ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] Yearbook! 2JAE (Ft.MarkBam)

    ลำดับตอนที่ #1 : YEARBOOK! : Chapter1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.1K
      26
      23 ธ.ค. 57




     
    Yearbook! page.1











                กริ๊งงงงงง~งง~~~ !!!!

     



     

    เมื่อเสียงสัญญาณเลิกเรียนดังปุ๊บ เด็กๆก็พร้อมใจกันเก็บกระเป๋าเรียนกันปั๊บไม่ต้องมีใครมาคอยจ้ำจี้จ้ำไชเหมือนตอนเรียกเลยสักนิด เป็นธรรมดาไปแล้วสำหรับโรงเรียนชายล้วนที่หลังเลิกเรียนบ้างก็ไปเล่นกีฬา เข้าชมรมตามประสา บ้างก็ยกก๊วนไปเที่ยวกันต่อ บ้างก็หิ้วกระเป๋ากลับบ้านหรือไม่ก็หอตามประสา

    “แจวันนี้ไปเดินเล่นสยามกันป่ะ?” ผมได้ยินเสียงไอ้เพื่อนตัวแสบเอ่ยถามจึงต้องละจากของที่เก็บลงกระเป๋าเพื่อมองหน้ามัน ผมคิดแป๊บนึงแต่ดูเหมือนจะนานมันเลยถามย้ำอีกที “ว่าไง?”

    “ทำไมวันนี้ถึงชวนกูได้วะ” ผมถามกลับ ก็จริงๆนะปกติต้องไปกับแฟน เอ่อ จะเรียกว่าแฟนได้ไหมล่ะ? ก็มันไม่เคยพามาให้ผมรู้จักเลยแต่ก็เหมือนจะคบๆกันแหละ นี่ก็หลายเดือนแล้วมั้งนะ? ช่างเรื่องของมันเถอะครับ (-__-;)

    “อย่ามากวน” นั่น! ดูเหมือนจะมีอารมณ์นะครับคุณมึง

    “ก็เรื่องจริง แค่อยากรู้ว่าวันนี้บัตรคิวคุณกันต์พิมุกลอยมาถึงยองแจแล้วหรอครับผม” แซวมันไปงั้นแหละ หมันไส้มันปกติผมอ่ะหัวเน่าครับ นี่พูดเลยจริงๆ

    “...”

    “เฮ้ย!” เห็นมันเงียบนานเลยแหงนหน้ามองมันสักหน่อย แต่ดูเหมือนมันจะเริ่มโกรธจริงๆแล้วครับ “เฮ้ย แบม! มึงเป็นไรวะ?”

    “มึงจะไปไหม ถ้าไม่ กูไปละนะ” พูดจบก็สะบัดตูดไปเลยครับเพื่อนผม ห่าน! งานเข้ายองแจครับพูดเลย มันงอนแล้ว (T___T) อะไรวะปกติก็แซวกันแรงๆไหงวันนี้มาทำน้อยใจ

    “รอกูด้วยมึง!!

    เพราะว่าโรงเรียนของเรามันอยู่ในย่านใจกลางเมืองอีกทั้งยังมีรถไฟฟ้าอีก ผมกับแบมเลยมาถึงแหล่งรวมวัยรุ่นได้ไม่ยากแต่ตลอดการเดินทางบอกเลยว่าโคตรอึดอัดครับ ก็ไอ้แบมมันเอาแต่เงียบ หน้างี้ก็หงิกอย่างกับก้นเด็ก (-__-;) เพราะงั้นผมเลยไม่อยากเซ้าซี้มันตอนนี้ไง

    “งอนกูหรอวะ” สุดท้ายผมก็เลือกที่จะง้อก่อน แต่แหม่...ดูมันสิ่ครับ ทำเป็นเดินไม่สนใจคำพูดผมเลย ไอ้ ห่าน!! อย่าให้กูงอนมึงมั่งนะครับผม (-‘’-) กูจะงอนแม่ งสักอาทิตย์

    “...”

    “แบม กูขอโทษ” ผมเดินไปคว้าไหล่มันไว้ นี่...ถ้าใครไม่รู้จักผมกับมันคงคิดกันไปไกลแล้วมั้งกับการกระทำอะไรแบบนี้ แต่ผมไม่แคร์หรอกครับ ผมชินกับอะไรแบบนั้นแล้วแหละ ก็ผมอยู่ชายล้วนนี่หน่า

    “...” มันอารมณ์เย็นลงแล้วครับ

    “ไปๆ กินติมกัน เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ใช้จังหวะนี้แหละลากมันไปหาของหวานเอวี่ติงจิงกะเบลที่มันชอบ เลือกๆกันอยู่สักพักใหญ่ สุดท้ายผมกับมันก็ไปหาที่นั่งเพื่อกินไอติมกัน ผมลอบมองมันเป็นระยะ ดูเหมือนมันจะไม่สบายใจจริงๆด้วย ผมเองก็ปากไวไปด้วย เฮ่อ..

    “แจ...”

    “อือ ว่า?”

    “กูไม่ได้โกรธมึงหรอกนะ มึงไม่ต้องคิดมาก” มันก็เป็นแบบนี้แหละครับ

    (_   _)(-    -)(_   _)(-    -)” ผมพยักหน้าเข้าใจพลางตบบ่ามันเบาๆ “เล่าให้กูฟังก็ได้นะ เรื่องที่มึงไม่สบายใจ”

    “...”

    ถ้าจะให้เดามันน่าจะเป็นเรื่องแฟนมันมั้งครับ? ก็ตอนแรกๆที่มันมีความรักก็เหมือนทุกเย็นมันจะไม่ค่อยว่างเลย ผมถึงบอกว่าผมอ่ะหัวเน่าไง แต่นี่หลายอาทิตย์แล้วที่ผมเห็นมันไม่ไปไหนมาไหนทุกเย็นเหมือนแต่ก่อน แถมบ้างครั้งยังไปนอนเล่นที่ห้องผมอีกต่างหาก นี่ถ้าบนหน้าผากมันขึ้นตัวอักษรเลื่อนได้คงขึ้นคำว่า โสด วิ่งไปวิ่งมาแล้วล่ะครับ

    “มึงโอเคนะ”

    “ไม่อ่ะ”

    “...”

    “แจ...” มันเรียกชื่อผมเบาๆ “กูเลิกกับมันแล้ว”

     





     

    นั่นไง! แหม่...คนไทยชอบพูดว่าไงนะ อ่อ ซื้อหวยไม่ถูกวะ แบบนั้นใช่ไหมครับ?

     





     

    “อืม กูถามต่อได้ป่ะวะ?” ผมพูดเชิงขออนุญาตซึ่งมันหันมามองหน้าผมแล้วก็พยักหน้ารับเบาๆ “ทำไมถึงเลิก แล้วใครบอกเลิกใครก่อน แล้วเขาเป็นใคร ชื่อไร เรียนที่ไหนแล้ว...”

