ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Short Fictions by Gornhai (HanSoo,KrisHo,ChanKai)

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Gift Voucher (ChanKai) - first part

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 57




    Gift Voucher

    Pairing : Chanyeol x Kai  ft. Sehun , Kyungsoo 
    Writer : Gornhai 
    Rating : PG-13











     

    First Part


     

    สองเท้าก้าวเดินอย่างเร่งรีบ สองมือหอบเอาหนังสือเล่มหนาไม่กี่เล่มกับกระเป๋าหนังเอาไว้ข้างลำตัวที่สูงชะลูด สายตาภายใต้แว่นที่ไม่สบเข้ากับใครก้มมองเพียงแค่พื้นตรงหน้าราวกับกำลังหาเหรียญเงินที่ทำหล่นไว้ แต่ไม่น่าจะใช่เพราะเจ้าตัวเอาแต่เดินหน้าอย่างเดียว ในช่วงเวลาที่กำลังวุ่นวายก่อนจะเข้าชั้นเรียนกันในเช้าวันอาทิตย์ที่หลายคนถูกนัดมาเรียนเพิ่มเพราะใกล้สอบแล้ว นักศึกษาหนุ่มสาวต่างพากันหลบทางให้คนที่พวกเขาต่างรู้ดีว่าเป็นใคร

     

    ผลั่ก!!

     

    หนังสือที่หอบเอาไว้หล่นลงไปกองกับพื้นเพียงแค่แรงกระแทกไม่แรงนักกับร่างของสองสาวที่กำลังทำหน้าเหรอหราเหมือนไม่รู้ตัวว่าใครกันแน่ที่ผิดแต่พวกเธอก็พอจะมีจิตสำนึกอยู่บ้างเลยก้มลงช่วยเจ้าของมันเก็บขึ้นมา

     

     

    ขอโทษนะคะอาจารย์ พวกหนูไม่ได้ตั้งใจ ก็วันนี้ ..

    วันตรุษจีนเลยจะโดดเรียนงั้นสิ แย่จริงๆเลยพวกเธอ แล้วนั่นอะไรกัน กินแต่ของพวกนี้แหละถึงได้เริ่มเป็นอย่างนี้เข้าแล้วนั่นชายหนุ่มอายุมากกว่าลุกขึ้นยืนพร้อมกับพวกเธอที่อยากช่วยเก็บหนังสือแต่ก็ไม่จำเป็นเพราะเขาจัดการเองได้

     

    ชายหนุ่มก้มมองกล่องสีชมพูที่ลูกศิษย์ทั้งสองต่างคนต่างถือเอาไว้คนละกล่องอย่างทะนุถนอม ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะยิ้มกว้างขึ้นมาอีก

     

    กินแค่นี้ไม่อ้วนหรอกค่ะ แต่วันนี้ไม่ได้กินเองหรอก

    ใช่ค่ะ ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ สาวที่ไหนเค้าก็อยากให้ช็อคโกแลตหนุ่มที่แอบปิ๊งทั้งนั้นแหละค่ะพวกเธอพูดไปยิ้มไปแต่คนฟังดันทำหน้าตาที่บ่งบอกว่าตัวเองไม่ได้ตื่นเต้นด้วยแม้แต่น้อย

     

     

    แล้วอาจารย์เคยได้รึเปล่าคะ

    ก็ ... ไร้สาระน่า จะไปไหนก็ไปเลยไป ฉันต้องรีบไปสอน

     

    เขารู้ดีว่าวันนี้วันวาเลนไทน์ เสียงทุ้มเอ่ยตัดบทไปพลางแยกตัวออกมาเพื่อตรงไปยังห้องที่เป็นคลาสของเขาในเช้าวันนี้ อาจารย์หนุ่มจบใหม่ไฟแรงทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อต้องนึกถึงความไม่เข้าท่าของวัยรุ่นสมัยนี้

     

     

    ทำอย่างกับเด็กมัธยม..บ่นกับตัวเองเบาๆแต่ในใจหามีใครรู้ไม่ว่าแอบคิดอะไรอยู่ 

     

    วาเลนไทน์ปีนี้เขาไม่ได้ฝันอยากได้ช็อคโกแลตจากสาวที่ไหนหรอกนะ เพราะคนที่เขาฝันว่าจะมอบให้แก่เขานั้นคงไม่มีทางเป็นจริง ชายหนุ่มคิดถึงใบหน้าของเธอคนนั้นขึ้นมาในหัวแล้วก็ต้องถอนหายใจ เขาหยิบเอารูปของเธอที่เสียบไว้ในตำราออกมาดูให้หายคิดถึง

     

    อีกอย่างนอกจากเรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริงแล้วก็คือเรื่องที่โอกาสของเขากำลังจะหลุดลอยไปต่างหาก ทั้งที่พอจะได้ลุ้นแล้วแท้ๆเชียวแต่มันกลับต้องพังเพราะไอ้เด็กนั่นคนเดียว คิดแล้วก็เจ็บใจไม่หาย

     

    ร่างสูงหายเข้าไปในห้องเลคเชอร์สำหรับคลาสที่เขากำลังจะเริ่มต้นสอน ทุกสายตาของนักศึกษาปีสองที่สมองกลับตรงข้ามนั้นจดจ้องมาที่เขาคนเดียว และแน่นอนที่ทุกคนจะทำเหมือนกับว่าเขามาถึงแล้ว และอีกไม่นานนักก็จะทำราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน

    .. จริงๆเลยไอ้เด็กพวกนี้

     

    ประวัติศาสตร์โลกวันนี้เราจะเริ่มกันต่อจากเมื่อวานเสียงดังผ่านไมโครโฟนอันเล็กดังก้องไปทั่วทั้งห้องเรียนขนาดใหญ่โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มากความ

     

    ทุกคนเปิดหนังสือเล่มหนากันอย่างเชื่องช้าด้วยอาการเบื่อหน่าย บางคนก็กำลังนั่งยิ้มกับกล่องของขวัญวันวาเลนไทน์ บ้างก็หายตัวไป บ้างก็มีดอกไม้ช่อใหญ่มาวางบนโต๊ะจนแทบจะปิดใบหน้าให้มิดได้อยู่แล้ว และถึงทุกอย่างมันจะดูไม่ควร แต่สำหรับที่ปรึกษาที่ยืนอยู่ตรงนี้แล้วมันก็เป็นอะไรที่เป็นปกติโดยไม่ต้องสงสัย

    มุมหนึ่งที่ห่างออกไปจากหน้าห้องเรียน

    นี่ๆ อารมณ์ไม่จอยแบบนี้ฉันว่าอาจารย์ชานยอลคงจะเสียใจอย่างสุดซึ้งชัวร์เสียงกระซิบดังขึ้นเบาๆข้างหูเพื่อนรักที่กำลังจ้องมองลงไปยังคนที่กำลังถูกพวกเขาพูดถึงอยู่

    แต่ว่านะคยองซู อาจารย์เค้าคงไม่คิดมากหรอกมั้ง

    โหย แกคิดงั้นเหรอเซฮุน รายนี้คลั่งเอาขนาดนั้นจะไม่เสียใจได้ไง น่าสงสารจริงๆเลย

    สองเพื่อนซี้นินทาอาจารย์กันไม่เท่าไหร่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้น

