ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิคสั้น Avengers, Thor, Sherlock, Maze Runner [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #12 : Shot Fic Chris Evens x Tom Hiddleston : A Day of Confusion. #ซีรี่ส์คุณชายทอม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.11K
      9
      29 พ.ค. 57




    A Day of Confusion. 

    Couple : Chris Evens x Tom Hiddleston

    Rate : PG

     


    ปึ๊ก!


    ร่างผอมๆ ของผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาชนจนชายหนุ่มอีกคนแทบเซ ไม่ใช่ว่าคนตัวผอมนี่จะชนแรงอะไรมากมาย แต่เป็นเพราะเขายังได้ตั้งตัวมากกว่า มันถึงได้ทำให้คนตัวใหญ่อย่างเขาต้องพยายามประคองตัวไม่ให้ล้มลงไปกับฟุตบาทด้วยกันทั้งคู่


    “จูบฉัน”


    “ห๊ะ?!


    “จูบฉันสิ เร็วเข้า!


    และทันทีที่ตั้งหลักได้ คริส อีแวนส์ ก็ต้องอ้าปากค้าเมื่อคนตัวผอมๆ ตรงหน้าออกคำสั่งบ้าๆ อย่างที่คงจะมีแต่คนสติไม่เต็มเต็งเท่านั้นที่จะกล้าสั่งชาวบ้านแบบนี้ได้ แล้วก็จะไม่อะไรเลยนะ ถ้าชาวบ้านที่ว่านี่จะไม่ใช่ผู้ชายที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกด้วยการเดินชนกลางเมืองแบบนี้น่ะ!


    “นี่คุณ…!


    คำพูดยังไม่ทันจบประโยคดีคริสก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของคนตรงหน้า ดวงตาสีเขียวที่ดูตื่นๆ กำลังจ้องไปที่กลุ่มชายชุดดำสองสามคนที่เพิ่งจะเดินเลี้ยงตรงหัวมุมและกำลังตรงมาทางนี้ ก่อนที่คนตรงหน้าจะหันกลับมามองเขาอีกครั้งและออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงกึ่งขอร้องกึ่งบังคับ


    “เดี๋ยวนี้!



    “ได้โปรดเถอะ


    และนั่นก็ทำให้คริสต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างจนใจ มองผู้คนมากมายที่เดินสวนกันไปมาอยู่รอบๆ แล้วก็นึกอยากจะกลั้นใจตายกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำ แต่เพราะแววตาอ้อนวอนที่มันกำลังจ้องเขาอยู่ สุดท้ายเขาก็ต้องจำใจก้มลงประกบริมฝีปากลงบนปากบางๆ นั้น จูบที่ไม่ได้ลึกล้ำหรือจาบจ้วงใดๆ เขาเพียงแค่แตะริมฝีปากไว้อย่างนั้น ใช้มือโอบคนตัวเล็กกว่าให้เข้ามาชิดแล้วใช้ตัวเองบังใบหน้านั้นให้พ้นจากสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา รอจนกระทั่งชายชุดดำพวกนั้นเดินผ่านพวกเขาไป คริสถึงได้ค่อยๆ ละใบหน้าออกมา


    คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจโล่งอก ดวงตาสีเขียวคู่นั้นมองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าตัวเองหนีพ้นแล้ว ซักพักใบหน้าติดจะสวยก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะหันมามองคริสอีกครั้ง


    “ขอบใจมาก”


    คำขอบคุณที่ทำให้คนได้รับต้องเหลือบตาขึ้นฟ้าอย่างที่ยังสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงบ้าจี้ตามคนตรงหน้านี่ได้ คริส อีแวนส์ พยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจขอตัวออกมาอย่างไม่นึกอยากจะยุ่งเรื่องของชาวบ้านซักเท่าไหร่นัก


    “คุณโอเคก็ดีแล้ว งั้นผมไปล่ะ”


    พูดจบก็เดินห่างออกมาอย่างที่ไม่คิดจะต่อบทสนทนาใดๆ อีก แต่เขากลับคิดผิดเมื่อคนถูกเมินกลับยิ้มกว้างแล้วสาวเท้าเดินตามเขามาซะอย่างนั้น


    ให้มันได้อย่างนี้สิ!


