คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : One heart One love :: 21
One Heart One Love
-Twenty-One-
หลังจากขออนุญาตออกไปเที่ยวข้างนอกได้แล้ว จงอินก็กลับไปเอารถจากที่บ้านมาที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้ามืด เขาพยุงคยองซูลงจากห้องและพาขึ้นรถอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาอยากให้คยองซูมีความสุข
เขาอยากเห็นรอยยิ้มของคยองซู...อยากเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนที่เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีก
จงอินออกรถเข้าถนนใหญ่ ดวงตามองตรงไปบนถนนเบื้องหน้าแต่มีบางครั้งที่แอบเหล่มองคนตัวเล็กข้างตัวว่าเป็นอย่างไรบ้าง จงอินผุดยิ้มบางเบากับท่าทางเหมือนเด็กน้อยเพิ่งออกมาเผชิญโลกกว้าง คยองซูทอดสายตามองทุกอย่างภายนอกอย่างสนอกสนใจ มือเล็กเกาะกระจกหน้าต่างไว้แน่น ใบหน้าแทบจะฝังกับกระจกรถอยู่แล้วหากไม่มีเสียงเรียกจากจงอินขัดขึ้นซะก่อน
“จะจ้องอะไรนักหนา ข้างนอกมีอะไรน่าสนใจงั้นหรอ”
“ไม่มีหรอก... แต่อยากมองอ่ะ” คยองซูยิ้มหวานอย่างร่าเริงตามแบบฉบับของตัวเอง จงอินส่ายหน้าเอือมนิดหน่อยแล้วหันไปสนใจการขับรถต่อเหมือนเดิม
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงจงอินก็จอดรถเข้าข้างทาง หันมองคยองซูอีกครั้งแล้วก็พบว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้ว... ดวงตาแสนสดใสถูกเปลือกตาปกคลุมไว้รอเวลาที่มันจะเปิดขึ้นมาทอประกายอีกครั้ง ริมฝีปากหยักลึกที่เขาชอบสัมผัสเผยอขึ้นเล็กน้อยคล้ายจะยั่วกัน... และมันทำให้เขาห้ามใจตัวเองไม่ให้ประทับริมฝีปากลงไปไม่ได้เลย
จงอินโน้มใบหน้าให้ใกล้ชิดมากกว่าเดิมจะได้จูบได้ถนัด คยองซูดิ้นยุกยิกเมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังรบกวนการนอนของตนอยู่ แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น เพราะร่างเล็กหยุดดิ้นและหลับสนิทไปเหมือนเดิมเรียบร้อยแล้ว
ความหวานจากริมฝีปากอ่อนนุ่มและโพรงปากร้อนชื้นดึงจงอินให้หลงไหลและต้องการมันไม่รู้จบ...ฉุดรั้งจงอินให้ถอนตัวออกจากความร้อนแรงจากสัมผัสของคนตรงหน้าไม่ได้
จงอินผละออกจากริมฝีปากที่ตัวเองกำลังรุกรานอยู่อย่างรวดเร็วทันทีที่คยองซูปรือตามองเขาเล็กน้อยแล้วก็ปิดเปลือกตาลงไปอีกครั้ง... จงอินถอนหายใจยาวแล้วเริ่มเคลื่อนรถสู่เส้นทางซึ่งเป็นจุดหมายของตนอีกครั้ง
ตื๊ด...
เสียงโทรศัพท์จากเบาะหลังเรียกจงอินให้หันมาสนใจ เขาชะลอรถแล้วพยายามเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์ของตัวเอง มือหนาปัดไปทั่วเบาะแล้วก็เจอเครื่องมือสื่อสารเครื่องบางในที่สุด
จงอินมองเบอร์ที่โชว์ขึ้นบนหน้าจอผ่านๆก่อนจะกดรับสาย
“ครับ”
[จงอิน... หาที่ดักฟังเจอแล้วใช่มั๊ย]
“พังมันไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ”
[ดีมาก... แล้ว ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลหรือเปล่า?]
