ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    one heart one love เพียงหนึ่งรัก | exo

    ลำดับตอนที่ #16 : One heart One love :: 13

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.98K
      4
      29 ต.ค. 57




    One Heart One Love

    -Thirteen-

     

     

    แน่ใจว่าห้องนี้อ่ะชานยอล 

     

    มินซอกถามพร้อมกับชี้ไปที่ประตูห้อง 714 ชานยอลนิ่วหน้ากับคำถามนั้น แล้วตอบมินซอกอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร

     

    ห้องนี้แน่นอน ผมถามพี่พยาบาลมาแล้ว

     

    นายอาจจะโดนพยาบาลหลอกแล้วพาเรามาห้องนี้หรือเปล่า?”

     

    พี่ไม่เชื่อใจผมขนาดนั้นเลยหรอ =[]=!” ชานยอลเริ่มขึ้นเสียง สายตาจ้องตอบมินซอกอย่างไม่ยอมแพ้ แบคฮยอนส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ลอบถอนหายใจออกมาแล้วเดินเลี่ยงผ่านอีก 2 คนที่ทำท่าจะทะเลาะกันเข้าห้องไปทันที

     

    แบคฮยอน เดี๋ยวสิ พี่จะชวนผมทะเลาะทำไมเนี่ย?!?”

     

    ฉันไม่ได้ชวนทะเลาะ ฉันแค่ถามนายเฉยๆว่าห้องนี้แน่หรือเปล่า ไอ้เอ๋อจอมคิดเองเออเอง” มินซอกผิวปากเป็นเพลงแล้วเดินเข้าห้องตามแบคฮยอนไปอย่างอารมณ์ดี

     

    ไอ้พี่อ้วนจอมหาเรื่อง!” 

     

    ชานยอลบ่นเสียงดังจนคนที่อยู่แถวๆนั้นพร้อมใจกันหันมามอง แต่ร่างสูงก็ไม่ได้สนใจ สาวเท้าเข้าห้องไปเร็วๆเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนตื่นตกใจกับอารมณ์หงุดหงิดของเขาไปมากกว่านี้

     

    ชานยอลมองสลับระหว่างมินซอกกับแบคฮยอนที่กำลังคุยกับใครสักคนอย่างงงๆ ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะได้ยินคนคนนั้นแนะนำตัวพอดี 

     

    ผมชื่อคิมจงอิน เป็น... เป็นเพื่อนสนิท ไม่..เอ่อ.. เป็นแฟนคยองซูครับ ^^” คนที่แนะนำว่าตัวเองชื่อจงอินเผยรอยยิ้มบางๆแล้วยื่นมือมาจับกับมือของแบคฮยอน ก่อนจะหันมาจับมือกับมินซอกเช่นเดียวกัน

     

    ฉันพยอน แบคฮยอน นี่พี่มินซอก ส่วนนั่นปาร์ค ชานยอลแฟนฉันเอง ^^”

     

    สามี!” 

     

    ชานยอลแทรกขึ้น แบคฮยอนหันขวับมองชานยอลอย่างเคืองๆ ใบหน้าสวยหวานขึ้นสีแดงระเรื่อซึ่งไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือว่าเขินกันแน่ 

     

    จงอินหัวเราะเบาๆเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ชานยอลมองจงอินอย่างไม่ค่อยชอบหน้า เหตุเพราะเขาจำได้ว่าคยองซูเคยเล่าให้ฟังว่าจงอินทิ้งคยองซูไป ทั้งที่คบกันมาตั้ง 2 ปี เช่นเดียวกับมินซอกที่ไม่ค่อยชอบหน้าจงอินเท่าไรแต่ก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนถึงสิ่งที่กำลังรู้สึกแบบชานยอล

     

    คยองซูเป็นยังไงบ้าง” 

     

    มินซอกเอ่ยถามแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงของคยองซู มือป้อมคว้ามือคนที่กำลังหลับสบายมากุมไว้แน่น มองเห็นบาดแผลตามแขนที่มีทั้งรอยช้ำและแผลถลอกเล็กน้อยก็รู้สึกเกลียดจงอินมากขึ้นกว่าเดิม ดวงตาที่มักจะทอประกายสดใสแข็งกร้าวแบบที่ไม่ได้ทำมาตั้งแต่วันนั้น... ที่ ‘หมอนั่น จากไป

