ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gif + Pic ThE กิ๊ก ฮาเร็มของป้าเดะ

    ลำดับตอนที่ #265 : ประวัติ --Hangeng--แบบละเอียด สไตส์ป้าเดะ------

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 53


    user posted imageuser posted image


     

    ฮันเกิง
    ชื่อจริงฮันคยอง หรือ ฮันเกิง (Hankyung หรือ Hangeng / Hangyeong)
    อักษรฮันกึล한경
    อักษรฮันจา韓庚
    ชื่อในวงการฮันคยอง หรือ ฮันเกิง (Hankyung หรือ Hangeng / Hangyeong)
    อักษรฮันกึล한경
    อักษรฮันจา韓庚





    Hangeng (한경/韩 庚)
    (lately they've been officially going by the Chinese pronunciation of his name, Han Geng, but in Korean it is pronounced Hankyung)
    Real Name: Han Geng (한긍/韩 庚)
    Nickname(s): Beijing Fried Rice (북경밥 aka Bukkyungbap; came during "Full House," from Hangeng mispronouncing and Heechul mishearing 볶음밥 aka Bokkeumbap which just means fried rice in Korean), Dragon (from the Zodiac)
    Date of Birth: February 9, 1984
    Place of Birth: Mudanjiang in the Hei Long Jiang (黑龙江/흑륭성) Province, located in the northeastern part of China
    Height: 181 cm/5' 11.3"
    Weight: 66 kg/145.2 lbs
    Blood Type: B (he originally thought he was O then A. It was only in summer 2006 that he found out that his blood type was B.)
    Siblings: only child
    Pets: used to have Rong Rong (dog) which was given to him by fans for a little while in March-June 2007, but had to give him away because he wasn't home enough to take care of him; Mao Mao (lives with Hankyung's parents in China)
    Specialty/Hobby: Chinese traditional dance, Ballet, Computer games
    Education: Central University for Nationalities (중앙민족대학교)
    Soompi Thread: http://www.soompi.com/forums/index.php?showtopic=262497
    Misc. Info.: Hangeng accompanied a friend who was auditioning at the H.O.T. CHINA Audition in 2001 and was talked into auditioning himself. He was chosen as a handful among 3000 who auditioned. He made his debut as a model in a fashion show F/W General idea by Bum Suk in May 2005.

