ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    one heart one love เพียงหนึ่งรัก | exo

    ลำดับตอนที่ #20 : One heart One love :: 17

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.33K
      2
      30 ต.ค. 57




    One Heart One Love

    -Seventeen-

     

     

    จงอินเหยียดแขนด้วยความเหนื่อยล้าสะสม ฟุบหน้าลงบนที่นอนแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสีเข้มทอดมองออกไปด้านนอกอย่างเหม่อลอย ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มบางเบาพร้อมกับพึมพำเสียงแผ่ว มือที่กุมกับมือบางบีบแน่นขึ้น มองคยองซูอย่างห่วงใย ก่อนจะกดสายตาลงต่ำเมื่อนึกถึงคำตอบของคยองซูถ้าเขาถามเรื่องการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจไป

     

    คยองซูต้องปฏิเสธแน่นอน...

     

    เขารู้ว่าคยองซูเกลียดโรงพยาบาลและไม่ชอบเรื่องเกี่ยวกับการผ่าตัด เพราะทุกครั้งที่พูดเรื่องพวกนี้ คยองซูก็จะส่ายหน้าปฏิเสธเสมอ

     

    การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจมันคงไม่เกิดผลดีตามมาแน่ถ้าคยองซูดื้อรั้นไม่เอาอย่างเดียว...

     

    หรือเขาต้องบังคับคยองซู?

     

    คำถามผุดขึ้นมาในสมอง จงอินบีบขมับตัวเองแน่นด้วยความเครียด แขนยาวตวัดไปชนกับขาเรียวใต้ผ้าห่มก่อนจะรีบชักกลับอย่ารวดเร็วเพราะกลัวอีกคนจะตื่น เขาขยับเก้าอี้ถอยหลังจนขาเก้าอี้ครูดไปกับพื้นดังลั่น ดวงตาเบิกกว้างแล้วก็พบว่าคยองซูตื่นแล้ว มือเล็กถูเข้าหากันเล็กน้อยเพิ่มความอบอุ่นให้ตัวเอง จ้องจงอินที่ทำสีหน้าตกใจอย่างงงๆ

     

    "จงอินเป็นอะไร?"

     

    เสียงหวานร้องถาม พยายามจะขยับเข้าไปใกล้อีกคนแต่ก็โดนจงอินดันร่างให้นอนกลับไปเหมือนเดิม 

     

    "ฉันทำนายตื่นหรือเปล่าจงอินถาม

     

    "อ่าฮะ เสียงเก้าอี้ดังแสบหูมากเลย...แถมนายยังเอามือมาตีฉันซะแรงเลย" นิ้วเล็กๆจิ้มแขนจงอินอย่างแรง หวังให้อีกคนรู้สึกผิด แต่ผลกลับเป็นตรงกันข้ามเมื่อจงอินหัวเราะเสียงดังลั่นห้องแทน

     

    "ขอโทษแล้วกัน แต่ฉันตีนายเบาๆเองนะ อย่าว่าตีแรงเลย~ " จงอินล้อ แล้วยกนิ้วขึ้นดีดหน้าผากร่างเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว คยองซูเบ้หน้าเมื่อเจอคนรู้ทันแถมยังมาดีดหน้าผากเขาเล่นอีกต่างหากทั้งที่จงอินก็รู้เขาไม่ชอบเล่นแบบนี้แต่ก็ยังทำ ใบหน้าหวานหันหน้าหนีไปทางอื่นพร้อมกับที่จงอินชะงักไปเพราะท่าทางของร่างเล็กที่แสดงออกว่า...

     

    ...งอนแน่ๆ!

     

    "คยองซู~งอนหรอ~"

     

    "..."

     

    "ขอโทษที่ดีดหน้าผากนายนะ ลืมไปว่านายไม่ชอบ~"

     

    "..."

     

    "คยองซู อย่าเงียบสิ~"

     

    "..."

     

    "โอเค! ถ้านายไม่คุยฉันก็จะงอนนายเหมือนกัน!"

     

    คยองซูหันขวับพอจงอินพูดเหมือนคนที่งอนจริงๆ ร่างเล็กเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ดีๆจงอินก็เงียบไปอย่างนี้ จากที่ทุกครั้งต้องให้คนมาง้อตัวเอง คราวนี้เขาต้องง้อจงอินงั้นหรอ?

     

    จงอินนะจงอิน!

     

    "นี่... หายงอนแล้วนะ" จิ้มแขนอีกคนเบาๆพลางทำหน้าออดอ้อนแต่จงอินก็ยังนิ่งอยู่แบบนั้น คยองซูขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วเริ่มง้อต่อ

     

    "จงอิ๊นนน~หายงอนเถอะนะ ฉันยังหายเลยน้าาาา~~"

     

    “…”

     

    จงอินนนน~~ หายงอนนะ หายงอนๆๆๆๆ” 

     

    คยองซูตะโกนใส่หูของจงอิน ร่างสูงยกยิ้มเมื่อ ‘แผน’ ของเขาตรงล็อคที่วางไว้พอดี!

     

    หมับตุ้บ!

     

    จงอินจอมเจ้าเล่ห์!!” 

     

    คยองซูร้องเสียงหลงเมื่อจงอินดันร่างของของตนลงกับเตียงก่อนจะขึ้นคร่อมไว้ไม่ให้ร่างเล็กขยับตัวได้เลย แขนเรียวถูกรวบไว้เหนือศีรษะด้วยมือเดียว ริมฝีปากอุ่นร้อนกดจูบลงบนริมฝีปากเรียวได้รูปอย่างแผ่วเบา กลืนกินทุกคำพูดหายกลับไปในลำคอเหมือนเดิม

     

    คยองซูดิ้นแรงขึ้น ฝืนตัวให้หลุดออกจากพันธนาการแสนหวานนี้แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะแรงที่กดทับลงมาจากร่างเบื้องบน จะหันหน้าหนีก็ทำไม่ได้จึงได้แต่ยอมรับสัมผัสแสนอ่อนหวานจากอีกคนเท่านั้น

     

    เมื่อคยองซูหยุดดิ้นจงอินก็ค่อยๆปล่อยมือที่เขาล็อคไว้ออก แล้วใช้มือนั้นล็อคปลายคางมนไว้เพื่อจะได้รุกล้ำเข้าไปได้มากกว่านี้... จงอินงับริมฝีปากอีกคนเบาๆจนคยองซูเผลอเปิดริมฝีปากให้ร่างสูงเข้าไปกวาดความหวานภายในโพรงปากได้ง่ายขึ้น...

     

    แขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบรอบคอร่างสูงไว้แน่นเพื่อใช้เป็นที่ยึดพิง แต่แล้วมือของคยองซูก็ไปโดนกับอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงปกเสื้อด้านหลังของจงอิน คยองซูเริ่มดิ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณให้อีกคนผละออกไปได้แล้วซึ่งจงอินก็ยอมทำตามแต่โดยดีเพราะรู้ว่าขืนปล่อยต่อไปอีกไม่กี่วินาทีร่างเล็กต้องหมดลมหายใจไปก่อนแน่ๆ

     

    คยองซูหายใจเป็นจังหวะปกติแล้วเอ่ยปากถามจงอินถึงสิ่งที่ตนเองจับไปโดนเมื่อกี้

     

    ที่ปกเสื้อจงอินมีอะไรกลมๆอยู่ด้วย จงอินติดอะไรไว้หรอ

     

    “…!” 

