเป็นคำพูดหยิกแกมหยอกเย้าในฐานะพี่น้อง แต่กัทลีรัตน์รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
    ‘พลอยไม่แปลกใจหรอกค่ะที่ตอนนี้พี่กล้วยดังกว่า เพราะเทรนด์เกาหลีกำลังมาแรง ถึงพี่กล้วยจะตัวเล็กไปนี้ดก็เถอะค่ะ แต่พลอยเป็นน้องสาวก็ต้องดีใจที่สุดที่พี่สาวกำลังฮอต พลอยไม่อิจฉาเลยจริงๆ เพราะพลอยไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าพี่กล้วยตรงไหน ฟังแล้วอย่าหมั่นไส้พลอยนะคะ เพราะพลอยกับพี่กล้วยก็คุยเล่นถึงเรื่องนี้กันบ่อยๆ พี่กล้วยยังชอบพูดประจำเลยค่ะว่า แปล๊กแปลกนะ พลอยสวยกว่าพี่ตั้งเยอะ แต่อยู่ดีๆ พี่กลับเปรี้ยงปร้างยิ่งกว่า พี่เองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น...อะไรแบบนี้น่ะค่ะ แต่ก็พูดอย่างไม่ถ่อมตัวเลยนะคะว่าอย่างพลอยน่ะสวยแบบไม่เป็นสองอยู่แล้ว แต่บางทีทำงานในวงการนี้ก็ต้องอาศัยจังหวะกับโชคมากกว่ารูปร่างหน้าตา จริงๆ นะคะ เรื่องแบบนี้มันพูดยาก ซึ่งพลอยก็ต้องยอมรับความฮอตของพี่กล้วยค่ะ’
    อันที่จริงแล้วกัทลีรัตน์ไม่ได้พูดอย่างที่พลอยพัทธเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อดังกล่าวเลยสักนิด อีกฝ่ายก็แค่แต่งเติมเพื่อให้คำพูดตัวเองออกมาดูดีมีค่าขึ้นเท่านั้น แต่เรื่องนี้กัทลีรัตน์ก็ไม่ได้โวยวายอะไรเพราะคิดว่าไม่ได้เสียหาย ส่วนใหญ่แล้วพลอยพัทธมักเป็นฝ่ายหาเรื่องเธอก่อนเสมอ ซึ่งบางครั้งเธอเองไม่อาจตอบโต้กลับได้อย่างเต็มที่ เธอเกลียดหล่อนหากก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกชิงชังที่มีต่อหล่อนให้ใครเห็น มีเพียงเพื่อนสนิทอย่างปุษยากับจารึกเท่านั้นที่ทราบความในใจข้อนี้
    ทว่าอยู่ๆ คนนอกอย่างปณิธิกลับมาจี้ตรงจุด กวนตะกอนในใจเธอให้ขุ่นข้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน จนหญิงสาวแทบแล่นไประเบิดอารมณ์ใส่เขาโดยไม่สนใจรักษาภาพลักษณ์ใดๆ อีกแล้ว
    “เป็นอะไรไปคะพี่กล้วย ท่าทางหงุดหงิดจัง” พลอยพัทธเอ่ยถามพี่สาวตามกฎหมายด้วยความสงสัยระหว่างช่วงพักกองอยู่ใต้ร่มชายหาด พลอยพัทธอายุยี่สิบปี อ่อนกว่ากัทลีรัตน์สองปี แต่ความที่มีบุคลิกเฉิดฉายสง่างาม รูปร่างสูงโปร่งและมีใบหน้าที่ค่อนข้างสวยคม ดูเผินๆ จึงคล้ายจะเป็นผู้ใหญ่กว่าพี่สาวไปโดยปริยาย
    “ไม่ได้เป็นไรหรอก พี่แค่ร้อนน่ะ” กัทลีรัตน์ตอบโดยไม่ยิ้ม พอพ้นจากหน้ากล้องเธอก็กลับเป็นตัวเองเต็มที่ และรู้สึกยากที่จะฝืนปั้นหน้าขึ้นมาทันที ด้วยเอาแต่หมกมุ่นกับคำพูดปากเสียของปณิธิจนไม่อาจวางตัวเป็นปกติได้
    “ท่าทางพี่กล้วยจะร้อนมากจริงๆ นะคะ หน้ามันวับเชียว ใครช่วยมาซับหน้าให้หน่อยสิ เยิ้มจนเครื่องสำอางจะหลุดหมดแล้วนั่น” แดดเปรี้ยงๆ ไม่ได้ทำให้ใบหน้าหล่อนมันเยิ้มเท่ากับคนเป็นพี่ พลอยพัทธจึงยังหัวเราะร่าเริงได้ด้วยผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนที่มีเหงื่อซึมเพียงเล็กน้อย
    “พี่ว่าเวลาจะรับงานให้น้องพลอยกับน้องกล้วย ผู้จัดการอย่างพี่จุ๊บคงไม่ต้องมีอะไรให้ลำบากใจ แหม ก็พี่น้องแตกต่างกันสุดขั้วเกือบทุกอย่าง ไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขันอะไรกันให้เสียเวลา น้องกล้วยหน้ามัน น้องพลอยหน้าแห้ง น้องกล้วยอวบอิ่ม น้องพลอยเพรียวบาง น้องกล้วยผิวขาว น้องพลอยผิวสีน้ำผึ้ง น้องกล้วยน่ารัก แต่น้องพลอยสวยคลาสสิก” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองชวนคุยอย่างสนุกปาก