     

    มีแค่แผลตามแขนกับขาครับ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” จงอินตอบคำถามแล้วอ้อมมายืนฝั่งตรงข้ามกับมินซอก มือหนาเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกใบหน้าของคยองซูออกให้อย่างเบามือ แต่มินซอกก็พูดขัดขึ้นมาก่อน... คำพูดที่ทำให้จงอินชะงักค้าง... ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเจ้าของคำถามเลยแม้แต่นิด

     

    นายทำอะไรคยองซู... ทำไมคยองซูถึงถูกรถชน

     

    ผม....” 

     

    ไม่อยากตอบ

     

    ว่าไงล่ะ?” มินซอกถามย้ำอีกรอบ ก่อนจะหันไปมองชานยอลกับแบคฮยอนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านหลังเคียงข้างกันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แล้วหันกลับมาหาจงอินอีกรอบ... อย่างต้องการคำตอบ

     

    มัวอึกอักอยู่นั้นแหล่ะ ตอบฉันมาสักที” มินซอกกดเสียงต่ำ ไม่แม้แต่จะมองหน้าของจงอิน เพราะเขารู้ว่าถ้าตนมองจงอินอีกแค่ครั้งเดียว เขาต้องห้ามใจไม่ให้ต่อยใบหน้าคมของอีกคนไม่ได้แน่ๆ

     

    ผม...”

     

    “…”

     

    ผม...ขืนใจคยองซู

     

    พลั่กตุ้บ!

     

    มินซอกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ปล่อยหมัดเข้าหน้าของอีกฝ่ายเต็มแรง เพลิงโทสะทำให้เขาเดินอ้อมมาอีกด้านของเตียงพร้อมกับคยองซูที่ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดิบพอดี

     

    พี่มินซอก!!”

     

    พลั่ก!

     

    มินซอกกระชากคอเสื้อของคนที่ล้มลงไปกับพื้นขึ้นมา แล้วปล่อยหมัดหลุนๆเข้าข้างแก้มอีกด้านอย่างรวดเร็ว และมันอาจจะมีหมัดที่สามที่สี่ต่ออีกถ้าชานยอลไม่มาดึงตัวเขาไว้ซะก่อน

     

    มินซอกดิ้นอย่างแรงให้หลุดจากการล็อกของคนด้านหลัง แต่ชานยอลก็ไวกว่า แขนยาวรวบมือของรุ่นพี่ไพล่หลังและกดมือป้อมเข้ากับแผ่นหลังของเจ้าตัวเองอย่างแรง

     

    ชานยอลดึงมินซอกออกไปจากห้องพร้อมกับโค้งหัวขอโทษทั้งคนไข้และพยาบาลที่อยู่แถวนั้นไปด้วย โดยที่มีแบคฮยอนเดินตามไปติดๆ

     

    พี่ไปต่อยหมอนั่นทำไม!?” 

     

    ชานยอลพามินซอกและแบคฮยอนไปคุยกันตรงหน้าประตูหนีไฟที่ค่อนข้างปลอดคนและสะดวกต่อการคุยเรื่องส่วนตัว

     

    หมอนั่นขืนใจคยองซู... พี่ต่อยหมอนั่นก็ถูกแล้ว!!!” มินซอกสวนกลับเสียงดังแล้วดิ้นจนหลุดออกจากมือหนาของชานยอลได้ในที่สุด 

     

    แต่ที่นี่มันโรงพยาบาล! ถ้าพี่จะต่อยจะเตะจะทำอะไรหมอนั่นก็รอให้เราอยู่ที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่!!!” ชานยอลอธิบายเหตุผล มินซอกสะบัดแขนออกอย่างแรงอย่างขัดใจ แต่ก็สงบลงบ้างถ้าเทียบกับเมื่อครู่  

     

    พี่ต้องเข้าใจบ้างว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ถ้าพี่จะไปต่อยหมอนั่นที่บ้านผมจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่คือโรงพยาบาล พี่ต้องเก็บอารมณ์ไว้ก่อน เอาเหตุผลเป็นที่ตั้ง โอเคนะครับ?”

     

    เออ!!”

