ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกมนตรา..โรงเรียนมหาเวท

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ(RW)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.95K
      9
      3 มิ.ย. 55

        



                 

       


         

      "จัดเก็บของให้เรียบร้อย เราจะไปโรงเรียนมหาเวทกัน...พรุ่งนี้!"

     

                   คำประกาศเสียงเฉียบ สีหน้าเฉยเมยกับสายตาเอาจริงที่ห่างหายไปนานตั้งแต่เขาพ้นวัยเด็ก ทำให้ เคช เซเบเรีย ไม่กล้าที่จะเอ่ยคำใดๆแย้งผู้เป็นพ่อ ทำได้เพียงลอบก่นด่าชะตาชีวิตของตนเองอยู่ในใจ...ซวยจริงๆ!

     

     

    ….. ย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อสองชั่วโมงก่อน….

     

     

     "เคช พ่อมีธุระจะคุยกับลูก"

     

      น้ำเสียงจริงจังกับถ้อยคำตรงตามแบบแผนเป๊ะ โดยเฉพาะคำว่า'ธุระ'ของนายเฮลกัลป์ เซเบเรีย ผู้เป็นพ่อ เรียกความสนใจของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่ดูยุ่งไม่เป็นทรงให้ละสายตาจากปืนไรเฟิลที่กำลังขัดเงาอยู่ให้หันมามอง พลันนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็พรายระยับอย่างนึกขัน รีบเอ่ยดักคอบิดาบังเกิดเกล้า

     

    "บอกซะก่อนนะพ่อว่าผมไม่ไปเรียนโรงเรียนชื่อพิลึกๆนั่น"

     

    คนถูกลูกชายตัวแสบดักคอทำหน้ามุ่ย พึมพำเบาๆเหมือนจะแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

     

    "ไม่ใช่ซักหน่อย.."

     

    "ก็แค่..เรื่องที่ลูกอยากรู้จนหายอยากไปแล้วนั่นแหละ"

     

    คราวนี้นัยน์ตาสีน้ำตาลใสแจ๋วของเจ้าลูกชายตัวดีเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ดวงหน้าขาวหากกร้านแดดแบบพรานป่าปรากฎแววแปลกใจ เด็กหนุ่มค่อยๆวางปืนไรเฟิลคู่มือลงกับพื้นอย่างทะนุถนอม ก่อนลุกขึ้นจากท่านั่งขัดสมาธิหันมายืนสนทนากับผู้เป็นพ่ออย่างจริงจัง

     

    นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของนายเฮลกัลลอบอมยิ้ม เมื่อเห็นลูกชายคนเดียวติดเบ็ดที่เกี่ยวเหยื่อล่อชื่อ

    'ความอยากรู้อยากเห็น'ของเขาเข้าเต็มเปา

     

     

     

    "เอ้า...เล่ามาสิครับ เรื่อง 'ที่ตั้งของแกนกลางป่าศักดิ์สิทธิ์'"

     

    เคชเอ่ยเร่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง แน่ล่ะ..ใจกลางของป่าศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นตำนานเรื่องเล่าเก่าแก่ที่กล่าวขานกันมานาน บ้างว่ามันคือขุมพลังเวทมนต์มหาศาล บ้างว่ามันคือแหล่งสถิตแห่งทวยเทพ หากผู้ใดได้ครอบครองจะสามารถขอสิ่งที่ตนปรารถนาได้ไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าสุดท้าย..ก็ไม่มีใครสักคนที่สามารถยืนยันได้ว่าแกนกลางป่าศักดิ์สิทธิ์มีจริงหรือไม่

     

    จะยกเว้น...ก็เพียงบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้า พ่อผู้เคยหลุดปากออกมาเมื่อนานมาแล้ว และจากนั้นไม่ว่าเขาจะเซ้าซี้ถามอย่างไร พ่อก็ไม่เคยยอมปริปากเล่าออกมาอีกเลย

     

     

    "แกนกลางป่าศักดิ์สิทธิ์เนี่ยนะ?!"

     

    น้ำเสียงของพ่อผู้แสนดีขึ้นคีย์สูงลิ่วจนเคชแปลกใจ พอหันไปพิศดูดีๆก็พบว่าใบหน้าของ

    นายเฮลกัลแฝงไปด้วยความกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ทั้งสายตาที่ทอดมาก็ดูเหมือนสาเหตุของสีหน้านั้นจะมาจาก..เขา?

     

    "นี่ลูกอยากรู้เรื่องป่าศักดิ์ส่งป่าศักดิ์สิทธิ์มากกว่าเรื่องแม่ตัวเองเรอะ??"

     

    ผู้เป็นลูกชายขยับรอยยิ้มขันๆมาประดับดวงหน้า นึกระอานิสัยเสียๆของคนเป็นพ่อที่ชอบทึกทักเอาเองว่าเขาเป็นหมอดูแม่นๆที่สามารถจะเดาใจใครต่อใครไปทั่ว

     

     ..ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าที่มายั่วน่ะ อยากให้เขาถามถึงแม่ผู้เสียไปนานแล้ว ไอ้เขาก็ดันนึกว่าหมายถึงเรื่องแกนกลางป่าสิ...

     

     

    "เรื่องแม่??ทำไมครับ..จะเล่าตอนพ่อไปฮันนีมูนที่ไรอัสหรือไง?"  เอ่ยถามอย่างจงใจแหย่ แต่คราวนี้รอยยิ้มยั่วที่เคยใช้ได้ผลเสมอกลับต้องจางวูบ เมื่อพบกับสายตาจริงจังเป็นครั้งแรกในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของผู้เป็นพ่อ

     

    "ฟังนะ เคช โลกของเราล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าประหลาดใจมากมาย บางเรื่องก็จบลงด้วยดี บางเรื่องก็ไม่ และบางเรื่อง..ก็ไม่เคยจบ"

     

    เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบดวงหน้าเคร่งเครียดของผู้ให้กำเนิดอย่างประหลาดใจ ก่อนปากเสียๆที่แก้ไม่หายพอๆกับนิสัยแย่ๆของเจ้าตัวจะเริ่มออกอาการ

     

    "น้ำเน่า!นี่พ่ออย่าบอกผมนะ ว่าพ่อเพิ่งไปอ่านนิยายรักรันทดสุดแสนซึ้งมาน่ะ"

     

