ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF,,,SUJU {all couple} wonkyu , kihae , ...x teuk , etc.

    ลำดับตอนที่ #12 : [sf] my brother ;; leeteuk x heehul

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 55







    ฮยอง เค้าอยากกินแอปเปิ้ล

    ฮื่อ ปอกเอาดิ มีมือมีเท้าไม่ใช่รึไง

    คุณป้าเชซูบอกว่าถ้าใช้มีดจะตีเค้า ฮยอง...ปอกให้เค้าหน่อย

    มือเล็กกระตุกชายเสื้อคนที่สูงกว่ายิกๆแล้วยื่นแอปเปิ้ลลูกเล็กมาให้ เด็กชายวัยสิบห้าปีที่กำลังนั่งดูทีวีก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันไปมองน้องชายวัยเจ็ดขวบที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอน ดวงตาคู่โตทอประกายน่าสงสาร คนที่กำลังนั่งจึงจำต้องลุกขึ้นยืนคว้าแอปปิ้ลจากมือเล็กมาแล้วเดินไปยังห้องครัวโดยมีร่างที่สูงเพียงเอวตามมาติดๆ ฮยองใช้มีดเป็นมั้ย

    อื้อ

    อย่าทำมีดบาดนะ เดี๋ยวจะเจ็บ

    อื้อ

    เสร็จแล้วเดี๋ยวเค้าจะให้รางวัลนะ

    อื้อ รับคำเพียงแค่นั้นและไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะวันนี้มารดาของตนไม่อยู่บ้าน ทิ้งให้เขาอยู่กับน้องชายต่างสายเลือดเพียงลำพังซ้ำยังกำชับนักหนาว่าไม่ให้น้องใช้มีดและของมีคมทุกอย่าง และห้ามไม่ให้เขาออกจากบ้านเพียงเพราะว่าเจ้าเด็กนี่ย้ายมาอยู่ด้วย

    ปาร์คจองซูจะบ้าตาย

    ส่วนเจ้าเด็กเจ็ดขวบคิมฮีชอลที่ยืนมองเขากำลังปอกแอปเปิ้ลอยู่นั้นเป็นลูกของน้องชายไม่แท้ของแม่ที่เอามาฝากให้เลี้ยงเพราะไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ด้วยความไม่รักเด็ก ส่วนแม่ของเด็กนั้นก็เสียชีวิตตั้งแต่คลอด สองปีมาแล้วที่เขาไม่เคยคุ้นชินกับการมีเด็กตัวเล็กมาอยู่ใกล้ๆคอยเรียกฮยองอย่างโน้นฮยองอย่างนี้ และถ้าเป็นไปได้จะไม่มีทางอยู่ใกล้หรืออยู่กับเจ้าเด็กนี่เพียงลำพัง

    เด็กบ้าอะไรก็ไม่รู้พูดมากชิบเป๋ง

    อ้ะ เมื่อจัดการเอาไปแช่น้ำเกลือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำยามทิ้งไว้ตากลม ก็ส่งให้กับเด็กตัวเล็กที่ยืนจ้องตาแป๋ว ใบหน้าสวยหวานระบายยยิ้มกว้างแล้วเอื้อมมือมารับก่อนจะใช้มืออีกข้างมาจูงเขาไว้ก่อนจะลากไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน ร่างเล็กๆของเด็กผู้ชายตรงหน้าทำเอาบางครั้งก็แยกไม่ค่อยออกว่าแท้จริงแล้วเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ดีว่าพาไปตัดผมให้สั้นจึงพอจะแยกออกว่าเป็นเพศไทน แต่อย่าให้ผมยาวลงมาหน่อยเชียว มีแต่คนทักเอาว่าเป็นเด็กผู้หญิงตลอดถึงแม้ว่าจะใส่กางเกงก็ตาม

    จุ้บ!

    นั่งดูสารคดีสัตว์โลกไปได้ไม่เท่าไหร่ริมฝีปากเล็กๆก็เคลื่อนมาประทับที่แก้มของเขา ปาร์คจองซูหันขวับก่อนจะเบิกตากว้างไปมองคนข้างๆที่กำลังยิ้มเผล่ใส่เข้าทั้งๆที่ในปากยังเคี้ยวแอเปิ้ลไม่หมด ยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆแล้วเอ่ยปากถาม ทำอะไรน่ะ

    ก็ให้รางวัลไง ฮยองอุตส่าห์ปอกแอปเปิ้ลให้เค้านะ

    ทีหลังไม่ต้อง ไม่เป็นไรขอบใจ

    แต่ป้าเชซูบอกว่า...ถ้ามีคนทำอะไรให้ เราควรจะมีสิ่งตอบแทน

    แล้วสอนแบบนี้?

    ก็ป้าเชซูสอน.....

    นี่แม่จะช่วยสอนเจ้าเด็กนี่ให้เป็นผู้ชายซักหน่อยไมได้รึไง!!

     

    10 ปีถัดมา

    จองซู วันนี้ไปประชุมผู้ปกครองแทนแม่ทีสิ

    หืม? ว่าไงนะครับ

    แม่บอกว่าช่วยไปประชุมผู้ปกครองแทนแม่ที วันนี้แม่ต้องไปทำธุระที่ธนาคาร น้องรออยู่หน้าบ้านแล้ว

    หญิงสาววัยกลางคนเข้ามาดันหลังเขาที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในครัวเพื่อจะหาอะไรกินแล้วหยิบนมกับขนมปังยัดใส่เมื่อ ร่างสูงเดินออกมาจากบ้านอย่างงงๆแล้วหันมองน้องชายตัวบางที่บัดนี้โตเป็นหนุ่มไปเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าสวยหันมามองเขาก่อนจะยิ้มกว้างอย่างที่กำเป็นประจำทั้งในตอนเด็กและตอนนี้พพลางร้องเรียกเสียงดัง

    ฮยอง! ไปยัง

    เพราะวันนี้ต้องไปเป็นผู้ปกครองของเจ้าเด็กนี่เขาเลยมีตุ๊กตาหน้ารถเป็นคนหน้าสวยที่เป็นผู้ชาย ปาร์คจองซูกดเปิดวิทยุเพราะไม่รู้จะเปิดบทสนทนาคุยอะไรกับอีกคน เพราะแม้จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาสิบกว่าปีแล้วแต่ทว่าเขากลับไม่เคยเปิดใจให้เด็กคนนี้ได้เมามีอิทธิพลในชีวิตแม้แต่น้อย  แม้ว่าหลายครั้งที่ฮีชอลจะพยายามเข้ามาก่อกวนก็ตาม แต่ก็นั่นแหละ...โดนผลักไสไล่ถีบตลอด

    เค้าเพิ่งเคยนั่งรถฮยองครั้งแรกเลยนะ

    อืม

    ตอนนี้เค้าขึ้นไฮสคูลแล้วนะ อยู่ปีสามแล้ว

    หืม อายุสิบเจ็ดเองไม่ใช่หรอก ทำไมปีสาม

    รู้จักคิมฮีชอลน้อยเกินไปซะแล้ว สอบพาสเอาไงฮยอง เดี๋ยวนี้ถ้าสอบได้แล้วเรียนไหวมันก็พาสได้เลยนะ

    จะพาสทำไม ค่อยๆเรียนไปแหละดีแล้ว

    ไม่เอาอะ เค้าอยากเรียนให้จบไวๆ

    ทำไม?