“อยู่ข้างนอกครับ กำลังจะไปเชจู”
[แล้วคยองซูเป็นยังไงบ้าง? พาออกไปข้างนอกแบบนั้นเดี๋ยวยิ่งอาการหนักหรอก]
“คยองซูดีขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ หมอบอกให้ไปเที่ยวได้ คงไม่เกิดอะไรร้ายแรงขึ้นหรอกครับ”
[ก็ดีแล้วล่ะ อ้อ...แต่พี่ขอเตือนไว้อีกอย่างนะ...]
"..."
[หันมองรอบตัวเองบ่อยๆหน่อยก็ดี คริสอาจสะกดรอยตามนายไปก็ได้... ตอนนี้หมอนั่นไม่มีที่ดักฟังแล้ว ถ้าอยากรู้เรื่องของนายก็ต้องสะกดรอยตามเท่านั้น]
"...!"
[แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก... ถ้านายต้องประจันหน้ากับคริสจริงๆ ขอให้ใช้เหตุผลและสติเข้าช่วยเวลาคริสพูดอะไรให้ฟัง]
“…”
[แต่ถ้าหมอนั่นพูดถึงคยองซู...นายต้องบอกว่าไม่ได้ชอบคยองซู เข้าใจไหม]
“ทำไมล่ะครับ”
[หมอนั่นไม่หวังดีกับนาย ถ้านายบอกว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคยองซู มีความเป็นไปได้สูงที่หมอนั่นจะเริ่มลังเลและไม่ใช้คยองซูเป็นเหยื่อในการล่อนายเข้ากับดักที่มันสร้างขึ้น ซึ่งเรายังไม่รู้อีกต่างหากว่ามันจะมาไม้ไหน กันไว้ดีกว่าแก้ ใช้วิธีนี้ดีที่สุด เชื่อพี่!]
“โอเคครับ ผมจะบอกว่าไม่ได้ชอบคยองซู”
[เชื่อฟังพี่ดีมากเลยน้องรัก ฮ่าๆๆๆๆๆ]
“แล้วนี่พี่อยู่ไหนแล้วครับ”
[พี่อยู่กับคุณแทมินที่ร้านอาหารน่ะ เดี๋ยวเย็นๆก็คงจะกลับแหล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง]
“งั้นเจอกันตอนเย็นนะครับ”
[โอเคจ้า แค่นี้นะ]
“ครับ”
จงอินวางโทรศัพท์ลงกับช่องว่างที่ใช้วางแก้วกาแฟ มือหนาข้างหนึ่งลูบผมของคยองซูอย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู ส่วนมืออีกข้างก็จับพวกมาลัยแน่น แม้ตาจะมองถนนแต่จริงๆแล้วจงอินแทบไม่มีสมาธิพอจะขับรถด้วยซ้ำตั้งแต่จูบกับคนข้างๆไป
เขาส่ายหน้าน้อยๆ พยายามไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง ดึงสติที่กระจัดกระจายให้กลับเข้ามาอยู่ในตัวเหมือนเดิม แล้วเหยียบคันเร่งเต็มที่เพื่อให้ไปถึงเชจูไวที่สุด
เขาได้ยินทุกอย่าง...เขารับรู้ทุกประโยคที่จงอินคุยกับปลายสายเมื่อครู่
เขารู้ว่าตัวเอง... เจ็บ
‘โอเคครับ ผมจะบอกว่าไม่ได้ชอบคยองซู’
จงอินมีความจำเป็นอะไรถึงต้องบอกคนอื่นว่าไม่ได้ชอบคยองซู... มันสำคัญมากหรอที่ต้องบอกว่าไม่ได้ชอบเขา
คยองซูก็น้อยใจเป็น...
