ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Diary]Summer in Japan

    ลำดับตอนที่ #1 : บันทึก :: ตัดสินใจไปไกได & ทำความรู้จักไกไดกันเถอะ!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 52
      0
      19 เม.ย. 58

    สวัสดีค่า *0*
    อันนี้ไม่ใช่นิยาย จะใส่พวกอิโมติค่อนมากมายก็ไม่ผิดโน้ะ ถ้ามีสติ้กเกอร์ก็จัดแล้ววว 555555
    และก็ขอแทนตัวเองว่า “เรา” นะกันนะคะ 5555555
    ก่อนอื่นนะคะ ต้องกราบขออภัยอย่างแรงเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ
    TUFS Short Stay Summer Program นี้นะคะ
    อย่างแรกเลยค่ะ อันนี้เป็นโปรแกรมที่ทางมหาวิทยาลัยเปิดขึ้นเพื่อต้องการให้คนเข้ามาศึกษาภาษาญี่ปุ่นเหมือนสถาบันภาษานั้นแหละค่ะ แต่อันนี้ถ้าให้อธิบายว่าดีตรงไหน น่าจะเป็นที่ว่าให้หน่วยกิตด้วย “น่าจะ” โอนมาทางมหาลัยได้ (ถ้าได้ไม่ได้ยังไงตอนขากลับจะมาเล่าค่ะ)

    ข้อนี้สำคัญมาก ! 

    ถ้าอยากสมัครมั้งทำอย่างไรคะ ?? 
    ขอตอบมา ณ ทีนี้ ว่า
    ถ้าไม่ใช่มหาวิทยาลัยพาร์ทเนอร์ของทางมหาวิทยาลัยละก็
    ไม่สามารถสมัครได้ ...
    ใช่ค่ะ คนภายนอกสมัครไม่ได้ ตอนแรกทางโปรแกรมนี้รับโซนยุโรป อเมริกาอย่างเดียวค่ะ ปีนี้เป็นปีแรกที่รับมหาวิทยาลัยพาร์ทเนอร์ (มหาวิทยาลัยพาร์ทเนอร์คือเป็นมหาวิทยาลัยที่ทางญี่ปุ่นกับทางมหาลัยวิทยาลัยเซนสัญญากันไว้ค่ะ)

    ซึ่งประเทศไทย มีแค่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเท่านั้นเองง T^T
    คือตอนนี้เราก็ไม่ทราบนะว่า เขาอัพเดตหน้าเว็บรึเปล่า เราก็เอ้ะ เอ้อออ เราคงไม่ใช่คนไทยคนเดียวหรอกมั้งงง
    แต่ดูจากรูปการณ์แล้วคงจะเป็นคนไทยคนเดียวแล้วละ 55555555555555555555555555555 (หัวเราะทั้งน้ำตา)
    T^T
    แล้วคนที่มาแจ้งข่าวให้ทราบคืออาจารย์ที่ปรึกษาเองค่า 5555555
    อาจารย์บอกว่าเนี่ยยย ไกได(ชื่อย่อนะคะ) เขาส่งมา ว่ามีระยะสั้นน ไปป่ะ สนใจไปเลยดิ น่าสนใจนะเอออ ละก็ชวนเราสมัครค่ะ ซึ่งเราก็ เอ้ออ สมัคร ละเพือนๆในห้องก็ตึงกันทั้งห้อง เพราะว่า ก่อนหน้านี้มีโปรแกรมระยะสั้นเหมือนกันค่ะ ของมหาวิทยาลัยเมจิ ซึ่งเพื่อนซี้เราสองหน่อสมัคร เมจิไปละ ละเรามาสมัครไกไดแทน ถามว่าทำไมไม่สมัครเมจิกะเพื่อนละ
    คำตอบ “เกรดไม่ถึงค่ะ “ 555555555555555555555555555555
    ก็เลยไปกับไกไดนะกัน เราเองก็มีความทรงจำดีๆกับไกไดเยอะ ไว้ตอนหน้าจะมาเล่ากันว่าทำไมถึงมีความทรงจำดีๆ 55555555