    ประโยคพล่อยๆที่ทำให้นายเฮลกัลต้องพยายามข่มอารมณ์ที่เริ่มจะปุดๆ นับหนึ่งถึงสิบช้าๆในใจ บอกตัวเองไม่ให้ถือสาเจ้าลูกงี่เง่าที่ถูกเลี้ยงมาอย่างไม่ได้ความ ไม่อย่างนั้น แทนที่จะได้เล่าเรื่องให้มันฟังดีๆอาจจะกลายเป็นเฉือนคมกันแบบแย่ๆก็เป็นได้

     

     

    "เอาล่ะ..เรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มต้นเมื่อครั้งสงครามประกายแสง เมื่อราชาแห่งความสว่างไสวคิดจะครอบครองทุกอาณาจักรให้ตกอยู่ใต้อำนาจของแสง เผ่าพันธุ์ในยามนั้นถูกแบ่งแยกเป็นสามกลุ่มใหญ่ๆได้แก่ มนุษย์ มังกร และนกเพลิง และตัวพ่อในตอนนั้นก็..."

     

     

    เสียงที่กำลังเล่าอย่างออกรสจำต้องชะงักค้าง เมื่อเจ้าลูกชายตัวแสบแกล้งยกมือบิดขี้เกียจอ้าปากหาวหวอดๆเหมือนถูกบังคับให้นั่งฟังเล็กเชอร์วิชาประวัติศาสตร์ แค่นั้นยังไม่พอเมื่อเฮลกัลหันไปมองหน้า เจ้าตัวดีก็เพียงยิ้มน้อยๆด้วยสายตาระริก ทั้งยังเอ่ยประโยคสั้นๆที่ใจความนั้นช่างกระตุ้นต่อมโมโหของเขาได้ดีนัก

     

    "พ่อคร้าบ..เอาเนื้ออ่ะเนื้อ น้ำๆนี่ไม่ต้องเลย "

     

    "เออ!ก็ได้...."

     

    เฮลกัลยอมเออออตามใจลูกชาย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มนั้นปรากฎร่องรอยหนักใจอยู่วูบหนึ่งก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว พลันเปลี่ยนเป็นแววพราพราวเหมือนกำลังจะได้เห็นเรื่องสนุก มือใหญ่เอื้อมไปจับบ่าลูกชายผู้ราวกับโขกพิมพ์เดียวกันออกมาด้วยความเห็นใจแกมสมน้ำหน้า

     

    "แม่ของลูกน่ะเป็นมังกร!!"

     

     

     

     

     

     

     

     

    "งั้นหรอ..ครับ"

     

    ประโยครับคำสั้นๆที่ทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับกระพริบตาปริบๆ ใจชื้นขึ้นมาบ้างว่าอย่างน้อยเจ้าตัวดีมันก็ไม่ออกลวดลายโวยวายอาละวาดอย่างที่จินตนาการไว้ แต่ทำไมน้า..ทำไม ทำไมตาขวาถึงรู้สึกกระตุกถี่ๆชอบกล??

     

    ว่าแต่ว่า..ยอมรับง่ายๆอย่างนี้ช่างไม่สมกับเป็น เคช เซเบเรีย เจ้าลูกชายตัวแสบของเขาเอาเสียเลย..

     

    เงียบไปนาน ก่อนเคช เซเบเรีย จะเอ่ยถามพ่อของตนด้วยเสียงแผ่วเบาจนนายเฮลกัลมิอาจจับความรู้สึกจากน้ำเสียงนั้นได้

     

    "แล้วที่พ่อบอกว่าแม่เสียไปแล้วเพราะโรคหัวใจล่ะ?"

     

    "พ่อล้อเล่น ขืนไม่บอกอย่างนั้นลูกก็จะตามตื๊อถามอยู่นั่นแหละว่าแม่ไปไหน"

     

    คนเป็นพ่อที่ปากปีจอไม่แพ้ผู้เป็นลูกตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนเกินเหตุ ไม่มีร่องรอยเสียใจ

    แฝงไว้อยู่เลยแม้เพียงน้อยนิด นัยน์ตาพราวระยับของนายเฮลกัลทำเอาเคชหลุดหัวเราะคิกออกมา แม้ว่าเวลานี้สมควรตีหน้าให้เศร้าสร้อย

     

     จะว่าไป ถ้าถามว่าเสียใจไหมที่มีแม่เป็นมังกร เคชคงไม่อาจตอบได้เต็มปากว่า 'ไม่' มันเป็นความรู้สึกที่สับสนปนเปกันจนแยกไม่ออก อันที่จริง ความรู้สึกนี้มันก็คงคล้ายๆกับเวลาที่จับฉลากได้รางวัลที่หนึ่ง แต่ของรางวัลชิ้นงามดันเป็นชุดราตรีกำหยี่สีแดงหรูหรา ประดับดิ้นเพชรราคาแพงที่เขาไม่รู้จะเอาไปทำซากอะไรนั่นแหละ

     

     จะเป็นลูกครึ่งมังกรก็ช่าง ยังไงซะมันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตพรานป่าอย่างเขาอยู่แล้ว ถ้าต้องไปอยู่ในโรงเรียนชื่อพิลึกนั่นสิถึงว่าไปอย่าง

     

     

    "อ้อ..อีกเรื่องนึงนะ เคช แม่ของลูกไม่ใช่มังกรธรรมดา แต่เป็นถึง 'ควีน'...ราชินีแห่งเหล่ามังกรทั้งมวล"

     

     

    ถ้าเทียบกันแล้ว ความตกใจเรื่องที่มีแม่เป็นมังกรนั้นดูเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับประโยคเมื่อครู่ของพ่อบังเกิดเกล้าที่เหมือนถูกน้ำแข็งทั้งถังสาดโครมในวันที่หิมะตก หลังจากนิ่งอึ้งไปสามวินาทีกว่า คราวนี้แหละ อาการโวยวายอาละวาดแหลกของเจ้าลูกชายตามจินตนาการเดิมของนายเฮลกัลก็เริ่มต้นขึ้น..

     

     

    "พ่อ!!!"