แม้จะอยากร้องไห้ระบายความอัดอั้นและความเจ็บปวดเล็กๆในมุมหนึ่งของหัวใจแต่คยองซูกลับไม่กล้า... เขาไม่อยากให้จงอินรู้ว่าเขาได้ยินคำตอบของจงอินที่เอ่ยตอบปลายสายไปทุกประโยค... เขาไม่อยากให้จงอินรู้ว่าเขากำลังน้อยใจ
คยองซูพยายาบขยับตัวให้เหมือนคนกำลังนอนหลับให้มากที่สุด หันใบหน้าออกไปนอกกระจก
เผื่อว่าถ้าน้ำตาไหล...จงอินจะได้มองไม่เห็น
เผื่อว่าถ้าน้ำตาไหล...จงอินจะได้ไม่รู้
มือเล็กจิกเข้าหากันแน่นด้านหลังตัวเอง คยองซูเม้มปากไม่ให้สั่น ไม่แม้แต่จะให้เสียงบางอย่างเล็ดลอดออดมา... เสียงกลั้นสะอื้น
‘ที่นายไม่แน่ใจที่ฉันบอกรักนายไป... เพราะในหัวใจนายไม่มีความเชื่อใจต่อฉันเลย’
ฉันจะพยายามนึกถึงคำพูดของนายนะจงอิน...
‘ทำไมนายถึงไม่เชื่อฉันล่ะ... ว่าที่ฉันบอกรักนายมันออกมาจากใจของฉันจริงๆ...’
ฉันรู้ว่าทุกอย่างที่นายพูดมันออกมาใจจริงๆ...
ฉันรู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นกับคนอื่น...
ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ควรคิดมาก... แต่เรื่องบางเรื่อง..
...มันอดคิดไม่ได้จริงๆ
เมื่อรู้สึกถึงความร้อนบริเวณขอบตาคยองซูจึงค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นเพื่อมองสิ่งรอบด้านได้ชัดเจน และยังไม่ต้องฝืนทนกลั้นน้ำตาไว้แบบนั้นอีกด้วย
“อ้าว ตื่นแล้วหรอคยองซู”
“อือ”
คยองซูทำเต็มที่แล้ว คยองซูแสร้งว่าไม่ได้เป็นอะไรทั้งๆที่หัวใจกำลังร้องไห้เจียนจะขาดใจ...
“อีกประมาณชั่วโมงสองชั่วโมงก็ถึงปูซานแล้ว จากนั้นเราค่อยนั่งเรือจากปูซานไปลงเชจู ถึงเกาะนั่นก็คงประมาณเที่ยงๆ” จงอินคำนวณเวลาเองในใจ พร้อมกับทำท่าครุ่นคิดตามไปด้วย
“งั้นฉันขอนอนต่ออีกหน่อยนะ”
“ตามสบายเลย...ให้ฉันปรับเบาะลงให้ไหม”
“ไม่เป็นไรๆ นายขับไปเถอะ” คยองซูฝืนยิ้มตอบกลับไปแล้วโน้มตัวลงนอนท่าเดิม ข่มตาหลับเต็มที่แม้ว่ามันจะไม่เป็นสำเร็จก็ตาม
ขอเวลาฉันนิดหนึ่งนะ...
...ขอเวลาให้คนคิดมากแบบฉันหน่อย
----------------------------------------
หลังจากนั่งรถมาประมาณสองชั่วโมงก็ถึงปูซาน คยองซูยังคงไม่เลิกเศร้าจนจงอินจับสังเกตได้ และเอ่ยถามว่าเป็นอะไร แต่คยองซูกลับทำแค่ยิ้มบางๆพร้อมกับคำตอบที่ขัดกับสภาพความเป็นจริงเป็นที่สุด
ไม่เป็นไร...
