ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องสั้นเศร้า

    ลำดับตอนที่ #25 : สิ่งที่เล็กที่สุดในโลก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.85K
      3
      6 ธ.ค. 51

    เมื่อเห็นข้อความนี้ กรุณาอ่านจนจบด้วยนะค่ะ
    หนูจะเขียนให้ไม่น่าเบื่อที่สุดค่ะ หนูสัญญา --- เย้

    ข้อดี อ่านจบแล้วจะรู้ว่า ที่เราเป็นอยู่เนี่ยมันไม่ใช่ และ ไปเล่าต่อได้อีกยาวโขเลย
    - - - - - - -

    ตอนแรกตั้งใจจะเขียนบทความเรื่องนี้ขนาดยาวมาก
    แต่อดใจไม่ไหว คันปาก เลยดอดแอบมาตั้งกระทู้บอกเล่าหันฟังซะก่อน
    เนื่องจากเมื่อวันก่อนนี้ 
    เราได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ ที่ทำให้ใจเราสั่นหวั้นไหว(ปล.ไม่ใช่ผู้ชายหล่อ ถอดเสื้อ)
    และตั้งปณิธานว่าจะประกาศให้ทุกคนได้รับรู้

    นั่นคือ ความจริงที่ว่า

    ##################
    อะไรคือสิ่งที่เล็กที่สุดในโลก
    ##################
    เราจะเล่าด้วยความเพลิดเพลินไม่น่าเบื่อนะค่ะ

    บทความนี้ไม่ใช้บทความจิตวิทยา หรือข้อความให้กำลังใจ
    แต่เป็นความจริง

    ถึงจะเป็นความจริงที่ตั้งอยู่พื้นฐานความเชื่อของเรา

    แต่ตัวเรามั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่ามันคือเรื่องจริง ไม่ใช่จากใครที่ไหนมาเล่าให้ฟัง
    แต่เกิดจากการพิจารณาคิดจากปัญญา ของเราเอง

    ดังนั้นทุกคนฟังแล้วอย่าเพิ่งเชื่อนะคะ
    ต้องไตร่ตรองให้ดีก่อน
    (
    ตามหลัก กาลมาสูตร -- ไปศึกษากันดูนะคะ)

    ปล.ข้อความต่อไปนี้ ถึงมาจาก พระพุทธศาสนา แต่ เป็นในแง่หลักวิทยาศาสตร์
    ทุกคนบนโลกอ่านได้ อยากให้อ่านด้วยกันค่ะ

    พล่ามมะซะนานเนอะ

    คงอยากรู้คำตอบกันแล้วสิ

    อะไรคือสิ่งที่เล็กที่สุดในโลกหนะหรอ

    แหมใครๆที่เรียน ม.ปลายมาแล้วก็ตอบกันได้ทั้งนั้นแหละเนอะ

    ในสมัยก่อนเค้าว่ากันว่าอะตอมเป็นสิ่งที่เล็กที่สุดในโลก แบ่งแยกออกไม่ได้อีก
    นั่นสมัยก่อน
    ช่างไม่รู้อะไรกันเล้ย อะตอมแบ่งได้อีกนะ
    เมื่อโลกได้รู้จักกับ อิเล็กตรอน (ขั้วลบ)
    โปรตรอน (ขั้วบวก) นิวตรอน(กลาง)

    ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่หยุดยั้ง ทำให้เราเพิ่งรู้เร็วๆนี้เองว่า
    ภายในนั้นยังมี คาว์ก อีก
    พอค้นไปค้นมา
    ก็พบว่าในคาว์กก็น่าจะมีอะไรอยู่ด้วย
    เห้อ เยอะจัง จะมีอะไรอีกเนี้ย

    รู้อย่างนี้แล้ว ขอตอบในตอนนี้แล้วกันว่า คาว์ก คิอสิ่งที่เล็กที่สุดในโลก

    นั่นคือสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ตอนนี้ ตั้งอยู่บนหลักของเหตุผลและความจริงธรรมชาติ
    จบบทความ