     

    เคชอุทานลั่น นึกอยากจะทำปิตุฆาตกรรมให้รู้แล้วรู้รอด มีแม่เป็นมังกรนี่ยังพอรับได้ แต่มีแม่เป็นถึงราชินีนี่เกินรับจริงๆ แล้วอย่างนี้ไม่เท่ากับว่าเขามีศักดิ์เป็นถึงเจ้าชายแห่งเอริเธียร์ อาณาจักรของเผ่ามังกรเรอะ?!

     

     ไม่ๆๆ ชั่วชีวิตนี้เขาจะเป็นแค่ เคช เซเบเรีย พรานป่าฝีมือเยี่ยมแห่งฟลอเรนส์เท่านั้นเป็นพอ

    จะขออยู่กับชีวิตแสนสงบสุขพอเพียงแบบนี้ไปตลอดกาล!!!

     

     

    "เอาละ ในเมื่อลูกรู้เรื่องทั้งหมดแล้วก็เตรียมโบกมือลาจากชีวิตอันสงบสุขไปได้เลย"

     

    นายเฮลกัลเอ่ยพลางหัวเราะหึหึอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าลูกชายตัวดีที่เหมือนถูกลูกศรเสียบเข้ากลางอกอย่างถนัดถนี่ แกล้งทำเป็นเมินไม่สนใจนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มวาววับของคนถูกแทงใจดำ ทั้งยังจงใจยั่วอารมณ์ซ้ำ

     

    "ทีนี้ วิธีเดียวที่จะรอดพ้นจากการถูกลากไปครองเมืองเอริเธียร์ ก็มีเพียงการยอมไปเข้าเรียนที่โรงเรียนมหาเวทซะดีๆ"

     

    เคชมองบิดาบังเกิดเกล้าของตนตาขวาง ยิ่งมองก็ยิ่งไม่สบอารมณ์กับรอยยิ้มกว้างที่ดูกี่ทีก็ยิ่งฉายชัดถึงความเป็นผู้ชนะมากขึ้นเท่านั้น เฮอะ!คิดหรอว่าเรื่องแค่นี้น่ะจะทำให้เขายอมเข้าเรียนโรงเรียนบ้าๆนั่น ยังหรอก..พ่อยังไม่ชนะลูกชายคนนี้หรอกน่า

     

     

    เอาล่ะ ตาผมบ้างละนะ...ท่านพ่อ!

     

     

    "เอาไว้เล่าพรุ่งนี้ต่อละกันนะพ่อ ผมจะไปนอนล่ะ วันนี้แกะรอยอัมเวรินเจ็บมาทั้งวัน"

     

    เฮลกัลมองดูลูกชายบังเกิดเกล้าของตนเองที่ท่าทางเพลียจัดอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งจะว่าไปนี่มันก็ดึกก็ดื่นแล้ว แถมมันยังบอกว่าลุยป่าหนักมาทั้งวันก็สมควรจะง่วงอยู่หรอก หากพลันภาพความทรงจำหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ซึ่งทำให้นายเฮลกัลยิ้มกว้างกว่าเก่ายามเอ่ยตอบเจ้าตัวดี

     

    "ตามใจสิลูก แต่บอกซะก่อนนะว่าเรื่องดีๆน่ะเขาเล่ากันแค่รอบเดียว"

     

    เขาคงจะตกหลุมพรางแผนการมากเล่ห์ของเจ้าตัวแสบไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เผอิญนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนที่เจ้าตัวแสบจะนั่งขัดเงาปืนคู่มือ มันเดินเข้าครัวไปชงกาแฟแก้วเบ้อเริ่มเทิ่มมาซดอั่กๆๆแทนน้ำ และปริมาณคาเฟอีนนั่นก็มากพอที่จะทำให้ใครก็ตามแต่ตาค้างไปจนย่ำรุ่งเลยทีเดียว

     

    "ใจร้ายชะมัด!"

     

    เคชแกล้งร้องอุทรณ์ทั้งๆที่ในใจลอบอมยิ้ม ขืนตกแผนง่ายๆตั้งแต่แรกก็ไม่ใช่พ่อเขาแล้ว

    จุดประสงค์ของแผนนี้ก็เพื่อจะสร้างความระแวงให้ผู้เป็นพ่อคิดมากๆเข้าไว้ คนเราพอคิดนู่นคิดนี่มากเกินไปก็มักจะชอบเผลอในเรื่องที่ไม่น่าเผลอเสมอ

     

    พอเห็นคนเป็นพ่อไม่ยอมตามใจ เด็กหนุ่มก็จัดแจงเดินไปลากเก้าอี้ไม้เนื้อหนักสีเข้มจนเกือบดำมานั่งท้าวคางทำหน้ามุ่ย  ตีสีหน้าเบื่อหน่าย ปรือตาเหมือนนง่วงเสียเต็มประดาจนนายเฮลกัลเห็นแล้วใจอ่อนยวบยาบ แต่ในความใจอ่อนนั้นก็เต็มไปด้วยความอ่อนใจเหลือจะกล่าว..นี่เจ้าลูกชายคิดว่าเขาจะตกแผนตื้นๆแค่นี้หรือไง?ต่อให้ทำหน้าตาน่าสงสารกว่านั้น พ่อคนนี้ก็ไม่รู้สึกผิดหรอกนะ!

     

    "เออนี่!พ่อ ถึงมังกรจะเปลี่ยนมาอยู่ในร่างมนุษย์ก็เถอะ แต่สปีชียส์ต่างกันลิบลับ

    ขนาดนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีลูกด้วยกันไม่ใช่หรอ?"

     

    นายเฮลกัลพอได้ฟังคำถามแล้วก็เผลอดีดนิ้วเป๊าะอย่างถูกใจ นี่แสดงว่าอย่างน้อยเจ้าตัวแสบของเขามันก็ชักเริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้วสิ หารู้ไม่ว่านี่เป็นหนึ่งในแผนการล้านเล่มเกวียนของลูกชายตัวดีที่กำลังงัดแผน'แกล้งสนใจไปอย่างนั้นเอง'ขึ้นมาใช้

     

    "ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ แต่เพราะ มีโอกาศเป็นไปได้น้อยมากๆต่างหากล่ะ เคช  ลูกน่าจะดีใจนะที่ลูกเป็นหนึ่งใน0.00001% ของความเป็นไปได้"

     

    พอฟังพ่อพูดจบเด็กหนุ่มที่นั่งท้าวคางอยู่ก็เปลี่ยนท่ามายกมือขึ้นกุมขมับ ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายเป็นถ้อยคำชัดว่า'ซวยสุดๆ'

     

    โว้ย!!มีคนอีกตั้งหลายล้านคนทั่วโลก แล้วทำไมพระเจ้าถึงต้องจำเพาะเจาะจงมอบไอ้ความเป็นไปได้ศูนย์จุดศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์หนึ่ง เปอร์เซ็น มาให้เขาด้วยเนี่ย?!!