    จะได้โตเป็นผู้ใหญ่แบบฮยองซักที คนที่นั่งเบาะข้างๆหันมายิ้มใส่อีกครั้ง ซึ่งคนที่โตเป็นผู้ใหญ่ทำเพียงเหลือบหางตาไปมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ มือเรียวหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไปในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่อีกคนเรียนอยู่ ก่อนจะปล่อยให้คนตัวบางเดินลงไปก่อนที่ตัวเองจะไปหาที่จอดรถ ร่างเล็กจดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองใส่ลงกระดาษก่อนจะยัดใส่มือคนเป็นพี่ชายพลางกำชับว่าให้โทรหาหลังจากที่หาที่จอดรถได้

    หลังจากที่หาที่จอดรถได้ก็จัดการล็อครถแล้วเดินไปยังจุดที่ส่งน้องชายต่างสายเลือดไว้ มือเรียวหยิบกระดาษที่ถูกขยำไม่เป็นท่าเพราะการหมุนพวงมาลัยรถหลายๆรอบทำให้กระดาษยับยู่ยี่ไปพร้อมๆกับพวงมาลัย ลายมือของคิมฮีชอลที่เขาเพิ่งจะได้เห็นเป็นครั้งแรกก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจเพราะไม่คิดว่านี่มันจะเป็นลายมือของคนที่หน้าหวานได้ขนาดนี้

    ลายมือ....เห่ยกว่าเขาอีกแน่ะ

    กว่าจะกดโทรสัพท์หาเจ้าคนตัวเล็กได้ก็กดผิดไปสองรอบเพราะอ่านตัวเลขไม่ออก รอสัญญาณสายอยู่ซักครู่เสียงใสๆก็แล่นผ่านตามสายมาอย่างอารมณ์ดี

    [ฮยองเดินตรงเข้ามานะ ฝ่ายปกครองจะอยู่ทางซ้ายมือแล้วเดินเลี้ยวขวามา ลิฟต์จะอยู่ตรงนั้น ขึ้นมาที่ชั้น ออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวขวาเดินตรงมาเรื่อยๆที่ปีสามห้องบีนะ]

    อืม ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความก็จัดการเดินไปตามทางอย่างที่คนรู้ทางเขาบอก ใช้เวลาไม่นานก็เจอห้องที่ตัวเองการเห็นร่างบางในเครื่องแบบนักเรียนของฤดูร้อนกำลังยืนคุยกับเพื่อน...เอ่อ เพื่อนผู้หญิง คนตัวสูงยืนลังเลอยู่นานว่าจะเข้าไปหาดีหรือไม่แล้วจึงตัดสินใจเดินเข้าไป

    ต้องทำอะไรบ้าง

    ลงทะเบียน แล้วเขาไปนั่งฟังที่ปรึกษาพูด ไปนะ

    พอเห็นว่าพี่ชายเดินเข้ามาแล้ว ประโยคสุดท้ายจึงหันไปบอกลาเพื่อนสาวที่มายืนคุยด้วยแล้วทำท่าจะเดินออกไปทว่า แขนของเพื่อนหญิงกลับกอดรัดเข้าที่แขนของเขาก่อนจะส่งสายตาปริปๆเป็นเชิงว่าคุยกันตามลำพังสี่คนโดยที่ไม่รวมพี่ชายของเขา ฮีชอลจึงเอ่ยปากบอกให้พี่ออกไปยืนรอนอกบทสนทนา

    มีอะไรฮโยริ

    พี่ชายของฮีชอลหรอ หล่อจังน้า~”

    อือ

    แนะนำให้รู้จักหน่อยสิ อายุเท่าไหร่แล้วอะ

    “25 เพิ่งเรียนจบหมอมา

    หืออ หล่อแล้วยังเรียนเก่งอีก ฮีชอลต้องแนะนำให้เขารู้จักฉันให้ได้นะ

    คิดจะมาเป็นพี่สะใภ้ฉันรึไง

    เปล่าซักหน่อยหล่อๆแบบนั้นคงมีแฟนแล้วใช่มั้ยล่ะ

    ไม่มีหรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันหวง ฉันไม่ให้ฮโยริทำคะแนนหรอก

     

    ฮยอง อาจารย์เขาไม่ได้ว่าอะไรใช่มั้ยอะ

    ก็บอกว่านายพูดมาก ทำเพื่อนๆในคลาสเสียสมาธินิดหน่อย

    เค้าเปล่าพูดมากนะ เขาเรียกว่ามนุษยสัมพันธ์ดีต่างหาก คนมนุษยสัมพันธ์ดีอมลมแก้มป่องก่อนจะกอดอกปั้นหน้าบึ้งเดินตามพี่ชายสุดหล่อออกมาจากห้องต้อยๆ หลายคนมองตามเหลียวหลังเพราะสองร่างที่เดินเคียงกันดูดีอยู่ไม่ใช่น้อย ดวงหน้าคมของร่างสูงหันไปมองคนหน้าหวานแล้วหลุดยิ้มออกมาน้อยๆเมื่ออีกคนยังคงติดใจเรื่องพูดมาก คิดจะรีบหุบยิ้มก็ไม่ทันซะแล้วเพราะอีกคนหันมาเห็นพอดี

    ฮยองยิ้มไรอะ ฮยองขำอะไร

    เปล่า ปั้นเสียงขรึมแล้วหันมองทางข้างหน้าก้าวเท้ายาวๆเพื่อจะหลบเลี่ยงบทสนทนา แต่ร่างบางกลับรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้นมายืนข้างๆกัน

    ฮยอง เค้าไม่ใช่ตัวตลกนะ

    หน้ายับหมดแล้วเด็กน้อย

    เค้าไม่ใช่เด็กนะฮยอง! เค้าโตแล้ว

    ฮื่อ เด็กน้อยหน้ายับ ยิ่งเห็นใบหน้าหวานที่ง้ำๆงอๆทว่ากลับดูน่ารักยิ่งทำเอาจองซูกลับแหย่น้องชายหนักขึ้น มือหนาเอื้อมไปบีบจมูกรั้นอย่างเผลอตัว ดื้อ

    อะ.....เอ่อ คิมฮีชอลชะงักก่อนจะลูบจมูกตัวเองเบาๆ สะบัดศรีษะไล่อาการประหลาดที่ตอนนี้กำลังแล่นริ้วขึ้นมาอีกครั้ง แต่มองเห็นสายตาของสาวๆที่มองมายังพี่ชายตัวเองก็รีบวิ่งไปกอดแขนคนตัวสูงไว้

    ผู้ชายคนนี้ของคิมฮีชอลนะ ไม่ให้หรอก :P

     

    บัลเลบัลเลบัลเลบัลเล

    ครับแม่

    [จองซู นอนหรือยังลูก]

    ยังครับ วันนี้ผมเข้าเวร แม่มีอะไรหรือเปล่าฮะ โทรมาซะดึกเชียว ร่างโปร่งที่นั่งอยู่ในห้องตรวจหันมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบตีสาม เสียงโทรศัพท์ที่จู่ๆก็ดังขึ้นพร้อมกับโชว์เบอร์ของคนเป็นมารดาที่โทรมาในช่วงเวลาแบบนี้ เสียงปลายสายถอนหายใจออกมาเบาๆ[ก็พ่อเราน่ะสิ]

    พ่อ? พ่อทำไมหรอครับ??

    [ไปปีนกำแพงอีท่าไหนก็ไม่รู้ ตกลงมาขาแข้งหัก ต้องผ่าตัดดามกระดูกให้เข้าที่]

    อ่า ตอนนี้พ่ออยู่ที่ไหนครับ

    [เชจู แม่ล่ะปวดหัวจริงๆ นี่โทรมาปลุกให้แม่ตื่นร้องเสียงหงิงๆน่าสงสาร เลยว่าจะไปดูอาการซักหน่อย]

    แล้วจะไปตอนนี้เนี่ยนะครับ? ผมไปส่งมั้ย

    [ไม่หรอก แม่จะไปวันนี้เช้า ถ้ายังไงแม่ฝากน้องไว้กับลูกแล้วกันนะ ออกเวรกี่โมง?]

    ประมาณหกโมงเช้าน่ะครับ แม่จะไปนานมั้ย?

    [ประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์ล่ะ อา...แม่ไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะ เดี๋ยวถ้ายังไงคุยกันอีกทีนะจองซู]

    ครับแม่ กดวางสายก่อนจะลุกขึ้นยืนออกไปทักทายพยาบาลที่ยืนอยู่หน้าห้อง เพราะวันนี้เข้าเวรจึงต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่หกโมงเย็นยันหกโมงเช้าก่อนที่จะได้พักในช่วงเวลาหลังจากนั้นเพียงสองชั่วโมงแล้วเริ่มทำงานต่อในช่วงแปดโมงเช้ายันสี่โมงเย็น แต่วันนี้เขาคงจะขอลางานแล้วไปดูอาการผู้เป็นพ่อเสียหน่อย

    เวลาล่วงเลยมาจนถึงหกโมงเช้า คนเป็นแม่เอาน้องชายมาทิ้งไว้ตั้งแต่ยังไม่ทันออกจากเวรก่อนจะรีบจากไปเพราะไปขึ่นเครื่องบินตอนหกโมงเขาเลยทำเพียงบอกลาให้ไปดีๆ ร่างบอบบางขดตัวอยู่บนโซฟาในห้องทำงานโดยมีคุณพยาบาลแวะเวียนเข้ามาดูเป็นพักๆราวกับว่าน้องชายเขาเป็นเด็กเล็กทั้งที่จริงแล้วอายุก็สิบหกปีเข้าไปแล้ว แต่พอเดินออกมาดูก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนที่อยู่หน้าห้องถึงได้พากันเข้ามาดู