    เฮ้ ตรงนั้นคุยอะไรกันน่ะชานยอลเงยหน้าจากตำราในมือตัวเองแล้วตะโกนขึ้นทั้งที่ไม่จำเป็นเลย เสียงที่ดังอยู่แล้วดังผ่านลำโพงออกมาอีกทำเอานักศึกษาบางคนถึงกับต้องยกนิ้วขึ้นมาอุดหูตัวเองไว้ แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือจำเลยสองคนที่นั่งหัวโด่พลางหันซ้ายทีขวาทีเหมือนกับไม่รู้ว่าตัวเองนั่นแหละที่กำลังถูกตำหนิ

    ฉันถามว่าคุยอะไรกันน่ะนายสองคน

    คยองซูสะกิดเซฮุนให้นั่งนิ่งไม่ไหวติง ที่ทำเช่นนั้นคงเพราะคิดว่ามันอาจจะช่วยให้อาจารย์ลืมได้ แต่คยองซูกลับคิดผิดถนัด

     

    ได้ยินไหมเสียงทุ้มยังคงแผดออกมาดังขึ้นมากกว่าเก่า บางทีชานยอลก็รู้สึกว่าไม่ใช่แค่เด็กพวกนี้หรอกที่ทำตัวเหมือนอยู่โรงเรียนมัธยม

    ดุชะมัดคยองซูกระซิบเซฮุนด้วยใบหน้าที่เริ่มเผือดสี

    มีอะไรสงสัยรึไง สงสัยอะไรก็ถามผู้ประสาทวิชาเสนอทางเลือกให้อย่างหวังดีทั้งที่แต่ละคนต่างรู้เป็นนัยว่านั่นหมายถึงการประชด หากแต่ตอนนี้คยองซูกำลังเบิกตากว้างเพราะจู่ๆเพื่อนของเขาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่ปรึกษาอะไรกันก่อนเลย

    ครับอาจารย์

    ว่าไงเซฮุน มีอะไรสงสัยใบหน้าภายใต้กรอบแว่นเอ่ยถามลูกศิษย์

    ผมแค่สงสัยว่าทำไมเราต้องเรียนวิชานี้ด้วย

    ไม่ว่าสิ่งที่โอเซฮุนกำลังถามออกไปนั้นจะออกมาจากใจจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆตอนนี้.. โดคยองซูกำลังงานเข้า !!

     

     

    ใบหน้าใสซื่อที่มีอาการฉงนสงสัยถามออกไปอย่างฉะฉานและแสนจริงใจ ต่างกับคนข้างกายที่แทบจะเอาปูนทั้งตึกกลบตัวเองให้ได้อยู่แล้วในตอนนี้ ทุกสายตาจ้องมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในขณะที่คนถูกถามก็เอาแต่ค้างกับคำถามของลูกศิษย์ตัวแสบก่อนที่จะรีบปรับอาการให้เข้าที่เข้าทางตามเดิม

    คยองซูยกมือทั้งสองยึดเส้นผมทั้งหัวจนแทบจะดึงมันออกมาได้แล้ว เขามองแววตาของชานยอลแล้วกลัวเหลือเกินว่าไอ้เพื่อนตายคนนี้จะได้ตายเอาวันนี้นี่แหละ

    ไอ้บ้าเซฮุนเอ๊ย นั่งลงเดี๋ยวนี้นะ แกบ้าไปแล้วเหรอวะ แกบ้าไปแล้วแน่ๆคยองซูกัดฟันพูดแต่ดูเหมือนจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่าเพราะอีกคนไม่ได้หันมาสนใจเขาเลย ถึงเขาจะคอยดึงชายเสื้อให้นั่งลงก็ตาม

    ทำไมต้องเรียนน่ะเหรอชานยอลเอ่ยเบาๆแต่เสียงที่ออกมาจากลำโพงรอบข้างก็ทำให้ทุกคนได้ยินชัดเจนดี ทุกคนแอบดีใจที่เช้านี้มีเรื่องตื่นเต้นให้ดูกันสดๆ

    แต่มันกำลังจะหมดลงเมื่อจู่ๆประตูบานกว้างก็เปิดออกอีกครั้งพร้อมกับใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาอย่างไร้การขออนุญาตหรือมีท่าทางนอบน้อมอย่างที่นักศึกษาทุกคนควรจะทำในวันที่มาสาย ชายหนุ่มเดินก้มหน้าช้าๆเหมือนไม่รับรู้บรรยากาศเท่าไหร่

    ผิวที่ค่อนไปทางสีแทนสะดุดคนที่พบเจอ ผมสีดำขลับแทบจะปรกหน้าอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าต้องเดินเขาอาจกำลังหลับ สองมือยัดเข้ากระเป๋าข้างของกางเกงโดยที่กระเป๋าเป้สายยาวพาดขวางไปตามบ่าอีกข้าง

    .. คยองซูแอบดีใจกับความหวังสุดท้ายที่พระเจ้าประทานมาให้พวกเขาทั้งสอง ในขณะที่เซฮุนกำลังทำหน้าเหมือนยังอยากจะได้คำตอบของอาจารย์เสียมากกว่า

     

     

    สองเท้าก้าวผ่านหน้าอาจารย์ที่ปรึกษาไปอย่างเชื่องช้า หรืออันที่จริงแล้วมันราวกับว่าอาจารย์คนนี้ไม่มีตัวตนเอาเสียเลยต่างหาก ชานยอลพยายามคิดมาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่าอีกฝ่ายคงจะมองไม่เห็นเพราะอาจจะเพิ่งตื่น สายตาคงยังปรับกับภาพตรงหน้าลำบาก แต่เขาก็รู้ตัวดีกว่าถ้าขืนคิดอย่างนั้นมาเป็นเวลานานขนาดนี้เขาก็คงไม่ต่างกับควายดีๆนี่เอง ... ไม่สิ จะโทษควายไม่ได้หรอกนะ

    คิมจงอินเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น

    ครับอาจารย์ถึงจะตอบกลับมาปกติแต่ท่าทางไม่ได้ให้ความเคารพกันเลย ชานยอลคิดอย่างนั้นพลางเรียกให้เข้ามาหาเขาก่อนจะไปนั่งที่ เขาพูดกับจงอินแต่เป็นการพูดที่ให้ทุกคนได้ยินด้วย

    เมื่อกี้เพื่อนนาย ..

     

    ชานยอลไม่ทันได้ถาม คนตรงหน้าก็ยกมือป้องปากหาวหวอดๆเสียแล้ว ทุกคนหัวเราะกันออกมากับท่าทีที่ไม่กลัวเกรงเลยของจงอิน ชานยอลรู้สึกขายหน้าจนต้องหันไปตะคอกใส่เด็กเมื่อวานซืนพวกนี้แทน

    หุบปาก ฉันไม่ได้ถามใครอย่าตอบทุกคนเงียบกันทันที แต่จงอินกลับตื่นมากลั้นยิ้มไม่ทัน

    ยิ้มอะไร

    เปล่าครับ

    “ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่น”

    ผมก็แค่..