    เย้

    ยังค่ะ อย่าเพิ่ง

    สิ่งที่เราได้รู้มา
    ความจริงของธรรมชาติข้อหนึ่งที่ มนุษย์ไม่รู้ก็คือ

    เราไม่เข้าใจธรรมชาติอย่างแท้จริง

    อย่างที่ไอน์สไตน์ เคยว่าไว้
    "
    มีเพียงสองสิ่งที่หา จุดสิ้นสุดไม่ได้ คือจักรวาล และ ความโง่ของมนุษย์"

    - หูยแรงจังว่าฉันโง่อีก ไม่องไม่อ่านมันแล้วนะ

    ่าเพิ่งโกรธสิคะ เราว่าไอน์สไตน์ก็พูดแรงไป
    เรียกว่าความโง่ไม่ได้หรอกค่ะ
    เรียกว่า ความไม่รู้จะดีกว่านะ

    เพราะอะไรถึงไม่รู้หนะหรอ ไม่รู้เรื่องอะไร

    ก็ไม่รู้ว่าธรรมชาติที่แท้จริงเป็นอย่างไร ไงหละ

    #################################

    รู้มั้ยค่ะ

    ร่างกายมนุษย์ของเราเนี่ยหยาบมากมาก
    ไม่ใช่ หยาบโลน ละเอียด สีผิวไม่สม่ำเสมออะไรนะคะ

    แต่หมายถึง สัมผัสทั้ง 5 ของเราหนะหยาบมาก

    ว่ากันง่ายๆคือ

    เมื่อเรามองสีเขียว

    เราก็จะเห็นสีเขียว---ใช่มั้ยค่ะ (ใช่สิจะให้เห็นสีอะไร เหลือง + น้ำเงิน หรอ - อย่าตอบว่าสีน้ำเงินเพราะตาบอดสีนะ--แป้ก )
    ทุกคนคงรู้ว่า สีเขียวเกิด จากแม่สีเหลือง+ น้ำเงิน 

    แต่ตาเราแยกไม่ออกหรอก ว่าเนี่ยมีสีเหลือง + สีน้ำเงินปนกันนะ

    เอางี้

    ลองคิดง่ายๆว่าโลกนี้ไม่มีสีเหลือง กับน้ำเงิน เราจะรู้มั้ยค่ะว่าสีเขียวเกิดจากอะไร
    ก็ไม่รู้ เพราะตาเราเห็นสีเขียวหนิ

    ดังนั้นจึงกล่าวว่า สัมผัสของเรานั้นหยาบมาก
    แยกไม่ออกในหลายสิ่ง

    ดังนั้นในทางพระพุทธศาสนา จึงเรียกร่างที่เราอาศัยอยู่ว่า กายหยาบ
    เมื่อตายไปก็กลับกลายเป็นขี้เถ้า

    สิ่งที่คงอยู่ไม่หายไปก็คือดวงจิตของเรา เรียกว่า กายละเอียด
    ที่พระสงฆ์เค้าถอดจิตกัน ก็ใช้กายละเอียดนี่แหละค่ะ
    เหตุเพราะ กายหยาบของเราเหมาะกับการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้เท่านั้น
    ไปอยู่ใน ต่างดาวก็ไม่ได้นะ เพราะระบบเราทำงานได้แต่ในโลกนี้(มีอธิบายอย่างละเอียดด้วยแต่กลัวงง)

    และที่สำคัญ

    มนุษย์เรา ถูกประสาทสัมผัสทั้ง 5 หลอกให้เราเชื่อว่า เป็นอย่างงั้นอย่างนี้ คิดว่าธรรมชาติเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    ให้เราตกอยู่ในโลก 3 มิติ

    คนเรานั้นมี 3 มิติค่ะ กว้าง ยาว สูง

    มดที 2 มิติ กว้าง และ ยาว
    เมื่อเรา เอามือมากั้นมด หรือเอาของ มาขวางทางมัน

    เชื่อมั้ยค่ะ มด มันจะตกใจมาก คิดว่าเป็นสิ่งแปลกประหลาด เพราะมันไม่เคยรู้จักกับมิติที่ 3