    ชื่อ :Hankyung ( Han Geng )
    เกิด:วันที่ 9กุมภาพันธ์ 1984
    กรุ๊ปเลือด: โอ
    ส่วนสูง: 181 เซนติเมตร
    น้ำหนัก: 64 กิโลกรัม
    ลักษระนิสัย: เป็นคนไม่ค่อยพูด
    ไซส์รองเท้า: 42
    ความใฝ่ฝัน: อยากมีอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเอง
    ความสามารถพิเศษ: เต้นบัลเล่ต์
    งานอดิเรก: เล่นวีดีโอเกมส์
    เมื่ออารมณ์เสีย: ไปนอน
    ดอกไม้ที่ชอบ :กุหลาบ, ลิลลี่ิ
    ศิลปินที่ชอบ :หลิวเต่อหัว
    อาหารจานโปรด: หม้อไฟ
    ผลไม้ :แตงโม
    นิสัยของคนที่ไม่ชอบ: คนที่โกหกผม
    การ์ตูนที่ชอบ: ชอบหมดเลย
    สิ่งที่กังวลมากที่สุด: เรื่องขของครอบครัว
    เวลานอน: เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
    สเป็คผู้หญิงที่ชอบ: คนที่รักครอบครัวและไม่พูดมากเกินไป
    รักครั้งแรกเมื่ออายุ: 18 เอ้ยไม่ใช่ 19 ต่างหาก
    บุคคลที่เคารพนับถือ: คุรพ่อคุณแม่
    กีฬาที่ถนัด: ว่ายน้ำ,วิ่งระยะไกล
    แนวเพลงที่ชอบ: หลายแนว
    แบรนด์ที่ชอบ: Gucci,CK
    ช่วงเวลาที่รู้สึกดี: เวลากลางคืน
    สิ่งแรกที่ทำตอนตื่นนอน: ดื่มน้ำ
    สิ่งที่ทำก่อนเข้านอน: ดื่มน้ำ
    เลขที่ชอบ: 4
    ฤดูที่ชอบ: ฤดูร้อน
    ศาสนาที่นับถือ: ไม่มี
    คิดอย่างไรตอนที่เห้นตัวเองอยู่หน้ากระจก: ไม่ได้คิดอาไร
    สีที่ชอบ: สีดำ
    จุดเด่น: ซื่อสัตย์
    จุดด้อย: นอนมากเกินไป
    ประเทศหรือเมืองที่ชอบ: กรุงโรม
    อัญมณีที่ชอบ: ชอบทุกอย่าง
    อาหารที่ชอบทำ: อาหารจีน
    ภาษาต่างปรเทศที่สามรถสื่อสารได:้ ภาษาเกาหลี
    วางแผนสำหรับการออกเดตว่าอย่างไรบ้าง: แค่อยู่ด้วยกันก็พอ
    ของขวัญที่จะให้คนรัก: อะไรก็ได้ที่เธอชอบ
    ความปราถนา: หลายอย่าง
    อาหารเกาหลีที่ชอบ: BBQ
    ของที่อยากได้จากคนรัก: ผมไม่เรื่องมาหรออะไรก็ได้
    ยี่ห้อโทรศัพท์ ไม่สำคัญ: แค่ดุดีก็พอ
    สไตล์การแต่งตัว: ไม่เจาะจง
    นิสัยการนอน: นอนตะแคง
    ตอนไหนที่อยากจะยอมแพ้ :ไม่มีวัน
    จำำนวนครั้งที่เคยมอบดอกไม้ให้แก่เพศตรงข้าม: ผมไม่ใช่คนโรแมนติก
    จำนวนครั้งที่เคยรับดอกไม้จากเพศตรงข้าม: ฮี่ฮี่ ดอกไม้ทั้งหมดก้ได้จากแฟนๆ
    คิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ตรงไหน: ไม่รู้สิครับ
    เมื่อไรที่รู้สึกจะอาเจียน: ตอนที่หวาดกลัว
    อาสัยอยู่กับศิลปิน SM คนไหน: อยุ่ด้วยกันทั้งหมด
    สนิทกับสมาชิก SJ คนไหนมากที่สุด: สนิทกันทุกคน
    สมาชิก SJ คนไหนน่ารักที่สุด: Shindong
    สมาชิก SJ ที่หล่อที่สุด: ทุกคนก็หล่อเท่ากัน
    สมาชิก SJ ที่ผิวสวยที่สุด: Sungmin
    สมาชิก SJ ที่รูปร่างดีที่สุด: ไม่มีครับ
    สมาชิก SJ ที่พูดเก่งที่สุด: kangin
    โทรกลับบ้านบ่อยมั๊ย: เกือบทุกวัน
    โกรธง่ายหรือเปล่า: นิดหน่อย
    อาหารที่ไม่ชอบ: ไม่มี
    บุคคลที่อยากจะขอบคุณมากที่สุด: คุณแม่ของผม
    ช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิต: ตอนทำการแสดงเสร็จ
    เมื่อมองไปที่เงิน: ไม่ดีเลยที่มีไม่ค่อยมาก
    ทำอาไรเวลาที่คิดถึงบ้าน: โทรกลับบ้าน
    ร้องไห้บ่อยมั๊ย: ไม่
    คิดอย่างไรกับการขึ้นแสดงครั้งแรก: พอใจมาก
    ชอบ Hangeng ที่อยู่บนเวที หรือชอบคนที่อยู่ในชีวิตจริง: พวกเขาไม่เหมือนกันนะ
    อยากเล่นละครหรือภาพยนต์มั๊ย: ครับในอนาคตก็ไม่แน่
    การเต้นแบบพื้นบ้านที่ชื่นชอบ: ชอบทุกประเภท


    user posted image

    หานเกิง หรือ ฮันเกิง หรืออีกชื่อคือ ฮันคยอง คือสมาชิกเพียงคนเดียวของวงที่เป็นชาวจีน ถ้าหากนับระยะเวลาที่เขาเดินทางมาใช้ชีวิตที่เกาหลี ก็เป็นเวลาร่วม 5 ปีแล้ว