    “เดี๋ยวๆ” มันยกมือขึ้นห้าม “มึงจะเอาตลกป่ะเนี่ย” ไอ้แบมแทบจะเอาไอติมในมือมันมาละเลงหน้าผมเลยครับ

    “ฮ่าๆ ก็มึงไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับตัวแฟนมึงเลยนะ ก็ต้องถามเยอะสิวะ” ผมแค่อยากให้มันผ่อนคลายลงครับ ผมรู้ว่ามันเก็บเรื่องนี้มานาน มันคงอึดอัดน่าดู

    “เออๆ มึงนี่แม่ ง”

    “ไงอ่ะ ที่กูถาม”

    “ถ้ากูให้มึงดูอะไร มึงจะไม่ด่ากูใช่ป่ะแจ” ผมเลิ่กคิ้ว เครื่องหมายเควชชั่นมาร์คคงลอยมาแปะที่หน้าผมเลยล่ะครับตอนนี้ ผมเห็นมันหยิบมือถือมันออกมาก่อนจะส่งรูปให้ผมดู





     

    เชี่ย!!!

     





     

    “โอ้ย!!” ไอ้แบมร้องลั่นเพราะผมผลักหัวมันอย่างแรง “เห็นไหมๆๆๆ ที่กูไม่ให้มึงดูเพราะมึงจะเป็นแบบนี้ไง”

    “กันต์พิมุก เห็นเชี่ยไรมั่งเนี่ยนอกจากข้างๆ แถมภาพยังเบลออีก กูนึกว่ามึงถ่ายคนอวดผีตอนตกใจ” ผมอยากจะเควี้ยงโทรศัพท์มันทิ้งจริงๆ โมโหครับโมโห ภาพนี่พูดเลยว่ามองไม่รู้เรื่องเลย กูเห็นไรมากเลยแบม ขอบคุณ (-__-) “มึงคบมันมากี่เดือนเนี่ย ถ่ายมาได้แค่นี้อ่ะนะ?!

    “ก็มันไม่ชอบให้ถ่ายรูปนี่หว่า”

    (=’’=;;;)

    “เดี๋ยวแจ มึงไม่ด่ากูหรอวะ”

    “ก็นี่กูชมมึงอยู่ป่ะ กูด่ามึงอยู่นี่ไง ไอ้บ้าแบมเอ้ย” ผมยัดโทรศัพท์คืนกลับให้มันก่อนจะตักไอติมกินต่อ

    “ไม่ กูหมายถึง...”

    “แฟนมึงอ่ะนะ”

    (_   _)(-    -)(_   _)(-    -)

    “เรื่องที่แฟนมึงเป็นผู้ชาย...” มันพยักหน้าอีกรอบ “กูจะด่ามึงทำไมวะ”

    “ก็แบบ...” มันทำหน้ากระอักกระอ่วนแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนตอนโดนแฟนจับได้ว่านอกใจอ่ะครับ

    “เรื่องปกติว่ะ ยุคสมัยนี้มันก็เปิดเผยมากแล้ว กูไม่ซีเรียส” ผมอธิบาย “อีกอย่างเราก็อยู่ชายล้วน มันก็เรื่องปกติอยู่แล้วไม่เห็นต้องคิดมากเลย มึงเองก็โดนผู้ชายจีบอยู่บ่อยไป”

    “มึงก็เหมือนกันแหละแจ อย่ามาโยนให้กูคนเดียว”

    “ก็นั่นไง เหตุผลที่กูไม่ตกใจ”

    “...”

    “แล้วเลิกกันนานแล้วหรอ”

    “สักพักอ่ะ”

    “ทำไมเลิกกันวะ” ตอนที่มันเป็นแฟนกันผมดูว่าไอ้แบมมันมีความสุขมากนะ

    “ก็ทะเลาะกันเรื่องงี่เง่า มึงก็รู้ว่ากูเป็นพวกปากไว” มันอธิบาย “มันกับกูอายุเท่ากันด้วยล่ะมั้งเลยเป็นว่าไม่มีใครยอมใคร กูก็เลยบอกเลิกแม่ ง”

    “แล้วไง?”

    “ก็คิดว่าแม่ งจะง้อกูไงไอ้เชี่ย! (T_____T) นี่จะสามอาทิตย์แล้ว ก็คงต้องเลิกกันจริงๆแล้วอ่ะ”

    “มึงก็ลองเป็นฝ่ายง้อก่อนดิ่วะ”

    “กูไม่ได้ผิดอ่ะ ช่างแม่ งเหอะ กูกับมันสงสัยคงไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ” ผมให้คำปรึกษามากกว่านี้ไม่ได้ครับ เพราะผมไม่รู้จักแฟนมันเลย ผมไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นนิสัยยังไง ไลฟ์สไตล์ยังไง ผมทำได้แค่นั่งฟังมันระบายไปเรื่อยๆ

    สุดท้ายแบมก็ลากผมไปเดินเล่น เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ทำตัวเหมือนจะซื้อของอ่ะครับ เปล่า~ เปล่าเลย~~ แค่ไปเดินๆดู ผมก็แค่ทำตามที่มันอยากจะทำเท่านั้นเอง เห็นแบมมีอะไรก็โวยวายก็จริงแต่จริงๆแล้วมันเป็นคนอ่อนไหวมากครับ มันแค่แสดงออกเพื่อกลบเกลื่อนบางสิ่งที่ทำให้มันรู้สึกไม่ดีอยู่ต่างหาก

    สำหรับผมแล้วคิดว่าแบมแบมต้องมีแฟนที่โตกว่า พวกที่วัยเดียวกันความคิดเดียวกันไปกับมันไม่ได้หรอกครับ แป๊บๆเดี๋ยวก็เลิกกันเพราะแบมมันเอาแต่ใจมาก แสบก็ที่หนึ่ง ปากก็ไว (-___-;;;) ต้องมีคนมาปรามๆมันบ้างครับ ถ้าไม่อยู่เหนือมันล่ะก็ไม่มีทางจะไปด้วยกันได้หรอกครับ

    อ่อ ผมลืมแนะนำตัวไปสินะครับ ผมชื่อยองแจ หรือ ชเว ยองแจครับ ผมเป็นเด็กลูกครึ่งไทยเกาหลี พ่อผมเป็นนายทหารของเกาหลีครับ ส่วนแม่ผมเป็นคนไทย พ่อกับแม่ท่านจะทำอะไรกันคนละครึ่งครับ พ่อขอตั้งชื่อผมเป็นภาษาเกาหลีส่วนแม่ก็ขอให้ผมมาเรียนที่ไทย