     

     

    "เอาล่ะ ในเมื่อลูกมีศักดิ์เป็นถึงเจ้าชายแล้ว  ก็ต้องยอมไปเรียนที่โรงเรียนมหาเวทซะดีๆ"

     

    คนเป็นพ่อยิ้มกริ่มเมื่อเห็นเจ้าตัวดีปากมากไม่เอ่ยขัดอะไร แม้เหตุผลการเข้าเรียนที่เขายกขึ้นมาอ้างมันจะดูทะแม่งๆน่าขัดก็ตาม แต่แล้วรอยยิ้มของนายเฮลกัลก็ค่อยๆเลือนหายเพราะประโยคถัดไปของลูกชายที่คราวนี้นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นแววจริงจัง

     

    "ถ้าเกิด..แม่ยังอยู่ แล้วทำไมถึงไม่เคยมาหาผมเลยซักครั้ง?"

     

    ความลังเลไหววูบอยู่ในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของผู้เป็นพ่อแวบหนึ่งก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งไว้เพียงหัวใจที่เจ็บปร่าเหมือนถูกเหล็กร้อนๆนาบ นายเฮลกัลฝืนหัวเราะแห้งๆ แกล้งตอบแบบติดตลก

     

    "ก็บอกแล้วไงว่าแม่ของลูกเป็นถึงราชินีแห่งเอร์ริเธียร์ เธอก็ต้องงานยุ่งเป็นธรรมดา"

     

    เคชจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาของพ่อตัวเอง เห็นหรอกเงาแห่งความปิดบังที่ซ่อนเร้นทั้งยังเห็นลึกลงไปถึงความเจ็บที่ผู้เป็นพ่อเกลื่อนไว้ไม่มิด ประกายปวดร้าวในดวงตาคู่นั้นหยุดคำพูดประชดพล่อยๆที่ล่วงออกจากปากเด็กหนุ่มให้เสเปลี่ยนเรื่อง

     

    "ยุ่งถึงขนาดไม่มีเวลา..เอ้อ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าผมมีพี่น้องหรือเปล่า?"

     

    "มีอีกตั้งฝูง เป็นมังกรไฟยี่สิบ มังกรน้ำอีกสามห้า มังกรดินสี่สิบสอง "

     

     

    "...o_O"... "

     

     

    เคชเบิกตาโผลง รู้สึกเหมือนโลกนี้กำลังหมุนติ้วๆๆ ลมหายใจติดๆขัดๆชอบกลในใจนึกสาบส่งตัวเองที่เมื่อตอนเด็กๆชอบภาวนาอ้อนวอนขอมีพี่น้องแบบครอบครัวอื่นบ้าง อีทีนี้เลยได้สมใจแบบลดแลกแจกแถมมาทั้งโขยง เพิ่มโปรโมชั่นคุณสมบัติมังกรเข้ามาด้วย

     

    "ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นหรอก ล้อเล่น ลูกไม่มีทั้งพี่ทั้งน้องแท้ๆนั่นแหละ "

     

    นายเฮลกัลหัวเราะร่าอย่างชอบใจที่เห็นเจ้าลูกชายมากแผนการตกม้าตายตื้นๆ ไม่สนใจสายตาอาฆาตวาววับของเจ้าตัวแสบที่ทำหน้ามุ่ยด้วยความเจ็บใจ แต่แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเคชก็แปรเป็นวาววับ เมื่อจับอะไรบางอย่างได้ในประโยคที่คนเป็นพ่อเผลอหลุดออกมา

     

    "แล้วที่ไม่ใช่พี่น้อง'แท้ๆ'ล่ะครับ?"

     

    งานนี้นายเฮลกัลถึงกับสะอึก หยุดหัวเราะฉับพลัน มองหน้าลูกชายที่จ้องมาอย่างคาดคั้นอย่างลังเล แต่เมื่อหมดทางจะบ่ายเบี่ยง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของผู้เป็นพ่อจึงจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีเดียวกันของคนเป็นลูกที่

    ราวจะถอดพิมพ์เดียวกันมา ก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่นที่ดังราวคำกระซิบ

     

    "มี...เพียงคนเดียวเท่านั้น 'พี่ชาย'ของลูก"

     

     

    "พี่ชาย...หึหึ หวังว่าคงจะเป็นคนธรรมดานะพ่อนะ"

     

    เจ้าตัวดีเอ่ยกระเซ้าด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ หวังจะให้บรรยากาศอึมครึมที่ปกคลุมพ่อเขาอยู่จางหายไปก่อนมันจะฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง แต่แทนที่นายเฮลกัลจะหัวเราะ หรือเอ่ยวาจาขัดแข้งขัดคอตามปกติ พ่อของเขากลับเพียงส่งยิ้มฝืดเฝื่อน ทำหน้าเหมือนถูกก้อนหินยักษ์หนักสิบตันที่ลอยละลิ่วมาจากฟ้าตกโครมลงกลางหัว หรือไม่ก็เหมือนถูกลูกธนูหลายร้อยดอกปักฉึกเข้าที่หัวใจพร้อมๆกัน

     

    "กะ..ก็ต้องเป็นคนสิลูก จะให้เป็นนกหรือไง?"