    ฮันคยองเติบโตมาในครอบครัวที่ฐานะปานกลาง อาจจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็เรียกได้ว่าพอมีอันจะกิน ไม่ถึงกับอัตคัตหรือขัดสน ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเล็กๆ และปัจจุบันก็เปิดร้านอาหารที่ปักกิ่ง แต่เมื่อเขาต้องเดินทางมาอยู่เกาหลี ซึ่งมีค่าครองชีพที่สูงกว่าจีน จึงทำให้เขาต้องใช้เงินอย่างประหยัดเป็นอย่างมาก

    เขาเริ่มเรียนการเต้นพื้นเมืองของจีน รวมไปถึงการเต้นบัลเลต์และคาราเต้ ในช่วงอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เขาได้เริ่มรู้แล้วว่าความฝันของตัวเองคืออะไร ฮันคยองได้เข้าร่วมทีมการแสดง ซึ่งมีการแสดงโชว์พื้นเมืองของจีน และอีกหลายๆแบบ แน่นอนว่าเขาเคยขึ้นโชว์บนเวทีในฐานะนักแสดงรุ่นเยาว์อยู่หลายต่อหลายครั้ง และในที่สุด ก็ตัดสินใจที่จะเข้าประกวดการเต้นระดับประเทศที่จีน ในการประกวดนี้เขาทำได้ดีที่สุดเพียงแค่รองชนะเลิศ แต่นั่นมันก็เป็นใบเบิกทางอย่างดีให้กับเขา

    และเมื่อปี 2001 เมื่อมีการจัดการออดิชั่น H.O.T. CHINA Audition Casting ขึ้นที่ประเทศจีน ฮันคยองก็ได้เข้าร่วมประกวด และก็ได้รางวัลชนะเลิศมาครอง สร้างความภาคภูมิใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก แต่นั่น กลับไม่ได้เป็นประตูที่เปิดสู่ครามงดงามอย่างที่คิด

    ในช่วง 8 เดือน หลังจากที่ผ่านการออดิชั่นและรอเซ็นสัญญากับทางต้นสังกัด ซึ่งก็คือ SM Entertainment อยู่นั้น ฮันคยองต้องการที่จะช่วยหารายได้ให้กับครอบครัวอีกทางหนึ่ง จึงออกเดินทางไปทั่วประเทศจีน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และด้วยความรู้เท่าไม่ทันการณ์นั้นเอง ที่ทำให้เขาถูกจับอยู่ที่เสิ่นเจิ้น เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตเข้าเมือง เพื่อใช้สำหรับการอยู่ในเสิ่นเจิ้น ซึ่งในขณะนั้น ฮันคยองมีเงินติดตัวอยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่มากพอที่จะทำให้เขาหลุดพ้นจากการถูกจับ จึงจำเป็นต้องรอจนกระทั่งเพื่อนของเขาไปทำใบอนุญาตมาให้ จึงได้ถูกปล่อยตัวออกมา

    หลังจากที่เซ็นสัญญากับทางต้นสังกัดแล้ว ฮันคยองจึงเดินทางมายังเกาหลี ในช่วงแรกเขาแทบจะไม่มีเงินเลย จึงต้องทำความสะอาดห้องพักโทรมๆ ที่ทั้งอับและชื้น เพื่อใช้เป็นที่ซุกหัวนอนชั่วคราว ความเป็นอยู่ของเขาแทบจะไม่ต่างจากพวกแรงงานชั้นต่ำ ทั้งๆที่เขาคือ ว่าที่ศิลปิน ของค่ายดัง ก่อนที่จะย้ายไปพักอยู่อพาร์ตเมนเดียวกับฮีชอลและคิบอมในเวลาต่อมา