    อย่าเถียงฉันนะท่าทางที่เริ่มฉุนเฉียวขึ้นทำเอาทุกคนเริ่มจะกลัวถูกทำโทษเข้าจริงๆ ชานยอลรู้สึกตัวเลยพยายามเก็บอาการทั้งหมดเอาไว้แม้ว่าเขาอยากจะฆ่าเด็กพวกนี้ก็ตามที

    คือ ฉันแค่จะบอกว่าเซฮุนเพื่อนของนายกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับว่าทำไมเราต้องเรียนวิชานี้ นายพอจะตอบให้ทุกคนในห้องฟังได้ไหมว่าทำไมชานยอลถามจบก็ยกมือขึ้นกอดอก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องมาถามคนๆนี้ให้มันกวนประสาทเล่นด้วย

    จงอินขมวดคิ้วแล้วพลางยกมือขึ้นกอดอกตามอาจารย์ตรงหน้าพลางใช้ความคิด

    อืม ทำไมเราต้องเรียนประวัติศาสตร์โลกน่ะเหรอทุกคนตั้งใจฟังแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆกับคำตอบ

     

    ก็เพราะว่าโลกใบนี้ที่เราอาศัยอยู่เป็นโลกใบเดียวกันกับที่ซานดาร่าอาศัยอยู่ยังไงล่ะ

    แม้ว่าจะไม่มีใครหัวเราะอีกระลอกในครั้งนี้ แต่ชานยอลดูออกว่าทุกคนพยายามกลั้นมันไว้เต็มที่ ไม่ใช่เพื่อเขาแต่คงเพราะไม่อยากถูกทำโทษด้วยการสั่งให้ไปทำรายงานหรือหักคะแนนในวิชานี้ที่มีกันอยู่เพียงน้อยนิด แต่สาบานได้ว่าเขาอาจจะไม่ทำโทษใครเลยก็ได้หากทุกคนหัวเราะมันออกมา เพราะการทำแบบนี้มันทำให้เขายิ่งอับอายหนักขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าแดง

    ใครก็รู้ว่าเขาคลั่งซานดาร่าแค่ไหน ฟังไปแล้วดูจะไม่น่าเป็นไปได้กับภาพลักษณ์ที่เป็นอยู่ แต่ก็เพราะว่ามันตรงข้ามยังไงล่ะทุกคนถึงมองว่าเขาเป็นพวกแอบจิตชอบหยิบรูปเธอคนนี้ขึ้นมาดูเวลาที่กำลังสอน หรือว่าทำรูปที่สอดไว้ในตำราหลุดออกมา

     

    .. ก็คนมันรักแล้วผิดรึไง

    แต่ต่อให้ชานยอลมีเหตุผลมาอธิบายแค่ไหนก็หนีไม่พ้นคำว่าบ้านักร้องสาวได้หรอก หรือบางทีเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ตอนนี้เขาอายยังไม่พอยังต้องเจ็บแค้นไอ้คนตรงหน้าที่ทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวนี้อีก เขาเริ่มรู้สึกว่าหน้าตัวเองจะร้อนผ่าวมากขึ้นเรื่อยๆกว่าเดิมเลยพยามยามสงบสติเอาไว้อีกครั้งแล้วสั่งให้จงอินกลับไปนั่งที่ให้เรียบร้อย

     

    งานนี้เขาถูกเล่นอีกแล้ว .. เจ็บใจชะมัด

     

    เรื่องนั้นมันจริงเหรอจงอินเสียงใสของคนตั้งคำถามเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอ่ยออกมาอย่างใคร่รู้กับเพื่อนตัวเองที่ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ จงอินยิ้มมุมปาก

    ถึงฉันจะเรียนไม่เอาไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องโง่นะเว้ยเซฮุน อีกอย่างนายดูไม่ออกเหรอว่าฉันแค่อยากแกล้งหมอนั่นไปงั้นเอง

    แล้วใครว่านายโง่น่ะคยองซูยื่นหน้าจากอีกข้างของเซฮุนมาถามกลับ แต่จงอินกลับยักไหล่

    ไม่รู้ดิ แต่เรื่องวิชาการไรนั่นฉันมันก็ไม่ได้เรื่องอยู่แล้วนี่พูดจบก็คว้าเอาหนังสือออกมาวางข้างหน้าพร้อมกับกับปากกา มือนั้นเคาะมันกับโต๊ะสองสามทีก่อนจะเอามาลากๆอะไรสักอย่างในหน้าหนังสือบทที่ชานยอลให้เปิดอ่านไปพลางเพื่อรอเขาเรียงชีทที่จะแจกในวันนี้

    นี่คยองซู แล้วฉันจะรู้มั้ยว่าทำไมเราถึงต้องเรียนเซฮุนยังมิวายหันมาถามเพื่อนเบาๆเมื่อเห็นว่าจงอินนั้นหายเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการเสียแล้ว

    ฟังนะเซฮุน นายขี้เกียจใช่มั้ย

    ก็ .. แหะๆ

    เออ งั้นก็รู้แค่ว่าเราจะได้จบรับปริญญาไงเล่าไอ้บ้าเอ๊ย

    คยองซู พูดงี้แสดงว่านายไม่เอาใช่มั้ยเค้ก

    ว่าไงนะ

    นายด่าฉันแบบนี้นะ ไม่เอามาฝากอีกแล้วคอยดู

    เฮ้ย ก็ที่พูดนี่เป็นห่วง เข้าใจมั้ยว่าห่วงน่ะคยองซูทั้งห่วงเพื่อนและที่สำคัญเซฮุนก็รู้ว่าอีกฝ่ายห่วงของกินด้วยเช่นกัน

    นายห่วงฉันจริงดิ

    ก็ใช่ไง

    เออ งั้นฉันก็จะไม่เอาของที่ร้านมาฝากอีกแล้ว

    เฮ้ย !! ได้ไงวะ

    คุยอะไรกันอีกน่ะตรงนั้นเสียงของอาจารย์ชานยอลดังขึ้นอีกจนคยองซูได้แต่หน้าเจื่อนเพราะงานนี้มีเขาคนเดียวที่เสียงดัง ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีก็เอาแต่ยิ้มอยู่เงียบๆ

    ฝากไว้ก่อนเหอะเซฮุนใบหน้าน่ารักดึงหนังสือมาตรงหน้าแล้วแสร้งตั้งใจอ่านเพื่อไม่ให้โดนว่าได้อีก เซฮุนมองอาการแบบนั้นพร้อมกับยิ้มกว้างกว่าเดิม

     

    ในขณะที่ลูกศิษย์ทุกคนกำลังถูกบังคับให้ก้มหน้าอ่านหนังสือจนหัวแทบจะติดกับกระดาษอยู่แล้วเพราะความง่วง อาจารย์หนุ่มที่กำลังจัดชีททั้งหลายอยู่ในมือนั้นก็กำลังแอบเหลือบมองลอดแว่นออกไปยังใครบางคนตรงหน้าที่อยู่ห่างออกไป พลางคิดย้อนกลับไปในหลายวันก่อน

     

    เมื่อหลายวันก่อน

    .

    .

    ฮะ ของสเตลล่าเนี่ยนะ

    เสียงทุ้มเอ่ยชื่อยี่ห้อเครื่องสำอางชื่อดังขึ้นในมุมหนึ่งของร้านกาแฟที่เขากำลังสนทนากับเพื่อนสนิทอยู่

    แกจะตะโกนทำไมวะชานยอล

    ก็อยากรู้น่ะ รีบว่าต่อสิจงแด

    เออ บัตรกำนัลของขวัญที่ว่านี้ไม่ธรรมดาเลยนะเว้ย มันมีจำนวนจำกัดและจะแจกให้กับคนที่ซื้อสินค้าของสเตลล่าครบสองหมื่นวอน ที่สำคัญแจกบัตรในวันเดียวโดยที่ใครมาก่อนได้ก่อน และจะประกาศหมายเลขรางวัลใหญ่ของผู้โชคดีอีกครั้งในวันวาเลนไทน์จงแดอธิบายจบก็ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบอย่างใจเย็นให้คนตรงหน้าร้อนใจเล่น

    แล้วไงต่อวะ

    โอ๊ย แกโง่รึเปล่าวะ ก็รู้อยู่ไม่ใช่รึไงว่าซานดาร่าที่รักของแกเค้าเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สเตลล่าอยู่