     

    ดีแล้วครับ” ชานยอลถอนหายใจอย่างโล่งอก “แบคฮยอน  ช่วยกลับไปดูไอ้จงอินกับคยองซูให้หน่อยนะ เดี๋ยวฉันกับพี่มินซอกตามไป

     

    แบคฮยอนพยักหน้ารับคำแล้วเดินกลับไปตามทางเดิมที่ตัวเองเพิ่งเดินจากมาทันที

     

    พี่อยากระบายอะไรก็ระบายออกมาเลย

     

    พลั่ก!

     

    ฮึก... คยองซูกับพี่โดนเหมือนกัน แต่คยองซูยังดีที่หมอนั่นไม่หนีไปไหน แต่พี่...” มินซอกเล่าปนสะอื้น มือที่เพิ่งชกกำแพงอย่างแรงเมื่อกี้เริ่มมีเลือดไหลออกมาทีละนิด ร่างป้อมทิ้งตัวลงกับพื้น ปล่อยน้ำตาหลั่งรินลงมาระบายความอึดอัดในหัวใจให้หมด

     

    ชานยอลมองรุ่นพี่ที่เขาทั้งรักและเคารพอย่างสงสาร ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้างมินซอก เอื้อมมือไปตบบ่าคนข้างๆอย่างให้กำลังใจ 

     

    พี่มันโง่มากเลย... ทั้งที่นายก็เตือนแล้วแท้ๆว่าอย่าไปยุ่งกับหมอนั่น แต่พี่ก็ไม่ยอมฟัง

     

    “…”

     

    แล้วสุดท้ายก็โดนแบบคยองซู แถมไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรือการร่ำลาสักคำจากหมอนั่น

     

    “…”

     

    ถ้าพี่ย้อนเวลากลับไปได้ วันนั้นพี่จะไม่ไปผับ พี่จะอยู่บ้านอย่างที่นายบอก พี่จะไม่รัก...”

     

    ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลลงมาประจานความอ่อนแอของตัวเองมากขึ้น มินซอกก้มหน้าลงติดหัวเข่า แม้จะเจ็บมือข้างที่ชกกำแพงไปแต่เขาก็ไม่สนใจ... ตอนนี้เขาเจ็บที่หัวใจมากกว่า

     

    ทั้งที่คิดว่าลืมได้แล้ว...แต่วันนี้... มันกลับถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง

     

    ความทรงจำอันแสนเลวร้าย... ที่เขายังจดจำมันได้ดี

     

    เสียงร้องห้ามของตัวเองดังก้องซ้ำไปซ้ำมาภายในโสตประสาทราวกับมีคนกรอเทปกลับและเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นๆ... คำบอกรักที่ได้ยินก่อนจะสลบไป... แม้จะแผ่วเบา... แต่มันกลับฝังรากลึกอยู่ในหัวใจ... 

     

    ทั้งที่สมองสั่งให้ลืม...แต่หัวใจกลับเลือกที่จะจำ

     

    สมองเลือกสิ่งที่ถูกต้อง...แต่หัวใจกลับเลือกสิ่งที่ต้องกา

     

    ไม่เคยมีวันไหนที่เขาจะไม่คิดถึงหมอนั่น... ทุกครั้งที่คิดว่าอยากจะตายจากโลกนี้ไปซะ... เสียงกระซิบว่าเป็นห่วงก็จะดังขึ้นเตือนสติเขาโดยอัตโนมัติ

     

     

    อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะ... นายจะเจ็บตัวเปล่าๆ

     

     

    คิมจงแด... ทั้งที่ฉันภาวนาแทบตายให้นายตายไปจากหัวใจฉันสักที แต่ทำไมฉันถึงทำไม่เคยได้

     

    แม้จะพยายามแค่ไหน... ใบหน้าของนายยังคงลอยวนเวียนอยู่รอบๆตัวฉันตลอดเวลา... มือที่เคยกุมมือแสนเย็นเฉียบนี้ยังคงหลอกหลอนมินซอกทุกคืนและทุกครั้งที่ไม่สบาย

     

    จงแด...ฉันคิดถึงนาย

     

    ฉันปฏิเสธความต้องการของหัวใจตัวเองไม่ได้...

     

    ถึงสมองจะสั่งการว่ามันผิดมากแค่ไหนที่ฉันยังคงรักนายอยู่...