    ท่าหลับอย่างกับเด็กอายุสิบขวบ น่าหมั่นไส้อะไรขนาดนี้นะคิมฮีชอล

    สรุปก็คืองานการไม่ทำเอาแต่นั่งมองหน้าหวานของคนที่อายุน้อยกว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแบลคเมล์ไว้เผื่อวันไหนเซ็งๆต้องการแกล้ง ถ่ายไปได้สิบกว่ารูปก็รู้สึกตัวว่าควรจะกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานดังเดิมแล้วรอเวลาให้หมดช่วงเข้าเวร

    ฮีชอล ตื่นได้แล้ว

    อื้ออ อะไรอะ อย่าเพิ่งปลุกสิ

    ไม่เอาแล้ว ไปนอนต่อบนรถ กลับบ้านกัน

    ฮื่อ ฮยองอุ้มเค้าไปหน่อย ไม่อยากเดินแล้วอ้ะ

    อุ้มอะไร ไม่ใช่ตอนนายอายุหกขวบซักหน่อย นี่สิบหกแล้วนะ ไปๆ ลุกขึ้นเดิน

    จัดการดึงแขนคนที่กำลังงัวเงียๆพลางเอาแขนมาคล้องคอคนเป็นพี่ชายไว้ทำท่าจะให้อีกคนอุ้มไปตามที่พูด คุณหมอตาสวยถอนหายใจพรืดแล้วจัดการหมุนตัวเองให้อีกคนขึ้นขี่หลัง เดินออกไปหน้าห้องก็รบกวนบุรุษพยาบาลที่พอจะสนิทให้หิ้วของตามมา เมื่อมาถึงยังลานจอดรถก็จัดการยัดเจ้าเด็กขี้เซาเข้าไปในรถแล้วหันไปขอบคุณอีกคนที่อุตส่าห์หอบหิ้วของมาให้ ในใจเอาแต่คิดว่าจะพากลับบ้านหรือไปที่คอนโดตนเอง

    ไปที่คอนโดแล้วกัน กุญแจบ้านอยู่ไหนก็จำไม่ได้

    ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยังที่พักที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก ที่ออกจากบ้านมาพักอยู่ตรงนี้เพราะสะดวก บางครั้งพยาบาลโทรมาตามจะได้ไม่ได้ต้องเสียเวลาในการเดินทางมาก เพราะฉะนั้นเขาจึงกลับบ้านในวันเสาร์อาทิตย์

    ที่ไหนอะ คิมฮีชอลที่เพิ่งจะรู้สึกตัวก็ลุกขึ้นนั่งแล้วมองซ้ายมองขวาพลางขยี้ตา คนเป็นพี่ชายเห็นอย่างนั้นเลยเอื้อมมือไปดึงเบาะให้ตั้งขึ้นจนได้ยินเสียงหวานนั่นร้องอุทานเบาๆ เป็นอะไร

    ก็ฮยองนั่นแหละ..!!! เอ่อ...พามาที่ไหนเนี่ย

    พามาขาย

    เค้าขายได้ราคาดีด้วยหรอ

    ไม่หรอก เดี๋ยวฉันต้องชำแหละเนื้อนายก่อนแล้วค่อยเอาไปชั่งกิโลขายถึงจะได้ราคาดี

    ใจร้ายว่ะ! เห็นหน้าตาอย่างนี้ก็มีสาวๆมาจีบนะเออ

    หันไปมองใบหน้าสวยหวานแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ คนที่มีสาวมาจีบรีบร้องโวยวายก่อนจะเดินลงจากรถตามคนเป็นพี่ ใบหน้าเริ่มงอง้ำเพราะถูกขัดใจอีกครั้ง ปาร์คจองซูเดินไปที่ท้ายรถหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของอีกคนมาถือแล้วสะพายกระเป๋าเป้ตัวเองก่อนจะปิดท้ายรถไม่สนใจคนที่กำลังส่งเสียงแง้วๆอยู่ข้างหู ฮีชอลกระโดดเหยงๆอยู่ข้างๆจะคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าจากเขาไปให้ได้

    เอากระเป๋าเค้ามา

    เดี๋ยวถือให้ อย่าเสียงดังสิ

    ฮยองก็ชอบขัดใจเค้าทุกทีอะ เอามานะ ริมฝีปากบางเบะออกก่อนจะกระโดดขวางหน้าพลางเอื้อมมือไปขอกระเป๋าแล้วเอ่ยซ้ำอีกที เอากระเป๋าเค้ามา

    ศรีษะของร่างสูงส่ายเบาๆคล้ายกับจะบอกว่าเอือมระอากับการกระทำของคนตรงหน้าเลยจัดการยกกระเป๋าเป้ของตัวเองให้อีกคนถือแล้วเดินนำลิ่วมาเพราะเจ้าเด็กไฮสคูลกำลังทำท่าจะร้องงอแงอีกรอบ

    ฮื่อ...แล้วอย่างนี้จะเป็นผู้ใหญ่ได้ยังไงกัน

     

    ตอนนี้พ่อเป็นไงบ้างครับ

    [ต้องมาเห็นสภาพ อยากจะสมน้ำหน้านัก ทำอะไรไม่รู้จักวัยของตัวเอง คิดว่าอายุยี่สิบกว่ารึไงถึงได้ไปทำอะไรแบบนั้น]

    อ่า...แล้วนี่จะเข้าห้องผ่าตัดกี่โมงครับ

    [ได้ประมาณบ่ายสองน่ะ จองซู แม่ฝากดูน้องหน่อยนะแม่ว่าคงอยู่ที่นี่นานเลย แค่ฝากดูแลช่วงที่ลูกว่าง แม่ไม่อยากให้น้องอยู่บ้านคนเดียวหน้าตาแบบนั้นแม่ไว้ใจไม่ค่อยจะได้]

    ผมจะพยายามเข้าเวรให้น้อยลงแล้วกันครับ

    [ไม่เป็นไรหรอก ตามเวลาเดิมของลูกก็ได้ น้องกลับเองได้ไม่มีปัญหา ขอบคุณมากนะจองซู]

    ไม่เป็นไรครับแม่ ยังไงก็น้องผมเหมือนกัน

    คุยกันอีกสองสามประโยคแล้วจึงบอกลาเมื่อได้ยินเสียงพ่อร้องเรียกแม่ซะเสียงหวาน คนตัวสูงหันไปมองคนที่เพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำแล้วก็ต้องเบือนหน้าหนีเพราะร่างบอบบางนั่นมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันท่อนล่างไว้ อกขาวที่แต่งแต้มด้วยติ่งไตสีชมพูทั้งสองข้างทำเอาคนมองไม่สามารถสลัดภาพนั้นออกไปได้ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าอีกคนเข้ามาใกล้ก็ลุกขึ้นเดินหันหลังให้

    ฮยองจะไปไหน

    หิวน้ำ ตอบสั้นๆเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินไปยังตู้เย็นภายในห้อง หยิบน้ำเย็นๆมาดื่มดับอารมณ์ประหลาดที่กำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องปิดลงจึงเดินกลับไปนั่งที่เดิม

    ฮยอง มีแป้งปะ

    กลับเข้าห้องไปเลย!” กัดฟันตวาดเบาๆก่อนจะเดินไปหยิบแป้งให้กับคนที่ยืนทำหน้างงอยู่หน้าประตู ริมฝีปากบางขยับสบถพึมพำแล้วหยิบผ้าอีกผืนมาเช็ดตัว มองตามพี่ชายร่างสูงที่ทำหน้าประหลาดๆแล้วก็มีอันต้องขมวดคิ้ว

    นี่ผมทำอะไรผิดวะเนี่ย-*-

    ฮยองโกรธอะไรเค้าปะเนี่ย หลังจากที่แต่งตัวเสร็จร่างบางก็หอบร่างตัวเองออกมาจากห้องนอนในเครื่องแบบชุดนักเรียนฤดูร้อน เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกับกางเกงขายาวสีน้ำเงินเข้มอาจจะดูเท่ในสายตาคนอื่น ทว่าในสายตาของคนเป็นพี่แล้วมันดูเหมือนกับผู้หญิงที่พยายามจะแต่งตัวเป็นผู้ชายเสียมากกว่า