    “ผู้ชายชุดดำพวกนั้นกำลังตามจับฉันอยู่”



    คริสยังคงสาวเท้าเดินต่อไปราวกับไม่ได้ยินคำบอกเล่านั้น แน่นอนว่าเรื่องนั้นเขาต้องดูออกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่ทำอะไรบ้าๆ อย่างการก้มลงจูบกับผู้ชายด้วยกันริมถนน ท่ามกลางสายตาผู้คนเกือบร้อยแบบนั้นหรอก




    อยู่ๆ คนที่กำลังเดินตามเขาต้อยๆ ก็หยุดพูดไปซะอย่างนั้น ให้คริสต้องหันไปปมองหน้าสวยๆ ด้วยความแปลกใจ แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นเพียงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ กับแววตาพราวระยับที่มันมาพร้อมกับการยักคิ้วกวนๆ ส่งให้เขาราวกับจะบอกว่า อยากรู้ก็ถามมาสิ


    “แล้วคุณไปทำอะไรให้พวกนั้นต้องไล่ตามล่ะ?”


    โอเค ยอมรับว่าเขาแพ้หมดรูป


    สงสัยวันนี้จะเป็นวันซวยของเขาเอง ที่ดันต้องมาเจอกับคนประหลาดๆ แบบนี้


    คนประหลาดตรงหน้ายกยิ้มพอใจกับคำถาม ก่อนเสียงใสๆ จะเอ่ยคำตอบกลั้วหัวเราะ


    “หนีออกจากบ้านน่ะ”



    “พวกนั้นเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉันเอง”


    คำตอบกลั้วหัวเราะที่ทำให้ คริส อีแวนส์ ต้องเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง


    บอดี้การ์ดส่วนตัว?!


    พระเจ้า!!!!


    แล้วเขาจะทำเรื่องน่าอายแบบนั้นเพื่อช่วยหมอนี่ไปทำไมเนี่ย?! ให้ตายเถอะ! ถ้าหมอนี่ตอบว่ากำลังหนีผู้ก่อการร้าย หรือหนี FBI อยู่ เขายังจะไม่ตกใจมากขนาดนี้เลยเหอะ แต่นี่หนีบอดี้การ์ด!


    บอดี้การ์ดของตัวเองเนี่ยนะ!!!


    เป็นครั้งแรกที่ คริส อีแวนส์ รู้สึกว่าอยากจะจับตัวใครซักคนขึ้นมาเขย่าๆ แล้วโยนออกนอกโลกไปซะ และแน่นอนว่าคนคนนั้นต้องเป็นคนหน้าสวยที่กำลังหัวเราะเฮะๆ อยู่นี่ด้วย!


    “นายทำหน้าตลกชะมัดเลยอ่ะ ฮเฮะๆ” คำพูดตะกุตะกักกับเสียงหัวเราะประหลาดที่ทำให้คริสต้องยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองแรงๆ


    “เอาน่า คิดซะว่าเป็นโจ้กสนุกๆ ประจำวันก็แล้วกันนะ”


    คราวนี้คนพูดยกยิ้มจริงใจส่งมาให้ จนคริสแทบจะหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง ดวงตาสีฟ้ามองใบหน้าสวยๆ ของคนพูดนิ่ง ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาง่ายๆ แล้วส่ายหัวให้กับความแสบของคนตรงหน้า


    “เอาเถอะ ผมมันเป็นพวกไม่ชอบโกรธใครอยู่แล้วล่ะ”


    “ดีมาก”


    คำชมที่มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้ใบหน้าที่สวยอยู่แล้วของคนพูดยิ่งดูดีมากขึ้นไปอีก คริส อีเวน มองภาพนั้นอยู่ซักพัก ก่อนจะส่งอีกคำถาม


    “เอ่อไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวหรอกนะ แต่นี่คุณจะไปไหนต่อ?...