     

    "ก็ไม่แน่นะครับ ผมเป็นลูกพ่อแท้ๆยังเป็นมังกรเลย แล้วทำไมพี่ชายผมถึงจะเป็นนกไม่ได้"

     

    เคชโต้ ตั้งใจจะกระตุ้นต่อมน้ำโหของคนเป็นพ่อมากกว่าจะคิดจริงจังกับคำพูด หากผลที่ได้กลับตรงกันข้ามซะนี่ เพราะนายเฮลกัลตอนนี้นอกจากจะมีรอยยิ้มเฝื่อนเพิ่มขึ้นแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ถูกเจ้าตัวแสบถอดแบบไปอย่างไม่ผิดเพี้ยนยังปรากฎรอยหม่นหมองขึ้นวูบหนึ่งอีกด้วย

     

     

     

     

     

    งื๊ดๆ...งื๊ดๆ

     

    เสียงครางในลำคอสลับกับเสียงตะกุยประตูแกรกกรากในยามนี้ สำหรับคนเป็นพ่อแล้วช่างฟังดูไพเราะราวกับเสียงระฆังช่วยชีวิต นายเฮลกัลรีบฉวยจังหวะที่เจ้าตัวแสบกำลังยืนอึ้งรุนหลังลูกชายตัวดีไปยังประตู

     

    "เจ้ากายมันกลับมาแล้ว ไปเปิดประตูให้มันหน่อยไป"

     

    กายหรือเจ้าสกาย คือหมาป่าหนุ่มสีเทาแกมดำของครอบครัวเซเบเรีย หางเป็นพวงฟูสวยของมันแกว่งพรึบผับอย่างดีใจเมื่อเห็นประตูถูกเปิดออก ก่อนจะกระโจนตัวลอยต้อนรับนายน้อยของมันด้วยอุ้งเท้าหน้าซึ่งเปื้อนไปด้วยโคลน เคชที่ไม่ทันระวังเมื่อถูกหมาป่าร่างยักษ์ซึ่งได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจนใหญ่เกือยสองเท่าของหมาป่าทั่วไปโถมกระแทกเข้าเต็มรักจึงล้มกลิ้งโคโล่ลงไม่เป็นท่า เด็กหนุ่มอุทานคำผสุรวาทออกมาคำหนึ่ง พลางใช้เท้าถีบก้อนขนปุยๆที่ทับแหมะอยู่บนท้องให้ออกไปห่างๆ

     

    แทนที่เจ้าหมาป่าเขี้ยวเท่านิ้วโป้งจะเข็ด มันกลับส่ายหางดุ๊กดิ๊กก่อนจะเบนเข็มไปยังนายเฮลกัลผู้ยืนกอดอกอมยิ้มอยู่ นัยน์ตาสีอำพันฉายแววเจ้าเล่ห์อันเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวเซเบเรียไม่ว่าคนหรือสัตว์ แม้ในขณะมองหัวหน้าครอบครัวด้วยความภักดี อุ้งเท้าอันอุมดมไปด้วยก้อนขนเปื้อนโคลนสีกระดำกระด่างเตรียมจะยกขึ้นกอดไหล่ผู้เป็นนายด้วความคิดถึงก็มีอันต้องลดลงเมื่อถูกนายเฮลกัลดุดักคอเสียก่อน

     

    "ไม่เล่นนะ กาย!"

     

    สกายทำหูลู่ แลบลิ้นสากๆเลียมือเจ้านายอย่างรักใคร่ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปหานายน้อยที่เพิ่งยันตัวขึ้นจากพื้น หากก็ต้องผิดหวังเมื่อเด็กหนุ่มเอ่ยปากปรามเสียงแข็งเช่นกัน

     

    "ข้าก็ไม่เล่นโว้ย!!"

     

     

    ….หงิงๆ….

     

    หมาป่ายักษ์ทำหางตก หูลู่ ครางเสียงอ่อยอย่างน่าสงสาร น่าเสียดายที่ไม่มีใครสนใจ

     

     

    "เอาเป็นว่า แค่เรื่องสรีระระหว่างคนกับมังกร มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วในด้านของการ

    เอ่อ..อย่างว่านั่นแหละ นี่ไม่ได้พูดถึงความแตกต่างทางพันธุกรรมกับองค์ประกอบทางเคมีเลยนะ"

     

    เคชเริ่มต้นบทเปิดสนทนาขึ้นอีกครั้ง หากผู้เป็นพ่อกลับเพียงรับฟังคำโต้แย้งนั้นอย่างสงบ สีหน้านั้นเรียบเฉยจนดูเหมือนจริงจัง จนกระทั่ง..รอยยิ้มบางๆปรากฎขึ้นพร้อมๆกับเสียงหัวเราะหึหึ จนคนเป็นลูกชักเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวูบๆ รู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งพูดอะไรพลาดไปถนัดใจ

     

    "ถ้าอย่างนั้น..ลูกรู้จักชนเผ่าที่ถูกขนานนามว่า 'เทพแห่งมวลมังกร' บ้างหรือเปล่า?"

     

    พอถูกพ่อเล่นย้อนเกินความคาดหมายแบบนี้ เจ้าตัวแสบจึงปล่อยหัวเราะพรืดอย่างสุดกลั้น

     

    "โธ่!พ่อ ไอ้นั่นแม้แต่เด็กอมมือก็ยังรู้ว่ามันเป็นตำนาน หรือพ่อจะเก๊กเท่แล้วพูดว่า

    'นั่นไม่ใช่ตำนาน หากแต่เป็นเรื่องจริงที่ถูกบิดเบือนไปตามกาล'ล่ะ?"

     

    สีหน้าของนายเฮลกัลครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งเมื่อถูกเจ้าลูกชายตัวดีบลั๊ฟเข้าให้อย่างจัง ย้อนได้ยียวนนี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่ดันถูกเผงนี่สิ..แทงใจดำเป็นบ้า!

     

    "เออน่ะ!เอาเป็นว่าถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง ลูกก็คงไม่ได้มายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้หรอก"  โต้กลับอย่างรู้สึกว่าเสียเหลี่ยมเล็กน้อย ได้แต่นึกก่นด่าตัวเองในใจที่เลี้ยงลูกออกมาได้ประเสริฐศรีเกินไป

     

    "ไม่ไหวล่ะครับ พ่อ จะล้อเล่นก็ช่วยหาเรื่องที่มันสมจริงกว่านี้เถอะ"

     

    เจอคำตอกกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไยของลูกชายตัวดีมาแบบนี้ คนเป็นพ่อก็แทบลมจับยิ่งเห็นท่าส่ายหัวยิ้มๆเหมือนระอานั่นด้วยแล้ว นายเฮลกัลก็อยากจะเผ่นพรวดเข้าไปเขย่าตัวนัก นี่เห็นคำพูดของพ่อคนนี้ไร้ความน่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยหรือ?