     

    แต่ฉันก็ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้จริงๆ...

     

    จงแด.. ฉันรักนาย

     

     

     

     

    ฉันก็รักนายเหมือนกัน มินซอก

     

    จงแดเอ่ยเสียงสั่น หัวใจราวกับถูกกรีดด้วยมีดนับพันเล่มจนกลายเป็นแผลลึกที่ไม่มีทางรักษาได้... เพียงแค่เห็นน้ำตาของมินซอก

     

    เพียงแค่เห็นน้ำตาของคนที่เขารักมากที่สุด...

     

    เพียงแค่ได้ยินคำพูดมากมายที่ถูกระบายออกมาจากคนที่เขาทำร้ายลงไปด้วยสองมือของตัวเอง....

     

    เพียงแค่นั้นก็ทำให้เขาร้องไห้ออกมาขนาดนี้เลยหรอ...

     

    จงแดยกหลังมือปาดน้ำตาออก อยากจะเดินออกไปจากที่ซ่อนแล้วเข้าไปกอดมินซอกอีกครั้ง... แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้... หน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายมาสำคัญกว่า

     

    ดวงตาที่เคยสั่นระริกกลับมาเรียบนิ่งราวกับที่ตรงนั้นไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน

     

    จงแดหยิบโทรศัพท์มาดูข้อความที่ถูกส่งมาล่าสุดแล้วก็ถึงกับตีสีหน้าไม่ถูก... จะว่าดีใจก็ไม่เชิง... จะว่าเสียใจก็ไม่ใช่...

     

     

    แยกคนชื่อมินซอกออกมาให้ผมด้วยนะครับ

    จะเอาไปขังไว้ที่ไหนก่อนก็ได้

     

     

    จงแดพยักหน้ารับรู้แม้ว่าคนที่ส่งข้อความจะมองไม่เห็นก็ตาม เขาหันไปมองมินซอกอีกครั้ง หัวใจกระตุกวูบเมื่อพบว่ามินซอกยังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุด

     

    อยากเข้าไปปลอบ...

     

    อยากเข้าไปจูบ...อยากขอโทษ

     

    จงแดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วหันหลังให้ภาพนั้น กำมือตัวเองแน่นสร้างความเข้มแข็งและฮึกเหิมให้ก่อตัวขึ้นแทนที่ความอ่อนแอที่กำลังจู่โจมหัวใจเขาอย่างหนัก

     

    เมื่อพอมีแรงจะทำงานที่ได้รับมอบหมายต่อได้แล้ว จงแดก็รีบเดินไปตรงแถวๆเก้าอี้สำหรับคนป่วย มองหาเป้าหมายที่ตัวเองต้องการแล้วก็มาพบกับคุณยายท่าทางใจดีคนหนึ่งเข้าพอดี

     

    เอ่อ... คุณยายครับ

     

    มีอะไรหรอพ่อหนุ่ม” คุณยายเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม 

     

    ยายช่วยไปเรียกผู้ชายคนนั้นมาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ... คือเขาเป็นน้องชายของผม แต่เขาโดนบังคับให้ไปเรียนต่อเมืองนอก เขาเลยหนีมาหารุ่นพี่ที่เขาสนิทด้วยที่นี่น่ะครับ...ผมอยากมาบอกเขาว่าไม่ต้องไปแล้ว แต่ดูท่าเขาจะยังโกรธผมอยู่นิดหน่อย คุณยายช่วยไปตามเขามาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” 

     

    จงแดตีหน้าเศร้าสมบทบาท คุณยายขมวดคิ้วมุ่นแล้วเม้มปากอย่างลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปเรียกชานยอลอย่างที่จงแดต้องการ

     

    คนนั้นนะครับ...ที่ตัวสูงๆหน่อย เรียกเขาให้ไปหาผมที่โรงอาหารของโรงพยาบาลนะครับ บอกว่าพี่ซูโฮให้มาตามนะครับ” จงแดชี้ไปที่ชานยอลแล้วบอกรายละเอียดกับคุณยายคนนั้น ร่างบอบบางเดินไปตามทางที่จงแดบอก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปาก... ก่อนร่างของจงแดจะหายลับไปอย่างรวดเร็ว

     

    เดี๋ยวฉันจะกลับมารับนายนะ... มินซอก” 

     

     

    ----------------------------------------

     

     

    คยองซู... จงอิน...” 