จงอินไม่ถามอะไรต่อเพราะรู้ว่าถ้าคยองซูเอ่ยปากบอกแบบนี้แสดงว่าร่างเล็กคงมีเรื่องให้กังวลแต่ไม่ต้องการให้เขารู้แน่ๆ
การเดินทางโดยเรือจากปูซานไปเชจูใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่จงอินกลับรู้สึกเหมือนมันนานเป็นปีเพราะคนข้างตัวเอาแต่นั่งเงียบ พอเขาเริ่มชวนคุยคยองซูก็ส่ายหน้ายิ้มๆแล้วแกล้งหลับไปเสียเฉยๆ จงอินเลยต้องแกล้งทำเป็นนิ่งเฉยไปด้วยเพราะไม่รู้ว่าควรจะเริ่มบทสนทนาอย่างไรดี
โรงแรมอันดับหนึ่งของเชจูเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายซึ่งมาใช้บริการในวันหยุดยาว จงอินพาคยองซูขึ้นมาเก็บของบนห้องซึ่งโทรจองไว้ตั้งแต่เช้า ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันออกไปเดินเล่นบนหาดทรายใกล้ๆโรงแรม
หาดทรายยามบ่ายแทบไม่มีคนเพราะแดดร้อนแต่คยองซูกับจงอินไม่สนใจ ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่เรียงเป็นแถวตามแนวทางเดิน แสงอาทิตย์ลอดผ่านแมกไม้ลงมาได้นิดหน่อย เสียงคลื่นกระทบหาดทรายดังก้องซ้ำไปมาในโสตประสาท คยองซูมองตรงไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย ความคิดทุกส่วนว่างเปล่าและพร่าเลือน จุดหมายปลายทางที่จงอินจะพาไปคือที่ไหนก็ไม่รู้แต่เขาก็ยังเดินไปโดยไม่อิดออด
เม็ดทรายละเอียดเข้ามาในรองเท้าแตะที่คยองซูใส่อยู่ ฝ่าเท้าเรียบเนียนคล้ายไม่มีความรู้สึกต่อเหล่าเม็ดทรายนั้นเลยเพราะคยองซูยังคงเดินต่อไปหน้าตาเฉย...
ราวกับมีร่างกายแต่ไร้ซึ่งจิตใจและอารมณ์ความรู้สึก
โครงหน้าสวยหวานเรียบนิ่ง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำใสๆคลอเบ้า และมันสามารถไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกได้ทุกเมื่อถ้าจงอินไม่ทักขึ้นมาเสียก่อน
"นี่คยองซู "
คยองซูหันมองคนข้างกายแต่ไม่ได้สบสายตากับจงอิน
ไม่ใช่ความกลัว... ไม่ใช่ความเกลียด... แต่ความไม่แน่ใจที่มันอัดแน่นเต็มอกทำให้เกิดความไม่กล้าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
"ตอนเย็นไปหน้าผากันไหม"
เสียงทุ้มเข้มกับใบหน้าที่คยองซูโหยหาก้มลงชิดกลุ่มผมนุ่ม ก่อนจะเลื่อนลงมาบริเวณปลายจมูกจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน จงอินขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นใบหน้ากับแววตาว่างเปล่าทว่าแฝงไปด้วยความกังวลลึกๆในดวงตาสีอ่อนซึ่งปกคลุมด้วยหยดน้ำตาคลอหน่วย
"ป...ไปก็ได้..."
เสียงขาดห้วงตอบกลับแผ่วเบา คยองซูเลี่ยงที่จะมองตอบจงอินซึ่งกำลังจ้องเขาด้วยแววตากดดันเล็กๆ มือหนาเกลี่ยแก้มใสให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะโน้มใบหน้าลงประทับริมฝีปากสั่นระริกอย่างแนบแน่น
สัมผัสอ่อนหวานและนุ่มนวลที่แสนคุ้นเคย บัดนี้กลับไม่เหมือนเดิมในความรู้สึก...ไม่รู้ว่าเพราะหัวใจกับสมองยังไม่เปิดรับทุกสิ่งที่จงอินกำลังทำให้หรือเปล่า เขาถึงไม่สามารถเข้าถึงรสจูบแสนหวานนี้เลย
กระทั่งจงอินถอนจูบออกไป คยองซูจึงหลุดจากความคิดที่วิ่งวนไปมาในสมอง ร่างกายที่เหมือนไม่ใช่ของตัวเองเริ่มไร้เรี่ยวแรงจวนเจียนจะล้มลง หัวใจเต็มไปด้วยประโยคทำร้ายจิตใจนั้นย้อนกรอกลับไปกลับมาไม่หยุดเหมือนกับแผ่นเสียงตกร่อง...