    “แล้วก็พี่กล้วยขาสั้น แต่พลอยขายาวด้วยค่ะ” พลอยพัทธพูดติดตลกพลางหัวเราะกิ๊กอย่างอารมณ์ดี แต่กัทลีรัตน์นิ่ง...ขำไม่ออก ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของปณิธิที่เพื่อนนำมาถ่ายทอดให้ฟังอย่างละเอียดลออเมื่อเช้า เวลานี้เธอก็คงทำใจให้หัวเราะออกมาได้เช่นเดียวกับพลอยพัทธ
    หลังจากการถ่ายแฟชั่นบริเวณสระว่ายน้ำและริมหาดจบลงตอนหกโมงเย็น กัทลีรัตน์ปลีกตัวขึ้นห้องพักทันที ปุษยากับจารึกไปเที่ยวในเมืองยังไม่กลับ เธอจึงไม่ได้แวะไประบายอารมณ์หงุดหงิดให้เพื่อนฟัง ปุษยากับจารึกเป็นคู่รักที่พัฒนาความสัมพันธ์จากการเป็นเพื่อนมาหลายปี ครั้นทั้งคู่ตกลงคบหาดูใจและแต่งงานกันในที่สุดเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้กัทลีรัตน์จึงรู้สึกเหงาเล็กน้อย แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยกลุ่มเพื่อนสามคนก็ยังไม่แตกกันไปไหน
    คืนนี้จะมีหมอผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของกรนันท์มาค้างที่ห้องกับเธอด้วย เนื่องจากมีหมอมาเพิ่มกะทันหันโดยไม่แจ้งล่วงหน้าหลายคน ห้องที่ทางผู้แทนยาจองไว้ให้เลยไม่พอ สุดสัปดาห์นี้ห้องพักที่นี่เต็มหมด พวกหมอจึงทำการจัดแบ่งที่นอนกันใหม่ กัทลีรัตน์ไม่ได้ต้องการความเป็นส่วนตัวอะไรนักจึงตอบตกลงและให้คีย์การ์ดอีกฝ่ายไปแล้วเรียบร้อย เผื่อว่าหมอที่มาพักกับเธอรู้จักกับปณิธิ เธอจะได้สืบถามเรื่องราวของเขาจากอีกฝ่ายเสียเลย จะได้หาทางแก้แค้นที่นายแพทย์ผู้นั้นบังอาจมาสบประมาทเธอลับหลังโดยไม่ให้เกียรติ...อย่างสาสม!
     
    ตอนแรกกัทลีรัตน์ตั้งใจรอจนกว่าเพื่อนร่วมห้องจะโผล่มา แต่พอสองทุ่มครึ่งเธอกลับเพลียจนผล็อยหลับไปเสียก่อน ความที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มาทั้งสัปดาห์ตามประสาดารางานชุกที่อยู่ในช่วงขาขึ้นทำให้เธอหลับเป็นตายจนถึงเช้า
    ครั้นพอลืมตาตื่นตอนเก้าโมงปรากฏว่าที่นอนข้างๆ กลับว่างเปล่า ไม่มีใครมารบกวนเธอเลยทั้งคืน กรนันท์บอกว่าคืนสุดท้ายของการประชุมสัมมนาครั้งนี้จะมีงานเลี้ยงที่ห้องใต้ดินของโรงแรม ดังนั้นพวกหมอคงอยู่กันดึกและบางคนคงพากันออกไปสนุกต่อตามผับข้างนอก บางทีเมื่อคืนเพื่อนร่วมห้องของเธออาจจะเปลี่ยนใจไปนอนยัดกันห้องอื่นแทนที่จะเข้ามารบกวนเธอกลางดึกก็เป็นได้
    ทว่าเมื่อเปิดประตูห้องนอนออกมายังส่วนของห้องนั่งเล่น กัทลีรัตน์ก็ต้องตกใจจนตัวแข็งทื่อเมื่อพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา เธอกลั้นใจไว้ไม่กรีดร้องออกมาและไม่โทรแจ้งทางโรงแรมด้วยนึกหวั่นว่าอาจเป็นเพื่อนหมอคนใดคนหนึ่งของกรนันท์ที่หลงเข้าห้องผิดเนื่องจากได้คีย์การ์ดไปจากกรนันท์เพราะความสับสนก็เป็นได้ แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดทำอะไรหรือขยับตัวไปไหน ผู้บุกรุกก็ลืมตาตื่น มองสวนกลับมายังเธอในฉับพลัน
    ต่างฝ่ายต่างตะลึงมองกันอยู่ชั่วอึดใจ จากนั้นคนบนโซฟาก็ดีดตัวลุกขึ้นมายืนจ้องหน้าเธอเขม็ง ผู้หญิงผิวขาวจนราวกับจะเรืองแสงได้ สวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ผมยาวประบ่า หน้าตามึนๆ บ้องแบ๊วแบบคนเพิ่งตื่นนอนปราศจากเครื่องสำอาง รูปร่างอวบอิ่มอรชรและตัวสั้นๆ อย่างนี้ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากดาราสาวผู้มีภาพลักษณ์ดุจนางเอกหนังเรตเอ็กซ์จากแดนอาทิตย์อุทัย กล้วย...กัทลีรัตน์!