     

    แบคฮยอนเรียกพร้อมกับเดินเข้ามาในห้อง คยองซูหันมองเขานิดหน่อยแล้วกลับไปสนใจแผลที่มุมปากของจงอินตามเดิม

     

    จงอินเป็นอะไรมากหรือเปล่า

     

    ไม่เป็นอะไรครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับคุณแบคฮยอน” 

     

    จงอินเงยหน้ามองแบคฮยอนเล็กน้อย แล้วหันกลับไปสนใจคยองซูที่แตะๆแผลของเขาอย่างเบามือ

     

    เดี๋ยวผมไปขอยาทำแผลมาจากคุณพยาบาลให้ดีกว่า

     

    แบคฮยอนเสนอ ซึ่งอีกคนสองคนก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่แบคฮยอนจะรีบเดินออกไป

     

    เจ็บหรือเปล่า?”

     

    คยองซูถามอย่างเป็นห่วงก่อนจะดึงจงอินขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน ร่างเล็กมองแผลที่มุมปากซึ่งมีเลือดซึมออกมาแล้วเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “นายไม่เห็นต้องบอกความจริงกับพี่มินซอกเลย... ถ้านายไม่พูดออกไปแบบนั้นก็คงไม่โดนพี่เขาต่อยกลับมาแบบนี้หรอก

     

    มือเล็กลองแตะแผลดูอีกครั้ง ออกแรงสัมผัสกับแผลมากขึ้นจนจงอินร้องออกมาด้วยความเจ็บ 

     

    เจ็บ...อย่ากดแผลสิ

     

    เจ็บสิจะได้จำ” คยองซูเอามือออก “ทั้งที่ไม่พูดความจริงก็ได้ แต่ทำไมยังไปบอกพี่เขาแบบนั้น

     

    “...”

     

    จงอินไม่ตอบอะไร แต่กลับดึงตัวคยองซูไปกอดไว้แน่น รู้สึกถึงความเปียกชื้นบริเวณไหล่ของตัวเอง.. คยองซูร้องไห้

     

    ถ้านายไม่พูดความจริง... นายก็จะไม่โดนพี่เขาต่อย... ทำไมถึงพูดความจริง... ทำไมล่ะ... ทำไม...”

     

    เพราะฉันไม่อยากโกหกอีกแล้ว” 

     

    จงอินเอ่ยเสียงหนัก ดันตัวคยองซูออกแล้วย่อตัวลงให้ระดับสายตาของตัวเองเท่ากับคยองซู “ต่อไปนี้ฉันจะพูดแต่ความจริง... ฉันจะไม่โกหกคนอื่นเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่โดนทำร้าย

     

    “…”

     

    ที่ฉันบอกพี่เขาออกไปแบบนั้นมันก็ถูกแล้วนี่... ความจริงยังไงมันก็คือความจริงอยู่วันยันค่ำ... ถึงวันนี้พี่เขาจะไม่รู้ ยังไงวันข้างหน้าพี่เขาก็ต้องรู้อยู่ดี หรือนายว่าไม่จริง” จงอินย้อนถาม พลางลากนิ้วไปตามแก้มใสอย่างทะนุถนอม

     

    มันก็...”

     

    นายดูฉันเป็นตัวอย่างสิ” จงอินชี้นิ้วเข้าหาตัวแล้วพูดต่อ “เพราะฉันหลอกตัวเอง... หลอกว่าตัวเองไม่ได้รักนาย... หลอกว่าตัวเองตัดใจจากแทมินไม่ลง... หลอกตัวเองทุกอย่าง... ฉันถึงเจ็บแบบนั้น...”

     

    “…”

     

    แต่เห็นไหม.... พอฉันเชื่อสิ่งที่หัวใจมันสั่งมา... เชื่อในความรักของนาย... ฉันก็ได้เจอแต่สิ่งดีๆ... เจอสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิต

     

    “…”

     

    เจอกับคนที่ฉันพร้อมจะมอบหัวใจและชีวิตให้เขาได้

     

    จงอิน...”