    ต่อ 555555

    ไกได เป็นชื่อย่อของ Tokyo university for foreign studies เป็นมหาวิทยาลัยที่ดังทางด้านภาษาของญี่ปุ่นค่ะ ถ้าถามคนญี่ปุ่นว่า มหาวิทยาลัยอะไรถนัดด้านภาษา ก็จะเป็น ไกไดเนี่ยแหละค่ะ ส่วนโตไดจะดังด้านวิทยาศาสตร์ นิติศาสตร์ อย่าง มหาวิทยาลัยเมจิ ก็จะดัง นิติศาสตร์ กับ เศษรฐศาสตร์ เป็นต้น

     

    ตัวมหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ในโตเกียว ห่างจาก ชินจุกุ 4 สถานีค่ะ ในมหาวิทยาลัยมีหอพักให้ ตอนไปเราก็น่าจะได้นอนในหอพักนะคะ 55555555555 (เพราะเขาบอกจะให้นอนในหอ 5555 )

    สำหรับหลักสูตรครั้งนี้ของไกไดนะคะ มีสองหลักสูตร เราเลือกหลักสูตรธรรมดาไปค่ะ

    หลักสูตรธรรมดา ก็เรียนเขียนคันจิ อ่านภาษาญี่ปุ่น พูด ก็ทั่วๆไปเนี่ยแหละ แต่ธุรกิจเนี่ยยย ขอผ่านน เพราะคิดว่ามันต้องมีภาษาสุภาพมาแน่เบยยยยยยยยยยย ลาก่อยค่ะ เอนสามถึงผ่านมาได้แล้วคะแนนนี้ฉิวเฉียดพอดีค่ะ 555555 รอบกรกฏานี้ก็สอบของ เอนสองค่ะ ซึ่งไม่น่าผ่าน เพราะตอนนั้น กำหนดไปมัน 8/07/2558 สอบวันที่ 5 ค่ะ ให้ต้ายย ให้ตายไงก็ไม่น่าผ่านค่ะ ถ้าไม่อ่านมา ถึงอ่านมาก็ไม่แน่ค่ะต้องรอดูกันต่อไป

    อันนี้เป็นตารางเรียนอย่างคร่าวๆ นะคะ

    เท่าที่ดูก็จะสัมผัสได้ว่าตอนบ่าย อาจจะมีชงชา จัดดอกไม้ ไปเที่ยว อะไรก็ว่าไป เอ้ออ ลืมบอกไปค่ะ พอไปถึงนู้นต้องสอบก่อนนะคะว่าเราอยู่ระดับไหน แล้วจะแบ่งห้องให้ เป็นห้องละ 11-12 คน

    อันนี้เป็นตัวอย่างคร่าวๆ ที่เขาแพลนไว้ว่าหลังเลิกเรียนทำอะไรบ้าง

    โดยรวมแล้วน่าสนใจ น่าไป ได้ลองใช้ชีวิตคนเดียวที่ญี่ปุ่น ตั้ง 1 เดือน

    ไม่มีเพื่อน

    ไม่มีพ่อแม่

    รอบข้างไม่มีใครรู้จักเรา (อันนี้จะทำไรกันแน่ ? 55555 )

    ตอนกลางคืนเดินลงไป คอนวีเนี่ยนแบบ เก๋ๆ

    เลิกเรียนไปเดินเล่นใน ชินจูกุ หรือ เดิน รอบๆ มหาลัย ...

    แค่คิดก็สุดยอด ดังนั้นจึงสมัครก่อนโดยไม่ได้ถามแม่ค่ะว่ามีตังค์รึเปล่า 55555555555555
    แต่ตอนนี้จ่ายตังแล้วค่ะไม่เป็นไร 5555555555

    ตอนนี้เราก็รอแค่ทำวีซ่า ซื้อตั๋วเครื่องบิน ส่วนพาสปอร์ต ถ้ามีใครอยากสอบถามเพิ่มเติมเรื่องการทำพาสปอร์ตบอกได้ค่ะ เดี๋ยวจะเขียนเพิ่มให้ บ้านอยู่ใกล้กงศุล ทำมาสามเล่มแล้วค่ะ เชี่ยวมาก ถถถถถ