     

    จงอินมองคยองซูงงงๆแล้วก็ถึงกับทำตาโตอย่างคนนึกอะไรสักอย่างออก มือหนาเอื้อมไปแตะตรงปกเสื้อด้านหลังก่อนจะหยิบวัตถุกลมๆนั่นออกมากำแน่น... ที่ดักฟัง

     

    จริงๆมันติดอยู่กับตัวเขาเองหรอเนี่ย?!

     

    คิดไม่ถึงจริงๆว่าหมอนั่นจะเอามาติดไว้ที่ปกเสื้อแบบนี้!!

     

    มันคืออะไรอ่ะจงอิน” คยองซูถามพลางเงยหน้ามองจงอินกับของในมือสลับกันไปมา “คล้ายๆหูฟังเลยนะ

     

    ไม่ใช่หรอก... มันคือที่ดักฟังต่างหาก” จงอินตอบคำถามนั้น กำที่ดักฟังแน่นจนเส้นเลือดขึ้นบนหลังมืออย่างน่ากลัว แต่มันก็คงเทียบไม่ได้กับจิตใจของร่างสูงที่กำลังร้อนรนราวกับอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงหรือไม่ก็พายุห่าใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน

     

    คริสคงได้ยินทุกอย่างแล้วสินะ...

     

    บ้าเอ๊ยยยย!!

     

    อ้อ งั้นก็แล้วไป” คยองซูตัดบทแล้วมองอีกคนอย่างอ้อนๆจนจงอินนึกกลัวว่าคยองซูจะมาไม้ไหนอีก  “จงอิน...อยากไปเที่ยว

     

    แต่นายยังไม่แข็งแรงเลยนะถ้าออกไปเที่ยวเดี๋ยวอาการก็ยิ่งแย่ลงหรอก

     

    แต่ฉันอยากไปเที่ยวนี่... นะๆจงอิน

     

    “…”

     

    ลูกอ้อนนั่นกำลังทำให้จงอินใจอ่อนอีกครั้ง... ที่ดักฟังตอนนี้ก็ไม่สามารถดึงความสนใจจากจงอินไปได้เลย ดวงตาเรียวกวาดมองร่างเล็กอย่างเหนื่อยใจ... คราวนี้ต้องตามใจอีกแล้วสินะ....

     

    “…”

     

    ตามใจแล้วกัน

     

    จงอินใจดีที่สุดเลย~!” เสียงใสเอ่ยด้วยความดีใจ จงอินยิ้มกับภาพตรงหน้า... แค่เห็นคนคนนี้ยิ้ม... โลกของเขาก็สดใสไปได้ทั้งวันแล้ว

     

    อยากไปไหนล่ะ?”

     

    อยากไปเชจู ไปนะๆๆๆ

     

    พรุ่งนี้แล้วกัน ต้องไปขออนุญาตหมอด้วย” 

     

    โอเคเลยยย ><”

     

    จงอินละความสนใจจากรอยยิ้มแสนสดใสเมื่อคยองซูเอ่ยตอบรับอะไรง่ายๆ  เขาจ้องที่ดักฟังในมือว่าจะจัดการยังไงกับมันดีแล้วในที่สุดเขาก็ตัดสินใจกำมันแน่นจนมันแตกหักไม่เหลือสภาพเดิม ก่อนจะเดินเอามันไปทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดี

     

    ขอโทษทีนะคริส...

     

    แต่ต่อจากนี้นายคงแอบฟังฉันกับคยองซูคุยอะไรกันไม่ได้อีกแล้ว

     

     

     

     

    พลั่ก!

     

    คริสเหวี่ยงมือเข้ากับกำแพงอย่างแรง ดึงหูฟังออกก่อนเขวี้ยงลงพื้นระบายอารมณ์  แขนยาวๆกวาดของทุกอย่างบนโต๊ะทำงานออกด้วยโทสะที่อัดแน่นเต็มหัวใจ... กัดฟันจนเจ็บไปหมดแต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับการที่จงอินหาที่ดักฟังเจอและทำลายมันทิ้งเรียบร้อยแล้ว... เจ็บใจที่สุดเลย!

     

    ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำเพราะอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงจนน่ากลัว ร่างเล็กที่เพิ่งเปิดประตูห้องเข้ามาเนื่องจากได้ยินเสียงโครมครามในห้องของคริสถึงกับผงะ ก้าวถอยหลังไปอย่างอัตโนมัติกับสภาพข้าวของที่กระจัดกระจายเต็มห้อง

     

    เลย์’ ก้าวช้าๆไปหาคริส แขนเล็กโอบรอบคอร่างสูงจากข้างหลัง ก้มหน้าลงต่ำเพื่อจะได้วางศีรษะบนไหล่ของคริสได้สบายขึ้น เมื่อคิดว่าตัวเองอยู่ในท่าที่โอเคแล้วเลย์ก็ถามถึงสาเหตุที่ทำให้คริสโมโหจนถึงกับอาละวาดออกมาถึงขนาดนี้ทันที

     

    เกิดอะไรขึ้นหรอคริส

     

    คริสหันมองคนข้างตัว ปลายจมูกของทั้งสองชนกันอย่างไม่ได้ตั้งใจแต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับคริส เขากลับชื่นชอบมันเสียด้วยซ้ำ ริมฝีปากอุ่นร้อนแนบลงบนริมฝีปากบางน่าสัมผัสอย่างรวดเร็ว... ความอ่อนหวานจากปลายลิ้นร้อนค่อยแทรกเข้าไปในโพรงปากของเลย์และทวีความร้อนแรงและหอมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ

     

    เลย์ทุบอกร่างสูงอย่างแรงเมื่อเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก คริสผละออกมานิดหนึ่งแต่จมูกยังชนกันอยู่ เลย์หอบเอาอากาศเข้าปอดจนหายใจเป็นปกติเหมือนเดิม คริสกดยิ้มมุมปากแล้วเลื่อนหน้าสัมผัสข้างแก้มของอีกคนอย่างเสพติด

     

    ใช่แล้ว... คริสเสพติดความหอมหวานจากคนตรงหน้าเป็นที่สุด

     

    ริมฝีปากที่ประทับจูบลงไปเมื่อไรก็เป้นต้องตอบรับตนอย่างดีแทบทุกครั้ง... มันทำให้เขาเสพติดสิ่งนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น

     

    เสพติดทั้งริมฝีปาก...และร่างกาย

     

    จะตอบได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น” 

     

    เลย์ย้อนถามพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งลงบนตักอีกคนอย่างไม่อิดออดเพราะเป็นสิ่งที่เขาทำแทบทุกครั้งหลังจูบให้คริสหายเครียดหรือเหนื่อยล้าเสร็จแล้ว เขาก็ต้องนั่งบนตักของคริสอย่างนี้ทุกที เพื่อที่ว่าจะได้ ‘ทำอะไร’ ได้ง่ายขึ้น ตามที่คริสให้เหตุผลมา

     

    เหตุผลที่เห็นแก่ได้เป็นที่สุด

     

    คริสกลับมาอารมณ์เสียอีกครั้ง ใบหน้าเคร่งเครียดเป็นสัญญาณชั้นดีว่าคืนนี้เลย์คงต้อง ‘ทำงานหนัก’ เพื่อให้อีกคนหายโมโหอีกแน่ๆ

     

    หมอนั่นเจอที่ดักฟังแล้ว.... บ้าเอ๊ย!” คริสเอ่ยออกมาอย่างเจ็บแค้น เลย์ถอนใจเบาๆแล้วถามต่อ

     

    ใจเย็นน่าคริส” เลย์ยกมือขึ้นลูบใบหน้าหล่อเหลาเบาๆ “แล้วหมอนั่นคุยอะไรเป็นเรื่องสุดท้ายก่อนจะทำลายมันทิ้งล่ะ?” ร่างเล็กถามราวกับอ่านความคิดของคริสออกอย่างทะลุปรุโปร่ง 

     

    หมอนั่นจะไปเที่ยวเชจูกับคยองซู อ๊ะ...