    ก็เพราะว่ารู้ไง เลยรีบถามเนี่ย

    เออๆ บัตรกำนัลที่ได้ไปก็ใช้ลดราคาสินค้าได้ถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ก็เหมือนกับบัตรกำนัลทั่วๆไปแหละ แต่ที่น่าสนคือสิบรางวัลรองจากรางวัลใหญ่จะเป็นดินเนอร์ที่ภัตตาคารหรูฟรีสำหรับคู่รัก ส่วนรางวัลใหญ่น่ะเป็นดินเนอร์กับดาร่าสองต่อสองในคืนวันวาเลนไทน์บนเรือสุดหรูกลางแม่น้ำ

    ว่าไงนะชานยอลตะโกนออกมาอีกครั้งอย่างลืมตัว แววจานั้นลุกวาวอย่างไม่มีปิดบัง

    แกจะเลิกตะโกนซักทีได้มั้ยชานยอล

    เออ โทษที

    อ้อ แล้วอย่าลืมนะว่ากติกามันบอกว่าไง วันไปเอาบัตรก็ต้องรีบกันหน่อย แล้ววันประกาศรางวัลใหญ่ก็ต้องอยู่ฟังด้วยไม่งั้นจะถือว่าสละสิทธิ์

    วุ่นวายมากเลยนะนั่น

    อืม รู้แล้วก็อย่าพลาดล่ะ งานนี้มันวัดแฟนตัวจริงที่ทุ่มเทกันจริงๆเลยด้วย ฉันเองก็แค่หวังดีเอาข่าวมาบอก พอดีเห็นเด็กๆในที่ทำงานเมาท์เรื่องนี้กันใหญ่

     

    แน่นอนที่คนอย่างปาร์คชานยอลจะไม่มีวันพลาดอะไรอย่างนี้อยู่แล้ว แม้ความหวังจะริบหรี่เพราะเขาไม่ใช่คนโชคดีแต่หากได้ลองสักตั้งเพื่อดาร่าที่รัก แม้จะต้องผิดหวังเขาเองก็ไม่เสียใจ

    และนับตั้งแต่วันนั้นชานยอลเองก็เป็นหนึ่งในชายหนุ่มและหญิงสาวหลายคนที่ซื้อเครื่องสำอางของแบรนด์สเตลล่าให้ครบสองหมื่นวอนเพื่อต้องการลุ้นดินเนอร์กับดาร่าในคืนวาเลนไทน์

     

    และเมื่อถึงวันที่ทุกคนเตรียมตัวจะรีบไปรับบัตรกำนัลในวันที่กำหนดเอาไว้นั้น ก็มีเหตุที่ทำให้ความหวังของเขาคนนี้เป็นอันต้องพังลงทั้งหมด

    ในฐานะที่คุณเป็นที่ปรึกษาและรับผิดชอบวิชานี้ ยังไงก็ฝากคุณดูแลเรื่องสอบซ่อมของเขาให้เสร็จภายในวันนี้ด้วย เพราะว่าคะแนนที่ต้องนำมารวมทั้งหมดต้องทำให้ทันวันนี้

    ใบหน้าน่าเกรงขามของศาสตราจารย์หัวหน้าภาควิชากำลังเอ่ยมอบหน้าที่นี้ให้กับเขา

     

    สิ่งเดียวที่ชานยอลทำได้คือรับคำไปเพราะเรื่องนี้มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบ ขณะที่ในใจกำลังร้องไห้เสียใจอย่างสุดซึ้ง

     

    เขาพยายามขอให้จงแดช่วยไปแทนแต่คำตอบที่ได้กลับมาคืออีกฝ่ายติดประชุม สรุปแล้วแม้แต่บันไดขั้นแรกสู่การได้ไปดินเนอร์กับดารา เขาเองก็ไม่ได้ก้าวขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ ไม่โทษใครเลย ไม่โทษศาสตราจารย์ที่เคารพ ไม่โทษคิมจงแดเพื่อนที่แสนดี แต่ทุกอย่างมันเป็นเพราะไอ้เด็กไม่เอาไหนคนนั้นคนเดียว

     

     

    .

    .

     

    กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่เขากำลังจ้องมองร่างของตัวต้นเหตุกับเรื่องทั้งหมดที่ทำให้เขาต้องพลาดโอกาสนี้ไปอย่างไม่มีวันได้กลับคืน คิดแล้วมันก็แค้นเป็นบ้าที่วันนั้นเขาต้องมานั่งคุมคนหนึ่งคนสอบซ่อมแทบทั้งวันทั้งที่ตัวเองควรจะกำลังไปรับบัตรกำนัลของสเตลล่าตามสถานที่ที่กำหนดแล้วแท้ๆเชียว

     

    .. นายคนเดียว ถ้านายไม่สอบตก ไอ้เด็กโง่เอ๊ย!!

     

    จงอินกำลังวาดอะไรสักอย่างลงไปบนหน้ากระดาษโดยที่มีเซฮุนชำเลืองมองอยู่ข้างๆต่างกับคยองซูที่รายนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังแอบกินเค้กที่ซ่อนเอาไว้ใต้โต๊ะ

    นายวาดอะไรน่ะจงอิน

    เปล่าหนิ .. จงอินรีบเอามือปิดกระดาษแล้วทำหน้าเฉย เซฮุนสังเกตว่าหน้าอีกฝ่ายจะดูแปลกๆไป เขารีบดึงมือนั้นออก

    หวา ... นี่วาดการ์ตูนเหรอ ตัวสูงๆใส่แว่น อย่างกับอาจารย์ชานยอลเลย

    มะ มะ ไม่ใช่ซะหน่อย

    อ่า ...

    เซฮุนเอียงคอเล็กน้อยกับท่าทีรีบเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าของจงอิน เขากระพริบตาปริบๆมองการกระทำของเพื่อนอย่างนึกสงสัย

     

     

    ..วันนี้วันเลนไทน์ จงอินรู้ดี

     

    ชานยอลก็รู้ดีเช่นกัน วันนี้ที่เขาต้องทนฟังประกาศผู้โชคดีหนึ่งเดียวที่จะได้ดินเนอร์กับดาร่าของเขา มันแย่มากที่เขาไม่ได้ร่วมลุ้นเลยเพราะว่าอย่างไรเสียก็ไม่มีทางเป็นไปได้ในเมื่อเขาไม่ได้ไปรับบัตรกำนัลของสเตลล่าในวันนั้น

    เฮ้อ...ใบหน้าของอาจารย์หนุ่มฉายแววกังวลหรืออันที่จริงแล้วมันเรียกว่าผิดหวังเสียมากกว่า

    จงอินเงยหน้าขึ้นจากหนังสือแล้วมองไปยังคนที่ยังคงจัดชีทให้พวกเขาอยู่ สองสายตาสบกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ มีหรือที่จงอินจะไม่รู้ สีหน้าที่ดูแย่เอามากๆนั้นทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายคงกำลังแค้นเขาเป็นที่สุด ก็แน่ล่ะนะ ดันสอบไม่ผ่านคนเดียวเป็นเหตุให้ผู้ชายคนนี้ถึงกับชวดโอกาสสำคัญในชีวิต

     

    ชานยอลรีบก้มทำต่อไปเพราะไม่อยากให้รู้ว่าเขากำลังมองอีกฝ่ายอยู่

     

    .. จะคิดมากทำไมนะ ทำเหมือนกับว่านายจะได้รางวัลใหญ่งั้นแหละ

     

     

     

     

    ผ่านไปกับชั่วโมงที่กินเวลาไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงของนักศึกษาปีสองในห้องนี้ ทุกคนแยกย้ายกันออกไปจากห้องหลังจากที่ทนนั่งเบื่อหน่ายมานาน