    คือ ให้ผมไปส่งก็ได้นะ”


    “ไม่รู้”


    “หา???”


    “ฉันแค่หนีออกมาเพราะไม่อยากไปงานเลี้ยงไร้สาระน่ะ ก็กะว่าจะกลับบ้านอีกทีดึกๆ เลย แต่ก็ไม่ได้คิดไว้ว่าจะไปไหนต่อเหมือนกัน”


    “อ้าว”


    คริสยกมือขึ้นเกาหัวอย่างเริ่มจะตามคนตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่คุณชายผู้หนีออกจากบ้านกลับยังคงยกยิ้มด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนที่ดวงตาสีเขียวจะพราวระยับแล้วส่งคำถามให้คริส อีเวน ต้องอึ้งเป็นรอบที่ร้อยของวัน


    “แล้วนายจะไปไหนล่ะ ให้ฉันไปด้วยสิ”


    และนั่นก็เป็นคำพูดที่จบความงุนงงทุกอย่างลง


    ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นคำพูดที่เริ่มต้นหนึ่งวันอันแสนวุ่นวายของ คริส อีแวนส์ ต่างหากล่ะ


    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


    มอร์เตอร์ไซด์คันใหญ่วิ่งเลียบไปตามทางที่ทอดยาวออกไปนอกเมือง สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนจากเมืองที่คลาคร่ำไปด้วยผู้คน เป็นทางที่เงียบขึ้น สงบขึ้น ยิ่งมอร์เตอร์ไซด์ขับออกมาไกลเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งบางตามากขึ้นเท่านั้น จากตึกสูงระฟ้าสีเทาๆ ก็เปลี่ยนเป็นวิวสีเขียวๆ ของต้นไม้ใบหญ้าและบ้านหลังเล็กๆ ที่เห็นได้ทั่วไปในชนบท


    ไม่น่าเชื่อว่าขับรถออกมาจากตัวเมืองลอนดอนแค่ไม่ไกล ภาพที่เห็นมันจะต่างออกไปมากถึงขนาดนี้


    ความคิดที่ทำให้คนที่นั่งซ้อนอยู่บนเบาะหลังของมอร์เตอร์ไซด์ต้องขยับรอยยิ้มเล็กน้อย ดวงตาที่อยู่ภายใต้หมวกกันน็อกมองภาพสองข้างทางที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในขณะที่มือก็ยังวางอยู่บนไหล่ของคนขับที่ถูกเขามัดมือชกขอตามมาเอาดื้อๆ


    “คุณจะกอดเอวผมก็ได้นะ” เสียงทุ้มๆ ตะโกนแข่งกับเสียงลมที่ปะทะหน้า ให้คนฟังต้องหันไปมองเสี้ยวหน้าหล่อๆ ของคนพูดที่ไม่ได้หันกลับมามองตอบเขา “หมายถึง ถ้ามันจะทำให้ปลอดภัยกว่าน่ะ”


    คนฟังยิ้มรับขำๆ กับคำพูดนั้น นึกประชดอยู่ในใจว่าแค่ยอมให้เขาแย่งหมวกกันน็อกที่มีอยู่ใบเดียวมาใส่นี่ก็ถือว่าเสียสละมากแล้วนะ ยังจะมีอารมณ์มาห่วงสวัสดิ์ภาพของเขาอีก


    หมอนี่จะเป็นคนดีไปไหนเนี่ย?