     

    การพูดความจริง... แม้มันจะยาก แต่ผลที่ได้รับย่อมดีกว่าการโกหกแน่นอน

     

    ฮึก...” คยองซูพุ่งเข้ากอดจงอินอย่างแรง จนคนตัวสูงกว่าแทบล้มลงไป แต่ก็ยังดีที่ยันกายตัวเองไว้ได้ทัน 

     

    จงอิน... ฮึก... รักจงอิน...” 

     

    เสียงอู้อี้ดังลอดออกมาพร้อมกับน้ำตาแห่งความตื้นตันที่พรั่งพรูจนเลอะเสื้อของจงอินไปหมด  จงอินหัวเราะกับความขี้แงของคนในอ้อมกอด ลูบหัวลูบหลังให้ร่างเล็กอย่างอ่อนโยน แต่ยิ่งทำอย่างนั้นคยองซูก็ยิ่งร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม

     

    อย่าร้องไห้สิ น้ำตาเลอะแก้มหมดแล้ว” จงอินเอ่ยแล้วทำท่าจะเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของอีกคนออกให้ แต่คยองซูก็ปัดมือเขาทิ้งแล้วประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของร่างสูงกว่าอย่างรวดเร็ว

     

    จงอินชะงักค้างกับการกระทำของอีกคนที่เล่นทีเผลอตอนเขากำลังจะเช็ดน้ำตาให้ ดวงตาเรียวคมฉายแววเจ้าเล่ห์แล้วเปลี่ยนองศาใบหน้าให้ตนกลายเป็นคนคุมจูบนี้... มือหนารั้งใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะความเขินเข้ามาใกล้จะได้รับรสจูบของเขาได้เต็มที่

     

    คยองซูหลับตาพริ้ม รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยนับพันโบยบินอยู่รอบตัวสร้างบรรยากาศสำหรับการจูบครั้งนี้... เรียวลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปากหวานอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ความอ่อนหวานในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนแรงราวกับกองเพลิง... แผดเผาหัวใจให้หลอมละลายไปกับมัน... แต่ในขณะเดียวกันก็เยือกเย็นราวเกล็ดน้ำแข็ง... ทว่ายิ่งสัมผัสก็ยิ่งอบอุ่นเกินบรรยาย

     

    แขนเรียวยาวกระชับเอวของร่างเล็กแน่น จูบแสนยาวนาน...หอมหวานและร้อนแรงในคราวเดียวกัน... ยากที่จะถอนตัวออกมา...

     

    ยากที่จะปฏิเสธว่าไม่ต้องการจูบนี้

     

    ปัง!

     

    เสียงปิดประตูดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ จงอินหันมองที่ประตูอย่างสงสัย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้คงเป็นแบคฮยอนที่เปิดประตูเข้ามาเจอฉากนั้นเข้าพอดีแน่ๆถึงได้รีบปิดประตูหนีไปแบบนั้น

     

    รอยยิ้มมุมปากเผยออกมาให้คยองซูเห็น คนตัวเล็กมองร่างสูงอย่างงงๆแล้วจิ้มที่ขาจงอินเบาๆให้หันกลับมาหาตน “เมื่อกี้ใครหรอ?”

     

    อาจจะเป็นคุณแบคฮยอนล่ะมั้ง” จงอินยักไหล่อย่างไม่สนใจ “มาต่อกันอีกรอบดีกว่า

     

    ไม่รอให้คยองซูได้ตอบอะไร จงอินก็กดจูบลงไปอีกครั้ง เลือดสีแดงสดไหลออกมาตามมุมปากเล็กน้อยแต่จงอินก็ไม่ได้สนใจ... เดี๋ยวมันก็คงหยุดไหลไปเอง... จงอินคิดอย่างนั้น

     

    จูบยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆประสานกับเสียงหัวใจที่ดังระรัวของคนทั้งคู่...

     

    ขอแค่เวลานี้ก็ยังดี...ขออยู่กับคยองซูแบบนี้ไปนานๆได้ไหม

     

    ...ไม่อยากผละออกจากกันแม้แต่วินาทีเดียว

     

     

    ----------------------------------------

     

     

    แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มือเล็กกำถาดยาทำแผลในมือแน่นอย่างประหม่า

     

    ไม่น่าเปิดประตูเข้าไปเลยจริงๆ...