    เข้าเรียนกี่โมง

    แปดโมง นี่โกรธเค้าปะเนี่ย ทำไมฮยองต้องทำหน้าบึ้งใส่ด้วยอะ

    เปล่า ยังไม่ได้นอนมันเลยเบลอๆนิดหน่อย เดี๋ยวไปส่ง

    ไม่งั้นฮยองก็นอนพักเหอะ เดี๋ยวเค้าไปเอง แถวนี้ไปไม่ยากหรอก

    ก็บอกว่าจะไปส่ง ไม่รอให้อีกคนได้เถียง คนเป็นพี่คว้าหมับเข้าที่มือบางแล้วลากให้ออกไปด้วยกัน คิมฮีชอลรีบคว้ากระเป๋านักเรียนที่วางอยู่บนโซฟามาถือไว้แล้วรีบก้าวเท้าให้ทันตามแรงกระชากของอีกคน พอขึ้นรถได้ก็รีบคาดเข็มขัดแล้วปรับเบาะให้พอดีตัวเพราะกลัวว่าอีกคนจะหันมาปรับให้อีก พี่ชายตัวสูงไม่พูดอะไรอีกนับแต่ออกจากคอนโด ดวงตาคู่โตเหลือบไปมองใบหน้าคมนั่นช้าๆก่อนจะรีบหันกลับมามองถนนเมื่ออีกคนรู้สึกตัว

    มองอะไร

    ปะ...เปล่า เอ่อ...วิวข้างทางน่ะ แถวนี้ทางไม่คุ้น

    ในตอนแรกว่าจะปฏิเสธแต่พอคิดหาข้อแก้ตัวได้เลยรีบเอ่ยออกไปแบบมึนๆ หากคนที่กำลังขับรถหันมามองให้เต็มตาแล้วล่ะก็จะได้เห็นหน้าใบหน้าเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อ มือเล็กเอื้อมมาทาบที่หน้าอกของตัวเองเพื่อปิดเสียงหัวใจที่กำลังเต้นดังขึ้นเรื่อยๆ

    มันจะทนไม่ไหวแล้วรึไง ไอ้อาการแบบนี้น่ะ

    ผมรู้ดีมาตลอดว่าตัวเองชอบพี่จองซูมาก ตั้งแต่จำความได้ผมก็มีเขาอยู่เป็นเพื่อน แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูดอะไรมากก็ตามแต่ก็ดูแลอย่างดีมาตลอด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกที่ว่าชื่นชมพี่เขาเป็นฮีโร่กลับกลายเป็นความรู้สึกที่เรียกว่าชอบ ถึงตอนแรกจะเถียงกับตัวเองมาตลอดว่าไม่ใช่แต่พอเขาแยกตัวไปอยู่หอเมื่อเรียนมหาลัยความรู้สึกมันถึงได้ชัดเจนมากขึ้น เลยยิ่งพยายามจะเข้าหาแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าเขาถึงออกห่างไปเรื่อยๆ

    เย็นนี้เลิกเรียนกี่โมง

    หือ? สามโมงเย็นน่ะ แต่เดี๋ยววันนี้มีกิจกรรมนิดหน่อย คงเสร็จประมาณหกโมงกว่าๆ

    งั้น...เดี๋ยวมารับนะ

    ไม่ต้องก็ได้ฮยอง ถ้าเลิกเร็วเค้าว่าฮยองกลับไปนอนพักเถอะ

    ฮื่อ อย่าเถียงมากได้มั้ย ตั้งใจเรียนนะวันนี้ มือเรียวเอื้อมมือมาผลักศรีษะสวยก่อนที่คนผลักจะโดนแยกเขี้ยวใส่ ปาร์คจองซูระบายยิ้มออกมาบางๆแล้วขยี้ศรีษะของคนเป็นน้องเบาๆ เมื่ออีกคนลงจากรถไปแล้วก็ทำท่าจะออกรถ แต่ไอ้เจ้าคนที่ลงรถไปแล้วกลับหันมาเคาะกระจกให้เขาเปิดลงมา

    ลืมอะ.......

    ฟอด!

    ตั้งใจทำงานนะครับคุณหมอ คนหน้าสวยยิ้มทะเล้นก่อนจะวิ่งเข้าไปในโรงเรียนเมื่อทิ้งรอยจูบไว้ที่แก้มข้างซ้ายของคุณหมอ คนถูกรุกแบบไม่ทันตั้งตัวลูบเบาๆบริเวณที่โดนจูบแล้วก็เผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว

    ซนจริงๆเลยนะฮีชอล

     

    เอ้อ...นายมีพี่ชายด้วยหรอ ไม่ยักรู้เลย เพื่อนสนิทตัวสูงเอ่ยขึ้นมาเรียบๆในขณะที่กำลังทาสีป้ายผ้า หลังจากเลิกเรียนทั้งคู่ก็บึ่งมาที่ชมรมดนตรีที่ลงไว้เมื่อตอนต้นเทอมเพื่อจัดเตรียมเวทีที่จะมีกิจกรรมประกวดวงดนตรีสตริงคอมโบในวันพรุ่งนี้ คิมฮีชอลยกมือขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะโดนเพื่อนที่นั่งงอยู่ข้างๆว่าเข้าให้เมื่อเห็นสีแดงที่เจ้าตัวกำลังทาเปรอะเข้าที่หน้าผาก

    โง่อีกแล้วนะ เปื้อนหมดแล้ว

    ฮะ...เฮ้ย มือฉันเปื้อนตอนไหนอะ คนที่ถูกด่าว่าโง่ไม่ได้ใส่ใจกับคำต่อว่าแถมยังโวยวายแล้ววางอุปกรณ์ในมือลงพลางถูมือตัวเองเพื่อให้สีกระจายไปทั่วมือก่อนจะใช้หลังมือปาดเหงื่อที่กำลังจะหยดลงมาอีกรอบ

    หลังมือนายก็เปื้อน....คิมฮีชอลคนโง่

    แกอย่าด่าฉันให้เยอะสิคยูฮยอน เช็ดออกให้หน่อย” คยูฮยอนถอนหายใจช้าๆก่อนจะวางพู่กันในมือลงก่อนจะจัดการจับใบหน้าสวยให้อยู่นิ่งแล้วเช็ดสีที่เปรอะเปื้อนออกให้ ที่ฉันถามน่ะ แกมีพี่ชายด้วยหรอ

    อื้อ พี่ไม่แท้น่ะ ห่างกันแปดปี

    เห็นฮโยริว่าหล่อ แล้วก็บอกว่านายหวง

    กับคนอื่นไม่เท่าไหร่หรอก แต่กับฮโยริปล่อยไว้ไม่ได้ พี่ชายฉันเป็นคนดีนะ

    นินทาอะไรฉันยะคิมฮีชอล พูดไม่ทันขาดคำเจ้าของชื่อก็เดินเข้ามาผลักหัวจนหน้าเกือบทิ่มลงไปที่ป้ายผ้าบริเวณที่สียังไม่แห้ง ดีที่ยันไว้ได้ทันเลยกลายเป็นว่ามือเปรอะแทน เปล่าซักหน่อยนะ

    พี่ชายของนายมาแน่ะ คนที่เข้ามาใหม่บุ้ยปากไปยังหน้าตึกที่มีร่างพี่ชายกำลังเดินเข้ามา มือบางรีบจับใบหน้าตัวเองเพื่อลบรอยสีบนใบหน้าอย่างลืมตัวโดยลืมนึกไปว่ามือตัวเองนั้นเพิ่งจะทับสีไปเมื่อครู่ ฮโยริที่แอบหันไปมองพี่ชายของเพื่อนเมื่อหันกลับมาแล้วก็ต้องหัวเราะลั่นเมื่อเห็นหน้าของคิมฮีชอลเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงเป็นปื้นเต็มไปหมด ทำอะไรของนายน่ะ ฮ่าๆ

    เฮ้ยยย ลืมอะ เปื้อนหมดเลยใช่ป้ะ

    เต็มหน้าเลย เฮ้ออ ทำไมชอบทำตัวซื่อบื้อจังนะ

    เพื่อนสนิทส่ายหน้าระอาก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา จับใบหน้าสวยให้อยู่นิ่งๆอีกครั้งแล้วเริ่มเช็ดเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ปาร์คจองซูเดินเข้ามา เห็นน้องชายตัวเองนั่งหลับตาพริ้มให้อีกจับต้องใบหน้าก็นึกฉุน สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้แล้วส่งเสียงเรียก คิมฮีชอล