    ยกตัวอย่างเช่น

    มด ไต่กำแพง เรา(ซึ่งอยู่ในมิติที่ 3 )เห็นมันไต่กำแพง
    แต่มันจะไม่รู้สึกว่ากำลังไต่อยู่ มันคิดว่ามันเดินเป็นเส้นตรงไปเรื่อยๆ

    เหตุใดมันจึงไม่รู้ เพราะ มันอยู่ในโลก 2 มิติ ไงค่ะ
    โลกของมันไม่มีความสูง ไม่มีมิติที่ 3 อย่าง

    มันไม่ได้โง่ แต่มันไม่รู้

    มนุษย์เช่นกัน ไม่มีทางรู้ถึงมิติที่สูงกว่าได้ เพราะเราไม่เห็น ไม่รู้เหมือนมด

    มิติที่ว่านั่นคือ มิติ ของกาลเวลา อดืต ปัจจุบัน และอนาคต ซ้อนทับกัน

    งงหละสิค่ะ เราก็งง

    เพราะเราเป็นมนุษย์ ที่อยู่ในโลก 3 มิติ ไม่มีทางเลยที่จะเข้าใจเรื่องของมิติที่ 4 นี้ได้
    ดังนั้น
    การหายตัว การอ่านใจ การรู้อดีตชาติ เป็นเรื่องหน้าเหลือเชื่อ สำหรับมนุษย์มิติที่ 3 ที่ถูกสัมผัสทั้ง 5 หลอก

    เคยมีคนตาบอดจนถึงอายุ 30 ปี ได้รับการเปลี่ยนตา
    เมื่อมองเห็น เค้าแยกมิติไม่ได้
    ไม่รู้จักตึก เกือบตกตึกตาย
    ในที่สุดก็ทนอยู่ไม่ได้ ฆ่าตัวตายในที่สุด
    เพราะเค้าไม่มีทางเข้าใจ มิติ ที่เราอยู่ได้ เช่นนั้นมนุษย์เราถึงไม่เข้าใจเรื่อง มิติที่ 4

    เรื่องมิติที่ 4 ไม่ใช่เรื่อง ความเชื่อ
    แต่มันสามารถ พิสูจน์ได้จริงทางวิทยาศาสตร์ โดยไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ
    ที่สร้างความสะดวกสบายเกือบทุกอย่างให้เราในทุกวันนี้

    ท่านกล่าวว่า เวลาในแต่ละที่ไม่เท่ากัน สามารถยืด หดและย้อนกลับได้

    เช่น

    รู้มั้ยค่ะ ว่า เมื่อเราส่องก้องไปบนโลกอื่นที่ไกลออกไป
    เราจะเห็น คน ทำกริยา สโลโมชั่น แบบไหนหนังแมททริก ตลอดเวลา

    เพราะเวลาที่นั้นกับเราไม่เท่ากัน ยิ่งห่างไป เวลาก็ยิ่งช้า (เรื่องความช้าของเวลาขึ้นอยู่กับแรงดึงดูดด้วย ต้องศึกษาในวิทยาศาสตร์ต่อไปนะค่ะ)

    ถ้าคนโลกนั้นส่องก้องมามองเรา ก็จะเห็นเราติดสปีด

    ยุงที่ มีชีวิต 7 วัน
    ใครว่าชีวิตมันสั้นค่ะ มันรู้สึกอยู่นานเลยค่ะ
    เพราะยุงเห็นเรา สโลโมชั่นนะ

    มันคงสงสัยเหมือนกัน ว่าทำไมไอ้คนนี้เดินสโลจัง

    เหมือนที่เราเห็นเต่าเดินช้า
     
    ที่จริงไม่ใช่นะค่ะ เต้าเค้ามีอายุยืน ก็จริง แต่รู้สึกว่าไม่นานเลย
    เพราะตัวของเต่าเอง เห็นเราติดสปีด