    ผมมาเข้าเกรดหนึ่งที่นี่แล้วก็เจอกับกันต์พิมุก ตลอดเกรดหนึ่งจนถึงตอนนี้เกรดสิบเอ็ดแล้วครับ ชีวิตผมที่ใช้ที่ไทยก็มีแต่แบมแบมเท่านั้น เราสองคนถึงสนิทกันมาก แต่ก่อนผมจะโดนล้อเรื่องภาษาก็ได้หมอนี่แหละที่เอาแต่ไปแก้แค้นให้ แบมเป็นทั้งพี่แล้วก็เพื่อนในเวลาเดียวกัน

     





     

    ถ้าจะให้เปรียบ ผมอ่ะสายบุ๋น ส่วนแบมอ่ะมันสายบู๊

     





     

    “มึง กูหิวน้ำว่ะ ไปซื้อชานมไข่มุกกัน” แบมมันกำลังกินกำลังนอนครับ ปกติผมคงด่ามันไปแล้ว แต่ตอนนี้แค่ยอมๆมันไปครับ เพื่อนมันกำลังอกหักรักคุดตุ๊ดเมินอยู่อ่ะนะ (::-_____-::)

    เราสองคนเดินไปสั่งชานมที่ร้านประจำ ถ้ามาที่นี่ก็จะต้องแวะร้านนี้กันเสมอจนพี่คนขายจำได้ว่าเราสองคนชอบกินอะไร ผมกับแบมแบมยืนรอกันสักพักก็ไม่วายซื้อขนมปังที่วางขายอยู่กินรอพลางๆ ไม่นานนักชานมสองแก้วก็ถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ผมกับแบมกำลังจะจ่ายเงิน แต่...

     





     

    ฟวับ! แก้วชานมไปอยู่ในกำมือของเด็กช่างซะแล้วสิ่

     





     

    “เฮ้ย!!” ไอ้แบมมันเอาแล้วครับ ไอ้นี่ตัวเล็กแต่เสียงดังครับ “มาหลังก็ต่อแถวดิ่วะ รู้จักป่ะคิวอ่ะคิว!!

    “รู้ แต่ขอก่อนไม่ได้หรอไอ้หนู” มันมากันห้าคนครับ ดูท่าทางมาหาเรื่องเต็มที่แต่ดูเหมือนแบมมันก็จะไม่ยอมเหมือนกันนะ เอาจริงๆผมไม่ชอบมีเรื่องหรอกนะ แต่นี่มันก็เกินไป...มันตั้งใจหาเรื่องกันชัดๆ

    “หนูพ่ อมึงดิ่!” แบมด่าเข้าให้ก่อนมันจะแย่งเอาชานมของมันคืน แต่พวกมันก็ไม่ยอมง่ายๆ

    “ไรวะ แค่นี้ต้องด่าพ่อเดี๋ยวก็เจอเล่นหรอก”

    “เอาดิ่วะ กลัวที่ไหน!?!!

    “มึง...” ผมดึงแขนมันไว้ก่อน ตอนนี้เสียงเริ่มดัง ผู้คนเริ่มแตกตื่นและถอยห่างออกจากพวกเราแล้วครับ “กูว่าอย่ามีเรื่องเลย ไอ้พวกเชี่ยนี่มันไม่จบง่ายๆหรอก” ผมพยายามดึงสติมันกลับมา เอาจริงๆแบมมันใจร้อน มีเรื่องบ่อยเพราะแบบนี้ละครับ

    “มึงหยุดเลยแจ ยอมได้ไงวะ ขืนยอมเดี๋ยวแม่ งก็ได้ใจมาข่มเราแบบนี้เรื่อย” แบมพูดเอาๆก่อนจะชี้หน้าไอ้พวกเด็กช่าง “มึง! มึง! และมึง! กูล่ะสงสารพ่อแม่ มึงจริงๆที่ต้องมามีลูกไม่รักดีแบบนี้ แค่คำว่าก่อน-หลังมึงยังไม่เข้าใจกันเลย” โดนครับ ไอ้พวกนั้นถึงกับคิ้วกระตุก

    พวกมันโยนแก้วชานมใส่พวกผมสองคนอย่างตั้งใจก่อนจะทำหน้าเยาะเย้ย เสื้อนักเรียนผมกับแบมแชะไปด้วยน้ำสีชาแทบจะในทันที การกระทำแบบนี้เล่นเอาผมถึงกับโมโหจนปรอทจะแตก ผมก้มลงหยิบแก้วชานมที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมาพลางแกะฝาแก้วออกก่อนจะสาดน้ำแข็งกับชาไข่มุกไปที่ไอ้พวกนั้นอย่างแรง

     





     

    ไม่ถึงกับหัวแตกหรอก แต่ก็คงเจ็บน่าดู

     





     

    “แบม! วิ่งมึง!!” ผมฉุดแขนไอ้แบมให้วิ่งหนีออกไปด้วยกัน แม้ว่ามันจะมาห้าคนส่วนผมสองคน ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงเข้าไปบวกสบายๆ แต่ผมประเมินด้วยสายตาแล้วว่าถ้าเข้าไปตะลุมบอลกันมีหวังผมกับแบมได้หน้าแหกแน่ ก็ผมกับไอ้กันต์พิมุกอาภัพครับเกิดมาตัวเล็กไป (-____-;;;;)

    “เชี่ยแจ ครั้งนี้มึงกล้าว่ะ” มันพูดกับผมในขณะที่เรากำลังวิ่งหนี

    “ก็กูโมโห แม่ งเสื้อเลอะหมด! กูซักยากไงประเด็น”

    “สัดดดด ใช่เวลาตลกหรอครับ ชเวยองแจ~~” แบมแบมหันไปมองด้านหลัง ไอ้เด็กช่างพวกนั้นยังตามมาแบบไม่ลดละอย่างกับซอมบี้ที่วิ่งไล่อาหารเลย สยองฉิบ! “แจ! กูว่าเราแยกกันเหอะ ถ้าขืนวิ่งหนีแบบนี้ต้องโดนมันลากไปกระทืบแน่เลยว่ะ”

    “อืออ (_   _)(-    -)(_   _)(-    -)

    “ไว้กูโทรหานะ” แบมบอกก่อนที่ผมกับมันจะแยกกัน









     

     

     

     

     



     

    “ไหนละมึง ไหนบอกสวย สวยเชี่ยไรโดนหลอกละห่า!!

