เทพนิยายกรีก

ลำดับตอนที่ #63 : ^0^โอดีน มหาเทพ (ยุโรปเหนือค่ะ)^0^

       11/4/49

       ขอบคุณ http://members.thai.net/mythland/norse_god-odin.htm สำหรับข้อมูลดี ๆ ค่ะ

       หมายเหตุ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำพูดใด ๆ ทั้งสิ้นนะคะ

       โอดิน (Odin)

       โอดินเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เปรียบเหมือนเทพเจ้าซูสแห่งกรีก เป็นผู้นำของพระเจ้าชาวนอร์ส(มหาเทพ) ถูกขนานนามว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามและความรู้ เขาเป็นเจ้าของแหวนแห่งเวทย์มนต์ เรียกว่า ดรอปนีร์ (Draupnir)

       รูปลักษณ์ : โอดินมีผมสีเทา มีเสื้อคลุมเก่า บนนิ้วมือของเขาสวมแหวนดรอปนีร์ (Draupnir)

       วงศ์ :  เอซีร์ (Aesir) (เป็นบิดรเทพ)

       Ragnorak : โอดินจะสู้กับหมาป่ายักษ์บุตรชายของจอมมารโลกิ เฟนรีร์ และถูกเฟนรีร์กลืนกิน

       ชื่ออื่น ๆ : Allfather, Ygg, Bolverk, Grimnir, Othin, Woden, Wodan,  Wotan

       ภรรยา : ฟริกกา(Frigga)  จอร์ด(Jord) รินดา

       ลูก: บาลเดอร์(Balder) โฮเดอร์(Hoder) เฮอร์มอด(Hermon) แบรกกี(Bragi) ไธร์(Tyr) ธอร์(Thor)

       พี่น้อง : วิลี(Vili) เว(Ve)

       สัตว์คู่กาย : หมาป่าเกรีและเฟรกิ( Geri และ Freki ) นกสีดำฮูกินและมูนิน( Hugin และ Munin )

       โอดินดำรงฐานะจอมเทพ (เทพแห่งเทพ บิดรเทพ) สูงที่สุดในบรรดาเทพชาวเหนือทั้งหลาย แต่ชีวิตของพระองค์ไม่ได้สบายเหมือนกับตำแหน่ง กลับมีแต่ความรันทดมาตลอด สิ่งเดียวที่ช่วยพระองค์ไว้ตลอดเวลาก็คือความแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งของชายชาตินักรบที่ถึงแม้จะรู้จุดจบของตัวเองและพวกพ้อง ก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือเขลาขลาดใดๆ ออกมา(ช่างน่ายกย่องเสียจริงๆ)
        
       โอดินเป็นลูกของบอร์ เทพเริ่มแรกของโลก และบรรดาเทพอื่นๆที่อยู่บนแอสการ์ดต่างก็เป็นลูกหลานของโอดินเกือบหมด รูปร่างของโอดินในความนึกคิดของชาวเหนือส่วนใหญ่จึงเป็นชายชราสวมหมวกปีกกว้างซ่อนใบหน้าไว้ในเงามืด นั่งอยู่บนบัลลังก์ฮลิดสเกียบ(Hlidskialf) ซึ่งทำให้สามารถสอดส่องความเป็นไปต่างๆ ในโลกทั้งเก้าได้ โดยมีเทวีฟริกกา (Frigga) นั่งเคียงข้างบนบัลลังก์องค์นี้ได้เพียงคนเดียว
       
       อันที่จริงโอดินมีภรรยาหลายคน มีทั้งเทพด้วยกันและยักษีประเภทพวกที่ได้รับการยกย่องมีอยู่ไม่เท่าไหร่ คนแรกคือจอร์ด(Jord) หรือเออดา (Erda) เป็นลูกอีมีร์กับกับยักษีตนหนึ่งไม่ปรากฏนาม โอดินมีลูกกับจอร์ด 1 คน คือ ธอร์ (Thor) เทพแห่งสายฟ้าผู้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุด ภรรยาคนสามชื่อว่ารินดา(Rinda) คนนี้เป็นตัวแทนของความแห้งแล้ง ของแผ่นดินที่หนาวเหน็บในช่วงหน้าหนาว ตอนไหนที่เจ้าหล่อนไปอยู่กับสามี แผ่นดินที่เคยหนาวเหน็บจะอุ่นขึ้น เป็นช่วงที่ตอนเหนือมีฤดูร้อนช่วงสั้นๆ ความที่รินด้าเจ้าแม่แห่งความแห้งแล้งจากแผ่นดินถิ่นที่อยู่ของมนุษย์แค่ช่วงสั้นๆ บุตรของโอดินกับรินดา ชื่อว่าวาลี(Vali) เป็นหนึ่งในบรรดาเทพไม่กี่องค์ที่เหลือรอดจากแร็กนาร๊อกและเป็นคนสำคัญอีกคนหนึ่งเกี่ยวกับความตายของบัลเดอร์(Balder) เทพแห่งสัจจะและแสงสว่าง
        
       โอดินจอมเทพยังมักแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักรบเสมอๆ เทพจะถือหอกกุนจ์นีร์(Gungnir) อาวุธประจำกาย ใส่แหวนดรอปนีร์(Draupnir) (มันก็เป็นวงกลมซึ่งเป็นรูปทรงที่พลังของมันจะหมุนอยู่ตลอดไป มีลักษณะพิเศษตรงที่เกิดใหม่ทุก 7) มีอีกาชื่อฮูกิน(Hugin) ความคิด และมูนิน(Munin)ความจำ เกาะบนไหล่ซ้ายขวาคอยกระซิบบอกข่าวใหม่ๆ ที่นายสั่งให้มันบินออกไปสังเกตเป็นพิเศษ นอกจากนกทั้งสองตัวนี่แล้ว เทพยังมีสัตว์เลี้ยงแสนรักเป็นหมาป่าอีกสองตัวชื่อ เกรี(Geri) และเฟรกี(Freki) ซึ่งมีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับเขามาก หมาป่าทั้งสองตัวมักจะคอยอยู่ข้างๆ นาย รับอาหารจำพวกเนื้อที่เขาเอามาวางไว้ตรงหน้าโอดิน ในเมื่อจอมเทพไม่กินเนื้อ สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังชีพในสวรรค์ได้เป็นอย่างดีคือเหล้าน้ำผึ้ง อาหารซึ่งมีให้กินอย่างไม่อั้นในวัลฮัลลา(Valhalla) โถงแห่งวิญญาณนักรบที่ได้รับเลือก 
       
       สิ่งที่โอดินมีไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่ง แต่เขายังมีปัญญา ซึ่งได้มาโดยการแลกเปลี่ยนตาขวากับความรู้เหล่านั้น... หลังจากที่โอดินกับน้องๆ ช่วยกันสร้างโลกจากร่างของอีเมอร์เสร็จแล้ว เขาก็ไปหามิมีร์ อารักษ์แห่งน้ำพุปัญญา ด้วยรู้ว่าน้ำที่นี่ หากใครได้ดื่มจะได้ความรู้สรรพวิชา รวมทั้งเห็นกาลในอนาคตอย่างชัดเจน ติดอยู่แต่ว่ามิมีร์ย่อมไม่ให้คนที่ไม่มีเหตุผลพอจะได้ดื่ม ได้ลิ้มรสน้ำจากแหล่งนี้
       
       โอดินถึงขนาดต้องอ้อนวอน อ้างว่าด้วยตำแหน่งราชาแห่งเทพ เขาจำเป็นต้องมีรอบรู้ไม่ว่าจะในศาสตร์ไหนเพื่อให้การปกครองของเขาราบรื่นที่สุด มิมีร์คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตกลงโดยมีข้อแลกเปลี่ยน เขาว่า หากโอดินต้องการความรู้มากจริงๆ จะต้องควักตาข้างหนึ่งออกมาแลกกับการดื่มน้ำครั้งเดียว แต่เพราะความกระหายในวิชาต่างๆ ทำให้โอดินไม่หยุดคิดอะไรต่อไป เขาควักตาข้างหนึ่งแลกกับน้ำซึ่งมิมีร์ตักใส่จอกส่งให้ มิมีร์นำดวงตาข้างนั้นของโอดินทิ้งลงในบ่อแลกกับความรู้ที่แฝงไปกับน้ำ
       
       "ดวงตาของโอดิน" ดวงกลมๆ สีเหลืองนวลยังคงอยู่กับบ่อน้ำทุกบ่อ น้ำทุกแหล่งในคืนวันเพ็ญมาจนทุกวันนี้ (ก็คือเงาสะท้อนของดวงจันทร์ในน้ำ ส่วนตาข้างที่เหลืออยู่ก็เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ไปโดยปริยาย)
       
       โอดินค่อยๆ ดื่มน้ำวิเศษผ่านลำคอ ความรู้ของสรรพวิชาต่างๆ ที่เขากระหายอยากได้ก็ค่อยๆไหลเข้าสู่ร่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องกวีนิพนธ์ ไสยเวทย์หรืออื่นใด จากนั้นเป็นต้นมาเทพองค์นี้จึงกลายเป็นเทพอุปถัมภ์ หมอดู กวีนิพนธ์และพ่อมดไปในทันที ทว่าสิ่งที่รวมมากับน้ำคือการเห็นอนาคตข้างหน้าที่เขาต้องการหนักหนากลับเป็นสิ่งที่เกินกว่าจะรับได้
       
       เพราะนอกจากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของจักรวาลและทุกสิ่งทุกอย่าง เห็นความตายของลูกรัก ยังได้เห็นช่วงเวลาจบสิ้นของทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นคือช่วง แรกนาร็อค ซึ่งภาพทุกภาพชัดเจนกระหน่ำอยู่ในหัวโอดินแค่ช่วงเสี้ยววินาที ชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไปทำให้ใบหน้าซึ่งเคยสดใสร่าเริงของโอดินหมองลง บางครั้งการรู้อนาคตล่วงหน้าก็ไม่ได้นำมาซึ่งความสุขเสมอไป เขากลายเป็นคนเงียบขรึมตั้งแต่นั้น ไม่กินอาหาร ดื่มแต่เฉพาะเหล้าน้ำผึ้ง เพื่อให้ความเมาสลายความทุกข์ลงไปบ้าง

       โชคชะตาของโอดิน

"I find no comfort in the shade  
Under the branch of the Great Ash. 
I remember the mist  of our ancient past. 
As I speak to you in the present, 
My ancient eyes see the terrible future. 

"Do you not see what I see?
Do you not hear death approaching? 

"The mournful cry of Giallr-horn 
shall shatter the peace  
And shake the foundation of heaven. 

"Raise up your banner  
And gather your noble company
from your great hall, …Father of the Slains.    
For you shall go to your destiny. 

"No knowledge can save you, 
And no magic will save you.  
For you will end up in Fenrir's belly,  
While heaven and earth will burn  
in Surt's unholy fire." 

- Doom of Odin,  

       ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