    เรื่องของเวลานั้นเป็นเรื่องซับซ้อน
    ซึ่งถ้าเราอธิบายอีกคงยาวมาก อยากให้ทุกคนไปหาอ่านกัน

    แล้วจะรู้ถึงความจริงของเวลา

    ความจริงของเวลาที่ว่า    เวลานั้นไม่มีอยู่จริง
    งงเข้าไปใหญ่สิค่ะ

    จริงค่ะเวลาไม่มีอยู่จริง แต่เราไม่มีทางรู้เพราะอย่างที่บอกเราอยู่ในโลก 3 มิติ
    จักรวาล ภิภพไม่ได้มีแค่ 4 มิติ แต่มี 12 มิติ

    เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราไม่มีทางเข้าใจค่ะ
    ถ้าอยากรู้ลองนั่งสมาธิดูนะค่ะ


    แล้วจะเห็นความมหัศจรรย์ของ มิติที่ 4

    เวลาจะมีอยู่จริงในจิตใจของเราเท่านั้น
    คนที่มีความโกรธ เวลาแค่ 5 นาที รอเพื่อนเหมือน 20 นาที
    คนใจสงบ เวลานานเท่าไรเหมือนผ่านไปชั่วครู้

    เวลาคนมีความรัก สนุก เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก
    นั่นเพราะเวลาขึ้นอยู่กับจิตใจของเรา
    มันเกี่ยวข้องกับระบบการทำงานในร่างกายด้วยนะคะ ทางวิทยาศาสตร์สามารถตอบได้ซึ่งอธิบายได้ยาก

    แต่น่ามหัศจรรย์จริงๆ

    #######################################

    เอาหละค่ะ
    ถึงเวลาหาคำตอบแล้วว่าอะไรเล็กที่สุดในโลก

    คำตอบก็คือ

    เมื่อค้นไปเรื่อยๆ หาไปเรื่อยๆ

    จะพบสิ่งมากมาย หลากหลายมหาศาล ยิ่งกว่า คาว์กในตอนนี้

    และในที่สุดจะพบว่า
    สิ่งที่เล็กที่สุดก็คือ ความว่างเปล่า

    ความว่างเปล่า + ความว่างเปล่า เท่ากับ ความว่างเปล่า

    ทุกอย่างเกิดจากการรวมกันของสิ่งเล้กๆ
    เมื่อสิ่งที่เล็กที่สุดคือความว่างเปล่า ทุกสิ่งที่เราเห็นก็คือความว่างเปล่า

    ดังนั้น อาจเรียกได้ว่า ทุกอย่างที่เราเห็น คือ ภาพลวงตา

    ภาพลวงตาที่เกิดจากการปรุงแต่งของสิ่งเดียวที่เรียกว่า จิต

    โดยมีตัวการสำคัญที่เรียกว่าแสง

    ถ้าเป็นนิยายแฟนตาซีซักเรื่อง หรือ เกมซักเกม แสงจะเป็นหัวหน้าใหญ่
    ในโลกนี้ รวมทั้งสวรรค์นรก ทุกคนตกอยู่ภายใต้อำนาจของแสงหมด

    แสงเป็นสิ่งเดียวที่คงที่ มี
    ค่าความเร็วคงที่ไม่มีทางเปลี่ยน ไม่มีใครสู้แสงได้
    และไม่ว่าจะ เทวดา หรือพรหม ก็ถูกความลุ่มหลงของแสงครอบงำ
    ให้อยู่ในโลกแห่งความฝันที่ไม่มีทางตื่น

    อาจกล่าวได้ว่า มนุษย์เราอยู่ในภาพมายา

    เกมหนีจากความฝันที่ไม่มีทางตื่น
    เราไม่มีทางรู้หรอกว่าอยู่ในโลกแห่งความฝัน

    ยกตัวอย่างง่ายๆ

    ทุกคนเคยฝันแล้วตื่นมาร้องไห้มั้ยค่ะ
    ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
    ทำไมเราถึงอินขนาดร้องไห้