    “คุณ!” กัทลีรัตน์เบิกตากว้าง สำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจดเท้าพร้อมกับสมองที่หมุนติ้ว พยายามทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับคนร่างสูงตรงหน้าที่แต่งกายด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีน ทำคิ้วขมวดมุ่นและเสยผมยุ่งๆ ด้วยท่าทีสับสนงุนงง...เธอจำเขาได้!
    “นี่ห้องคุณ...” เสียงห้าวทุ้มของคนเพิ่งตื่นนอนเอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจ
    “ใช่! แล้วคุณเข้ามาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่” หญิงสาวไม่คิดจะฟังเสียงเขา เธอตั้งต้นแหวเสียงเขียวอย่างเอาเรื่อง สีหน้าตกตะลึงเมื่อครู่เปลี่ยนมาเป็นเกรี้ยวกราดทันควัน
    “พี่กอล์ฟ...”
    “หมายความว่าพี่กอล์ฟเอาคีย์การ์ดห้องฉันให้คุณงั้นเหรอ!” แค่ได้ยินชื่อลูกพี่ลูกน้องกัทลีรัตน์ก็โกรธจนควันออกหู เธอได้ยินว่ากรนันท์ยุให้ปณิธิจีบเธอ แต่ไม่อยากเชื่อว่าญาติผู้พี่จะสิ้นคิดขนาดเปิดโอกาสให้เพื่อนตัวเองเข้ามาปู้ยี่ปู้ยำเธอได้ตามอำเภอใจเช่นนี้
    “เดี๋ยวนะ ขอผมนึกก่อน” ปณิธิเสยผมเครียดๆ ด้วยมือสองข้าง กุมขมับและหลับตาด้วยท่าทางเหมือนปวดศีรษะใกล้ระเบิด
    กัทลีรัตน์กำลังจะอ้าปากวีนเขาอีกรอบ หากอีกฝ่ายกลับขัดจังหวะด้วยการสบถออกมาอย่างหยาบคายเป็นสัญญาณว่าเขาเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว
    “พี่กอล์ฟให้คีย์การ์ดมาผิด มันสับกับของอีกห้องหนึ่ง จริงๆ ผมต้องไปนอนกับน้องสาว แล้วให้พี่อีกคนมานอนกับคุณ แต่ตอนนี้พี่เขาคงไปนอนกับน้องผม ผมเลยมานอนอยู่นี่ คือว่า...เมื่อคืนเราเมากันเละ มันก็เลยสับสนนิดหน่อย...”
    คนฟังไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลายจากสีหน้าถมึงทึงเลยแม้แต่น้อย “งั้นก็ช่วยรีบออกไปให้พ้นๆ เดี๋ยวนี้เลย”
    ท่าทีหยาบคายอย่างไม่ไว้หน้าของเธอทำเอาคนถูกไล่ตะเพิดชะงัก คิ้วเข้มขมวดเข้าและมองหญิงสาวอย่างพิจารณากึ่งไม่พอใจ “พูดดีๆ ก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องทำท่าแบบนี้เลย นึกว่าตัวเองสวยแล้วจะทำหน้าตาแบบไหนใส่ใครก็ได้รึไง”
    กัทลีรัตน์ฟังแล้วสะอึก แทบจะแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เขา “ฉันรู้ว่าคุณคิดกับฉันยังไง คุณคิดว่าฉันมันไม่มีอะไรดีเลย ฉะนั้นฉันจะทำหน้ายังไงก็เรื่องของฉัน แล้วทำไมฉันต้องพูดดีๆ กับคนอย่างคุณ แค่นี้ก็สุภาพเกินไปด้วยซ้ำ”
    ปณิธิทำสีหน้าเหลือเชื่อ มองเธออย่างไม่เข้าใจ “อะไรของคุณกันเนี่ย ไม่เห็นเคยได้ยินข่าวว่าคุณเป็นพวกขาวีน ที่แท้ก็เป็นคนอย่างนี้เองเหรอ สร้างภาพเก่งนี่นา”
    หญิงสาวเลือดขึ้นหน้าทันควัน “ฉันเป็นแบบนี้ก็เฉพาะกับคนอย่างคุณเท่านั้นแหละ”
    “เฉพาะกับผม? หมายความว่ายังไง”
    “วันก่อนคุณนินทาฉันกับเพื่อนๆ ของคุณ เพื่อนฉันนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ได้ยินหมดแล้ว”
    คนถูกกล่าวหาหน้าเหวอ อึ้งไปหลายอึดใจ นินทาอะไรหว่า...ชายหนุ่มนึกในใจอย่างงงๆ
    “ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อ คุณหาว่าฉันเหมือนดาราหนังโป๊ หาว่าฉันร้ายลึก...แรดเงียบ!”
    “หา?” จอมนินทาตกใจ แต่วินาทีต่อมาในหัวก็กระจ่างด้วยความทรงจำ จากนั้นเขาจึงหัวเราะด้วยท่าทางขบขันอย่างกวนโมโหและขัดนัยน์ตามากที่สุดเท่าที่กัทลีรัตน์เคยประสบพบพาน
    “หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าคุณเป็นผู้ชายปากเปราะที่นินทาผู้หญิงลับหลัง”
    “อ้าว ก็คุณเป็นดารา ใครๆ ก็มีสิทธิ์วิจารณ์ได้ไม่ใช่เหรอ เรียกว่านินทาที่ไหนกัน”
    “คุณ!”
    “อีกอย่างผมไม่ได้พูดขนาดนั้นซะหน่อย แรดเงียบอะไรกัน แต่จริงๆ เป็นดาราแล้วมีคนพูดถึงคุณน่าจะดีใจว่าอย่างน้อยก็ยังมีกระแส ที่โกรธนี่เป็นเพราะผมบอกว่าชอบน้องสาวคุณมากกว่าล่ะมั้ง เพื่อนคุณบอกเรื่องนี้ด้วยไหม”
    คำถามแทงใจดำจากคนปากร้ายทำเอากัทลีรัตน์หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ตัวสั่นเทิ้มด้วยดีกรีโทสะที่พุ่งสูงจนมึนศีรษะวูบ โกรธจนแทบคลั่ง เธอเดินกระแทกเท้าไปกระชากเปิดประตูห้องแล้วไล่เขา “ออกไปซะ”
    ปณิธิถอนใจพลางไหวไหล่อย่างยอมจำนน หันไปคว้าแจ็กเก็ตที่ทำตกไว้บนพื้น เดินมาหยุดยืนสบตาเธอในระยะประชิดจนอีกฝ่ายตกใจรีบขยับออกห่างแทบไม่ทันด้วยท่าทีรังเกียจ แต่เขาไม่สนใจ “ยังไงผมก็ขอโทษแล้วกันที่เข้าห้องคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต จำไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำว่าเข้ามาได้ยังไง ยกโทษให้ผมเถอะนะ ถ้าจะโกรธก็ไปโกรธพี่กอล์ฟโน่นที่ดันหยิบคีย์การ์ดมาให้ผิดห้อง”
    กัทลีรัตน์เชิดปากเชิดคางด้วยท่าทางขุ่นเคืองโดยไม่พูดอะไร
    “แล้วก็...ผมขอโทษเรื่องที่วิจารณ์คุณวันก่อนด้วย” อีกฝ่ายยังคงนิ่ง มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “ทำท่าแบบนี้ไม่ยกโทษให้ใช่ไหม”
    คำถามนั้นทำเอาหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะมองค้อนอย่างไม่ยอมญาติดี แสดงออกชัดว่ายังไม่ยกโทษให้ง่ายๆ ปณิธิเลยยิ้มด้วยแววตาที่แสร้งทำเป็นใสซื่อ
    “ดี คราวหน้าผมจะได้ทำอีกโดยไม่รู้สึกผิด เพราะคุณเป็นบุคคลสาธารณะ ดังนั้นผมก็มีสิทธิ์จะวิจารณ์ยังไงก็ได้ในฐานะผู้ชม ลาก่อนครับ”
    จบคำพูดร่างสูงก็หันหลังจากไปตามทางเดินหน้าห้องด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ทิ้งให้กัทลีรัตน์ยืนกำหมัดตัวสั่นเทิ้มมองตามอยู่ที่เดิมด้วยความโกรธจัด แช่งชักหักกระดูกเขาสารพัดอย่างแค้นเคือง ทว่าอารมณ์เดือดดาลกลับต้องชะงักงันเมื่อรับรู้ถึงแสงแฟลชที่วาบเข้าตา หันขวับไปทางที่มาจึงเห็นใครบางคนยืนหลบมุมอยู่ไม่ไกลตรงทางเลี้ยวลงบันไดอีกด้านหนึ่ง หญิงสาวใจหายวาบ ปาปารัซซี่!
