ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฮิตเรื่องตลก ทะลึ่ง มุขตลก ขำขัน ขำแตก ขำกลิ้ง

    ลำดับตอนที่ #18 : วิญญาณเฮี้ยนในหอพัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.68K
      3
      13 พ.ค. 49

    ประสบการณ์ที่ผมได้สัมผัสมานั้นเป็นเรื่องแปลกและมีผู้พบเห็นเป็นพยานยืนยันได้นับสิบคน แต่ละคนยังยอมรับ ว่าเป็นเรื่องลึกลับที่ชวนขน พองสยองเกล้ามาจนถึงทุกวันนี้

    เมื่อประมาณปี 2533 ตอนนั้นผมยังเป็นนิสิตชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัย และเป็นนักกีฬาไปแข่งขันกีฬาประเพณีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นเจ้าภาพในปีนั้น ผมพักที่หอพักนักกีฬาทีทางเจ้าภาพจัดให้ไว้เป็นเวลาถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนร่วมกับเพื่อน ๆ นักกีฬาประเภทอื่น ๆ ของมหาลัย รวม ๆ กันแล้วก็ร้อยกว่าคน

    สำหรับนักกีฬาหญิงนั้นทางเจ้าภาพแยกให้พักต่างหากอีกที่หนึ่ง ทันทีที่เดินทางไปถึงหอพักในวันแรก ผมรู้สึกผิดสังเกตที่อากาศในหอพักเย็นกว่าอากาศข้างนอกมาก ทั้ง ๆที่หอพักเป็นอาคารไม้เก่า ๆ สองชั้นและไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่หลังจากก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไปนั้นมันเย็นยะเยือกจนปวดกระดูกเลยทีเดียว หอพักของเรานั้นเป็นหอพักนักศึกษาหญิง แต่เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม ทางมหาลัยจึงขอให้นักศึกษาย้ายออกชั่วคราว เพื่อให้พวกนักกีฬาใช้พักในระหว่างแข่งขัน

    นอกจากอากาศที่เย็นกว่าปกติแล้ว ยังแปลกมากที่ทุก ๆ ห้องจะมีรอยปากกาเขียนข้อความต่าง ๆ ไว้ตามฝาผนังเต็มไปหมด เป็นลายมือเดียวกันข้อความคล้าย ๆ กัน สรุปได้เลยว่าคนเขียนต้องเป็นคนเดียวกัน ข้อความต่าง ๆ เท่าที่จำได้มักจะเป็นอย่างนี้ “น้องจุ๋ม เป็นเด็กน่ารัก ขยันพี่รักน้องมากจ๊ะ จากพี่แหม่ม” “น้องเมย์ ฉลาด แต่ไม่ค่อยขยัน ต่อไปอ่านหนังสือมาก ๆ นะจ๊ะ พี่เป็นห่วง จากพี่แหม่ม” เป็นต้น ข้อความพวกนี้ทำให้พวกผมนึกขำที่พวกผู้หญิงก็มือบอนเหมือนกัน นึกว่ามีแต่ผู้ชายที่ชอบเขียนตามฝาผนังกันซะอีก การเข้าพักในหอสำหรับ คืนแรกก็ดูจะเรียบร้อยดีไม่มีอะไรผิดปกติ และพวกเราทั้งหมดก็เป็นนักกีฬาชายล้วน เรื่องที่จะกลัวอะไรง่าย ๆ นั้นไม่ใช่พวกเราแน่ และไม่มีใครนึกถึงเรื่องภูตผีวิญญาณกันเลยแม้แต่น้อย คิดถึงกันแต่เรื่องแข่งกีฬาและจะออกไปเที่ยวที่ไหนตอนกลางคืนกันดีมากกว่า

    ประมาณเกือบเที่ยงคืน พวกเราได้ยินเสียงวี้ดว้ายกระตู้วู้ดังมาจากห้องน้ำใต้บันได เมื่อวิ่งออกไปดูก็เห็นนักกีฬาวอลเลย์บอลชายสองคนท่าทางอ้อนแอ้นคล้าย ๆ ตุ๊ด ยืนตัวสั่นอยู่สอบถามได้ความว่านักกีฬาสองคนนี้เป็นตัวสำรองที่ขอตามมาแข่งด้วย หลังจากออกไปเที่ยวข้างนอกแล้วกลับมาหอเตรียมจะอาบน้ำนอน หนึ่งในสองคนบังเอิญเหลือบไปเห็นเงาผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในกระจกห้องน้ำกำลังจ้องมองตาแป๋ว เป็นผู้หญิงผมยาวใส่เสื้อขาวนุ่งกางเกงวอร์มสีแดง ทั้ง ๆ ที่ประตูห้องน้ำล๊อคอยู่ และนี่ก็เป็นหอนักกีฬาชาย แต่ไม่รู้เธอเดินทะลุประตูเข้ามาได้อย่างไร พวกเรานอกจากจะไม่เชื่อแล้วยังโมโหอีกที่ทำให้ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก และที่สำคัญพวกเรากลัวตุ๊ดมาก กว่ากลัวผีซะอีก จึงไม่มีใครใส่ใจ บางคนลงความเห็นว่าสองคนนั้นจะสร้างสถานการณ์ เพื่อเรียกร้องความสนใจ