     

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากของผู้เป็นเจ้าของ 

     

    แค่ตามไป... ก็จบ

     

     

    ----------------------------------------

     

     

    ท่ามกลางแสงสว่างหนึ่งเดียวจากโคมไฟเพดานในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆแคบๆห้องนี้... มินโฮจ้องมองร่างของคนที่โดนมัดไว้กับเก้าอี้ด้วยรอยยิ้มที่ยากจะอ่านหรือเข้าใจความหมายของมัน.... มือหนาแกว่งปืนพกคู่กายไปมาอย่างสนุกมือ ปืนที่เคยใช้เล็งไปที่ใครต่อใครมากมาย...กระสุนหลายสิบนัดซึ่งสังเวยเลือดใครต่อใครมาแล้วนับไม่ถ้วน... หัวใจที่ด้านชาได้ไม่นานแต่มันก็สามารถแข็งใจฆ่าคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าหรือโดนสั่งให้ฆ่าได้อย่างง่ายดาย

     

    แม้ว่าจะไม่ชอบใจเท่าไรกับฉายาที่เพื่อนร่วมงานในวงการเดียวกันตั้งให้ แต่มินโฮก็อดจะยอมรับไม่ได้ว่ามันเหมาะสมกับเขาเป็นที่สุด  

     

    ยมทูตเลือดเย็น

     

    ทุกคนที่พบกับมินโฮและได้สัมผัสการทำงานร่วมกับเขาต่างเรียกเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่างนั้น เพราะความเลือดเย็นและฆ่าใครอย่างไม่คิดไว้ชีวิตแม้เหยื่อจะร้องขอมากแค่ไหนก็ตาม

     

    ฉายานี้จึงเข้ากับคนแบบเขาเป็นที่สุด

     

    เขาไม่เคยทำงานพลาดแม้สักครั้ง... เหยื่อทุกรายที่เขาได้รับคำสั่งให้ ‘เก็บ’ ไม่เคยมีใครรอดพ้นเงื้อมมือยมทูตในคราบมนุษย์เดินดินคนนี้ได้เลย... มือที่อาบเลือดมามากมายทำให้เขาไม่เคยคิดเสียใจกับสิ่งที่กระทำลงไป... เขาก้าวมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นได้อีกแล้ว

     

    ทำได้เพียงแค่ยอมรับ... ว่าตัวเองเป็นยมทูต

     

    ยมทูตกระชากวิญญาณ... ยมทูตไร้หัวใจที่ไม่เคยลืมความรักอันแสนเจ็บปวดครั้งนั้นไปได้เลย

     

    ความรักกับความตาย... สำหรับเขามันต่างกันแค่เส้นบางๆกั้นไว้

     

    ความรัก... หากไม่ดิ้นรนก็ไม่มีวันได้ครอบครอง แต่ถึงได้ครอบครองไว้กับตัว ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าคนที่เราต้องการจะมอบความรักให้ไม่ได้ต้องการมัน... ถ้าไม่มีใครต้องการ ความรักนั้นก็จะย้อนกลับมาทำร้ายเขาให้ตายทั้งเป็น

     

    ซึ่งไม่ต่างอะไรจากความตายเลยสักนิด... 

     

    ความตายทำให้เราทรมานน้อยกว่าความรัก... นั่นล่ะเส้นกั้นระหว่างคำสองคำนี้

     

    อื้อ...”

     

    เสียงครางต่ำจากคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เรียกให้มินโฮกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันแสนน่ารังเกียจนี้อีกครั้ง

     

    ที่นี่ที่ไหน” 

     

    เซฮุนพยายามเพ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องให้ชัดๆแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกินเพราะแสงที่จ้าเกินไปจากโคมไฟเหนือศีรษะ เซฮุนหลับตาลงอีกครั้งพร้อมๆกับที่มินโฮเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆกับเขาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง

     

    ตื่นแล้วหรอเด็กน้อย

     

    “…!!!”

     

    เซฮุนสะดุ้งสุดตัวกับเสียงที่ดังขึ้นใกล้ๆ เพ่งมองร่างสูงกว่าตัวเองแล้วก็ต้องงงยิ่งกว่าเดิม เพราะคนคนนี้เป็นคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

     

    หรือว่า...คนของชองยุนโฮ!!

     

    คุณเป็นใคร? แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” 

     

    เซฮุนถามออกไปแล้วดิ้นไปมาอย่างแรงเมื่อมินโฮยกปลายปืนขึ้นจ่อขมับเซฮุนนิ่ง กดปลายกระบอกลงไปอีกหน่อยให้เซฮุนดิ้นหนักด้วยความกลัวยิ่งกว่าเดิม

     

    ฉันไม่มีสิทธิ์ตอบคำถามนาย รอพี่ยุนโฮมาก่อนแล้วนายจะได้รู้ทุกอย่างเอง” มินโฮกดเสียงต่ำทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดหนักกว่าเดิม 

     

    ...ชองยุนโฮงั้นหรอ

     

    ใช่แล้วล่ะ...น้องชายผู้น่ารักของอีแทมิน” 

     

    มินโฮย้ำชื่อแทมินเสียงหนักจนเซฮุนถึงกับขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าแทมินมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย 

     

    ทำไมคนตรงหน้าถึงรู้ว่าเขาเป็นน้องของพี่แทมิน?

     

    คุณรู้จักพี่แทมิน?”

     

    ใช่แล้วล่ะเด็กน้อย... รู้จักดีเลยล่ะ” มินโฮยิ้มเหยียด กดปืนลงไปชิดขมับมากกว่าเดิม 

     

    “…”

     

    รู้จักเพราะเราเคยเป็นแฟนกันมาก่อนไงล่ะ

     

    ทันทีที่คำตอบนั้นหลุดออกมาเซฮุนถึงกับนั่งนิ่งไม่ไหวติง เบิกตาโตกับข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อน เกร็งไปทั้งร่างเมื่อปลายกระบอกปืนถูกเลื่อนลงมาที่ท้ายทอยของเขาแทน รู้สึกเย็นวาบไปทั้งกระดูกสันหลังเพราะเขาไม่รู้ว่ามินโฮจะเกิดคึกยิงเขาขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้

     

    นายว่าไงนะ” 

     

    ใบหน้าเต็มไปด้วยประโยคคำถามของเซฮุนทำให้มินโฮถึงกับหลุดขำอย่างอดไม่ได้ เขาชักปืนกลับมาถือไว้ข้างตัวเช่นเดิมแล้วลากเก้าอี้เก่าๆใกล้ๆกันนั้นมานั่งข้างๆเซฮุน

     