    เดี๋ยวก่อนเซฮุนคยองซูเรียกชื่อเพื่อนรักเอาไว้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับอาจารย์ที่ปรึกษาที่อารมณ์กำลังแปรปรวนในตอนนี้

    อะไรของนายอ่ะ

    ก็อย่าเดินเข้าใกล้อาจารย์นักสิ เดี๋ยวก็นู่นนี่นั่นอีกหรอก ยิ่งชอบมาเยอะใส่พวกเราอยู่ด้วย

    เค้าไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง ก็ดูท่าทางเหม่อลอยแบบนั้นดิเป็นจงอินเองที่พูดออกมาระหว่างที่ยืนรอออกจากห้องอยู่ข้างตัวแสบสองคน ตอนนี้ชานยอลเดินออกไปแล้วแต่พวกเขาก็ยังอยู่ที่เดิม

    ก็นะ อาจารย์เค้าทำเหมือนกับว่าตัวเองจะได้เป็นผู้โชคดีงั้นแหละ คนเค้าชิงกันทั้งประเทศคยองซูว่าอย่างไม่เข้าใจ เขารู้ดีว่าจงอินเป็นต้นเหตุที่ทำให้อาจารย์ของเขาต้องผิดหวังกับเรื่องนี้ แต่หากทำใจได้หน่อยก็น่าจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง

    แต่ถ้าวันนั้นฉันไม่ต้องสอบซ่อมอยู่คนเดียว มันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอกดูเหมือนว่าจงอินกำลังสำนึกผิด

    นายสงสารเค้าเหรอเซฮุนถาม แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะของคนที่เพิ่งตีสีหน้าสลดไปเมื่อกี้

    ฮ่าฮ่า สมน้ำหน้าสิไม่ว่า ทำมาว่าคนอื่นแบบนั้น คนอื่นแบบนี้ ทีตัวเองล่ะบ้าบอจะตายไปจงอินเอ่ยออกมาเต็มที่ระหว่างที่มีพวกเขาแค่สามคน จนคนฟังทั้งสองทำหน้างุนงง

    ก็คิดว่าจะสงสารเค้า

    นั่นดิ ฉันก็คิดว่านายสงสารอาจารย์เค้าซะอีก

     

    .. สงสารมันก็สงสารอยู่หรอกนะ

    ◆◆◆◆◆◆

     

    เวลาล่วงเลยมามากแล้ว อีกแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นที่ทางบริษัทเครื่องสำอางชั้นนำจะประกาศหมายเลขบัตรกำนัลที่ได้รับรางวัลรองและรางวัลใหญ่ในครั้งนี้ แต่รอบกายของชานยอลเต็มไปด้วยหนุ่มสาววัยแรกรุ่นท่ามกลางบรรยากาศวันวาเลนไทน์ที่ชวนให้อิจฉา .. ถ้าตอนนี้มีบัตรในมือสักใบก็คงดีไม่น้อย

     

    จะบ่ายสามแล้ว เฮ้อ...ชานยอลถอนหายใจอีกหลายรอบขณะที่ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือหลังจากที่เพิ่งไปหาอะไรใส่ท้องมา ขายาวพาร่างตัวเองเดินเอื่อยๆไปตามทางเดินบนตึกเพื่อตรงไปยังห้องพักอาจารย์ แต่ก็ยังมิวายหยิบเอารูปของเธอคนนั้นออกมาดูอีกจนได้

    ดาร่าอ่า .. อยากไปดินเนอร์ด้วยจังทางเดินที่แทบไม่มีคนเลยทำให้เขาไม่ทันระวังว่าจะชนกับใครเข้าอย่างที่มันกำลังเกิดอยู่ตอนนี้

    โอ๊ย ..สองเสียงร้องออกมาพร้อมกัน ร่างของคนมาใหม่เซจนเกือบล้ม แต่คนที่ตัวสูงกว่าก็แค่ทำรูปในมือตกพื้น ชานยอลตกใจเลยรีบก้มเก็บ แต่กลับมีมือของใครดึงขึ้นไปเสียก่อน และเมื่อยืนขึ้นเต็มความสูงเขาก็รู้ว่าเป็นใครที่บังอาจมาหยิบรูปดาร่าของเขาไป

    นี่นาย เอาคืนมานะ

    เดินก็ดูทางซะมั่งสิอาจารย์ มัวแต่รูปเค้าอยู่ได้ อยากรู้ว่ารูปนี้มันพูดได้รึเปล่านะจงอินถามกวนอารมณ์แล้วคนตรงหน้าก็มีอารมณ์จริงๆเสียด้วย

    บอกว่าให้เอามาไง นั่นมันของฉันร่างสูงขยับเข้าใกล้เพื่อจะแย่งมาคืนแต่จงอินก็หลบได้เพราะไวกว่า

    คะแนนอันน้อยนิดของนายมันจะหายไปในเร็วๆนี้ถ้าไม่รีบเอารูปนั้นคืนฉันมา

    อาจารย์อย่าเอาเรื่องพวกนี้มาขู่ผมเลย แล้วแค่รูปใบเดียวจะแคร์อะไรนักหนา มีเป็นพันรูปเลยไม่ใช่รึไง

    หุบปากได้แล้ว

    ว่าแต่คนอื่น แล้วอาจารย์วิเศษมาจากไหนกันเป็นจงอินบ้างที่อารมณ์เสียใส่ จนบางทีชานยอลก็แอบคิดว่าอีกฝ่ายจะกวนประสาทเขาไปถึงไหน ทำเหมือนกับว่าเขาไปทำอะไรให้อย่างนั้นแหละ

    ฉันก็เป็นอาจารย์ไง

    แต่ผมเป็นลูกศิษย์นะ

    แต่ฉันเป็นที่ปรึกษานายนะจงอิน หัดเข้าใจอะไรซะบ้าง

    อาจารย์แหละที่ไม่เข้าใจ

    นายนั่นแหละ เพราะนายไงที่งี่เง่าสอบตกจนทำให้ฉันอดไปเอาบัตรกำนัลของสเตลล่าเลยเห็นรึเปล่า

    “.............”

     

    จงอินเงียบเมื่อถูกว่าเอาตรงๆแบบนั้น เขาโยนรูปคืนชานยอลที่รีบรับเอาไว้อย่างโล่งใจที่ไม่มีอะไรเสียหาย จงอินเหวี่ยงกระเป๋าสะพายข้างแรงๆอย่างเสียอารมณ์ ไม่เข้าใจว่าไปกวนอารมณ์เขาแล้วทำไมตัวเองถึงได้หงุดหงิดเองแบบนี้

     

    แล้วนี่มาทำอะไรคนเดียว เพื่อนหายไปไหนหมดชานยอลถามเมื่อเห็นว่าจงอินเอาแต่ยืนเงียบ

    ผมกับไอ้พวกนั้นเอาเชือกมัดตัวติดกันไว้รึไง ถามได้มาคนเดียวและไม่ว่าเมื่อไหร่จงอินก็ไม่เคยตอบคำถามดีๆเลยสักครั้ง ชานยอลเหนื่อยใจกับความดื้อเงียบที่ดื้อด้านของลูกศิษย์ตัวปัญหาคนนี้

    เออ ฉันไม่ถามก็ได้ งั้นไปล่ะร่างสูงกำลังจะเดินผ่านไป แต่จงอินก็เรียกเอาไว้

    เดี๋ยวสิ

    ว่าไงอีกล่ะชานยอลหันหน้ากลับมาถาม

    ผมคิดว่าอาจารย์คงกำลังอยากจะได้มันมือบางชูบัตรหนึ่งใบขึ้นให้อีกฝ่ายดู ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืออะไร ใบหน้าที่กำลังเบื่อหน่ายเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    หมายความว่าไง