...ผมจะบอกว่าไม่ได้ชอบคยองซู...
ไม่ชอบก็คือไม่รัก... ไม่อยากอยู่ไกล้ๆ ไม่อยากดูแล ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่ต้องการครอบครองหัวใจของเขาแต่ต้องการโยนมันทิ้งลงกับพื้น... นี่ใช่ไหมสิ่งที่จงอินต้องการจะสื่อให้ปลายสายเข้าใจ
นี่ใช่ไหมสิ่งที่จงอินอยากพูดกับเขาตรงๆ...
แม้จะยังไม่แน่ใจแต่คำตอบของสมองก็มาเหนือความรู้สึกที่มี
คยองซูไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไร ไม่รู้ว่าตัวเองต้องพูดอะไรถ้าจงอินบอกไม่ชอบเขาตรงๆ
"คยองซู... คยองซู..."
จงอินส่ายมือไปมาตรงหน้าของคยองซูทำให้คนตัวเล็กหลุดจากภวังค์พร้อมกับน้ำตาหยดเล็กที่ไหลลงมาตามข้างแก้มโดยที่เขาไม่รู้ตัว...ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเจ็บจนต้องร้องไห้แบบนี้เลยหรอ
"ร้องไห้ทำไม เฮ้... เป็นอะไรไปคยองซู"
ความกังวลในน้ำเสียงทุ้มนุ่มเรียกน้ำตาจากคยองซูให้รินไหล เขาอยากรู้ว่าอาการเป็นห่วงของจงอินคือสิ่งที่ออกมาจากใจจริงๆ ไม่ใช่เรื่องเสแสร้งซึ่งจงอินสร้างขึ้นมาปกปิดความรู้สึกกับคำพูดที่เขายังไม่ต้องการบอกคยองซูในตอนนี้
มันเจ็บ...
เจ็บจนแทบทนไม่ไหว... ราวกับทุกอย่างที่จงอินต้องการเอื้อนเอ่ยให้เขารับรู้เป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจเกินไปอย่างไรอย่างนั้น
นิ้วเรียวที่เกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างเบามือ... แววตาแสดงความห่วงใยที่จงอินแสดงออก... ระยะห่างที่แทบไม่มีช่องว่างให้หายใจ... กำลังฆ่าคยองซูให้ตายทั้งเป็น
มือที่มองไม่เห็นกำลังบีบรัดหัวใจจนแทบหายใจไม่ออก... มือนั้นบีบรัดร่างของเขาจนทรมานไปทุกห้วงความรู้สึก... มือนั้นราวกับมีดแหลมคมซึ่งบรรจงกรีดหัวใจเขาจนขาดวิ่นและใกล้แตกสลายลงทุกที
ก้อนเนื้อที่เต้นรัวเร็วแสดงอาการออกมาอย่างรวดเร็ว คยองซูทรุดลงกับผืนทรายเนียนละเอียดพร้อมกุมหน้าอกตัวเองแน่น จงอินเริ่มหน้าเสียและทิ้งตัวลงข้างๆคยองซู โอบรอบร่างบางที่ดิ้นพล่านคล้ายปลาติดเบ็ดกำลังถูกดึงขึ้นมาในอากาศ และต้องการจะดิ้นให้หลุดจากความทรมานที่ตัวเองกำลังเผชิญ
คยองซูใช้มือข้างที่ว่างบีบไหล่จงอินแน่น ผ่อนคลายความเจ็บปวดผ่านแรงที่ส่งจากมือที่กุมหน้าอกและมือที่บีบไหล่ของอีกคน กัดริมฝีปากจนบวมแดงและเริ่มห้อเลือด ดวงตาแดงก่ำเนื่องจากการร้องไห้อย่างหนักปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งลง ปลดปล่อยความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลผ่านหยดน้ำไร้สี
จงอินทำหน้าเลิกลั่ก ไม่อยากมองคยองซูที่กำลังทุรนทุรายเพราะความทรมานจากการที่หัวใจบีบรัด... โรคหัวใจกำเริบและสร้างความเจ็บปวดให้คยองซูจนจงอินรู้สึกได้ถึงทุกอย่างที่คยองซูกำลังเป็น... รู้สึกได้ว่าเล็บที่จิกกับไหล่ของเขาเป็นทางผ่านของความเจ็บปวดที่ไหลเข้าสู่ร่างกายและส่งต่อมาถึงหัวใจของจงอิน
อยากเจ็บแทน...