     
    เหตุการณ์ที่หัวหินทำให้กัทลีรัตน์ตกเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวันต่อจากนั้น เธอแก้ข่าวโดยไม่ได้ติดต่อกับปณิธิอีกเลย ข่าวที่จู่โจมเธอไม่ถึงกับร้ายแรงในขั้นทำให้มีผลต่องานหรือถูกผู้ใหญ่เรียกไปตำหนิ แต่มันทำให้เธอต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างมากกับการถูกตามสัมภาษณ์และต้องแก้ตัวด้วยคำตอบเดิมๆ ซ้ำซากไปมาทุกวี่ทุกวัน
     
    นางเอกขาวโอโม ‘กล้วย-กัทลีรัตน์’ ซุ่มเงียบคบคุณหมอสุดหล่อ ควงแขนเข้าพักห้องสวีตโรงแรมริมทะเลหัวหิน... ภาพหลุดที่ปรากฏออกมาระหว่างกล้วยกับนายแพทย์หนุ่มหล่อ ที่ฝ่ายชายออกจากห้องพักของเธอในยามเช้าด้วยสภาพเพิ่งตื่นนอนทั้งคู่ทำเอาแฟนคลับช็อก ภาพลักษณ์สวยใสของนางเอกสาวดาวรุ่งพุ่งแรงผู้เรียบร้อยน่ารักจึงแปรเปลี่ยนไปเป็นสาวซ่าส์หัวสมัยใหม่ที่ควงแฟนเข้าโรงแรมได้โดยไม่แคร์สายตาใคร
     
    ‘กล้วย-กัทลีรัตน์’ ปฏิเสธข่าวควงแฟนหนุ่มสวีตหัวหิน ภาพจากปาปารัซซี่ที่ปรากฏออกมาจนกลายเป็นข่าวฉาวเป็นเพียงความเข้าใจผิด ชายหนุ่มในภาพเป็นนายแพทย์หนึ่งในกลุ่มของพี่ชายที่บังเอิญไปประชุมและพักอยู่โรงแรมเดียวกันกับกองถ่ายแฟชั่นของกล้วยกับพลอยพัทธเท่านั้น ดาราสาวชี้แจงว่าคุณหมอไปที่ห้องพักของเธอเพื่อขอกุญแจรถของพี่ชาย ไม่ได้มีเหตุผลลึกซึ้งเกินกว่านั้น ส่วนจะพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคตหรือไม่อย่างไรนั้นกล้วยยังบอกไม่ได้ คงต้องรอดูกันต่อไป
     
    ‘หมอนภา’ นิติเวชสาวสวยชื่อดังออกโรงปกป้อง ‘กล้วย-กัทลีรัตน์’ ลูกสาวสุดรักสุดหวง ไม่มีทางที่กล้วยจะมีความสัมพันธ์เกินเลยกับนายแพทย์ผู้ตกเป็นข่าวที่หัวหินด้วยกันได้ ตนเลี้ยงลูกมากับมือ รู้ดีว่าลูกสาวเป็นคนเช่นไร ตอนนี้กล้วยเป็นดาราดัง ส่วนอีกฝ่ายเป็นแพทย์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ แม้จะรู้จักกัน แต่ทั้งคู่ไม่เคยมีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกันเลย ภาพที่หลุดออกมาเป็นแค่ความเข้าใจผิด ชายหนุ่มในภาพเป็นแค่เพื่อนในกลุ่มของพี่ชายดาราสาว และที่จริงยังมีอีกหลายคนอยู่ในเหตุการณ์เดียวกันแต่ไม่ได้ถูกถ่ายภาพด้วยเท่านั้น
     
    พลอยพัทธร้องออกมาอย่างขัดใจพร้อมกับโยนนิตยสารแนวปาปารัซซี่ฉบับหนึ่งลงบนโต๊ะด้วยอารมณ์ขุ่นมัว สิ่งที่หล่อนลงทุนทำไปทั้งหมดหาได้ก่อผลเสียหายแก่กัทลีรัตน์ร้ายแรงเท่าที่หล่อนต้องการไม่ พี่สาวต่างสายเลือดยังคงได้รับการปกป้อง ทั้งจากผู้จัดการ ผู้เป็นแม่ รวมถึงบรรดาแฟนคลับ หนำซ้ำยังสร้างกระแสให้ได้รับความสนใจเพิ่มพูนทวีคูณ งานไหลมาเทมาไม่ขาดสาย แม้หล่อนเองจะได้รับผลพลอยได้ไปด้วยหากก็มิอาจทำชื่นมื่นยิ้มรับมันได้ สิ่งที่หล่อนต้องการตอนนี้คือให้กัทลีรัตน์ถูกมรสุมข่าวฉาวรุมเร้าจนไม่เหลือที่ยืนในวงการบันเทิงเลยยิ่งดี