     

    คิดแล้วใบหน้าหวานใสก็ขึ้นสีแดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัว มองซ้ายมองขวาแล้วก็ตัดสินใจเอาถาดยาไปคืนให้กลับพยาบาลสาวคนเดิมกับที่ตนไปขอยามา

     

    จูบได้ขนาดนั้น... คงไม่เจ็บแผลแล้วมั้ง

     

    แบคฮยอนสรุปกับตัวเองในใจ  ก้าวเท้าเดินไปเรื่อยฆ่าเวลารอชานยอลกลับมาที่ห้อง แล้วสายตาก็หันไปเห็นชานยอลที่กำลังเดินไปอีกทาง... ทางเชื่อมตึก

     

    ชานยอลจะไปไหน?

     

    คำถามปรากฏขึ้นในใจ แบคฮยอนขมวดคิ้วมุ่นแล้วลุกเดินตามชานยอลไปทันที

     

    ชานยอลเดินไปตามทางเชื่อมตึกเรื่อยๆจนมาถึงโรงอาหารตามที่คุณยายคนนั้นบอกในที่สุด ร่างสูงไปหยุดยืนพิงเสาใกล้ๆกันนั้นแล้วมองซ้ายมองขวาหาพี่ซูโฮที่เป็นคนเรียกให้เขามาหา

     

    ว่าแต่...พี่ซูโฮจะเรียกเขามาที่นี่ทำไมกัน?

     

    คิดแล้วก็งง ทั้งที่รอไปเจอกันที่ร้านอาหารของเขาก็ได้ แต่ทำไมถึงต้องเรียกมาหาที่โรงอาหาร แถม... พี่ซูโฮรู้ได้ไงว่าเขาอยู่ที่โรงพยาบาล?

     

    ชานยอลเริ่มเอะใจ มองรอบข้างอย่างหวาดระแวง คนไข้ ญาติคนไข้ หมอและพยาบาลเดินสวนกันไปมาให้วุ่น ชานยอลกอดอกแน่น....ความรู้สึกกลัว แม้จะแค่นิดเดียว... เริ่มทำให้เขาหมดแรงเอาดื้อๆ

     

    หรือว่าเทาจะตามาถึงที่นี่อย่างที่แบคฮยอนบอก...

     

    ไม่สิ... หมอนั่นคงไม่ทุ่มถึงขนาดตามมาที่นี่หรอกมั้ง

     

    ชานยอลสะบัดหัวไล่ความคิดว้าวุ่นทั้งหมดออกไป รวบรวมสติและสมาธิให้กลับคืนมา หันหลังเตรียมจะเดินกลับไปที่ห้องพักของคยองซู แต่แล้วก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจ่ออยู่กลางหลัง ขายาวๆหยุดนิ่งและเริ่มสั่นจนเจ้าตัวรู้สึกได้

     

    อย่าคิดหนีนะครับ... ตามผมมาดีๆแล้วพี่แบคฮยอนจะไม่เจ็บตัว

     

    เสียงทุ้มที่ไม่คุ้นหูนักดังขึ้นด้านหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชานยอลสนใจเท่ากับชื่อของแบคฮยอนที่ถูกเอ่ยขึ้นมาในประโยคนั้น

     

    ชานยอลหันมองไปทางด้านซ้าย ตรงมุมไกลๆที่ไม่มีคนเดินผ่านแบคฮยอนถูกจับตัวไว้ แขนเล็กถูกล็อกไว้แน่นกันไม่ให้เจ้าตัวขยับไปไหนได้ ร่างบางพยายามดิ้นหนีแต่สองคนด้านข้างก็ยิ่งบีบแขนเล็กแรงขึ้นจนแบคฮยอนเบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บ

     

    แกเป็นใคร” ชานยอลเสี่ยงถามออกไป ปลายมีดที่จ่อหลังตัวเองอยู่กดลึกเข้ามาอีกจนชานยอลรู้สึกเจ็บแต่ก็ต้องตีหน้าไม่รู้สึกอะไร

     

    ผมชื่อเทาครับ เป็นคู่หมั้นของคนที่พี่พาหนีมาด้วยไง ^^” เทาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ขยับมีดสั้นเล่มเล็กออกจากหลังของชานยอลช้าๆเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตก่อนจะยื่นมันส่งคืนให้กับลูกน้องของตัวเองที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง แล้วดึงไหล่ชานยอลให้หันมาเผชิญหน้ากับตน

     

    ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ พี่ชานยอล ^^” 

     

    เทายิ้ม... รอยยิ้มอาบยาพิษที่ชานยอลอาจไม่ทันสังเกต  

     

    สิ่งที่ผมเป็นเจ้าของ ต่อให้มันหนีไปไกลแค่ไหน.. ถ้าผมอยากได้ผมก็ต้องไปเอามันกลับคืนมา โดยไม่เลือกวิธีการใดๆทั้งสิ้น

     

    พลั่ก!