    วันรุ่งขึ้น พวกเราต่างก็ไปแข่งกีฬากันทั้งวัน พวกที่แข่งเสร็จแล้วก็กลับมาพักที่หอ ตอนกลางวันทางเจ้าภาพอนุญาตให้แต่ละหอไปมาหาสู่กันได้ ดังนั้น ภายในหอของพวกเราจึงมีคนเดินเข้าเดินออกตลอดเวลาทั้งชายและหญิงแวะมาเยี่ยมเยียน แต่ในบรรดาผู้ที่เข้ามาในหอ รวมทั้งนักกีฬาที่พักที่นี่ต่างก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อยืดสีขาวนุ่งกางเกงวอร์มสีแดงเดินขึ้นเดินลงเข้านอกออกในห้องนั้นห้องนี้ไปทั่ว แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะต่างนึกว่า เป็นเพื่อนนักกีฬาด้วยกัน และนักกีฬาส่วนใหญ่ก็แต่งตัวใส่เสื้อยึดกางเกงวอร์มด้วยกันทั้งนั้นแหละ

    จนล่วงเลยมาถึงวันที่สามในช่วงบ่ายแก่ ๆ หอพักแทบจะไม่มีคนอยู่เพราะต่างออกไปแข่งหรือไม่ก็ไปเชียร์กีฬากันหมด ทั้งหอรู้สึกจะเหลือรุ่นน้องที่เป็นนักกีฬาแบดมินตันนอนเอาแรงอยู่คนเดียว เนื่องจากมีแข่งรอบ ตัดเชือกตอนหนึ่งทุ่มจึงไม่ได้ออกไปไหน รุ่นน้องคนนี้ชื่อโอ๊ต เป็นคนนิสัยดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จึงเป็นที่รักใคร่ของรุ่นพี่ทุกคน ตอนที่เราออกจากหอเห็นโอ๊ตกำลังหลับจึงไม่มีใครปลุกอยากให้น้องพักผ่อนมาก ๆ จะได้มีแรงไปแข่งเย็นนี้ โอ๊ตรู้สึกตัวตื่นเพราะอากาศที่เย็นจนจับใจ ในขณะที่กำลังจะลืมตาขึ้นนั้นโอ๊ตรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่และเมื่อลืมตาขึ้นแล้วก็ปรากฏว่าที่ปลายเตียงมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เธอนั้นเอง ผู้หญิงในชุดกางเกงวอร์มสีแดง โอ๊ตรู้สึกว่าเธอยิ้มให้ ใบหน้าเธอดูเศร้า เส้นผมที่ยาวถึงกลางหลังของเธอแห้งฟูหยาบกระด้าง เธอจ้องหน้าโอ๊ต เขม่ง ก่อนถามว่า “เป็นนักกีฬาหรือค่ะ มาแข่งอะไรค่ะ” ตอนนั้นโอ๊ตไม่รู้สึกแปลกอะไรเพราะนึกว่าเป็นเพื่อน ของเพื่อนที่บังเอิญเข้ามาที่หอ จึงตอบไปว่า “มาแข่งแบดมินตันครับ” เธอก็ไม่ว่าอะไร พูดว่า “ดี....แล้วจะไปช่วยเชียร์” ทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งการสนทนาน่าจะจบตรงนั้น แต่เปล่า เธอกลับเดินมาข้างเตียงที่โอ๊ตนอนอยู่ และก่อนที่โอ๊ตจะทันตั้งตัว เธอก้าวขึ้นเตียงพร้อมกับนั่งทับยอดอกของโอ๊ตทันที โอ๊ตตกใจมาก แต่ไม่รู้เรียวแรงหายไปไหนหมด พยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ในตอนที่โอ๊ตได้เห็นหน้าใกล้ ๆ ของเธอ โอ๊ตรู้ทันทีว่าที่กำลังนั่งทับอยู่นี่ไม่ใช้คนแน่ ๆ เพราะใบหน้าของเธอซีดขาวปากที่ดำคล้ำนี่ถ้าไม่ใช้ผีก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้ว โอ๊ตกลัวจนทำอะไรไม่ถูก แข็งใจสวดมนต์ผิด ๆ ถูก ๆ เท่าที่จำได้ รวมทั้งแผ่เมตตาให้แต่เธอก็ยังคงไม่ไปไหน ราว ๆ ห้า นาทีเธอจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมกับไอเย็นประหลาด ๆ นั้น โอ๊ตได้สติแขนขาเริ่มขยับได้ ก็เผ่นออกจากหออย่างรวดเร็ว พรวดเดียวไปถึงสนามมวยที่พวกผมกำลังเชียร์กันอยู่