    ฉันเป็นคนแย่งแทมินมาจากคิมจงอิน

     

    “…”

     

    แย่งมาเพราะความสัมพันธ์ทางกายคราวนั้น

     

    เซฮุนถึงกับพูดไม่ออกกับคำว่า ‘ความสัมพันธ์ทางกาย’ ที่อีกคนพูดออกมาอย่างไม่อายปากหรือรู้สึกผิดอะไรเลย

     

    หัวใจของคนคนนี้... ทำด้วยอะไรกัน

     

    แต่แย่หน่อยตรงที่มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบ one night stand ฉันหลงร่างกายของอีแทมิน หลงรักทุกๆอย่างที่เป็นหมอนั่น... จากแค่ ‘เซ็กส์’ มันก็พัฒนากลายเป็น ‘ความรัก’”

     

    “…”

     

    ฉันบอกให้แทมินเลิกกับแฟน... แล้วก็ตามแทมินไปอยู่ด้วยกันหรือเรียกง่ายๆว่าฉันไปคุมหมอนั่นมากกว่า

     

    “…”

     

    แต่พออยู่กันไปนานๆจนเกือบจะสองปีก็ทำให้ฉันรู้ว่าแทมินไม่เคยรักฉันเลย... หมอนั่นคิดถึงแต่คิมจงอิน หายใจเข้าก็คิมจงอินหายใจออกก็คิมจงอิน!!!” 

     

    มินโฮตวาดเสียงเหี้ยม กัดกรามแน่นระงับอารมณ์เดือดดาลของตัวเอง ปรับลมหายใจให้เป็นปกติก่อนจะเริ่มเล่าต่อด้วยใบหน้านิ่งเรียบทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาคนที่จ้องมองมันให้ไหม้เป็นจุณได้ในพริบตาเดียว

     

    จนในที่สุดฉันก็หมดความอดทน.. ฉันขอเลิกกับแทมินโดยที่หวังไว้เล็กๆว่าแทมินจะรั้งฉันไว้หรือไม่ก็อาจจะร้องไห้ให้ฉันแค่สักนิดก็ยังดี.. แต่เปล่าเลย! หมอนั่นเหยียบย่ำความรักทั้งหมดที่ฉันมอบให้จนเละไม่มีชิ้นดี!”

     

    “…”

     

    คิมจงอินเป็นคำแรกที่แทมินพูดออกมาหลังจากฉันขอเลิกกับหมอนั่น

     

    “…”

     

    คิมจงอินทำให้ฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็น... หมอนั่นทำให้หัวใจและความรักทั้งหมดที่ฉันมอบให้ลีแทมินกลายเป็นแค่เศษขยะไร้ค่า... คิมจงอินทำให้หัวใจฉันขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี... แผลที่มันเหวอะหวะและยากจะรักษาอยู่แล้วปริออกมาจนเลือดไหลไม่หยุด... เลือดที่ยังคงซึมไม่หยุดจนกระทั่งตอนนี้

     

    “…”

     

    เลือดที่เต็มไปด้วยความแค้นและความรัก!!”

     

    โอ๊ยยยย!”

     

    เซฮุนร้องเสียงดังด้วยความเจ็บเมื่อจู่ๆมินโฮก็กระชากผมเขาอย่างแรงจนต้องหันหัวไปตามแรงกระชาก น้ำตาเม็ดเล็กซึมอยู่ตรงหางตาเล็กน้อยเพราะความเจ็บและหวาดกลัว... เซฮุนพยายามจะดิ้นให้หลุดจากเงื้อมมือของอีกคน แต่ความเป็นไปได้แทบเป็นศูนย์ เพราะเขาโดนมัดตัวไว้กับเก้าอี้อย่างแน่นหนา จะขยับตัวทีก็ลำบาก ถ้าหลุดออกจากเชือกนี้ไปได้ทั้งตัวเขาคงแดงไปหมดแน่ๆ

     

    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?

     

     “จำไว้นะ... ถ้าฉันไม่ได้ฆ่าจงอินกับแทมิน... อย่าหวังเลยว่านายจะได้ออกไปจากที่นี่!”

     

    คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย!?”

     

    ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องรู้

     

    ผมถามหน่อย... ทำไมคุณถึงอยากฆ่าพี่แทมินคุณรักพี่แทมินไม่ใช่หรอ!?”

     

    คำถามนั้นซึมลึกลงไปในหัวใจมินโฮอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับเลือดที่ไหลรินลงมาเป็นสายกลายเป็นหยดน้ำตาเม็ดเล็กที่ไหลมาตามหางตาของชเวมินโฮ

     

    ยมทูตที่ทุกคนต่างเกรงกลัว...กำลังร้องไห้

     

    เพราะหมอนั่นไม่สนใจไยดีความรักที่ฉันมีให้เลยน่ะสิ

     

    “…”

     

    หมอนั่นไม่เคยเห็นฉันดีไปกว่าคิมจงอินเลยสักนิด

     

    มินโฮก้มหน้าลง ชักมือตัวเองที่ดึงผมของเซฮุนไว้แน่นออกแล้วใช้มือปิดหน้าตัวเองไว้ ปล่อยน้ำตาให้รินไหลลงมาไม่ขาดสาย... ตอนนี้เขาแยกอารมณ์ตัวเองไม่ถูกแล้ว เขาโกรธคิมจงอินและลีแทมิน... แต่ตอนนี้เขากลับกำลังร้องไห้ให้กับความโง่งมของตัวเองและความเลือดเย็นต่อความรักของลีแทมิน

     

    เซฮุนมองอีกคนด้วยแววตาที่สับสน... เขางงไปหมดแล้วว่าตกลงคนข้างๆเขาเป็นอะไรกันแน่... เขาปรับอารมณ์ตามไม่ทันแล้ว

     

    นี่คุณ... ผมขอบอกอะไรอย่าง

     

    “…” 

     

    มินโฮเงยหน้ามองเซฮุนทั้งน้ำตาทำให้เซฮุนอดสงสารเขาไม่ได้

     

    เรื่องของความรักน่ะมันบังคับกันไม่ได้หรอก

     

    “…”

     

    ที่พี่แทมินไม่รักคุณไม่ใช่เรื่องผิด

     

    ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอันน่าอึดอัด เซฮุนพรูลมหายใจยาวแล้วตัดสินใจพูดประโยคที่ทำให้มินโฮถึงกับไปต่อไม่ถูก

     

     

    มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะพี่แทมินกำลังทำตามสิ่งที่หัวใจตัวเองเรียกร้องอยู่”         

     

     

    ----------------------------------------

     

     

    เสียงเปิดประตูห้องเบาๆเรียกให้แบคฮยอนที่กำลังเหม่อมองนอกหน้าต่างหันกลับมาที่ประตู หญิงสาวที่เข้ามาใหม่ก้าวเข้ามาหาร่างเล็ก อดจะสงสารแบคฮยอนไม่ได้เมื่อเห็นสภาพราวกับศพใกล้ตาย ข้างกันนั้นมีถาดข้าวสามถาดวางชิดกันอยู่และไม่พร่องไปเลยแม้แต่น้อยทำให้หญิงสาวรู้ในทันทีว่าแบคฮยอนไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน

     

    จะอดข้าวทำร้ายตัวเองทำไมนะแบคฮยอน...

