ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวบรวมตำนาน,นิทานพื้นบ้านค่ะ ^^

    ลำดับตอนที่ #23 : เชียงมัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.25K
      1
      18 ต.ค. 53

    นายมัง พ่อแม่ได้นำมามอบให้เป็นคนรับใช้อยู่ในบ้านกรมการเมืองผู้หนึ่ง เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี จึงให้บวชเป็นสามเณร บวชอยู่ ๒ ปี ด้วยเป็นคนที่ซุกซนไม่อยู่เฉยๆ มักทำอะไรแผลงๆ นอกรีตนอกรอยขนบธรรมเนียมประเพณี จึงถูกเจ้าอาวาสเฆี่ยนตีเอาบ่อยๆ เมื่อเห็นว่าเหลือขอเอาไม่อยู่ ท่านสมภารจึงให้ลาสิกขาออกมาเป็นเชียง เรียกว่าเชียงมัง และกลับมาอยู่กับผู้ปกครองเก่า โดยให้ช่วยการช่วยงาน คือ เป็นเด็กเลี้ยงโคกระบือ นำฝูงวัวควายออกไปเลี้ยงตามทุ่งนาชายป่าเป็นประจำทุกวัน นายมังเป็นคนฉลาดเฉลียวมีนิสัยดื้อรั้น ไม่กลัวใคร ร่างกายแข็งแรง ชอบการต่อสู้ ด้วยมีนิสัยชอบเป็นหัวหน้า จึงตั้งชุมนุมพวกเด็กชาวบ้าน ที่ออกมาเลี้ยงวัวควายด้วยกัน แบ่งพวกออกรบกันอย่างสนุกสนานตามประสาเด็กหนุ่มวัยคะนอง อยู่มาวันหนึ่ง เชียงมังได้พาพรรคพวกตัดไม้ลำปอมาทำเป็นอาวุธดาบแล้วสั่งลูกน้องล้อมรังแตนในป่า สมมุติเป็นข้าศึก แล้วสั่งว่า “ใครถอยไม่ได้ ต้องสู้ตาย ใครถอยต้องตัดหัวเสียบประจาน” และนำพลเข้าบุกรังแตนและต่อโดยใช้ลำปอต่อสู้ เมื่อฝูงต่อแตนถูกรวงรังก็แตกฮือไล่ต่อยใส่ผู้บุกรุก มีเด็กคนหนึ่งถูกต่อแตนต่อยเข้าตาจนบวมปูด จึงวิ่งออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อการต่อสู้ยุติลง พวกต่อแตนตายเรียบ นายมังและพวกต่างแสดงความยินดีในชัยชนะของพวกตน และทราบว่ามีผู้หนึ่งออกมาก่อน ที่จะชนะเป็นการขัดขืนคำสั่งต้องพิจารณาโทษตามอาญาศึกคือประหารชีวิตโดยสั่งให้พรรคพวกจับมัดติดกับตอไม ้เอาผ้าขาวม้าปิดตาไว้แล้วตัวเองใช้ลำปอซึ่งสมมุติว่าเป็นดาบอาญาสิทธิ์ ใช้ดาบไม้ลำปอฟันคอ แต่จะเป็นด้วยอภินิหารใด ไม่ทราบได้ ก็เกิดอัศจรรย์คอนักโทษที่ถูกประหารขาดออกจากตัวถึงแก่ความตาย นายมังตกใจกลัวความผิดจึงหลบหนีออกจาก เมืองจนซัดเซได้มาอยู่กับกองทัพพม่า ต่อมานายมังถูกเกลี้ยกล่อมให้นำทัพมาตีหัวเมืองของตนแล้วจะให้เป็นเจ้าเมืองหนองหาน (เมืองเวียง) นายมังหลงเชื่อจึงนำกองทัพพม่ามาล้อมไว้หลายเดือนก็ไม่สามารถตีเอาเมืองได้ จนทหารพม่าเกิดท้อใจจะยกทัพกลับ แต่เพราะโชคชะตาเมืองจะถึงความวิบัติ เชียงมังหรือว่าเชียงงามกลับชาติมาเกิดเป็นเชียงมัง เพื่อล้างแค้นที่ตนเคยถูกประหารชีวิต ด้วยเจ้าท้าวพระยาขอมทั้งที่ตนเองไม่มีความผิด จึงคิดออกอุบายให้ทหารพม่าขุดอุโมงค์ใต้ดินลอดคูกำแพงเมืองเข้ามาและจุดไฟเผาฉาง (คลังกระสุนดินดำ) จนในที่สุดก็สามารถตีเอาเมืองได้ ฝ่ายเจ้าหอคำพระยาขอมเห็นว่าจะหลบหนีไปไหนไม่พ้น ก็กระโดดลงจากหลังม้า วิ่งเข้าป่าไผ่หมายจะหลบซ่อนตัว แต่เกิดก้าวพลาดพลัดตกลงไปในกอไผ่ทำให้คอไปขัดกับกอไผ่ดิ้นไม่หลุดจนสิ้นใจตายคากอไผ่ (ซึ่งเป็นบริเวณที่สร้างศาลเจ้าปู่หอคำในปัจจุบัน) เมื่อเจ้าเมืองตายสงครามก็ยุติ พวกพม่าก็กวาดต้อนราษฎรและทรัพย์สินมีค่าไปเป็นเชลย ใช้ไฟเผาผลาญบ้านเมืองให้วอดวาย เมืองหนองหานจึงกลายเป็นเมืองร้างอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามคำสาปแช่งของเชียงงามได้ถูกถอดถอนไป หมดแล้ว โดยทำพิธีถอนคำสาปแช่งตั้งแต่วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๐๖

    credit : http://province.m-culture.go.th

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×