    ก็เพราะตอนนั้นเราคิดว่ามันเป็นความจริงไงหละ
    ในฝันเหมือนมีเนื้อมีตัวถูกจับต้องได้ มีเสียงมีกลิ่น
    ตอนที่ฝัน เราไม่รู้หรอกว่าฝัน
    คิดดูว่า ถ้าเราไม่ตื่นมา เราก็ต้องติดอยู่ในฝันตลอดไป
    แล้วเราจะมีทางรู้มั้ยว่านี่คือความฝัน

    ก็หลังจากตื่นไง

    แท้จริงตอนนี้เราก็กำลังฝันอยู่ แต่เป็นความฝันที่ไม่มีทางตื่น
    ถูกครอบงำจากแสง ซึ่งแสงทำให้เกิดเวลา
    และสัมผัส 5(ตาเห็น จมูกได้กลิ่น เสียงได้ยิน ลิ้นได้รส ตัวได้สัมผัส) หลอกให้เชื่อ ว่ามีจริง

    แท้จริงทุกอย่างก็คือความว่างเปล่า เหมือนในฝันของเรานั่นแหละ
    แม้จะตายไป เราก็ยังคงติดในเกมความฝันนี้

    โลกของเรา สร้างกฎสำหรับเล่นเกมที่ยิ่งใหญ่นั่นคือ กฎแห่งกรรม

    โดยส่วนตัว เราเชื่อว่า มีนรก สวรรคว์ ล้วนแต่เป็นเรื่องจริง และเป็นที่รวมของสรรพสิ่งในจักรวาลด้วย
    แต่ถ้ายิ่งเขียนจะยิ่งยาวไปกันใหญ่


    เอาเป็นว่า ข้อมูลข้างล่างเป็นข้อความที่เป็นจริงตามพระพุทธศาสนา ที่หลักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้

    เหตุที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เพราะ

    วิทยาศาสตร์ ตกเป็นทาสของแสง อยู่ในสัมผัสทั้ง 5 ตั้งอยู่บนโลก 3 มิติ ซึ่งไม่ใช่ธรรมชาติอย่างแท้จริง
    ด้วยเนื้อกายที่หยาบ ลักษณะทางกายภาพ จึงไม่สามารถ อธิบายหลายอย่างได้

    คำตอบเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ผ่านกายละเอียด(จิตใจของเราเอง)ซึ่งต้องนั่งสมาธิ

    ------------------------------------------------------------

    เรื่องของจักรวาล โลก เป็นเรื่องที่เรียกว่า อจินไตย
    คือเรื่องที่ เราไม่มีทางเข้าใจ ไม่มีคำตอบ ตอบไม่ได้
    จนกว่าที่เราจะรู้ด้วยตัวเอง ด้วยการนั่งสมาธิ เท่านั้น


    ดังนั้น เลิกคิด เลิกหา คำตอบ เพราะยิ่งจะทำให้เราเป็นบ้า สับสน ไปเอง

    -------------------------------------------------------------

    มนุษย์ต่างดาวมีจริง
    ใครอยากอ่านเรื่องมนุษย์ต่างดาวคร่าวๆ แนะนำให้อ่านเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง
    ซึ่งเรายังไม่ขอเล่าในตอนนี้เพราะ มันนานมากกกก
    และน่าตื่นตาตื่นใจมาก พอๆกับเรื่อง มิติที่ 4 เลยทีเดียว

    คร่าวๆคือ
    ในจักรวาลเรา มีโลกอีก 3 โลก โลกที่เราอยู่เรียกว่าชมพู ทวีป เป็นโลกที่ดีที่สุดแล้วในความคิดเรา
    ดีในที่นี้คือ ดีสำหรับการก้าวไปข้างหน้าในเกมความฝัน ไม่ใช่คนดีนะ
    คนดีอยู่ใน อุตตรกุรุ ทวีป
    ในจักวาลเรามีดาว 4 แห่งที่มีสิ่งมีชีวิต
    แต่ ในภิภพนี้ มีจักรวาลเป็นล้านๆๆๆๆๆ จักรวาลนะ