     

    หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ทรุดตัวลงนั่งข้างร่างเล็ก เอื้อมมือไปจะลูบหัวให้แต่ก็ถูกแบคฮยอนปัดมือทิ้งอย่างไม่ไยดี ดวงตากลมโตฉายแววตื่นตระหนกชัดเจน ถอยหลังกรูดจนแผ่นหลังแนบไปกับกำแพงเย็นเฉียบ มือเล็กสั่นอย่างคุมไม่อยู่ หัวใจเต้นถี่รัวพร้อมกับมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ

     

    เขายังไม่พร้อมเจอกับใครตอนนี้...เขากลัวทุกคนที่เข้ามาหา

     

    เขาอยากไปหาชานยอล... เขากลัว...

     

    'ปาร์คฮานาไม่ว่าอะไรกับปฏิกินิยาตอบสนองของหนุ่มน้อยตรงหน้า เธอนั่งลงตรงข้ามกับแบคฮยอนก่อนจะเริ่มเอ่ยแนะนำตัวด้วยท่าทางเป็นมิตรและจริงใจจนแบคฮยอนคลายความกลัวลงไปได้บ้าง

     

    "น้าชื่อปาร์คฮานา เป็นคุณแม่ของเทา ^^"

     

    "...!!!"

     

    แบคฮยอนทำตาโตอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ตนได้ยิน เกร็งไปทั้งร่างกับความสัมพันธ์ของผู้หญิงคนนี้กับเทา

     

    ...แม่ลูก

     

    "...คุณมาทำอะไรที่นี่" เอ่ยถามเสียงสั่น จ้องลึกลงไปในดวงตาแสนอ่อนโยนของคนตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าการแสดงออกทั้งหมดเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริงๆหรือแค่แสดงละคนตบตาเขา

     

    "ฉันจะมาเล่าความจริงทั้งหมดให้หนูฟัง" เสียงหวานตอบคำถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง "ความจริงที่หนูควรจะได้รู้ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วหนูก็ต้องได้รู้เรื่องพวกนี้อยู่ดี"

     

    "เรื่องอะไรคุณจะบอกอะไรผมกันแน่

     

    ดวงตาเรียวรีเต็มไปด้วยความสับสนเอ่อล้น แบคฮยอนแสดงท่าทีหวั่นเกรงฮานาเล็กน้อยก่อนการกระทำนั้นจะจางหายไป เหลือเพียงแค่ใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกและไม่ต้องการรับรู้อะใรทั้งนั้น

     

    "ถ้าหนูไม่อยากฟัง ฉันก็ไม่ว่า" ฮานาเอ่ยอย่างคนรู้ทัน "แต่เรื่องนี้สำคัญต่อชีวิตและอนาคตของหนูมาก เลือกเอาแล้วกันว่าหนูอยากอยู่แบบทรมานอย่างนี้ไปจนตายหรืออยากจะเจ็บชั่วครั้งชั่วคราว ก่อนที่ความรู้สึก 'รักของหนูจะหายไปตลอดกาล พร้อมกับความสุขที่จะเข้ามาแทนที่ให้หัวใจหนูได้รับรู้ถึงมัน"

     

    คำพูดของฮานาทำให้แบคฮยอนขมวดคิ้วมุ่น ค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะต้องเลือกหลังจากที่ได้ฟังผู้หญิงตรงหน้าเล่าเรื่องที่เขาต้องรู้ให้ฟัง

     

    "คุณอยากเล่าอะไรก็เล่ามาเลย"

     

    เสียงตอบรับอย่างหนักแน่นเรียกรอยยิ้มและแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจปรากฏบนใบหน้าสวยหวานซึ่งมีรอยย่นนิดหน่อยตามเวลาที่เปลี่ยนไป

     

    "จริงๆแล้วชานยอลเป็นลูกชายของฉัน"

     

    แค่ประโยคแรกหลุดออกมาก็ทำให้แบคฮยอนชาวาบไปทั้งตัว ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทุกส่วน ซึ่งรวมไปถึงหัวใจด้วย... สมองที่ไม่ได้ใช้งานมาตลอดวันเริ่มทำงานหนักเพื่อจะได้หาคำตอบให้ตนเองได้ว่าสิ่งที่ปาร์คฮานาคนนี้พูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่... หัวใจเริ่มส่งเสียงคัดค้านและสั่งการให้ไม่เชื่อเรื่องที่ฮานาบอก แต่มันแทบเป็นไปได้ ในเมื่อทั้งน้ำเสียงหนักแน่นและโครงหน้าที่คล้ายคลึงกับชานยอลราวกับถอดออกจากพิมพ์เดียวกันเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีที่กำลังตอกย้ำว่า 'ความจริงเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาควรจะ 'ยอมรับแม้ว่าหัวใจจะขัดขืนแค่ไหนก็ตาม

     

    "อาจดูไม่น่าเชื่อ แต่ฉันอยากให้หนูรู้ไว้ว่าฉันเป็นแม่ของเขาจริงๆ"

     

    "..."

     

    "ชานยอลกับเทาเป็นพี่น้องกันแต่คนละพ่อ"

     

    พูดมาถึงตรงนี้ก็เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างจุกอยู่ที่คอ จะกลืนน้ำลายทีก็ยากลำบาก เธอเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดโดยเริ่มจากความผิดพลาดซึ่งเป็นผลมาจากความไม่ตั้งใจและขาดสติของเธอครั้งนั้นทำให้ชานยอลเกิดขึ้นมาดูโลกอันแสนโสมมนี้... โลกสีเทาซึ่งขังเธอไว้ข้างในนั้นกับความทรงจำอันแสนขมขื่น

     

    หัวใจซึ่งรวดร้าวเกินเยียวยาส่งผลให้เธอต้องไปฝากครอบครัวของเพื่อนให้เลี้ยงชานยอลแทนและกำชับหนักแน่นว่าห้ามบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาคือใคร รวมทั้งไม่ให้เพื่อนของตนอ้างสิทธิ์ความเป็นพ่อแม่ของชานยอลแต่สามารถยืนยันความเป็นผู้ปกครองให้ลูกของเธอได้

     

    หลังจากที่ทิ้งชานยอลไปแล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่จีน เธอก็ได้พบกับความรักที่พิเศษที่สุดที่เคยเจอมา... ความรักแสนบริสุทธิ์ซึ่งดึงเธอให้ออกมาจากชีวิตอันแสนเลวร้ายและแปดเปื้อน

     

    'หวังเหม่ยฉีผู้ชายที่แสนสดใสและเป็นสุภาพบุรุษตัดสินใจทิ้งชีวิตซึ่งเต็มไปด้วยกองเงินกองทองมาอยู่กับคนอย่างเธอ เขาก่อตั้งบริษัทส่งออกสิ่งทอขึ้นเป็นของตัวเองแม้ว่าจะถูกครอบครัวของเขาขัดขวางมันไว้หลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็พาบริษัทผ่านพ้นอุปสรรคมาได้ทุกครั้งจนในที่สุดเรื่องก็จบลงด้วยการยอมสงบศึกของฝ่ายญาติและพ่อแม่ของเขา

     