    ก็หมายความว่าถ้าพอจะช่วยได้ อาจารย์ก็เอาไปสิจงอินเดินตรงเข้าไปหาก่อนจะยื่นให้ถึงมือ ชานยอลมองมันตาค้างจนแทบจะไม่กะพริบเลยเลยทีเดียว เลือดในกายมันกำลังสูบฉีดอย่างแรงพร้อมกับความหวังริบหรี่ที่แทบจะกลายเป็นแสงสว่างจ้าจนแสบตาแล้วในตอนนี้

    บัตรกำนัลของสเตลล่า นะ นะ นาย .. นายให้ฉันจริงเหรอจงอิน

    ก็ใช่น่ะสิ

    มีเงื่อนไขอะไรรึเปล่าแม้ว่าจะดีใจไปมากแล้วแต่ก็อดแคลงใจไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายคือคิมจงอินน่ะสิถึงได้แอบไม่ไว้ใจอยู่ลึกๆ

    โอ๊ย จะเอาไม่เอาหลังจากยื่นคำขาดแล้วชานยอลก็รีบดึงมันเอาไปถือไว้ทันที ดวงตาคู่โตที่ฉายรัศมีแพรวพราวแบบนั้นทำเอาคนให้หมั่นไส้ใจจะขาด

    ทำอย่างกับว่าจะได้รางวัลดินเนอร์จงอินบ่นกับตัวเองเบาๆแต่ชานยอลก็พอจะได้ยิน

    ว่าไงนะ

    เปล๊า .. ก็แค่รำคาญยุงแถวนี้ ชอบมาวนเวียนสูบเลือดชาวบ้านประทังชีวิตไปวันๆชานยอลไม่เข้าใจกับท่าทีขึ้นๆลงๆออกของจงอินเท่าไหร่นัก

    งั้นไปก่อนล่ะ รำคาญยุงแถวนี้จงอินบอก ชานยอลมองยังไงก็ไม่เห็นว่าจะมียุงตรงไหนเลยด้วยซ้ำ

    อ้อ .. อีกอย่างนะอาจารย์ชานยอล เลิกว่าผมเป็นตัวต้นเหตุด้วยนะครับ ขอบคุณว่าแล้วก็เดินจากไปทันที ภาพสุดท้ายที่ชานยอลเห็นก็คือปลายกระเป๋าเป้ของอีกฝ่ายที่ปลิวว่อนตามร่างเจ้าของมันที่หายไปจากมุมทางเดิน ซึ่งต่างจากท่าทางเอื่อยเฉื่อยในเวลาปกติ

     

     

    อะไรวะ จะมาก็มาจะไปก็ไป

     

     

    ชานยอลนึกแปลกใจไม่หาย เขาไม่ทันได้ถามว่าอีกฝ่ายได้มันมาอย่างไร แล้วนี่ของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่คงไม่มีเวลาให้นึกมากไปกว่านี้เมื่อเวลาที่มีอยู่ตอนนี้บอกเขาว่ามันจะไม่ทันแล้ว

    จะบ่ายสามอยู่แล้ว .. เอาไงดีวะเนี่ยวันนี้ที่ดันไม่ได้เอารถมา จะออกไปเรียกแท็กซี่ก็กลัวจะไม่ทัน ในหัวกำลังนึกไปถึงขนาดที่ว่าหากรางวัลใหญ่เป็นตัวเองแล้วเขาดันไม่อยู่ก็คงจะกลายเป็นสละสิทธิ์ไปอย่างที่จงแดบอกแน่ๆ

     

    .. เครียดโว้ยยยยยยยยยยย !

     

    ทางด้านของผู้หวังดีที่เดินจากมาอย่างรวดเร็วก็แอบหวังว่าอีกฝ่ายที่ได้บัตรกำนัลบ้าบอนั้นไปจะพอใจและแฮปปี้กับมันได้ไม่มากก็น้อย จงอินเดินแกว่งแขนลงมาจากตึกอย่างสบายอารมณ์ แต่จริงๆแล้วเขากำลังรู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูกมากกว่า สาวๆที่เดินผ่านไปพร้อมช่อดอกไม้นั้นทำให้เขารู้สึกอิจฉาพวกหล่อนเล็กน้อย

    น่าหมั่นไส้เอ่ยกับตัวเองเบาๆอย่างอดไม่ได้ ห่างออกไปไม่ไกลก็เจอเข้ากับสองหนุ่มที่นั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งในมุมเย็นสบาย

    จงอิน!” คยองซูตะโกนเรียกพลางทั้งกวักมือทั้งโบกมือ ทำให้จงอินต้องรีบเดินเข้าไปหา

    ตะโกนทำไม ไม่อายคนรึไง

    นายพูดเหมือนแคร์คนอื่นงั้นแหละนะเพื่อนตัวแสบแอบกัดเบาๆ ทำให้คนถูกกัดได้แต่ยักไหล่ขณะที่กำลังนั่งลงข้างพวกเขาทั้งสอง

    “นายไม่กลับบ้านเหรอเซฮุนถาม

    จะรีบกลับทำไมล่ะ บ้านไม่ได้หนีไปไหนซะหน่อย ว่าแต่นายเหอะเซฮุนไม่ไปช่วยที่บ้านเก็บร้านเหรอวันนี้จงอินถามตามประสาคนอยู่บ้านใกล้กัน เพราะว่าอันที่จริงแล้วเขากับเซฮุนก็เป็นเพื่อนบ้านกันมานานแล้ว

    วันนี้คงไม่ได้กลับหรอก เราสองคนมีแพลนว่าเย็นนี้จะจัดปาร์ตี้วาเลนไทน์กันที่ห้องของคยองซู แล้วก็จะชวนนายไปด้วยเสียงใสเอ่ยอย่างตื่นเต้นประหนึ่งว่างานนี้จะเฮฮากับเพื่อนหลายคนตามประสาวัยรุ่น และตามที่จงอินเดาก็คงจะไม่ผิดนักว่าต้องมีพวกเขาแค่สามคนแหงๆ

    อ่า ก็จะมีใครอีกล่ะในเมื่อคนอื่นๆเค้าก็ต้องอยู่กับแฟนเค้าทั้งนั้น งานนี้ก็ถือว่าเป็นปาร์ตี้วาเลนไทน์คนโสดอย่างเราสามคนละกันคยองซูบอกจงอินให้หายข้องใจหลังจากที่ถูกเดาได้ง่ายเหลือเกิน

    ใช่แล้ว เนี่ยเตรียมเค้กไว้พร้อมเลยนะเซฮุนเสริม

    จงอินได้ยินแบบนั้นก็หลุดหัวเราะออกมาดังลั่นจนคนแถวนั้นและคนที่ผ่านไปมาต้องหันมามองกัน เขาอดตลกไม่ได้กับลูกชายร้านเค้กคนนี้ที่ไม่ว่างานไหนก็ต้องโยงเค้กเข้ามาเอี่ยวทุกที และผู้ที่ได้ผลประโยชน์สูงสุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน สุดท้ายก็ไม่พ้นคยองซูเพื่อนรักตัวเองอยู่ดี

    “นายหัวเราะฉันเหรอเซฮุนถามด้วยสีหน้าประหม่านิดๆ

    โทษที แค่มันขำ

    ขำอะไร

    เปล่าหรอก ก็ดี คยองซูจะได้กินเค้กเยอะๆว่าแล้วก็หันไปมองหน้าอีกคนที่ยิ้มแห้งๆกลับมาให้เขาอย่างรู้กันดี