แค่คยองซูไม่เจ็บ แล้วเขาต้องทนทรมานแทน เขาก็ยอม...
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่จงอินคิดออกแต่ไม่สามารถพูดออกไปให้คยองซูได้ยิน ริมฝีปากเขาปิดสนิท ลำคอแหกผากถึงขนาดว่าแค่กลืนน้ำลายยังทำไม่ได้ ความเจ็บปวดจากการต้องทนมองคนรักทุกข์ทรมานแล่นพล่านไปทั่วร่าง... เขาเกร็งแขนและขาเพื่อเป็นหลักให้ตัวเอง และเป็นหลักให้คยองซู
"ฮึก... จงอิน..."
เสียงแผ่วลอดผ่านริมฝีปากที่เพิ่งปล่อยจากกัน เลือดสีแดงไหลตามมุมปากก่อนคยองซูจะไอออกมาเสียยกใหญ่
เลือด...
คยองซูไออกมาเป็นเลือด!
"เฮ้ย! เป็นหนักแล้วนะคยองซู ฉันว่าไปโรงพยาบาลกันดีกว่า!"
นายต้องการตัดภาระหรือว่านายเป็นห่วงฉันจริงๆ...จงอิน
ความเชื่อใจ...
จู่ๆคำพูดนั้นก็ปรากฏในหัว...คยองซูเหล่ตามองที่จงอินเล็กน้อยก่อนร่างทั้งร่างจะถูกจงอินแบกขึ้นหลังแล้วออกวิ่งไปแทบจะในทันที
นายไม่เชื่อใจฉันหรอคยองซู
ประโยคเสียดแทงหัวใจในคำถามธรรมดาๆ ดังก้องในโสตประสาท คยองซูหลับตาลง ซุกใบหน้าเข้ากับไหล่ของจงอินอย่างคนต้องการที่พึ่ง... แขนที่โอบรอบลำคอกระชับแน่นก่อนที่คยองซูจะจมลงสู่ห้วงนิทราแห่งความเจ็บปวด
----------------------------------------
หลังจากวิ่งมาจนถึงโรงแรม จงอินก็รีบออกรถไปโรงพยาบาลทันที ตลอดทางจงอินเอาแต่เหล่มองคยองซูแทบจะทุกๆนาทีด้วยความเป็นห่วง เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายทั่วใบหน้าหวานใส มือที่กำเข้าหากันแน่นสื่อถึงความทรมานจากโรคหัวใจกำเริบได้อย่างดี...
ทำไมความทรมานพวกนี้ถึงตกอยู่กับคยองซูคนเดียว...
ได้โปรดเถอะพระเจ้า...
...มอบความเจ็บปวดให้แก่ผม... มอบความเกลียดชังทั้งหมดที่ท่านมีต่อคยองซูให้กับผม...
