"ปฏิญญาต้องห้าม"

เนื้อเรื่อง

              ทำไมหนอ... คนไทยแท้จึงไประดมความคิดในต่างประเทศเข้ามาสวมในการทำงานทางการเมือง
       
        ความคิดมาจากฟินแลนด์
       
        มาจากคน 3 กลุ่มครับ ที่ไปฟินแลนด์มา
       
        พวกแรก คือพวกอดีตคนที่เข้าพรรคคอมมิวนิสต์สู้รบในป่าถือว่าเป็นสหายที่ออกมาหลังจากโค่นอำนาจด้วยปากกระบอกปืนไม่สำเร็จ
       
        อีกกลุ่มคือพวกที่ร่วมวงกับทักษิณในการตั้งพรรคไทยรักไทยครับ
       
        พวกที่สามเป็นที่ปรึกษาเช่น คุณพันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์
       
        คนเหล่านี้ไปหารือกันที่ฟินแลนด์เพื่อร่วมมือกันตั้งพรรคการเมืองครับ
       
        และมีปรัชญาดังนี้ คือใช้มวลชนดึงพวกรากหญ้ามาเป็นฐานการเมือง สองให้ประเทศไทยปกครองด้วยพรรคการเมืองเดียวแบบผูกขาดอำนาจรัฐไว้ในกำมือของพวกตน สามใช้ทุนนิยมเป็นเครื่องมือ สี่ให้สถาบันมหากษัตริย์เป็นแค่สัญลักษณ์เท่านั้น ไม่ดำรงพระราชอำนาจใด ห้าใช้การปฏิรูปการเมืองโดยนำระบบซีอีโอมาใช้โดยให้ขึ้นตรงต่ออำนาจนายกรัฐมนตรีคนเดียว
       
        ทั้งหมดนี้ดำเนินการไปแล้วละครับ
       
        นับตั้งแต่ไทยรักไทยได้อำนาจรัฐ
       
        หลังจากมีการเปิดเผยปฏิญญาฟินแลนด์ก็เป็นที่ผิดสังเกตว่า ทักษิณร้อนรนทนไม่ไหว
       
        ตัดสินใจคืนอำนาจขึ้นมาทันควัน
       
        แล้วรีบออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่เคยมีปฏิญญาฟินแลนด์อะไรที่ว่านั้น
       
        พรรคพวกในไทยรักไทยก็แห่กันออกมาให้ข่าวว่า ไม่เคยได้ยินไม่เคยรู้ และไม่เคยเห็นอะไรทำนองนี้ด้วยอีกต่างหาก
       
        โฉมหน้าของความคิดและตัวบุคคลในปฏิญญาฟินแลนด์นั้น ท่านผู้อ่านเปิดอ่านได้ในเว็บของผู้จัดการวันที่ 22 พ.ค.นี้นะครับ
       
        ที่น่าสนใจก็คือตอนที่อาจารย์ธีรภัทร เสรีรังสรรค์ ให้สัมภาษณ์ นสพ.ไทยโพสต์เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2548 ว่า
       
        " วันที่ไปจดทะเบียนมีการประชุมว่า ควรไปจดทะเบียนวันไหน คุณทักษิณกำหนดวันที่ 14 กรกฎาคม ผมไม่ได้แย้ง แต่บอกข้อมูลว่า วันที่ 14. ก.ค. เป็นวันชาติฝรั่งเศส เป็นวันปฏิวัติฝรั่งเศสที่ล้มล้างระบอบกษัตริย์ ก็ต้องระมัดระวังที่คนอาจจะคิดไปในทิศทางนั้น"
       
        อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทักษิณจะออกมาปฏิเสธเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์
       
        แต่ทักษิณปฏิเสธหลักการ 5 ข้อไม่ได้เลย
       
        และเขาปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่าพรรคไทยรักไทยไม่ได้ใช้นโยบายทั้ง 5 ข้อ ส่วนว่าข้อไหนทำได้สำเร็จหรือไม่นั้น ก็ดูเองว่าเขาได้ทำอย่างไร
       
        ไม่ว่ามวลชนรากหญ้า และการใช้ทุนนิยมที่เน้นการบริโภค
       
        รวมทั้งหลักการใช้ซีอีโอในทุกเรื่องซึ่งกินไปถึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นซีอีโอไปด้วยนั้น ทำให้ปลัดกระทรวงไม่ค่อยมีน้ำยาแต่ทักษิณเท่ากับคุมผู้ว่าฯ ทั้งประเทศ
       
        ดังนั้น ไม่แปลกอะไรหรอกกับชื่อปฏิญญาฟินแลนด์
       
        ส่วนเรื่องการประชุมที่ฟินแลนด์นั้นไม่เห็นว่าคุณทักษิณจะออกมาปฏิเสธแต่อย่างไร
       
        เรื่องนี้คงไม่จบง่ายนักหรอกครับ