    เฮ้ยยยย ฮยอง...ไม่เอา ไม่ให้มอง ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยก็รีบสะบัดหน้าให้หลุดจากมือเพื่อนแล้วยกแขนขึ้นปิดบัง คยูฮยอนลุกขึ้นยืนแล้วโค้งตัวทำความเคารพเล็กน้อยก่อนจะดึงแขนเล็กให้ขยับออกเพื่อที่จะได้เช็ดต่อ ทว่าร่างบางกลับลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งหนีออกไป คยูฮยอนทำท่าจะเดินตามไปแต่ปาร์คจองซูรั้งแขนห้ามไว้แต่พองามแล้วเป็นคนเดินตามไปแทน เดินเรื่อยๆมาก็พบว่าร่างบางวิ่งมาหยุดอยู่ที่อ่างล้างหน้า ร่างโปร่งหยุดฝีเท้าแล้วยืนมองอยู่ห่างๆ

    อื้อออ ทำไมไม่ออกวะ ได้ยินเสียงหวานพึมพำมาแว่วๆจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาเตรียมรอ พอเห็นอีกคนกำลังจะจับแขนเสื้อสีขาวเช็ดเข้าที่หน้าก็รีบเข้าไปขวาง จนฮีชอลผงะด้วยความตกใจเสียหลักเซจะล้มเมื่อก้าวไปเหยียบพื้นที่ต่างระดับจากที่ยืนเมื่อครู่เดือดร้อนถึงคนที่ตามมาต้องรีบเข้าไปคว้าตัวไม่ให้ล้มหัวฟาดพื้น

    ฮะ...ฮยอง

    ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็หัวแตกหรอก ปาร์คจองซูเอ่ยเสียงดุแล้วรั้งอีกคนให้เข้ามาใกล้ตัวเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่กลับไปเหยียบที่เดิมอีก ฮีชอลก้มหน้างุดเมื่อรู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของตัวเองนั้นไม่ได้ดูดีเท่าไหร่ จองซูปล่อยมือออกจากเอวของอีกคนแล้วจับใบหน้าสวยให้เงยขึ้นมาก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ถือผ้าเช็ดหน้าไว้เช็ดหน้าให้ ฮีชอลขยับหลบเบี่ยงแต่ก็โดนดวงตาคู่สวยนั่นดุใส่โดยมีเสียงขู่จากในลำคอประกอบเลยต้องยืนนิ่งๆแล้วพยายามจะเสมองที่อื่น

    ตึกตักตึกตักตึกตักตึกตักตึกตัก

    เบาๆก็ได้นะหัวใจบ้าT T/// เดี๋ยวเขาได้ยินขึ้นมาก็อายแย่เลย!!

    หมดรึยังเนี่ย ทำไมตรงนี้มันเช็ดไม่ออก เสียงนุ่มเอ่ยบ่นเล็กน้อยก่อนจะเช็ดที่แก้มซ้ำๆอย่างแผ่วเบา พอฮีชอลได้ยินอย่างนั้นก็สะดุ้งก่อนจะหันหน้าหนีทันทีเพราะรู้ว่าที่ยังแดงอยู่ไม่ใช่เพราะสีที่เปื้อนแต่เป้นเพราะเลือดที่กำลังสูบฉีดอย่างเกินพอดีต่างหาก

    มะ...หมดแล้ว กลับไปหาคยูฮยอนกันเถอะ เดี๋ยวงานไม่เสร็จ

    ใกล้เสร็จหรือยัง มีอะไรให้ช่วยมั้ย คนว่างงานเอ่ยถามแล้วเดินไปพร้อมๆกับอีกคนที่เดินนำหน้าไปก่อน แต่ไม่รู้ว่าเพราะจองซูก้าวยาวหรือฮีชอลขาสั้น คนที่เดินตามมาที่หลังถึงได้ไล่ทัน ป้ายผ้าคยูฮยอนเป็นคนจัดการลงสีเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนที่เพิ่งเดินไปล้างหน้ามาเลยเดินไปยังส่วนของเวทีแล้วมองหาประธานชมรม

    ซีวอนมีอะไรให้ช่วยอีกมั้ย

    หือ? หน้านายทำไมแดงเถือกขนาดนั้นล่ะฮีชอล

    เอ่อ...เปื้อนสีนิดหน่อย แต่ช่างมันเหอะ มีอะไรให้ช่วยเปล่า?

    จริงๆบนเวทีก็มีแหละ แต่นายจัดเก้าอี้ข้างล่างนั่นดีกว่า ตรงที่ยืนนั่นแหละ เอ้อ ตามคยูฮยอนมาให้ด้วย

    ตามมาทำไมอะ

    คิดถึง

    ห๊ะ?

    บอกว่าไปตามคยูฮยอนมาให้หน่อย ฉันคิดถึง ได้ยินรึยัง

    ไอ้คู่นี้มันไปกิ๊กกันตอนไหนวะ!!!

     

    แม่จะกลับวันไหนอะครับ

    [หืม? ถามทำไมจ๊ะฮีชอล เบื่อที่จะอยู่กับพี่ชายเราแล้วหรอ]

    เปล่าครับ ไม่เบื่อเลย ผมแค่ถามดูน่ะฮะ

    [ดีแล้วล่ะจ้ะ พ่อเราน่ะบ่นทั้งวันเลยว่าเจ็บขา นี่ออกจากห้องผ่าตัดมาสามวันแล้วนะยังไม่หยุดบ่นเลย แม่ล่ะปวดหัวจะหนีกลับโซลซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่พ่อเราก็อ้อนใส่ทุกที] คนตัวเล็กหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยินทำเอาอีกคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำขมวดคิ้วงง [แล้วนี่พี่ยังไม่กลับมาหรอ]

    กลับมาแล้วครับ แม่จะคุยมั้ย เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ

    พอได้ยินคนในสายส่งเสียงตอบรับก็ลุกจากโซฟาเดินถือโทรศัพท์ไปให้พี่ชายที่แต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำ ปาร์คจองซูรับมาถืออย่างงงๆก่อนจะมองปากอีกคนที่ขยับบอกว่าเป็นแม่จึงได้ยอมเลิกขมวดคิ้วแล้วคุยโทรศัพท์

    ครับแม่

    [วันนี้กลับดึกหรือเปล่าลูก~]

    วันนี้มีตรวจคนไข้บนวอร์ดตอนประมาณหกโมงน่ะครับ กว่าจะเสร็จก็สองทุ่ม

    [ฮื่อ เหนื่อยแย่เลยนะ]

    แล้วแม่เป็นยังไงบ้างครับ พ่อด้วย

    [ไม่รู้ว่าพ่อเราสำออยเรียกร้องความสนใจจากแม่หรือว่าเจ็บจริง โอดโอยทั้งวันจนแม่น่ะรำคาญ พอบอกว่าจะกลับไปหาลูกก็ตีหน้าเศร้าดราม่าใส่แม่อีก แม่คงอยู่จนกว่าพ่อจะหายดี]

    อ้อ เป็นธรรมดาของพ่อนี่ครับ

    [ลองมาคลอดลูกแบบแม่สิแล้วจะรู้สึก ชิ๊! นี่กินข้าวกันรึยัง]

    กำลังจะกินครับ น้องตั้งโต๊ะรอแล้ว บอกให้กินก่อนก็ไม่กิน มีการเถียงกลับมาด้วยว่าแม่น่ะสั่งให้รอกินพร้อมพี่

    [แม่เปล่าน้า~ น้องเขาอยากกินข้าวพร้อมลูกนั่นแหละ ฮีชอลไม่เคยกินข้าวคนเดียวหรอก เอาล่ะๆ แม่ไม่รบกวนแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ]

    บอกลากันเสร็จก็กดวางสายหันไปมองน้องชายที่กำลังตักข้าวแล้ววางไว้ให้เสียเสร็จสรรพ ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้วกวาดตามองกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะสองสามอย่างแล้วเอ่ยถาม

    ทำเองหรอ

    ต้มจืดกับผัดผักทำเอง แต่ไก่ทอดอะซื้อมา นั่งๆเร็วเข้าเค้าหิวแล้ว

    คนหิวเดินมาผลักให้จองซูนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนที่ตัวเองจะกระโดดไปนั่งที่ของตัวเอง มื้อค่ำวันนี้เป็นไปอย่างเรียบๆไม่มีอะไรมาก เสียงของคิมฮีชอลดังตลอดทั้งมื้อเพราะเจ้าตัวเอาแต่พูดถึงเรื่องที่โรงเรียนราวกับเด็กอนุบาลที่กลับมาเล่าให้ผู้ปกครองฟังในช่วงมื้อค่ำ ปาร์คจองซูระบายยิ้มออกมาบางๆแล้วทำเพียงพยักหน้าเพื่อให้อีกคนรู้ว่าเขาตั้งใจฟังที่พูด เมื่อทานเสร็จเขาก็จัดการเก็บจานไปไว้ที่อ่างล้างจานเตรียมจะล้าง ให้คนที่เตรียมอาหารไปจัดการเช็ดโต๊ะแล้วเตรียมเข้านอน ทว่าฮีชอลกลับเดินมาหาแล้วเบียดตัวยืนอยู่ที่อ่างล้างจานด้วยอีกคน