    ทั้งความเป็นอยู่ที่ต้องกระเบียดกระเสียน อีกทั้งในแต่ละวัน ฮันคยองจะต้องเรียนภาษาเกาหลี เรียนเต้น เรียนร้องเพลง และอีกหลายต่อหลายอย่าง ที่จำเป็นต้องปูพื้นฐานในการเป็นศิลปินที่ดี ทำให้วันๆหนึ่ง เขาหมดเวลาไปกับการฝึกซ้อมราว 20 ชั่วโมง และมีเวลาพักผ่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    เวลาผ่านไปประมาณปีครึ่ง ความพยายามของเขาเริ่มอ่อนแรงลง เพราะสิ่งรอบตัวมันทำให้ชายผู้มีความมุ่งมั่นอย่างเขานั้นเริ่มท้อแท้ การจากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ในที่ที่แสนไกล มันทำให้เขาคิดถึงบ้านจนต้องนั่งร้องไห้อยู่หลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งความลำบากในการฝึกซ้อมที่ค่อนข้างหฤโหดเองก็เป็นอีกส่วนที่กดดันเขาอยู่ คนที่พูดเกาหลีไม่ได้เลยแม้สักคำ ต้องมาอยู่ตัวคนเดียว แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากอยู่มาก แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่ การโทรศัพท์กลับไปหาที่บ้านในยามที่ท้อแท้แทบหมดแรง

    หลายต่อหลายครั้ง ที่เขาออกปาก อยากจะล้มเลิกทุกอย่าง แล้วเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดและใช้ชีวิตเหมือนกับคนอื่นทั่วๆไป แทนที่จะมาทนทรมานกับการฝึกที่โหดเลือดตาแทบกระเด็นเช่นนี้ แต่แล้วสุดท้าย มันก็เป็นแค่เพียงความคิด เพราะเขาก้าวมาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับแล้ว และเพื่อความฝัน เขาได้พยายามกับมันมาจนใกล้จะสำเร็จแล้ว จะให้ละทิ้งมันก็คงจะทำไม่ได้อย่างแน่นอน

    ฮันคยองอยู่ในเกาหลีด้วยความเหงา ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่มีใครเข้าใจเขาอย่างแท้จริง อาจจะเพราะว่าเขาเป็นชาวต่างชาติ และยังไม่สามารถที่จะปรับความคิดหรือวิถีชีวิตให้กลมกลืนกับชาวเกาหลีรอบตัวได้นั่นเ
    อง ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากฮีชอล เพื่อนร่วมวงที่ย้ายมาพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเม้นเดียวกันหลังจากเริ่มฟอร์มวงก็ทำให้
    ทุกๆอย่างเริ่มดีขึ้น

    การมีฮีชอลอยู่ข้างๆ ทำให้โลกที่เงียบเหงาของฮันคยองเริ่มมีสีสันขึ้น เพราะฮีชอลจะคอยสอนทุกอย่างให้กับเขา และคอยดูแลฮันคยองแทบจะทุกอย่างเลยก็ว่าได้ แม้แต่เวลาที่เขาจะออกไปซื้อของหรือออกไปข้างนอก ก็มักจะชวนฮันคยองออกไปเป็นเพื่อนด้วยทุกครั้ง

    หลังจากที่ตรากตรำฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลา 2 ปี ฮันคยองก็ได้เดบิวต์ในฐานะศิลปินคนหนึ่งของซูเปอร์จูเนียร์ แต่ในความยินดีนั้น ชีวิตการเป็นศิลปินของฮันคยองก็กลับเหมือนจะพังทลายลงตรงหน้า เมื่อเขาได้รู้ว่าตัวเองไม่สามารถขึ้นโชว์กับเพื่อนๆได้ทุกเวที เนื่องจากติดปัญหาเรื่อง VISA ทำให้เขาสามารถปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ได้แค่เพียง 3 สถานีเท่านั้น และหนำซ้ำ ก็ยังมีแอนตี้แฟนจำนวนหนึ่งคอยคุกคามและต่อต้าน เนื่องจากเขาเป็นชาวต่างชาติ แต่เขาก็ไม่เคยที่จะปริปากบ่น ต้องเดือดร้อนถึงฮีชอล ที่ออกโรงจัดการเหล่าแอนตี้แฟนเสียราบคาบ จนพวกเขาเหล่านั้นไม่กลับมารังควาญชีวิตของฮันคยองอีก