    “อย่าย้ำได้ป่ะ แค่นี้กูก็อายพอละ”

    บทสนทนาระหว่างเพื่อนในกลุ่มที่ไปม้อสาวตามแอพหาคู่ แล้วนัดมาเจอที่สยามแต่ดั๊นเป็นสาวเสียบซะงั้นก็เลยแห้วเดินคอตกกลับมา แม้ว่าจะสวมช๊อปสีน้ำเงินเข้ม ดูแล้วหน้าตาไม่น่าใช่คนดีเน้นไปทางนักเลงด้วยซ้ำแต่สาวๆแถวนี้ก็ต่างเทใจให้เด็กอาชีวะย่านกลางกรุงอย่าง เทคโนฯพยับหมอก กันหมดด้วยความที่หน้าตาหล่อจนต้องยอม

    “เออๆ พวกมึงก็พอกันได้แล้ว ล้อไอ้แจ็คจนมันจะวิ่งไปให้รถชนได้อยู่แล้ว” เดือนสุดหล่อของโรงเรียนเอ่ยขึ้น

    “เห็นไหม เห็นไหมเพื่อนดีๆมันต้องแบบพี่มาร์คเรานี่” แจ็คทำท่าจะเข้าไปกอดแต่โดนเจ้าตัวดันหน้าออก

    “มึงหยุดเลยไอ้สาดแจ็ค กูไม่ใช่สาวดุ้นของมึงครับ”

    “เชี่ยมาร์ค! (-____-)

    คนในกลุ่มต่างพากันหัวเราะกับท่าทางบ๊องๆ จริงๆแล้วเด็กพยับหมอกก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นซึ่งแม้ว่าภายนอกจะเป็นเด็กที่เพียงกล่าวถึงทุกคนก็ต้องเบ้หน้าพากันขยาดในเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง แต่พอเด็กพวกนี้อยู่ด้วยกันมันก็แค่เด็กผู้ชายธรรมดาเท่านั้นเอง

    ตุ่บ! ชายหนุ่มร่างโปร่งที่เดินนำขบวนจู่ๆก็หยุดเดินกะทันหัน เล่นเอากลุ่มเพื่อนที่กำลังสนใจกับประเด็นของแจ็คอยู่นั้นไม่ทันระวังพากันชนหลังต่อๆเป็นโดมิโน่ และแน่นอนเสียงโวยวายของเพื่อนก็เกิดขึ้น

    “โอ้ยยยย!!! อะไรมึงอีกไอ้บี!!! มึงนี่ก็วันๆจะทำอะไรก็ส่งเสียงบ้างนะ” แจ็คโวยวายเล่นเอาขำกันทั้งกลุ่ม แต่เจ้าตัวดีก็ต้องสงบปากสงบคำลงเมื่อได้รับสายตาแช่แข็งจากเพื่อนสุดหล่อ “มึงก็เงี้ยะ แม่ งชอบทำหน้าดุ พวกกูเพื่อนนะเฟ่ยไม่ใช่ไอ้เด็กปีหนึ่ง (- o -;;)” บ่นอุบอิบก่อนจะถอยไปหนึ่งก้าว เผื่อเพื่อนบีปล่อยอาวุธจะได้ตั้งหลักทัน

    “มีไรป่าววะบี” มาร์คเดินเข้าไปหาเพื่อนรักพลางแตะไหล่เบาๆ ชายหนุ่มพยักเพยิดหน้าไปทางฝั่งตรงข้ามของถนนก่อนอีกคนจะเลื่อนสายตาไปมอง หนุ่มร่างโปร่งผิวขาวจัดถึงกับต้องขมวดคิ้วทันทีที่ได้เห็น

    ชายหนุ่มสามคนที่กำลังวิ่งไล่เด็กกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินอยู่อย่างไม่ลดละ ด้วยยูนิฟอร์มที่ส่วมใส่อยู่นั้นไม่ต้องบอกเลยว่ามาจากโรงเรียนใด ก็โลโก้เด่นหลาตรงหน้าอกด้านซ้ายนั่นก็ชี้ชัดอยู่แล้วว่าเป็นเด็กพยับหมอก ไม่ผิดแน่!

    “มึงว่าใช่ไอ้พวกปีหนึ่งหรือเปล่า” ร่างสูงผิวเข้มเอ่ยเสียงเรียบโดยตาคมยังไม่ลดละไปจากภาพดังกล่าว

    “อือ นั่นมันน้องเทคพวกไอ้เบียร์ ดูเหมือน.....ไอ้เด็กพวกนี้คิดจะลองของมึงแล้วว่ะ” มาร์คกระตุกยิ้ม

    ดูเหมือนจะมีเรื่องสนุกๆให้เล่นอีกแล้วสินะ แม้ว่าพวกเขาจะขึ้น ปวช.ปีสาม แล้วแต่พวกเขาก็ยังมีกรรมสิทธิ์ในการควบคุมอยู่ดี และวันแรกที่มีประชุมของการรับน้องใหม่ บีในฐานะของ ประธานรุ่นสุดโหด ก็ได้กล่าวกฎเกณฑ์ของการใช้ชีวิตในรั้วของพยับหมอกไปอย่างดีและกระชับแน่นหนาในเรื่องของการทะเลาะวิวาท

     




     

    “พวกคุณทั้งรุ่นห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด! ขอให้ทำตามในสิ่งที่ผมพูดด้วย...”

     





     

    “มึงไปที่รถกันก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป” บีพูดจบก็ละจากกลุ่มเพื่อนทันที

    “ซวยแล้วมึง เด็กใหม่...” แจ็คเอ่ยออกมาพลางส่ายหน้าสงสารรุ่นน้อง ไม่ต่างอะไรจากคนที่เหลือต่างก็ลงคะแนนเสียงข้างเพื่อนสุดอะเลิร์ทกันหมด วันจันทร์นี้ระเบิดได้ลงปีหนึ่งแน่นอน...พวกผมคอนเฟิร์ม!!!

     










     

     









     

    โอ้ยบ้าเอ้ย! พวกแม่ งจะตามไปถึงไหนวะ ป่านนี้ไอ้กันต์พิมุกจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ ผมแม่ งไม่น่าทำแบบนั้นเล้ยย

     





     

    เด็กหนุ่มหน้าตาบ่งบอกสัญชาติว่าไม่ใช่คนไทยกำลังวิ่งหน้าตั้ง ตรอกซอกซอยที่พอจำได้คร่าวๆเวลามาเดินเล่นกับเพื่อนตัวแสบก็ถูกขุดขึ้นมาเป็นทางหนีไปซะหมด วิ่งเข้าทางนั้นออกทางนี้แต่ดูเหมือนไอ้พวกนักเรียนนักเลงพวกนี้ยังไม่หยุดตาม เหงื่อกาฬผุดออกมาตามไรผมเม็ดเบ้อเริ่ม

    ยองแจวิ่งมาเรื่อยๆจนเห็นซอยด้านหน้าก็คิดไว้แล้วว่าจะเลี้ยวตรงนั้น เพราะซอยดังกล่าวสามารถตัดออกไปอีกซอยได้น่าจะมีหนทางมากกว่าที่เอาแต่วิ่งวนไปวนมาราวกับหนูติดจั่นเช่นนี้ ขาเล็กวิ่งมาถึงจุดหมายก็ไม่รีรออื่นใดรีบเลี้ยวทันที ใบหน้าหวานหันกลับไปมองเป็นระยะแต่ดูเหมือนว่าไอ้พวกนั้นจะหายไปแล้ว

     





     

    เห?