    ขำกับความคิดของตัวเองเล็กน้อย แต่มือที่ยังจับอยู่บนบ่ากว้างก็ยังคงจับอยู่อย่างนั้น ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นโอบกอดแต่อย่างใด แน่ล่ะสิ เขาเป็นคุณชายนะ ไม่ใช่เจ้าหญิง ไม่ต้องทำตัวสาวแตกขนาดนั้นหรอกน่า


    แล้วมอร์เตอร์ไซด์คันใหญ่ก็วิ่งมาจอดลงในฟาร์มแห่งหนึ่ง เจ้าของรถดับเครื่องแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าถึงแล้ว ให้คนที่ซ้อนอยู่ต้องเหลียวมองรอบกายอย่างงงๆ ขาเรียวก้าวลงจากรถไปหยุดยืนอยู่กลางทุ่งหญ้าเขียวขจี บ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่นักตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ในขณะที่มองออกไปทางซ้ายมือก็จะเห็นคอกม้ากับคอกอัลปาก้าตั้งอยู่ตรงนั้น


    เดี๋ยวนะ อัลปาก้างั้นเหรอ?!


    “ที่นี่มีอัลปาก้าด้วย?”


    “หือ?” คริส อีแวนส์ มองหน้าตาตื่นเต้นของคนข้างตัว ก่อนจะมองตามสายตาคู่นั้นไปทางคอกม้ากับคอกอัลปาก้าที่อยู่ห่างจากตัวบ้านไปไม่ไกล “อ้อ ป้าแมร์รี่ หมายถึง ป้าของผมน่ะ แกเลี้ยงไว้ตัดขนขาย”


    “เจ๋ง” คำชมพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้คนมองต้องยิ้มตาม


    “เอาไว้ผมจะพาไปดูใกล้ๆ ก็แล้วกัน แต่คงต้องหลังจากที่คุณเข้าไปเยี่ยมป้าแมร์รี่เป็นเพื่อนผมแล้วน่ะนะ”


    “ป้า?...


    “ใช่ ก็แค่เยี่ยมญาติผู้ใหญ่น่ะ หรือว่าคุณมีปัญหาอะไร?”


    “เปล่าๆ ฉันแค่” คนพูดเม้มริมฝีปากน้อยๆ ราวกับไม่แน่ใจ ดวงตาสีเขียวมองคนตัวโตกว่าด้วยแววลังเลน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดต่อประโยคที่ทำให้คนฟังยิ้มกว้าง “ฉันแค่ไม่ค่อยได้มีญาติผู้ใหญ่น่ะ ไม่ค่อยได้เจอคนแก่ ก็เลยไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไง”


    “ก็ไม่เห็นต้องวางตัวยังไง”



    “แบบที่คุณเป็นนี่ก็น่ารักดีอยู่แล้ว”


    คนตัวเล็กกว่าเลิกคิ้วมองคนพูดนิดๆ ก่อนรอยยิ้มขบขันจะระบายบนใบหน้าติดจะสวยเมื่อเห็นว่าคนพูดเริ่มจะหน้าขึ้นสีนิดๆ อย่างที่บอกว่าเจ้าตัวกำลังพูดเองเขินเองอยู่


    “โอเค งั้นก็ตามนั้น” พูดจบก็ก้าวขาจะเดินตรงไปยังบ้านหลังที่ตั้งอยู่ตรงหน้า แต่ขายังไม่ทันได้ก้าวไปไหนก็ต้องชะงักอยู่กับที่ เมื่อมือใหญ่ๆ ของคริสเอื้อมมารั้งข้อมือเขาเอาไว้ซะก่อน


    “เอ่อคือ มาถามเอาป่านนี้มันก็ยังไงๆ อยู่น่ะนะ”


    คนที่รั้งข้อมือเขาเอาไว้ยกมืออีกข้างขึ้นเกาหัวน้อยๆ ราวกับทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยคำถามที่ทำให้เขาต้องหัวเราะเสียงดังลั่น


    “คือคุณชื่ออะไรน่ะ?”


