คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทแห่งเวทย์
อุแว้ ๆ ๆ
เสียงเด็กร้องดังขึ้นมาจากห้องนอนห้องหนึ่งที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องใช้ของเด็กอ่อนนานาชนิด เจ้าเด็กน้อยดวงตากลมโตสีฟ้ากำลังส่งเสียงร้องแข่งกับเสียงนกร้องในยามเช้า
“มาแล้วๆ เจ้าตัวเล็กหยุดร้องได้แล้ว” หญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งร้องขึ้นมา ขณะที่กำลังวิ่งมายังห้องต้นเสียง ระหว่างทางเธอเกือบจะสะดุดล้มเพราะไม้กวาดที่กำลังกวาดพื้นอยู่ อีกทั้งยังต้องคอยหลบไม้ถูกพื้นที่เคลื่อนที่ต่อจากไม้กวาด สงสัยว่าวันนี้แม่บ้านของเธอคงจะงานยุ่งจนต้องใช้เวทย์มนต์ในการทำความสะอาดบ้านอีกแล้วกระมัง
ไม่นานเธอก็วิ่งมาถึงที่หมายจนได้ เธอเปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว ผมสีฟ้าของเธอทอประกายรับกับแสงอรุณของวันอย่างเหมาะเจาะ เสื้อคอลึกของเธอเผยให้เห็นลำคอขาวยาวระหง เธอจัดว่าเป็นสาวงามคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เธอเดินเข้าไปที่เปลก่อนจะอุ้มลูกชายของเธอขึ้นมา เธอยิ้มให้เจ้าตัวเล็ก ไม่น่าเชื่อเจ้าตัวเล็กที่กำลังร้องไห้โยเยกลับหยุดร้องและยิ้มตอบให้เธอ เธอหอมแก้มเขาอย่างทะนุถนอม ก่อนจะวางเขาลงในเปล พร้อมทั้งวางขวดนมไว้ที่โต๊ะข้างเตียง
“รอมันเย็นก่อน ค่อยเรียกไปกินนะครับ วันนี้แม่มีธุระนิดหน่อยคงจะอยู่ด้วยไม่ได้” เธอพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยหวังว่าจะกลับไปจัดการกับงานที่คั่งค้างของเธอต่อ
เธอกลับไปที่ห้องทำงาน ระหว่างทางที่เดินไปเธอก็หวังว่าลูกชายตัวดีของเธอคงจะหลับไปหลังจากจัดการนมขวดนั้นหมดแล้ว
กว่าสามชั่วโมงเธอก็จัดการตรวจข้อสอบจนเสร็จ ด้วยความเป็นห่วงเธอจึงแอบย่องขึ้นไปหาลูกชายอีกครั้ง เธอเปิดประตูอย่างแผ่วเบา แล้วก็ต้องแปลกใจที่ยังเห็นนมขวดดังกล่าวยังอยู่กับที่ในปริมาณเท่าเดิม เธอชะโงกหน้าไปดูในเปล แต่แล้วก็ต้องใจหายเมื่อพบว่าเจ้าตัวน้อยนอนหลับใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แถมยังนอนดูดนิ้วด้วยความหิว
“ตายแล้วเซเลส” เธอรีบอุ้มเขาขึ้นมา และคว้าขวดนมยื่นให้เขา เจ้าตัวน้อยลืมตาตื่นขึ้นมาและดูดนมในขวดอย่างรวดเร็ว
“หิวแล้วทำไมไม่หยิบมากินล่ะลูก แม่วางไว้ให้ตั้งนานแล้วนะ” เธอพูดกับลูกชายวัยสามเดือนของเธอ เธอแปลกใจมานานแล้วที่ลูกชายของเธอไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ ลูกของเธอไม่เคยถือขวดนมเองเลยสักครั้ง และไม่เคยเลยที่จะเรียกของเล่นมาหาเอง เอาแต่เรียกให้เธอ หรือไม่ก็คนที่อยู่ใกล้เคียงให้หยิบให้
********************
เช้าวันต่อมาเธออดที่จะถามสามีของเธอไม่ได้เกี่ยวกับอาการของลูกชาย เธอเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเซเลสให้กับลูคัส เขาฟังเธอจนจบ
“ผมว่าคุณคิดมากไปเองหรือเปล่า เด็กทุกคนที่เกิดมาต่างก็มีพลังเวทย์ติดตัวมาตั้งแต่เกิดด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งลูกเราได้พลังเวทย์ทั้งจากคุณและผมเข้าไป ผมว่าแกน่าจะมีพลังเวทย์มากกว่าเด็กคนอื่นๆที่อายุเท่ากันด้วยซ้ำไป” ลูลัสพูดอย่างสบายใจ
“คุณโอ๋แกมากเกินหรือเปล่า ประเดี๋ยวแกจะเคยตัวจนไม่ยอมใช้พลังเวทย์เลยนะ” ลูคัสพูดต่อ และอดที่จะแซวภรรยาไม่ได้ แต่เมื่อหันไปเห็นเฮเลน่าที่นั่งหน้าเครียดไม่รับมุข เขาจึงตัดสินใจหยุดพูดอย่างรวดเร็ว
“คุณนี่ก็ทำเป็นใจเย็นเหลือเกินนะค่ะ” เธออดที่จะหันมาต่อว่าสามีไม่ได้
“เอาน่า ผมว่าเรารอดูไปก่อนสักเดือนสองเดือนดีไหม” ลูคัสพูดตัดบทและหอมแก้วภรรยาก่อนที่จะลุกออกไปทำงาน