     





     

    คิ้วสวยขมวดเข้าหากันเชิงสงสัยจากสับเท้ารัวตอนนี้ก็เริ่มเป็นเดินเร็วกลายๆซึ่งยังไม่วายจะหันหลังไปมองเป็นระยะ หายไปแล้วจริงๆด้วย เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจยาวพลางเท้าแขนลงกับหน้าขาตัวเองอย่างเหนื่อยหอบ ให้ตายเหอะครับ ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรเสี่ยงตายแบบนี้อีกแล้ว (T____T)

    ร่างเล็กตัดสินใจเดินเอาแล้วตอนนี้ คือไม่ไหวจริงๆ ไอ้พวกบ้านั่นก็วิ่งล่าเขาอย่างกับจะได้เหรียญทองโอลิมปิกแน่ะ ไม่นานมันจะไปโผล่ปากซอยอีกซอยหนึ่งพอดี เดินไปอีกหน่อยก็จะเป็นป้ายรถเมล์ แน่ะ! เป็นไงล่ะความคิด สุดยอดไปเลยถ้าไม่แหลมคมจริงๆนี่คิดไม่ได้นะ






     

    คุณพระ! (O[__________]O)

     






     

    “ไงไอ้หนู แค่นี้ทำตาโตเลยหรอ” หนึ่งในสามคนเอ่ยกับผมที่พึ่งจะเลี้ยวพ้นขอบมา หน้าผมตอนนี้เป็นไงก็ไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าผม...เละแน่... “ให้พักเหนื่อยมาพอสมควรแล้วล่ะนะ...” มันกระตุกยิ้มใส่ผม

    “...” อยากจะด่าว่า ยิ้มหาพ่อง! แต่ไม่เอาไม่อยากเพิ่มคดีตอนนี้ (_  _) ผมค่อยๆถอยหลังแต่พวกมันดันเหมือนรู้ความคิดว่าผมจะวิ่งไอ้สองคนที่เหลือก็เลยมาดักหลังผมไว้ ตายละ! หมดทางหนีแล้ว

    “ทำไมทำหน้างั้นล่ะครับคุณหนู” จะให้กูยิ้มหรอไอ้บ้า!! มึงบ้าแล้ววววววว!!! คนกำลังจะโดนกระทืบจะให้ยิ้มปากฉีกเป็นมุมป้านเลยไหมล่ะ อัปป้า!! อัปป้าช่วยผมด้วยยยย แม่ครับ แจกำลังจะโดนกระทืบแล้ว

    “หว๊าาาาา~~~” คอเสื้อผมโดนกระชากอย่างแรง ไม่รู้อ่ะ ผมหลับตาไว้ก่อนละกัน จะได้ไม่เห็นตอนมันง้างหมัด บอกเลยผมทำใจไม่ได้ หน้าผมโคตรหล่อนะแต่ต้องมารองรับอารมณ์อิพวกนี้คือทำใจไม่ได้จริงๆ ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยล่ะ โอ้ยยยยยยยยย

    ผลั่ก! เสียงแรงกระแทกดังออกมา ร่างบางลงไปกองกับพื้นด้านล่างโดยยังไม่คิดจะลืมตาขึ้นมาเลยเอาแต่กุมหน้ากุมตาไม่ปล่อยพลางคิดไปว่าป่านนี้หน้าจะแหกแค่ไหน แต่แล้วจู่ๆสัญชาตญาณก็รู้สึกได้ถึงแรงเจ็บที่ก้นมากกว่าที่ใบหน้าเสียอีก เจ้าตัวจึงค่อยๆเลื่อนมือไปทั่วใบหน้าแต่ไม่เห็นจะรู้สึกถึงรอยแตกใดๆเลย แล้วเสียงแรงอัดเมื่อกี้คือ....

    “ใครวะ!!

    “ผมเอง”

    “พ...พี่...พี่บี” เสียงใครสักคนเอ่ยออกมาอย่างสั่นๆ

    ใครคือพี่บีวะ? ผมลืมตาก่อนจะพบผู้ชายร่างโปร่งผิวเข้มคนหนึ่งซึ่งดูมีอิทธิพลเหนือไอ้พวกนี้หลายขุมดูได้จากการสั่นๆของพวกมัน ใจจริงผมอยากจะวิ่งหนีไปแต่กระเป๋าผมดั๊นกระเด็นไปอยู่ตรงเท้าไอ้พี่บีอะไรนั่นพอดี (-__-;;;)

    “วันแรกได้เข้าการประชุมหรือเปล่า?” เป็นคำถามแต่เหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้อยากได้คำตอบเสียเท่าไหร่ “แต่ผมว่าผมจำคุณได้นะ วันนั้นพวกคุณก็อยู่หรือว่า....ไม่ได้ตั้งใจฟังที่ผมพูดเลย”

    “พวกผมไม่ได้ก่อเรื่องนะพี่ ก็ไอ้เด็กเวรนี่มันเอาแก้วชาไข่มุกมาปาใส่พวกผมก่อนอ่ะ” มันโยนความผิดให้ผมชัดๆเลย โหยยย ไปเอากระโปรงมาใส่ป่ะถ้าจะพูดจาแบบนี้!!

    “อ่าว!! พูดงี้ได้ไงวะ! ก็พวกแกแหละมาหาเรื่องก่อน คิวก็ไม่เข้า แถมยังมากร่างอีก แล้ว...” ยังไม่ทันพูดจบมันหันมามองหน้าก็เลยต้องหุบปาก ไม่ได้กลัวนะแค่ต้องตั้งตัวก่อนครับ แหะๆ

    “แผนกเรา...”

    “...”

    “ไม่มีประวัติวิ่งไล่เด็กขาสั้นเลย วันจันทร์คงต้องเรียกประชุมทั้งรุ่น...ห้ามพวกคุณหนีการประชุมครั้งนี้เด็ดขาด...ผมเตือนแล้วนะ” คนที่ชื่อพี่บีพูดเสียงเรียบ บอกเลยว่าน่ากลัวมาก ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้เสียงข่มขู่นะยังทำเอาผมเสียวสันหลังได้เลยอ่ะ (T___T)

    “แต่พี่...” มันตั้งท่าจะเถียงซึ่งยังไม่ทันได้พ่นคำต่อก็โดนร่างสูงหน้าเข้มจ้องเขม็ง แน่นอนว่าสายตานั้นคือต้องการให้เงียบ พวกมันชี้หน้าผมก่อนจะดุนหลังกันให้รีบออกไปจากบริเวณนี้ ผมก็ได้แต่ง้างหมัดกลางอากาศส่งกลับไปพร้อมทำหน้าเบ้ใส่ด้วย โด่เอ้ย! ไอ้พวกเก่งกับคนไม่มีทางสู้เอ้ย!!!