    คนถูกถามหัวเราะเสียงดังกับคำถามนั้น ราวกับมันเป็นเรื่องตลกนักหนา จนคริสนึกอยากจะเอาเท้าถีบตัวเองแรงๆ ที่เพิ่งจะนึกได้ว่าต้องมาถามเอาตอนนี้


    เพราะคนตรงหน้าถามชื่อเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวขาขึ้นไปนั่งบนมอร์เตอร์ไซด์ แต่เขาดันลืมถามชื่อกลับซะอย่างนั้น มานึกได้อีกทีก็ตอนที่คิดว่าต้องแนะนำคนคนนี้ให้ป้าแมร์รี่รู้จักนั่นแหละ


    “ฮ่าๆ นายนี่มันโอ้ยยย ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะของคุณชายผู้หนีออกจากบ้านยังคงดังอยู่อย่างนั้น ให้ คริส อีแวนส์ ต้องถอนหายใจอย่างติดจะปลงๆ


    “ผมรู้ว่ามันตลก แต่คุณไม่ต้องหัวเราะขนาดนั้นก็ได้มั้ง”


    “ฮ่าๆ เปล่าหรอก เปล่าๆ ฉันไม่ได้ขำเรื่องนั้น”


    “แล้ว?” คนขำหยุดหัวเราะแล้วหันมามองหน้าเขายิ้มๆ ดวงตาสีเขียวยังคงพราวระยับไปด้วยรอยขบขัน แต่ก็ยอมตอบคำถามแต่โดยดี


    “ทอม ฮิดเดิลส์ตัน ฉันชื่อ ทอม ฮิดเดิลส์ตัน”


    คำตอบที่ทำให้คนฟังต้องอ้าปากค้างเป็นรอบที่ร้อยของวัน และกำลังนึกอยากเอาเท้าเตะตัวเองเข้าไปทุกทีๆ เมื่อการรับรู้บางอย่างวิ่งเข้ามาในหัว


    ทอม ฮิดเดิลส์ตันคุณชายทายาทนักธุรกิจยักใหญ่ที่ไม่มีใครในประเทศไม่รู้จักชื่อ!


    ตระกูลนักธุรกิจผู้ดีเก่าที่รวยล้นฟ้านั่น!!


    “ฉันก็แค่ไม่คิดว่า จะมีคนที่เห็นหน้าฉันแล้วไม่รู้จักชื่อฉันอยู่ในประเทศนี้ด้วยน่ะ”


    เป็นคำพูดหลงตัวเองที่อาจจะฟังดูน่าหมั่นไส้


    แต่มันก็จริงอย่างที่เจ้าตัวพูดทุกอย่างนั่นแหละ


    “โอเค งั้นหัวเราะผมต่อเถอะ คุณมีเหตุผลมากพอที่จะขำจริงๆ”


    “ฮ่าๆ”


     

     

     




    ป้าแมร์รี่เป็นคนน่ารัก


    ความคิดที่ทำให้คุณชายฮิดเดิลส์ตันต้องระบายยิ้มบางเบา แม้ในตอนแรกออกจะทำตัวไม่ถูกที่ต้องมาเจอผู้ใหญ่แบบนี้ แน่ล่ะ เขาเคยมีญาติผู้ใหญ่ที่ต้องมาทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกันแบบนี้ซะที่ไหน ในเมื่อญาติเขาแต่ละคนก็มีแต่พวกผู้ดีไฮคราสที่เจอกันแต่ละทีบทสนทนาก็มีแต่เรื่องธุรกิจกับการอวดร่ำอวดรวย ซึ่งมันคงต่างกับการมาเยี่ยมญาติในชนบทแบบนี้แน่ๆ


    แต่สุดท้ายความอึดอัดและการทำตัวไม่ถูกของเขาก็ต้องมลายหายไปทันที เมื่อคริสแนะนำชื่อเขาให้ป้าแมร์รี่ได้รู้จักปุ๊บ ป้าแกก็เป็นลมล้มพับลงตรงนั้นปั๊บ ด้วยเหตุผลที่ว่า


    “ป้าไม่คิดว่าคนอย่างคริสจะมีเพื่อนเป็นคุณชายแบบนี้ โดยเฉพาะ คุณชายฮิดเดิลส์ตัน!