     

    มือของใครสักคนกระแทกเข้าที่ท้ายทอยชานยอลอย่างแรงจนร่างสูงทรุดลงไปกับพื้น ความเจ็บปวดลามไปทั่วกระดูกสันหลังและบริเวณต้นคอ ชานยอลกัดฟันแน่นกั้นความเจ็บก่อนจะถูกพยุงขึ้น

     

    มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ?” 

     

    พยาบาลสาวที่ผ่านมาเห็นพอดีถามอย่างสงสัย ชานยอลปรือตามองพยาบาลคนนั้นเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงเพราะรู้สึกเจ็บต้นคอจนไม่อยากจะเงยหรือหันหน้าไปไหนเลย    

        

    พี่ชายผมเมานิดหน่อยน่ะครับ ผมเป็นญาติของพี่เขา จะพาพี่เขากลับบ้าน แต่พี่ขัดขืนไปหน่อยก็เลยต้องออกแรงนิดหนึ่ง” 

     

    เทาแต่งเรื่องอย่างลื่นไหล พยาบาลสาวมองมาทางชานยอลที่มีอาการเหมือนคนเมาเดินไม่ไหวต้องมีคนช่วยพยุงแล้วก็ลอบถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับเทา

     

    รีบพากลับบ้านเถอะค่ะ ดูท่าพี่ชายคุณจะไม่ไหวแล้วล่ะ

     

    ครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ

     

    ค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ

     

    ครับ ^_^”

     

    เทายิ้มกว้างรอจนพยาบาลสาวเดินจากไปลับตา แล้วหันมองชานยอลด้วยแววตาไม่เป็นมิตร

     

    พี่มันมีอะไรดีนักนะ พี่แบคฮยอนถึงได้รัก ถึงได้หลงจนหนีตามกันมาถึงนี่” เทาบ่นกับตัวเอง ทำท่าครุ่นคิดหาคำตอบก่อนจะถอนหายใจยาว “แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวพี่ก็จะต้องจากกันไปแล้ว มาคิดหาเหตุผลอะไรตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์... เอาตัวไปที่รถ!”

     

    ประโยคแรกเอ่ยกับชานยอล ส่วนอีกประโยคหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องร่างใหญ่ที่กำลังพยุงชานยอลอยู่เสียงเข้ม ก่อนเจ้าตัวจะเดินนำออกไปทันที

     

    ผมขอเตือนอะไรหน่อย” ลูกน้องที่พยุงชานยอลไว้เอ่ยเสียงเบาราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน

     

    “…”

     

    ถ้าเป็นไปได้ อย่าเถียงหรือขัดขืนเจ้านายของผม พี่จะได้ไม่โดนทำร้าย

     

    บอกฉันทำไม” ชานยอลมองคนข้างกายอย่างงงๆ

     

    ผมรู้นิสัยของเจ้านายผมดี เขาไม่ยอมยกสิ่งที่เขาต้องการให้ใครง่ายๆหรอก

     

    แล้วถ้าเทาบอกให้ฉันไปตายหรือบอกให้ฉันเลิกรักแบคฮยอน ฉันก็คงต้องทำตามนั้นสินะ?”

     

    ใช่แล้วครับ

     

    เสียใจด้วยนะ” ลูกน้องของเทาเลิกคิ้วขึ้นกับคำพูดของชานยอล “ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก

     

    ทำไมล่ะครับ

     

    เพราะถ้าฉันตาย แบคฮยอนจะอยู่ยังไง...”

     

    “…”

     

    แถมถ้าให้ฉันเลิกรักแบคฮยอน ขอบอกได้คำเดียวว่า...

     

     

     

    ...ไม่มีวัน...”

     

    ----------------------------------------

     
     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×