    ไปนั่งดูทีวีไป

    ฮยองนั่นแหละไปนั่งกินผลไม้ไป

    พรุ่งนี้ไม่มีเรียนรึไง

    ก็มี แต่ฮยองทำงานมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวเค้าล้างให้

    งั้นฉันล้างน้ำยาล้างจาน นายล้างน้ำสะอาดแล้วกัน คุณหมอพูดตัดบทแล้วจัดการเปิดน้ำล้างจานกลบเสียงโวยวายอีกคน อาจจะเป็นเพราะถูกเลี้ยงมาจากแม่คนเดียวกันเลยทำให้มีนิสัยทานข้าวเสร็จแล้วต้องล้างจานชามด้วยตัวเอง แต่เรื่องทำอาหารปาร์คจองซูไม่เคยจะเข้าครัวหรอก ฮีชอลชอบเข้าไปอยู่ในครัวขลุกอยู่กับแม่เขาเลยเลี่ยงๆออกมาเพราะไม่อยากเข้าใกล้เด็ก

    ฮยอง.....

    อะไร

    ฮยองมีแฟนยังอะ

    ถามทำไม

    ก็แค่อยากรู้ เพราะจู่ๆโดนถามขึ้นมาแบบนั้นเลยแปลกใจ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแล้วหันไปมองหน้าน้องชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นกำลังยืนล้างจานตีหน้าเฉยกับสิ่งที่ถามจึงเอ่ยตอบ ก็เคยมี แต่ตอนนี้ก็เลิกกันไปแล้ว

    ทำไมถึงเลิกกันล่ะ เขาบอกเลิกหรอ?

    อือ ตอนนั้นเรียนหนัก เลยไม่ค่อยมีเวลาให้เท่าไหร่

    เขางี่เง่า?

    ไม่หรอก คนเป็นแฟนกันบางครั้งมันก็ต้องการเวลาที่จะอยู่ด้วยกันนะ

    ไม่เห็นจำเป็นเลย คนตัวบางบ่นงุบงิบในขณะที่มือก็ขยับล้างจานในอ่างไปด้วย บรรยากาศรอบตัวเงียบลงอีกครั้งคราวนี้คนเป็นพี่เลยถามขึ้นมาบ้าง แล้วนายมีแฟนยัง?

    ฮึ หน้าอย่างเค้าอะนะ

    ไหนบอกว่ามีสาวมาจีบไง

    คบกันได้แป๊ปเดียวก็เลิกแล้ว มีแต่คนบอกว่าเค้าสวยกว่า ไม่มีใครทนหรอก คนเล่าส่ายหัวเบาๆแล้วระบายยิ้มบางราวกับไม่ทุกข์ร้อน หมุนก๊อกมาล้างมือไล่คราบน้ำยาล้างจานออกก่อนจะหมุนคืนไปให้อีกคน ก่อนจะเดินออกไปยังมิวายหันมาสะบัดน้ำที่เกาะอยู่บนมือใส่อีกแน่ะ

    ฮยองกินแอปเปิ้ลปะ เค้าปอกให้

    หือ? นึกไงจะปอกให้

    ก็ตอนเด็กๆฮยองยังปอกแอปเปิ้ลให้เค้ากินเลย

    หือ?? ตอนไหน

    ตอนที่แม่ไม่อยู่บ้านอะ แล้วฮยองก็ไล่ให้เค้าไปปอกเอง แต่เค้าบอกว่าแม่ไม่ให้ปอกฮยองก็ทำหน้าเซ็งๆปอกให้เค้ากิน

    อ๋อ จำได้แล้ว

    แอปเปิ้ลตอนนั้นน่ะ.....

    หือ????

    อร่อยที่สุดเท่าที่เค้าเคยกินมาเลย

     

    กิจวัตรประจำวันตั้งแต่มาอยู่ที่นี่แทบจะไม่แตกต่าง เช้ามีคุณหมอตาสวยไปส่งถึงโรงเรียน ส่วนตอนเย็นก็แล้วแต่ถ้าวันไหนพี่ชายเลิกเร็วหรือเขาเลิกช้าก็ได้จะได้กลับบ้านด้วยกันแล้วแวะกินข้าวนอกบ้าน แต่ถ้าวันไหนเลิกไม่ตรงกันเขาก็กลับบ้านมาก่อนมาเตรียมทำอาหารรอพี่ชายกลับมาที่ห้อง และถ้าวันไหนอีกคนเข้าเวรเขาก็คงจะต้มรามมยอนกินหน้าทีวี

    แต่อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่ชายก็ไม่เคยเข้าเวรเลยซักที

    หรือจะเข้าเวรวันนี้นะ? สามทุ่มแล้วยังไม่กลับมา

    ร่างบางในชุดนอนลายทางสีแดงสลับขาวนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาโดยมีหมอนวางไว้บนตักแล้วเจ้าตัวก็เอาคางทับอีกทีหนึ่ง ถึงแม้ว่ามือจะถือรีโมตแล้วกดเปลี่ยนช่องไปมาแต่ตาก็เอาเหลือบไปมองนาฬิกาเป็นระยะๆ กับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะเย็นชืดไปหมดเพราะเครื่องปรับอากาศภายในห้อง เพราะวันนี้เพื่อนเลี้ยงขนมชุดใหญ่เลยทำให้ไม่หิวข้าวแล้วทำเผื่อเฉพาะส่วนของเจ้าของห้องเท่านั้น

    ถ้าจะเข้าเวรอย่างน้อยน่าจะโทรมาบอกกันหน่อย ถ้าวันนี้ไม่ได้กินอะไรมาเลยเค้าก็หิวไส้ขาดหรอกL

    หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือแล้วก็ชั่งใจอยู่นานลังเลว่าจะโทรไปหาหรือไม่โทรดี เพราะใจหนึ่งก็คิดว่าพี่ชายกำลังทำงาน แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าอีกคนจะลืมว่ามีใครอีกคนอยู่ที่บ้าน ในที่สุดจิตใต้สำนึกของความเกรงใจก็มีมากกว่าสั่งให้เจ้าของร่างวางโทรศัพท์ลงแล้วนั่งดูทีวีไปอย่างเงียบๆ

    กลับมาแล้วจะงอนซะให้เข็ด!!

    เมื่อเวลาล่วงเลยไปถึงตีหนึ่งคนที่เคยนั่งคอตั้งอยู่หน้าทีวีตอนนี้ก็คอพับไปเรียบร้อยแล้ว เสียงโทรทัศน์ยังคงดังอยู่ตลอดเวลา แต่จู่ๆก็มีเสียงออดดังขึ้นแทรกร่างบอบบางเลยสะดุ้งเฮือกแล้วตาลีตาเหลือกไปเปิดประตูโดยลืมที่พี่บอกไว้เสียสนิทว่าให้ตรวจดูที่อินเตอร์คอมก่อนจะเปิดประตู

    ฮีชอลเปิดประตูก่อนจะอุทานเบาๆเมื่อร่างของพี่ชายถูกหิ้วมา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่หึ่งมาแต่ไกลเลยทำให้เดาได้ไม่ยากว่าทำไมถึงได้หมดสภาพ เพื่อนของปาร์คจองซูพยุงร่างโปร่งที่ซวนเซจะล้มเข้ามาในห้องแล้วหยุดยืนมองซ้ายมองขวา ร่างบางรีบเปิดประตูห้องนอนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำหยิบกะละมังใส่น้ำอุ่นๆเตรียมมาเช็ดตัว

    ทำไมฮยองถึง....

    วันนี้มีงานเลี้ยงนิดหน่อยน่ะ

    อ่า...ฮยองชื่ออะไรฮะ?