    และนั่นก็เป็นคำพูดประโยคแรกหลังจากที่ป้าแมร์รี่ฟื้นขึ้นมา


    ซึ่งก็ต้องบอกว่าป้าแมร์รี่คิดไม่ผิดหรอก ในเมื่อเขาเองก็เพิ่งจะเคยเจอกับหลานป้าก็วันนี้วันแรกนี่แหละ


    แต่แน่นอนว่าทอมไม่ได้พูดออกมาแบบนั้น อย่างน้อยเขาก็มีมารยาทมากพอที่จะยิ้มรับคำพูดนั้น หลังจากนั้นทั้งคริสและทอมก็อยู่คุยกับป้าแมร์รี่อีกซักพักใหญ่ๆ และเมื่อพายแอปเปิ้ลถาดใหญ่หมดลงคริสก็ขอตัวกลับ ป้าหลานร่ำลากันเล็กน้อยก่อนที่ป้าแมร์รี่จะยัดตะกร้าผลไม้ใบใหญ่ใส่มือทอมเป็นของฝากกลับบ้าน


     

     


    และตอนนี้ทอมก็กำลังยืนอยู่กลางทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยอัลปาก้านับสิบตัว!


    รอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนใบหน้าของคุณชายฮิดเดิลส์ตัน ดวงตาสีเขียวฉายประกายพราวระยับอย่างถูกอกถูกใจกับภาพตรงหน้า ก่อนที่มือจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือที่ปิดเครื่องไว้เป็นนานขึ้นมาเปิดเพื่อที่จะใช้ถ่ายรูปเจ้าอัลปาก้าพวกนี้ ข้อความและตัวเลขที่โชว์จำนวนสายที่ไม่ได้รับทำให้ทอมต้องชะงักไปนิด ก่อนจะขยับยิ้มหัวเราะขำๆ แล้วยกมือถือขึ้นถ่ายรูปเจ้าสัตว์หน้าแปลกตรงหน้าอย่างที่เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญว่า


    “คุณชอบอัลปาก้าเหรอ?”


    “ใช่ หน้ามันเหมือนคนบางคนที่ฉันรู้จักน่ะ เหมือนมากๆ เลยล่ะ” ตอบกลั้วหัวเราะ ก่อนจะกดปิดโทรศัพท์มือถืออีกครั้งเมื่อถ่ายรูปจนพอใจแล้ว


    “คงเป็นคนสำคัญสินะ?”


    คุณชายฮิดเดิลส์ตันหันกลับมาเลิกคิ้วมองคนถาม เพื่อที่จะพบกับรอยยิ้มจริงใจของเพื่อนใหม่ที่กำลังมองเขาอยู่


    “ก็เห็นคุณดูมีความสุขเวลาพูดถึงเค้าน่ะ” คำพูดที่ทำให้คนฟังยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยคำตอบที่สมกับเป็นคุณชายฮิดเดิลส์ตันมากที่สุด


    “เปล่าฉันต่างหากที่เป็นคนสำคัญของหมอนั่นน่ะ”


    ใช่


    สำคัญถึงขนาดถ้ารู้ว่าเขาหนีมาถ่ายรูปอัลปาก้าอยู่แถวนี้ หมอนั่นต้องโมโหจนควันออกหูและตามมาลากตัวเขากลับภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแน่ๆ


    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


    “ขอบคุณที่พาเที่ยวนะ”


    คำขอบคุณถูกส่งมาให้พร้อมกับหมวกกันน็อกที่เพิ่งถูกถอดออก คริส อีแวนส์ ที่ยังคงนั่งอยู่บนมอร์เตอร์ไซด์คันเก่งยิ้มรับคำขอบคุณน้อยๆ ในขณะที่มองหน้าสวยๆ ของคุณชายที่ทำเอาเขาหัวหมุนไปทั้งวัน