     

    "โอ๋ๆๆ กาย ไปล้างขากันดีกว่า ดูซิ โคลนเปื้อนเต็มบ้านแล้วเนี่ย"  ระหว่างที่หัวหน้าครอบครัวกำลังยืนตะลึงอยู่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็จัดแจงลูบหัวลูบหางหมาป่ายักษ์ที่ขาทั้งสี่ข้างยั่งเปื้อนโคลนดำเปรอะ ตบต้นขาเบาๆเป็นเชิงเรียกให้ตามมา ก่อนทั้งคนทั้งหมาจะหายวับไปหลังบ้าน ทิ้งไว้เพียงรอยกระดำกระด่างรูปอุ้งเท้าเลอะตามไปเป็นทาง

     

     

                   ช่างหัวมัน..

     

    คิดอย่างเหลืออดเมื่อเห็นลูกชายตัวดีชิ่งหนีไปเรียบร้อยแล้ว เหลือบตาขึ้นมองนาฬิกาเก่าคร่ำครึข้างฝาเรือน เข็มเบี้ยวๆงอๆชี้ไปที่เลขสิบสองบอกเวลาเที่ยงคืน 

     

         เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยบอกก็แล้วกัน เฮ้อ..ยุ่งจริงโว้ย!!ไปชงชาดีกว่า...

     

     

     

    กลุ่มควันสีขาวทึบลอยออกจากพวยกาที่กำลังส่งเสียงครางครืดคราดเหมือนหวูดรถไฟย่อส่วน ไอน้ำเดือดลั่นสั่นฝากาให้กระทบกึกกักๆเป็นจังหวะ นายเฮลกัลรอต่ออีกพักหนึ่งจึงหรี่ไฟจากหัวเตาแก๊สปิคนิก อีกมือฉวยเปิดฝากาอย่างระมัดระวังไม่ให้ถูกไอน้ำร้อนจัดลวกเอา ค่อยๆบรรจงหย่อนถุงกระดาษสาสีขาวที่บรรจุผงสีน้ำตาลดำไว้เกือบล้น ใหญ่ประมาณข้อนิ้วก้อยลงไปเบาๆ พาดด้ายเส้นบางที่เชื่อมติดกับถุงชาลงบนขอบกา ดับไฟ

    แล้วก็นั่งคอย

     

    ห้านาทีผ่านไป หัวหน้าครอบครัวตระกูลเซเบเรียก็จัดแจงหยิบกาน้ำรูปทรงบุบบูบี้ขึ้นจากหัวเตา รินลงในถ้วยกระเบื้องเคลือบใบย่อม ของเหลวสีอำพันแก่ซึ่งรินหลั่งออกจากพวยกานั้นฟุ้งด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆของต้นข้าวสาลีที่เพิ่งแตกรวงใหม่ๆ เจือไปด้วยกลิ่นหวานอมเปรี้ยวของผลไม้จำพวกเบอร์รี นายเฮลกัลสูดลมหายใจลึก ซึมซับกลิ่นหอมนั้นให้ทั่วปอด ก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นจิบ ละเมียดละไมกลั้วให้ทั่วลิ้น รับรสสัมผัสขมจัดทว่าหวานละมุน แสดงถึงคุณสมบัติของชาชั้นเลิศที่มีเพียงชนชั้นสูงกว่าขุนนางเท่านั้นที่มีปัญญาหาซื้อมาลิ้มรส

     

     

    "ดื่มชาก่อนนอน เดี๋ยวพ่อก็นอนไม่หลับหรอก"

     

    เสียงของเจ้าลูกชายตัวดีที่เพิ่งหายตัวแวบไปหยกๆดังทักขึ้นจากด้านหลัง พร้อมๆกับความรู้สึกที่ว่าขากำลังถูกก้อนขนฟูๆทว่าแรงมหาศาลทั้งผลักทั้งดัน อันเกิดจากเจ้าหมาป่าตาสีทองหัวหัวใหญ่ๆของมันเข้ามาเคล้าคลอเคลียอย่างออดอ้อน  นายเฮลกัลที่รู้เส้นกันดีอยู่ไม่แปลกใจอะไรนัก เพราะรู้ว่าโต๊ะในห้องครัวที่ตนนั่งอยู่นั้นหันหลังให้กับประตูที่เปิดไปสู่สนามหญ้าเล็กๆซึ่งเจ้ากายจะต้องไปล้างขาที่เปรอะโคลนเป็นประจำในนั้นแทบทุกวัน สุดแล้วแต่ว่าเซเบเรียคนพ่อหรือลูกจะว่างพามันไปล้าง

     

    "เป็นเด็กเป็นเล็ก ขึ้นไปนอนได้แล้ว "

     

    คนเป็นพ่อเอ่ยเสียงต่ำๆ แต่กลับทำให้ผู้เป็นลูกชายหัวเราะหึหึ ลากเก้าอี้ที่เหลืออยู่อีกตัวมานั่งข้างๆ พลางเอื้อมมือไปคว้ากาต้มน้ำเทของเหลวสีน้ำตาลแก่พรวดๆลงไปในแก้วที่หยิบๆมาจากแถวๆนั้น ไม่สนใจเสียงโวยวายลั่นของบิดาบังเกิดเกล้า

     

    "เฮ้ยๆๆ! เคช กินอย่างนี้เสียของหมด ไปชงกาแฟกินไป๊!"

     

    "เอาน่า...พ่อนี่ก็ หวงไปได้"

     

    เจ้าตัวแสบแลบลิ้นแผล็บๆ กระดกชาชั้นเลิศทีเดียวเกือบค่อนแก้ว โดยไม่อินังขังขอบกับอุณหภูมิเกือบแปดสิบองศาของมัน ท่ามกลางสายตาเสียดายอาลัยรักอย่างสุดแสนของบิดานามเฮลกัล ที่เห็นลูกชายกระดกชาราคาแพงอันอ่อนหวานละเมียดละมุนราวกับซดเหล้าเถื่อนราคาถูกที่ทั้งหยาบและกระด้าง

     

    "ปีนี้ผมอายุสิบหกแล้วนะ แถมใครกันที่เพิ่งไล่ผมไปกินกาแฟอยู่หยกๆ"

     

    เมื่อเห็นคนเป็นพ่อไม่พูดตอบว่าอะไร คนเป็นลูกเลยถือโอกาศโคลงหัวดิกๆ มองกาน้ำที่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วเคยเป็นสีเงินแวววาว แต่เพราะการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน ตัวกาจึงบุบบู้บี้ ทั้งสีเงินยังลอกเป็นสีไหม้กระดำกระด่าง ขี้เหร่จนน่าเขวี้ยงทิ้งไปซื้อใบใหม่