จงอินได้แต่ภาวนาซ้ำไปซ้ำมาในใจ มือที่กำพวงมาลัยไว้คลายออกหลวมๆเมื่อรู้สึกถึงแรงบางอย่างที่ตกลงบนไหล่
ศีรษะของคยองซูเอนแนบกับไหล่ของเขาโดยที่เจ้าของอาจไม่รู้ตัวเพราะกำลังหลับสนิท จงอินมองภาพตรงหน้ายิ้มๆ นางฟ้าตัวน้อยของเขา... ริมฝีปากสีซีดกับดวงตาบวมเป่งไม่ได้ทำให้ความน่ารักของคยองซูลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเหล่าบุรุษพยาบาลทั้งหลายก็กรูกันเข้ามาพาคยองซูเข้าห้องฉุกเฉินไปอย่างรวดเร็วโดยมีจงอินเดินตามหลังไปติดๆด้วยใบหน้าที่เคร่งขึ้นนิดหน่อย
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงหนึ่งคุณหมอก็ออกมาแจ้งอาการของคยองซูให้จงอินรับรู้... จงอินทวนประโยคแต่ละประโยคของหมอก่อนจะสรุปสั้นๆในแบบที่ตนเองเข้าใจเผื่อว่าถ้าคยองซูถามเขาจะได้ตอบถูก
คยองซูควรได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจภายในเจ็ดวันนับจากวันนี้ เพราะหัวใจของคยองซูอ่อนแอเกินไป แถมสภาพจิตใจยังย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่พรุ่งนี้ก็วันนี้คยองซูอาจต้องจากเขาไป...
คิดมาถึงตรงนี้จงอินก็รู้สึกเหมือนหัวใจโดนบางอย่างคล้ายเชือกพันวนไปมาจนเป็นเงื่อนตาย ไม่สามารถแก้ออกได้... ปัญหาเรื่องคยองซูไม่ยอมผ่าตัดซึ่งผูกชีวิตของคยองซูไว้กับเส้นด้ายบางๆที่อาจจะขาดลงได้ทุกเมื่อถ้าเขาตัดสินใจช้าเกินไป...
ถ้าคยองซูไม่ยอมและจงอินไม่บังคับอาจหมายถึงคยองซูจะไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกอีกต่อไป
"ฉันคงต้องบังคับนายจริงๆสินะคยองซู"
จงอินเปรยกับตัวเอง ปล่อยความคิดให้จมไปกับเสียงโหวกเหวกรอบตัว แต่จิตใจกลับยังเชื่อมอยู่กับเรื่องของคยองซูอย่างแน่นหนา... และคงหยุดคิดไม่ได้ถ้าไม่หันไปเห็นร่างของคยองซูที่โดนเข็นออกมาจากห้องด้วยสภาพอิดโรยและไม่เหลือเค้าของคยองซูคนเดิมเสียก่อน
"เป็นไงบ้างคยองซู"
จงอินเอ่ยถามเรียบๆพร้อมรอยยิ้มบางๆแต่งแต้มมุมปาก เมื่อเห็นหน้าสลดของคยองซู เขาก็ไม่อยากจะพูดเรื่องที่คิดไว้ให้คยองซูฟังตอนนี้... คยองซูกำลังเครียดเขายังไม่ควรเสริมอะไรเข้าไปไม่งั้นคยองซูจะคิดมากแล้วต้องโดนหามส่งเข้าโรงพยาบาลอีก
บุรุษพยาบาลหนุ่มซึ่งยืนอยู่ด้านหลังรถเข็นของคยองซูเดินออกไปทันทีที่เห็นว่ามีคนมารับช่วงต่อของตนเรียบร้อยแล้ว
"หมอบอกว่าต้องผ่าตัด"
เสียงหงอยๆกับท่าทางกลัวๆของคยองซูเป็นดั่งเถาวัลย์หนาที่มัดรอบความคิดของจงอินให้ยังไม่อยากคุยเรื่องผ่าตัดกับคยองซูตอนนี้ยิ่งกว่าเดิม
"อืม... ฉันรู้แล้วล่ะ"
"ฉันไม่อยากผ่าตัดเลยอ่ะจงอิน"
"ไม่เอาๆ เราจะยังไม่พูดเรื่องผ่าตัดตอนนี้" นิ้วเรียวยาวกดทับกลีบปากหยักที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมา "เดี๋ยวฉันพาไปกินข้าวแล้วเราออกไปหน้าผากัน ส่วนเรื่องผ่าตัดเอาไว้ทีหลัง ตกลงไหม"