    “ไม่เป็นไร นานๆ ทีมีเรื่องให้ตื่นเต้นทีก็ดีเหมือนกัน”


    “เฮะๆๆๆ”


    เสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้ยินมาทั้งวันทำให้คริสต้องหัวเราะตาม


    ตั้งแต่การจูบกับผู้ชายกลางที่สาธารณะ โดนหัวเราะเยาะเพราะดันปล่อยไก่เรื่องไม่รู้จักคนดัง ไปจนถึงทำให้ป้าแมร์รี่ต้องมีอันเป็นลมล้มตึงไปต่อหน้าต่อตา พูดตรงๆ ว่าวันนี้ทั้งวันคุณชายนี่สร้างแต่เรื่องน่าปวดหัวให้เขาตลอด แต่แปลกที่เขากลับไม่รู้สึกโกรธอะไรคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย


    อาจจะเพราะรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะเฮะๆ ที่มันทำให้เขาหัวเราะตามได้ทุกครั้ง


    หวังว่าเขาคงจะไม่หลงเสน่ห์คุณชายตัวเล็กนี่ไปแล้วหรอกนะ


    ความคิดที่ทำให้คริสต้องส่ายหัวขำๆ ก่อนจะส่งคำถามสุดท้าย


    “แน่ใจนะว่าไม่ต้องให้ผมไปส่ง?”


    “แน่ใจ”


    “โอเค งั้นลากันตรงนี้เลยก็แล้วกัน”


    “อืม ลาก่อน”


    “ลาก่อน


     


    และนั่นก็เป็นคำพูดสุดท้ายที่จบวันอันแสนวุ่นวายนี้ลง


     

     

    End.

     

    ******************************************************************************

     

    นี่เป็นฟิคเรื่องที่สามในซีรี่ส์คุณชายทอมค่ะ

    ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะได้เขียนฟิคคู่ คริสอีxทอมฮิ แฮะ

    แต่พอเขียนแล้วมันก็ทำให้เราค้นพบว่าจริงๆ แล้วไอวิชอาจจะไม่ได้ชิพคู่ฮิเหวิดรึเปล่าวะคะ? 55555555

     

    ฟิคซีรี่ส์คุณชายที่วางไว้ว่าจะเขียนมีทั้งหมด 6 เรื่องค่ะ คือ

    1.ฮิเหวิด หรือ คริส(แฮม)xทอม ซึ่งเขียนจบไปแล้ว [Shot Fiction : Playboy]

    2.เบเนฮิ หรือ เบนxทอม ซึ่งเขียนจบไปแล้ว [Shot Fiction : Your Question and My Answer]

    3.ฮิอี หรือ คริส(อี)xทอม ซึ่งก็คือฟิคเรื่องนี้เอง

    4.ดาวน์ฮิ หรือ ป๋าดาวน์xทอม ซึ่งจะอัพในตอนต่อไป

    5.เจเรฮิ หรือ เจเรมีxทอม ซึ่งจะเขียนเป็นเรื่องถัดจากป๋าดาวน์

    6.สการ์ฮิ หรือ สการ์เล็ตxทอม ซึ่งจะเป็นเรื่องปิดซีรี่ส์ชุดนี้ค่ะ

     

    แน่นอนว่าทุกเรื่องจะเป็นฟิคสั้นแค่ตอนเดียวจบ จะว่าต่อกันก็ไช่ ไม่ต่อกันก็ไม่เชิง เอาเป็นว่ายังไงก็ฝากซีรี่ส์ชายทอมนี่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยก็แล้วกันนะคะ

     

    แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ

    ไอวิชรักคนอ่านทุกคนเล้ย! ^0^

     

    ปล.ฟิคในซีรี่ส์คุณชายทอมอีกสองตอนก่อนหน้านี้อยู่ในหน้าหลักของบทความนะคะ ใครสนใจก็กดเข้าไปอ่านได้เลยค่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×