    พลอยพัทธสู้อุตส่าห์นัดแนะให้นักข่าวไปยังโรงแรมนั้นได้อย่างยากเย็น จากนั้นก็ตีสนิทกับกรนันท์หลานชายผู้เป็นแม่เลี้ยงรวมทั้งบรรดาเพื่อนของเขาเพื่อจะได้เข้าร่วมปาร์ตี้กับพวกหมอที่ไปประชุมสัมมนา จากนั้นก็หาโอกาสสลับคีย์การ์ดห้องของกัทลีรัตน์ให้หมอหนุ่มคนหนึ่งไป หวังให้ข่าวฉาวแพร่สะพัดทำลายชื่อเสียงของกัทลีรัตน์ให้ยับเยิน แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นไปดังที่ใจต้องการ เพราะกัทลีรัตน์สามารถรับมือกับข่าวฉาวได้ดีเกินคาด
    ภาพแอบถ่ายระหว่างกัทลีรัตน์กับปณิธิหน้าห้องพักโรงแรมในหัวหินถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็วทางอินเตอร์เน็ต หนังสือพิมพ์ข่าวบันเทิง และนิตยสารแนวปาปารัซซี่บางฉบับ กลายเป็นข่าวฉาวที่ทำให้ดาราสาวถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์จนต้องคอยแก้ตัวไม่เว้นแต่ละวัน เนื่องจากตอนนี้ละครที่เธอเป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องแรกกำลังฉายทางโทรทัศน์และมีเรตติ้งค่อนข้างดี กระแสข่าวจึงยิ่งแรงและได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม หากก็ไม่ทำให้เดือดร้อนถึงขั้นฉุดเรตติ้งร่วงแต่อย่างใด
    หลังเกิดเหตุการณ์ปณิธิเข้าห้องผิดในคืนนั้น กัทลีรัตน์ได้ซักฟอกกรนันท์อย่างละเอียด หากอีกฝ่ายปฏิเสธหัวชนฝาว่าไม่ได้วางแผนและไม่ได้ให้คีย์การ์ดผิดใบ ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าคีย์การ์ดของปณิธิกับแพทย์หญิงอีกคนไปสลับกันตอนไหนได้อย่างไร เพราะตอนจัดแบ่งห้องใหม่ในวันนั้นเขาเป็นคนดูแลให้ผู้แทนยาจัดการกับคีย์การ์ดทุกใบอย่างรอบคอบเป็นอย่างดี
    “สรุปว่าหนูไม่ได้มีอะไรกับคุณหมอคนนี้จริงๆ ใช่ไหมจ๊ะ” ผู้จัดการส่วนตัวของกัทลีรัตน์ถามย้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วหญิงสาวก็จำไม่ได้
    “ไม่มีจริงๆ ค่ะพี่จุ๊บ ทั้งหมดที่หนูบอกพี่เป็นความจริง” กัทลีรัตน์ยืนยันเสียงหนักแน่นดังเดิม เธอเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้พี่จุ๊บฟัง และพี่จุ๊บก็แนะนำให้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดของเหตุการณ์เล็กน้อยในการให้สัมภาษณ์เพื่อความเข้าใจที่ง่ายกว่า “แต่หนูไม่ได้พูดเลยสักนิดไอ้เรื่องพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคตอะไรนั่น เขาถามคำถามแล้วก็เสริมเอาเองในข่าวแท้ๆ” หญิงสาวบ่นอย่างหงุดหงิด
    “แต่พี่ว่านะ ถ้าไม่มีอะไรกันจริงๆ เวลาตอบคำถามนักข่าวก็แกล้งทำพูดเป็นนัยให้มันคิดได้หลายๆ แง่ไว้ก็ดีเหมือนกัน เอาให้คนสงสัยแล้วเก็บไปตีความเอง มันสร้างกระแสได้”
    “ไม่ค่ะ หนูจะไม่ยอมมีข่าวกับเขาอีกเป็นอันขาด”
    “จะว่าไปเขาก็หล่อดีนะพี่ว่า ถ้าเมื่อไหร่กระแสหนูเริ่มตก ลองควงเขาให้เป็นข่าวขึ้นมาอีกก็ไม่เลวนะ”