    บริษัทสิ่งทอของเหม่ยฉีก้าวขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งในเรื่องการส่งออกผ้าและสิ่งทอทั้งหลายในประเทศจีน ท่ามกลางชีวิตที่รายล้อมไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาและครอบครัวที่อบอุ่นซึ่งประกอบด้วยเหม่ยฉี เธอและหวังจื่อเทา ลูกซึ่งเกิดมาจากความรักระหว่างพ่อกับแม่... ในส่วนลึกของหัวใจเธอก็ยังคิดถึงชานยอลอยู่ เพราะสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกต่อให้พยายามตัดเท่าไรมันก็ไม่มีวันขาดสะบั้นลงได้ หัวใจแห่งรักซึ่งเชื่อมต่อกันและเลือดของเธอครึ่งหนึ่งซึ่งยังไหลเวียนอยู่ในตัวของชานยอลทำให้เธอตัดสินใจกลับมาเกาหลีเพื่อรับชานยอลไปอยู่ด้วย

     

    แต่เรื่องทั้งหมดกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิดเมื่อครอบครัวของเพื่อนรักย้ายหนีไปอยู่อเมริกา เธอกลับจีนด้วยความรู้สึกที่ยากจะฉุดรั้งขึ้นมา... ฮานาเลือกที่จะส่งเทาไปอยู่กับปาร์คมินซู...พี่ชายแท้ๆของเธอที่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ที่จีนระยะเวลาหนึ่งเนื่องด้วยเธอไม่สามารถดูแลเทาได้ทั้งที่สภาพจิตใจยังอ่อนแอขนาดนั้นแถมเหม่ยฉีก็แทบไม่กลับบ้านมาใช้เวลากับครอบครัวบ้างเลย

     

    การตัดสินใจครั้งนั้นจึงเป็นสิ่งที่ฮานาคิดว่าตัวเองทำถูกแล้ว

     

    แต่ไม่เลย... ตลอดสิบปีที่เทาไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่อายุแค่เก้าขวบจนโตเป็นหนุ่มน้อยที่น่ารักแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเย็นชาวัยสิบเก้าปี มันได้ก่อเกิดความรักขึ้นมาในหัวใจที่แสนเปล่าเปลี่ยวของลูกชายเธอ... พยอนแบคฮยอน เด็กที่มินซูรับไว้ในอุปการะ ยึดครองหัวใจของเทาไปได้ทั้งดวงแม้ว่าสิ่งที่เทาแสดงออกจะทำให้แบคฮยอนเกลียดเขาแต่ฮานารู้ว่านั่นเป็นแค่อาการกลบเกลื่อนความประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแบคฮยอนของลูกชายเธอเท่านั้นเอง

     

    วันที่เทากลับมาอยู่กับเธอเหมือนเช่นในอดีต สิ่งแรกที่เทาขอเธอคือเขาอยากแต่งงานกับแบคฮยอน... ฮานาค่อนข้างจะตกใจกับความรักร่วมเพศที่มีอยู่ในตัวของเทา เธอไม่ใช่พวกโลกแคบที่ปิดรับความรักรูปแบบนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจก็คือเทาบอกว่าแบคฮยอนย้ายไปเรียนต่อที่เกาหลีและมีแฟนชื่อปาร์คชานยอล

     

    เธอยอมรับเลยว่าตอนนั้นเธอรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น เวลาที่ผ่านไปช่างเชื่องช้าเลือเกินในความคิดของเธอ ลูกชายทั้งสองคนของเธอรักคนคนเดียวกันซึ่งก็ คือพยอนแบคฮยอน

     

    ตอนแรกเธอพยายามห้ามเทาแล้วว่าอย่าไปแย่งแบคฮยอนมาจากชานยอลเลย แต่ลูกชายจอมดื้อรั้นก็ปฏิเสธท่าเดียวแถมยังบีบบังคับให้เธอทำตามที่ตนต้องการอีกด้วย... ฮานาไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีที่จะยอมให้ลูกชายไปแย่งของๆคนอื่นมาเป็นของตน.. แต่ในเวลานั้นเธอมองไม่เห็นความผิดชอบชั่วดีและอนุญาตให้เทาทำตามที่เขาต้องการได้อย่างสบาย แถมยังให้ท้ายด้วยการบอกให้เทาใช้อำนาจของเหม่ยฉีในการบีบบังคับให้แบคฮยอนเลิกกับชานยอล

     

    แต่เทาไม่ทำแบบนั้น... เขาใช้วิธีของตัวเองคือการทำร้ายร่างกายและยื่นข้อต่อรองที่มีผลต่อจิตใจของแบคฮยอนมากที่สุด... พ่อกับแม่... โดยผ่านทางมินซู คุณลุงซึ่งเข้าข้างเทามาโดยตลอดและรักเขามากกว่าพ่อแม่แท้ๆเสียอีก

    แบคฮยอนยอมเลิกกับชานยอลตามข้อเสนอที่มินซูหยิบยื่นให้เป็นเชิงบีบบังคับอยู่ในที และกลับมาอยู่ที่จีนรอหมั้นกับเทาตามที่อีกคนต้องการแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม

     

    และที่ตอนนี้ฮานาต้องมาคุยกับแบคฮยอนก็เพราะเทาขอร้อง  ลูกชายผู้น่ารักซึ่งทำให้เธอไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่ทำตามความต้องการของเขาได้สักอย่างเอ่ยอ้อนวอนให้เธอมาเสนอทางเลือกให้กับแบคฮยอน

     

    "หนูคงจะตกใจสินะ... แต่พวกเขาเป็นพี่น้องกันจริงๆ และฉันยอมไม่ได้ถ้าพวกเขาจะรักคนคนเดียวกันซึ่งก็คือหนู"

     

    ราวกับโลกทั้งใบเหวี่ยงไปมาจนแบคฮยอนอยากจะหลับตาหนีความจริงที่ได้สัมผัสและรับรู้นี้สักที สมองเริ่มตีกันให้วุ่นกับปัญหาที่ทำให้เขาแทบเป็นบ้าอยู่ตอนนี้

     

    เทาชอบเขางั้นหรอ?

     

    บ้าน่า... จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อเทาเกลียดเขาจะตาย และที่ต้องงานแต่งงานกับเขาก็คงเพราะต้องการกลั่นแกล้งเขาไปตลอดชีวิตที่เหลือก็เป็นได้

     

    "หนูสับสนใช่ไหม"

     

    คำถามแทงใจทำให้แบคฮยอนต้องเงยหน้ามองฮานาอย่างเสียไม่ได้ รอยยิ้มหวานซึ่งปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาววัยกลางคนคนนี้มันออกมาจากใจจริงๆของเธอ...

     

    หรือว่ายิ้มออกมาเพราะต้องการให้แบคฮยอนเชื่อใจกันแน่...

     

    "ผมไม่เชื่อคุณ"

     

    แบคฮยอนเอ่ยห้วนสั้นด้วยเสียงน้ำแหบพร่า เนื่องจากการไม่ได้ดื่มน้ำมาตลอดทั้งวัน ใบหน้าซีดเซียวพยายามจะยกยิ้มบางๆแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเรี่ยวแรงทั้งหมดมันหายไปตั้งแต่ได้รับรู้ว่าเทากับชานยอลเป็นพี่น้องกันจากปากของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ของสองคนนั้น 

     

    จริงๆแบคฮยอนรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่เจ็ดปีก่อนแล้ว...วันนั้นแบคฮยอนลงมาดื่มน้ำแล้วบังเอิญได้ยินมินซูคุยกับใครสักคนว่าชานยอลกับเทาเป็นพี่น้องกันทางสายเลือด แต่เพราะตอนนั้นมินซูเมาประกอบกับแบคฮยอนยังเด็กเกินไปทำให้เขาไม่เชื่อในสิ่งที่มินซูเล่า

     

    แต่ในเวลานี้... เขาต้องยอมรับแล้วสินะว่าทั้งสองคนนั้นเป็นพี่น้องกันจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เขาไม่เคยยอมรับและไม่เคยปริปากถามมินซูในเรื่องที่มินซูเผลอเล่าตอนเมาว่าจริงหรือไม่...วันนี้ทุกอย่างกระจ่างและชัดเจนมากสำหรับเขา

     

    ถึงไม่ยอมรับ แต่ใครจะหนีความจริงในโลกที่เต็มไปด้วย 'ความลับมากมายใบนี้ไปได้กัน

     

    แม้จะปฏิเสธให้ตายยังไง...