    ----------------------------------------------------------------

    สวรรค์ 1 วันนั้น กินเวลาหลายปีของโลกนัก แล้วแต่ชั้น ตามเรื่องเวลาที่เล่าไปแล้ว เทวดาส่องก้องมาคงตกใจ คนติดสปีด
    เรื่องสวรรค์เป็นเรื่องน่าสนใจมาก

    ยกตัวอย่างเรื่องที่คนอยากรู้ แต่ไม่กล้าถาม

    เช่น สำหรับ คนติดเซ็ก ลุ่มหลงในเรือนกาย ติดบนโลกนี้
    สวรรค์ มีเซ็กได้นะ แถมชั้นต้นๆ มีพิศดารกว่ามนุษย์อีกด้วย
    ที่สำคัญ เทวดา ส่วนใหญ่ หน้าตาดีนะจ๊ะ

    กะเทยขึ้นสวรรค์ได้นะ สวรรค์ชั้น 1 มีกะเทยด้วย แต่ดาวดึงค์ขึ้นไป เริ่มเป็นเพศบริสุทธิ์แล้ว
    ดังนั้น เกิดมาเป็นคน ไม่ว่า ศาสนาอะไร ทำดีเข้าไว้นะ

    เรื่องของสวรรค์ เอามาเขียนนิยายแฟนตาซีได้เลยนะ ป่าหิมพานต์งี้ สัตว์ประหลาดมากมาย เรื่องนี้มีจริงนะจ๊ะ
    อยากรู้ต้องลองตาย แต่ทำความดีกันเยอะๆนะ

    พอแค่นี้ก่อนนะคะ สำหรับสวรรค์เดี๋ยวเล่าแล้วยาว ชอบเรื่องนี้มาก

    --------------------------------------------------------

    คนเราเลือกเกิดได้นะ แต่ได้ในชาติหน้า
    ขอแค่ชาตินี้ กลั้นใจทำความดีซักนิด(กลั่นใจเชียว)
    ความดีบางทีก็ทำยากเพราะระบบ กรรมนี่แหละ
    ดังนั้น กลั้นใจ ทำเพราะตามสมัยนิยม ทำตามเพื่อน หรือ อยากทำเพราะหวังผลก็ได้
    เพราะยังก็ตาม เมื่อเราขึ้นสวรรค์ เราก็เลือกเกิดได้
    เมื่อเกิดในที่ๆดี การเลี้ยงดูที่ดี ก็จะมีความคิดที่ดี
    ความดีของเราในชาติต่อไป ก็เป็นความดีที่บริสุทธิ์มากขึ้น คือทำด้วยใจไม่ใช่หวังผล

    สู้ๆนะ ผู้เล่นเกม ความฝันทุกคน

    --------------------------------------------------------

    ทำไม พระพุทธเจ้า ไม่บอกเรื่องวิทยาศาสตร์เหล่านี้หละ
    รู้มาตั้งนาน ปล่อยให้โลกล้าสมัยอยู่นั่นแหละ

    ก็อย่างที่บอก โลกนี้คือความว่างเปล่า มีเกิดมีดับ
    พระพุทธเจ้าต้องการหาทางพ้นทุกข์ อย่างแท้จริง
    ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยิ่งมีมากยิ่งทำให้เรายึดติด ติดกับความสบายของโลก หลงกับสัมผัสทั้ง 5
    ไม่ใช่ทางดับทุกข์ที่แท้จริง
    เป็นแค่ การคลายกังวล เหมือนคนป่วยกินยากดประสาท เท่านั้น ไม่ได้รักษา แค่ทำให้รู้สึกดี
    ในเมื่อ โลกที่อยู่มันเฮงซวยนัก
    การสร้างสิ่งต่างๆที่สุขสบายก็ไม่ใช่เรื่องผิด เป็นการ คลายทุกข์ แต่ไม่ได้ดับ