    หญิงสาวตีสีหน้ารังเกียจ “ไม่มีทางหรอกค่ะ”
    “งั้นต่อไปจะทำอะไรก็ระวังหน่อยแล้วกัน ตัวเองกำลังดัง ถ้าขืนคนที่เราเผลอไปมีข่าวด้วยเป็นผู้ชายใช้ไม่ได้เราจะเสียหายหนักกว่านี้ คราวนี้ยังถือว่าดีที่อีกฝ่ายประวัติดีเราเลยรอดตัวไป หลังจากนี้ก็เงียบๆ ไว้ อีกไม่นานคนก็ลืม”
    กัทลีรัตน์ผ่านวิกฤตข่าวฉาวตลอดสองสัปดาห์ไปได้อย่างสวยงาม จบงานหลังวันขึ้นปีใหม่หญิงสาวจึงลาพักยาวเจ็ดวันเพื่อเดินทางลงใต้ตามคำชวนของผู้เป็นพ่อ แม่ของเธอคัดค้านการเดินทางครั้งนี้โดยให้เหตุผลว่าบ้านของพ่อเธออยู่ในจังหวัดเดียวกันกับโรงพยาบาลที่ปณิธิทำงาน ดังนั้นจึงเกรงจะมีใครตั้งข้อสังเกตและขุดคุ้ยจนอาจเกิดข้อครหารอบสองขึ้นได้ แต่กัทลีรัตน์ไม่คล้อยตามในเรื่องนี้ เธอเชื่อว่าแม่ห้ามเพราะแค่ไม่อยากให้ไปเจอพ่อเท่านั้น และหญิงสาวเชื่อแน่ว่าเธอไม่มีทางได้พบปณิธิจากการเดินทางลงใต้ครั้งนี้อย่างแน่นอน
    ‘รัตนชัย’ พ่อของกัทลีรัตน์ไม่เคยสนับสนุนให้เธอเป็นดารานักแสดง พอมีโอกาสก็จะเกลี้ยกล่อมให้ย้ายกลับไปช่วยธุรกิจทางบ้านเสมอ แม้จะมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว แต่พ่อก็ยังมีความเอื้ออาทรอย่างเสมอต้นเสมอปลาย กัทลีรัตน์จำเป็นต้องย้ายตามแม่เข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น ดังนั้นนานๆ ทีเธอจึงจะมีโอกาสกลับไปเยี่ยมพ่อ
    ปู่กับพ่อของเธอทำธุรกิจในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งค้าขาย ขนส่ง และเกี่ยวกับยางพารา ค่อนข้างกว้างขวางและถือว่ามีอิทธิพลในพื้นที่พอควร ส่วนแม่เธอเป็นหมอนิติเวชที่มีชื่อเสียง แม่รักและเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีเสมอมา ทว่าหลังจากแม่แต่งงานใหม่กับหมอด้วยกันเมื่อเกือบสิบปีก่อน กัทลีรัตน์ก็รู้สึกเหมือนตัวเองต้องโดดเดี่ยวจากครอบครัวนับแต่นั้นมา แต่ถึงกระนั้นเธอก็มิได้โหยหาความรักความอบอุ่นอะไรนัก เธอวางตัวดีและพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดเสมอมา ยิ่งเมื่อก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงพร้อมกับพลอยพัทธเมื่อสองปีก่อน ชีวิตก็เหมือนตกอยู่ในวังวนของสนามแข่งขันเล็กๆ ที่ทำให้ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น
    “รู้ไหม ปู่รู้จักหมอที่เป็นข่าวกับหลานด้วยนะ”
    กัทลีรัตน์งงไปชั่ววินาทีก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเพราะคำพูดคุณปู่ เธอวางฝรั่งลงบนจาน มองหน้าผู้เป็นปู่ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามบนชุดม้านั่งชิงช้าในสวนด้วยความพิศวง สองวันนับแต่กลับมาถึงบ้านนี้ เธอมักขลุกอยู่กับผู้เป็นปู่ตามลำพัง พูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ “คุณปู่รู้จักเขา?”