    แต่ปัญหาก็ยังคงมีไม่จบสิ้น เพราะในช่วงแรก ฮันคยองยังไม่ได้เลือกสถานีที่เขาสามารถขึ้นแสดงได้ จึงจำเป็นต้องหยุดพักการแสดงชั่วคราว จนกว่าจะทำเรื่อง VISA เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อน จึงจะกลับมาขึ้นโชว์พร้อมกับเพื่อนๆได้ ทำให้เขารู้สึกเสียใจมาก จนร้องไห้ออกมา แต่เนื่องจากฮันคยองต้องการที่จะขึ้นแสดงร่วมกับเพื่อนๆในวง เขาจึงได้ขอร้องผู้จัดการและผู้จัด โดยขอใส่หน้ากากขึ้นแสดงบนเวที แต่แล้วก็ต้องถูกฮีชอลดึงไปแล้วถอดหน้ากากออก ระหว่างที่ทำการแสดงอยู่ และพยายามผลักดันให้เขาแสดงบนเวทีต่อจนจบ เพราะฮีชอลต้องการที่จะให้ฮันคยองทำในสิ่งที่เขาต้องการนั่นเอง

    หลังจากที่จัดการเรื่อง VISA เรียบร้อยแล้ว ทำให้ฮันคยองได้กลับมาขึ้นโชว์ได้อีกครั้ง แต่นั่นหมายความว่า เขาสามารถออกทีวีได้ตามที่ทาง VISA กำหนดเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า ทำให้เขารู้สึกแย่และเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างเป็นที่สุด แต่เนื่องจากได้กำลังใจจากเพื่อนๆร่วมวง ก็ทำให้ฮันคยองกลับมาเข้มแข็งขึ้นอีกครั้ง

    ในช่วงที่อยู่เกาหลี ในเวลาว่าง ซีวอนมักจะมาคลุกคลีอยู่กับเขาเสมอๆ เนื่องจากจะต้องไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่ประเทศจีน อันเป็นบ้านเกิดของฮันคยอง ทั้งคู่จึงมาแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องภาษากัน โดยซีวอนจะพูดกับฮันคยองเป็นภาษาจีน และฮันคยองก็จะตอบกลับไปเป็นภาษาเกาหลี ...และซีวอน ก็เป็นอีกหนึ่งคน ที่ฮันคยองรักมาก เนื่องจากซีวอนจะคอยช่วยเหลือเขาอยู่เสมอๆ หลายครั้งที่เขาไม่เข้าใจคำถาม คำสั่ง หรือสิ่งที่คนอื่นพูดออกมา ก็จะได้ซีวอนคอยสะกิดบอก หรือคอยอธิบายให้ฟังอยู่ตลอด รวมถึงคอยเสนอความคิดเห็นต่างๆในเวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือ (ซีฮันๆๆๆ)

    ด้วยนิสัยที่มักจะชอบเป็นห่วงคนอื่นๆอยู่เสมอ และเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าสักเท่าใดนัก ทำให้ฮันคยองค่อนข้างจะเกรงใจสมาชิกคนอื่นๆในวง แม้ว่าเขาจะแกล้งคนนั้นคนนี้บ้าง แต่ถ้าหากโดนสวนกลับก็มักจะเป็นฝ่ายยอมให้อยู่เสมอ เว้นแค่ฮีชอล ที่ฮันคยองแทบจะไม่เคยยอมให้เลย และเขาก็อาจจะเป็นคนเดียวที่สามารถเอาชนะฮีชอลได้ แม้ว่าจากลักษณะภายนอกแล้ว จะดูเหมือนว่าฮีชอลนั้นปากกล้า บ้าอำนาจ และคอยเอาแต่ใจกับฮันคยองอยู่เสมอๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่เคยทำได้สำเร็จเลย เพราะเอาเข้าจริง ก็ถูกฮันคยองตอกหน้าหงายแทบจะทุกครั้งไป แต่แม้จะมีเรื่องให้เถียงกันแทบจะทุกวัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่ได้สั่นคลอน เพราะเมื่อใดที่ฮีชอลงอน ฮันคยองก็มักจะคอยตามง้ออยู่ตลอด เพราะสำหรับฮันคยองแล้ว ฮีชอลนั้นคือส่วนหนึ่งของชีวิตเขา คือคนในครอบครัวที่เกาหลีของเขา ถ้าหากเขาไม่มีฮีชอล เขาก็ไม่รู้ว่าจะผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายมาโดยลำพังได้อย่างไร แต่ถึงจะสนิทสนมกันมากสักเพียงใดก็ตาม สิ่งที่ฮันคยองไม่ชอบมากที่สุด ก็คือการที่แฟนๆจับคู่เขากับฮีชอล และซีวอน