    “อ่ะ” อุ่ย! ผมรีบลดหมัดลงทันที ไม่ได้กลัวนะก็แค่ตั้งตัวเฉยๆเอง (-___-;;;) พี่บีส่งกระเป๋ามาให้ผม

    “ข..ขอบคุณครับ” ผมรับมาก่อนจะเอ่ยแบบโคตรเจี๋ยมเลยครับ

    “ไม่ใช่คนไทยหรอ?” ดูพี่เขาจะตกใจมาก

    “ฮะ (_   _) (-    -)(_   _) (-    -) รู้สึกเสียหน้านิดหน่อย ผมยังพูดไทยไม่ชัดขนาดนั้นเลยหรอ ฮืออ ผมอยู่มาสิบกว่าปีแล้วนะเนี่ย

    “ขอโทษแทนไอ้พวกนั้นก็แล้วกัน มันก็พึ่งเข้ามาคงจะคะนองไปหน่อย แต่พวกผมไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคนหรอกนะ ไม่ต้องกังวล”

     





     

    เอ่อ...ผมว่าผม...เชื่อพี่เขานะ (>/////<) แล้วนี่ผมจะเขินหาพระแสงของ้าวไรวะ!!

     






     

    “ครับ” ผมตอบแบบโคตรสั้นอ่ะ ไม่รู้สิ่ ผมรู้สึกประหม่าไงไม่รู้ อาจจะเพราะสายตาของพี่เขาหรือเปล่า เอ้ย! นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่ “เอ่อ...ผม...” ยังไม่ทันได้พูดต่อเสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดพอดิบพอดีอ่ะ

     




     

    แบมแบม

     




     

    (แจจจจจจจจจจ!!! มึงโอเคหรือเปล่า!!!!!!) อิแบมมึงเสียงดังโคตรอ่ะครับ (=__=) พี่เขามองตามผมเลยอ่ะ ผมเลยได้แต่ยิ้มแหยๆตอบกลับไปก่อนจะหันหลังคุยโทรศัพท์กับไอ้เพื่อนตัวดี

    “เออ ปลอดภัยแล้ว มึงอ่ะ เสียงดังขนาดนี้รอดแล้วดิ่”

    (เออดิ่ กว่าจะพ้นเล่นเอากูหอบอ่ะ) กูอยากจะบอกว่ากูหืดแล้วตอนนี้ (มึงกลับบ้านยัง?)

    “กำลัง”

    (เออๆ ถึงบ้านแล้วโทรหากูอีกทีนะ)

    “อือ บาย~

    ผมกดวางก่อนจะกุมเจ้ามือถือไว้ในมืออย่างแน่น ได้ยินเสียงไอ้ตัวแสบก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจ ผมหันหลังกลับก็ต้องผวาถอยมาสามก้าว(?) ก็แหม หันไปเจอพี่เขายังยืนอยู่ก็ตกใจดิ่วะ บางทีก็แอบกลัวเหมือนกันนะ กลัวใจตัวเองเนี่ย(?) เดี๋ยวๆๆ เฮ้ย ไม่ใช่ละ!

    “เพื่อนก็โดนเหมือนกันหรอ?” อ่าว! แอบฟังกูหร่อ?? ผมว่ากันต์พิมุกมันเสียงดังมากกว่านะ

    “ครับ แต่ว่าปลอดภัยแล้วครับ”

    (_   _)(-    -)(_   _)(-    -)

    “เอ่อ งั้นผม...กลับแล้วนะครับ” ผมว่าผมต้องรีบไปจากตรงนี้แล้วล่ะ แต่อยู่ๆไอ้พี่นี่ก็คว้าไหล่ของผมไว้พร้อมกับยื่นเสื้อยืดสีดำสนิทมาให้ผม ให้ผม? ให้ทำไมวะครับ??? “ให้ผมหรอฮะ?”

    “อือ” ตอบโคตรสั้น ผมก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ “กลับบ้านทั้งแบบนี้มีหวังได้โดนรังเกียจแน่” พี่เขาชี้มาที่เสื้อผมที่เต็มไปด้วยคราบสีชาที่มันกำลังแห้งกรังก่อนจะเอามือสองข้างล้วงกระเป๋าเสื้อชอปของเขาแบบเท่ๆ โหยยยย! บอกเลยว่าวิถีคนชิคนี่ลอยมากระแทกเบ้าหน้าผมอย่างจัง

    “อ..อ่อ ครับ”

    “เปลี่ยนตรงนี้แหละ” ห๊ะ เดี๋ยวๆๆ คือ...พี่มัน... “ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านหรอก” พี่มันพูดจบก็ยืนหันหลังให้ผมทันที

    กันต์พิมุกช่วยกูทีครับ กูจะทำยังไงวะ เกิดมาสิบกว่าปีแล้วไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าในที่สาธารณะแบบนี้เลยเว้ย! น้ำตาจะไหล ให้ตายเถอะครับ (T____T) พี่เขาคงใช้ชีวิตแบบซังนัมจาโคตรเลยใช่ป่ะ ผมเข้าใจนะแต่ ณ จุดนี้ผมไม่เคยไงแต่ถ้าอิดออดมากๆต้องทำให้พี่เขาโมโหแน่ๆ เลือกไม่ได้นี่เนอะ ผู้ชายเหมือนกัน....ไม่เป็นไรหรอก

    ผมปลดกระดุมเม็ดแรกอย่างเอื่อยกว่าจะถึงเม็ดสุดท้ายเล่นไปเกือบนาที ลมมันปะทะเข้ากับหน้าท้องผมทันทีที่เสื้อเปิดออก โหวยยย~~ นี่ยังถอดไม่หมดนะยังรู้สึกว่าอายฟ้าดินจังครับ สงสัยผมคงใช้วิถีคนชิคไม่ได้จริงๆ ผมคงลีลาเกินไปพี่บีต้องหันมาแล้วก็อยู่ๆเขาก็สำลักออกมาเฉยเลย เขาเดินมาปิดเสื้อผมไว้ลวกๆแล้วก็ลากผมไปจากซอยทันที

    “เฮ้ยพี่! จะลากผมไปไหน”

    เขาไม่ตอบผมเลยตลอดทาง บ้าป่ะวะ! แล้วจู่ๆก็หยุดก่อนจะเหวี่ยงผมไปด้านหน้า ผมมองทั่วบริเวณแล้วก็พบกับห้องน้ำ พี่บีวางเงินสองบาทให้กับป้าที่นั่งเก็บค่าใช้บริการแล้วก็หันมาดันหลังผมให้เข้าห้องน้ำไป

    “รีบไปเปลี่ยนเสื้อสิ่ ผมไม่มีเวลามารอนานๆหรอกนะ”