     

    "จริงๆน้า..ไม่รู้ว่าพ่อติดใจอะไรกับไอ้ชารสชาติอ่อนปวกเปียกพวกนี้นักหนา แพงระยำก็เท่านั้น"

     

    "เซนส์หยาบอย่างแก ถึงบอกให้ไปต้มกาแฟสั่วๆกินไง"

     

    นายเฮลกัลที่ละเลียดชาจนหมดแล้วตวัดเสียงตอบอย่างหงุดหงิด ลองเปลี่ยนสรรพนามแบบนี้แสดงว่าพ่อเขาหงุดหงิดใช่เล่น แต่เคชก็ยังคงเป็นเคช เมื่อแหย่ขึ้นแล้วก็ชักสนุก จี้ต่อไปอย่างรู้เส้นดี

     

    "อ้าวๆๆ แล้วไหนบอกว่าผมเป็นลูกชายของควีน  ถ้างั้น ต่อไปนี้เรื่องเงินเรื่องทอง

    นี่ก็จะสบายมาก หึหึหึ จะเอาไปซื้อกาแฟแพงๆ ชนิดที่ว่าชาของพ่อต้องชิดซ้ายไปเลย"

     

    "เออๆๆๆ ให้มันมีจริงๆก่อนเถอะ ไอ้เงินๆทองๆเนี่ยๆ"

     

    "พูดถึงเรื่องเงินๆทองๆ..." น้ำเสียงของเคชเปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่เรื่องจริงจัง

     

    "โรงเรียนมหาเวทนี่ค่าเทอมแพงใช่ย่อยนาพ่อ จะไหวเร้อ?"

     

    "วะ!บอกว่าไหวก็ไหวสิ จับสัตว์มาหมดป่าแล้วมันยังไม่พอค่าเทอมก็ให้มันรู้ไป"

     

    "เรื่องมันอยู่แค่ว่า ลูกจะเรียนหรือเปล่าเหอะ" นายเฮลกัลตบท้าย ประสานนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเข้ากับนัยน์ตาของลูกชายที่ราวจ้องมองภาพสะท้อนในกระจก

     

    "ไม่เรียน!"  เซเบเรียคนลูกตอบฉับพลันทันใดแบบไม่ต้องหยุดคิด เล่นเอาบิดาแทบปล่อยกาน้ำร่วงแล้วเปลี่ยนเอามือมายกขึ้นกุมขบับด้วยความอ่อนใจ

     

     

    ...เงียบไปนาน ราวกับต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดของตน จนเคชเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามขึ้นเบาๆ

     

    "ทำไมอยู่ดีๆพ่อถึงอยากให้ผมเข้าไปเรียนนักนะ?"

     

    "แล้วลูกล่ะ ทำไมถึงต่อต้านขนาดนี้?"

     

    คนเป็นพ่อย้อนเสียงเรียบ ใช้นัยน์ตาสีเดียวกันจ้องเข้าไปในดวงตาของลูกชายราวกับจะเค้นถึงเหตุผลที่แท้จริง

     

    เคชเม้มริมฝีปาก เลี่ยงการตอบด้วยการเสมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งบัดนี้มืดสนิท เห็นเพียงเงาของไม้ใหญ่ยืนทะมึนเหมือนปีศาจในนิทานปรัมปรา ลมหนาวยามดึกที่พัดยอดไม้ให้ไหวเพยิบเอนลู่ไปตามแรงยิ่งช่วยขับความน่ากลัวให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดของเด็กหนุ่มในตอนนี้

     

    นั่นสินะ..ทำไมเราถึงไม่อยากไปเรียนที่มหาเวทล่ะ?

     

    ถามตนเองก่อนตอบได้ทันที เพราะ 'เป็นห่วง' ไงล่ะ

     

    หากเขาไปอยู่มหาเวท บ้านหลังนี้..ก็คงเหลือแค่พ่อเพียงคนเดียว

     

    แล้วเขาจะไปได้อย่างไรกัน!!

     

     

    "ถ้าผมไป..."เด็กหนุ่มพึมพำขึ้นเบาๆคล้ายรำพันกับตนเอง

     

    "พ่อก็ต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ"

     

    เสียงกระซิบนั้นเบาหวิว ทว่ากลับกระแทกเข้าใส่หัวใจของคนเป็นพ่อ ทั้งดีใจและเจ็บแปล็บไปในเวลาเดียวกันอย่างน่าประหลาด

     

    ยินดี...ที่เจ้าลูกชายตัวดีฟอร์มจัดเอ่ยปากว่าเป็นห่วง ทั้งๆที่ปกติเกลียดการพูดจาหวานเลี่ยนแสดงอารมณ์อ่อนไหวมากที่สุด

     

    เสียใจ...ที่ต่อไปคงต้องยอมรับความจริงว่า บ้านหลังนี้ ต่อไปคงเหลือเพียงเขาคนเดียว

     

     

    นัยน์ตาสีอำพันของนายเฮลกัลเบือนมาจับใบหน้าของลูกชายเพียงคนเดียว ก่อนมือใหญ่จะเอื้อมมาลูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มอย่างอ่อนโยน

     

    "ไม่เป็นไร เคช ไม่เป็นไร  กายก็ยังอยู่นี่ พ่อไม่ได้อยู่คนเดียวซักหน่อย"

     

    หมาป่าสีเงินที่นั่งอยู่ใต้โต๊ะกระดิกหางพั่บๆเมื่อได้ยินนายเอ่ยชื่อมัน พลางเอาหัวโตๆอันอุดมไปด้วยขนเบียดเข้ามาดุนมือของนายน้อยที่นั่งซึมกระทื่อลิ้นสากๆเลียแผล็บๆเหมือนปลอบใจ

     

          

    "เฮ้อ..."

     

    อยู่ดีๆ เด็กหนุ่มที่นั่งซึมกระทื่อก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะผุดขึ้นมาบนดวงหน้าขาว เล่นเอานายเฮลกัลตามอารมณ์คนเป็นลูกไม่ทัน

     

     

    "พ่อปิดบังอะไรผมอยู่กันแน่ เหตุผลที่แท้จริงที่อยากให้ผมไปเรียนมหาเวทนักน่ะ?"