    ภาพลักษณ์ของฮันคยอง นั้นดูจะเป็นชายหนุ่มที่แสนดี อบอุ่น และช่างเป็นห่วงเป็นใยคนรอบข้าง แต่ในอีกมุม เขาไม่ได้ดีอย่างที่หลายๆคนวาดฝันเอาไว้สักเท่าใดนัก เพราะนับตั้งแต่โดนฮีชอลแฉหลายต่อหลายเรื่อง ก็ทำให้ได้รู้ว่า เขาก็เป็นแค่เพียงผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่มีหลายบุคลิคในตัว ไม่ได้ดีเลิศเลอเพอเฟ็คท์ ดังเช่นเจ้าชายในนิทานแต่อย่างใด ... แต่เขาแค่มีความจริงใจ ความห่วงใย และความเอาอกเอาใจให้แค่คนรอบข้างที่หวังดีต่อเขาเท่านั้นเอง

    และในช่วงหนึ่ง ที่ฮันคยองได้หายหน้าหายตาไป ไม่ได้มาร่วมงานกับเพื่อนๆ ก็เนื่องจาก วันที่เขานัดติดต่อกับสถานทูตนั้น ฮันคยองไปไม่ทันเวลานัด เนื่องจากในช่วงกลางคืนหลังจากที่กลับมาจากจีน เขาก็ได้พาฮีชอลไปดูหนังเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อนรัก ซึ่งเป็นหนังผีรอบดึก จึงทำให้ตอนเช้าวันต่อมานั้นไม่สามารถไปพบเจ้าหน้าที่ที่สถานทูตได้ตามเวลาที่จำหนด จึงทำให้การต่อ VISA ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ฮันคยองจึงสามารถกลับมาอยู่เกาหลีได้เพียงครั้งละไม่กี่วันเท่านั้น

    และเมื่อเขาได้ทราบถึงโปรเจค ซูเปอร์จูเนียร์ไชน่า ขึ้น แน่นอนว่าฮันคยองรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่า การที่จะได้ออกผลงานที่บ้านเกิดของตัวเองอย่างเต็มตัว ฮันคยองไม่เคยคิดว่ามันคือยูนิตย่อย ไม่เคยคิดว่าจะมีใครต่อต้าน ไม่เคยคิดถึงผลกระทบที่จะเกิด เขารู้แค่เพียงว่า ... ในที่สุด เขาก็ได้มีผลงานในบ้านเกิด ได้ร้องเพลงในภาษาที่เขาคุ้นเคย

    แต่ในความเป็นจริงแล้ว ... มันกลับไม่ได้สวยหรู หรืองดงามอย่างที่เขาคิด เมื่อมีแฟนคลับจำนวนมากได้ออกมาต่อต้านโปรเจคนี้ มันสะกิดให้เขาได้รุ้สึก และได้มองย้อนกลับมาถึงความเป็นจริง ว่าชีวิตของเขาอยู่ที่ซูเปอร์จูเนียร์ แม้ว่าจะต้องการที่จะทำงานในฐานะคนจีนสักเพียงใด แต่สุดท้าย เขาก็ยังเป็นซูเปอร์จูเนียร์อยู่วันยังค่ำ ฮันคยองจึงตกอยู่ในภาวะ กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เขาไม่สามารถออกความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับโปรเจคนี้ได้ ทั้งสนับสนุน และต่อต้าน สิ่งที่เขาทำได้ก็แค่เพียง ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี


    เขียนโดย

    Dra-cool @ SJ : Flying Together Club 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×