    เขาดึงกระเป๋าไปจากมือของผมก่อนจะหันหลังให้อีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ทำหน้ายังไงออกไปแต่คงจะเอ๋อมาก ผมประหม่าสุดๆ แค่ไม่เข้าใจว่าพี่เขาทำแบบนี้ทำไมทั้งๆที่เขาแค่ปล่อยให้ผมเปลี่ยนเสื้อที่ซอยนั้นก็หมดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้เลย  เขากำลัง...ใจดีกับผมมากเกินไปแล้ว

    ในฝากฝั่งของหนุ่มอาชีวะสุดเท่ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยต้องมารอคนไม่รู้จักมักจี่หน้าห้องน้ำเลยสักนิดแล้วทำไมตอนนี้... ตาคมเหลือบมองกระเป๋านักเรียนใบน้อยในมือก่อนจะกระตุกยิ้มเบาๆ เขาไม่จำเป็นต้องลากไอ้เด็กตัวกลมนี่มาห้องน้ำเลย ก็แค่ปล่อยให้น้องมันเปลี่ยนๆไปตามแบบที่ผู้ชายเขาทำกัน แต่ไอ้ตอนที่หันไปเห็นเนื้อหนังน้องมันแล้วก็อดที่จะทำแบบนี้ไม่ได้ บี...มึงนี่หาเรื่องเข้าตัวจริงๆเลยนะ

     





     

    จิ้มๆ

     






     

    “พี่...เสร็จแล้วครับ”

    “ใส่ได้พอดีเลยนี่?” เขาพูดกับผมแล้วก็ยื่นกระเป๋าคืนมาให้ น้ำเสียงเข้มๆเอ่ยกับผมต่อ “กลับบ้านดีๆล่ะ ไม่รู้ไอ้พวกนั้นจะย้อนกลับมาหรือเปล่า”

    “ครับ ขอบคุณอีกทีนะครับ พี่....บี” พี่มันดูอึ้งๆไปหน่อยที่ผมเรียกชื่อเขาตรงๆ

    “เราชื่ออะไรล่ะ”

    “ยองแจครับ ชเวยองแจ”

    (_   _)(-    -) หมดธุระผมแล้ว กลับบ้านก็ระวังล่ะ” ผมพยักหน้าก่อนจะยกมือไหว้พี่เขาไปตามมารยาทคนไทย ผมมองหลังพี่เขาก่อนจะหันกลับมาอีกทาง แต่แล้วก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันหยุบหยับอยู่ตรงกระเป๋าเสื้อยืด ผมหยิบกระดาษเอสี่ที่ถูกผับไว้ แคลคูลัส เอ้ย! นี่เขียนไว้ว่าสอบพรุ่งนี้นี่?

    “พี่ครับ! ผมหันไปเรียกแต่ไม่ทัน ไอ้คนพี่เดินเลี้ยวหายไปแล้ว รอช้าทำไมละครับ วิ่งดิ่วิ่ง! ขืนพี่บีมันสอบตกแคลฯขึ้นมามีหวังผมได้ตายแน่ๆ ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากมีปัญหาแล้ว “พี่!....พี่บี!!

    โอ้ยยยยยยยยยยยยย!! ให้ตายเหอะวันนี้แม่ งวันอะไรของผมครับ ชีวิตผมนี่โคตรจะวุ่นวายเลย แล้วไอ้พี่บีนี่หูตึงป่ะเนี่ย??? แล้วคนห่ าไรเดินเร็วฉิ บหาย! บ้าจริง!! ผมวิ่งตามหลังพี่มันไปแต่ทำไมถึงยังไม่ทันอีก จนสุดท้ายก็เดินมาแถวๆลานจอดมอเตอร์ไซต์ นั่นไง! ผมเห็นพี่บีก็รีบวิ่งไปหาทันที แต่แล้ว....

     





     

    เอี๊ยดดดดดดดดดด!!!

     






     

    ผมนี่เบรกเท้าแทบไม่ทันเลยครับ โหหห!!! อยู่กันเป็นฝูงเลยสิครับ ใครจะกล้าเข้าไปวะ เออๆ เดี๋ยวพี่มันคงไปอ่านกับเพื่อนได้เองแหละ ช่างแม่ งละกัน ถ้ามันตกก็เรื่องของมัน ผมยอมให้มันมากระทืบที่โรงเรียนที่กว่าเดินเข้าไปตรงนั้น ผมไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงกับพวกนั้นแน่นอนถึงพี่บีจะเป็นคนดีก็เหอะ

    “ยองแจ!

     





     

    เชี่ย! ผมนี่อยากจะเอาหัวพุ่งกระจกร้านข้างๆเลยครับ

     





     

    ผมจำเป็นต้องชะงักเท้าผมอีกรอบก่อนจะค่อยๆหมุนตัวไปเผชิญกับกลุ่มหนุ่มอาชีวะกองเบ้อเริ่มตรงหน้า ผมแสดงสีหน้าแหยๆออกไปทันที พี่มันตะโกนถามผมว่ามีอะไรหรือเปล่า ผมนี่พูดไม่ออกเลยได้แต่ยิ้มน้อยๆส่งไปแทน อย่าว่าพูดเลยก้าวขานี่ยังติดๆขัดๆ อ๊ากกกก!! คือมันควรจะละทิ้งเพื่อนมันเดินมาหาผมป่ะไม่ใช่ให้ผมเดินเข้าไปหา ทำไมพี่มันเป็นคนแบบนี้แว๊!!! (T____________T)

    “คือ...พี่ลืมไว้ในกระเป๋าเสื้ออ่ะครับ” สุดท้ายก็คือผมต้องเดินเอาไปให้พี่มันถึงที่ครับ

    “อ่าว จริงดิ่” จริงครับมึง คุณพี่มึงลืมไว้จริงครับ “ขอบใจนะ”

    “ผ...ผม...ผมไปนะ”

    ผมก้มหัวลวกๆลาเพื่อนไอ้พี่บีเป็นมารยาทก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากตรงนั้นทันที ไม่วายได้ยินเสียงเพื่อนมันแซวพี่บียับเลยครับ ไม่ว่าจะ

     




     

    เดี๋ยวนี้เต๊าะเด็กอินเตอร์หรอวะ

    แหม....เพื่อชีวิตไม่สนใจแล้วดิ่ อ่อ ต้องเป็นติ่งใช่ป่าวมึง

    ไอ้บีแม่ งชิคจริง!

    นั่นมันเสื้อมึงไม่ใช่หรอ?

     





     

    บอกเลยว่าผมได้ยินเกือบจะทุกคำผมไม่รู้ว่าไอ้พี่บีมันมีอาการแบบไหนหรอก ผมไม่ได้หันไปดูเพราะตัวผมเองยังเอาไม่รอดเลย

     





     

    ทำไมต้องใจเต้นขนาดนั้นนะ ชเวยองแจ!!!