    อ่อ คังอินน่ะ นี่เราทำไหวรึเปล่า

    น่าจะไหวมั้งครับ กัดปากชั่งใจแล้วจึงพยักหน้าเบาๆ พอเห็นอย่างนั้นคังอินเลยจัดการหิ้วปีกเพื่อนไปที่ห้องน้ำ ปิดฝาชักโครกแล้วผลักอีกคนให้นั่งลงไป ฮีชอลเดินตามเข้ามาในห้องน้ำวางกะละมังไว้ตรงนั้นปล่อยให้อีกคนจัดการเช็ดหน้าเช็ดตาไป

    ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะหิ้วพี่ชายที่ตอนนี้นุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ผืนเดียว คังอินขอตัวกลับเมื่อตอนตีสองแล้วปล่อยให้เขาจัดการจับพี่ชายที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเด็กดื้อไปเสียแล้ว ฮีชอลเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าค้นหาชุดนอน เมื่อกลับมาที่เตียง ผ้าขนหนูของอีกฝ่ายก็ทำท่าจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่เพราะงั้นเลยต้องรีบโยนเสื้อผ้าไว้ที่ปลายเตียงแล้วรีบตะครุบไม่ให้ปมผ้าขนหนูมันหลุด

    หมับ!!

    อื้อออ ทำอะไร แต่ดูเหมือนว่าการจับมันจะครอบคลุมเยอะไปหน่อยอีกคนถึงได้ปรือตาขึ้นมามองพลางครางแผ่วๆในลำคอ พอรู้ว่าไปโดนส่วนต้องห้ามเข้าก็รีบผละออกมาแล้วยืนทำหน้าเหลอหลาไม่รู้ว่าอีกคนจะหันมาเห็นหรือเปล่า ยืนนิ่งลองดูท่าทีซักพักเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงค่อยๆเดินกลับไปที่เดิมหยิบเสื้อมาสวมให้

    ฮยอง...เอ่อ ขยับตัวนิดนึง ผมจะใส่เสื้อให้

    อืออ ไม่ใส่ จะนอน

    หือ ใส่แป๊ปเดียว ถ้าพูดมากเดี๋ยวก็เอาเชือกขึงซะเลย บ่นเบาๆแล้วจัดการสวมกางเกงใส่ให้อย่างไม่ยากเย็นเท่าใด้นักก่อนจะขึ้นนั่งคร่อมหน้าขาอีกคนทับไว้ไม่ให้ดิ้นก่อนจะเอามืออ้อมไปทางด้านหลังโอบอีกคนให้แนบชิดตัวเองเพื่อที่จะใส่เสื้อให้ จับแขนของอีกคนยัดเข้าไปในแขนเสื้อทั้งสองข้าง พอจะผละออกมาเพื่อติดกระดุมให้ แขนที่เมื่อกี้อ่อนระโหยโรยแรงอยู่ข้างตัวกลับยกขึ้นมากอดรัดเขาเสียแน่น ดวงหน้าสวยตวัดขวับมองหน้าอีกฝ่ายที่ลืมตาขึ้นมามองหน้าเขา สายตาหวานๆที่มองมาทำเอาคนในอ้อมกอดหยุดชะงัก

    ฮะ...ฮยอง ปล่อย

    ฮีชอล.....

    อะไร ฮยองปล่อยก่อน มันอึดอัด จะ..จองซูฮยอง

    ปากนายน่าจูบอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

    ดะ...เดี๋ยว ฮยองว่าไงนะ ฮยอง...อุ๊บ!” ร้องเรียกอีกคนซ้ำๆก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะโดนทาบทับด้วยริมฝีปากของใครอีกคน วงแขนแกร่งโอบรั้งเอวอีกคนให้แนบชิดแล้วกดศรีษะของอีกคนให้ก้มต่ำลงมา คิมฮีชอลเบิกตาโพลงด้วยความตกใจก่อนจะดิ้นรนด้วยความไม่คุ้นชิน ทว่ายิ่งดิ้นอ้อมแขนนั่นยิ่งรัดแน่น มือเล็กยกขึ้นทุบที่ไหล่ของอีกคนเพื่อให้รู้สึกตัว รสชาติของแอลกอฮอล์กระจายไปทั่วโพรงปากยามอีกคนแทรกลิ้นร้อนเข้ามาจนฮีชอลต้องหลับตาปี๋ ร่างกายสั่นสะท้านยามมือของอีกคนกำลังไล้ไปทั่วแผ่นหลัง ดวงหน้าหวานค่อยๆผละออกอย่างช้าๆแล้วหลบหน้าหลบตาอีกคนที่ทอประกายเจ้าชู้

    ปล่อยได้แล้ว

    หวาน

    ห๊ะ?

    น่าชิมตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย

     

    เพื่อความปลอดภัยเมื่อคืนเลยระเห็จออกมานอนที่โซฟาเมื่อโดนจูบไปอีกสองที ร่างเล็กขยับพลิกตัวบนโซฟา พอตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า ดีว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ไม่งั้นคงได้ตาลีตาเหลือกอาบน้ำไปโรงเรียนไม่ทัน ไหนๆก็ตื่นแล้วเลยแง้มประตูห้องเข้าไปดูอีกคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงฟากหนึ่ง เห็นอย่างนั้นเลยขยับตัวเข้าไปใกล้เห็นอีกคนนอนหลับตาพริ้มก็วางใจก่อนจะปีนขึ้นเตียงไปนอนข้างๆเพราะเมื่อคืนนอนหลังขดหลังแข็งอยู่บนโซฟา ทอดตัวลงนอนบนเตียงนุ่มแล้วหันไปมองใบหน้าคมที่หลับอยู่ไม่ห่างก่อนจะยิ้มเขิน

    เมื่อคืนจูบกันตั้งสามรอบแน่ะ>///<

    ตื่นมาอีกครั้งก็หันมองนาฬิกาบอกเวลาสิบโมงเช้า ฮีชอลขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าท่านอนชักจะไม่ค่อยสบายตัว แต่คงจะขยับแรงไปหน่อยอีกคนที่นอนอยู่ด้วยจึงได้รู้สึกตัวตื่น ปาร์คจองซูเบิกตาโพลงก่อนจะขยับถอยห่าง ฮะ..ฮีชอล ฉันทำอะไรนายรึเปล่าน่ะ

    อะ....อา ฮยองจูบผม จำไม่ได้อ่อ?

    จูบ?

    อื้อ

    ฉันจูบนาย

    อื้อ

    กี่รอบ ที่ถามออกไปแบบนั้นเพราะความรู้สึกที่ติดอยู่ในหัวมันบอกเขาว่าไม่ได้เกิดขึ้นเพียงรอบเดียวแต่อาจจะเป็นสองรอบ ร่างเล็กทำหน้าเหวอไปครู่หนึ่งแล้วชูนิ้วขึ้นมาบอกจำนวนครั้ง สาม?

    อื้อ

    ละ..แล้วฉันทำอะไรนายอีกรึเปล่า

    ไม่พูดแล้ว ฮยองลามกว่ะ!!”

    ฉันทำอะไรนาย?

    ฮยองบอกว่า.....

    ว่า?

    เค้าน่ะน่ากินไปทั้งตัวเลย

     

    ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องโกรธอะไรหรือเปล่าเพราะไม่ยอมพูดกับร่างเล็กตั้งแต่ออกมาจากห้องนอน พอจะเดินเข้าไปคุยก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นจนอีกฝ่ายได้เดินหนีเขาไปทุกครั้ง ตอนนี้คิมฮีชอลเลยนั่งทำหน้าง้ำอยู่บนโซฟา ตั้งใจจะโทรหาแม่ที่ตอนนี้อยู่ที่เชจูแต่ก็ดูเหมือนว่าจะสายไม่ว่างเพราะใครอีกคนที่ทำมึนใส่เขากำลังคุยอยู่

    เมื่อคืนยังมาทำตาหวานใส่ ทีตอนเช้าล่ะตีตัวออกห่าง บ้าจริงๆเลย!!

    สบถในใจพึมพำ บอกตรงๆว่าน้อยใจก็น้อยใจแต่จะบอกให้อีกคนรู้แต่ก็เอาแต่เดินหนียุ่งกับโทรศัพท์ทั้งวัน รู้ตัวเองอยู่ว่าเขาทำไปเพราะความเมาแต่ว่าอีกคนตื่นมาดูเหมือนจะไม่ตกใจตอนรู้ว่าจูบกันไปกี่ครั้ง แต่พอพูดประโยคสุดท้ายออกไปเท่านั้นแหละอีกคนก็ตลบผ้าห่มหนีเข้าห้องน้ำไปเลย ทิ้งให้เขานั่งงงๆอยู่บนเตียงคนเดียว

    ไม่เอา! ไม่อยู่ด้วยแล้ว! จะกลับบ้าน!!