    พระองค์ท่านไม่ต้องการให้เรายึดติด เลยไม่ได้เผยแพร่ความรู้ทางด้านงี้ไงจ๊ะ

    ------------------------------------------------------

    คงเคยได้ยินว่า ไอน์สไตน์นั้น ศรัทธา พระพุทธศาสนามาก
    เรียก พระพุทธศาสนาว่า ศาสนาของจักรวาล ศาสนาแห่งความจริง ศาสนาสากล
    ถ้าไปอ่านหนังสือจะเห็นว่า ไอน์สไตน์เขียนถึงศาสนาอื่นๆแรงมาก
    ยังไง ทุกศาสนาก็สอนให้คนทำดี
    แค่ทำดีมากๆ ก็ยิ่งจะผ่านพ้นเกมความฝันแล้วจ้า

    เรื่องไอน์สไตน์นั้น
    ถ้าท่านรู้จัก พระพุทธศาสนาเร็วกว่านี้

    สิ่งหนึ่งที่เราจะมีในตอนนี้นั้นคือ

    เราทุกคนจะ เหาะได้ มีรถเหาะ รองเท้าเหาะ

    ซึ่งท่านได้เสนอ ทฤษฏีนี้ก่อนตาย
    แต่ยังคิดไม่เสร็จ สงสัยต้องรอให้ไอน์สไต คนต่อไปมาเกิด

    รู้มั้ยว่าถ้าวัดกันด้วยความเป็นมนุษย์เหมือนกัน ไม่รวมท่านที่วิปัสนานั่งสมาธิ
    ในบรรดาคนที่ยึดติดกับสัมผัสทั้ง 5 ด้วยกันนั้น

    ไอน์สไตน์นับเป็นมนุษย์ที่เก่งที่สุดในโลก พลิกประวัติศาสตร์มากมาย
    นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ป่านนี้ถ้าไม่มีไอน์สไตน์มาเกิดโลกก็ยังคงไม่ไปถึงไหน


    เหตุที่ไอน์สไตน์โดดเด่น เพราะท่าน คิดท้าทายต่อสู้กับหัวหน้าใหญ่ นั่นคือ แสง
    แต่ก็อย่างที่ว่า ไม่มีมนุษย์ธรรมดาที่ไหนชนะแสงได้

    รู้มั้ย
    เมื่อเราเร่งความเร็วเท่ากับแสง เวลาจะหยุดนิ่ง และถ้าเร็วกว่าเราจะย้อนเวลาได้

    นักวิทยาศาสตร์เคยเร่งของชิ้นนึงได้ 99.99 เปอร์เซ็นของความเร็วแสง
    ทำยังไงก็เท่าไม่ได้
    ไม่มีมนุษย์กายหยาบชนะแสงได้

    ถ้าอยากชนะ
    ลองหัดนั่งสมาธิกันนะ

    ---------------------------------------------------------

    โลกแตกจริงมั้ย
    เพราะอะไร

    นักวิทยาศาสตร์บอกว่า ดวงอาทิตย์จะขยายขึ้นจนเผาโลก
    แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า
    จะมี ดวงอาทิตย์เกิดขึ้นมาอีก 7 ดวง เผาโลกเรา

    รู้มั้ยจักรวาล เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสมอนะ

    ตามทฤษฎี บิ๊กแบงค์ อธิบายอีกยาวลองหาอ่านดูนะคะ

    ------------------------------------------------------------

    มีอีกหลายเรื่องที่อยากให้รู้เพราะนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เราศึกษา
    ลองคิดดูถ้าเรานั่งสมาธิ จะรู้สิ่งที่ไม่สามารถ ตอบได้อีกมาก
    ถึงนั้น
    เราก็อธิบายให้ใครฟังไม่ได้หรอก

    ต้องลองปฏิบัติเองนะคะ

    แล้วจะรู้ว่าโลกที่เราอยู่ มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง เรื่องที่เรารู้เทียบไม่ได้เลยกับความจริงของธรรมชาติ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×