     








     






















     

     วันนี้ทั้งวันผมไม่เป็นอันจะกินอันจะเรียนเลยครับ อยู่ๆก็เห็นหน้าไอ้พี่บีนั่นลอยเข้ามาในอากาศเฉยเลย ผมพยายามดึงสติกลับมาแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิด ผมโคตรจะปวดหัวเลยครับ เฮ่ออ~ ผมเก็บของลงกระเป๋าก็ต้องชะงักมองเสื้อที่เมื่อคืนกลับบ้านไปก็ไม่ได้นอน ต้องรีบไปซักกะไว้ว่าจะเอาไปคืน จะได้จบๆเรื่องกันสักที

    “แจ วันนี้มึงกลับบ้านเลยป่าว?” พอไอ้แบมทักผมรีบเก็บของแล้วก็ปิดกระเป๋าทันทีเลย กลัวมันจะรู้ ถ้ามันรู้ว่าผมไปรู้จักมักจี่กับไอ้พวกรุ่นพี่ที่วิ่งกระทืบพวกเราเมื่อวานล่ะก็ โดนสวดยับแน่ (-__-;;)

    “อือ กลับเลยดิ่ อยู่ไมวะ?”

    “เออดี จะได้กลับพร้อมกันเลย ช่วงนี้ก็รีบๆกลับหน่อย ไม่รู้ไอ้พวกห่านั่นจะกลับมาแก้แค้นหรือเปล่า”

    “แต่วันนี้กูต้องไปซื้อของก่อนอ่ะ คือ...” คือ คือเชี่ยไรดีครับ โอ้ยยย “คือบ้านกูมาม่าหมดแล้ว กูว่าจะแวะไปห้างก่อนค่อยกลับ” เหตุผลส้นตีนสุดๆ พูดเลยยยย~

    “งั้นเดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน”

    “เฮ้ย! ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวกูโทรให้ลุงลีมารับ” ลุงลีนี่พ่อบ้านผมเองครับ ถึงพ่อกับแม่จะอยู่เกาหลีแต่บ้านผมมีทั้งพ่อบ้านแม่บ้าน พี่เมทอีกรวมแล้วก็สิบกว่าชีวิตครับ บ้านผมไม่ต้องห่วงว่าโจรจะขึ้นด้วย ระบบความปลอดภัยของลูกนายทหารแน่นหนาอยู่แล้วครับ

    “เอางั้นหรอ?”

    “เออ” ผมนี่พยักหน้าคอแทบหักเลย ให้มันไปด้วยไม่ได้ถ้ามันไปมีหวัง เสื้อพี่บีไม่ได้ไปคืน แล้วหน้าไอ้พี่บ้านั่นก็จะตามหลอกหลอนผมตลอด ไม่ได้ๆๆ ผมจะไม่ให้ไอ้กันต์พิมุกทำความตั้งใจผมพังเด็ดขาด!!

    “เอางั้นก็ได้ แต่ถ้ามีไรโทรหาตำรวจก่อนนะ แล้วค่อยโทรหากู”

    “คร้าบบบ~ พ่อ~

    แล้วผมกับแบมก็แยกกันที่หน้าโรงเรียน บอกเลยว่าครั้งนี้ผมรู้สึกผิดมากที่กำลังโกหกเพื่อนที่ผมรักมากที่สุด น้อยครั้งที่ผมกับมันจะมีเรื่องปิดบังกันถ้าไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจริงๆ อย่างตอนโน้นที่มันปิดบังเรื่องแฟนและตอนนี้ผมก็กำลังปิดบังมันเรื่องพวกเด็กช่างอยู่ เฮ่อออ~ ผมควักเสื้อออกมาถือไว้ก่อนจะจ้องมัน

    “ตัวปัญหาจริงๆเลย” ทั้งๆที่คิดว่าถ้าคืนเสื้อแล้วมันคงจะจบแต่ทำไมในใจโคตรลึกของผมมันดันแย้งว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น ผมกลัวว่ามันจะไม่จบแต่....จะเป็นการเริ่มต้นต่างหาก

     





     

    หมับ!

     





     

    “เฮ้ย!!!” ผมเบิกตาโพลง จู่ๆก็มีใครไม่รู้มาจับข้อมือผมไว้ ผมรีบสะบัดออกทันทีแล้วก็ต้องตกใจ “ย๊า!! ฮยอง!!

    “ผมเอง” เขาตอบเสียงเรียบ “ตกใจหรอ หลุดภาษาบ้านเกิดเลยนะ โทษที...”

    “อย่าเล่นแบบนี้อีกนะพี่ ตกใจหมด!” หายใจหายคอไม่ทัน นึกว่าโดนเล่นซะแล้ว “แล้วพี่มาอยู่นี่ได้ไง”

    “จะเอาเสื้อไปคืนไม่ใช่หรอ?” พี่มันพยักเพยิดหน้ามาทางเสื้อที่ผมถืออยู่ในมือ โคตรตกใจอ่ะที่พี่มันรู้ “คิดไว้ไม่มีผิด เลยมาดักไว้ก่อนไง”

    “...?”

    “ขืนให้นายไปที่หน้าโรงเรียน มีหวังโดนกระทืบตายแน่” พี่บีอมยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาจะอ่านความคิดผมออกหมดเลย แบบนี้มันไม่สนุกแล้วล่ะ

    “ผมซักให้แล้วนะ” ผมคืนเสื้อพี่เขาก่อนจะเอ่ยล่ำลาเลย ไม่เอาแล้ว ไม่อยากคุยด้วยแล้ว เดี๋ยวเลยเถิด ผมหมายถึงตัวผมเนี่ย กลัวใจมันจะเลยเถิดจริงๆ (>/////<)

    “จะกลับแล้วหรอแจ”

     





     

    จ...แจ? สนิทกันขนาดเรียกแจแล้วหรอ ไอ้พี่คนนี้!! จะเกินไปแล้วนะว๊อยยยย!!!!

     




     

    “กลับด้วยกันสิ่ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

     




     

    พี่หรอ!?!! แทนตัวเองว่าพี่หรอ!?!!....ตอนแรกยังแทนตัวเองว่า ผม อยู่เลย!!!!!! อะไรมึงเนี่ยยยยยย

     









     

    ผมบอกแล้วไงว่ามันจะไม่จบง่ายๆ ให้ตายเหอะ สวรรค์!!!





     

    to be continued.








     

    #ฟยบ

    อ่า~ ตื่นเต้นจังเลย ไม่รู้ว่าจะออกมาดีไหม ถูกใจหรือเปล่า
    แต่ว่าเราตั้งใจสุดๆเลย ฮ่าๆ ยังไงฝากฟิคทูแจไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ : ))


    im'choi

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×