    สภาพโอ๊ตดูแทบไม่ได้ ผมของมันชูชันเหมือนขนเม่น ปากคอสั่น หน้าซีด ขนลุกทั้งตัวตลอดเวลา ทั้งเนื้อ ทั้งตัวมีผ้าขาวม้าผืนเดียวที่นุ่งตอนเผ่นออกมา ตอนนั้นผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะเท่าที่จำได้ ผมเคยเห็นเธอพร้อมกับเพื่อนนักกีฬาคนอื่น ๆ มาหลายครั้งแล้ว และความรู้สึกตอนต้นที่เจอก็ไม่ได้คิดว่าเธอจะเป็นผีหรือวิญญาณอะไร เพียงแต่มันจะเจอเธอในตอนที่อากาศเย็นผิดปกติเท่านั้น จนคืนสุดท้าย แม่ค้าขายกล้วยแขกที่มหาวิทยาลัยเล่าให้เราฟังว่า ที่หอพักที่เราอยู่เคยมีนักศึกษาหญิงผูกคอตาย ด้วยสาเหตุอะไรไม่ทราบแน่ชัด ก่อนที่เธอจะผูกคอตายเธอได้งัดห้องเพื่อน ๆ รวมทั้งน้อง ๆ เข้าไปเขียนข้อความสั่งเสียไว้ที่ผนัง และว่ากันว่าวิญญาณของเธอเฮี้ยนมาก หากเพื่อนหรือรุ่นน้องคนไหนลบข้อความของเธอ เธอจะเข้าไปปรากฏกายเห็นจนไม่มีใครกล้าแตะต้อง ดังนั้นข้อความต่าง ๆ ตามผนังห้องพักของพวกเราที่แท้ก็คือผลงานของเธอนั้นเอง

    ตกลงคืนสุดท้ายพวกเราต่างไม่มีใครกล้าเข้าไปที่หอพัก ต่างก็พากันอพยพกันไปนอนที่ชายหาด กะว่าคืนนี้นอนมันที่นี่แหละ เพราะกีฬาก็จบแล้ว พรุ่งนี้ก็เดินทางกลับ ถึงแม้จะไม่ค่อยกลัวผีกันเท่าไหร่แต่ก็ไม่มีใครกล้าเสียง ทุกอย่างน่าจะจบลง แต่ก็ยังอุตสาห์มีเรื่องสยองขวัญแถมท้ายตรงที่มีรุ่นพี่บัญฑิตตามมาจากกรุงเทพ กะว่าจะมาร่วมเชียร์ร่วมฉลองด้วยแต่กว่าจะมาถึงก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มของคืนสุดท้าย แกเดินตามมาที่ชายหาดด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก พอมาถึงก็บ่นไม่หยุดปาก “พวกมึงมาสุมหัวทำอะไรกันอยู่ที่นี่หมดวะ กูตามไปที่หอหาแทบตายไม่เจอหมาสักตัว” หนึ่งในพวกเราเลยถามว่า “แล้วพี่ตามมาถูกได้อย่างไรครับ” แกว่า “มีคนบอกว่าพวกมึงหนีมาอยู่ที่นี่ ใครก็ไม่รู้ ผู้หญิงผมยาวใส่เสื้อสีขาว กางเกงแดง แฟนใครว่ะ เขาห้ามผู้หญิงมาหอชายตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอ” พวกเราทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครออกความเห็น โธ่! จะให้บอกแกได้อย่างไร ว่าที่แกเจอนั้นนะไม่ใช่คน จะเป็นวิญญาณเป็นผีหรือเป็นอะไรพวกเราต่างก็ไม่แน่ใจ จนถึงทุกวันนี้แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบสิบปีแล้วแต่นึกถึงเรื่องนี้ที่ไรก็ขนลุกทุกที่เลยครับ
    By : kaeowan
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×