    ว่าแต่นายอย่าลืมมานะ

    โอเค จัดไป

    สนทนากันได้ไม่นานหลังจากที่จงอินรับคำไปแล้ว ซึ่งอันที่จริงเขาก็ต้องไปตั้งแต่พวกนี้ยังไม่ชวนด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องที่เป็นอย่างนั้นมาตลอดอยู่แล้วระหว่างพวกเขา

    ไปนะ ไว้เจอกันเย็นนี้จงอินบอกลาสองสหายแล้วก็เดินตัวปลิวไปยังมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจที่เขาใช้มาหลายปี สีขาวที่จะกลายเป็นเหลืองอยู่แล้วนั้นบ่งบอกว่ามันเก่ามากแค่ไหน แต่จงอินก็ไม่เคยจะสนใจเรื่องนั้นเลย

     

    เขาขี่มันมันออกมาจากที่จอดรถอีกด้านข้างตัวตึก ในใจก็คิดไปถึงอีกคนที่ป่านนี้คงจะแฮปปี้ดี๊ด๊ามากมายหลังจากที่เขาเอาบัตรนั่นไปให้

     

     

    .. เสียดายตังค์ชะมัด กว่าจะซื้อต่อเค้ามาได้

    เครื่องยนต์รุ่นเก่าสั่นน้อยๆไปตามแรงบิดของจงอิน อีกไม่ไกลก็กำลังจะถึงรั้วของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว จู่ๆร่างสูงที่มาจากไหนไม่รู้ก็เข้ามาขวางทางเขาไว้ จงอินเบรกเต็มแรงจนหน้าเกือบทิ่ม แล้วยิ่งต้องโมโหเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้านั้นเป็นใคร

    อาจารย์จะเอาอะไรกับผมอีกฮะ ..จงอินตะโกนถามออกไป แต่ชานยอลกลับไม่สนใจ ท่าทางที่ดูเหนื่อยหอบนั้นตรงปรี่เข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    จงอิน ขอร้อง นายพาฉันไปทีดิ เค้าประกาศรางวัลกันบ่ายสามนะชานยอลเอ่ยจริงจัง

    แล้วเกี่ยวอะไรกับผมเล่า นู่น .. แท็กซี่ด้านนอกนู่นพูดไปพลางที่นิ้วไปอย่างไม่เข้าใจคนตรงหน้าเสียเหลือเกินที่ชอบมาทำให้เขาวุ่นวายทุกที

    แหกตาดูหน่อยสิ รถติดแบบนั้นฉันไปไม่ทันแน่ นะ .. ขอร้องล่ะ นายจะเอาเท่าไหร่บอกมาได้เลยประโยคหลังเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ชานยอลตื๊ออย่างสุดความสามารถเพื่อความหวังเดียวในตอนนี้ จงอินมองอย่างไม่อยากจะช่วยเลย เขารู้สึกไม่อยากจะยุ่งอะไรมากนักเลยกับผู้ชายคนนี้

    นะ คะแนนงานของนายเดี๋ยวเพิ่มให้เลยเอามั้ยครั้งแรกที่ชานยอลพูดดีแบบนี้

    ไม่ขอเอี่ยวเรื่องสินบน

    เฮ้ยไม่ใช่ อย่าคิดแบบนั้นสิจงอิน นี่ฉันที่ปรึกษานายนะ

     

    ... เอาอีกแล้วหมอนี่ อ้างได้ตลอดเวลา คอยดูเถอะ

     

    ชานยอลยังคงยืนขอร้องเขาอยู่อย่างนั้น จงอินแอบเสียดายน้ำมันที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่กับที่แบบนี้มาก ดวงตาทั้งคู่หรี่ลงอย่างใช้ความคิด และหลังจากที่เขาบวกลบคูณหารทุกอย่างเสร็จสรรพแล้วก็เป็นอันว่า

    โอ๊ย เปลืองน้ำมันชะมัด ไปเรียกวินมอไซค์ข้างนอกไปเองแล้วกันนะว่าแล้วก็บิดเครื่องเดินหน้าเต็มแรงจนชานยอลต้องกระโดดถอยออก

     

     

    เฮ้ยเดี๋ยวสิ!! จงอิน กลับมาก่อน กลับมาก่อนเสียงทุ้มตะโกนเรียกอีกฝ่ายที่เห็นแต่แผ่นหลังไกลออกไปจากเขาเรื่อยๆ ร่างสูงลงทุนวิ่งตามทันทีอย่างไม่คิดอะไรเลย

     

     

    รอก่อนสิ ถ้าไม่หยุดฉันจะเอาคะแนนคืนทั้งหมดนะเว้ยเฮ้ย! กลับมาก่อนจงอิน

     

     

    ภาพของอาจารย์หนุ่มที่วิ่งตามลูกศิษย์ด้วยสภาพไม่น่าดูนั้นทำเอาคนที่เห็นต้องมองกันอย่างสงสัย รวมถึงคยองซูและเซฮุนด้วยที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสองคนนั้นทำอะไรกันอยู่

     

     

    เล่นไล่จับมั้งคยองซู

    เค้าญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะเซฮุน

     

     

    จงอินตกใจที่อีกฝ่ายลงทุนวิ่งตามเขาขนาดนั้น บางทีก็รู้สึกทึ่งในความพยายาม ไม่สิ .. บางทีก็อดทึ่งในความดื้อดึงและบ้าคลั่งอย่างไม่มีเหตุผลของผู้ชายคนนี้ไม่ได้ คิดได้ไม่เท่าไหร่พาหนะคู่ใจก็เกิดเนรคุณขึ้นมาเอาดื้อๆ มอเตอร์ไซค์จงอินดับลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    อะไรวะเนี่ยเขาลองสตาร์ทมันอีกหลายรอบแต่ก็ไม่เป็นผล จนคนที่วิ่งตามนั้นมาถึงเส้นชัยได้ทันเวลาพอดี

    เป็นไงล่ะชานยอลเยาะเย้ยอย่างไม่ดูสภาพตัวเองเลย ร่างสูงที่ไร้สติเพราะปกติก็ไม่มีสติอยู่แล้วนั้นถือโอกาสกระโดดขึ้นนั่งซ้อนหลังจงอินทันทีโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้หายใจหายคอเลยด้วยซ้ำ

     

    .. ไอ้มอไซค์บัดซบ

     

     

    ลงไปเสียงเย็นพูดขึ้นเพราะหวังว่าอีกคนจะเข้าใจได้ง่ายกว่าการที่เขาจะตะโกน

    ไม่

    ผมบอกให้ลงไปไง

    ฉันบอกว่าไม่ลงไง

    ก็เรื่องของอาจารย์ รถผมสตาร์ทไม่ติดแบบนี้ ถ้าไปไม่ทันก็ช่วยไม่ได้นะ

    จงอินหวังว่าชานยอลจะลงไปก็คราวนี้แหละ แต่เขาคิดผิดเมื่อทันใดนั้นหลังจากที่พูดจบ ครั้งแรกที่รองเท้าผ้าใบเก่าๆถีบสตาร์ทเครื่องอีกครั้งก็เป็นอันว่าเครื่องติดอย่างน่าอัศจรรย์

    เฮ้ย...