     

    สุดท้ายความจริงก็คือความจริงอยู่วันยันค่ำ

     

    "ฉันรู้ว่าหนูเชื่อฉันแต่หนูแค่ต้องการเวลามากกว่านี้เท่านั้น"

     

    "..."

     

    "แต่ฉันต้องขอโทษจริงๆถ้าจะบอกว่าฉันรอไม่ได้ และฉันต้องการคำตอบของหนูในตอนนี้"

     

    "..."

     

    "ฉันให้หนูเลือกระหว่างแต่งงานกับเทาแล้วทิ้งชานยอลซะ กับ..."

     

    "..."

     

    "...ไม่แต่งงานกับเทาแต่ออกไปจากชีวิตของชานยอลตลอดกาล"

     

    "..."

     

    "หนูเลือกอันไหน"

     

    ห้องทั้งห้องไร้ซึ่งเสียงใดๆอีก ความน่าอึดอัดกลืนกินคำพูดไปจนหมด ช่องว่างระหว่างกันเริ่มน้อยลงเมื่อฮานาขยับไปประชิดตัวแบคฮยอน จับมือเล็กที่ดูอ่อนแรงบีบไว้แน่น ไม่ใช่เป็นการให้กำลังใจหรือส่งผ่านความอบอุ่นให้กันแต่เป็นการกดดันให้แบคฮยอนตอบคำถามของเธอเร็วๆ

     

    เบื้องหน้าที่ดูอ่อนโยนและใจดีมันก็แค่หน้ากากปิดบังความเป็นจริงที่ไม่น่าเข้าใกล้ของฮานา...ผู้หญิงทำงานกลางคืนซึ่งมีความสัมพันธ์กับพวกคนกระเป๋าหนักทั้งหลายซึ่งออกมาเที่ยวยามราตรีและมีชื่อเสียงมากที่สุดของผับที่เธอทำงานอยู่ 

     

    ตอนกลางวันฮานาจะอยู่บ้านและคอยทำหน้าที่แม่บ้านอย่างที่ภรรยาทั่วไปทำกัน... แต่พอกลางคืนเธอก็จะกลายมาเป็น 'ผู้หญิงขายตัวมีสัมพันธ์กับคนไม่เลือกหน้า... แม้ว่าอายุของเธอจะใกล้เข้าเลขสี่เข้าทุกทีแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าหน้าที่ยังดูเด็กและ 'ความต้องการที่มีเพิ่มขึ้นทุกวันๆของเธอดึงดูดเงินและพวกตาแก่กระหายเซ็กส์ได้เป็นอย่างดี

     

    เธอมีเทาตอนอายุแค่ 18 ปีและตอนนี้เธอก็อายุแค่ 37 ปี ส่วนเพื่อนของเธออายุเท่ากันแต่มีลูกก่อนเธอ เพราะเพื่อนของเธอเรียนถึงแค่มัธยมต้นก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะฐานะทางบ้านไม่อำนวย และที่เพื่อนของเธอมีลูกเร็วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะในสังคม 'คนยากจนซึ่งมักถูกคนรวยข่มเหงรังแกก็เป็นอย่างนี้จนเห็นเป็นเรื่องปกติ...

     

    แต่เธอนี่สิ...

     

    บ้านก็ฐานะปานกลางแต่ก็เกือบเรียกได้ว่ารวย แต่เธอดันท้องทั้งที่ยังเรียนไม่จบ... ตอนนั้นพ่อดุด่าเธอแถมยังไล่ออกจากบ้านพร้อมประกาศตัดพ่อตัดลูก ยังดีที่แม่ของเธอเข้าใจและย้ายมาอยู่ที่คังวอนโดเป็นเพื่อนเธอ... ไม่งั้นเธอก็คงไม่รู้จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไรเหมือนกัน

     

    ในวันที่ชานยอลคลอดเป็นวันที่แม่ของเธอจากไปพอดี...

     

    ความดีใจกับความโศกเศร้าแล่นริ้วไปทุกอณูความรู้สึกของเธอตอนนั้น... ชีวิตที่ไร้ค่าและถูกประทับคราบความโสมมโดยที่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอเกิดความคิดอยากจะทำตัวเหลวแหลกขึ้นมา... แต่ก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆเพราะเธอได้มาเจอเหม่ยฉีเสียก่อน

     

    แม้ว่าเหม่ยฉีจะมอบความรักให้เธอแต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะยอมรับความรักเหล่านั้นอย่างเต็มที่... และตั้งแต่ที่บริษัทสิ่งทอขยายกิจการไปหลายประเทศ เขาก็เริ่มแสดงนิสัยที่แท้จริงออกมา... ความเจ้าชู้ไหลเวียนอยู่ในสันดานผู้ชายทุกคนไม่เว้นแม้แต่เหม่ยฉี

     

    เขามีผู้หญิงในสต็อกมากมาย และฮานารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเนื่องจากเลขาคนสวยของเหม่ยฉีแจ้งเรื่องนี้ให้เธอทราบ... และมันก็คงไม่ผิดถ้าเธอจะขอสร้างสีสันให้กับชีวิตของเธอแบบที่เขาทำบ้าง 

     

    การทำงานในผับคือทางออกที่ดีที่สุด...

     

    ในเมื่อร่างกายของเธอก็สกปรกอยู่แล้ว... เพิ่มรอยราคีและรอยความใคร่ไปอีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไป

     

    "ว่าไงล่ะแบคฮยอน"

     

    ฮานากดเสียงเย็น เหยียดยิ้มมุมปากแบบที่ชอบทำเป็นประจำเวลาต้องล่า 'เหยื่อโดยเฉพาะเหยื่อที่จัดการง่ายๆแบบแบคฮยอนนี่คืองานถนัดของเธอเลย

     

    "ฉันให้เวลาแค่ห้านาทีในการเลือกว่าจะเอายังไง"

     

    "..."

     

    แบคฮยอนกัดฟันแน่นระงับความอึดอัดซึ่งถาโถมเข้าใส่ไม่ยั้ง ความคิดที่จะต่อรองเวลาให้เพิ่มขึ้นกว่านี้คงไม่มีทางเป็นไปได้เมื่อใบหน้าของฮานากดดันเขาถึงขนาดนี้

     

    "เลือกและคิดดีๆนะหนูแบคฮยอน"

     

    "ผมไม่รู้"

     

    สั้นๆง่ายๆแต่กลับทำให้ฮานาบันดาลโทสะจนเผลอฟาดหลังมือลงบนซีกหน้าข้างขวาของแบคฮยอนเสียเต็มแรง

     

    เพียะ!