     

    คนเป็นพ่อเจอคำถามตรงๆไม่วาดลวดลายเล่นลูกไม้ของลูกชายตัวแสบแล้วถึงกับอึ้งไปหลายวินาที รู้สึกอยากจะเอาหัวโขกกำแพงจริงๆที่เลี้ยงลูกออกมาได้สมบูรณ์แบบเกินไป พอใช้ลูกล่อลูกชนไม่ได้ผล ก็ส่งศรตรงๆมาเชียว แถมเป็นศรที่ตรงฉึกเข้าปักแทงใจดำเสียด้วย!

     

     

    "รัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของเอร์ริเธียร์ ถ้าไม่มีการศึกษาเลย มันก็ดูไม่ค่อยเหมาะน่ะ"

    ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูน่าเชื่อถือ แม้จริงแล้วนายเฮลกัลเองก็ยังไม่ค่อยเชื่อในเหตุผลข้างๆคูๆของตนเองก็ตาม แต่พอเห็นลูกชายทำหน้านิ้วคิ้วขมวดอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คนเป็นพ่อเลยรีบใส่เหตุผลออกทะเลของตนต่อ

     

    "แล้วอีกอย่างนะ ลูกน่ะ ควรหัดออกไปใช้ชีวิตกับเด็กวัยเดียวกันบ้าง อยู่ที่ฟลอเรนส์นี่ก็เอาแต่เข้าป่าล่าสัตว์จนแทบจะไม่รู้จักสังคมอยู่แล้ว"

     

    "ใครว่า เพื่อนผมที่รุ่นราวคราวเดียวกันก็ออกจะเยอะแยะ ล่าสัตว์ด้วยกันก็ออกบ่อย พ่อก็รู้จักนี่" เจ้าตัวดีแย้ง ชักรู้สึกทะแม่งๆกับสิ่งที่เรียกว่าเหตุผลของนายเฮลกัล

     

    "ลูก...คิดจะอยู่ในฟลอเรนส์ จะเป็นพรานล่าสัตว์อย่างนี้ตลอดไปหรือไง?" นายเฮลกัลถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากเดิม ทว่าคนตอบกลับกวนประสาทไม่เลิก


                   "ถ้าอย่างนั้น ผมมีหนึ่งคำถาม..."  เจ้าตัวแสบยิ้มเจ้าเล่ห์ หารู้ไม่ว่าคำถามที่กำลังจะถามจะเป็นการเขวี้ยงระเบิดใส่กำแพง ซึ่งนอกจากกำแพงจะถล่มแล้ว ระเบิดยังมีสิทธิ์กระเด้งกลับมาใส่ตัวเอาง่ายๆอีกด้วย

                   "แล้วพ่อไปเล่นท่าไหนกับแม่ล่ะครับ ถึงมีผมออกมา?"

     

    เพียงแค่นั้น ความอดทนอันมีมากกว่าลูกชายหลายขุมของคนเป็นพ่อก็ถูกใช้จนเกลี้ยงฉาดไม่เหลือซักหยด ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะกล่อมดีๆอยู่หรอกนะแต่ตอนนี้ เห็นทีจะต้องขอใช้สิทธิ์ความเป็นพ่อที่ไม่ได้ใช้มานานซะหน่อยแล้ว จะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่..บังคับ!

     

     

    "จัดเก็บของให้เรียบร้อย เราจะไปโรงเรียนมหาเวทกัน...พรุ่งนี้!"

     

    น้ำ เสียงเฉียบขาดแบบที่น้อยครั้งนักจะได้ยินออกจากปากคนเป็นพ่อผู้แสนจะใจเย็น ทำเอาเคชถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง คำโต้แย้งถูกกลืนกลับเข้าไปในลำคอเมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ที่ถูกคลุมไว้ด้วยไอโกรธจางๆ

     

     

    "ถือว่า เราตกลงกันเรียบร้อยแล้วนะ เคช เซเบเรีย"

     

    พูดจบ คนเป็นพ่อก็หันหลังเดินสวบๆเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้ลูกชายที่ตอนนี้มีสีหน้ายากบรรยายยืนอึ้งอยู่เพียงลำพัง

                   เวรแล้ว...เพราะปากพล่อยๆแท้ๆ...

     

     

     

     

     

    'ฮึ่ย!!ตกลงกันตอนไหนฟร่ะ!!"

     

    เคชตะโกนลั่นอย่างหงุดหงิดอยู่ในใจ ในขณะที่มือหนึ่งถือกาน้ำ อีกมือหนึ่งถือแก้วกาแฟที่มีถ้วยชาของนายเฮลกัลซ้อนอยู่ เดินโครมๆเอาไปล้างที่หลังบ้าน โดยมีหมาป่าหนุ่มขนสีเทาแกมดำ เดินกระดิกๆดุ๊กดิ๊ก คลอเคล้าคลอเคลียไม่ยอมห่าง จนเมื่อนายน้อยโซซัดโซเซเข้าห้องนอน สกายจึงรีบเผ่นแผล็วตามเข้าไปด้วยแถมยังกระโดดขึ้นเตียงราวกับเป็นเจ้าของซะเอง  ตามปกติแล้ว เคชจะต้องหันมาไล่ให้มันไปนอนพื้น แต่คืนนี้ เด็กหนุ่มเพลียและเหนื่อยเกินกว่าที่จะหาเรื่องทะเลาะกับหมาตอนกลางคืน เพราะการลากไอ้กายที่เป็นหมาป่ายักษ์หนักเกินกว่าหกสิบโลลงจากเตียงนี่เป็นอะไรที่เหนื่อยใช่เล่น ดังนั้น เซเบเรียคนลูกจึงเพียงแต่เอามือดันๆมันให้แค่ไม่พอเกะกะกีดขวางการล้มร่างนอน  พอหัวถึงหมอนก็หลับลงอย่างรวดเร็ว

     

    พร้อมกับคำภาวนาที่ว่า พอถึงพรุ่งนี้เช้า เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด...จะเป็นเพียงแค่ความฝัน 


    .....................................................................................................................
    ข้อความจากไรท์เตอร์ :

    รีไรท์ใหม่หมดทั้งเรื่อง เลยขอลบทิ้งแล้วเขียนใหม่ค่า :) 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×