    วันนี้ขอจบตอนนี้ก่อนนะคะ ถือว่าเกริ่นว่าเป็นมายังไง หลักสูตรมีอะไรบ้าง

    ถ้ามีใครสนใจอยากเรียนระยะสั้น สามเดือนที่ญี่ปุ่น สอบถามได้ค่ะ เราเคยไปฟัง ของสถาบันนึงมาเหมือนกัน สามารถให้คำตอบได้ในระดับนึงค่ะ

    การเขียนอาจจะวกวนบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ 

    ปล. คอมร้อนสลัด 5555555555

     

    เพิ่มเติม

    เราสอบถามทางเพื่อนที่ได้ไปเมจิ ว่าไปไง มีไรบ้าง อันนี้ถามเผื่อไปใกล้ๆกัน แต่มันดันไปก่อนเราเดือนนึง อดเจอกัน จบ ลาก่อย 55555555555

    ทางมหาวิทยาลัยเมจิก็เหมือนกับทางไกไดเนี่ยแหละ ให้โควต้าแค่ มศว (ขอย่อ) กับ ลาดกระบัง ที่ละ 5 คน ปีนี้ มศวไป 4 คน ปีเดียวกัน 3 คน รุ่นพี่ 1 คน

    ขั้นตอนการสมัครของเมจิ อาจารย์จัดการให้ทั้งหมด ของเราจัดการเอง 55555555555555555
    แต่ของเพื่อนจะบังคับสอบสัมภาษณ์เพื่อให้ได้ทุนของคณะ 5 หมื่น กับทุน
    Jasso  ซึ่งทุนแจสโซเนี่ย ไม่รู้ว่าให้เงินเท่าไหร่ แต่วันนี้เพื่อนกำลังเขียนขอกันอย่างเฮฮา เพราะอาจารย์พึ่งส่งมาวันนี้ 55555

    ของเราไม่ได้ขอค่ะ มีให้ขอเหมือนกัน แต่ขี้เกียจ ไม่ขอนะกัน ไม่บอกแม่ด้วย 555555555555
    ของมหาวิทยาลัยเมจิที่เปิดให้คนภายนอกได้ไปแลกเปลี่ยนระยะสั้นไม่จำกัดว่าเป็นมหาวิทยาลัยอะไรก็มีนะคะ ไม่ได้จำกัดตลอด ถ้ามีข่าวจะนำมาบอกค่ะ รู้สึกรอบล่าสุดจะมีเหมือนกัน ราคาประมาณ 120000 บาท หลักสูตรภาษาอังกฤษ

    ที่เลข 5 เยอะนี่แอบสมน้ำหน้าเบาๆ ไม่ใช่อะไร (ชั่วมาก 5555555)

    ตอนเพื่อนสัมภาษณ์นี่สงสารมากนะ เพราะเพื่อนบอกร้องไห้เลย (ตอนนั้นเราไม่อยู่ค่ะ ขอกลับก่อน ร้อน 555555)
    แบบ อาจารย์เอกญี่ปุ่นประจันหน้าสี่คน (ทุกคนสอนตัวเองมาอ่ะเนอะ คิดดูถ้าตอบปลวกๆไปเนี่ยเศร้าเลย)

    ละเพื่อนที่ไปของเมจิ ก็จะมีพรีเซนต์ตอนจบ (ซึ่งคิดว่าทางไกไดก็น่าจะมีเหมือนกัน) แต่เราไม่ซีเรียสค่ะ เพราะไม่มีคนไทย (บอกแล้วไปเมจิเราอาจจะเครียด 5555)
    ได้ใบประกาศจบหลักสูตรเหมือนกันทั้งสองที่ค่ะ
    ค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกัน ถ้าให้วัด วัดกันที่ค่าเครื่องบินค่ะ อย่าวัดค่าช้อปปิ้ง 555555555555
    ค่าประกัน แม่เราขายประกันค่ะ หายห่วง อันนี้ตัดไป
    ค่าทำวีซ่า ยังไม่ทำค่ะ ทำเดี๋ยวจะมาบอก

     

    จบตอนนี้โดยสมบูรณ์ค่ะ มีอะไรคอมเม้นเพิ่มเติมได้นะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×