แต่ตัวเฮเลน่าเองยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี ยิ่งวันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยเวทย์ออสวินด์ที่เธอเป็นอาจารย์ประจำอยู่ด้วยแล้ว ความสับสนในใจทำให้เธอเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“แม่ไปทำงานก่อนนะคนเก่ง ตอนเย็นๆจะแวะมาหาใหม่นะครับ” เธออุ้มเซเลสขึ้นมาและบรรจงหอมแก้มเขาอย่างนุ่มนวล ก่อนจะวางเขาลงในเปลและออกไปทำงานในที่สุด
ระหว่างทางที่รถม้าของเธอวิ่งผ่าน บรรยากาศภายในเมืองกลาสวินด์กลับมาคึกคักอีกครั้ง รถม้ามากมายต่างวิ่งอย่างเป็นระเบียบในทางที่จัดไว้ให้โดยเฉพาะ ร้านรวงตลอดสองข้างทางต่างส่งเสียงโฆษณาสินค้าของตนอย่างถึงพริกถึงขิงเชิญชวนให้บรรดาคนสัญจรไปมาแวะชม เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าไม้กวาดและพรมหลากสีสันต์พุ่งสวนกันอย่างน่าหวาดเสียว ต่างคนต่างก็รีบที่จะไปทำงานหรือเรียนหนังสือ เธอมองภาพเหล่านั้นแล้วอมยิ้มอย่างมีความสุข
“สวัสดีครับท่านศาสตราจารย์” เสียงหนึ่งดังมาจากรถม้าคันข้างๆที่ตีคู่มากับรถม้าของเธอ
“สวัสดีค่ะท่านไดเจส” เธอตอบกลับโดยที่ยังไม่ทันได้หันไปดู ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้เขา
“ความจำคุณนี่ยังดีเหมือนเคยเลยนะ ไม่มองหน้าก็ยังรู้อีกว่าเป็นผม อีกหน่อยแค่ได้กลิ่นก็จำผมได้แล้วกระมัง” เขาพูดติดตลกเธอส่ายหน้าช้าๆ ทำไมเธอจะจำเขาไม่ได้ล่ะ ในเมื่อทั้งเธอและเขาต่างก็จบการศึกษาจากที่เดียวกัน แถมยังเรียนห้องเดียวกันมาตลอด นี่ยังไม่นับรวมที่เขาพยายามจีบเธออยู่นานหลายปี
ไดเจส มาโคนัททายาทแห่งตระกูลมาโคนัทที่ร่ำรวย ตระกูลของเขาเก่าแก่ไม่แพ้ตระกูลดาโวนิเกสของลูคัส เพียงแต่ทั้งสองตระกูลนี้ต่างก็เขม่นกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้ว ตระกูลมาโคนัทเป็นเจ้าของกิจการธนาคารบัสกลาส ธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของอาณาจักรกลาสวินด์ ส่วนตระกูลดาโวนิเกสก็ได้ผูกขาดตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของกษัตริย์แห่งกลาสวินด์มานับตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักร
“ยินดีด้วยนะครับกับตำแหน่งอธิการบดีแห่งมหาวิทยาลัยเวทย์ออสวินด์” ไดเจสเอ่ยขึ้น เฮเลน่าเองก็ยิ้มรับแสดงความขอบคุณ
“เรื่องนี้ต้องขอบคุณท่านอดีตอธิการเรนริสที่ช่วยสนับสนุนค่ะ” เธอพูดยิ้มๆ
ถึงแม้ว่าใครๆจะยกย่องฝีมือด้านเวทย์มนต์ของเธอ แต่เธอก็มักจะพูดถ่อมตัวอยูเป็นนิจ จะว่าไปเธอเองก็ประหม่าไม่น้อยที่ต้องเป็นอธิการบดีตั้งแต่อายุยังน้อยอีกทั้งเธอยังเป็นอธิการบดีหญิงคนแรกของมหาวิทยาลัยเวทย์ออสวินด์ มหาวิทยาลัยเวทย์ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดของอาณาจักรกลาสวินด์ ทุกๆปีจะมีเด็กกว่าห้าแสนคนแย่งชิงโควต้าที่จะเข้าเรียนที่นี่ ทั้งๆที่ทางมหาวิทยาลัยเองสามารถรับเด็กได้ไม่เกินหนึ่งพันคนเท่านั้นในแต่ละปี
“เจ้าหนูเซเลสวิ่งได้หรือยังครับ” ไดเจสถามต่อ เธอหน้าถอดสีไปเล็กน้อยเมื่อมีคนถามถึงลูกชายของเธอแต่เธอก็ปรับอารมณ์อได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไดเจสเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น
“แหม เขาเพิ่งจะอายุได้สามเดือนเอง ท่านจะให้เขาลุกขึ้นมาวิ่งแล้วหรือยังไงกัน” เธอพูดแล้วหัวเราะออกมา ไดเจสเองก็หัวเราะแก้เก้อ
“ลูกชายของอัจฉริยะแห่งยุคทั้งสองย่อมต้องเหนือกว่าเด็กคนอื่นเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ” ไดเจสพูด ปกติแล้วเด็กๆที่เกิดมาจะสามารถคลานไปเมื่ออายุสามเดือน จากนั้นเริ่มหัดเดินจนวิ่งได้ในเวลาไม่เกินหกเดือน แม้ว่าเด็กคนนั้นจะมีพลังเวทย์น้อยเพียงใดก็ใช้เวลาไม่เกินนี้ทั้งนั้น
ความคิดเห็น