     

    แบคฮยอนหน้าหันไปตามแรงตบก่อนจะถูกกระชากศีรษะให้หันมามองฮานาเหมือนเดิม เลือดสีสดไหลลงมาตามมุมปาก ความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นอาการชาไปทั้งหน้า แต่แบคฮยอนก็ไม่ร้องออกมาเลยสักแอะ

     

    "ฉันไม่ได้ต้องการคำตอบแบบนี้!!"

     

    "ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่!" แบคฮยอนขึ้นเสียงกลับ

     

    "ถ้าแต่งงานกับเทาผมก็คงไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต แต่ถ้าต้องออกจากชีวิตของชานยอลไปตลอดกาลผมก็คงทำไม่ได้"

     

    "..."

     

    "ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกอะไรล่ะ!?" 

     

    แบคฮยอนย้อนถามเสียงดัง ฮานากระชากผมร่างเล็กแรงขึ้นและไม่ยอมตอบอะไร แต่กลับยิ้มมุมปากเป็นเชิงเยาะเย้ยแบคฮยอนแทน

     

    "ถ้าเป็นฉัน ฉันจะเลือกแต่งงานกับเทาแล้วทิ้งชานยอล"

     

    "..."

     

    "เพราะเทาเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าจะต้องไปคลุกดินอยู่กับคนอย่างชานยอล!"

     

    "นี่คุณเป็นแม่ของชานยอลจริงหรือเปล่าทำไมคุณถึงดูถูกเขาขนาดนั้น!? คุณรักชานยอลหรือเปล่าคุณปาร์คฮานา!!!"

     

    ฮานานิ่งเงียบกับสิ่งที่แบคฮยอนถาม...

     

    เหตุผลที่เธอรักเทามากกว่า... เหตุผลที่เธอไม่รักชานยอล...มันเป็นเหตุผลง่ายๆที่เธอไม่จำเป็นต้องตอบ แต่ดวงตาที่แสนใสซื่อและดูไม่เข้าใจโลกหลากสีใบนี้เลยสักนิดทำให้เธอยอมตอบออกมา... ถือซะว่าทำบุญให้เด็กซื่อๆคนหนึ่ง

     

    "เพราะฉันไม่ได้อยากให้ชานยอลเกิดมาไงล่ะ! ฉันถูกข่มขืนจนตั้งท้อง... และที่ฉันไปฝากชานยอลไว้กับเพื่อนก็เพราะเด็กนั่นมันทำให้ฉันนึกถึงไอ้รุ่นพี่บ้าใจทรามคนนั้น!!!"

     

    "..."

     

    "ฉันไม่ค่อยอยากจะยอมรับหรอกนะว่าชานยอลเป็นลูก แต่ในเมื่อเลือดครึ่งหนึ่งในตัวมันคือเลือดของฉัน ฉันถึงได้ยอมรับว่าความจริงมันเป็นลูกของฉัน!"

     

    "..."

     

    "ลูกที่ฉันไม่ได้ต้องการ!! ฉันเกลียดมัน!!!"

     

    ฮานาบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ มือที่กำผมของแบคฮยอนจิกลงไปจนแบคฮยอนร้องออกมาก่อนฮานาจะผลักหัวเขาชนกับกำแพงอย่างแรง เลือดสีสดไหลลงมากลางหน้าผาก บดบังดวงตาจนมองอะไรไม่เห็น แต่ก็ถูกฮานาปาดมันออกให้แล้วกระชากเสียงถามคำถามเดิมกับแบคฮยอนอีกครั้ง

     

    "จะตอบฉันได้หรือยังว่าจะเลือกอะไร?!"

     

    "..."

     

    "ไม่ตอบคืออยากโดนอีกรอบใช่ไหมได้... ถ้านายต้องการฉันก็พร้อมจะสนอง!"

     

    ฮานาลุกขึ้นพร้อมกับแบคฮยอนซึ่งถูกดึงขึ้นตาม ก่อนที่จะถูกดันร่างให้ใบหน้าแนบไปกับกำแพง มือเล็กๆของฮานาเลื่อนไปอยู่บริเวณช่องท้องของแบคฮยอน รู้สึกได้ถึงอาการเกร็งหน้าท้องจนแน่นของแบคฮยอน แต่นั่นล่ะคือสิ่งที่เธอต้องการ!

     

    พลั่ก!

     

    ฮานาใช้แรงทั้งหมดผลักแบคฮยอนจนร่างบางลอยไปกระแทกกับกำแพงฝั่งตรงข้าม ความเจ็บลามไล้มาตั้งแต่ศีรษะจนถึงบริเวณกระดูกสันหลังซึ่งชนเข้ากับกำแพงเต็มๆ

     

    "จะตอบได้หรือยัง?!?"

     

    ฮานาก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าแบคฮยอน นั่งยองๆแล้วบีบปลายคางมนแน่นเป็นเชิงบีบบังคับ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอ่อนโยนอีกต่อไปในเมื่อแบคฮยอนทำขัดใจเธอหลายอย่างแล้วตั้งแต่คุยกันมา

     

    "ก็...บอกแล้วไงว่าผมไม่รู้"

     

    หมับ!

     

    ฮานาตรึงคอของแบคฮยอนไว้อย่างแรง บีบมันจนร่างเล็กดิ้นไปมาอย่างขัดขืน แต่ยิ่งเห็นอย่างนั้นฮานาก็ยิ่งสนุก มืออีกข้างที่ยังว่างกำผมของแบคฮยอนไว้แน่น ยังไงวันนี้เธอก็ต้องได้คำตอบจากแบคฮยอน... ไม่ว่าจะต้องออกแรงมากเท่าไรก็ตาม!!

     

    "ตอบมา!"

     

    "...ปล่อยผม...ผมจะตอบ...ตอบแล้ว..."

     

    "ก็แค่นั้น!"

     

    ฮานาสะบัดมือออกจนหัวของแบคฮยอนกระแทกเข้ากับผนังห้องอีกครั้ง คราวนี้เลือดบนหน้าผากไหลออกมามากกว่าเดิม สภาพของแบคฮยอนตอนนี้เรียกได้อย่างเต็มปากว่าเหมือน'ศพ'!

     

    "ผม..."

     

    "มัวอึกอักอะไรอยู่เล่า ตอบมาเร็วๆก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับนายเสียก่อน!"

     

     

    "ผมจะออกไปจากชีวิตชานยอลครับ"

     

     

    เสียงราวกระซิบแต่มันก็ดังชัดเจนพอที่ฮานาจะได้ยิน หญิงสาวคลี่ยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน ก้าวขาตรงไปยังประตูเตรียมจะเปิดออกไป หันมาพูดกับแบคฮยอนเสียงดังแล้วประตูบานใหญ่ก็ปิดลงทันที

     

    ปิดลงไปอย่างแรงราวกับจะตอกย้ำให้รู้ว่าสิ่งที่แบคฮยอนเลือกจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

     

    "ดีแล้ว... เพราะคนอย่างนายไม่เหมาะกับเทาสักนิด...แถมชานยอลมันก็คงไม่เจ็บอะไรหรอกถ้ามันได้อยู่กับคนที่มันรัก..."

     

     

    "ฉันต้องการให้มันเจ็บ...เจ็บไปตลอดชีวิต!"

     

    ----------------------------------------

     
     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×