สีหน้าคยองซูดีขึ้นกว่าเมื่อกี้นิดหน่อย ร่างเล็กพยักหน้ายอมรับข้อเสนอของจงอินก่อนที่ร่างสูงจะเดินมาด้านหลังแล้วเข็นรถพาคยองซูไปโรงอาหารของโรงพยาบาลด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
พวกเขาใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในโรงอาหาร ทั้งกินข้าว พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย หรือแม้กระทั่งเรื่องผ่าตัดที่จงอินเผลอหลุดออกมานิดหน่อยแต่ก็รีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่องไปเสียก่อน
"ฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊ปหนึ่งนะ"
จงอินผุดลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปทางห้องน้ำซึ่งอยู่ถัดจากโต๊ะกินข้าวที่ทั้งคู่นั่งอยู่ไปประมาณสี่ห้าโต๊ะ
คยองซูนั่งมองผู้คนทั้งคนท้อง คนป่วย และญาติคนไข้ซึ่งเดินสวนกันให้วุ่นอย่างเครียดๆ ร่างเล็กยันศอกตั้งตรงแล้วทิ้งศีรษะลงบนฝ่ามือด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก ทั้งเศร้า...เครียด...และสุขในเวลาเดียวกัน
แปะ...
กระดาษโพสท์อิทสีเหลืองใบเล็กถูกแปะลงบนโต๊ะของคยองซู สายตากวาดมองข้อความตรงหน้าก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปม แล้วเงยหน้าขึ้นมองหาเจ้าของข้อความบนกระดาษ
ร่างสูงที่ดูโดดเด่นกว่าคนอื่นยืนอยู่ในที่ไกลๆมองมาที่คยองซู สายตาของทั้งคู่สบประสานกัน คริสยิ้มให้คยองซูก่อนที่เขาจะพาร่างของตัวเองออกจากโรงอาหารไปโดยไม่มีแม้แต่การทักทาย
คยองซูกำกระดาษใบนั้นแน่นอย่างลังเลแล้วเก็บมันใส่ในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับจงอินที่เดินกลับมาจากห้องน้ำพอดิบพอดี
"กลับห้องพักกันเลยไหมคยองซู"
"อืม..." คยองซูรับคำสั้นๆแล้วเอ่ยขอร้องสิ่งที่ตัวเองต้องการกับจงอิน "วันนี้ไปที่สวนหลังโรมแรมกันไหมจงอิน"
"สวนหลังโรงแรม? ไม่ไปหน้าผาแล้วหรอ?"
จงอินหรี่ตามองคยองซูอย่างไม่เข้าใจ
"ไปสวนแล้วค่อยไปหน้าผาไง นะๆจงอิน"
ดวงตาเว้าวอนและท่าทางอ้อนๆที่เด็กๆมักชอบทำกันของคยองซูเรียกรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนจงอินจะพยักหน้าให้กับคำขอจากเด็กน้อยน่ารักตรงหน้า
"จงอินใจดีที่สุดเลย ><"
คยองซูยิ้มกว้าง ดิ้นไปมาด้วยความดีใจก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินคล้องแขนของจงอินไปด้วยกันพร้อมกับรอยยิ้มที่ฝืดเฝือนลงเรื่อยๆ...
เขาไม่เชื่อใจจงอินอีกแล้วถึงยอมทำตามข้อความบนกระดาษนั้น
ขอเป็นครั้งสุดท้ายนะจงอิน... แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
ครั้งสุดท้ายที่เขาจะขอลองใจจงอิน....
'ให้จงอินมาที่สวนคืนนี้ ส่วนนายก็หลบอยู่ตรงมุมแถวๆนั้นไปก่อน จำไว้...ถ้าฉันไม่ส่งสัญญาณอะไร ห้ามออกมาเด็ดขาด
-คริส-'
----------------------------------------
ความคิดเห็น