    คิดได้แบบนั้นก็เดินหนีเข้าห้องไปเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้ามาระหว่างนั้นก็พยายามจะโทรหาแม่ไปด้วย จะอยู่ที่บ้านไม่ปลอดภัยก็ช่างแต่ตอนนี้รู้สึกน้อยใจจนถึงที่สุดแล้ว ฮีชอลเบะปากแล้วทำท่าว่าจะร้องไห้แต่ก็กลืนน้ำตาทั้งหมดลงไปในคอลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าเป้ใบใหญ่สะพายหลังแล้วหยิบกระเป๋านักเรียนเดินออกจากห้องนอนมาหยิบข้าวของอีกสองสามอย่างที่อยู่ในห้องน้ำใส่กระเป๋าก่อนจะเดินกลับมาที่ห้องรับแขกเพื่อจะหยิบกระเป๋าสตางค์ พอทำท่าจะเดินออกไปอีกคนก็หันมาเห็นแล้วเดินเข้ามาจับแขนเขาไว้

    จะไปไหน

    ไม่อยู่กับฮยองแล้ว! จะกลับบ้าน ปล่อย!”

    จะกลับได้ยังไงมีกุญแจบ้านหรอ

    แม่ซ่อนไว้ให้ในกระถางต้นไม้หน้าบ้าน ปล่อยเค้า! แล้วฮยองจะไปไหนทำอะไรก็ตามสบาย ไม่อยู่ด้วยแล้ว!!!” ประชดประชันไล่อีกคนให้ออกไปห่างๆ ปาร์คจองซูขมวดคิ้วแน่นแล้วกระชากแขนเล็กให้เข้ามาใกล้

    แม่บอกให้อยู่ที่นี่ก่อน

    รู้!! แต่ไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าแม่เป็นห่วงนักก็บอกให้กลับมาเร็วๆสิ

    ฮีชอล...อย่าดื้อได้มั้ย

    ใช่สิ เค้ามันดื้อ เค้ามันไม่น่ารัก เค้ามันขี้น้อยใจแล้วเค้าก็โง่ที่ไม่รู้อะไรเลยว่าทำให้ฮยองลำบากใจขนาดไหน เค้าจะไปอยู่บ้านคยูฮยอน ปล่อย!!”

    โพล่งทุกอย่างที่อยู่ในหัวตั้งแต่เช้าใส่อีกคนที่ทำท่าจะใจเย็น ถึงจะโดนตวาดใส่มาขนาดนั้นแต่คุณหมอก็ยังคงใจเย็นคว้าเอาประเป๋านักเรียนแล้วดึงกระเป๋าเสื้อผ้าอีกคนให้เดินกลับมาที่ห้องรับแขก ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักสะบัดกระเป๋าเสื้อผ้าทิ้งแล้วทำท่าจะวิ่งไปที่ประตูอีกครั้ง คราวนี้จองซูเลยจัดการคว้าเอวบางมากอดไว้

    ฮึก..ปล่อยเค้านะ ฮยองใจร้าย ฮยองไม่พูดกับเค้า เค้าจะไปรู้หรอว่าเค้าทำอะไรให้ เค้าทำอะไรผิด ฮึก

    ไม่ ฮีชอลไม่ผิด นายไม่ผิด พี่ผิดเอง พอรู้ว่าอีกคนกำลังร้องไห้สุดท้ายปาร์คจองซูเลยวางคางไว้ที่ไหล่เล็ก ลูบแผ่นหลังบางที่กำลังสั่นสะท้านอย่างแผ่วเบา สรรพนามที่แทนตัวเองก็เปลี่ยนไปเพราะสุดท้ายแล้วตัวเองก็แพ้น้ำตาอีกคนจนได้ ก็ฮยอง...ฮึก ไม่พูดกับเค้า เค้าทำอะไรผิดล่ะ

    พี่ผิดเองฮีชอล อย่าร้องไห้เลยนะ ไม่เอาแล้ว อย่าร้องไห้

    แล้วฮยองผิดเรื่องอะไรล่ะ

    เรื่องเมื่อคืน พี่ผิดเอง ปล่อยให้ตัวเองเมาแล้วทำเรื่องไม่ดีลงไป ไม่เป็นไรนะ มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

    เค้าบอกตัวเองรึยังล่ะว่ามันไม่ดี บอกรึยังล่ะว่าเค้าไม่ชอบ

    ก็ยัง...แต่มันก็ไม่สมควรอยู่ดี นายเป็นน้องพี่

    แล้วฮยองไม่พูดกับเค้าเพราะเรื่องนี้? คนตัวบางเช็ดน้ำตาออกก่อนจะเอ่ยปากถาม มองหน้าอีกคนทีกำลังเม้มริมฝีปากแน่นราวกับว่ามีอีกเหตุผลที่ทำให้ไม่พูดไม่จา คุณหมอตาสวยลังเลนิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ดันฮีชอลให้ออกจากอ้อมกอดแล้วจับไหล่เล็กไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ

    พี่คิดว่า...พี่คงชอบนาย...คือมัน..พี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้แต่จู่ๆมันก็รู้สึกเอง เลยคิดว่าถ้ายังใกล้ชิดนายแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่เลยโทรให้แม่รีบกลับมาเพราะไม่อย่างนั้นพี่อาจจะไม่หยุดอยู่ที่จูบแต่อาจจะมากกว่านั้น คิมฮีชอลเบิกตากว้างแล้วอ้าปากค้างพยายามจะพูดอะไรก็พูดไม่ออก จู่ๆน้ำตาก็ไหลรินอีกรอบด้วยความดีใจแต่อีกคนกลับเข้าใจผิดรีบปล่อยแขนเขาแล้วหลบหน้าหลบตา นักเรียนไฮสคูลโผเข้ากอดอีกคนแน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ฮืออ ฮยอง..ฮยองโง่

    ฮีชอล??

    เค้าน่ะชอบฮยองมาตั้งนานแล้วไม่รู้รึไง ฮึก ฮยองอ่า น้ำหูน้ำตาไหลมรวมกันจนเต็มใบหน้า คนเป็นพี่ทำหน้าหรอหราเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่พออีกคนซุกหน้าลงที่แผงอกตัวเองแล้วถูไปมาเพื่อเช็ดคราบน้ำตาถึงได้รู้ว่าไม่ได้ฝัน ปาร์คจองซูดันร่างเล็กออกมาก่อนจะประคองใบหน้าสวยที่บัดนี้แดงก่ำเพราะเอาแต่ร้องไห้ คิมฮีชอลหลบสายตาอีกคนที่มองมาก่อนจะพยายามหมุนตัวหนีเพราะเพิ่งนึกได้ว่าสภาพที่เพิ่งร้องไห้เสร็จของตัวเองมันอุบาทว์ขนาดไหน ฮีชอล

    อื้อ เรียกทำไม

    นายชอบพี่มาตั้งแต่ตอนไหน

    ไม่เอา ไม่บอก เดี๋ยวฮยองได้ใจ

    ฮื่อ อยากรู้ บอกหน่อยสิ เหลือบไปมองหน้าอีกคนนิดเดียวเลยโดนสายตาอ้อนของอีกคนที่ไม่เคยได้เห็น คนตัวเล็กหลบหน้าหลบตาแล้วหมุนตัวจะเดินออกมา นี่ฮีชอล

    ปล่อยเค้านะ ไม่เอาแล้ว

    แล้วจะหนีกลับบ้านอีกรึเปล่า

    ไม่แล้ว จะเอาของไปเก็บ

    ก่อนไปขอจูบก่อนได้มั้ย?

    ห๊ะ-o-! ว่าอะไรนะ...อุ๊บ!”

     

    จบเหอะ=____________=; สงสารตัวเองว่ะ

    เรื่องนี้มีความรู้สึกว่าคิมฮีชอลมันโมเอ้เกินไป=______= เค้าอย่างนั้น ฮยองอย่างนี้ ตัวจริงมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเพราะงั้นตอนแต่งมันเลยตันๆบ้างเพราะจิ้นไม่ไป เนื้อเรื่องดำเนินไปค่อนข้างเร็วเพราะไม่ได้วางพล็อตหรืออะไรไว้เลย ส่วนใหญ่แล้วที่ตังแต่งก็จะเป็นฟิคตามใจฉันหมด อยากให้เป็นยังไงก็แต่งแบบนั้น เรียกได้ว่าหาสาระไม่ค่อยจะเจอ-0-;

    อ๊ะๆ เรื่องหลักจบแค่นั้น แต่ก็ยังมีสเปเชี่ยลแถมให้นะเออจิ้มมๆเลยยยยย




    CRY.q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×