    ฮ่าฮ่าฮ่า ไปได้แล้วเสียงทุ้มตะโกนออกมาอย่างได้ใจราวกับว่าตัวเองกำลังเหนือกว่า ในขณะที่อีกคนทำหน้าบอกบุญไม่รับเต็มที่

    .. แกเนรคุณรอบที่สองแล้วนะไอ้รถเฮงซวย

     

    จงอินจะหนีก็หนีไม่ออก จะไปตอนนี้ก็ติดที่มีเสาไฟฟ้านั่งเกาะเขาไม่ยอมปล่อย ให้ตายสิ!! อยากร้องป่าวประกาศเสียเหลือเกินว่าอาจารย์คนนี้มันโรคจิต ดูซิว่าจะมีใครรับได้บ้าง

     

    อย่าแม้แต่จะคิดมือหนาเอื้อมมาปิดปากของคนข้างหน้าที่ทำท่าจะตะโกนออกไป

    อื้อ.. อ่อยเอ้ยเสียงอู้อี้ที่ร้องอยู่ไม่เป็นผลเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยเลย

    ฟังนะ ถ้านายไม่ไปก็ลงจากรถไปซะ

    ครั้งแรกที่จงอินรู้สึกยอมรับ ว่าที่เค้าว่ากันว่า ตื้อเท่านั้นที่ครองโลกมันจะเป็นเรื่องจริง แม้ว่าไอ้คนจอมตื๊อข้างหลังเขาตอนนี้นั้นจะตื๊อได้หน้าด้านและน่าฆ่าทิ้งก็ตามที

     

    ◆◆◆◆◆◆

     

    ไม่กี่นาทีหรืออาจจะมากกว่านั้นไม่นานนักที่ทั้งสองใช้เวลาเบียดเสียดกับรถแน่นถนนที่แม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์แต่ก็สามารถจะติดได้ขนาดนี้ และไม่นานนักทั้งสองก็พากันมาถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ใช้เป็นสถานที่ประกาศรางวัลใหญ่ของเครื่องสำอางแบรนด์ดังอย่าง สเตลล่า

     

     

    คนอะไรหนักเป็นบ้า ให้แบกมาซะถึงนี่จงอินบ่นกับตัวเองที่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาลำบากกับคนๆนี้ด้วย

    อย่าบ่นนักเลยน่า จะไม่ทันแล้วว่าแล้วร่างสูงก็ฉุดแขนอีกฝ่ายให้วิ่งไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่เป็นจุดจัดงาน

    ชานยอลจะรู้ตัวไหมว่าบ่ายสามโมงของเขาได้หายไปกับการขัดคอกับจงอินตั้งแต่เดินอยู่บนตึกที่มหาวิทยาลัยแล้ว ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจะครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว

    แฟนคลับทั้งหลายของสาวเจ้าคนดังทยอยกันกลับออกมาทั้งมีผิดหวังบ้างที่ชวดรางวัลใหญ่และที่แฮปปี้เพราะได้เจอตัวจริงก็มีอยู่บ้าง ชานยอลใจแป้วเมื่อเจอกับสภาพของงานที่แทบจะไม่เหลือใครแล้ว

     

    ทำไมมันเลิกเร็วแบบนี้ล่ะ งานออกใหญ่

    อย่าบ่นเลยน่าจงอินเอาคำของอีกฝ่ายมาใช้บ้างแต่คนถูกกลับไม่ใส่ใจจะฟัง และตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมาต่อล้อต่อเถียงด้วยเลย ระหว่างที่เดินตามร่างสูงไปเรื่อยๆจงอินก็ก้มมองดูข้อมือตัวเองที่ชานยอลจับมันเอาไว้อย่างนั้นด้วยสายตาละห้อยอย่างที่ไม่เคยแสดงออกมาก่อน เคยอยากจับมือใครสักคน แต่เป็นฝ่ายที่ถูกจับบ้างก็รู้สึกดีไม่น้อย

     

    .. เฮ้ย !! บ้ารึเปล่านะเรา

     

    สติถูกดึงกลับมาแล้วจึงสะบัดหัวแรงๆ สองเท้าที่ก้าวตามไปหยุดเดินลงเมื่อถึงสถานที่จัดงาน

    หยุดทำไมชานยอลถาม

    อาจารย์ เข้าไปคนเดียวเหอะ ผมรออยู่นี่ดีกว่าและเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะเข้าไปด้วยกันจริงๆชานยอลก็ไม่บังคับอะไรอีก

     

    เขามองดูชานยอลเดินจากไปแล้วตรงเข้าไปหาสตาฟผู้ชายที่กำลังทำอะไรสักอย่างที่เขาก็บอกไม่ถูก ก่อนที่ร่างสูงจะเปลี่ยนเป้าหมายไปหาพนักงานสาวที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะตัวหนึ่ง จงอินหันกลับมาแล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นั่งพักที่อยู่ติดกับผนังบริเวณที่เขายืนอยู่

     

     

    น่าสมเพชสิ้นดีก็ท่าทางทุรนทุรายจะเป็นจะตายอย่างนั้นของคนเป็นผู้ชายมองแล้วช่างน่าสงสาร แต่เขาก็ไม่อยากจะว่านักหรอกกับเรื่องแบบนี้

     

     

    .. อย่างว่าล่ะนะ ใจเขาใจเรา

     

    ชายหนุ่มเงยขึ้นมองโปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขา

    สเตลล่า ...อักษรชื่อแบรนด์ดังขนาดใหญ่วางพาดอยู่ด้านล่างของภาพพรีเซ็นเตอร์สาวสวยสุดฮอต หนึ่งในสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังในเกาหลีที่กำลังส่งยิ้มมาให้เขา รองเท้าผ้าใบคู่เก่ากระดิกไปตามเท้าของเจ้าของที่กำลังนั่งไขว่ห้างดีดเท้าไปมาอย่างเซ็งจัด เธอคนนี้นี่เองที่ทำให้คนแทบทั้งประเทศและใครบางคนแถวนี้ทั้งรักทั้งหลงจนโงหัวไม่ขึ้น

     

    มองอะไร ไม่เคยเห็นคนรึไงจงอินพูดกับภาพโปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรหล่อนก็ยังได้แต่ยิ้ม

    โธ่ .. ไม่แน่จริงนี่หว่าริมฝีปากนั้นยู่ใส่เจ้าหล่อนอีกครั้งอย่างไม่มีเหตุผล รู้ตัวอีกทีคนที่เดินผ่านไปมาก็มองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจแล้ว แต่จงอินก็ไม่สนใจอะไร ก็แค่คิดว่าคนพวกนี้ไม่ได้ให้ตังค์เขาใช้สักหน่อย

     

    .. จะไปทันนัดไอ้สองตัวนั้นมั้ยเนี่ย

     

     

     

     

    ทางด้านชานยอลก็กำลังจะหมดหวังเพราะสถานการณ์ตอนนี้ก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ใช่เขาแน่ที่ได้รางวัลใหญ่ แต่รอยยิ้มกว้างของพนักงานสาวคนนั้นก็ทำให้เขาหัวใจพองโตได้อีกครั้ง

     

     

    ยินดีด้วยนะคะ คุณนี่เองที่เรากำลังรออยู่หญิงสาวบอกกับชานยอล และนั่นก็ทำให้เขาแน่ใจว่าเป็นเขาแน่ๆที่จะได้ไปดินเนอร์กับซานดาร่า

     

     

     

     

     

    บัตรใบนี้เป็นใบสุดท้ายของคนที่ได้รางวัลดินเนอร์ที่ภัตตาคารหรูกับคู่รัก ยินดีด้วยจริงๆนะคะ คิดว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว








    .
    .
    Tbc. Ending part 







     #ficGiftVoucher





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×