    “ปู่ไปเป็นคนไข้เขาด้วย”
    คนฟังอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง
    “หลังจากเรามีข่าวกับเขา พ่อกับปู่เลยลองไปสืบประวัติดู หน่วยก้านใช้ได้เลยนะหมอคนนี้ โหงวเฮ้งดีเอาการ ถ้าให้มาเป็นหลานเขยจริงๆ ปู่ก็ไม่รังเกียจ”
    “แล้วคุณปู่จะจับคู่ให้หลานสาวคนไหนล่ะคะ” นอกจากเธอแล้วคุณปู่ยังมีหลานสาวอีกสองคน คือน้องสาววัยเจ็ดขวบที่เกิดจากพ่อและแม่เลี้ยง กับลูกพี่ลูกน้องวัยยี่สิบที่เกิดจากน้องสาวพ่อ
    “คนไหนเป็นข่าวกับเขาก็คนนั้นแหละ”
    “คุณปู่!” หลานสาวหน้าง้ำ
    ชายชราหัวเราะร่วน “พ่อเราก็ชอบเขาอยู่เหมือนกันนะยัยกล้วย ยิ่งเห็นแม่เราออกโรงปฏิเสธเรื่องหมอกับเราเป็นพัลวันแบบนั้น พ่อเราเขาเลยยิ่งหมั่นไส้จนอยากแกล้งให้แม่เราเจ็บใจเล่น”
    “แกล้งแม่? แกล้งยังไงคะ”
    “ก็จับเขามาเป็นลูกเขยซะเลยไงล่ะ”
    “ไม่มีทางหรอกค่ะ” หลานสาวมองค้อน “แล้วทำไมพ่อต้องหมั่นไส้และอยากแกล้งแม่ด้วยการให้เขามาเป็นเขยด้วยล่ะคะ” เธอรู้ดีว่าพ่อกับแม่จบกันแบบไม่โสภานัก ทั้งคู่ไม่ลงรอยกันหลายเรื่องจนอยู่ร่วมกันไม่ได้จึงต้องแยกทาง แต่ไม่เข้าใจว่าพ่อกับแม่และปณิธิเกี่ยวข้องกันอย่างไร
    “หมอปั๊บเขาไม่ถูกกับแม่เรา หลานรู้เรื่องรึเปล่า”
    “คะ?” กัทลีรัตน์ทำหน้างงหนัก
    “สองคนนั่นเขาเคยมีเรื่องกัน เรื่องใหญ่ซะด้วย เพราะหมอปั๊บเขาดันไปตำหนิแม่เราผ่านสื่อ แถมยังต่อหน้าลูกน้องกับเจ้าหน้าที่เป็นสิบๆ คน แม่เราเลยโกรธมาก ไม่ยอมให้อภัยจนป่านนี้”
    คนฟังกะพริบตาปริบๆ อย่างนึกไม่ถึง แต่ได้ฟังเท่านั้นก็พอจะเดาเรื่องออกเมื่อนึกถึงอุปนิสัยของปณิธิกับแม่เธอเอง
    “หน่วยงานของแม่เราเคยลงพื้นที่หลังเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ปะทะคนร้ายหนักๆ เมื่อปีที่แล้วสองครั้ง ตอนนั้นหมอปั๊บเขาประจำอยู่โรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่เกิดเหตุ ก็เลยเกิดเรื่องขัดแย้งกับหน่วยงานแม่เราเข้า เป็นข่าวให้วุ่น เราไม่รู้เรื่องเลยเหรอ ที่แม่เราเขาไปทะเลาะกับตำรวจและหมอในพื้นที่”
    “รู้เรื่องข่าวของแม่ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าคู่กรณีเป็น...เขา” จริงๆ ก็เป็นเพราะเธอไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้ด้วย ปีที่แล้วไหนจะยุ่งเรื่องเรียน ไหนจะทำงานหนัก
    “เราก็พอรู้นี่นาว่าแม่เราเป็นแบบไหน พอลงพื้นที่ทีก็ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่เขาไปทั่ว ทำงานข้ามหน้าข้ามตาเขาไม่พอ ยังทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นเดือดร้อนกันไปหมด แต่หมอปั๊บเขาผิดก็ตรงที่เป็นเด็กแต่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ผู้ใหญ่ที่ทำงานไม่ถูกขั้นตอนอย่างแม่เราเท่านั้นแหละ”
    “ตอนนี้สองคนนั้นก็ยังเกลียดกันอยู่หรือคะ”
    “เรื่องมันจบไปแล้ว คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ แต่พออยู่ๆ มาเกิดเรื่องฉาวของเรากับหมอเข้า แม่เราเขาก็คงฟิวส์ขาดจนทนเฉยไม่ไหว ผู้ชายมีออกล้นโลกแต่ลูกสาวดันไปมีข่าวกับคู่ปรับเก่าซะได้” ชายสูงวัยพูดพลางหัวเราะชอบใจ ในขณะที่หลานสาวทำคิ้วขมวดมุ่น นึกถึงผู้เป็นแม่กับนายแพทย์ปากกรรไกรห้องผ่าตัดคนนั้นอย่างอึ้งไม่หาย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×